“ท่านพ่อข้าๆๆ ไม่ได้ชอบจวิ้นหวังบุรุษหนุ่มเช่นไรจึงเฉยชาไร้ การเอาอกเอาใจสตรี”“ไปบัดเดี่ยวนี้ข้ารอที่ศาลาฉาฮวา” ฟางหรานหน้าเง้าไปตามคำสั่งของใต้เท้าหยางศาลาฮวา“ท่านพ่อตา” ใต้เท้าหยางยิ้มพรายกับคำทักทายของเสวี่ยเต๋ออ๋อง“ท่านอ๋องแวะมาถึงนี่”“ข้าแวะมาบอกข่าวดี” รอยยิ้มมุมปากของใต้เท้าหยางบ่งบอกว่าสมใจแล้ว“ตอนนี้ฝ่าบาทให้ข้าคุมกองทัพร่วมรบกับทัพของแคว้นเป่ย เราสามารถอาศัยโอกาสนี้เพื่อแผนการของเรา” ใต้เท้าหยางยิ้ม“ไม่น่าเชื่อว่าทุกอย่างจะง่ายดายเพียงนี้ชินหวางอ๋องตอนนี้คงกำลังมีความสุขกับชายารองใบหน้าอัปลักษณ์คนนั้น ดีปล่อยให้ชินหวางอ๋องมีความสุขไปพวกเรามีหน้าที่ทำตามแผนการเพื่อบรรลุเป้าหมายข้าไม่มีทางเลิกล้มความตั้งใจแน่ๆ”“อีกสองวันข้าจะเดินทางไปที่แคว้นเป่ยจะอาศัยจังหวะรนี้ยกทัพ กลับเข้ามาที่วังหลวงจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย”“ห่าว (ดี) เช่นนั้นข้าจะส่งคนของเราแทรกซึมในเหล่าองครักษ์” เสวียเต๋ออ๋องพยักหน้าขึ้นลงหยางฟางหรานเดินนวยนาดออกมาแต่ทว่าก้มหน้าไม่กล้าสบตาเสวียเต๋ออ๋อง“บุตรีข้าหยางฟางหราน หวังว่าท่านอ๋องจะเคยพบนางข้าไม่รู้ว่าท่านอ๋องประทับใจในตัวของบุตรีข้าหรือไม่แต่ในเมื่อ
“เดี๋ยวนี้ เสี่ยวอูเจ้าต้องไปเดี่ยวนี้ตามท่่านหมอมาตรวจครรภ์ และจะต้องเป็นหมอหญิงเท่านั้น” เสี่ยวอูรีบวิ่งแจ้นไปตามมือที่ชี้ไปที่หน้าประตู ชินหวางอ๋องประคองซีหรูที่อิดโรย ไปที่แท่นบรรทม“หวางเฟย เป็นอย่างไรบ้าง ทนเอาหน่อยเสี่ยวอูกำลังๆ ไปตามท่านหมอ ข้าดีใจที่สุดที่เจ้ากำลังตั้งครรภ์” คำว่าดีใจที่กำลังตั้งครรภ์ทำให้ซีหรู ผลักชินหวางอ๋องแล้วทรุดกายลงนั่งบนแท่นบรรทม“ไม่ต้องห่วงท่านอ๋องไปเสวยเช้าเสีย ซีหรูไม่เป็นอะไรมากและตอนนี้อยากจะอยู่คนเดียวไม่อยากจะพูดคุยกับใครท่านหมอก็ไม่จำเป็น” ชินหวางอ่องยิ้มกว้าง“ได้ๆๆๆ เจ้าอยากจะพบท่านหมอเมื่อไหร่ค่อยพบ ข้าให้เสี่ยวอูพาท่านหมอมารอเจ้าที่นี่ และเอ่อข้าออกไปก่อนเจ้าพักเสีย ไม่สิข้าไปทำอาหารอ่อนๆ ให้เจ้าดีไหม เจ้ากินอะไรเสียหน่อยจึงค่อยพัก” ซีหรูนอนตะแคงหันหลังให้กับชินหวางอ๋องเสีย“ข้าออกไปเดินรอบๆ วังฤดูหนาวหา ผลไม้รสเปรี้ยวให้เจ้าดีไหมข้าเคยได้ยินว่าคนท้อมักจะชอบกินผลไม้รสเปรี้ยวเจ้ารอข้าไม่นาน” รีบสาวเท้าออกจากห้องไป หารู้ไม่ว่าตอนนี้ซีหรูกลับคิดไปไกลว่าชินหวางอ๋องดีใจที่ซีหรูตั้งครรภ์เพราะจะได้แต่งกับหยางฟางหราน ซีหรูที่รู้สึกว่าขอบตาร้อนผ
