“พวกท่านดูเหมือนคนต่างถิ่น ไม่เหมือนชาวเขาอินซานของเรา ไม่ทราบว่ามาที่เขาอินซานด้วยกิจธุระใด?”กู้หว่านเยว่แปลกใจ คนผู้นี้ก็มีความอดทนมากเหลือเกิน ถูกประชดประชันขนาดนี้ยังไม่ยอมสะบัดแขนเสื้อไปไหนนางคิดดูสักครู่ แล้วถือโอกาสพูดเสียเลย“พวกข้ามาที่เขาอินซานเพื่อทำธุระ”“มาทำธุระ บังเอิญข้าเป็นคนที่นี่ ถ้าพวกท่านไม่รังเกียจ ก็สามารถพักที่บ้านข้าได้ ข้าจะต้อนรับพวกท่านเป็นอย่างดีแน่นอน”เวินเอ้อร์ยิ้มตาหยี ในใจเริ่มคิดสกปรกกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงสบสายตากัน ฝ่ายหลังพยักหน้า “ได้สิ”พอดีจะได้ดูว่าเวินเอ้อร์ผู้นี้คิดจะทำอะไรกันแน่“กินอิ่มแล้ว เดินทางต่อเถอะ”กู้หว่านเยว่ปรบมือ ให้คนไปทำความสะอาดหม้อและผ้าน้ำมันก่อนจะเก็บเข้าที่เมื่อเวินเอ้อร์เห็นพวกเขาตอบตกลงแววตาก็เป็นประกาย รู้สึกภาคภูมิใจเล็ก ๆ ยังคิดว่าทั้งสองฉลาดมากแต่ปรากฏว่า ตกหลุมพรางเขาเข้าแล้ว“คุณชายน้อย ต่อไปเรา...”เด็กรับใช้ทำสัญลักษณ์มือที่คอ เวินเอ้อร์รีบพูดว่า “ห้ามบุ่มบ่าม สองคนนี้ไม่ใช่คนที่รับมือได้ง่าย ๆ”พวกเขาทั้งสองให้เขาตามไป แต่เขายังไม่ยอมคลายความระแวดระวังอย่างสมบูรณ์“ลองหยั่งเชิงพวกเขาก่อนแล้
“ไม่ต้องกลัว นี่คือละครสนุก ๆ ให้เราดูที่กำกับโดยผู้อื่น พวกเราแค่ดูเฉย ๆ ก็พอ”กู้หว่านเยว่พื้นเพเป็นคนช่างปลอบประโลม น้ำเสียงราบเรียบทำให้ชิงเหลียนตระหนักถึงบางอย่างในทันที“หรือว่าจะเป็นคนเมื่อกี้...”นางเข้าใจในทันที ฮูหยินอาจสังเกตเห็นความผิดปกติได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ แต่ก็ไม่ได้ลงมือทำอะไร แค่อยากล่องูออกจากรู ดูว่าอีกฝ่ายจะใช้วิธีการใด“มีคนเข้ามาแล้ว”ซูจิ่งสิงเอ่ยเตือน กู้หว่านเยว่หูไวจนได้ยินเสียงฝีเท้าจำนวนไม่น้อยกำลังใกล้เข้ามาทางด้านนี้ตามคาดเมื่อทั้งสองเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นคนชุดดำกว่าสิบคนวิ่งห้อออกมาจากส่วนลึกของทุ่งหญ้า พร้อมระดมยิงธนูใส่พวกเขาอย่างต่อเนื่อง“ฮูหยินระวัง”องครักษ์จันทราทั้งหลายลงมือพร้อมกันทันที แต่กู้หว่านเยว่กลับไม่เกรงกลัวพวกเขาเลย รถม้าคันนี้ถูกนางดัดแปลงมาก่อน ลูกศรจากภายนอกยิงเข้ามาไม่ได้เลยเมื่อเห็นพวกเขายิงธนูพร้อมกัน นางก็รีบกดกลไกภายในรถม้าทันที ทันใดนั้นหน้าต่างที่เปิดอยู่ทั้งหมดก็ปิดลง ลูกศรที่ถูกยิงมาก็ถูกกั้นไว้ภายนอกหลี่หรงหรงตกใจจนซุกตัวลงใต้โต๊ะ สุดท้ายพบว่าหน้าต่างทั้งสองด้านปิดลงพร้อมกันอย่างฉับพลันโดยไม่ทราบสาเหตุ ไม่มีลูกศรใ
“พวกข้าไม่เป็นอะไร ทำให้คุณชายเวินผิดหวังเสียแล้ว”กู้หว่านเยว่ยกมือเปล่าขึ้น แล้วป้อนยาถอนพิษให้ม้าหนึ่งเม็ดสีหน้าของเวินเอ้อร์แข็งทื่อไปชั่วขณะ “ข้าไม่ได้หมายความเช่นนี้ ข้าเป็นห่วงพวกท่าน ถึงได้ติดตามมาด้วย”เวลาช่างประจวบเหมาะเกินไป ใครจะไปเชื่อคำแก้ตัวของเขา กู้หว่านเยว่ก็ขี้เกียจจะกระชากหน้ากากเขา“ฉู่เฟิง เจ้าไปหาคุณชายเฉิง บอกเขาว่าม้ายังไม่ตื่นดี ให้เขารอพวกเราอีกครึ่งชั่วยาม”เมื่อครู่ขณะที่ม้ากำลังฉุนเฉียว นางได้ส่งเข็มฉีดยาให้ซูจิ่งสิง เพื่อทำให้ม้าสลบไปแม้ว่าจะป้อนยาถอนพิษไปแล้ว แต่กว่าม้าจะฟื้น ก็ต้องใช้เวลาอีกสักพัก“ขอรับ” ฉู่เฟิงรีบออกไปขณะนี้เฉิงเซวียนตกใจมาก ก่อนที่ม้าจะคลุ้มคลั่ง เขากำลังติดตามกู้หว่านเยว่อยู่ทางด้านหลัง อยู่ดี ๆ ก็เห็นม้าของนางเริ่มคลั่ง วิ่งห้อลากรถม้าหายไปอย่างไร้ร่องรอยภายในชั่วพริบตา เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะตั้งสติไล่ตามไป“พวกเขาถูกสังหารหมดแล้วหรือ?”เมื่อเฉิงเซวียนได้ยินว่ามีคนชุดดำ ก็คิดไปถึงตลาดมืดทันที“ดูเหมือนว่าพวกเราจะถูกตลาดมืดจับตามอง”แต่ก็เป็นเรื่องปกติ นี่คืออาณาเขตของตลาดมืด ยากที่จะไม่ถูกพวกเขาค้นพบ“นายท่านบอกว่าพว
“แล้วเจ้าทำเพื่ออะไร?”หลี่หรงหรงก็เป็นคนฉลาดคนหนึ่ง สายตาเปลี่ยนไปมีการตอบสนองทันที กู้หว่านเยว่ต้องการใช้แผนซ้อนแผน“เอาเป็นว่า ไม่ว่าพวกเจ้าจะวางแผนยังไง สุดท้ายแล้วพวกเจ้าก็ต้องให้ข้าสังหารเขาด้วยมือข้าเอง”“สิ่งที่ข้ารับปากกับเจ้าไว้จะไม่เปลี่ยนแปลง”กู้หว่านเยว่มองหน้าหลี่หรงหรง อดครุ่นคิดไม่ได้เวินเอ้อร์รู้แล้วว่ายังมีคนอื่นอยู่ในรถม้า ด้วยนิสัยของเขา ต้องแอบสังเกตการณ์แน่นอนแม้ว่าหลี่หรงหรงจะซ่อนตัวอยู่ในรถม้า แต่ก็ยากที่จะรับประกันว่าอีกฝ่ายจะไม่ฉวยโอกาสแอบดูในขณะที่พวกเขาไม่ได้สังเกต“เจ้าไม่สามารถปรากฏตัวต่อหน้าคนอื่นในชุดนี้ได้อีก เอาอย่างนี้แล้วกัน ข้าจะแปลงโฉมให้เจ้า”กู้หว่านเยว่นำกล่องอุปกรณ์การแพทย์เข้ามา ทำให้หลี่หรงหรงเบิกตากว้าง“แปลงโฉม เจ้ารู้ทักษะแปลงโฉมด้วยหรือ?”ดวงตาของนางฉายแววประหลาดใจ ยังมีอะไรอีกที่กู้หว่านเยว่ทำไม่ได้?“รู้นิดหน่อย แต่ห้ามดูใกล้ ๆ”ไม่ได้นำหน้ากากหนังมนุษย์ของปรมาจารย์แพทย์มาด้วย ทำได้เพียงแปลงโฉมอย่างเรียบง่ายเท่านั้นกู้หว่านเยว่แอบย้ายอุปกรณ์แปลงโฉมจากมิติมาไว้ในกล่องอุปกรณ์การแพทย์ จากนั้นเปิดกล่องออก แล้วเริ่มแต่งหน้าใ
