รถม้าสองคันออกเดินทางพร้อมกัน ไม่นานก็ออกจากชานเรือนมาถึงด้านหน้าของร้านอาหารแห่งหนึ่งถังหมิงรุ่ยสมกับที่เติบโตมาในเขาอินซาน รู้จักร้านอาหารที่นี่อย่างทะลุปรุโปร่ง ได้พาพวกเขามาที่ร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่“ร้านอาหารแห่งนี้มีอาหารขึ้นชื่อมากมาย เราขึ้นไปเหมาห้องส่วนตัวที่ชั้นสองกันเถอะ”จะเห็นได้ว่าถังหมิงรุ่ยน่าจะเป็นลูกค้าประจำของที่นี่ ทันทีที่เข้ามาเจ้าของร้านก็พาพวกเขาขึ้นมาที่ชั้นสองอย่างกระตือรือร้นถังหมิงรุ่ยรับรายการอาหารจากมือของเจ้าของร้าน“ทุกท่านลองดูก่อน อาหารขึ้นชื่อหลักของเขาอินซานของเราก็คือแกะย่างทั้งตัวและเหล้านมม้า ยังมีผักป่าอีกมากมายที่บรรดาคนเลี้ยงสัตว์เก็บมาจากทุ่งหญ้า”เดิมทีหลี่หรงหรงก็เติบโตมาในเขาอินซาน ดังนั้นจึงไม่ค่อยสนใจอาหารขึ้นชื่อเหล่านี้ อาหารเหล่านี้นางกินมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว แต่คนอื่นนั้นไม่เหมือนกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งเนี่ยชิงหลาน การได้เห็นอาหารเหล่านี้มันช่างแปลกหูแปลกตาจริง ๆ“หญ้ากันลมนี่คือผักอะไรกัน? ฟังดูน่าสนใจดี”“หญ้ากันลมเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่ง สามารถดับร้อนและขับพิษได้ คนเลี้ยงสัตว์ในท้องถิ่นค้นพบโดยบังเอิญว่าสมุ
ความอบอุ่นและจริงใจของผู้ชาย แววตาที่จริงใจ เป็นสิ่งที่เวินทิงอวิ๋นไม่เคยมีมาก่อน“มาสิ” แก้วเหล้าของหลี่หรงหรงชนแก้วของเขาเบา ๆบางทีนางอาจจะลองเปิดใจจริง ๆ ลืมเรื่องในอดีต และยอมรับคนใหม่เพราะถึงอย่างไรชายชั่วช้าในอดีตก็ถูกฆ่าตายด้วยมือของนางเองแล้ว แล้วนางยังจะปิดหัวใจตัวเองไปตลอดชีวิตเพราะความผิดพลาดของผู้อื่นอย่างนั้นหรือ?เมื่อคิดถึงตรงนี้ จิตใจของหลี่หรงหรงก็สงบลงมาก เมื่อเผชิญหน้ากับถังหมิงรุ่ย รอยยิ้มก็เปลี่ยนไปแม้ว่านางจะไม่ได้พูดอะไร แต่ถังหมิงรุ่ยก็สัมผัสได้อย่างฉับไวว่าท่าทีของหลี่หรงหรงที่มีต่อเขาได้เปลี่ยนไปแล้ว เริ่มยอมรับเขาบ้างแล้วการตระหนักรู้ครั้งนี้ทำให้ถังหมิงรุ่ยอดยิ้มออกมาไม่ได้ ความสุขเอ่อล้นภายในใจแน่นอนว่าเขาก็ไม่ได้ลำพองใจด้วยเรื่องนี้ กลับกันนั้นยิ่งสงสารหลี่หรงหรงมากขึ้น เขามองออกว่าเกิดอะไรขึ้นกับนางพวกเขารับประทานอาหารอย่างค่อยเป็นค่อยไป บรรยากาศดีขึ้นเรื่อย ๆ และในขณะนี้เองก็มีเสียงที่ไม่เหมาะแก่เวลาดังขึ้นข้าง ๆ“คุณหนูชิง เป็นเจ้าจริงหรือ?”เนี่ยชิงหลานหันหน้าไป และพบใบหน้าที่คุ้นเคยนางยังไม่ทันตั้งสติโต้ตอบ อีกฝ่ายก็รีบเข้ามาคว้ามือน