วังหลวง“เคลื่อนทัพๆๆๆๆๆ” ทัพของซุนเจอหนี่กับเสี่ยวเต๋ออ๋อง เคลื่อนออกจากวังหลวงทันทีที่เสียวเต๋ออ๋องส่งสัญญาณ“ฝ่าบาท เรื่องนี้หากชินหวงอ๋องรู้เข้าจะไม่โกรธหรือไร” ฮองเฮาอี้หรานพูดขึ้นด้วยสีหน้าครุ่นคิด“ชินหวางอ๋องนะหรือ เขาอยู่ตรงนั้นก็ดีแล้วที่ผ่านมานำทัพจนลืมความสุขของตัวเองมาวันนี้ข้าจึงให้เสวี่ยเต๋ออ๋องทำหน้าที่นำทัพแทนชินหวางอ๋องวันนี้ถึงเวลาเก็บเกี่ยวของชินหวางอ๋องเสียที” อี้หรานอ๋องเฮายิ้มหวาน“ฝ่าบาทจึงให้ชินหวางอ๋องได้มีเวลาที่เป็นช่วงที่ดีที่สุดร่วมกันกับชายารองฝ่าบาทช่างรอบคอบเสียจริงแบบนี้ สองคนนั้นจะต้องเข้าใจกัน เฮ้ออี้หรานดีใจที่ซีหรูผู้ซึ่งมีใบหน้าอัปลักษณ์แต่กลับได้รับความเมตตาจากฝ่าบาทส่งเสริมนางกับอ๋องรูปงาม”“ซีหรูนางน่าสงสารแม้ข้าที่บอกว่าอยากให้นางได้ครอบครัวที่ดีแต่ก็ต้องหาทางส่งเสริมให้สองคนได้รักกันแม้จะบอกว่าเป็นบัญชาข้าแต่บิดานางเองก็ไม่ได้อยากจะให้บุตรีแต่งกับอ๋องรูปงามคนนั้น เดิมก่อนนั้นข้าเคยได้ยินเรื่องที่มารดาของซีหรูนางต้องถูกไฟคลอกตายในกองไฟจนป่านนี้แม้อยากจะรื้อฟื้นแต่..ก็ไม่อาจกระทำ” อี้หรานหุบยิ้ม“ระระ…..เรื่องที่มารดาของนางตายในกองเพลิงนั้นล
เสียงตะโกนของเสี่ยวอูดังมาจากหน้าประตู “ท่านอ๋องขอรับ เสี่ยวอูกลับมาแล้วขอรับ!”ชินหวางอ๋องคลายอ้อมแขนจากร่างบางอย่างไม่เต็มใจ ดวงตาคมวาวเหลือบมองซีหรูที่ยังไม่ยอมสบตา ก่อนจะหันหลังเดินออกไปช้า ๆ ปล่อยให้บรรยากาศในห้องเงียบงันจนซีหรูอยากจะหนีไปเสียจากตรงนั้นประตูบานใหญ่ปิดลงซีหรู ยกมือขึ้นแตะที่ข้างแก้มของตนเบา ๆ กลิ่นไอจากลมหายใจของชินหวางอ๋องยังอ้อยอิ่งอยู่ตรงนั้น หลุบตามองพื้น มืออีกข้างกำแน่นแนบอก“ท่านรู้หรือไม่ ว่าคำว่า มีเจ้าในใจ… ของท่าน มันสั้นไปแค่คำเดียว แต่เจ็บจนลมหายใจข้าติดขัด”หัวใจตอนนี้เต้นแผ่วเบา...แต่น้ำตาคลอข้างนอกนั่น“ท่านอ๋องไม่มีท่านหมอที่พอจะช่วยเรื่องนี้ได้ข้าจึงซื้ออย่าบรรเทาอาการวิงเวียนกลับมา แต่ ม้าเร็วที่รอที่หน้าพระราชวังฤดูหนาว ส่งข่าวที่ทำให้ต้องตื่นตกใจตอนนี้ฝ่าบาทตั้งใจรื้อฟื้นเรื่องการตายของมารดาพระชายารองที่ตายในกองเพลิงครั้งนั้นชินหวางอ๋องรับรายงานจากเสี่ยวอูที่เพิ่งเดินทางกลับมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด“แน่ใจหรือว่า...ว่าฝ่าบาทจะไตร่สวนเรื่องนี้อีกครั้ง?” เสียงเข้มเอ่ยถาม“ขอรับ ฝ่าบาททรงสั่งให้ตรวจสอบบันทึกเก่าของคดีเพลิงไหม้เมื่อสิบปีก่อน
