หลังจากที่ถังหมิงรุ่ยจากไปแล้ว หลี่หรงหรงก็เอ่ยขึ้นมาหนึ่งประโยค กู้หว่านเยว่พบว่าบนกล่องแต่ละใบมีชื่อเขียนอยู่“หรงหรง นี่ให้เจ้า”กู้หว่านเยว่เปิดกล่อง พบว่าสิ่งที่ถังหมิงรุ่ยมอบให้ทุกคนคือสร้อยข้อมือลูกปัดเพียงแต่พิเศษตรงที่ สร้อยข้อมือลูกปัดของหลี่หรงหรงนั้นทำจากปะการังแดง แตกต่างจากของคนอื่น“ตรงกลางเหมือนจะเป็นถั่วคะนึงหานะ?”ชิงเหลียนกล่าวขึ้นมาประโยคหนึ่ง ทำให้หลี่หรงหรงกล่าวอย่างฝืน ๆ “ถั่วคะนึงหาอะไรกัน เจ้าตาฝาดแล้ว”พูดจบก็วางสร้อยข้อมือเส้นนั้นกลับเข้าไปในกล่องผ้าไหมด้วยสีหน้ารังเกียจ“ข้าไม่เคยใส่ของแบบนี้ รู้สึกว่ามันเกะกะ”กู้หว่านเยว่กำลังครุ่นคิดเรื่องตลาดมืดอยู่ จึงไม่ได้สนใจ หลังจากที่ให้ชิงเหลียนเก็บของขวัญไปแล้ว นางก็ดึงชายเสื้อของซูจิ่งสิง“ท่านพี่ ข้าอยากไปที่ตลาดมืดสักหน่อย”“ได้ ข้าไปเป็นเพื่อนเจ้า”สองสามีภรรยากำชับลูกน้องสองสามประโยค จากนั้นทั้งคู่ก็ออกจากเรือน มุ่งหน้าไปยังตลาดมืดเมื่อมาถึงที่ไม่ไกลจากตลาดมืด กู้หว่านเยว่ก็หยิบเสื้อคลุมตัวหนึ่งออกมาจากมิติซูจิ่งสิงมองออกว่าเสื้อคลุมตัวนี้ ไม่น่าจะใช่ตัวเดียวกับที่หยิบมาจากไป๋โม่อวี่ก่อนหน้
ทว่าแต่ละคนต่างไม่กล้าคัดค้าน ผู้ดูแลโจวอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปาก“ตลาดมืดอินซานของเราก่อตั้งมานานแล้ว หากเถ้าแก่ต้องการเปลี่ยนชื่อตลาดมืดก็ย่อมทำได้ เพียงแต่ข้าน้อยมีความกังวลเล็กน้อย”“เจ้ากังวลเรื่องอะไร?”กู้หว่านเยว่มองไปที่ผู้ดูแลโจว แต่ก็ไม่ได้โกรธ นางตั้งใจจะลองฟังดูว่าอีกฝ่ายต้องการจะพูดอะไร“ตลาดมืดอินซานของเรามีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว หากจู่ ๆ เปลี่ยนชื่อ เช่นนั้นเกรงว่าผู้คนจะคิดว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นในตลาดมืด อาจส่งผลกระทบต่อการค้าของพวกเราได้”ปัญหาที่ผู้ดูแลโจวหยิบยกขึ้นมานั้นมีอยู่จริงปัญหานี้ กู้หว่านเยว่ก็เคยพิจารณามาก่อนแล้วแต่ในเมื่อนางจะเข้ามารับช่วงต่อตลาดมืดอินซาน ก็ต้องเปลี่ยนภาพลักษณ์ของตลาดมืดแห่งนี้อย่างแน่นอน เป็นไปไม่ได้ที่จะทำแบบเดิมอีกต่อไปเพราะถึงอย่างไรตลาดมืดก็เคยร่วมมือกับคนทูเจวี๋ย แถมยังเคยปล่อยยาสลบในงานประมูลที่เจดีย์หนิงกู่ ชื่อเสียงเลยเสื่อมเสียไปแล้วบางทีการเปลี่ยนชื่ออาจเป็นโอกาสที่ดีที่สุด และยังทำให้พวกเขาอดสงสัยไม่ได้ว่าตลาดมืดได้เปลี่ยนเจ้าของไปแล้วหรือไม่“เรื่องนี้ไม่เป็นไร ข้าได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ตลาดมืดอินซานของเราก่อตั้งม
