อาจจะเพราะว่ามีความมั่นใจ นายท่านหลัวจึงตะโกนเสียงดังกึกก้อง“ช่วยด้วย มีการชิงตัวแม่หญิงเกิดขึ้น อนุของข้าหนีไปกับคนอื่นแล้ว”เสียงดังไร้ยางอายของเขาทำให้ผู้คนไม่น้อยหันมามองเนี่ยชิงหลานโกรธจัดจนตัวสั่นไปทั้งตัว กู้หว่านเยว่กำลังจะลงมือสั่งสอนบทเรียน แต่ทันใดนั้นก็มีร่างหนึ่งบุกเข้ามา แล้วทุบตีนายท่านหลัวอย่างดุเดือดพักหนึ่งเมื่อเห็นคนผู้นั้น เนี่ยชิงหลานก็ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง “พี่ใหญ่?!”คนผู้นี้คือเนี่ยเติ้งอย่างคาดไม่ถึงเห็นเพียงเนี่ยเติ้งลงมืออย่างไร้ความเมตตาใด ๆ หมัดเดียวก็ทำให้ฟันหน้าของนายท่านหลัวหลุดออก จากนั้นก็หิ้วตัวเขาออกไปข้างนอกราวกับถือลูกเจี๊ยบตัวน้อย“จับตัวเขาออกไปด้วยกัน”เนี่ยเติ้งชี้ไปที่หลัวเหอ ผู้ติดตามข้างกายจับตัวหลัวเหอออกไปทันทีเนี่ยชิงหลานรีบถกกระโปรงขึ้นไล่ตามออกไป กู้หว่านเยว่ก็พูดว่า “เราออกไปดูกันเถอะ”หลังจากเนี่ยเติ้งจับทั้งสองคนนั้นออกไปจากร้านอาหาร ก็โยนเข้าไปในตรอกเล็ก ๆ ทันที“เจ้าเป็นใครกัน?” นายท่านหลัวต้องการจะพูดอีก แต่กรามของเขาถูกเนี่ยเติ้งถอดกระดูกออกทันทีเนี่ยเติ้งยกมือขึ้น ต่อยเข้าที่ร่างนายท่านหลัวหมัดแล้วหมัดเล่า
“ทำไมล่ะ เขาเมินเฉยเจ้าหรือ?”สีหน้าของเนี่ยเติ้งเศร้าหมองจากจดหมายของกู้หว่านเยว่ เขาได้รับรู้ที่มาที่ไปของเรื่องราวทั้งหมดแล้ว และเมื่อรวมกับที่พ่อลูกสกุลหลัวพูดจาอย่างไม่เกรงใจ เขาก็พอจะคาดเดาได้ว่าน้องสาวต้องผ่านอะไรมาบ้าง“ไม่ใช่เจ้าค่ะ”เนี่ยชิงหลานส่ายหัว ขอบตาแดงขึ้นอีกครั้ง“ขึ้นรถม้าก่อน” เนี่ยเติ้งถอนหายใจอีกครั้ง พลางลูบศีรษะนางเนี่ยชิงหลานขึ้นรถม้าของเนี่ยเติ้งอย่างว่าง่าย กู้หว่านเยว่ถามด้วยความสนใจใคร่รู้“ว่าแต่ว่า ท่านอ๋องรู้ได้อย่างไรว่าพวกเราอยู่ในร้านอาหาร?”เนี่ยเติ้งเอ่ยด้วยความสัตย์จริง “จะว่าไปแล้วมันก็เป็นเรื่องบังเอิญ ข้าเพิ่งมาถึงเขาอินซาน ยังไม่มีที่พัก ก็ตั้งใจจะไปกินข้าวสักมื้อที่โรงเตี๊ยมก่อน แล้วค่อยสอบถามผู้คนว่าพวกท่านอยู่ที่ไหน ไม่นึกว่าจะได้พบกับพวกท่านเข้าพอดี”“พูดเช่นนี้แสดงว่าตอนนี้ท่านอ๋องยังไม่มีที่พักใช่หรือไม่?” กู้หว่านเยว่กล่าวอย่ากระตือรือร้น “เช่นนั้นท่านอ๋องก็ไปพักที่เรือนของเราดีกว่า ชิงหลานก็พักอยู่ที่นั่นพอดี”“ได้สิ ต้องขอรบกวนแล้ว” เนี่ยเติ้งตอบตกลงโดยไม่ต้องคิด“พวกเราจะนำทางอยู่ข้างหน้า ท่านให้คนดูแลม้าตามรถม้าของเราไ