กลับมาในปัจจุบันชินหวางอ๋องเดินกลับมายังภายในห้องที่มืดสลัวชินหวางอ๋องยืนอยู่หน้าประตูที่ปิดเงียบแล้ว ภาพของซีหรูในคืนนั้นยังคงติดตรึงในใจเขา...ดวงตาของเด็กหญิงที่ร้องไห้เงียบ ๆ ท่ามกลางกองไฟนั้นมันไม่เคยหลุดออกจากความทรงจำของเขาไปได้เลย และตอนนี้ เขากำลังยืนอยู่ต่อหน้าผู้หญิงคนเดียวกันแต่ที่สำคัญ...เขายังไม่รู้ว่าเขาจะทำอย่างไรกับความรู้สึกในใจที่กำลังปะทุขึ้นมาความรู้สึกที่เขามีต่อซีหรูในอดีตเริ่มผสมผสานกับความรู้สึกในตอนนี้ ซึ่งทำให้เขาต้องตั้งคำถามกับตัวเองมากมาย เขาจะทำตามเงื่อนไขที่เคยขอไว้กับฝ่าบาทเรื่องแต่งชายาเอกตอนที่ชายรองตั้งครรภ์ต่อไป...หรือจะเลือกฟังเสียงในหัวใจตัวเอง? ขณะที่ซีหรูยืนเหม่อลอยที่ริมหน้าต่าง ท่ามกลางหิมะขาวที่เริ่มตกลงมา “เมื่อครู่เสี่ยวอูบอกว่า...ฝ่าบาทกำลังไต่สวนเรื่องไฟไหม้เมื่อสิบแปดปีก่อน ที่จวนเสิ่น” มือของซีหรูที่กำชายชุดแน่นอยู่แล้วกลับสั่นระริก“ข้านึกว่าทุกคนลืมมันไปแล้ว...”ซีหรูหลับตา สูดลมหายใจลึกๆ เอ่ยปากอย่างแน่วแน่“ข้าอยาก..ข้าอยากจะกลับวังหลวง”“แต่ เราสองคนมาที่นี่เพื่อพักผ่อน เจ้าเอาเรื่องกวนใจพวกนี้มาเป็นเงื่อนไข”“ข้าจะกลับไป
พระราชวังฤดูหนาวยามดึก สงัดที่ หิมะโปรยปรายเสียงลมหนาวพัดวูบผ่านระเบียงศิลากว้าง เสียงกิ่งไม้เสียดสีกันแผ่วเบาราวกับกระซิบเตือนภัยกลางราตรี เสี่ยวอูเจ้าขี้เซานั่นหลับไปแล้วเพราะชินหวางอ๋องที่บอกเขาว่าควรพักผ่อนเสียซีหรูนอนหลับสนิทอยู่บนแท่นนอนในอ้อมแขนของชินหวางอ๋องที่ยังโอบกอดแนบแน่น ลมหายใจของเขาสม่ำเสมอ เพราะทั้งสองคนเพิ่งได้มีค่ำคืนแห่งความรักร่วมกันอย่างอบอุ่นแต่ในความเงียบสงบ กลับมีเงาดำซ่อนตัวอยู่มือสังหารในชุดดำถึงสามคนประตูไม้ที่ปิดสนิทถูกดันเปิดออกอย่างไร้สุ้มเสียง เงาร่างในชุดดำสามคนลอบเข้ามา พวกมันคือมือสังหารที่ถูกส่งมา พวกมันเคลื่อนตัวราวกับเงา แฝงกลิ่นอายแห่งความตายเอาไว้ในทุกย่างก้าวในมือคนทั้งสามกำกระบี่คมกริบไว้ในท่าเตรียมพร้อมกระบี่ที่ลับจนคมเฉียบส่องประกายสะท้อนแสงจันทร์ เสี้ยววินาทีแห่งความตายใกล้เข้ามาแล้ว“สวบ”เสียงคมกระบี่กระทบเพียงความว่างเปล่า ไฟในโคมแก้วสั่นไหวก่อนจะดับวูบไปในพริบตา ชินหวางอ๋องตื่นขึ้นในเสี้ยววินาที มือขวาชักกระบี่ใต้หมอนพลางตะโกน “หวางเฟยระวังตัว! หลบออกไป”ซีหรูลุกขึ้นอย่างตกใจ ยังไม่ทันได้ตั้งสติ ก็เห็นเงาร่างของชินหวางอ๋องปะทะกับ
โม๋กู่ยิ้มสมใจ“ท่านแพ้พนันข้าแล้วนะอ้ายหลัวปิงเอ่อสหายรัก”“เช่นนั้นเราไปซุ้ม อยู่แถวๆ นี้เหมือนเช่นเคยดีกว่าไหมปล่อยให้สามีภรรยาเขาปลอบใจกันไป”"ท่านปูจะไปไหนกัน”“เราสองคนขัดบัญชาฝ่าบาทก็ต้องหลบๆ ซ่อนหากใครรู้ว่าเราตามมาด้วยความห่วงใยจะถูกลงทัณฑ์เอาได้”“แต่เพราะท่านทั้งสอง ข้าที่เพลี้ยงพล้ำจึงเอาชีวิตรอดมาได้” ชินหวางอ๋องพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มๆ ไปด้วยความชื่นชมทั้งสองตา“ไม่เป็นไรน่าเราสองคนไม่ปล่อยให้หลานเขยกับหลานของเราต้องพบอันตรายแน่ๆ ข้าสองคนลาก่อนแต่อยู่ไม่ไกลจากนี้ไม่ต้องห่วง” ซีหรูโบกมือลาเสียงฝีเท้าของเสี่ยวอูวิ่งเข้ามาในห้อง“ท่านอ๋องเกิดอะไรขึ้น” ชินหวางอ๋องส่ายหน้าไปมา เสี่ยวอูจ้องมองผลงานของทั้งชินหวางอ่องอ้ายหลัวปิงเอ่อและโม๋กู่ด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าตื่นเต้นตกใจ“แค่เก็บกวาดและหาหลักฐานคงต้องใช้เวลาจนถึงฟ้าสางเลยทีเดียว ต้องอาศัยเจ้าแล้วล่ะเสี่ยวอู ข้าจะต้องปลอบใจหวางเฟยของข้าขอตัวก่อน” ประคองซีหรูจากไปภายในห้องบรรทมด้านซ้ายทุกอย่างกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง ตะเกียงถูกจุดขึ้นใหม่ แสงนวลอบอุ่นส่องสว่าง หิมะยังคงโปรยปรายเบาๆ นอกหน้าต่าง แต่ภายในกลับอบอุ่นจนแทบลืมความเ
ลมหนาวพัดเบาบาง ชินหวางอ๋องนั่งอยู่บนหลังม้าตัวสูงสง่า สวมผ้าคลุมขนจิ้งจอกสีดำ ปลายผ้าพลิ้วไหวในสายลม ตรงข้างกายของเขาคือเกี้ยวเล็กที่จำต้องใช้เกี้ยวเล็กเพราะเกี้ยวที่มารับยังไม่ถึงกำหนดเวลาที่จะมารับนั่นเองเสี่ยวอูจึงจำต้องหาเกี้ยวสำหรับซีหรู ในราคาที่สูงลิบเพื่อกลับวังหลวงก่อนกำหนดภายในนั้นซีหรูนั่งอยู่เพียงคนเดียว เส้นบางๆ ที่กางกั้นคนทั้งสองกำลังเริ่มขึ้นอีกครั้ง ซีหรูนั่งนิ่งเงียบไม่เอ่ยคำใดดึงม่านบางลงเล็กน้อย ไม่อยากให้ผู้ใดเห็นสีหน้าเงียบงันของตน ไม่ใช่เพราะเศร้า…แต่เพราะกำลังทำใจว่าจากนี้ไปช่วงเวลาแห่งความสุขกำลังจะหมดลง หรือเป็นเพราะอารมณ์แปรปรวนของคนที่กำลังตั้งครรภ์กันแน่จึงมองทุกอย่างอย่างคนที่เจ็บปวดเสมอ เสี่ยวอูส่งถ้วยยาบรรเทาอาการแพ้ท้อง“พระชายา ท่านดื่มเสียหน่อยข้าเพิ่งเคี่ยวเสร็จยังอุ่นๆ ดื่มเผื่อไว้ว่าจะเกิดอาการตอนไหนไม่อาจทราบได้” น้ำเสียงห่วงใยหวังดีนับจากวันนี้ไป ซีหรูคือ "สตรีของชินหวางอ๋อง"ในความคิดของซีหรูไม่มีทางเป็นอื่น แต่ในสายตาของหยางฟางหรานและชินหวางอ๋องเล่าพวกเขาคิดกันแบบไหนและ…ซีหรูคือภัย คือเงาอันไม่พึงประสงค์ที่อาจรบกวนความมั่นคงของตำแหน่งชายาเอ
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าในจวนอ๋องไร้พ่ายข้างนอกนั่นองครักษ์เดินตรวจตราเข้มแข็ง ร่างสูงใหญ่ของชินหวางอ๋องนอนนิ่งอยู่บนแท่นนอน ใบหน้าซีดเผือด เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดเต็มหน้าผาก ร่างกายที่เคยแข็งแกร่งบัดนี้อ่อนแรงจนแทบไม่หลงเหลือเค้าเดิม ดวงตาปิดสนิทริมฝีปากซีดเซียวไร้สีเลือดซีหรูนั่งอยู่ข้างแท่นนอนทั้งวันทั้งคืน ไม่กล้าแม้แต่จะหลับตาใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าผากให้เขาครั้งแล้วครั้งเล่า มือบางลูบแขนหนาที่มีผ้าพันแผลหนาแน่นด้วยความสงสาร“นายหญิงพระชายารองเจ้าขา