กู้หว่านเยว่ก็รู้ว่า การแทรกซึมเข้าไปในประเทศศัตรูไม่ใช่เรื่องง่ายแน่นอนความคิดนี้เกิดขึ้นชั่วคราวเท่านั้น ไม่นานก็ถูกนางทิ้งไว้ข้างหลัง“ที่นี่คือห้องเก็บเอกสารของตลาดมืด”กู้หว่านเยว่หยิบแฟ้มขึ้นมาเล่มหนึ่งอย่างไม่ตั้งใจ พลางเปิดออก มันคือการเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์ของตลาดมืดในเมื่อต้องการควบคุมดูแลตลาดมืด นางจึงต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนขึ้นเป็นธรรมดาการมาอยู่คราวนี้ หมายถึงหนึ่งคืนเต็ม ๆ“ฮูหยิน ไม่ได้การแล้วเจ้าค่ะ”ชิงเหลียนเหาะเข้ามา ด้วยคำสั่งของกู้หว่านเยว่ บัดนี้นางสามารถเข้าออกตลาดมืดได้อย่างอิสระเช่นกันเมื่อเห็นสีหน้าทนไม่ไหวของชิงเหลียน กู้หว่านเยว่ก็คาดเดาบางอย่างได้“เทียนซิงเยว่จากไปแล้วหรือ?”“เจ้าค่ะ”สายตาของชิงเหลียนมีแววประหลาดใจ ฮูหยินคาดเดาได้แม่นยำ“จากไปเมื่อกลางดึกคืนวานเจ้าค่ะ”นางเอ่ยเสียงเบา “ไป๋โม่อวี่ต้องการพบท่านกับนายท่าน”“ไป”กู้หว่านเยว่รีบก้าวเข้าไปดึงซูจิ่งสิงกลับไปที่เรือน ไป๋โม่อวี่รออยู่นานแล้วเขายังคงสวมชุดเจ้าบ่าว เทียนซิงเยว่ถูกเขาอุ้มไว้ในอ้อมแขน รอยยิ้มสงบสุขราวกับกำลังพริ้มหลับอยู่“ก่อนตายซิงเยว่มีความสุขมาก”เสีย
เขาก้มหน้าลง มองดูเทียนซิงเซว่ที่อยู่ในอ้อมกอดด้วยแววตาอ่อนโยนกู้หว่านเยว่เห็นพวกเขาสองคนรักใคร่กันอย่างลึกซึ้งเช่นนี้ ก็อดซาบซึ้งไปกับพวกเขาไม่ได้พูดกันตามตรง ความเกลียดชังของคนรุ่นก่อนนั้นไม่เกี่ยวกับพวกเขาสองคนจริง ๆ พวกเขาทั้งสองรู้จักรู้ใจกันเป็นอย่างดีด้วยสถานะเช่นนี้ เส้นทางที่ผ่านมาก็ไม่ใช่เรื่องง่ายจริง ๆ“ท่านพี่”กู้หว่านเยว่ใจอ่อนลงเล็กน้อย พลางมองไปยังซูจิ่งสิงเมื่อสบกับสายตาของภรรยา ซูจิ่งสิงก็รู้ความคิดของนาง พลางพยักหน้าเขาหันไปมองไป๋โม่อวี่ “พวกข้าจะไม่ฆ่าท่าน ท่านไปเถอะ หวังว่าจากนี้ไปจะเปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นมิตรได้ ท่านอย่าช่วยเหลือคนทูเจวี๋ยอีก และอย่าเป็นศัตรูกับเจดีย์หนิงกู่ของเราอีกต่อไป”ไป๋โม่อวี่ชะงักไปเล็กน้อย ค่อนข้างคาดไม่ถึงที่สองสามีภรรยาคู่นี้ได้ปล่อยเขาจริง ๆ“พวกท่านปล่อยข้าอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ตัดรากถอนโคนหรือ?”เขายิ้มเจื่อน ๆ “ถึงอย่างไรข้าก็เคยร่วมมือกับชาวทูเจวี๋ย พวกท่านไม่กลัวข้าหวนคืนกลับมาอีกหรือ?”“ถ้ามีวันนั้นจริง ๆ ข้าจะฆ่าท่านด้วยมือตัวเองแน่นอน”แววตาของซูจิ่งสิงเคร่งขรึม ไป๋โม่อวี่อดสั่นสะท้านไม่ได้เขาไม่กล้าล้อเล่นอีก แ