หลี่หรงหรงมองตามหลังหลัวเหอ พลางเอ่ยเตือนสติว่า “สายตาของคนคนนี้ไม่ชอบมาพากล เกรงว่าอาจจะมีการเคลื่อนไหวตามมา”กู้หว่านเยว่ก็เห็นเช่นกัน พลางโบกมือให้ชิงเหลียนเข้ามา“ตามเขาไป ดูว่าเขาคิดจะเล่นตุกติกอะไรอยู่”“เจ้าค่ะ ฮูหยิน”ชิงเหลียนเดินตามไปอย่างเงียบ ๆ เนี่ยชิงหลานกระสับกระส่ายเล็กน้อย หมดอารมณ์ที่จะรับประทานอาหารหลังจากนั้นไม่นาน ชิงเหลียนก็กลับมา“ฮูหยิน ท่านคาดเดาถูกแล้ว หลังจากที่หลัวเหอออกจากร้านอาหารก็ไปหานายท่านหลัว ตอนนี้เขาพานายท่านหลัวมาแล้ว”“เจ้าคนต่ำช้าผู้นี้!”เนี่ยชิงหลานโกรธจัดจนเหลือทน มองไปทางกู้หว่านเยว่ด้วยความกังวล “พี่หญิงกู้ สกุลหลัวมีอิทธิพลมากในเขาอินซาน หรือว่าข้าควรจะซ่อนตัวก่อนดีไหม?”นางไม่อยากทำให้กู้หว่านเยว่เดือดร้อนไปด้วย รู้สึกหนักใจอยู่เสมอเวลาที่ออกมาข้างนอก หากเป็นในเขตเหอตง สกุลหลัวคงได้ตายนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว“จะไปไหนเล่า”ริมฝีปากของกู้หว่านเยว่แย้มรอยยิ้มเยาะขึ้น สกุลหลัวรนหาที่ตายเอง นางกำลังคันไม้คันมืออยู่พอดี“เจ้าต้องการแก้แค้นมิใช่หรือ เวลานี้สบโอกาสแล้ว”เนี่ยชิงหลานได้ยินดังนั้นก็โยนความวิตกกังวลทิ้งไป พลางพยักหน้าพร้อมก
อาจจะเพราะว่ามีความมั่นใจ นายท่านหลัวจึงตะโกนเสียงดังกึกก้อง“ช่วยด้วย มีการชิงตัวแม่หญิงเกิดขึ้น อนุของข้าหนีไปกับคนอื่นแล้ว”เสียงดังไร้ยางอายของเขาทำให้ผู้คนไม่น้อยหันมามองเนี่ยชิงหลานโกรธจัดจนตัวสั่นไปทั้งตัว กู้หว่านเยว่กำลังจะลงมือสั่งสอนบทเรียน แต่ทันใดนั้นก็มีร่างหนึ่งบุกเข้ามา แล้วทุบตีนายท่านหลัวอย่างดุเดือดพักหนึ่งเมื่อเห็นคนผู้นั้น เนี่ยชิงหลานก็ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง “พี่ใหญ่?!”คนผู้นี้คือเนี่ยเติ้งอย่างคาดไม่ถึงเห็นเพียงเนี่ยเติ้งลงมืออย่างไร้ความเมตตาใด ๆ หมัดเดียวก็ทำให้ฟันหน้าของนายท่านหลัวหลุดออก จากนั้นก็หิ้วตัวเขาออกไปข้างนอกราวกับถือลูกเจี๊ยบตัวน้อย“จับตัวเขาออกไปด้วยกัน”เนี่ยเติ้งชี้ไปที่หลัวเหอ ผู้ติดตามข้างกายจับตัวหลัวเหอออกไปทันทีเนี่ยชิงหลานรีบถกกระโปรงขึ้นไล่ตามออกไป กู้หว่านเยว่ก็พูดว่า “เราออกไปดูกันเถอะ”หลังจากเนี่ยเติ้งจับทั้งสองคนนั้นออกไปจากร้านอาหาร ก็โยนเข้าไปในตรอกเล็ก ๆ ทันที“เจ้าเป็นใครกัน?” นายท่านหลัวต้องการจะพูดอีก แต่กรามของเขาถูกเนี่ยเติ้งถอดกระดูกออกทันทีเนี่ยเติ้งยกมือขึ้น ต่อยเข้าที่ร่างนายท่านหลัวหมัดแล้วหมัดเล่า