“ทุกวันมีผู้หญิงเข้าออกมากมายเหลือเกิน แต่ถ้าท่านหมายถึงคนที่มาตามลำพัง ข้าก็ไม่เคยเห็นจริง ๆ” เจ้าของร้านส่ายหัวเฉิงเซวียนผิดหวังเป็นอย่างมาก หัวใจกำลังจะแตกสลาย“น้องหญิง เจ้าอยู่ที่ไหนกันแน่?”เขาเป็นห่วงในตอนแรกเริ่ม จนสุดท้ายนั้นกลัวมากกู้หว่านเยว่ถอนสายตากลับ คนที่นางส่งไปสืบหาที่อยู่ของเนี่ยชิงหลานก็ไม่ได้กลับมาอาศัยจังหวะตอนที่เจ้าของร้านมารินน้ำ กู้หว่านเยว่สอบถามว่า “เถ้าแก่ แถวนี้ทำไมมีคนเข้าออกมากมายเช่นนี้ล่ะ?”“คนเหล่านี้ล้วนมาเพื่อเข้าร่วมงานประมูลของตลาดมืด”เจ้าของร้านมองพวกเขาด้วยความสงสัย “หรือว่าพวกท่านไม่ได้มาที่นี่เพื่อเข้าร่วมงานประมูล?”“พวกข้าไม่ค่อยเข้าใจงานประมูลนี้ เถ้าแก่แนะนำพวกข้าหน่อยได้ไหม?”“พรุ่งนี้เวลาสองทุ่ม จะมีงานประมูลเล็ก ๆ จัดขึ้นในตลาดมืด ดังนั้นช่วงนี้จึงมีคนเข้ามามากมาย”กู้หว่านเยว่เข้าใจแล้ว ดูท่าทางตลาดมืดอินซานก็ไม่ได้ซ่อนเร้นไว้ น่าจะมีหลายคนรู้จัก เพียงแต่เมื่อก่อนพวกเขาไม่เคยเข้าไปทำความรู้จัก ไม่เช่นนั้นวันนี้ก็คงไม่มีคนมามากมายขนาดนี้“ขอบคุณเถ้าแก่” กู้หว่านเยว่ดื่มชาอย่างสงบเยือกเย็น เวินเอ้อร์ดูอดกลั้นไม่ไหว “พวกท่า
เวินทิงอวิ๋นมองไปทางรถม้า เห็นสาวใช้ทั้งอัปลักษณ์และกำยำคนหนึ่งตามมาทางด้านหลัง ก็หมดความสนใจไปในทันทีเขาละสายตา แล้วเดินไปข้างหน้าเพื่อนำทาง“ห้องรับรองแขกด้านหลังได้ถูกเก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว ท่านสามารถเลือกได้ตามใจชอบ ถูกใจก็เข้าไปอยู่ได้เลย”“ขอบคุณมาก“ กู้หว่านเยว่พยักหน้าหลายคนอ่อนเปลี้ยเพลียแรงจากการเดินทางหลายวัน เหน็ดเหนื่อยจริง ๆ จึงนั่งลงบนเก้าอี้โดยไม่เกรงใจเฉิงเซวียนเดินเข้ามาใกล้กู้หว่านเยว่ พลางกระซิบว่า “ฮูหยิน ข้าอยากออกไปตามหาว่ามีร่องรอยของน้องหญิงหรือไม่” “ไม่ต้องร้อนใจ ข้าได้ส่งคนออกไปตามหาข้างนอกแล้ว”กู้หว่านเยว่วางแผนที่จะจัดการกับเวินทิงอวิ๋นให้เสร็จก่อน “พรุ่งนี้เราค่อยออกไปค้นหาด้วยกันอีกครั้ง”“ตกลง”เฉิงเซวียนนึกไม่ถึงว่านางได้ส่งคนออกไปแล้ว เมื่อเห็นกู้หว่านเยว่เอาใจใส่เนี่ยชิงหลานมากเช่นนี้ ก็อดรู้สึกขอบคุณไม่ได้“ขอบคุณฮูหยิน เมื่อหาน้องหญิงพบ ข้าจะขอบคุณฮูหยินอย่างเต็มที่”“อืม”กู้หว่านเยว่พยักหน้า ตอนนี้หวังว่าเนี่ยชิงหลานจะไม่เป็นอะไรมาก“ซูฮูหยิน ข้าน้อยได้ให้ผู้ติดตามออกไปซื้อแกะย่างสองตัว ตกกลางคืนเราจะกินแกะย่าง ดื่มเหล้านมม้า”เว
เซี่ยเหอลองสะกิดเฉิงเซวียน เมื่อเห็นเขาไม่ตอบสนอง ก็รีบพูดว่า “พี่ใหญ่เฉิงเมาแล้ว เช่นนั้นข้าพยุงเขาไปพักผ่อนก่อนดีกว่า”นางมีแววตากระตือรือร้น เพิ่งลุกขึ้นได้ ก็ล้มลงกับพื้น“หัว เวียนหัวมาก”ผู้คนในชานเรือนล้มลงกับพื้นทีละคน แม้แต่กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงก็ยังกุมหัว วิงเวียนศีรษะอย่างรุนแรง จากนั้นก็ฟุบลงหมดสติบนโต๊ะ“ไอ้โง่”เวินทิงอวิ๋นโยนแก้วเหล้าออกไปทางด้านหนึ่ง แล้วหัวเราะอย่างภาคภูมิใจยังนึกว่าสองสามีภรรยาคู่นี้จะเก่งสักแค่ไหน ผลปรากฏว่าทั้งสองเห็นแก่กิน ตกหลุมพรางเขาเข้าจนได้“เหล้านมม้าเพียงนิดเดียว ก็ทำให้พวกท่านคลายความระแวดระวังเสียแล้ว พวกท่านไม่รู้หรือว่า บนโลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่ากาเหล้าสองชั้น?”