เสี่ยวไป๋ยกอาหารคาวหวานมาถึงนี่เพราะชายากินอะไรเสียหน่อยหากขืนยังไม่ดื่มกินอะไรเช่นนี้จะทำให้ท่านอ๋องน้อย…เอ่อเสี่ยวไป๋หมายถึงเจ้าก้อนแป้งของพระชายารองจะ พลอยหิวไปด้วยเจ้าค่ะ”“ข้ากินอะไรไม่ลง”“เจ้าค่ะต้องฝืนใจกินอะไรเสียหน่อยหากพระชายารองทำแบบนี้ท่านอ๋องรู้เข้าจะไม่สบายใจ” เสี่ยวไป๋พยุงซีหรูยังโต๊ะกลางห้องที่วางถาดอาหารไว้“ก็ได้กินเสียหน่อยข้าจะได้มีแรงคอยดูแลและเฝ้าไข้ท่านอ๋องได้ ใช่ไหมเสี่ยวไป๋”“แน่นอนเจ้าค่ะ” เสี่ยวไป๋ตักข้าวยิ้มๆ ซีหรูรีบใช้ตะเกียบในมือคีบเอาอาหารใส่ปากเคี้ยวงับๆ“กินเยอะๆ เจ้าค่ะ” เสี่ยวไป่คีบเอาหมูไก่วางในถ้วยข้าว
เสียงกีบม้าเกือบยี่สิบตัว กระทบพื้นดังสนั่น พร้อมเสียงร้องตะโกนระงม"โครมๆๆๆ!" เกี๊ยวหรูหราที่เคลื่อนตัวอยู่กลางทางระเบิดพังลงแทบในพริบตา เศษไม้ปลิวว่อนกลางอากาศ กลุ่มมือสังหารราวยี่สิบคนในชุดดำทะยานพุ่งเข้าล้อมกรอบอย่างรวดเร็ว ดวงตาแต่ละคู่ฉายแววสังหารเยียบเย็นไร้ปรานี“ฆ่า…เสิ่นซีหรู”ชินหวางอ๋องเบี่ยงตัวออกจากเศษซากเกี๊ยวที่กำลังถล่ม มือหนึ่งฉวยคว้าข้อมือบางของซีหรูมากำไว้แน่น เสียงคำรามต่ำหลุดออกจากลำคอเขา"อารักขาชายาข้า! ไฉ่หาน ไม่ต้องห่วงข้า อารักขาพระชายา!!"คำสั่งเปี่ยมด้วยอำนาจและเด็ดขาดโดยไม่ลังเล ชินหวางอ๋องใช้ร่างสูงใหญ่ของตนเองโอบล้อมร่างบางไว้เต็มที่ แผ่นหลังกว้างตั้งตรงรับคมมีดที่ฟาดมาโดยตรงแทนซีหรู เขาขยับตัวอย่างรวดเร็วราวกับเสือโคร่งที่กำลังปกป้องลูกน้อยเสียงใบมีดเสียดแทงผิวเนื้อดัง “ฉึบ!” เลือดสดพุ่งซึมออกจากบาดแผลลึกบนบ่ากว้างของเขาทันที แต่เขากลับไม่แม้แต่จะร้องครวญสักคำ เพียงยิ่งกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น"ท่านอ๋อง!" ไฉ่หานร้องด้วยความตกใจ ทะยานเข้าต่อสู้กับมือสังหารอีกทาง เสี่ยวอูที่รีบวิ่งเข้ามาขวางมือสังหารที่ตั้งใจพุ่งเข้าหาซีหรูชินหวางอ๋องเบี่ยงตัวหลบการโจ
“ไปเถิด ไปในที่ที่เจ้าจะมีความสุข...ท่านอ๋องจะดูแลเจ้าและลูกของเขาข้าเชื่อเช่นนั้น” เขากระซิบด้วยน้ำเสียง จริงจัง ซีหรูเงยหน้าขึ้นมองดวงตาอบอุ่นของผู้เป็นบิดาน้ำตาไหลรินเงียบๆ ก่อนจะโผเข้ากอดร่างสูงใหญ่นั้นอย่างแนบแน่นชินหวางอ๋องยืนนิ่งปล่อยให้นางได้กล่าวลาไม่มีคำเร่งเร้า ไม่มีการเร่งรัดเมื่อซีหรูปล่อยมือออกในที่สุด ชินหวางอ๋องจึงโอบรัดเอวบางของนางอย่างอ่อนโยน พาขึ้นเกี๊ยวที่เตรียมไว้ก่อนจาก เสิ่นกวงหลิวตะโกนตามหลังมาเสียงหนักแน่นว่า “ดูแลตัวเองให้ดีนะ เจ้าตัวน้อยในท้องนั่นก็ด้วย!”