“แล้วแต่ฮูหยินจะบัญชาเจ้าค่ะ”บางที นางควรจะบริหารตลาดมืดให้ดี ค้นหาอาชีพของตัวเอง“ตกลง” กู้หว่านเยว่ช่วยประคองนางขึ้นมา พลางยิ้มกล่าวว่า “เดี๋ยวข้าจะให้คนไปที่ตลาดมืดเพื่อแจ้งพ่อบ้านเหล่านั้น นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเจ้าจะเป็นผู้มีอำนาจอันดับสองของตลาดมืด เวลาที่ข้าไม่อยู่ พวกเขาต้องเชื่อฟังคำสั่งของเจ้า”กู้หว่านเยว่เอ่ยเตือนว่า “พ่อบ้านโจว เจ้าต้องคอยระวังเขาหน่อย”“เจ้าค่ะ”หลี่หรงหรงเข้าใจความหมายของนาง พลันเกิดความอาลัยอาวรณ์ขึ้นมา“ฮูหยิน ท่านจะจากไปเร็วขนาดนี้จริงหรือ?”ในช่วงเวลานี้ที่ได้ติดตามอยู่เคียงข้างกู้หว่านเยว่ ความจริงนางได้เรียนรู้อะไรมากมาย“บ่าวจะไม่ทำให้ฮูหยินผิดหวัง”หลังจากหลี่หรงหรงออกไปแล้ว ซูจิ่งสิงก็กลับมาอย่างรีบร้อน บอกว่าสัมภาระและรถม้าพร้อมหมดแล้ว สามารถออกเดินทางได้ทันที“ให้พวกข้าตามพวกท่านไปเจดีย์หนิงกู่ด้วยกันเถอะ”เนี่ยเติ้งเดินออกมาจากห้อง เนี่ยชิงหลานเดินตามเขาไปด้วยดวงตาแดงก่ำนางเพิ่งอธิบายเรื่องของเฉิงเซวียนให้เนี่ยเติ้งฟัง หลังจากเนี่ยเติ้งได้ฟังแล้ว ก็เคารพความคิดเห็นของเนี่ยชิงหลานน้องสาวของเขา ไม่สามารถใช้สามีร่วมกับหญิงอื่น
ระหว่างทั้งสอง แม้เพียงประโยคเดียวก็พูดกันดี ๆ ไม่ได้เลย“ชิงเหลียน ไปเปิดห้องสักสองสามห้อง”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่ง เฉิงเซวียนยังอยากจะพูดอะไรอีก เซี่ยเหอก็ลงมาจากชั้นบนด้วยสีหน้าระแวดระวัง พลางกุมมือของเฉิงเซวียนไว้“คุณหนูเนี่ย เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”“พวกเขาแค่บังเอิญผ่านมาที่นี่ ไม่ได้ตั้งใจมาตามหาข้า”เฉิงเซวียนรู้สึกปวดหัว ก่อนหน้านี้เขารู้สึกว่าว่าเซี่ยเหอใสซื่อไม่มีพิษภัย แต่หลายวันมานี้การได้อยู่ร่วมกันยิ่งทำให้รู้สึกว่าอีกฝ่ายนั้นรับมือยากเมื่อเขาไม่ทำตามความต้องการของนาง นางก็จะพูดถึงวันที่เขาเมาและครอบครองตัวนาง ทั้ง ๆ ที่เขาจำอะไรไม่ได้เลยหลายวันมานี้เฉิงเซวียนดูเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด “เซี่ยเหอ เจ้าอย่าคิดมาก”เขากลัวว่าเซี่ยเหอจะสร้างความเดือดร้อนให้เนี่ยชิงหลาน แต่ที่เนี่ยชิงหลานได้ยิน กลับเป็นว่าเขากำลังปกป้องเซี่ยเหออยู่“พี่ใหญ่เฉิง ในเมื่อท่านสัญญาว่าจะแต่งงานกับข้า ข้าหวังว่าท่านจะไม่ไปพัวพันกับหญิงอื่นไม่ยอมเลิกรา”เซี่ยเหอมองเนี่ยชิงหลานอย่างเป็นอริ ตั้งแต่เฉิงเซวียนรับปากจะแต่งงานกับนาง นางก็ยิ่งหาญกล้ามากขึ้น“ใครอนุญาตให้เจ้าพูดถึงน้องสาวของข้าแบบนี
