Home / รักโบราณ / ชายาอสรพิษ / มีคนมารนหาที่ตายอีกแล้ว

Share

มีคนมารนหาที่ตายอีกแล้ว

last update Last Updated: 2025-01-17 20:00:26

สองร่างที่สง่างามจับจูงมือเดินเคียงข้างกันไปตามทางเดิน ทิ้งไว้เพียงเสียงลมแผ่วเบาและบรรยากาศที่เงียบงัน ร่างของจวงลี่รุ่นที่ยังคงนอนสั่นสะท้านอยู่กับพื้น และผู้คนที่ยืนอึ้งมองตามพวกเขาอย่างไม่อาจละสายตาได้

เมื่อห่างจากฝูงชน โม่จื่อหลิงที่จับมือหลี่หลิงเฟิ่งไว้ตั้งแต่ต้นก็ปล่อยมือนางอย่างแผ่วเบา เขาหยุดเดิน หันมามองนางด้วยสายตาลึกซึ้ง

“ทำให้เจ้าต้องได้รับความอยุติธรรมเสียแล้ว” น้ำเสียงของเขาเจือด้วยความรู้สึกผิด ทว่าความอ่อนโยนกลับทำให้หลี่หลิงเฟิ่งรู้สึกเหมือนถูกโอบกอดด้วยคำพูดนั้น

หลี่หลิงเฟิ่งส่ายหน้าเบาๆ แม้ใบหน้านางยังคงสงบนิ่ง แต่ในแววตากลับฉายความอ่อนโยนที่ไม่อาจปกปิด

“ท่านไม่จำเป็นต้องออกหน้า” นางเอ่ยเสียงเรียบ “พลังยุทธ์ระดับเขา ข้าสู้ได้สบาย”

โม่จื่อหลิงมองนางนิ่ง ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ พลางยกยิ้มมุมปาก

“นางมารน้อย เจ้าช่างดื้อรั้นนัก” เขากล่าวเสียงเบา น้ำเสียงเปี่ยมด้วยความเอ็นดู

เขาไม่ต้องการให้นางต้องแข็งแกร่งมากขนาดนี้ ในใจลึกๆ เขาหวังให้นางพึ่งพาเขามากขึ้น อยากให้

Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ชายาอสรพิษ   เตรียมตัว

    หลังจากจวงเหมยหลิงถูกเหยียนสุ่ยพากลับไป บรรยากาศรอบตัวก็ค่อยๆ สงบลง โม่จื่อหลิงและหลี่หลิงเฟิ่งเดินเคียงข้างกันไปยังศาลาริมน้ำ“เจ้านี่ไม่เคยยอมเสียเปรียบใครเลยจริงๆ” โม่จื่อหลิงกล่าวพลางมองนางด้วยสายตาเอ็นดูหลี่หลิงเฟิ่งมองเขา “ไม่ยอมเสียเปรียบหรือ ข้าเพียงแค่ปกป้องศักดิ์ศรีของตนเองเท่านั้น”“แต่ข้ากลับชอบที่เจ้าเป็นเช่นนี้ที่สุด” เขากล่าว น้ำเสียงนุ่มลึกที่เจือความชื่นชม รอยยิ้มบางๆ ปรากฏบนใบหน้าของเขาไม่จางหายคำพูดนั้นทำให้หลี่หลิงเฟิ่งชะงักไปครู่หนึ่ง นางเบือนหน้าหนีสายตาที่เต็มด้วยความรู้สึกลึกซึ้งคู่นั้น“หลิงเฟิ่ง ข้าต้องขออภัยแทนศิษย์ของข้าด้วย” เหยียนสุ่ยกลับมาอีกครั้ง ทำลายบรรยากาศคลุมเครือลง เขารีบเอ่ยเรื่องสำคัญทันที “แต่วันนี้ข้ามีเรื่องสำคัญอยากหารือกับเจ้า”เหยียนสุ่ยหยิบแผ่นกระดาษออกมา พร้อมกับร่างภาพของอาวุธล้ำค่าหลายชิ้น แม้หอหลอมอาวุธจะสามารถหลอมออกมาได้ ทว่าไม่เพียงพอในเมื่ออาวุธชั้นยอดนั้นสร้างออกมาไม่ง่าย ตัวเขาเองสร้างได้เพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น