ซีหรูหันกลับไปส่งยิ้มทั้งน้ำตา ขณะที่ชินหวางอ๋องโอบไหล่นางแน่นขึ้นอย่างให้กำลังใจเกี๊ยวค่อยๆ เคลื่อนออกจากประตูบ้านเสิ่นอย่างเงียบงัน มีเพียงเสียงสายลมอ่อนๆ พัดผ่าน และดวงใจสองดวงที่ค่อยๆ เริ่มผูกพันกันลึกซึ้งยิ่งขึ้น"ตั้งแต่นี้ไป... ข้าจะไม่ให้เจ้าต้องเสียน้ำตาเพียงลำพังอีก" เสียงกระซิบของชินหวางอ๋องดังอยู่ข้างหูนาง แผ่วเบาแต่หนักแน่นราวกับคำสัตย์สาบานซีหรูกัดริมฝีปากน้อยๆ พยักหน้าช้าๆ ซบใบหน้าไว้กับอกกว้างที่แสนอบอุ่น รู้แน่แล้วว่าต่อจากนี้ ไม่ว่าจะมีพายุลูกใดในชีวิต ซีหรูก็จะไม่ต้องเผชิญมันเพียง
ข่าวคราวจากคุกหลวงถูกนำมาส่งถึงมืออย่างรวดเร็ว ฮูหยินรองเสิ่นสวี่เหยียน...เสียชีวิตแล้วชินหวางอ๋องยืนนิ่งงันอยู่หน้าหน้าต่างบานใหญ่ในเรือนพัก ลมเย็นพัดชายเสื้อคลุมยาวของเขาไหวสะบัด แต่ชินหวางอ๋องกลับนิ่งเหมือนรูปสลัก ดวงตาคมลึกนั้นจ้องมองไปยังความว่างเปล่าอย่างครุ่นคิด"นางเลือกทางนี้เอง...หรือว่ามีใครทำให้นางต้องสิ้นชื่อกันแน่" เสียงทุ้มต่ำพึมพำแผ่วเบา“ท่านอ๋องเราจะทำอย่างไรต่อไปดี” เสี่ยวอูถามขึ้นสีหน้าเป็นกังวลไม่น้อย“พรุ่งนี้ข้าจะพาซีหรูเข้าถวายพระพรฝ่าบาทบอกเล่าเรื่องใบหน้าที่งดามและการที่ชายาของข้ากำลังตั้งครรภ์ส่วนเรื่องไฟไหม้บ้านเสิ่นเมื่อหลายปีที่แล้วคงต้องให้ฝ่าบาทตัดสินใจว่าจะจัดการอย่างไร”เขาแค่รู้สึกว่ามีบางอย่างปิดปกติกับความตายของสวี่เหยียน หากแต่รู้ดีว่าความเคลื่อนไหวต่อจากนี้จะซับซ้อนกว่าที่เคย เงามืดเบื้องหลังคงไม่ยอมปล่อยมือ แต่เหนือสิ่งอื่นใด...สิ่งที่เขาเป็นห่วงที่สุดคือซีหรู กับเด็กในครรภ์น้อยๆ ที่กำลังเติบโตในกายของนางตอนนี้เขาเองไม่อาจวางใจใครให้ปกป้องซีหรูและลูกในท้องได้นอกจากตัวเขาเอง"เสี่ยวอูเตรียมเกี๊ยว!" เขาออกคำสั่งเสียงหนักแน่น องครักษ์ที่คอยเฝ้าอ
สวี่เหยียนถูกล่ามโซ่ไว้ในความมืด…นั่งอยู่มุมห้องขัง ใบหน้าซูบซีด มีเพียงเปลวแสงจากโคมเล็กหน้าห้องที่ส่องผ่านช่องไม้พาดมาให้เห็นดวงตาของนางยังเปล่งแสงแห่งความหวังแม้เพียงเล็กน้อย“พี่สาวท่านช้าอยู่ใยข้ารออยู่ข้าเชื่อว่ามีท่านเพียงคนเดียวที่จะไม่มีทางปล่อยให้ข้าต้องตาย”เสียงประตูเหล็กดังแกรกกรากนางสะดุ้งน้อยๆ พลางรีบยกมือขึ้นลูบผมที่ยุ่งเหยิงเพื่อแต่งกายให้ดูดีที่สุดด้วยความดีใจทหารยามสองคนพาร่างเล็กๆ ของขันทีคนหนึ่งเดินนำหน้าเข้ามา หัวใจของนางเต้นแรง เมื่อเขาแสดงตราสัญลักษณ์เล็กๆ ที่ซ่อนไว้ใต้แขนเสื้อ เป็นตราฝังหยกแกะสลักลายบุปผาโบกไหว สัญลักษณ์เฉพาะของ “ฮองเฮาอี้หราน”"ฮองเฮาทรงหวงใย ท่านไม่น้อยขอรับ" ขันทีคุกเข่าลง เสียงแผ่วเบาแต่อบอุ่นดั่งน้ำซึมในผืนดินแห้งแล้ง“ทรงฝากข้ามาบอกว่า… ทรงจะส่ง ยาจำศีล มาให้…คืนนี้… ก่อนยามซวี (ประมาณสามทุ่ม) ” เขากระซิบเบาๆ อี้หรานลิงโลดในใจ"หลังดื่มยานั้นแล้ว ท่านจะดูเหมือนสิ้นใจจริง ไม่มีชีพจร ไม่มีลมหายใจ จะไม่มีใครกล้าแตะร่างท่านจนกว่าจะถึงยามเฉินของวันถัดไป (เช้าตรู่) เราจะพาท่านออกมาแล้วทุกอย่างก็จะเป็นความลับ"สวี่เหยียนเบิกตากว้าง น้ำตาเอ่อขึ