ต่อให้นี่คือแมลงวันตัวหนึ่ง เขาก็ต้องฝืนใจกลืนแมลงวันตัวนี้ลงคอไป“เราขึ้นไปชั้นบนก่อนเถอะ ถ้าไม่มีอะไรก็อย่าออกมาเลย”แววตาของเฉิงเซวียนเศร้าหมอง สกุลเนี่ยลืมเขาไปแล้ว เขาหันหลังกลับขึ้นไปชั้นบนอย่างน่าสงสารแม้ว่าเซี่ยเหอจะรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ท่าทีที่เขามีต่อนางนั้นเลวร้าย แต่เมื่อคิดว่าตราบใดที่ไม่ออกจากห้องก็ไม่ต้องพบกับเนี่ยชิงหลานและคนอื่น ๆ ก็กลับรู้สึกสุขสบายใจ“พี่ใหญ่เฉิง ตอนนี้ท่านไม่ชอบข้าก็ไม่เป็นไร”“ขอเพียงท่านแต่งงานกับข้า ข้าจะทำให้ท่านตกหลุมรักข้าให้ได้”สิ่งที่นางมีก็คือเวลาและวิธีการมากมาย จิตใจของเซี่ยเหอนั้นเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน“ข้าจะทำให้ท่านลืมเนี่ยชิงหลาน ให้หัวใจและสายตาของท่านมีเพียงข้าคนเดียวเท่านั้น ขาดข้าไม่ได้อีกต่อไป คอยดูก็แล้วกัน”...หลังจากพวกเขาขึ้นไปชั้นบนแล้ว ข้างนอกก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งเข้ามา“เจ้าแน่ใจหรือว่าคนที่ประมูลสมุนไพรในตลาดมืดไปเมื่อวันก่อนพักอยู่ที่นี่?”ชายหนุ่มสีหน้าดูรังเกียจ นี่มันโรงเตี๊ยมอะไรกัน ฝุ่นจับเต็มไปหมด“พ่ะย่ะค่ะ”ถ้ากู้หว่านเยว่และคนอื่น ๆ อยู่ที่นี่ล่ะก็ จะต้องสังเกตเห็นว่าขันทีที่อยู่ข้างกายชายหนุ่ม
“ก็หมายความว่า พวกเขาจะมาอ้อนวอนข้า?”กู้หว่านเยว่ไม่ตื่นเต้นเลยแม้แต่น้อย ตรงข้ามกันหัวเราะออกมาแล้วอย่างไรเสียสมุนไพรอยู่ภายในมิติของนาง คนอื่นขโมยไปไม่ได้ซูจิ่งสิงยิ้มพลางส่ายหน้า เขาก็รู้น้องหญิงไม่เหมือนคนอื่น“ข้าให้คนไปดูพวกเขาแล้ว หากพวกเขาวู่วาม ข่าวย่อมถูกส่งมาในทันที”ลงท้ายก็เป็นคนของเชื้อพระวงศ์ ไม่ป้องกันไม่ได้“ได้”มีซูจิ่งสิงจับตามองอยู่ กู้หว่านเยว่วางใจมากนางเป็นตัวของตนเอง เข้าไปวิจัยเพื่อมอบให้ซ่งเสวี่ยเป็นของขวัญแต่งงานนางวางแผนมอบยาบำรุงสุขภาพและผิวพรรณหนึ่งชุด เพื่อบำรุงร่างกายและผิวพรรณหากทำตำรับยานี้ออกมา ก็สามารถนำไปขายที่ภายนอกได้แต่นางเองก็ใคร่ครวญอยู่ชั่วคราว เรื่องในมือมีมากเกินไป จะต้องค่อยเป็นค่อยไปช่วงเช้าผ่านไป บัดนี้อากาศร้อนมากยิ่งขึ้นแล้วกู้หว่านเยว่อยู่อย่างเย็นสบายภายในมิติ หลังออกมาแล้วก็ร้อนจนทนไม่ไหวนางหยิบน้ำบ๊วยแช่เย็นออกมา ก็ได้ยินเสียงโวยวายภายนอก“เกิดอะไรขึ้นหรือท่านพี่?”กู้หว่านเยว่เอ่ยถามอย่างแปลกใจ ก็ได้ยินเสียงร้องโอดครวญดังขึ้นระลอกหนึ่งซูจิ่งสิงโบกมือให้คนเปิดหน้าต่างออก“เป็นเซี่ยเหอ” ใบหน้าเย็นชา “เนี