    Last Updated : 2025-01-18
  • ชายาอสรพิษ   ลงนาม

    สนามประลองของสำนักศึกษาหลวงตั้งตระหง่านกลางลานกว้าง ล้อมรอบด้วยกำแพงศิลาสูงที่ถูกแกะสลักลวดลายวิจิตรสะท้อนถึงความยิ่งใหญ่ของสำนัก พื้นสนามปูด้วยหินสีขาวเรียบเนียนแต่ยังเห็นร่องรอยการต่อสู้ที่ผ่านมา รอบด้านเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยตื่นเต้นของเหล่าศิษย์ที่มาร่วมชมความสนุก ทั้งหลายต่างมองไปยังกลุ่มของหลี่หลิงเฟิ่ง พากันคิดว่าหลี่หลิงเฟิ่งเป็นสตรีที่ไม่เจียมตัว อยู่ดีไม่ว่าดีชอบรนหาที่ตายขณะที่สายตาหลายคู่จับจ้องอยู่ที่กลุ่มของหลี่หลิงเฟิ่ง รอยยิ้มและแววตาเยาะเย้ยจากกลุ่มของจวงเหมยหลิงยิ่งเด่นชัด จนพาให้บรรยากาศยิ่งตึงเครียดขึ้นอีกเท่าตัวจวินชางหลางที่นั่งอยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะเอนตัวเข้ามากระซิบกับหลี่หลิงเฟิ่งอีกครั้ง ใบหน้าของเขาฉายแววกังวลอย่างมาก "หลี่หลิงเฟิ่ง ข้าไม่ได้ดูถูกเจ้าหรอกนะ แต่จวงเหมยหลิงน่ะไม่ธรรมดา ข้าได้ยินมาว่านางใช้กระบวนท่าได้เร็วขนาดที่ศิษย์คนอื่นยังตามไม่ทัน กระทั่งตัดต้นไม้ขาดในดาบเดียว"หลี่หลิงเฟิ่งหันมามองเขาด้วยสายตาไม่บ่งบอกความรู้สึก "ต้นไม้ไม่ได้ทำอะไรผิด ข้าไม่คิดจะฟันมัน""ข้าก็ไม่ได้ให้เจ้าฟันต้นไม้สักหน่อย!"

    Last Updated : 2025-01-18
  • ชายาอสรพิษ   นุ่มนิ่ม

    ทันใดนั้นร่างของสัตว์อสูรขนาดเท่าข้อนิ้วปรากฏบนฝ่ามือของหลี่หลิงเฟิ่ง นางวางมันลงบนลานกว้าง จากนั้นร่างของมันเริ่มขยายใหญ่ขึ้นเป็นสิบเท่า นุ่มนิ่มมีรูปร่างประหลาด ตัวมันยาวเป็นปล้องคล้ายไส้เดือน แต่กลับมีขาสั้นๆ ขณะที่ผิวของมันแวววาวราวกับเคลือบด้วยโลหะสีเลือดเสียงหัวเราะรอบด้านดังลั่น "นั่นมันตัวอะไรน่ะ สัตว์อสูรแน่หรือ เหตุใดถึงได้น่าขยะแขยงขนาดนี้ เล่นเสียใหญ่โต ข้ายังหลงคิดว่านางจะมีของดีอะไรเสียอีก"หลี่หลิงเฟิ่งมองสัตว์อสูรของตนด้วยสีหน้านิ่งเฉย แม้จะรู้สึกแปลกใจกับรูปร่างที่เปลี่ยนไปของมัน แต่สีหน้าที่แสดงออกมายังไร้อารมณ์เช่นเดิมสัตว์อสูรตัวยาวหันหน้ามองหลี่หลิงเฟิ่งด้วยดวงตาสีแดงลุกวาว มันไม่ได้สนใจเสียงเยาะเย้ยรอบด้านแม้แต่น้อย สิ่งเดียวที่อยู่ในใจของมันคือนายหญิงเรียกมันว่า นุ่มนิ่ม! มันไม่ชอบชื่อนุ่มนิ่ม ฟังดูเหลาะแหละไม่เข้ากับภูมิหลังอันยิ่งใหญ่ของมันเอาเสียเลยนุ่มนิ่มที่ดูเหมือนไส้เดือนมีขา เลื้อยอยู่ข้างตัวเจ้านายอย่างไม่รีบร้อน ทว่าในใจของมันเต็มไปด้วยเสียงบ่นพึมพำไม่หยุดข้าคือมังกรบรรพกาลผู้ยิ่งใหญ่ ฝึกบำเพ็ญมาหลายพันปี แต่กลับต้องลงสนามในรูปลักษณ์นี้... ฮึ่ม! ถ้