“เถ้าแก่ ทูเจวี๋ยก่อเรื่องอะไรหรือขอรับ?”“คนทูเจวี๋ย เจ้าเล่ห์เพทุบาย ไม่ใช่คนดีอย่างแน่นอน ไม่ใช่พวกที่เราจะร่วมมือด้วยพวกเจ้าแค่จำคำพูดของข้าไว้ก็พอ ไม่จำเป็นต้องถามเหตุผลให้มาก”กู้หว่านเยว่มีสีหน้าเย็นชา ผู้ดูแลที่เพิ่งถามคำถามรีบพยักหน้า ไม่กล้าส่งเสียงอีก“พวกเจ้าออกไปก่อนเถอะ” เมื่อเห็นว่าสั่งการไปจนเกือบหมดแล้ว นางจึงโบกมือให้ทุกคนออกไป“ไปประกาศเรื่องการเปลี่ยนชื่อตลาดมืดเป็นสมาคมสมบัติลับ หากมีเรื่องอื่นใด ข้าจะแจ้งให้พวกเจ้าทราบอีกที”พูดมาถึงตรงนี้ สายตาของนางก็พลันหยุดอยู่ที่ผู้ดูแลโจว“ผู้ดูแลโจวอยู่ก่อน ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า”ผู้ดูแลโจวรีบอยู่ต่อ บนหน้าผากของเขาเริ่มมีเหงื่อเย็นผุดขึ้นมาด้วยความฉลาดของเขา ทำให้พอจะเดาได้ว่าเถ้าแก่ที่อยู่ตรงหน้านี้ อาจไม่ใช่เถ้าแก่คนเดิมแล้วความคิดนี้ทำให้เขารู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อย ไม่รู้ว่ากู้หว่านเยว่จงใจให้เขาอยู่ต่อหมายความว่าอย่างไร“ผู้ดูแลโจว เจ้าเป็นคนฉลาดตอนนี้ผู้ดูแลเวินหายตัวไปอย่างลึกลับ ข้าตั้งใจจะเลื่อนตำแหน่งให้เจ้าเป็นหัวหน้าผู้ดูแลคนใหม่ของตลาดมืด เจ้าเต็มใจหรือไม่?”“หา?”เมื่อได้ยินว่าเป็นเรื่อง
กู้หว่านเยว่ก็รู้ว่า การแทรกซึมเข้าไปในประเทศศัตรูไม่ใช่เรื่องง่ายแน่นอนความคิดนี้เกิดขึ้นชั่วคราวเท่านั้น ไม่นานก็ถูกนางทิ้งไว้ข้างหลัง“ที่นี่คือห้องเก็บเอกสารของตลาดมืด”กู้หว่านเยว่หยิบแฟ้มขึ้นมาเล่มหนึ่งอย่างไม่ตั้งใจ พลางเปิดออก มันคือการเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์ของตลาดมืดในเมื่อต้องการควบคุมดูแลตลาดมืด นางจึงต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนขึ้นเป็นธรรมดาการมาอยู่คราวนี้ หมายถึงหนึ่งคืนเต็ม ๆ“ฮูหยิน ไม่ได้การแล้วเจ้าค่ะ”ชิงเหลียนเหาะเข้ามา ด้วยคำสั่งของกู้หว่านเยว่ บัดนี้นางสามารถเข้าออกตลาดมืดได้อย่างอิสระเช่นกันเมื่อเห็นสีหน้าทนไม่ไหวของชิงเหลียน กู้หว่านเยว่ก็คาดเดาบางอย่างได้“เทียนซิงเยว่จากไปแล้วหรือ?”“เจ้าค่ะ”สายตาของชิงเหลียนมีแววประหลาดใจ ฮูหยินคาดเดาได้แม่นยำ“จากไปเมื่อกลางดึกคืนวานเจ้าค่ะ”นางเอ่ยเสียงเบา “ไป๋โม่อวี่ต้องการพบท่านกับนายท่าน”“ไป”กู้หว่านเยว่รีบก้าวเข้าไปดึงซูจิ่งสิงกลับไปที่เรือน ไป๋โม่อวี่รออยู่นานแล้วเขายังคงสวมชุดเจ้าบ่าว เทียนซิงเยว่ถูกเขาอุ้มไว้ในอ้อมแขน รอยยิ้มสงบสุขราวกับกำลังพริ้มหลับอยู่“ก่อนตายซิงเยว่มีความสุขมาก”เสีย