สาวใช้ของนางเองก็ลำบากไม่แพ้กัน ชนิดที่ว่าถูกตีหนักยิ่งกว่าเซี่ยเหอเสียอีกยามออกเดินทาง ทั้งสองคนประคองพากันขึ้นรถม้าเฉิงเซวียนรังเกียจนางมากเกินไป ยินดีขี่ม้าแต่ไม่ยอมนั่งรถม้าคันเดียวกับพวกเขา“เซี่ยเหอคนนี้ยังมีหน้าตามพวกเราไป หวังหว่านางจะไม่ก่อปัญหาอะไรอีก”ชิงเหลียนค่อนขอดหนึ่งประโยค เนี่ยชิงหลานลอบมองเฉิงเซวียนภายนอกรถม้า“ไม่แน่”กู้หว่านเยว่คิดว่านางจะต้องสร้างปัญหาอีกแน่ ไม่มีวันยอมแพ้อย่างง่ายดายรถม้าเดินทางไปได้ระยะหนึ่ง ก็มีคนหนึ่งกลุ่มไล่ตามมาไม่ผิดไปดังคาด ก็คือขันทีที่โรงเตี๊ยมก่อนหน้านี้“พวกเจ้าเป็นใคร เหตุใดจึงขวางทาง?”ชิงเหลียนเอ่ยถามหนึ่งประโยค ฉินกงกงยิ้มตาหยีพูดว่า “ขอถามฮูหยินในรถม้า เมื่อหลายวันก่อนฝากขายสมุนไพรสองสามชนิดที่ตลาดมืดใช่หรือไม่?”“ชิงเหลียน”กู้หว่านเยว่ร้องเรียก ชิงเหลียนรีบถอยออกไป นางยิ้มพลางเปิดม่านรถม้า“ข้าเป็นคนฝากขายสมุนไพรในตลาดมืดจริงนั่นล่ะ”นางหยั่งเดาได้แล้วว่าสองสมคนนี้มาด้วยเหตุใด“นายน้อยของพวกเราต้องการสมุนไพรสองสามชนิด ไม่รู้ว่าภายในมือฮูหยินมีหรือไม่หากฮูหยินมีแล้วล่ะก็ สามารถขายให้พวกเราได้หรือไม่?”ท่าที
ฉินกงกงหลบเลี่ยงสายตา เด็กหนุ่มคนนั้นกระโดดลงจากรถม้า เดินองอาจผ่าเผยเข้ามา“หากพวกเจ้ามียาฟื้นคืนจิตวิญญาณ ก็รีบมอบออกมา หาไม่แล้วข้าจะค้นตัว”กู้หว่านเยว่สบมองเขาแวบหนึ่ง คนผู้นี้ช่างยโสโอหังโดยแท้แต่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว นางกลับพบความผิดปกติ“เจ้าเป็นสตรี?”ถูกเอ่ยเตือน ซูจิ่งสิงรู้ฐานะของอีกฝ่ายในทันใด“ท่านหญิงฉางเล่อ?”“เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”สีหน้าเด็กหนุ่มเปลี่ยนไป รีบปิดหน้าของตน เห็นได้ชัดว่าเขาลอบหนีออกมา“ท่านหญิงฉางเล่อเป็นใคร?”กู้หว่านเยว่รู้จักเชื้อพระวงศ์ของต้าฉีไม่มาก ซูจิ่งสิงอธิบายอย่างใจเย็น“ท่านหญิงฉางเล่อเป็นลูกสาวขององค์หญิงใหญ่” เขากระซิบข้างโสตกู้หว่านเยว่เสียงค่อย “องค์หญิงใหญ่ก็คือพี่สาวแท้ๆ ของบิดาข้า”องค์หญิงใหญ่และอดีตรัชทายาทเป็นพี่น้องต่างมารดา หลังอดีตองค์รัชทายาทสิ้นพระชนม์ ฮ่องเต้ชั่วขึ้นครองบัลลังก์ องค์หญิงใหญ่ก็ถอยห่างออกจากราชสำนัก ไม่ข้องเกี่ยวกับโลกภายนอกมานานมากแล้วคิดไม่ถึงว่าจะได้พบลูกสาวของนางที่นี่“นางเป็นญาติผู้น้องของท่าน?”กู้หว่านเยว่แสยะยิ้มของทางมู่หรงฉางเล่อ น้องหญิงเล็กนี่เอง“ในเมื่อพวกเจ้ารู้ว่าข้าเป็นท่านหญิงแ
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้
ตอนนี้เอง กู้หว่านเยว่ปรากฏตัวออกจากที่ลับอย่างว่องไว เล่นงานคนชุดดำสองคนจนล้มลงไป“แย่แล้ว มีกับดัก!”คนชุดดำที่เหลือเห็นกู้หว่านเยว่มีวิชายุทธ์สูง เวลาเพียงชั่วพริบตาก็สามารถล้มสหายสองคนของพวกเขาได้ หันหลังเตรียมหนีโดยไม่ยั้งคิด“คิดหนีตอนนี้ ไม่สายเกินไปหรือ?”กู้หว่านเยว่พุ่งตัวไปที่หน้าประตูกระโจม สาดผงยาพิษใส่พวกเขา“มีพิษ!”