“ทำไมล่ะ เขาเมินเฉยเจ้าหรือ?”สีหน้าของเนี่ยเติ้งเศร้าหมองจากจดหมายของกู้หว่านเยว่ เขาได้รับรู้ที่มาที่ไปของเรื่องราวทั้งหมดแล้ว และเมื่อรวมกับที่พ่อลูกสกุลหลัวพูดจาอย่างไม่เกรงใจ เขาก็พอจะคาดเดาได้ว่าน้องสาวต้องผ่านอะไรมาบ้าง“ไม่ใช่เจ้าค่ะ”เนี่ยชิงหลานส่ายหัว ขอบตาแดงขึ้นอีกครั้ง“ขึ้นรถม้าก่อน” เนี่ยเติ้งถอนหายใจอีกครั้ง พลางลูบศีรษะนางเนี่ยชิงหลานขึ้นรถม้าของเนี่ยเติ้งอย่างว่าง่าย กู้หว่านเยว่ถามด้วยความสนใจใคร่รู้“ว่าแต่ว่า ท่านอ๋องรู้ได้อย่างไรว่าพวกเราอยู่ในร้านอาหาร?”เนี่ยเติ้งเอ่ยด้วยความสัตย์จริง “จะว่าไปแล้วมันก็เป็นเรื่องบังเอิญ ข้าเพิ่งมาถึงเขาอินซาน ยังไม่มีที่พัก ก็ตั้งใจจะไปกินข้าวสักมื้อที่โรงเตี๊ยมก่อน แล้วค่อยสอบถามผู้คนว่าพวกท่านอยู่ที่ไหน ไม่นึกว่าจะได้พบกับพวกท่านเข้าพอดี”“พูดเช่นนี้แสดงว่าตอนนี้ท่านอ๋องยังไม่มีที่พักใช่หรือไม่?” กู้หว่านเยว่กล่าวอย่ากระตือรือร้น “เช่นนั้นท่านอ๋องก็ไปพักที่เรือนของเราดีกว่า ชิงหลานก็พักอยู่ที่นั่นพอดี”“ได้สิ ต้องขอรบกวนแล้ว” เนี่ยเติ้งตอบตกลงโดยไม่ต้องคิด“พวกเราจะนำทางอยู่ข้างหน้า ท่านให้คนดูแลม้าตามรถม้าของเราไ
“แล้วแต่ฮูหยินจะบัญชาเจ้าค่ะ”บางที นางควรจะบริหารตลาดมืดให้ดี ค้นหาอาชีพของตัวเอง“ตกลง” กู้หว่านเยว่ช่วยประคองนางขึ้นมา พลางยิ้มกล่าวว่า “เดี๋ยวข้าจะให้คนไปที่ตลาดมืดเพื่อแจ้งพ่อบ้านเหล่านั้น นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเจ้าจะเป็นผู้มีอำนาจอันดับสองของตลาดมืด เวลาที่ข้าไม่อยู่ พวกเขาต้องเชื่อฟังคำสั่งของเจ้า”กู้หว่านเยว่เอ่ยเตือนว่า “พ่อบ้านโจว เจ้าต้องคอยระวังเขาหน่อย”“เจ้าค่ะ”หลี่หรงหรงเข้าใจความหมายของนาง พลันเกิดความอาลัยอาวรณ์ขึ้นมา“ฮูหยิน ท่านจะจากไปเร็วขนาดนี้จริงหรือ?”ในช่วงเวลานี้ที่ได้ติดตามอยู่เคียงข้างกู้หว่านเยว่ ความจริงนางได้เรียนรู้อะไรมากมาย“บ่าวจะไม่ทำให้ฮูหยินผิดหวัง”หลังจากหลี่หรงหรงออกไปแล้ว ซูจิ่งสิงก็กลับมาอย่างรีบร้อน บอกว่าสัมภาระและรถม้าพร้อมหมดแล้ว สามารถออกเดินทางได้ทันที“ให้พวกข้าตามพวกท่านไปเจดีย์หนิงกู่ด้วยกันเถอะ”เนี่ยเติ้งเดินออกมาจากห้อง เนี่ยชิงหลานเดินตามเขาไปด้วยดวงตาแดงก่ำนางเพิ่งอธิบายเรื่องของเฉิงเซวียนให้เนี่ยเติ้งฟัง หลังจากเนี่ยเติ้งได้ฟังแล้ว ก็เคารพความคิดเห็นของเนี่ยชิงหลานน้องสาวของเขา ไม่สามารถใช้สามีร่วมกับหญิงอื่น
ระหว่างทั้งสอง แม้เพียงประโยคเดียวก็พูดกันดี ๆ ไม่ได้เลย“ชิงเหลียน ไปเปิดห้องสักสองสามห้อง”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่ง เฉิงเซวียนยังอยากจะพูดอะไรอีก เซี่ยเหอก็ลงมาจากชั้นบนด้วยสีหน้าระแวดระวัง พลางกุมมือของเฉิงเซวียนไว้“คุณหนูเนี่ย เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”“พวกเขาแค่บังเอิญผ่านมาที่นี่ ไม่ได้ตั้งใจมาตามหาข้า”เฉิงเซวียนรู้สึกปวดหัว ก่อนหน้านี้เขารู้สึกว่าว่าเซี่ยเหอใสซื่อไม่มีพิษภัย