หยางฟางหรานยืนอยู่กลางห้อง ท่ามกลางความเงียบ มีเพียงแววตาของบิดาหยางซูซิน ผู้เป็นขุนนางใหญ่ที่ทอดมองมาอย่างเคร่งเครียด“เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าผู้ใดถูกคุมตัวไปในวันนี้ฟางหราน”เสียงของเขาเย็นเฉียบ คล้ายกำลังสอบถาม…แต่แท้จริงแล้วคือคำกล่าวหาอ้อม ๆฟางหรานกัดริมฝีปากแน่น ปรายตามองบิดาก่อนตอบเสียงแผ่ว“ฮูหยินรองสวี่เหยียน…”“และเจ้าเอง” น้ำเสียงของหยางซูซินทุ้มต่ำ “เจ้าก็รู้ดีว่าถ้านางเปิดปากขึ้นมาเมื่อไร ชื่อของเจ้าจะเป็นชื่อถัดไปที่ถูกเรียกและถูดคุมขัง”ฟางหรานเม้มริมฝีปาก สะบัดชายแขนเสื้อแล้วนั่งลงบนเบาะอย่างไม่ยอมอ่อนข้อ ใบหน้าที่เคยงดงามอ่อนหวานบัดนี้กลับมีดวงตาแข็งกร้าว“แล้วท่านพ่อคิดจะปล่อยให้ข้าถูกลากไปเหรอ ปล่อยให้ท่านอ๋องจองจำข้าหรือ” “ปล่อยให้ซีหรูหญิงอัปลักษณ์คนนั้นได้หัวเราะเยาะข้า ทั้งๆ ที่ข้าต่างหากที่ควรอยู่เคียงข้างท่านอ๋องในตอนนี้เป็นชายาเอกอย่างที่ตั้งใจไว้เพราะนางแพศยาคนนั้นคนเดียว”แววตาของบิดาเปลี่ยนไปเล็กน้อย เป็นประกายบางอย่างระหว่างความห่วงใยและไม่พอใจ“เจ้าลืมสิ่งที่พ่อเคยพูดไปแล้วหรือ บิดาของนางเป็นฝ่าบาทที่ส่งเสริม และยังตั้งใจที่จะกีดกันเจ้า เป็นพ่อที่วางรากฐ
เสียงดาบปะทะหอกดังสนั่นทั่วแนวรบ เลือดร้อนสาดกระเซ็นบนผืนหิมะขาวจนแดงฉาน ซุนเจอหนี่ในชุดเกราะสีเข้มเปรอะเลือด ยืนหยัดอยู่กลางสมรภูมิ ท่ามกลางลูกธนูที่ยังโหมใส่ไม่หยุด"แม่ทัพ! เราเสียแนวรบตะวันตกแล้ว ขอรับ!" เสียงเหยียนชารีบรายงาน ใบหน้าของเขานั้นทั้งห่วงใยและตื่นตระหนกซุนเจอหนี่กัดฟันแน่น มือที่กำดาบสั่นเล็กน้อยเพราะเสียเลือดมากเกินไป กำลังจนหมดแรงลงเช่นกัน"พวกจะตายก็ควรตายเพราะปกป้อง"เค้นเสียงพูดเบาๆ ปลายเสียงขาดห้วง แต่แววตายังไม่ยอมแพ้“ท่านแม่ทัพ องค์หญิงอถอยก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ” เหยียนชาเตือนด้วยความหวังดี”“ไม่มีทางข้าจะไม่ทิ้งด่านหน้าแห่งนี้เด็ดขาด”“แต่ท่านแม่ทัพเราพ่ายแล้ว” เหยียนชาพูดด้วยน้ำเสียงขมขื่นทันใดนั้นเสียงฝีเท้าม้านับร้อยดังขึ้นจากแนวป่าด้านหลังกองทหารที่บาดเจ็บล้มตายภายใต้การนำของซุนเจอหนี่ ซุนเจอหนี่หันขวับความรู้สึกตึงเครียดกับความคิดว่านั่นอาจเป็นทัพเสริมของศัตรู แม่ทัพหม่าเซินเลิกคิ้วสูงธงรบที่ชักขึ้นสูงบ่งบอกว่าเป็นธงของต้าเซี่ยด้านซุนเจอหนี่"ทัพนั่นของใครกัน!" หนึ่งในแม่ทัพรองตะโกนถาม สีหน้าเต็มไปด้วยความหวั่นเกรงซุนเจอหนี่เบิกตากว้างเล็กน้อย ธงมังกรเงิ