ทำให้กู้หว่านเยว่แปลกใจก็คือหัวหน้าคนชุดดำมีท่าทีตอบสนองอย่างว่องไวและกลั้นหายใจได้ทันท่วงที หลบหลีกผงยาพิษของนาง“ดูท่าแล้วพวกเจ้าแต่ละคนล้วนเป็นปรมาจารย์ใช้ยาพิษสินะ”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง หยิบกระบองไฟฟ้าอันหนึ่งออกจากมิติจากนั้นเหินบินขึ้นไป เหวี่ยงกระบองไฟฟ้าใส่ร่างพวกเขาชั่วขณะแตะโดนกระบองไฟฟ้า พวกเขาเพียงรู้สึกชาไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย เบื้องหน้ามืดมิด ชักกระตุกระลอกหนึ่งแล้วล้มลงบนพื้นหลังมั่นใจว่าคนชุดดำทั้งห้าหมดสติไปแล้ว กู้หว่านเยว่ถึงเก็บกระบองไฟฟ้า หันหลังเดินไปทางเกาเจี้ยน“แม่ทัพใหญ่เกา! ตื่นๆ รีบตื่นเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่ผลักไหล่ของเกาเจี้ยน เห็นเขายังไร้ท่าทีตอบสนอง ดึงแขนเสื้อขึ้น ออกแรงตบหน้าของเขาเกาเจี้ยนกำลังหลับฝันหวาน สั
กู้หว่านเยว่อ่านความคิดของเขาออก ยื่นมือออกไปหนึ่งข้าง ดึงคางของเขาออก จากนั้นยกขาหนึ่งข้างเหยียบหลังของเขาไว้และกดลงบนพื้น“สงบเสงี่ยมสักหน่อย หาไม่แล้วจะฆ่าเจ้า!”กู้หว่านเยว่พูดเตือนหนึ่งประโยคคนชุดดำอยากพูดอะไร แต่เพราะคางถูกดึงออกแล้ว ไม่สามารถพูดออกมาได้แม้ครึ่งประโยค ทำได้เพียงหันหน้า ใช้สายตาโหดเหี้ยมสบมองกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่กลับไม่ตามใจเขา เหวี่ยงหมัดใส่เขาแรงๆ ทีหนึ่ง“มองอะไร ไม่เคยเห็นหญิงงามหรือ? รีบก้มหน้าให้ข้าดีๆ”คนชุดดำถูกหมัดนี้ของกู้หว่านเยว่ต่อยจนสันจมูกหัก เลือดพุ่ง เขาก้มหน้าลงไปด้วยความเจ็บปวดผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก“ข้าถามเจ้า ดึกดื่นค่ำมืดพวกเจ้ามาทำอันใดที่ค่ายของต้าฉีข้า? พวกเจ้ามีเป้าหมายอะไร? วางแผนเช่นไร?”เพราะเวลากระชั้นชิด กู้หว่านเยว่กังวลคนหนานเจียงยังมีแผนอื่นอีก ไม่พูดเหลวไหลกับคนชุดดำอีก หยิบยาพูดความจริงออกจากมิติและป้อนคนชุดดำ“พวกเราได้รับคำสั่งจากฮองเฮา ล่วงหน้ามาฆ่าชวีเฟิง”กู้หว่านเยว่ชะงักเล็กน้อย“พวกเจ้ารู้ข่าวว่าชวีเฟิงทรยศพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”คิดไม่ถึงเลยว่าหูตาของคนหนานเจียงจะว่องไวถึงเพียงนี้“
“ข้านึกขึ้นได้ว่าลืมมอบของบางอย่างให้คุณชายอวิ๋น พวกเจ้าช่วยนำของสิ่งนี้กลับไปมอบให้เขาเถอะ”กู้หว่านเยว่หยิบขวดน้ำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ออกจากใต้วงแขนหนึ่งในทหารชะงักไป พูดเสนอขึ้นว่า “ขวดเล็กๆ เพียงขวดเดียว ไม่ถึงขั้นต้องให้พวกเราสิบคนกลับไปพร้อมกันหรอกกระมัง หากพวกเรากลับไปทั้งหมด ก็ไม่มีคนปกป้องฮองเฮาแล้ว”“เอาเช่นนี้เถอะ ข้าน้อยจะนำของสิ่งนี้กลับไปให้คุณชายอวิ๋นเอง คนที่เหลืออยู่ติดตามท่านไปข้างหน้า ท่านคิดเห็นเช่นไร?