เขาก้มหน้าลง มองดูเทียนซิงเซว่ที่อยู่ในอ้อมกอดด้วยแววตาอ่อนโยนกู้หว่านเยว่เห็นพวกเขาสองคนรักใคร่กันอย่างลึกซึ้งเช่นนี้ ก็อดซาบซึ้งไปกับพวกเขาไม่ได้พูดกันตามตรง ความเกลียดชังของคนรุ่นก่อนนั้นไม่เกี่ยวกับพวกเขาสองคนจริง ๆ พวกเขาทั้งสองรู้จักรู้ใจกันเป็นอย่างดีด้วยสถานะเช่นนี้ เส้นทางที่ผ่านมาก็ไม่ใช่เรื่องง่ายจริง ๆ“ท่านพี่”กู้หว่านเยว่ใจอ่อนลงเล็กน้อย พลางมองไปยังซูจิ่งสิงเมื่อสบกับสายตาของภรรยา ซูจิ่งสิงก็รู้ความคิดของนาง พลางพยักหน้าเขาหันไปมองไป๋โม่อวี่ “พวกข้าจะไม่ฆ่าท่าน ท่านไปเถอะ หวังว่าจากนี้ไปจะเปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นมิตรได้ ท่านอย่าช่วยเหลือคนทูเจวี๋ยอีก และอย่าเป็นศัตรูกับเจดีย์หนิงกู่ของเราอีกต่อไป”ไป๋โม่อวี่ชะงักไปเล็กน้อย ค่อนข้างคาดไม่ถึงที่สองสามีภรรยาคู่นี้ได้ปล่อยเขาจริง ๆ“พวกท่านปล่อยข้าอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ตัดรากถอนโคนหรือ?”เขายิ้มเจื่อน ๆ “ถึงอย่างไรข้าก็เคยร่วมมือกับชาวทูเจวี๋ย พวกท่านไม่กลัวข้าหวนคืนกลับมาอีกหรือ?”“ถ้ามีวันนั้นจริง ๆ ข้าจะฆ่าท่านด้วยมือตัวเองแน่นอน”แววตาของซูจิ่งสิงเคร่งขรึม ไป๋โม่อวี่อดสั่นสะท้านไม่ได้เขาไม่กล้าล้อเล่นอีก แ
“คุณหนูหลี่”หลายคนกำลังพูดกันอยู่ก็เห็นถังหมิงรุ่ยวิ่งเข้ามาจากข้างนอกอย่างร้อนรน อาจเป็นเพราะเขาตื่นเต้นเกินไป เหงื่อบาง ๆ ผุดขึ้นที่สันจมูกของเขาเมื่อเห็นกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงอยู่ด้วย ถังหมิงรุ่ยก็เช็ดเหงื่อบนหน้าผาก แล้วทำความเคารพทั้งสอง“คารวะท่านอ๋องและพระชายา”“ลุกขึ้นเถอะ พวกเจ้ามีกิจอันใด?”กู้หว่านเยว่พอจะคาดเดาอะไรบางอย่างคลุมเครือ ก็เห็นถังหมิงรุ่ยเอ่ยด้วยใบหน้าแดงเรื่อ“พระชายา ข้าน้อยต้องการแต่งงานกับหรงหรง”สิ่งที่เขาคิดก็คือ ในเมื่อหลี่หรงหรงเป็นสาวใช้ของกู้หว่านเยว่ เรื่องนี้ก็ต้องได้รับการอนุมัติจากกู้หว่านเยว่“อุ๊บ!”กู้หว่านเยว่เกือบจะพ่นน้ำออกมา เจอเรื่องน่าตกใจเพียงนี้หลี่หรงหรงกัดฟันกรอด “คุณชายถัง ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าอย่าพูดถึงเรื่องนี้อีก? แล้วทำไมท่านยังวิ่งมาหาฮูหยิน ตั้งใจพูดเรื่องนี้โดยเฉพาะอีก”ถังหมิงรุ่ยสีหน้าคับข้องใจตั้งแต่ได้พบกับหลี่หรงหรง เขาก็กินไม่ได้นอนไม่หลับเขารู้ว่าตัวเองกำลังป่วยเป็นไข้ใจ แต่เขาไม่เคยมีประสบการณ์ในการตามจีบเด็กสาวมาก่อนเลยหลังจากครุ่นคิดสักครู่ สู้พูดให้ชัดเจนเลยดีกว่า จะได้ไม่เปิดโอกาสให้คนอื่นคว้า
“นั่นก็โทษพวกเราไม่ได้เช่นกัน ตอนที่นางแท้งบุตรท่านวิตกกังวลมากเช่นนั้น ใครที่ไม่รู้ก็คิดว่าท่านเป็นพ่อแท้ ๆ ของเด็ก” เนี่ยชิงหลานเสริมให้ใจความครบถ้วนต่อให้เป็นญาติมิตร ก็เป็นเรื่องปกติที่จะร้อนใจบ้าง แต่เมื่อพิจารณาจากสภาพของถังหมิงรุ่ย เห็นได้ชัดว่าสะเทือนใจถังหมิงรุ่ยยิ้มเจื่อน ๆ เด็กรับใช้ที่อยู่ข้าง ๆ รีบอธิบายว่า “มันเป็นเพราะว่าคุณชายเปี่ยวติดหวัดเสียชีวิตโดยไม่ทันระวัง เด็กในครรภ์ของอวี้ฮูหยินถือว่าเป็นบุตรหลังจากการล่วงลับของคุณชายเปี่ยวบัดนี้เด็กในครรภ์ของนางก็มาแท้งไป สายเลือดของคุณชายเปี่ยวสูญสิ้นอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นคุณชายของเราจึงรู้สึกเสียใจกับพวกเขา”ทุกคน: ...