“คุณหนูหลี่”หลายคนกำลังพูดกันอยู่ก็เห็นถังหมิงรุ่ยวิ่งเข้ามาจากข้างนอกอย่างร้อนรน อาจเป็นเพราะเขาตื่นเต้นเกินไป เหงื่อบาง ๆ ผุดขึ้นที่สันจมูกของเขาเมื่อเห็นกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงอยู่ด้วย ถังหมิงรุ่ยก็เช็ดเหงื่อบนหน้าผาก แล้วทำความเคารพทั้งสอง“คารวะท่านอ๋องและพระชายา”“ลุกขึ้นเถอะ พวกเจ้ามีกิจอันใด?”กู้หว่านเยว่พอจะคาดเดาอะไรบางอย่างคลุมเครือ ก็เห็นถังหมิงรุ่ยเอ่ยด้วยใบหน้าแดงเรื่อ“พระชายา ข้าน้อยต้องการแต่งงานกับหรงหรง”สิ่งที่เขาคิดก็คือ ในเมื่อหลี่หรงหรงเป็นสาวใช้ของกู้หว่านเยว่ เรื่องนี้ก็ต้องได้รับการอนุมัติจากกู้หว่านเยว่“อุ๊บ!”กู้หว่านเยว่เกือบจะพ่นน้ำออกมา เจอเรื่องน่าตกใจเพียงนี้หลี่หรงหรงกัดฟันกรอด “คุณชายถัง ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าอย่าพูดถึงเรื่องนี้อีก? แล้วทำไมท่านยังวิ่งมาหาฮูหยิน ตั้งใจพูดเรื่องนี้โดยเฉพาะอีก”ถังหมิงรุ่ยสีหน้าคับข้องใจตั้งแต่ได้พบกับหลี่หรงหรง เขาก็กินไม่ได้นอนไม่หลับเขารู้ว่าตัวเองกำลังป่วยเป็นไข้ใจ แต่เขาไม่เคยมีประสบการณ์ในการตามจีบเด็กสาวมาก่อนเลยหลังจากครุ่นคิดสักครู่ สู้พูดให้ชัดเจนเลยดีกว่า จะได้ไม่เปิดโอกาสให้คนอื่นคว้า
“นั่นก็โทษพวกเราไม่ได้เช่นกัน ตอนที่นางแท้งบุตรท่านวิตกกังวลมากเช่นนั้น ใครที่ไม่รู้ก็คิดว่าท่านเป็นพ่อแท้ ๆ ของเด็ก” เนี่ยชิงหลานเสริมให้ใจความครบถ้วนต่อให้เป็นญาติมิตร ก็เป็นเรื่องปกติที่จะร้อนใจบ้าง แต่เมื่อพิจารณาจากสภาพของถังหมิงรุ่ย เห็นได้ชัดว่าสะเทือนใจถังหมิงรุ่ยยิ้มเจื่อน ๆ เด็กรับใช้ที่อยู่ข้าง ๆ รีบอธิบายว่า “มันเป็นเพราะว่าคุณชายเปี่ยวติดหวัดเสียชีวิตโดยไม่ทันระวัง เด็กในครรภ์ของอวี้ฮูหยินถือว่าเป็นบุตรหลังจากการล่วงลับของคุณชายเปี่ยวบัดนี้เด็กในครรภ์ของนางก็มาแท้งไป สายเลือดของคุณชายเปี่ยวสูญสิ้นอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นคุณชายของเราจึงรู้สึกเสียใจกับพวกเขา”ทุกคน: ...ถังหมิงรุ่ยสาบานต่อสวรรค์ “ฟ้าดินเป็นพยาน ในเรือนของข้าไม่มีภรรยาหรือสนมใด ๆ แน่นอน หากมีภรรยาหรือสนมอยู่ในเรือน แล้วข้ายังออกมาตามเกี้ยวหญิงไปทั่วอีก ก็ขอให้ฟ้าผ่าตาย”สกุลถังของพวกเขาก็ถือว่ามีขนบประเพณีของครอบครัวที่เคร่งครัดเช่นกันนายท่านถังมีเพียงฮูหยินผู้เฒ่าเป็นภรรยาเอกเพียงคนเดียว ในจวนไม่มีแม้สนมสักคนทั้งสองมีบุตรสองคน ครอบครัวชื่นมื่นมีความสุข ดังนั้นค่านิยมสามประการของถังหมิงรุ่ยจึงดีงามมา