เวินทิงอวิ๋นกดกาเหล้าในมือ กาเหล้าสองชั้นใบนี้เขาจ่ายเงินซื้อมาในราคาสูง บนฝาของกาเหล้ามีปุ่มอยู่สองปุ่ม กดปุ่มสีแดงคือปลอดพิษ กดปุ่มสีน้ำเงินที่รินออกมาคือเหล้าผสมยาสลบขณะที่เวินทิงอวิ๋นรินเหล้าให้พวกเขา ได้กดปุ่มสีน้ำเงินค้างไว้ตลอดเมื่อรินเหล้าให้ตัวเอง ก็จะเปลี่ยนไปกดสีแดงนี่คือสาเหตุว่า เหตุใดเขาดื่มเหล้านมม้าด้วยกันแต่ไม่เป็นอะไร“ใต้เท้า ตอนนี้ควรทำยังไงด
เวินทิงอวิ๋นนั่งลงอย่างภาคภูมิใจ ซูจิ่งสิงพูดอย่างไม่ปรานี “เวินทิงอวิ๋น”เวินทิงอวิ๋น: ...ไม่ใช่แล้ว เหตุใดสองคนนี้ถึงคาดเดาตัวตนของเขาได้รวดเร็วเช่นนี้ เขายังคิดจะแกล้งโง่อีกสักหน่อย“พวกเจ้าคาดเดาตัวตนของข้าได้ ก็ไม่จำเป็นต้องพูดไร้สาระอะไรอีกพูดตามตรง พวกเจ้าเอาสมบัติทั้งหมดในห้องเก็บของของตลาดมืดไปไว้ที่ไหนแล้ว”เวินทิงอวิ๋นถือแส้ด้วยรอยยิ้มอำมหิต “พวกเจ้าสามารถเลือกที่จะไม่พูด แต่อย่ามาหาว่าแส้ในมือของข้าไม่ไว้หน้าเลย”กู้หว่านเยว่ตั้งใจจะแกล้งเขา“เจ้าอยากรู้ว่าสมบัติในห้องเก็บของอยู่ที่ไหนหรือ?”“เจ้ารีบบอกข้าเร็วเข้า” สีหน้าของเวินทิงอวิ๋นตึงเครียด กู้หว่านเยว่พูดอย่างดื้อด้าน “ข้าไม่บอกเจ้าหรอก ให้เจ้าโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงไปเลย”“เจ้า!” เวินทิงอวิ๋นกระอักเลือดออกมา นึกอะไรออกในทันใด มองไปที่กู้หว่านเยว่อย่างอ่อนโยน“ขอเพียงเจ้าบอกข้า ข้าจะปล่อยเจ้าไปไม่เพียงเท่านั้น จากนี้ไปข้าจะดีกับเจ้าสิ่งที่ชายผู้นี้สามารถให้เจ้าได้ ข้าก็ให้เจ้าได้เช่นกัน”อ้วก! กู้หว่านเยว่ตกตะลึง ชายผู้นี้ไม่ได้ป่วยใช่ไหม พูดจาเช่นนี้ออกมาได้อย่างไม่น่าเชื่อเวินทิงอวิ๋นเห็นนางไม่พูดจา
คาดว่าน่าจะเป็นศัตรูของสกุลอวิ๋น เห็นอวิ๋นมู่พ่อลูกไม่กลับมานานจึงสบจังหวะหาช่องว่าง เล่นงานสกุลอวิ๋นในเมื่อเป็นเช่นนี้ อวิ๋นมู่ไม่กลับไปคงไม่ได้แล้วซูจิ่งสิงได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยขึ้น “ข้าส่งคนไปคุ้มกันเจ้า”ตอนนี้สกุลอวิ๋นกับพวกเขาเจดีย์หนิงกู่ถือว่าร่วมงานกัน แม้เรื่องนี้จะเป็นความลับ แต่ยากจะรับประกันว่าไม่แพร่งพรายออกไปเกิดคนในราชสำนักรู้เข้า ความปลอดภัยของอวิ๋นมู่ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง“ขอบคุณท่านอ๋อง”อวิ๋นมู่มองซูจิ่งสิงอย่างแปลกใจ ทำให้อีกฝ่ายเอ่ยเสียงเรียบ“อย่าเข้าใจผิด ข้าไม่ได้เป็นห่วงเจ้า”เพราะกู้หว่านเยว่ บรรยากาศระหว่างทั้งสองมักจะแปลกประหลาด ตั้งแต่พบกันครั้งแรกก็ไม่ถูกกันแล้วอวิ๋นมู่ยิ้มเจื่อน “ท่านอ๋องวางใจได้ ข้าไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองแต่ว่า ความหวังดีของท่านอ๋องข้าน้อยขอน้อมรับ และตื้นตันเหลือเกิน”การเดินทางไปเมืองหลวงในครั้งนี้มีอันตราย เขาจึงไม่ปฏิเสธ“เจ้าจะออกเดินทางเมื่อใด?”กู้หว่านเยว่รีบสอบถาม“คืนนี้มากล่าวลาท่านอ๋องและพระชายา พรุ่งนี้เมื่อฟ้าสางจะออกเดินทางทันที”“เวลาเร่งรีบขนาดนี้เชียว”กู้หว่านเยว่รีบถาม“พรุ่งนี้ท่านอย่าเพิ่งรีบไป
ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน รองแม่ทัพวิ่งเข้ามาอย่างร้อนรน แล้วหันมองเฉิงทั่วแวบหนึ่ง“ท่านแม่ทัพ แย่แล้ว ฮูหยินหมดสติไปแล้วขอรับ”เฉิงทั่วหน้าถอดสี “อะไรนะ?”เขารีบลุกขึ้นยืนขึ้น ไม่มีเวลาสนใจกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงที่ยังอยู่ตรงนี้ แล้วรีบสอบถาม “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”“คุณชายน้อยกลับมาแล้ว ไม่เพียงกลับมา ยังพาอีกคน...”รองแม่ทัพกระดากปากที่จะเอ่ย จึงได้แต่ส่งสายตาให้อีกฝ่าย“ท่านแม่ทัพ ท่านกลับไปดูเองเถอะขอรับ”เฉิงทั่วไม่มีแก่ใจจะกินอาหาร จึงลุกขึ้นขอตัว “ท่านอ๋อง พระชายา โปรดให้ข้าไปดูฮูหยินสักครู่ได้หรือไม่”“ไปเถอะ”ซูจิ่งสิงโบกมือ“ขอบคุณท่านอ๋อง” เฉิงทั่วรีบวิ่งออกไปทันทีหนานหยางอ๋องมองแผ่นหลังที่ร้อนใจของเขา แล้วรู้สึกเศร้าเล็กน้อยหากพระชายาของเขายังอยู่คงดีไม่น้อย เขากับเหล่าเฉิงแข่งกันมาค่อนชีวิต มีเพียงเรื่องนี้เรื่องเดียว ที่เขาแพ้มาตลอด“เกิดอะไรขึ้น?” กู้หว่านเยว่กระซิบถามชิงเหลียนชิงเหลียนเอ่ยเสียงต่ำ “คุณชายใหญ่สกุลเฉิงพาสตรีคนหนึ่งกลับมาด้วย เหมือนจะเป็นหญิงที่แต่งงานแล้ว”เจ้าหมอนี่กู้หว่านเยว่เกือบสำลักข้าวมิน่าเฉิงฮูหยินถึงได้เป็นลม เจ้าเฉิงซินเม
มิน่าท่านอ๋องถึงยอมสวามิภักดิ์ต่อพวกเขา ทั้งสองคนไม่ธรรมดาจริงๆ มองเพียงปราดเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่คนธรรมดา“พวกเราเองก็มาถึงเมืองซุ่ยโจว และได้พบท่านอ๋องกับพระชายาแล้ว เดี๋ยวส่งจดหมายไปแจ้งท่านอ๋องหน่อยเถอะ ท่านจะได้วางใจ”จู้หวยกล่าวเตือนอย่างใส่ใจครั้งนี้ก่อนออกเดินทาง ท่านอ๋องกำชับเขาแล้วว่า ต้องดูแลเนี่ยชิงหลานให้ดีในเมื่อเนี่ยชิงหลานเป็นคู่หมั้นของเขา เขาย่อมดูแลเอาใจใส่มาก“รู้แล้ว รู้แล้ว เจ้าอย่าเอาแต่บ่นข้า อีกเดี๋ยวตอนเขียนจดหมายข้าจะเป็นคนพูดส่วนเจ้าเป็นคนเขียน ขี่ม้ามาทั้งวัน เมื่อยมือจะแย่แล้ว”จู้หวยยิ้มพร้อมพยักหน้า“เรื่องนี้ไม่ยาก