ถังหมิงรุ่ยสาบานต่อสวรรค์ “ฟ้าดินเป็นพยาน ในเรือนของข้าไม่มีภรรยาหรือสนมใด ๆ แน่นอน หากมีภรรยาหรือสนมอยู่ในเรือน แล้วข้ายังออกมาตามเกี้ยวหญิงไปทั่วอีก ก็ขอให้ฟ้าผ่าตาย”สกุลถังของพวกเขาก็ถือว่ามีขนบประเพณีของครอบครัวที่เคร่งครัดเช่นกันนายท่านถังมีเพียงฮูหยินผู้เฒ่าเป็นภรรยาเอกเพียงคนเดียว ในจวนไม่มีแม้สนมสักคนทั้งสองมีบุตรสองคน ครอบครัวชื่นมื่นมีความสุข ดังนั้นค่านิยมสามประการของถังหมิงรุ่ยจึงดีงามมา
รถม้าสองคันออกเดินทางพร้อมกัน ไม่นานก็ออกจากชานเรือนมาถึงด้านหน้าของร้านอาหารแห่งหนึ่งถังหมิงรุ่ยสมกับที่เติบโตมาในเขาอินซาน รู้จักร้านอาหารที่นี่อย่างทะลุปรุโปร่ง ได้พาพวกเขามาที่ร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่“ร้านอาหารแห่งนี้มีอาหารขึ้นชื่อมากมาย เราขึ้นไปเหมาห้องส่วนตัวที่ชั้นสองกันเถอะ”จะเห็นได้ว่าถังหมิงรุ่ยน่าจะเป็นลูกค้าประจำของที่นี่ ทันทีที่เข้ามาเจ้าของร้านก็พาพวกเขาขึ้นมาที่ชั้นสองอย่างกระตือรือร้นถังหมิงรุ่ยรับรายการอาหารจากมือของเจ้าของร้าน“ทุกท่านลองดูก่อน อาหารขึ้นชื่อหลักของเขาอินซานของเราก็คือแกะย่างทั้งตัวและเหล้านมม้า ยังมีผักป่าอีกมากมายที่บรรดาคนเลี้ยงสัตว์เก็บมาจากทุ่งหญ้า”เดิมทีหลี่หรงหรงก็เติบโตมาในเขาอินซาน ดังนั้นจึงไม่ค่อยสนใจอาหารขึ้นชื่อเหล่านี้ อาหารเหล่านี้นางกินมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว แต่คนอื่นนั้นไม่เหมือนกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งเนี่ยชิงหลาน การได้เห็นอาหารเหล่านี้มันช่างแปลกหูแปลกตาจริง ๆ“หญ้ากันลมนี่คือผักอะไรกัน? ฟังดูน่าสนใจดี”“หญ้ากันลมเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่ง สามารถดับร้อนและขับพิษได้ คนเลี้ยงสัตว์ในท้องถิ่นค้นพบโดยบังเอิญว่าสมุ
“นี่ท่านถูกพิษกระนั้นหรือ?”กู้หว่านเยว่เอียงศีรษะจับชีพจรให้เขา จับชีพจรอย่างละเอียดอยู่นาน ถึงพูดออกมาอย่างแปลกใจ“พิษนี้แปลกยิ่งนัก”“อย่างไรหรือ?” ไป๋หลี่ชิงซีเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ เสียดายเขามีใบหน้าหล่อเหลา แต่กลับเป็นคนพูดมากคนหนึ่ง“ยาพิษนี้มองดูแล้ววางยาได้ยุ่งยากอย่างมาก จะถอนพิษกลับยุ่งยากยิ่งกว่า แต่แปลกก็แปลกที่พิษนี้ไม่ส่งผลร้ายต่อร่างกายคน พิษน้อยมาก เพียงแต่ยากจะถอนออกได้”ดังนั้นบัดนี้มองท่าทางของต้วนหลานซิวดูแล้ว