แต่หลายวันมานี้การได้อยู่ร่วมกันยิ่งทำให้รู้สึกว่าอีกฝ่ายนั้นรับมือยากเมื่อเขาไม่ทำตามความต้องการของนาง นางก็จะพูดถึงวันที่เขาเมาและครอบครองตัวนาง ทั้ง ๆ ที่เขาจำอะไรไม่ได้เลยหลายวันมานี้เฉิงเซวียนดูเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด “เซี่ยเหอ เจ้าอย่าคิดมาก”เขากลัวว่าเซี่ยเหอจะสร้างความเดือดร้อนให้เนี่ยชิงหลาน แต่ที่เนี่ยชิงหลานได้ยิน กลับเป็นว่าเขากำลังปกป้องเซี่ยเหออยู่“พี่ใหญ่เฉิง ในเมื่อท่านสัญญาว่าจะแต่งงานกับข้า ข้าหวังว่าท่านจะไม่ไปพัวพันกับหญิงอื่นไม่ยอมเลิกรา”เซี่ยเหอมองเนี่ยชิงหลานอย่างเป็นอริ ตั้งแต่เฉิงเซวียนรับปากจะแต่งงานกับนาง นางก็ยิ่งหาญกล้ามากขึ้น“ใครอนุญาตให้เจ้าพูดถึงน้องสาวของข้าแบบนี
ต่อให้นี่คือแมลงวันตัวหนึ่ง เขาก็ต้องฝืนใจกลืนแมลงวันตัวนี้ลงคอไป“เราขึ้นไปชั้นบนก่อนเถอะ ถ้าไม่มีอะไรก็อย่าออกมาเลย”แววตาของเฉิงเซวียนเศร้าหมอง สกุลเนี่ยลืมเขาไปแล้ว เขาหันหลังกลับขึ้นไปชั้นบนอย่างน่าสงสารแม้ว่าเซี่ยเหอจะรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ท่าทีที่เขามีต่อนางนั้นเลวร้าย แต่เมื่อคิดว่าตราบใดที่ไม่ออกจากห้องก็ไม่ต้องพบกับเนี่ยชิงหลานและคนอื่น ๆ ก็กลับรู้สึกสุขสบายใจ“พี่ใหญ่เฉิง ตอนนี้ท่านไม่ชอบข้าก็ไม่เป็นไร”“ขอเพียงท่านแต่งงานกับข้า ข้าจะทำให้ท่านตกหลุมรักข้าให้ได้”สิ่งที่นางมีก็คือเวลาและวิธีการมากมาย จิตใจของเซี่ยเหอนั้นเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน“ข้าจะทำให้ท่านลืมเนี่ยชิงหลาน ให้หัวใจและสายตาของท่านมีเพียงข้าคนเดียวเท่านั้น ขาดข้าไม่ได้อีกต่อไป คอยดูก็แล้วกัน”...หลังจากพวกเขาขึ้นไปชั้นบนแล้ว ข้างนอกก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งเข้ามา“เจ้าแน่ใจหรือว่าคนที่ประมูลสมุนไพรในตลาดมืดไปเมื่อวันก่อนพักอยู่ที่นี่?”ชายหนุ่มสีหน้าดูรังเกียจ นี่มันโรงเตี๊ยมอะไรกัน ฝุ่นจับเต็มไปหมด“พ่ะย่ะค่ะ”ถ้ากู้หว่านเยว่และคนอื่น ๆ อยู่ที่นี่ล่ะก็ จะต้องสังเกตเห็นว่าขันทีที่อยู่ข้างกายชายหนุ่ม
“นี่ท่านถูกพิษกระนั้นหรือ?”กู้หว่านเยว่เอียงศีรษะจับชีพจรให้เขา จับชีพจรอย่างละเอียดอยู่นาน ถึงพูดออกมาอย่างแปลกใจ“พิษนี้แปลกยิ่งนัก”“อย่างไรหรือ?” ไป๋หลี่ชิงซีเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ เสียดายเขามีใบหน้าหล่อเหลา แต่กลับเป็นคนพูดมากคนหนึ่ง“ยาพิษนี้มองดูแล้ววางยาได้ยุ่งยากอย่างมาก จะถอนพิษกลับยุ่งยากยิ่งกว่า แต่แปลกก็แปลกที่พิษนี้ไม่ส่งผลร้ายต่อร่างกายคน พิษน้อยมาก เพียงแต่ยากจะถอนออกได้”ดังนั้นบัดนี้มองท่าทางของต้วนหลานซิวดูแล้ว ยังมีชีวิตชีวา