    Last Updated : 2025-01-19
  • ชายาอสรพิษ   ไม่ตายไม่เลิกรา

    พยัคฆ์เพลิงแดงลุกขึ้นอีกครั้ง ทว่า...นุ่มนิ่มพุ่งทะยานขึ้นสูงด้วยความเร็วที่เหนือชั้นกว่า ขาสั้นๆ ที่ดูเหมือนไม่มีประโยชน์กลับแทงเข้าที่ใต้คอของพยัคฆ์เพลิงแดงด้วยความแม่นยำ ราวกับมันรู้จุดอ่อนของศัตรูโดยสัญชาตญาณเสียงคำรามของพยัคฆ์เพลิงแดงดังลั่นสนาม เซถอยหลัง ดวงตาฉายแววเจ็บปวด ขณะที่ผู้ชมรอบสนามถึงกับอ้าปากค้างปึ้งๆๆๆนุ่มนิ่มฟาดหางซ้ำๆ ทุกการกระแทกทำให้ร่างของพยัคฆ์เพลิงแดงจมลึกลงพื้น ขนสีเพลิงของมันหลุดกระจายเปลือยล่อนจ้อน"นั่นมัน… หางหรือกระบองเทพเจ้า!" จวินชางหลางพูดพลางหัวเราะลั่น "ข้าไม่รู้ว่าจะสงสารใครก่อนดีระหว่างพยัคฆ์เพลิงแดงหรือจวงเหมยหลิง”พยัคฆ์เพลิงแดงที่เคยดุดันบัดนี้นอนแน่นิ่ง ร่างของมันแทบขยับไม่ได้ เสียงคำรามที่เคยดังสนั่นเปลี่ยนเป็นเสียงหอบหายใจแผ่วเบาลงเรื่อยๆ จนหมดลมท่ามกลางสายตาตกตะลึงของผู้ชมจบแล้ว? จบง่ายดายแบบนี้เชียวรึเหล่าผู้ชมยังไม่หายตื่นตะลึงกับภาพเหตุการณ์ตรงหน้า ใครเลยจะคิดว่าพยัคฆ์เพลิงแดงที่เคยดูน่าเกรงขาม บัดนี้ตายเสียแล้ว นี่มันเรื่องบ้าอันใด เสียงดังเซ็งแซ่เกิดขึ้นทั่วลาน สัตว์อสูรขั้นห้าพ่ายแพ้ให้กับเจ้าตัวน่าเกลียดที่ไม่มีแม้แต่ระดับขั้นส

    Last Updated : 2025-01-19
  • ชายาอสรพิษ   อารมณ์ที่ไม่มั่นคง

    หลี่หลิงเฟิ่งที่ยืนอยู่กลางเปลวไฟเหลือบมองจวงเหมยหลิง รอยยิ้มบางปรากฏขึ้นบนใบหน้า นางสะบัดผ้าสีแดงในมือ เปลวไฟที่ร้อนระอุพุ่งทะยานขึ้นราวกับมังกรที่กำลังเตรียมโต้กลับอย่างรุนแรงท่ามกลางเศษซากของกำแพงหินและเงามืดจากมือภูผาที่แตกกระจาย เปลวไฟสีแดงฉานพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า มังกรเพลิงตื่นจากการหลับใหลแล้ว เสียงลุกไหม้ดังก้อง เปลวเพลิงหมุนวนรอบตัวหลี่หลิงเฟิ่ง ร่างบางของนางยืนตระหง่านกลางสนาม ดวงตาฉายแววเยือกเย็นที่ทำให้ผู้ชมรอบสนามแทบหยุดหายใจเปลวเพลิงที่หมุนวนกลายเป็นมังกรเพลิงที่สมบูรณ์แบบ มันคำรามลั่น พุ่งตรงไปยังจวงเหมยหลิงด้วยความเร็วสูง“มังกรเพลิงพิโรธ ถึงกับเป็นมังกรเพลิงพิโรธ! สตรีของเจ้าบรรลุขั้นหลอมรวมระดับสูงแล้วหรือ” จวินชางหลางขยี้ตา เข้านั่งไม่ติดที่นานแล้ว ครั้งนี้มองการประลองอันดุเดือดจนดวงตาแทบถลนออกมาจากเบ้าด้วยความอึ้งทึ่งจวงเหมยหลิงรีบสร้างกำแพงหินเสริมขึ้นอีกชั้น ยอมรับว่านางตกใจไม่น้อย ทว่าแล้วอย่างไร ในเมื่อนางเองก็อยู่ในระดับเดียวกัน คิดว่าแค่นี้ทำอะไรนางได้หรือเปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะแต่มังกรเพลิงของหลี่หลิงเฟิ่งพุ่งเข้ากระแทกกำแพงหินเสียงดังสนั่นจนพังยับ เศษหินป