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า เหตุที่นางให้พวกเขานำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์กลับไปก็เพราะต้องการสลัดพวกเขาทิ้งและใช้การเทเลพอร์ตหากพวกเขาตามอยู่ข้างหลัง นางจะเทเลพอร์ตได้เยี่ยงไร?“ฟังคำสั่งของข้า พวกเจ้ากลับไปก่อน ข้าไปหาเกาเจี้ยนคนเดียวก็พอ ครั้นถึงที่หมายข้าจะปล่อยพลุสัญญาณให้พวกเจ้า”“พวกเจ้าเห็นพลุสัญญาณแล้วก็รีบพาทุกคนมา”เสียงกู้หว่านเยว่เคร่งขรึมลง ไม่อนุญาตให้ทัดทานเหล่าทหารต่างสบตากัน สุดท้ายพยักหน้าลงและคุกเข่า“น้อมรับคำสั่งฮองเฮา”“พวกเจ้าไปเถอะ”กู้หว่านเยว่โบกมือ สิบคนลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกัน พลิกตัวขึ้นม้าและย้อนกลับทางเดินเพื่อไปหาอวิ๋นมู่รอจนกระทั่งเงาร
เกาเจี้ยนค้อนตาขาวใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง บัดนี้ชวีเฟิงยังเป็นนักโทษคนหนึ่ง เขาต้องจับตามองเอาไว้ให้ดี ป้องกันไม่ให้เขาหนีไป“พวกเราผู้ชายตัวโตสองคน จะนอนด้วยกันได้เยี่ยงไร?”ชวีเฟิงขมวดคิ้ว ทำเสียจนเกาเจี้ยนพูดไม่ออก“ข้าไม่รังเกียจเจ้า เจ้ายังกล้ารังเกียจข้าอีกนะ ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษ พูดมากถึงเพียงนี้ทำอันใด? เร็วๆ เข้าไป”ชวีเฟิงจนใจ ทำได้เพียงตามเกาเจี้ยนเข้ากระโจมไปพร้อมกัน เขาบีบจมูกของตนแน่น เกือบสำลักตายเพราะกลิ่นเท้าเหม็นของเกาเจี้ยน“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องอีกมาก”เกาเจี้ยนหยิบถุงแพรออกจากอก นั่นคือลั่วยางเย็บให้เขา เขาวางไว้บนริมฝีปากและจุมพิตลงไปสองที จากนั้นเก็บกลับเข้าวงแขนคล้ายสมบัติล้ำค่าก็มิปาน ทิ้งตัวลงนอนหลับไปชวีเฟิงบีบจมูกของตน จากนั้นนอนหลับไปท่ามกลางความอึดอัดท่ามกลางความมืด คนชุดดำหนึ่งกลุ่มลอบเข้าใกล้ค่ายใหญ่“คำสั่งของฮองเฮา จะต้องฆ่าชวีเฟิงไอ้คนทรยศคนนี้ให้ได้”ขณะเดียวกัน ระหว่างเร่งเดินทางมายังหนานเจียง กู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า มองทางอวิ๋นมู่อย่างกังวลแวบหนึ่ง“เจ้าไม่เป็นไรกระมัง จะหยุดพักผ่อนก่อนสักครู่หรือไม่?”เร่งเดินทางมาหลาย