ไม่คล้ายคนถูกวางยาพิษ“ฟังท่านพูดแล้วคล้ายเป็นเช่นนี้จริงเสียด้วย”ไป๋หลี่ชิงซีเองก็ไม่โง่คนทั่วไปวางยาผู้อื่น บ้างก็เพื่อฆ่าคนผู้นั้นให้ตายคาที่ บ้างก็ต้องการใช้พิษควบคุมเขาฝ่ายแรกออกฤทธิ์เร็ว พิษร้ายแรงมาก ไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็สามารถทำให้พิษกำเริบจนเลือดออกทวารทั้งเจ็ดและตายไปฝ่ายหลังเล่า แม้ว่าไม่ถึงแก่ชีวิต แต่หากพิษกำเริบก็ทำให้คนเจ็บปวดทรมาน หาไม่แล้วจะสามารถควบคุมคนผู้นั้นได้เยี่ยงไร?ทว่ายาพิษภายในร่างกายของต้วนหลานซิวแปลกมากไม่เพียงไม่มีพิษ หนำซ้ำยังทำร้ายร่างกายน้อยมาก เพียงแต่ยากจะถอนพิษได้ก็เท่านั้น“อาจารย์อาเล็ก ท่าน
ซูจิ่งสิงใคร่ครวญครู่หนึ่ง กลับมิได้เอาแต่ใจเกินไป ฟังความเห็นของกู้หว่านเยว่เรื่องของลูกชายลูกสาวคือวาสนาไม่อาจฝืนได้เขามอบสำเนาคำสารภาพให้ฉู่เฟิง ออกคำสั่ง“ประกาศออกไป”“พ่ะย่ะค่ะ” ฉู่เฟิงรับของไป บังเอิญไป๋หลี่ชิงซีเดินเข้ามาจากภายนอกพอดี“อาจารย์อาเล็กของข้ามาแล้วขอรับ”ยามกู้หว่านเยว่อยู่ที่เมืองเหยาก็ให้เขาเดินทางมาแล้วคิดไม่ถึงระหว่างเดินทางจะได้เผชิญหน้ากับแผ่นดินไหว เสียเวลาไปหลายวันดังนั้นจึงเปลี่ยนเส้นทางมายังซุ่ยโจว ทุกคนมารวมตัวกันที่ซุ่ยโจว“ท่านรีบพาเขาเข้ามาเร็วเข้า”บัดนี้กู้หว่านเยว่มีเวลาว่าง ไม่มีธุระอะไร ผ่านไปอีกครู่ก็ไม่แน่แล้ว ลั่วยางสามารถมาหานางได้ทุกเมื่อ“ได้”ไป๋หลี่ชิงซีหันหลังกลับ พาอาจารย์อาเล็กเข้ามา“ท่านอาจารย์อาเล็กรีบเข้ามาเถอะเจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่เคยพบอาจารย์ของไป๋หลี่ชิงซีมาก่อน มีภาพของอาจารย์อาเล็กอยู่ภายในใจ คาดว่าน่าจะเหมือนกับอดีตเจ้าสำนักผู้ล่วงลับ ไว้เคราสีเทาและมีสีหน้าขรึมเคร่งตลอดเวลาคิดไม่ถึง ไป๋หลี่ชิงซีจะพาท่านอาผู้หล่อเหลาอายุราวสามสิบเข้ามาคนหนึ่ง“ข้าต้วนหลานซิว คารวะท่านอ๋องและพระชายา”ท่านอาผู้หล่อเหลาหรื
“ใช่แล้ว”ซูจิ่งสิงพยักหน้า กอดกู้หว่านเยว่พลางอธิบาย“ภายในมือของเว่ยเฉิงมีจุดอ่อนของหลี่กวงถิง เขาเพียงเข้าคุกและพูดกับเขาสองสามประโยค ก็ทำให้หลี่กวงถิงตกใจหน้าถอดสีแล้ว เปลี่ยนคำพูดยอมเขียนคำสารภาพ”เว่ยเฉิงคนนี้ช่างมีความสามารถโดยแท้ตรงข้ามกันร้ายกาจกว่าในต้นฉบับมาก“เจียงหรงใกล้คลอดแล้ว”ซูจิ่งสิงกอดกู้หว่านเยว่ สุ้มเสียงนุ่มนวลอยู่บ้าง“เว่ยเฉิงเองก็เหมือนข้า เป็นคนหลงภรรยาคนหนึ่ง เมื่อหนึ่งเดือนก่อนเขาเองก็เขียนจดหมายให้ข้าพูดว่าหลังกลับจากเขตซีเป่ยจะขออยู่เป็นเพื่อนยามเจียงหรงคลอด ข้าอนุญาตแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้าในต้นฉบับ เดิมทีเว่ยเฉิงและเจียงหรงก็รักกันอย่างลึกซึ้งยิ่งไม่ต้องพูดถึงจุดจบอันแสนโหดร้ายของเจียงหรงในตอนท้ายหากเว่ยเฉิงฝันถึงอดีต