ร่างกายร้อนผ่าวอยู่บ้างกู้หว่านเยว่ลืมตาขึ้นมา พบว่าตนเองกำลังนอนอยู่บนเตียงแกะสลักขนาดใหญ่ มีกลิ่นอายโบราณหลังหนึ่ง ข้างเตียงมีชายสวมชุดแต่งงานนั่งอยู่หนึ่งคนนี่คงฝันไปใช่ไหม แต่เหตุใดเหมือนจริงถึงเพียงนี้?นางเบือนหน้ามองฝ่ายชายฝ่ายชายผิวพรรณขาวดุจหยก ใบหน้าหล่อเหลางดงาม มองแวบเดียวก็ทำให้คนจมดิ่งสู่ภวังค์อย่างยากจะหักห้ามใจ เพียงแต่สีหน้าของเขาเย็นชาเกินไป สุ้มเสียงเองก็ไร้อารมณ์เสียนี่กระไร“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่อยากแต่งกับข้า พระบรมราชโองการยากจะฝ่าฝืน หากเจ้าไม่ยินยอม...”“ข้ายินยอม ข้ายินยอม!”ชายหนุ่มรูปงามหาใครเทียบได้เช่นนี้ นางครองโสดมายี่สิบกว่าปีไม่เคยได้พบพานมาก่อน ไฉนเลยจะไม่ยินยอมกันเล่า!กู้หว่านเยว่พยักหน้าอย่างบ้าคลั่ง ไม่สนใจสีหน้าตกตะลึงของฝ่ายชาย ยื่นมือออกไปเกี่ยวเข็มขัดโผเข้าหาอ้อมอกของเขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง อ้า หอมยิ่งนัก กลิ่นหอมเย็นของชายหนุ่มรูปงามเห็นได้ชัดว่านี่คือครั้งแรกของฝ่ายชาย ทีแรกยังคิดปฏิเสธ แต่กลับไม่อาจต้านทานเสียงที่ดังออดอ้อนออเซาะขึ้นมาของนางได้ สติค่อยๆ เลือนรางไป ทว่า ครู่เดียวก็ทำเอากู้หว่านเยว่วิญญาณหลุดลอยทั้งสองเกี
“ฝ่าบาทมีรับสั่ง เจิ้นเป่ยอ๋องซูจิ่งสิงคิดก่อกบฏ หลักฐานชัดเจน!”“นับแต่นี้ไปปลดออกจากตำแหน่ง เป็นสามัญชน ยึดทรัพย์เนรเทศไปยังหนิงกู่ถ่า ผู้ใดกล้าฝ่าฝืน ฆ่าได้ไม่ละเว้น!”ฮูหยินผู้เฒ่าทุบอกกระทืบเท้า “สกุลซูของข้าซื่อสัตย์ภักดี ไฉนเลยจะก่อกบฏได้?”หัวหน้าหน่วยยึดทรัพย์เจียงเต๋อจื้อสบถเสียงเย็น “ฝ่าบาทมีพระกระแสรับสั่งออกจากพระโอษฐ์ของพระองค์เอง เจ้ากำลังกล่าวหาว่าฝ่าบาท ทรงวินิจฉัยผิดพลาดงั้นหรือ?”ทุกคนไม่กล้าโวยวายอีก กอดกันร่ำไห้โอดครวญทหารหลวงหลั่งไหลเข้ามา ถีบเปิดประตูเรือน ทุบทำลายข้าวของทั่วทุกสารทิศคล้ายโจรก็มิปาน ไม่ว่าที่ผ่านมาเจ้ามีตำแหน่งสูงส่งเยี่ยงไร หากถูกลงโทษยึดทรัพย์ นั่นก็คือคนต่ำต้อยมองภาพวุ่นวายภายในจวนอ๋อง ฮูหยินผู้เฒ่าคิดห้าม แต่กลับถูกเจียงเต๋อจื้อผลักล้มลงกับพื้น กระดูกของหญิงชราเกือบหักถัดมา เจียงเต๋อจื้อหรี่ตามองทางญาติฝ่ายหญิงของจวนอ๋อง“เพื่อป้องกันมิให้พวกเจ้านำทรัพย์สินส่วนตัวออกไป ญาติฝ่ายหญิงทั้งหมดต้องเปลื้องผ้าตั้งแต่ใต้สะดือลงมาเพื่อตรวจสอบหนึ่งรอบ!”“ไม่ได้!”สีหน้าเหล่าญาติฝ่ายหญิงทั้งโกรธทั้งอายฮูหยินผู้เฒ่าก่นด่าออกมา “เจียงเต๋อจื
“กบฏ ไม่ตายดี!”“สมรู้ร่วมคิดกับทูเจวี๋ย คลอดลูกชายไม่สมประกอบ!”ซูจิ่งสิงนอนกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่บนกระดานเกวียน รับก้อนหิน มูลแพะและผักเน่าที่โยนเข้ามาทุกทิศทาง...ยามรบชนะกลับมา เขาคือวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ปกป้องแคว้น ราษฎรล้วนโห่ร้องแสดงความยินดีบัดนี้เขาถูกใส่ร้ายข้อหากบฏ ไม่เพียงไม่มีคนขอความเป็นธรรมแทนเขา ทุกคนยังร้องตะโกนใส่ กลายเป็นคนบาปที่ทุกคนตราหน้าหันมองไปที่คนอื่น ๆ ของสกุลซู แต่ละคนเกือบซุกหน้าลงบนบ่าแล้วฮูหยินผู้เฒ่าร้องไห้น้ำตาไหลเป็นทาง “เวรกรรม สกุลซูของข้าตกต่ำถึงขั้นนี้เชียวหรือ...”