“แม่ทัพใหญ่เกา เรื่องคำสัญญาของต้าฉีย่อมไม่อาจบิดพลิ้วได้กระมัง?”มองบ้านเกิดที่เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ชวีเฟิงเลียริมฝีปาก เอ่ยถามอย่างไม่วางใจ“รีบร้อนอะไร หรือว่าราชสำนักยังจะหลอกเจ้าอีกกระนั้น? วางใจได้ ตราบใดเจ้าช่วยต้าฉีกำราบหนานเจียง ถึงตอนนั้นเผ่าของเจ้าย่อมได้รับการปฏิบัติอย่างดีเป็นพิเศษ”ภายในก้นบึ้งสายตาของเกาเจี้ยนเผยแววอึ้งงันเมื่อสิบวันก่อนคนถูกกักบริเวณที่เจดีย์หนิงกู่อย่างชวีเฟิงได้ยินว่าต้าฉีและหนานเจียงแตกหักกัน โวยวายจะขอเข้าพบซูจิ่งสิงให้ได้องครักษ์จันทราเอือมระอา จึงพาเขาออกจากเจดีย์หนิงกู่มายังเมืองหลวงชั่วขณะชวีเฟิงได้พบซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ ก็เผยท่าทีออกมาอย่างชัดเจนว่ายอมออกแรงเพื่อต้าฉี ขอเพียงต้าฉีปล่อยเขา ไม่ขังเขาไว้ที่เจดีย์หนิงกู่อีกคนผู้นี้ฉลาดมีไหวพริบยิ่งนัก ยังเสนออีกว่าหากเสร็จเรื่องแล้ว เขาอยากเป็นหัวหน้าตระกูลชวี เช่นนี้แล้ว ก็ไม่มีใครกล้าว่าเขาเรื่องสวามิภักดิ์ตาฉีอีกแม้ว่าพวกเขามีความมั่นใจว่าจะชนะ สามารถเอาชนะหนานเจียงได้ แต่มีคนนำทาง สามารถลดการบาดเจ็บล้มตายของทหารได้ ก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งดังนั้นหลังซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว
บัดนี้เห็นอยู่ว่าหนานเจียงของเราแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เหตุใดยังต้องทนต่อไปอีกเล่า?”ฮองเฮามีความทะเยอทะยานอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ขึ้นสู่ตำแหน่งก็มุ่งมั่นบริหารจัดการบ้านเมือง จัดตั้งกองกำลังลับขึ้นมาหนึ่งหน่วยโดยเฉพาะ เพื่อเพาะเลี้ยงแมลงพิษและหนอนกู่อย่างลับ ๆ ความคิดของนางแตกต่างจากผู้นำคนก่อน ๆ ที่หลีกเร้นจากโลกภายนอก นางอยากจะได้ดินแดนและความมั่งคั่งของต้าฉีมิฉะนั้น เพียงแค่เพราะเฟิ่งหมิงกวง เป็นไปไม่ได้ที่ฮองเฮาหนานเจียงจะทรงยินยอมให้ส่งกองทัพไปยังต้าฉี“ความคิดของฮองเฮาพวกกระหม่อมย่อมทราบดี เพียงแต่ซูจิ่งสิงผู้นี้ เดิมเป็นแม่ทัพไร้พ่าย กองกำลังใต้บังคับบัญชาก็มีพลังรบเหนือชั้น ได้ยินมาว่าพวกเขามีดินปืนใช้ด้วย หากต้องรบกันจริง ๆ พวกกระหม่อมเกรงว่าจะมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าผู้อาวุโสต่างมีสีหน้าวิตกกังวล“ก่อนหน้านี้ พวกเราได้ส่งกองกำลังไปหยั่งเชิงแล้ว ผลปรากฏว่าไม่เพียงแต่กองกำลังนั้นจะถูกทำลายสิ้นทั้งกองทัพ แต่ยังต้องสูญเสียทั้งองค์หญิงใหญ่และคุณชายชวีเฟิงไปด้วยเห็นได้ว่าซูจิ่งสิงนั้นมีกำลังและความสามารถจริง ๆ พวกเราต้องป้องกันไว้พ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาแค่นเสียงเย็น