ได้เห็นจุดจบของเจียงหรงในต้นฉบับ เช่นนั้นสำหรับภรรยาของเขาคนนี้ เขาจะต้องรักและให้ความสำคัญมากยิ่งกว่าตอนแรกแน่“เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน ผู้หญิงคลอดลูกคือต้องผ่านประตูวิญญาณมาหนึ่งรอบ มีสามีของตนอยู่ข้างกาย นี่ก็เป็นเรื่องดีต่อเจียงหรง”กู้หว่านเยว่ไม่พูดอะไรซูจิ่งสิงได้ยินแล้วกลับดีใจต้องผ่านประตูวิญญาณมาหนึ่งรอบ เขา
“นี่หมายความว่ากระไร?”เฉิงทั่วงุนงง ไม่อาจตอบสนองในทันทีเลยได้“เทพเจ้าเห็นราษฎรน่าสงสารจึงประทานยาให้”กู้หว่านเยว่พูดทิ้งท้ายอย่างลึกลับไว้หนึ่งประโยค จูงซูจิ่งสิงหันหลังจากไป อย่างไรเสียเฉิงทั่วก็ไม่สามารถถามจนถึงที่สุดได้“แม่ทัพเฉิง อย่าลืมลงไปรับโทษยี่สิบไม้ทหารเล่า”ก่อนจากไป ซูจิ่งสิงเอ่ยเตือน“ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้เลย!”ขอเพียงราษฎรเมืองซุ่ยโจวได้รับความช่วยเหลือ ยังไม่ต้องพูดถึงยี่สิบไม้ทหาร ต่อให้เป็นห้าสิบไม้เขาก็ยอมเฉิงทั่วลงไปอย่างมีความสุขถูกตี เขากลับยังมีความสุขมาก“น้องหญิง มีข่าวด่วนส่งมา”ซูจิ่งสิงรับจดหมายบนขาของนกพิราบทองคำ หลังอ่านแล้วก็เผยสีหน้าตื่นเต้นออกมาอย่างกะทันหัน“เกิดอันใดขึ้นหรือเจ้าคะ?”กู้หว่านเยว่เดินเข้าไปหยุดข้างกายเขา ซูจิ่งสิงรีบส่งจดหมายให้นาง“เจ้าอ่านดู!”นางก้มหน้าอ่าน ใบหน้าเผยแววตกตะลึงระคนดีใจ“หลี่กวงถิงยอมออกหน้าอธิบายแล้ว ดีเหลือเกิน”นับตั้งแต่กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงจับตาเฒ่าหลี่กวงถิงคนนี้เป็นเชลยแล้ว ก็ขังเขาไว้ในคุกใหญ่อยู่ตลอด รอเขาเขียนคำสารภาพตาเฒ่าคนนี้ไม่ยอมแพ้มาโดยตลอดคิดไม่ถึงเลยว่าจะคิดตกแล้ว“ท่านพ
แม้ว่าภายในมิติของนางจะมีแปลงสมุนไพร แต่ภายในแปลงสมุนไพรล้วนปลูกสมุนไพรหายาก ไม่มีสมุนไพรรักษาโรคไข้รากสาดน้อยธรรมดาดังนั้น สมุนไพรเหล่านี้ล้วนเป็นกู้หว่านเยว่ซื้อจากแพลตฟอร์มซื้อขายการแจกจ่ายยาเริ่มขึ้นอย่างว่องไวเหล่าราษฎรขยับขึ้นมาทีละคน ขบวนคนเริ่มขยับอย่างเชื่องช้า“พี่หญิงหว่านเยว่ ท่านไปพักผ่อนก่อนเถอะ”ลั่วยางเข้ามาเตือนนางหนึ่งประโยค เอ่ยปากอย่างห่วงใย“ข้าบอกกับหมอเหล่านั้นแล้ว หากพวกเขาไม่แน่ใจโรค ค่อยมาถามข้าเจ้าค่ะ”นางอธิบาย“หากข้าเองก็หมดหนทาง ค่อยให้คนเข้าไปหาท่าน”กู้หว่านเยว่พยักหน้า “เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน”เกาเจี้ยนสบมองลั่วยางอย่างสงสาร “ยางเอ๋อร์ เจ้าต้องเหนื่อยแล้ว”แม้พูดว่าด้านหน้ายังมีหมอตรวจอาการก่อนแต่คนมากถึงเพียงนี้ ย่อมมีหมอที่รักษาไม่ได้รวมเข้าด้วยกัน ก็เพียงพอให้ลั่วยางยุ่ง“ข้าไม่เป็นไร สามารถรักษาราษฎรได้ ช่วยได้หนึ่งชีวิตก็คือหนึ่งชีวิต”ลั่วยางหยิบธงหนึ่งผืนออกมา สองสามคนมองดู ได้เห็นตัวอักษรคำว่าหุบเขาราชาโอสถสามคำบนนั้น“ข้ารับปากท่านอาจารย์ไว้แล้ว จะต้องหาโอกาสประกาศเรื่องหุบเขาราชาโอสถดีๆบังเอิญจะได้ฉวยโอกาสนี้ประกาศให้ราษฎ