นายท่านบ้านรองซูหัวหลินอดตำหนิไม่ได้ “ล้วนต้องตำหนิจิ่งสิง อยู่ดีๆ ก็คิดไม่ตก ไปสมรู้ร่วมคิดกับกบฏขายบ้านเมือง ตอนนี้เป็นอย่างไรเล่า ทั้งครอบครัวล้วนต้องเดือนร้อนเพราะเขา ข้าเป็นคนรักศักดิ์ศรีที่สุด ถูกราษฎรกลุ่มนี้สบถด่า หน้าก็ไม่กล้าเงยขึ้นมาแล้ว ภายภาคหน้าจะใช้ชีวิตเยี่ยงไร!”นับตั้งแต่ยึดทรัพย์จนถึงตอนนี้ เริ่มแรกทุกคนยังงุนงง จนถึงตอนนี้แต่ละคนก็เกิดความคิดขึ้นมาแล้ว มีทั้งคนเชื่อว่าซูจิ่งสิงมิได้ก่อกบฏ และมีคนที่ไม่เชื่อ นายท่านรองเป็นคนแรกที่มิอาจอดกลั้นบ้านอื่นสบตากันแวบ
เสียงอิเล็กทรอนิกส์ดังขึ้นภายในสมอง ทำให้กู้หว่านเยว่ตกใจแทบแย่“เจ้าเป็นใคร?”“สวัสดีเจ้านาย ข้าเป็นผู้ดูแลระบบมิติ รับผิดชอบตอบปัญหาที่ท่านสงสัยโดยเฉพาะ”มิติคือพลังวิเศษที่นางมีตั้งแต่ชาติก่อน ทว่าแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยได้ยินเรื่องผู้ดูแลระบบอันใด“ก่อนนี้เจ้านายอยู่ในขั้นเริ่มต้น จึงไม่ได้เปิดใช้งานฟังก์ชันของระบบ แต่อิงตามการกักตุนสินค้าเต็มพื้นที่ของท่านในวันนี้ มิติได้เปิดใช้งานผู้ดูแลระบบและอาคารทางการแพทย์ให้ท่านแล้ว”กู้หว่านเยว่หลับตาลง เพียงนึกคิดก็เข้าสู่มิติได้แล้ว ดังคาด ภายในพื้นที่กักตุนสินค้า นอกจากสิ่งของที่นางเก็บมา ก็มีอาคารทางการแพทย์เครื่องมือล้ำสมัยหลังหนึ่งทว่า เหตุใดเป็นอาคารทางการแพทย์เล่า?“ซูจิ่งสิงต้องการอาคารทางการแพทย์ เจ้าก็เปิดการใช้งานอาคารทางการแพทย์ ตกลงเจ้าของร่างคือข้าหรือซูจิ่งสิงกันแน่?”กู้หว่านเยว่ไม่สบอารมณ์อย่างมากในใจ“...” ผู้ดูแลระบบแกล้งตายไปแล้วกู้หว่านเยว่ทำเพียงสำรวจการเปลี่ยนแปลงภายในมิติ นอกจากอาคารทางการแพทย์ นางยังพบหน้าจอคล้ายศูนย์ควบคุมทำนองนั้นเพิ่มขึ้นมาในระบบอย่างหนึ่ง ข้างบนเขียนการเปิดใช้งานอาคารใหม่หลากหลายแบบอ
“นั่นก็โทษพวกเราไม่ได้เช่นกัน ตอนที่นางแท้งบุตรท่านวิตกกังวลมากเช่นนั้น ใครที่ไม่รู้ก็คิดว่าท่านเป็นพ่อแท้ ๆ ของเด็ก” เนี่ยชิงหลานเสริมให้ใจความครบถ้วนต่อให้เป็นญาติมิตร ก็เป็นเรื่องปกติที่จะร้อนใจบ้าง แต่เมื่อพิจารณาจากสภาพของถังหมิงรุ่ย เห็นได้ชัดว่าสะเทือนใจถังหมิงรุ่ยยิ้มเจื่อน ๆ เด็กรับใช้ที่อยู่ข้าง ๆ รีบอธิบายว่า “มันเป็นเพราะว่าคุณชายเปี่ยวติดหวัดเสียชีวิตโดยไม่ทันระวัง เด็กในครรภ์ของอวี้ฮูหยินถือว่าเป็นบุตรหลังจากการล่วงลับของคุณชายเปี่ยวบัดนี้เด็กในครรภ์ของนางก็มาแท้งไป สายเลือดของคุณชายเปี่ยวสูญสิ้นอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นคุณชายของเราจึงรู้สึกเสียใจกับพวกเขา”ทุกคน: ...