ยังมีชีวิตชีวา ไม่คล้ายคนถูกวางยาพิษ“ฟังท่านพูดแล้วคล้ายเป็นเช่นนี้จริงเสียด้วย”ไป๋หลี่ชิงซีเองก็ไม่โง่คนทั่วไปวางยาผู้อื่น บ้างก็เพื่อฆ่าคนผู้นั้นให้ตายคาที่ บ้างก็ต้องการใช้พิษควบคุมเขาฝ่ายแรกออกฤทธิ์เร็ว พิษร้ายแรงมาก ไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็สามารถทำให้พิษกำเริบจนเลือดออกทวารทั้งเจ็ดและตายไปฝ่ายหลังเล่า แม้ว่าไม่ถึงแก่ชีวิต แต่หากพิษกำเริบก็ทำให้คนเจ็บปวดทรมาน หาไม่แล้วจะสามารถควบคุมคนผู้นั้นได้เยี่ยงไร?ทว่ายาพิษภายในร่างกายของต้วนหลานซิวแปลกมากไม่เพียงไม่มีพิษ หนำซ้ำยังทำร้ายร่างกายน้อยมาก เพียงแต่ยากจะถอนพิษได้ก็เท่านั้น“อาจารย์อาเล็ก ท่าน
ซูจิ่งสิงใคร่ครวญครู่หนึ่ง กลับมิได้เอาแต่ใจเกินไป ฟังความเห็นของกู้หว่านเยว่เรื่องของลูกชายลูกสาวคือวาสนาไม่อาจฝืนได้เขามอบสำเนาคำสารภาพให้ฉู่เฟิง ออกคำสั่ง“ประกาศออกไป”“พ่ะย่ะค่ะ” ฉู่เฟิงรับของไป บังเอิญไป๋หลี่ชิงซีเดินเข้ามาจากภายนอกพอดี“อาจารย์อาเล็กของข้ามาแล้วขอรับ”ยามกู้หว่านเยว่อยู่ที่เมืองเหยาก็ให้เขาเดินทางมาแล้วคิดไม่ถึงระหว่างเดินทางจะได้เผชิญหน้ากับแผ่นดินไหว เสียเวลาไปหลายวันดังนั้นจึงเปลี่ยนเส้นทางมายังซุ่ยโจว ทุกคนมารวมตัวกันที่ซุ่ยโจว“ท่านรีบพาเขาเข้ามาเร็วเข้า”บัดนี้กู้หว่านเยว่มีเวลาว่าง ไม่มีธุระอะไร ผ่านไปอีกครู่ก็ไม่แน่แล้ว ลั่วยางสามารถมาหานางได้ทุกเมื่อ“ได้”ไป๋หลี่ชิงซีหันหลังกลับ พาอาจารย์อาเล็กเข้ามา“ท่านอาจารย์อาเล็กรีบเข้ามาเถอะเจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่เคยพบอาจารย์ของไป๋หลี่ชิงซีมาก่อน มีภาพของอาจารย์อาเล็กอยู่ภายในใจ คาดว่าน่าจะเหมือนกับอดีตเจ้าสำนักผู้ล่วงลับ ไว้เคราสีเทาและมีสีหน้าขรึมเคร่งตลอดเวลาคิดไม่ถึง ไป๋หลี่ชิงซีจะพาท่านอาผู้หล่อเหลาอายุราวสามสิบเข้ามาคนหนึ่ง“ข้าต้วนหลานซิว คารวะท่านอ๋องและพระชายา”ท่านอาผู้หล่อเหลาหรื
“ใช่แล้ว”ซูจิ่งสิงพยักหน้า กอดกู้หว่านเยว่พลางอธิบาย“ภายในมือของเว่ยเฉิงมีจุดอ่อนของหลี่กวงถิง เขาเพียงเข้าคุกและพูดกับเขาสองสามประโยค ก็ทำให้หลี่กวงถิงตกใจหน้าถอดสีแล้ว เปลี่ยนคำพูดยอมเขียนคำสารภาพ”เว่ยเฉิงคนนี้ช่างมีความสามารถโดยแท้ตรงข้ามกันร้ายกาจกว่าในต้นฉบับมาก“เจียงหรงใกล้คลอดแล้ว”ซูจิ่งสิงกอดกู้หว่านเยว่ สุ้มเสียงนุ่มนวลอยู่บ้าง“เว่ยเฉิงเองก็เหมือนข้า เป็นคนหลงภรรยาคนหนึ่ง เมื่อหนึ่งเดือนก่อนเขาเองก็เขียนจดหมายให้ข้าพูดว่าหลังกลับจากเขตซีเป่ยจะขออยู่เป็นเพื่อนยามเจียงหรงคลอด ข้าอนุญาตแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้าในต้นฉบับ เดิมทีเว่ยเฉิงและเจียงหรงก็รักกันอย่างลึกซึ้งยิ่งไม่ต้องพูดถึงจุดจบอันแสนโหดร้ายของเจียงหรงในตอนท้ายหากเว่ยเฉิงฝันถึงอดีต ได้เห็นจุดจบของเจียงหรงในต้นฉบับ เช่นนั้นสำหรับภรรยาของเขาคนนี้ เขาจะต้องรักและให้ความสำคัญมากยิ่งกว่าตอนแรกแน่“เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน ผู้หญิงคลอดลูกคือต้องผ่านประตูวิญญาณมาหนึ่งรอบ มีสามีของตนอยู่ข้างกาย นี่ก็เป็นเรื่องดีต่อเจียงหรง”กู้หว่านเยว่ไม่พูดอะไรซูจิ่งสิงได้ยินแล้วกลับดีใจต้องผ่านประตูวิญญาณมาหนึ่งรอบ เขา
“นี่หมายความว่ากระไร?”เฉิงทั่วงุนงง ไม่อาจตอบสนองในทันทีเลยได้“เทพเจ้าเห็นราษฎรน่าสงสารจึงประทานยาให้”กู้หว่านเยว่พูดทิ้งท้ายอย่างลึกลับไว้หนึ่งประโยค จูงซูจิ่งสิงหันหลังจากไป อย่างไรเสียเฉิงทั่วก็ไม่สามารถถามจนถึงที่สุดได้“แม่ทัพเฉิง อย่าลืมลงไปรับโทษยี่สิบไม้ทหารเล่า”ก่อนจากไป ซูจิ่งสิงเอ่ยเตือน“ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้เลย!”ขอเพียงราษฎรเมืองซุ่ยโจวได้รับความช่วยเหลือ ยังไม่ต้องพูดถึงยี่สิบไม้ทหาร ต่อให้เป็นห้าสิบไม้เขาก็ยอมเฉิงทั่วลงไปอย่างมีความสุขถูกตี เขากลับยังมีความสุขมาก“น้องหญิง มีข่าวด่วนส่งมา”ซูจิ่งสิงรับจดหมายบนขาของนกพิราบทองคำ หลังอ่านแล้วก็เผยสีหน้าตื่นเต้นออกมาอย่างกะทันหัน“เกิดอันใดขึ้นหรือเจ้าคะ?”กู้หว่านเยว่เดินเข้าไปหยุดข้างกายเขา ซูจิ่งสิงรีบส่งจดหมายให้นาง“เจ้าอ่านดู!”นางก้มหน้าอ่าน ใบหน้าเผยแววตกตะลึงระคนดีใจ“หลี่กวงถิงยอมออกหน้าอธิบายแล้ว ดีเหลือเกิน”นับตั้งแต่กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงจับตาเฒ่าหลี่กวงถิงคนนี้เป็นเชลยแล้ว ก็ขังเขาไว้ในคุกใหญ่อยู่ตลอด รอเขาเขียนคำสารภาพตาเฒ่าคนนี้ไม่ยอมแพ้มาโดยตลอดคิดไม่ถึงเลยว่าจะคิดตกแล้ว“ท่านพ
แม้ว่าภายในมิติของนางจะมีแปลงสมุนไพร แต่ภายในแปลงสมุนไพรล้วนปลูกสมุนไพรหายาก ไม่มีสมุนไพรรักษาโรคไข้รากสาดน้อยธรรมดาดังนั้น สมุนไพรเหล่านี้ล้วนเป็นกู้หว่านเยว่ซื้อจากแพลตฟอร์มซื้อขายการแจกจ่ายยาเริ่มขึ้นอย่างว่องไวเหล่าราษฎรขยับขึ้นมาทีละคน ขบวนคนเริ่มขยับอย่างเชื่องช้า“พี่หญิงหว่านเยว่ ท่านไปพักผ่อนก่อนเถอะ”ลั่วยางเข้ามาเตือนนางหนึ่งประโยค เอ่ยปากอย่างห่วงใย“ข้าบอกกับหมอเหล่านั้นแล้ว หากพวกเขาไม่แน่ใจโรค ค่อยมาถามข้าเจ้าค่ะ”นางอธิบาย“หากข้าเองก็หมดหนทาง ค่อยให้คนเข้าไปหาท่าน”กู้หว่านเยว่พยักหน้า “เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน”เกาเจี้ยนสบมองลั่วยางอย่างสงสาร “ยางเอ๋อร์ เจ้าต้องเหนื่อยแล้ว”แม้พูดว่าด้านหน้ายังมีหมอตรวจอาการก่อนแต่คนมากถึงเพียงนี้ ย่อมมีหมอที่รักษาไม่ได้รวมเข้าด้วยกัน ก็เพียงพอให้ลั่วยางยุ่ง“ข้าไม่เป็นไร สามารถรักษาราษฎรได้ ช่วยได้หนึ่งชีวิตก็คือหนึ่งชีวิต”ลั่วยางหยิบธงหนึ่งผืนออกมา สองสามคนมองดู ได้เห็นตัวอักษรคำว่าหุบเขาราชาโอสถสามคำบนนั้น“ข้ารับปากท่านอาจารย์ไว้แล้ว จะต้องหาโอกาสประกาศเรื่องหุบเขาราชาโอสถดีๆบังเอิญจะได้ฉวยโอกาสนี้ประกาศให้ราษฎ