ทหารชั้นผู้น้อยคนหนึ่งวิ่งเข้าอย่างรีบร้อนจากด้านนอกประตู พูดออกมาอย่างลนลาน ทำให้เฉิงทั่วตื่นตระหนก“มีอันใด เกิดอันใดขึ้นหรือ?”หรือว่ากลัวสิ่งใดสิ่งนั้นก็มากระนั้น?“ด้านนอกประตู ด้านนอกประตูมีราษฎรป่วยหนักมากมายมาขอรับ ต่อแถวยาวเหยียดอยู่ด้านนอกประตู แถวยาวไปจนถึงประตูเมืองแล้ว”ทหารชั้นผู้น้อยกลืนน้ำลายอึกหนึ่ง ไม่เคยเห็นแถวยาวเช่นนี้มาก่อน“ที่แท้ก็มีคนต่อแถวมากนี่เอง”เฉิงทั่วตบศีรษะทหารชั้นผู้น้อยทีหนึ่งอย่างไม่สบอารมณ์ “ครั้งหน้าพูดให้เข้าใจหน่อย อย่าหายใจแรง ทำข้าตกใจแทบตาย”ทหารชั้นผู้น้อยลูบศีรษะ บ่นพึมพำเสียงแผ่ว “คำนี้ของท่านแม่ทัพ หรือว่านี่ไม่ทำให้คนตกใจกันเล่า?”ราษฎรมากถึงเพียงนี้ล้อมจวนแม่ทัพไว้ หากเกิดความวุ่นวาย ทำให้คนตายจะทำเยี่ยงไร?“เจ้า นำทหารม้าสองหน่วยไปดูแลรักษาความเรียบร้อยบนถนนให้ดี”เฉิงทั่วชี้ไปยังคนสนิทที่หน้าประตู เห็นว่าถึงเวลาแจกจ่ายยาแล้ว เขาเตรียมไปดูสถานการณ์ที่หน้าประตูจวนแม่ทัพในเวลานี้ หน้าประตูจวนแม่ทัพคลาคล่ำไปด้วยผู้คนเหล่าราษฎรรอคอยอย่างมีความหวัง หวังว่าจะสามารถได้รับยาเพียงพอเพื่อช่วยตนเองหรือคนในครอบครัว“จะเริ่มแจกจ่าย
เขาครุ่นคิดอยู่สักครู่ พลางแอบมองสีหน้าของซูจิ่งสิง ไม่กล้าอยู่ในเรือนนานเกินไป จึงรีบออกไปพร้อมกับรองแม่ทัพ“ท่านแม่ทัพ สิ่งที่พระชายาพูดเป็นความจริงหรือไม่? คงไม่ได้คุยโวหรอกนะ?”หลังจากที่ทั้งสองออกมาข้างนอกแล้ว รองแม่ทัพก็พูดขึ้น“ประชาชนที่ป่วยในเมืองไม่ใช่แค่คนหรือสองคน ยามากมายขนาดนั้น พระชายาจะหามาได้หรือ?”เขาคิดอยู่เสมอว่าคำพูดของกู้หว่านเยว่นั้นไม่น่าเชื่อถือบางทีอาจเป็นเพราะวันนี้ถูกแม่ทัพชี้หน้าตำหนิ รู้สึกทั้งอายทั้งโกรธ ต้องการทวงศักดิ์ศรีคืนมา จึงได้พลั้งปากคุยโวโอ้อวดออกไป“ไม่รู้สิ”เฉิงทั่วส่ายหัวสติปัญญาบอกเขาว่า กู้หว่านเยว่นั้นไม่สามารถหาสมุนไพรได้มากมายขนาดนั้นภายในระยะเวลาอันสั้นแน่นอนแต่เขาก็นึกถึงตอนที่โจมตีเมืองเหยาขึ้นมาอีก ดินปืนและกระสุนปืนใหญ่เหล่านั้นที่ส่งลงมาจากเมือง รวมถึงธนูที่มีรัศมีการยิงไกลมากสิ่งของเหล่านี้เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนถ้าหากในตอนนี้สิ่งของที่เขาไม่คาดคิด กู้หว่านเยว่บังเอิญมีพอดีล่ะ?“ถ้าอย่างนั้นคำสั่งของพระชายาเมื่อครู่นี้ พวกเรายังต้องปฏิบัติตามหรือไม่?”รองแม่ทัพค่อนข้างเป็นกังวล“เมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกไป อีกสาม