กู้หว่านเยว่พินิจมองบุตรชายอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ข้าว่าเข้าท่า ให้ราชครูโจวมาสอนขั้นพื้นฐานให้เขา สอนเขาอ่านหนังสือ”อ่านหนังสือ?เสี่ยวจ้านจ้านทำหน้ายู่ จมูกและตาย่นเข้าหากันแล้วอยู่ดี ๆ เหตุใดจึงพูดเรื่องเรียนหนังสือขึ้นมา?เขาไม่อยากเรียนหนังสือ เขายังเป็นแค่เจ้าเด็กตัวน้อยอยู่เลย“มะ ไม่เรียน...”เสี่ยวจ้านจ้านโบกมือเล็ก ๆ เป็นเชิงปฏิเสธกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จ้านจ้านเด็กดี ให้ราชครูโจวสอนเจ้าอ่านหนังสือนะ เขาเป็นถึงอาจารย์ของเสด็จปู่เชียวนะ ความรู้มากมายนัก”“มะ ไม่เรียน...ข้าจะกลับบ้าน!”เสี่ยวจ้านจ้านดิ้นขาไปมา คราวนี้แม้แต่ท่านแม่ก็ไม่ต้องการให้อุ้มแล้วเขาได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจเหตุใดคนเราต้องเรียนหนังสือกันนะ?ซูจิ่งสิงคว้าตัวบุตรชายมา สีหน้าเคร่งขรึม “อย่างไรก็ต้องเรียนหนังสือ ถึงเวลานั้น พ่อจะหาสหายร่วมศึกษามาให้เจ้าสักสองสามคน ให้มาเรียนหนังสือกับเจ้า”“อ๊ะ!”เสี่ยวจ้านจ้านหน้าเจื่อน สลดลงอย่างสิ้นเชิงเหตุใดเขาต้องปรากฏตัวด้วย เขาอยากจะหายตัวไปเหลือเกิน“ท่านพี่ ท่านคิดจะหาเด็กคนไหนมาเป็นสหายร่วมศึกษาให้ลูกเราบ้าง?” สองสามีภรรยาล
“เข้าใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ตามต่อไปเถอะ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยกลับมารายงาน”“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จันทราออกไปแล้ว“น้องหญิง เจ้าสงสัยว่าฐานะของหญิงสาวผู้นี้ไม่ธรรมดาหรือ?”“ถูกต้อง ท่านยังจำตอนที่เราพบหญิงสาวผู้นี้ที่โรงเตี๊ยมได้หรือไม่ ตอนนั้นข้าเหลือบไปเห็นใบหน้าของนาง ดูไม่ค่อยเหมือนชาวต้าฉีเท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของนางยังแฝงไปด้วยความสูงศักดิ์อยู่บ้าง ยิ่งดูไม่เหมือนสามัญชนทั่วไป”กู้หว่านเยว่สงสัยว่าหญิงสาวผู้นั้นมาจากต่างแคว้นทว่า นางสังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว หญิงสาวผู้นั้นไม่มีวรยุทธ์“ท่านพี่ ความคิดของข้าคืออย่าเพิ่งจับนางกลับมา ให้คนคอยจับตาดูนางอย่างลับ ๆ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยจับนางกลับมาก็ยังไม่สาย ไม่แน่ว่าอาจสามารถล่อศัตรูออกมาด้วยก็ได้”ซูจิ่งสิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ตกลง เอาตามที่เจ้าว่า”ความคิดของเขาเหมือนกับกู้หว่านเยว่หากสตรีผู้นี้ไม่ใช่ชาวต้าฉี เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นไส้ศึกที่แคว้นอื่นส่งมาเก็บตัวนางไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะล่อให้ไส้ศึกคนอื่นปรากฏตัวออกมาได้ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน อาหารมื้อหนึ่งก็ทานหมดพอดีก