ทหารชั้นผู้น้อยคนหนึ่งวิ่งเข้าอย่างรีบร้อนจากด้านนอกประตู พูดออกมาอย่างลนลาน ทำให้เฉิงทั่วตื่นตระหนก“มีอันใด เกิดอันใดขึ้นหรือ?”หรือว่ากลัวสิ่งใดสิ่งนั้นก็มากระนั้น?“ด้านนอกประตู ด้านนอกประตูมีราษฎรป่วยหนักมากมายมาขอรับ ต่อแถวยาวเหยียดอยู่ด้านนอกประตู แถวยาวไปจนถึงประตูเมืองแล้ว”ทหารชั้นผู้น้อยกลืนน้ำลายอึกหนึ่ง ไม่เคยเห็นแถวยาวเช่นนี้มาก่อน“ที่แท้ก็มีคนต่อแถวมากนี่เอง”เฉิงทั่วตบศีรษะทหารชั้นผู้น้อยทีหนึ่งอย่างไม่สบอารมณ์ “ครั้งหน้าพูดให้เข้าใจหน่อย อย่าหายใจแรง ทำข้าตกใจแทบตาย”ทหารชั้นผู้น้อยลูบศีรษะ บ่นพึมพำเสียงแผ่ว “คำนี้ของท่านแม่ทัพ หรือว่านี่ไม่ทำให้คนตกใจกันเล่า?”ราษฎรมากถึงเพียงนี้ล้อมจวนแม่ทัพไว้ หากเกิดความวุ่นวาย ทำให้คนตายจะทำเยี่ยงไร?“เจ้า นำทหารม้าสองหน่วยไปดูแลรักษาความเรียบร้อยบนถนนให้ดี”เฉิงทั่วชี้ไปยังคนสนิทที่หน้าประตู เห็นว่าถึงเวลาแจกจ่ายยาแล้ว เขาเตรียมไปดูสถานการณ์ที่หน้าประตูจวนแม่ทัพในเวลานี้ หน้าประตูจวนแม่ทัพคลาคล่ำไปด้วยผู้คนเหล่าราษฎรรอคอยอย่างมีความหวัง หวังว่าจะสามารถได้รับยาเพียงพอเพื่อช่วยตนเองหรือคนในครอบครัว“จะเริ่มแจกจ่าย
เขาครุ่นคิดอยู่สักครู่ พลางแอบมองสีหน้าของซูจิ่งสิง ไม่กล้าอยู่ในเรือนนานเกินไป จึงรีบออกไปพร้อมกับรองแม่ทัพ“ท่านแม่ทัพ สิ่งที่พระชายาพูดเป็นความจริงหรือไม่? คงไม่ได้คุยโวหรอกนะ?”หลังจากที่ทั้งสองออกมาข้างนอกแล้ว รองแม่ทัพก็พูดขึ้น“ประชาชนที่ป่วยในเมืองไม่ใช่แค่คนหรือสองคน ยามากมายขนาดนั้น พระชายาจะหามาได้หรือ?”เขาคิดอยู่เสมอว่าคำพูดของกู้หว่านเยว่นั้นไม่น่าเชื่อถือบางทีอาจเป็นเพราะวันนี้ถูกแม่ทัพชี้หน้าตำหนิ รู้สึกทั้งอายทั้งโกรธ ต้องการทวงศักดิ์ศรีคืนมา จึงได้พลั้งปากคุยโวโอ้อวดออกไป“ไม่รู้สิ”เฉิงทั่วส่ายหัวสติปัญญาบอกเขาว่า กู้หว่านเยว่นั้นไม่สามารถหาสมุนไพรได้มากมายขนาดนั้นภายในระยะเวลาอันสั้นแน่นอนแต่เขาก็นึกถึงตอนที่โจมตีเมืองเหยาขึ้นมาอีก ดินปืนและกระสุนปืนใหญ่เหล่านั้นที่ส่งลงมาจากเมือง รวมถึงธนูที่มีรัศมีการยิงไกลมากสิ่งของเหล่านี้เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนถ้าหากในตอนนี้สิ่งของที่เขาไม่คาดคิด กู้หว่านเยว่บังเอิญมีพอดีล่ะ?“ถ้าอย่างนั้นคำสั่งของพระชายาเมื่อครู่นี้ พวกเรายังต้องปฏิบัติตามหรือไม่?”รองแม่ทัพค่อนข้างเป็นกังวล“เมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกไป อีกสาม