ขอเพียงเจ้าไม่รังเกียจที่ตัวหนังสือข้าน่าเกลียดก็พอ”เนี่ยชิงหลานขบขันเขาจนหัวเราะเสียงดังทันที“ตัวหนังสือของเจ้าน่าเกลียดมาก แต่ไม่เป็นไร วรยุทธ์ของเจ้าสูงส่ง พวกเจ้าที่เป็นทหารแม้จะไม่ใช่คนเถื่อน แต่ต้องรู้จักเขียนอ่านไว้บ้าง ถึงจะรู้เขารู้เรารบอย่างไรก็ไม่แพ้ ทว่าเรื่องการเขียนหนังสือไม่จำเป็นต้องพิถีพิถันมากนัก แค่ดูได้ก็พอ”นางพูดอย่างจริงจัง จนจู้หวยเองก็หัวเราะตามนางไปด้วย ในแววตามีแต่ความเอ็นดู“ท่านหญิงพูดถูก”แม้ทั้งสองค
หลังหนังสือยอมจำนนออกมาแล้ว เนี่ยชิงหลานก็นำกองทัพเหอตง มาเสริมทัพกู้หว่านเยว่“เขตเหอตงของข้าไม่มีสิ่งใดเลย มีเพียงถ่านหินและเงินทองมากมาย พี่ใหญ่จึงนำไปแลกเสบียงหนึ่งชุด ส่งข้ามาช่วยเหลือพวกท่าน”กู้หว่านเยว่ไม่ได้พบเนี่ยชิงหลานมาสักพักใหญ่ๆ แล้วตอนนี้เมื่อทั้งสองได้พบกัน นางดีใจมาก“เจ้าตัวสูงขึ้นแล้ว”กู้หว่านเยว่ลูบหัวเนี่ยชิงหลาน ทำให้อีกฝ่ายยิ้มอย่างเขินอาย“ไม่เพียงตัวสูงขึ้น ข้ายังหมั้นหมายแล้วด้วย”นี่เป็นข่าวที่อยู่เหนือความคาดหมายเมื่อเห็นพวกเขาหลายคนเดินทางเหน็ดเหนื่อย กู้หว่านเยว่รีบเชิญพวกเขาเข้าจวน เมื่อถึงห้องรับแขกจึงจับมือเนี่ยชิงหลานไว้ แล้วสอบถามอย่างละเอียด“เหตุใดจึงรวดเร็วเช่นนี้ เจ้าหมั้นกับผู้ใดหรือ?”“หมั้นกับแม่ทัพในค่ายของท่านพี่ นามว่าจู้หวย”ไม่ใช่เฉิงเซวียนหรอกหรือ ข่าวนี้ทำให้พวกกู้หว่านเยว่ยิ่งแปลกใจแต่เมื่อนึกดูอย่างละเอียด เฉิงเซวียนกับเนี่ยชิงหลานใช่ว่าจะเหมาะสมกันแม้ทั้งสองจะสนิทสนมกันตั้งแต่เด็ก ทว่าทัศนคติไม่ตรงกันบวกกับก่อนหน้านี้เพราะหญิงอื่น เฉิงเซวียนเข้าใจเนี่ยชิงหลานผิดหลายครั้งเนี่ยชิงหลานรู้ว่ากู้หว่านเยว่คิดอะไร จึ
ตกลงปีนั้นรัชทายาทตายเยี่ยงไรกันแน่?เขารู้ดียิ่งกว่าผู้ใดหากไม่ใช่รัชทายาทและพระชายารัชทายาทตายไป ไฉนเลยเขาจะได้นั่งตำแหน่งฮ่องเต้?ทว่าบัดนี้ เขาคิดว่าตำแหน่งฮ่องเต้กำลังตกอยู่ในอันตราย“ไป จับคนสกุลหลี่เข้าคุกใหญ่!”มู่หรงถิงไม่ฟังคำชี้แนะจากนั้นยามทุกคนมายังสกุลหลี่ กลับพบว่าสกุลหลี่มีเพียงความว่างเปล่า เหลือบ่าวรับใช้ที่ไม่เกี่ยวข้องอยู่สองสามคนกำลังใช้วิธีพรางตา“ภายในหอบรรพบุรุษสกุลหลี่ พบเส้นทางสายหนึ่ง...”องครักษ์ไปจับคนตัวสั่นเทานี่คือเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเดิมทีมู่หรงถิงก็โมโหอยู่แล้ว ต้องการใครสักคนเพื่อบันดาลโทสะ คิดไม่ถึงเลยว่าจะหาตัวคนรองรับอารมณ์ไม่พบ ยังถูกเขาจับได้ว่าคนของสกุลหลี่หนีไปแล้วเขาพลิกโต๊ะ กระทืบองครักษ์ไปจับตัวคนจนตาย“ฝ่าบาท” ตอนฮองเฮามา ภายในตำหนักวุ่นวายไปหมด แม้แต่นางกำลังก็ถูกมู่หรงถิงบีบคอตายไปสองคนฮองเฮาอดทนต่อความขยะแขยง สั่งให้คนลากศพไปจัดการ“เจ้ามาแล้ว”ตอนมู่หรงถิงอยู่เพียงลำพังจะบันดาลโทสะเยี่ยงไรก็ย่อมได้ แต่เขากลัวทำให้ฮองเฮาตกใจ“เพคะ ฝ่าบาท หม่อมฉันได้ยินเรื่องของอัครมหาเสนาบดีหลี่แล้ว”ฮองเฮาก้าวเท้าเบาๆ มาหยุดต่อหน้ามู