ถังหมิงรุ่ยสาบานต่อสวรรค์ “ฟ้าดินเป็นพยาน ในเรือนของข้าไม่มีภรรยาหรือสนมใด ๆ แน่นอน หากมีภรรยาหรือสนมอยู่ในเรือน แล้วข้ายังออกมาตามเกี้ยวหญิงไปทั่วอีก ก็ขอให้ฟ้าผ่าตาย”สกุลถังของพวกเขาก็ถือว่ามีขนบประเพณีของครอบครัวที่เคร่งครัดเช่นกันนายท่านถังมีเพียงฮูหยินผู้เฒ่าเป็นภรรยาเอกเพียงคนเดียว ในจวนไม่มีแม้สนมสักคนทั้งสองมีบุตรสองคน ครอบครัวชื่นมื่นมีความสุข ดังนั้นค่านิยมสามประการของถังหมิงรุ่ยจึงดีงามมา
“คุณหนูหลี่”หลายคนกำลังพูดกันอยู่ก็เห็นถังหมิงรุ่ยวิ่งเข้ามาจากข้างนอกอย่างร้อนรน อาจเป็นเพราะเขาตื่นเต้นเกินไป เหงื่อบาง ๆ ผุดขึ้นที่สันจมูกของเขาเมื่อเห็นกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงอยู่ด้วย ถังหมิงรุ่ยก็เช็ดเหงื่อบนหน้าผาก แล้วทำความเคารพทั้งสอง“คารวะท่านอ๋องและพระชายา”“ลุกขึ้นเถอะ พวกเจ้ามีกิจอันใด?”กู้หว่านเยว่พอจะคาดเดาอะไรบางอย่างคลุมเครือ ก็เห็นถังหมิงรุ่ยเอ่ยด้วยใบหน้าแดงเรื่อ“พระชายา ข้าน้อยต้องการแต่งงานกับหรงหรง”สิ่งที่เขาคิดก็คือ ในเมื่อหลี่หรงหรงเป็นสาวใช้ของกู้หว่านเยว่ เรื่องนี้ก็ต้องได้รับการอนุมัติจากกู้หว่านเยว่“อุ๊บ!”กู้หว่านเยว่เกือบจะพ่นน้ำออกมา เจอเรื่องน่าตกใจเพียงนี้หลี่หรงหรงกัดฟันกรอด “คุณชายถัง ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าอย่าพูดถึงเรื่องนี้อีก? แล้วทำไมท่านยังวิ่งมาหาฮูหยิน ตั้งใจพูดเรื่องนี้โดยเฉพาะอีก”ถังหมิงรุ่ยสีหน้าคับข้องใจตั้งแต่ได้พบกับหลี่หรงหรง เขาก็กินไม่ได้นอนไม่หลับเขารู้ว่าตัวเองกำลังป่วยเป็นไข้ใจ แต่เขาไม่เคยมีประสบการณ์ในการตามจีบเด็กสาวมาก่อนเลยหลังจากครุ่นคิดสักครู่ สู้พูดให้ชัดเจนเลยดีกว่า จะได้ไม่เปิดโอกาสให้คนอื่นคว้า
เขาก้มหน้าลง มองดูเทียนซิงเซว่ที่อยู่ในอ้อมกอดด้วยแววตาอ่อนโยนกู้หว่านเยว่เห็นพวกเขาสองคนรักใคร่กันอย่างลึกซึ้งเช่นนี้ ก็อดซาบซึ้งไปกับพวกเขาไม่ได้พูดกันตามตรง ความเกลียดชังของคนรุ่นก่อนนั้นไม่เกี่ยวกับพวกเขาสองคนจริง ๆ พวกเขาทั้งสองรู้จักรู้ใจกันเป็นอย่างดีด้วยสถานะเช่นนี้ เส้นทางที่ผ่านมาก็ไม่ใช่เรื่องง่ายจริง ๆ“ท่านพี่”กู้หว่านเยว่ใจอ่อนลงเล็กน้อย พลางมองไปยังซูจิ่งสิงเมื่อสบกับสายตาของภรรยา ซูจิ่งสิงก็รู้ความคิดของนาง พลางพยักหน้าเขาหันไปมองไป๋โม่อวี่ “พวกข้าจะไม่ฆ่าท่าน ท่านไปเถอะ หวังว่าจากนี้ไปจะเปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นมิตรได้ ท่านอย่าช่วยเหลือคนทูเจวี๋ยอีก และอย่าเป็นศัตรูกับเจดีย์หนิงกู่ของเราอีกต่อไป”ไป๋โม่อวี่ชะงักไปเล็กน้อย ค่อนข้างคาดไม่ถึงที่สองสามีภรรยาคู่นี้ได้ปล่อยเขาจริง ๆ“พวกท่านปล่อยข้าอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ตัดรากถอนโคนหรือ?”