เขามีสีหน้าร้อนใจ ชิงเหลียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ท่านรอสักครู่ ข้าจะเข้าไปรายงานก่อน”ภายในห้อง กู้หว่านเยว่ได้ยินเสียงดังเอะอะจากด้านนอกแล้ว จึงรีบพาซูจิ่งสิงออกมาจากมิติในขณะที่ชิงเหลียนเข้ามา นางกำลังเปิดประตูพอดี“พระชายา แม่ทัพเฉิงอยู่ข้างนอก...”“ข้าได้ยินทุกอย่างแล้ว เจ้าให้เขาเข้ามาเถอะ”กู้หว่านเยว่หาวนอน“อ้อ ถือโอกาสรับประทานอาหารเช้าไปด้วย”เมื่อคืนนี้ นางและซูจิ่งสิงยุ่งอยู่ในมิติตลอดทั้งคืน“เพคะ”ชิงเหลียนรีบออกไป เฉิงทั่วก็เข้ามาจากทางด้านนอกอย่างไม่พอใจ“คารวะท่านอ๋องและพระชายา”เขาทำความเคารพแบบขอไปที แล้วเริ่มบ่นว่า“พระชายา เมื่อคืนข้าน้อยเตือนท่านแล้วว่า จะช่วยเหลือผู้คนในเมืองนี้ส่งเดชไม่ได้ อาจก่อให้เกิดความโกลาหลได้”น้ำเสียงของเขาไม่สู้ดีนัก“ดูสิ เมื่อวานท่านนำหญิงผู้นั้นมารักษาในจวนละแวกนี้ ผลปรากฏว่าเรื่องนี้ถูกผู้มีเจตนาเผยแพร่ออกไปเมื่อเช้านี้ เวลานี้ด้านนอกจวนแม่ทัพมีผู้ป่วยเต็มไปหมดท่านก็รู้ เมื่อเกิดความโกลาหลขึ้นมา จะกลายเป็นเรื่องใหญ่”เมื่อเฉิงทั่วพูดถึงความร้อนใจ ก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองกู้หว่านเยว่ สายตานั้นเต็มไปด้วยคำถาม“แม่ทั
ยิ่งไปกว่านั้นยังสวมถุงมือและผ้าคลุมหน้าอีกด้วยเห็นได้ชัดว่าหญิงผู้นั้นอับจนหนทางแล้ว พอเข้ามาก็คุกเข่าลงตรงหน้าพวกเขาทันที“ท่านผู้สูงศักดิ์ทั้งหลาย พวกท่านได้โปรดช่วยลูกของข้าด้วย เขาเพิ่งห้าขวบเท่านั้น”หญิงผู้นั้นกอดลูกไว้แน่นในอ้อมแขน“เขาฉลาดมาก และเชื่อฟังมากด้วย มักจะช่วยข้าทำงานอยู่บ่อยครั้ง สามารถอ่านหนังสือและจดจำตัวอักษรได้ตั้งแต่ยังเด็กเช่นนี้ พวกท่านได้โปรดช่วยชีวิตเขาด้วย ต่อให้ต้องเอาชีวิตของข้าก็ตาม”หญิงผู้นั้นร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหลกู้หว่านเยว่ให้นางวางลูกลงบนเบาะนุ่ม เพื่อสะดวกในการตรวจวินิจฉัย“แล้วพ่อของเด็กล่ะ เหตุใดเจ้าถึงอยู่ที่นี่คนเดียว?”หญิงผู้นั้นมีอาการป่วยอย่างเห็นได้ชัด แก้มตอบลึก“ตาย ตายแล้ว”หญิงผู้นั้นสะอึกสะอื้นตอบ“เป็นไข้หวัด ไม่มียารักษา ทนได้ไม่ถึงครึ่งเดือนก็ตายแล้ว”กู้หว่านเยว่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง “ขอโทษนะ”หญิงผู้นั้นส่ายหัว “มันคือโชคชะตา แต่ขอให้หมอช่วยชีวิตลูกของข้าด้วย แม้ว่าต้องการให้ข้าไปตาย ข้าก็เต็มใจ”กู้หว่านเยว่ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกเจ็บปวด ซูจิ่งสิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็กำหมัดทั้งสองแน่น“ไม่ต้องให้เจ้าไปตายหรอก ให้ข้าดู