สายตากู้หว่านเยว่ทอดมองมา กู้หว่านหรูและญาติผู้พี่นางรู้สึกกลัวจนกอดกัน“เจ้า เจ้าจะทำอันใด?”กู้หว่านหรูกลืนน้ำลายหนึ่งอึก เอ่ยปากเสียงสั่น“ต่อให้เจ้าเป็นพระชายา ก็ไม่สามารถเมินข้ามกฎหมายได้ เจ้าไม่กลัวคนในใต้หล้าบริภาษเจ้าหรือ?”กู้หว่านเยว่หัวเราะพรืด“บริภาษ?” นางส่ายหน้า หนังสือประวัติศาสตร์ล้วนถูกเขียนโดยผู้ชนะยังต้องกลัวคำนินทาทั่วหล้าด้วยหรือ?“โยนพวกเขาสองคนออกจากซุ่ยโจว” กู้หว่านเยว่โบกมือเรียกคนเข้ามาสองคนนี้เป็นหวัด ถูกโยนออกไป ก็เพียงพอให้พวกเขาทรมาน“ญาติผู้น้อง” อวี๋เสียงลนลาน เขย่ามือของกู้หว่านหรู“นี่ไม่ใช่พี่สาวของเจ้าหรือ รีบไปขอร้องนางเร็วเข้า”ยังมีระยะทางอีกห้าถึงหกวันกว่าจะถึงบ้านเกิด พวกเขาต้องอยู่ภายในซุ่ยโจว รีบรักษาอาการป่วยให้หายดี“ข้าจะขอร้องนางเยี่ยงไร?”กู้หว่านหรูแค้นใจแย่แล้ว“นางไม่มีวันฟัง”“เจ้ารีบคิดหาทางเถอะ” สุ้มเสียงของอวี๋เสียงเจือไอโทสะสายหนึ่งอย่างสุดระงับ ทำเสียจนกู้หว่านหรูเหล่มอง“ท่านกำลังโทษข้าหรือ?”นางและกู้หว่านเยว่มีความแค้นต่อกันอย่างลึกซึ้ง ตอนอยู่ในจวนก็มักรังแกนาง จะสามารถมีวิธีใดได้เล่า?“หว่านหรู ข้าไม่ได้
แต่ต้วนหลานซิวจากไปอย่างไม่ไว้หน้าไป๋หลี่ชิงซีถอนหายใจอย่างเอือมระอา ทำได้เพียงกลับไปหากู้หว่านเยว่และซูจิ่งสสิงปรากฏว่าคนเพิ่งไป ก็มองเห็นเกาเจี้ยนวิ่งเข้ามาจากภายนอก พูดว่าลั่วยางที่อยู่ข้างหน้าเจอคนไข้ที่ไม่แน่ใจอาการป่วย ขอเชิญกู้หว่านเยว่ไปวินิจฉัยกู้หว่านเยว่ยังนั่งได้ไม่นานก็รีบไปที่ด้านหน้าแล้ว“มีอันใดหรือ?”ตอนปรากฏตัวออกมาก็ได้เห็นสีหน้าว้าวุ่นของลั่วยาง กู้หว่านเยว่แปลกใจอยู่บ้างโรคอะไรกัน สามารถทำให้ว้าวุ่นถึงเพียงนี้ได้?“เหตุใดสีหน้าแย่มากถึงเพียงนี้?”“มีคนป่วยมาคนหนึ่งเจ้าค่ะ” ลั่วยางลอบชำเลืองมองสีหน้าของกู้หว่านเยว่ จากนั้นพูดเสียงค่อย“ข้าเองก็ไม่แน่ใจฐานะของนาง แต่เห็นแล้วคุ้นตาอยู่บ้าง ท่านมาดูกับข้าก็จะรู้”พูดไปก็เดินนำทางกู้หว่านเยว่ได้ยินเสียงคุ้นหูจากที่ไกลๆ“ไม่ใช่พูดว่าจะดูอาการให้ข้าหรือ เหตุใดพาข้ามาไว้ที่นี่ หมอหญิงของพวกเจ้าเล่า? เหตุใดเข้าไปแล้ว?”คนผู้นั้นโวยวาย เสียงคุ้นหูทำให้กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้วน้อยๆไม่ใช่นางหรอกกระมัง? ไม่ถูกนี่ เหตุใดนางมาอยู่ที่นี่ได้?กู้หว่านเยว่ก้าวเท้าเร็วขึ้นสองส่วน เดินขึ้นไปก็ได้เห็นโฉมหน้าของคนผู้นั้
เขาทอดสายตามองกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงด้วยใบหน้าจริงใจ“ทั้งสองท่านช้าก่อน ข้ามีเรื่องอยากพูดกับพวกท่าน”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงได้ยินว่าต้วนหลานซิวมีเรื่องอยากพูด นี่จึงมิได้จากไปในทันที แต่เลือกนั่งลงฟัง ดูว่าเขาอยากพูดเรื่องใดทั้งสองคนกลับแปลกใจมาก“ระหว่างทางที่ข้ามาได้เห็นพระชายาแจกจ่ายยาภายในเมือง” ต้วนหลานซิวเอ่ยปากถามกู้หว่านเยว่พยักหน้า“ราษฎรของซุ่ยโจวเป็นไข้หวัด เพราะสถานการณ์บ้านเมืองไม่สู้ดี จึงไม่มียารักษา”ต้วนหลานซิวประกบมือพูดยิ้มๆ “ไอหยา นี่บังเอิญยิ่งนัก ข้าที่นี่มีสมุนไพรหนึ่งชุดพอดี”เขาพูดยิ้มๆ“หากท่านอ๋องและพระชายาไม่รังเกียจ ข้าน้อยยินดีบริจาคสมุนไพรชุดนี้เพื่อแจกจ่ายให้แก่ราษฎรเมืองซุ่ยโจว”ถือว่าเขาจ่ายค่าหมอให้กู้หว่านเยว่ก็แล้วกัน“ในมือท่านมีสมุนไพร?”กู้หว่านเยว่ตกตะลึง คิดไม่ถึงเลยว่าตนเองลงมือช่วยเหลืออย่างไม่ใส่ใจ ถึงขั้นสามารถช่วยพ่อค้าขายส่งสมุนไพรอีกด้วย?นี่คือประโยชน์สุขของราษฎรเมืองซุ่ยโจว นางย่อมไม่ปฏิเสธ“ใช่แล้ว ในมือข้ามียาสมุนไพรหนึ่งชุด”ไป๋หลี่ชิงซีอธิบายอยู่ทางด้านข้าง “พวกท่านไม่รู้ สตรีที่อาจารย์อาเล็กของข้าชอบเป็นคนบ้
“นี่ท่านถูกพิษกระนั้นหรือ?”กู้หว่านเยว่เอียงศีรษะจับชีพจรให้เขา จับชีพจรอย่างละเอียดอยู่นาน ถึงพูดออกมาอย่างแปลกใจ“พิษนี้แปลกยิ่งนัก”“อย่างไรหรือ?” ไป๋หลี่ชิงซีเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ เสียดายเขามีใบหน้าหล่อเหลา แต่กลับเป็นคนพูดมากคนหนึ่ง“ยาพิษนี้มองดูแล้ววางยาได้ยุ่งยากอย่างมาก จะถอนพิษกลับยุ่งยากยิ่งกว่า แต่แปลกก็แปลกที่พิษนี้ไม่ส่งผลร้ายต่อร่างกายคน พิษน้อยมาก เพียงแต่ยากจะถอนออกได้”ดังนั้นบัดนี้มองท่าทางของต้วนหลานซิวดูแล้ว ยังมีชีวิตชีวา ไม่คล้ายคนถูกวางยาพิษ“ฟังท่านพูดแล้วคล้ายเป็นเช่นนี้จริงเสียด้วย”ไป๋หลี่ชิงซีเองก็ไม่โง่คนทั่วไปวางยาผู้อื่น บ้างก็เพื่อฆ่าคนผู้นั้นให้ตายคาที่ บ้างก็ต้องการใช้พิษควบคุมเขาฝ่ายแรกออกฤทธิ์เร็ว พิษร้ายแรงมาก ไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็สามารถทำให้พิษกำเริบจนเลือดออกทวารทั้งเจ็ดและตายไปฝ่ายหลังเล่า แม้ว่าไม่ถึงแก่ชีวิต แต่หากพิษกำเริบก็ทำให้คนเจ็บปวดทรมาน หาไม่แล้วจะสามารถควบคุมคนผู้นั้นได้เยี่ยงไร?ทว่ายาพิษภายในร่างกายของต้วนหลานซิวแปลกมากไม่เพียงไม่มีพิษ หนำซ้ำยังทำร้ายร่างกายน้อยมาก เพียงแต่ยากจะถอนพิษได้ก็เท่านั้น“อาจารย์อาเล็ก ท่าน