เขายิ้มเจื่อน ๆ “ถึงอย่างไรข้าก็เคยร่วมมือกับชาวทูเจวี๋ย พวกท่านไม่กลัวข้าหวนคืนกลับมาอีกหรือ?”“ถ้ามีวันนั้นจริง ๆ ข้าจะฆ่าท่านด้วยมือตัวเองแน่นอน”แววตาของซูจิ่งสิงเคร่งขรึม ไป๋โม่อวี่อดสั่นสะท้านไม่ได้เขาไม่กล้าล้อเล่นอีก แ
กู้หว่านเยว่ก็รู้ว่า การแทรกซึมเข้าไปในประเทศศัตรูไม่ใช่เรื่องง่ายแน่นอนความคิดนี้เกิดขึ้นชั่วคราวเท่านั้น ไม่นานก็ถูกนางทิ้งไว้ข้างหลัง“ที่นี่คือห้องเก็บเอกสารของตลาดมืด”กู้หว่านเยว่หยิบแฟ้มขึ้นมาเล่มหนึ่งอย่างไม่ตั้งใจ พลางเปิดออก มันคือการเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์ของตลาดมืดในเมื่อต้องการควบคุมดูแลตลาดมืด นางจึงต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนขึ้นเป็นธรรมดาการมาอยู่คราวนี้ หมายถึงหนึ่งคืนเต็ม ๆ“ฮูหยิน ไม่ได้การแล้วเจ้าค่ะ”ชิงเหลียนเหาะเข้ามา ด้วยคำสั่งของกู้หว่านเยว่ บัดนี้นางสามารถเข้าออกตลาดมืดได้อย่างอิสระเช่นกันเมื่อเห็นสีหน้าทนไม่ไหวของชิงเหลียน กู้หว่านเยว่ก็คาดเดาบางอย่างได้“เทียนซิงเยว่จากไปแล้วหรือ?”“เจ้าค่ะ”สายตาของชิงเหลียนมีแววประหลาดใจ ฮูหยินคาดเดาได้แม่นยำ“จากไปเมื่อกลางดึกคืนวานเจ้าค่ะ”นางเอ่ยเสียงเบา “ไป๋โม่อวี่ต้องการพบท่านกับนายท่าน”“ไป”กู้หว่านเยว่รีบก้าวเข้าไปดึงซูจิ่งสิงกลับไปที่เรือน ไป๋โม่อวี่รออยู่นานแล้วเขายังคงสวมชุดเจ้าบ่าว เทียนซิงเยว่ถูกเขาอุ้มไว้ในอ้อมแขน รอยยิ้มสงบสุขราวกับกำลังพริ้มหลับอยู่“ก่อนตายซิงเยว่มีความสุขมาก”เสีย
“เถ้าแก่ ทูเจวี๋ยก่อเรื่องอะไรหรือขอรับ?”“คนทูเจวี๋ย เจ้าเล่ห์เพทุบาย ไม่ใช่คนดีอย่างแน่นอน ไม่ใช่พวกที่เราจะร่วมมือด้วยพวกเจ้าแค่จำคำพูดของข้าไว้ก็พอ ไม่จำเป็นต้องถามเหตุผลให้มาก”กู้หว่านเยว่มีสีหน้าเย็นชา ผู้ดูแลที่เพิ่งถามคำถามรีบพยักหน้า ไม่กล้าส่งเสียงอีก“พวกเจ้าออกไปก่อนเถอะ” เมื่อเห็นว่าสั่งการไปจนเกือบหมดแล้ว นางจึงโบกมือให้ทุกคนออกไป“ไปประกาศเรื่องการเปลี่ยนชื่อตลาดมืดเป็นสมาคมสมบัติลับ หากมีเรื่องอื่นใด ข้าจะแจ้งให้พวกเจ้าทราบอีกที”พูดมาถึงตรงนี้ สายตาของนางก็พลันหยุดอยู่ที่ผู้ดูแลโจว“ผู้ดูแลโจวอยู่ก่อน ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า”ผู้ดูแลโจวรีบอยู่ต่อ บนหน้าผากของเขาเริ่มมีเหงื่อเย็นผุดขึ้นมาด้วยความฉลาดของเขา ทำให้พอจะเดาได้ว่าเถ้าแก่ที่อยู่ตรงหน้านี้ อาจไม่ใช่เถ้าแก่คนเดิมแล้วความคิดนี้ทำให้เขารู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อย ไม่รู้ว่ากู้หว่านเยว่จงใจให้เขาอยู่ต่อหมายความว่าอย่างไร“ผู้ดูแลโจว เจ้าเป็นคนฉลาดตอนนี้ผู้ดูแลเวินหายตัวไปอย่างลึกลับ ข้าตั้งใจจะเลื่อนตำแหน่งให้เจ้าเป็นหัวหน้าผู้ดูแลคนใหม่ของตลาดมืด เจ้าเต็มใจหรือไม่?”“หา?”เมื่อได้ยินว่าเป็นเรื่อง