เขามีสีหน้าร้อนใจ ชิงเหลียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ท่านรอสักครู่ ข้าจะเข้าไปรายงานก่อน”ภายในห้อง กู้หว่านเยว่ได้ยินเสียงดังเอะอะจากด้านนอกแล้ว จึงรีบพาซูจิ่งสิงออกมาจากมิติในขณะที่ชิงเหลียนเข้ามา นางกำลังเปิดประตูพอดี“พระชายา แม่ทัพเฉิงอยู่ข้างนอก...”“ข้าได้ยินทุกอย่างแล้ว เจ้าให้เขาเข้ามาเถอะ”กู้หว่านเยว่หาวนอน“อ้อ ถือโอกาสรับประทานอาหารเช้าไปด้วย”เมื่อคืนนี้ นางและซูจิ่งสิงยุ่งอยู่ในมิติตลอดทั้งคืน“เพคะ”ชิงเหลียนรีบออกไป เฉิงทั่วก็เข้ามาจากทางด้านนอกอย่างไม่พอใจ“คารวะท่านอ๋องและพระชายา”เขาทำความเคารพแบบขอไปที แล้วเริ่มบ่นว่า“พระชายา เมื่อคืนข้าน้อยเตือนท่านแล้วว่า จะช่วยเหลือผู้คนในเมืองนี้ส่งเดชไม่ได้ อาจก่อให้เกิดความโกลาหลได้”น้ำเสียงของเขาไม่สู้ดีนัก“ดูสิ เมื่อวานท่านนำหญิงผู้นั้นมารักษาในจวนละแวกนี้ ผลปรากฏว่าเรื่องนี้ถูกผู้มีเจตนาเผยแพร่ออกไปเมื่อเช้านี้ เวลานี้ด้านนอกจวนแม่ทัพมีผู้ป่วยเต็มไปหมดท่านก็รู้ เมื่อเกิดความโกลาหลขึ้นมา จะกลายเป็นเรื่องใหญ่”เมื่อเฉิงทั่วพูดถึงความร้อนใจ ก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองกู้หว่านเยว่ สายตานั้นเต็มไปด้วยคำถาม“แม่ทั
ยิ่งไปกว่านั้นยังสวมถุงมือและผ้าคลุมหน้าอีกด้วยเห็นได้ชัดว่าหญิงผู้นั้นอับจนหนทางแล้ว พอเข้ามาก็คุกเข่าลงตรงหน้าพวกเขาทันที“ท่านผู้สูงศักดิ์ทั้งหลาย พวกท่านได้โปรดช่วยลูกของข้าด้วย เขาเพิ่งห้าขวบเท่านั้น”หญิงผู้นั้นกอดลูกไว้แน่นในอ้อมแขน“เขาฉลาดมาก และเชื่อฟังมากด้วย มักจะช่วยข้าทำงานอยู่บ่อยครั้ง สามารถอ่านหนังสือและจดจำตัวอักษรได้ตั้งแต่ยังเด็กเช่นนี้ พวกท่านได้โปรดช่วยชีวิตเขาด้วย ต่อให้ต้องเอาชีวิตของข้าก็ตาม”หญิงผู้นั้นร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหลกู้หว่านเยว่ให้นางวางลูกลงบนเบาะนุ่ม เพื่อสะดวกในการตรวจวินิจฉัย“แล้วพ่อของเด็กล่ะ เหตุใดเจ้าถึงอยู่ที่นี่คนเดียว?”หญิงผู้นั้นมีอาการป่วยอย่างเห็นได้ชัด แก้มตอบลึก“ตาย ตายแล้ว”หญิงผู้นั้นสะอึกสะอื้นตอบ“เป็นไข้หวัด ไม่มียารักษา ทนได้ไม่ถึงครึ่งเดือนก็ตายแล้ว”กู้หว่านเยว่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง “ขอโทษนะ”หญิงผู้นั้นส่ายหัว “มันคือโชคชะตา แต่ขอให้หมอช่วยชีวิตลูกของข้าด้วย แม้ว่าต้องการให้ข้าไปตาย ข้าก็เต็มใจ”กู้หว่านเยว่ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกเจ็บปวด ซูจิ่งสิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็กำหมัดทั้งสองแน่น“ไม่ต้องให้เจ้าไปตายหรอก ให้ข้าดู