เสียงกลองรบของข้าศึกดังกระหน่ำอย่างไม่มีหยุดพัก ควันดำลอยอ้อยอิ่งเหนือแนวกำแพงด่านหน้าที่แตกพัง เศษซากของโรงสีที่ถูกไฟเผาไหม้ยังคงส่งเสียงปะทุเบา ๆ ข้างฝั่งน้ำแข็งแตกกระเทาะทหารของแคว้นเป่ยในชุดเกราะเก่าโทรมมีรอยเลือดเปรอะเปื้อนทั่วร่าง บางคนขาดอาวุธ บางคนแขนขาได้รับบาดเจ็บจนไม่อาจขยับกานและยังคงคลานกลับค่ายด้วยแววตาเด็ดเดี่ยว เสียงร้องไห้ของหญิงชราที่วิ่งตามร่างบุตรชายบนรถเข็นไม้ กรีดหัวใจของผู้ได้ยินให้ปวดหนึบบนหอคอยบัญชาการ องค์หญิงใหญ่ซุนเจอหนี่ ในชุดแม่ทัพเกราะเงิน ยืนนิ่งทอดสายตาออกไปยังขอบฟ้าที่ยังไม่รู้ว่าเป็นศัตรูหรือหายนะใหม่"ด่านหน้าพังราบไปแล้วขอรับท่านแม่ทัพ ตอนนี้เหลือเพียงที่นี่แต่ทหารของเราบาดเจ็บไม่น้อยเมื่อที่นี่ไม่อาจยันทัพของแคว้นไต้ไว้ได้และแตกลง พวกมันจะล้อมเมืองหลวง..." เสียงรองแม่ทัพที่หนึ่งกล่าวแผ่วเบา ซุนเจอหนี่เพียงพยักหน้า สั่งการอย่างสงบนิ่ง แม้ดวงตาจะคลอไปด้วยหยาดน้ำใส"ส่งสารน์ไปยังต้าเซี่ย ขอพันธมิตร... ป่านนี้ทัพจากแคว้นฉียังมาไม่ถึงหรือไร"ทอดอาลัยด้วยความรู้สึกกดดันในฐานะผู้นำคนสนิทของนาง เหยียนซา รีบก้าวเข้ามากระซิบ "แต่แคว้นต้าเซี่ยยังมิได้ตอบร
ค่ำคืนมืดมิดชินหวางอ๋องในชุดคลุมดำไร้ลวดลาย ก้าวย่างเงียบเชียบเข้าสู่หลังบ้านเสิ่นอย่างเงียบๆองครักษ์ไฉ่หานรออยู่ก่อนแล้ว“ท่านอ๋อง” ไฉ่หานประสานมือนอบน้อม“ท่านพ่อตารอข้าอยู่ใช่หรือไม่” น้ำเสียงเรียบเฉย“พ่ะย่ะค่ะ สาวใช้นางหนึ่งรับหน้าที่เป็นคนล้างภาชนะในครัว ได้กลิ่นหญ้าหลัวซินจื่อจากชาที่นางเคี่ยว นางเห็นชัดว่าสาวใช้คนหนึ่งของฮูหยินรองนำออกไปก่อนจะนำชามาให้พระชายารอง” ชินหวางอ๋องถอนหายใจ“ดีมาก ท่านพ่อตาคงไม่ได้แหวกหญ้าให้งูตื่นใช่ไหม ข้าตั้งใจพบท่านพ่อตาในทันทีเพื่อกล่าวโทษฮูหยินรองสวี่เหยียน” ริมฝีปากคมขยับช้า ๆ ดวงตาคมวาวเยือกเย็นดุจจิ้งจอกกลางหิมะ“ส่งสาวใช้คนนั้นกลับบ้านนางเสียข้าไม่รู้ว่าขอบเขตของเรื่องนี้ขยายวงกว้างแค่ไหนจำต้องปกป้องพยานของเรา”“พ่ะย่ะค่ะ…” ไฉ่หานประสานมืออีกครั้ง ชินหวางอ๋องเร้นกายยังห้องพักด้านในของเสิ่นกวงหลิวชินหวางอ๋องก้าวเท้าผ่านก่อนจะหยุดที่หน้าต่างทอดมองไปยังห้องมืดมิดของซีหรูในบ้านเสิ่นแม้จะอยู่ห่าง แต่เขาก็รู้ดีว่าซีหรูนอนอยู่ในห้องนั้นแอบอมยิ้มเมื่อคิดถึงเรื่องราวต่อจากที่เขากำลังจะบงการให้เป็นช่วงเวลาดีดีสำหรับเขา“ซีหรู...หากไม่ใช่ข้าแอบมองเจ