ทว่าแต่ละคนต่างไม่กล้าคัดค้าน ผู้ดูแลโจวอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปาก“ตลาดมืดอินซานของเราก่อตั้งมานานแล้ว หากเถ้าแก่ต้องการเปลี่ยนชื่อตลาดมืดก็ย่อมทำได้ เพียงแต่ข้าน้อยมีความกังวลเล็กน้อย”“เจ้ากังวลเรื่องอะไร?”กู้หว่านเยว่มองไปที่ผู้ดูแลโจว แต่ก็ไม่ได้โกรธ นางตั้งใจจะลองฟังดูว่าอีกฝ่ายต้องการจะพูดอะไร“ตลาดมืดอินซานของเรามีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว หากจู่ ๆ เปลี่ยนชื่อ เช่นนั้นเกรงว่าผู้คนจะคิดว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นในตลาดมืด อาจส่งผลกระทบต่อการค้าของพวกเราได้”ปัญหาที่ผู้ดูแลโจวหยิบยกขึ้นมานั้นมีอยู่จริงปัญหานี้ กู้หว่านเยว่ก็เคยพิจารณามาก่อนแล้วแต่ในเมื่อนางจะเข้ามารับช่วงต่อตลาดมืดอินซาน ก็ต้องเปลี่ยนภาพลักษณ์ของตลาดมืดแห่งนี้อย่างแน่นอน เป็นไปไม่ได้ที่จะทำแบบเดิมอีกต่อไปเพราะถึงอย่างไรตลาดมืดก็เคยร่วมมือกับคนทูเจวี๋ย แถมยังเคยปล่อยยาสลบในงานประมูลที่เจดีย์หนิงกู่ ชื่อเสียงเลยเสื่อมเสียไปแล้วบางทีการเปลี่ยนชื่ออาจเป็นโอกาสที่ดีที่สุด และยังทำให้พวกเขาอดสงสัยไม่ได้ว่าตลาดมืดได้เปลี่ยนเจ้าของไปแล้วหรือไม่“เรื่องนี้ไม่เป็นไร ข้าได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ตลาดมืดอินซานของเราก่อตั้งม
หลังจากที่ถังหมิงรุ่ยจากไปแล้ว หลี่หรงหรงก็เอ่ยขึ้นมาหนึ่งประโยค กู้หว่านเยว่พบว่าบนกล่องแต่ละใบมีชื่อเขียนอยู่“หรงหรง นี่ให้เจ้า”กู้หว่านเยว่เปิดกล่อง พบว่าสิ่งที่ถังหมิงรุ่ยมอบให้ทุกคนคือสร้อยข้อมือลูกปัดเพียงแต่พิเศษตรงที่ สร้อยข้อมือลูกปัดของหลี่หรงหรงนั้นทำจากปะการังแดง แตกต่างจากของคนอื่น“ตรงกลางเหมือนจะเป็นถั่วคะนึงหานะ?”ชิงเหลียนกล่าวขึ้นมาประโยคหนึ่ง ทำให้หลี่หรงหรงกล่าวอย่างฝืน ๆ “ถั่วคะนึงหาอะไรกัน เจ้าตาฝาดแล้ว”พูดจบก็วางสร้อยข้อมือเส้นนั้นกลับเข้าไปในกล่องผ้าไหมด้วยสีหน้ารังเกียจ“ข้าไม่เคยใส่ของแบบนี้ รู้สึกว่ามันเกะกะ”กู้หว่านเยว่กำลังครุ่นคิดเรื่องตลาดมืดอยู่ จึงไม่ได้สนใจ หลังจากที่ให้ชิงเหลียนเก็บของขวัญไปแล้ว นางก็ดึงชายเสื้อของซูจิ่งสิง“ท่านพี่ ข้าอยากไปที่ตลาดมืดสักหน่อย”“ได้ ข้าไปเป็นเพื่อนเจ้า”สองสามีภรรยากำชับลูกน้องสองสามประโยค จากนั้นทั้งคู่ก็ออกจากเรือน มุ่งหน้าไปยังตลาดมืดเมื่อมาถึงที่ไม่ไกลจากตลาดมืด กู้หว่านเยว่ก็หยิบเสื้อคลุมตัวหนึ่งออกมาจากมิติซูจิ่งสิงมองออกว่าเสื้อคลุมตัวนี้ ไม่น่าจะใช่ตัวเดียวกับที่หยิบมาจากไป๋โม่อวี่ก่อนหน้
“ดูเหมือนจะเป็นคุณชายถัง?”“รีบเชิญเขาเข้ามา”กู้หว่านเยว่เกือบจะลืมถังหมิงรุ่ยไปเสียแล้ว รีบให้หลี่หรงหรงไปพาเขาเข้ามา“เจ้าดูสิว่าวันนี้ข้าแต่งตัวเป็นอย่างไรบ้าง?”ถังหมิงรุ่ยถามผู้ติดตามด้วยความกังวล อีกฝ่ายพยักหน้า“คุณชายใหญ่ ท่านแต่งตัวหล่อเหลามากแล้ว ข้าน้อยไม่เคยเห็นท่านตั้งใจแต่งตัวขนาดนี้มาก่อน”“อย่าพูดจาเหลวไหล”ถังหมิงรุ่ยหน้าแดงเล็กน้อย แต่สิ่งที่ผุดขึ้นมาในหัวกลับเป็นดวงตาคู่สวยของหลี่หรงหรง“คุณชายถังรีบเข้ามาเถิด”ขณะที่ถังหมิงรุ่ยกำลังครุ่นคิด ประตูก็ถูกเปิดออกจากด้านใน ทันใดนั้นหลี่หรงหรงก็งมองเขาด้วยรอยยิ้ม“เจ้า” ถังหมิงรุ่ยมองเสียจนตาค้างดวงตาคู่นี้เขาจำได้ แต่คนที่อยู่ตรงหน้าเขากลับไม่รู้จักหลี่หรงหรงก็นึกขึ้นได้ ก่อนหน้านี้ตอนที่พวกเขาไปที่บ้านสกุลถัง ทุกคนแปลงโฉมไปกันหมดและตอนนี้นางออกมาเปิดประตู ไม่ได้แปลงโฉม ไม่แปลกที่ถังหมิงรุ่ยจะจำไม่ได้“คุณชายถังจำข้าไม่ได้แล้วหรือ? ข้าคือหลี่หรงหรง”หลี่หรงหรงยิ้ม จงใจใช้น้ำเสียงอย่างวันนั้น ถังหมิงรุ่ยก็นึกขึ้นได้ทันที คนที่อยู่ตรงหน้าคือหญิงสาวที่เขาเฝ้าคิดถึงตลอดสองวันมานี้ “หน้าตาของเจ้า เหตุใดเ
“ขออภัยพระชายา ข้าขอตัวก่อน”เขาแทบจะเผ่นหนีไปเลย ทำให้เซี่ยเหอมีความมั่นใจ พูดจาน้ำเสียงก็แข็งกร้าวขึ้น“พระชายา ข้ารู้ว่าท่านกับชิงหลานมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เพียงแต่ว่า ข้าและพี่ใหญ่เฉิงมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกันแล้วในอนาคตเขาจำเป็นต้องแต่งงานกับข้า หวังว่าท่านจะช่วยเตือนคุณหนูชิงหลาน อย่าให้นางมาทำลายพวกเรา”เซี่ยเหอ พูดจาประชดประชัน ทำให้ชิงหลานโมโหอย่างมาก“เรื่องของพวกเจ้า เกี่ยวอะไรกับฮูหยินของพวกเราด้วย?”กู้หว่านเยว่กลับไม่โกรธ มองนางพลางยิ้มอย่างคลุมเครือ “ใครทำลายใครกันแน่?”สีหน้าของเซี่ยเหอเปลี่ยนไป นางไม่ได้อะไรดี ๆ เลยเมื่ออยู่ต่อหน้ากู้หว่านเยว่“ขอตัวลาก่อน”“เซี่ยเหอผู้นี้ ตอนแรกก็แสร้งทำเป็นใสซื่อบริสุทธิ์ แต่พอได้ขึ้นเตียงกับคุณชายเฉิงแล้ว ก็เผยธาตุแท้ออกมา”ชิงเหลียนบ่นพึมพำออกมาประโยคหนึ่ง โชคดีที่หงเจาไม่ได้อยู่ที่นี่ ไม่เช่นนั้นหมัดหนัก ๆ คงพุ่งออกไปแล้ว“ไม่ต้องสนใจนาง” กู้หว่านเยว่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย“นางใช้วิธีแบบนี้เพื่อยกฐานะตัวเอง ต่อไปก็คงได้รับผลกรรมแน่นอน”เฉิงเซวียนก็ไม่ใช่คนโง่เขลา ต่อให้เขาโง่ แต่คนตระกูลเฉิงจะโง่หรือ?ใน