    Last Updated : 2025-01-20
  • ชายาอสรพิษ   จุดจบ

    สองบุรุษยืนขนาบข้างหลี่หลิงเฟิ่ง ร่างสูงของพวกเขาเปล่งพลังยุทธ์ที่หนักแน่น กดดันกลุ่มของตระกูลจวงจนต้องชะงักไปชั่วขณะ ผู้ชมรอบสนามที่มองอยู่ต่างพากันอึ้งกับภาพที่เห็น สองชายหนุ่มจากสองสายเลือดที่ยืนอยู่ข้างหลี่หลิงเฟิ่งพร้อมจะเผชิญกับทุกสิ่งเพื่อปกป้องนาง“พวกเจ้าสองคนจะทำเช่นนี้หรือ” จวงเทียนหยางกัดฟันแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น “คิดดีแล้วหรือจะเป็นศัตรูกับตระกูลจวงงั้น”“รวมข้าเข้าไปด้วยได้หรือไม่” เสียงหัวเราะของหู่กวงที่ดังมาก่อนตัวดึงดูดสายตาทุกคู่ในสนาม เขามาหยุดยืนอยู่ข้างหลี่หลิงเฟิ่ง เจ้าของหอแพทย์ที่ปกติมักจะกลับฉายรอยยิ้มผ่อนคลาย ตอนนี้มีเพียงความเหี้ยมเกรียมบนใบหน้าจวงเทียนหยางขบกรามแน่น ดวงตาที่เต็มไปด้วยโทสะหรี่มองหู่กวง “หู่กวง ท่านหมายความว่าอย่างไร การที่ท่านมายืนข้างนางในวันนี้ ไม่กลัวว่าตระกูลจวงกับหอแพทย์โอสถต้องขัดแย้งกันอย่างนั้นหรือ”หู่กวงหัวเราะเบาๆ เขาก้าวออกมาข้างหน้าเล็กน้อย “นายท่านจวงคงยังไม่รู้ หลิงเฟิ่งมีชื่อแขวนในหอแพทย์โอสถของข้า ยืนฝั่งเดียวกับนางก็สมเหตุสมผลแล้ว หากเจ้าสำนักรู้ต้องชื่นชมการกระทำของข้าในวันนี้อย่างแน่นอน”แน่ล่ะ นี่คือบรรพบุรุษ

    Last Updated : 2025-01-20
  • ชายาอสรพิษ   กลิ่นกำมะถัน

    ครบรอบเดือนในสำนักศึกษาหลวง หลี่หลิงเฟิ่งกลับไปยังโรงจำนำเฟิงจั่วเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อย ระหว่างทางยังแวะตลาดซื้อขายสัตว์อสูร ติดไม้ติดมือกลับมาราวๆ สิบกว่าตัวทีเดียวขณะที่หลี่หลิงเฟิ่งเดินผ่านถนนใหญ่ นางสะดุดตากับเหตุการณ์ที่คุ้นเคย แต่ครั้งนี้กลับรุนแรงกว่าครั้งก่อน เด็กขอทานกลุ่มหนึ่งกำลังถูกรุมทำร้ายโดยอันธพาลในท้องถิ่น เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดทำให้นางหยุดเท้าทันที “นี่อีกแล้วหรือ…” นางพึมพำ“ไยเจอเจ้าทีไร ก็ถูกตีทุกที” หลี่หลิงเฟิ่งจำเด็กที่นางช่วยไว้คราวก่อนได้ นางก้าวเข้าไปแทรกกลางอย่างไม่ลังเล เปลวไฟสีแดงลุกโชนรอบตัวนาง สายตาของเหล่าอันธพาลเบิกกว้างด้วยความตกใจ“ไปให้พ้น ก่อนที่ข้าจะลงมือจริง” เสียงของหลี่หลิงเฟิ่งดังก้องอันธพาลเหล่านั้นไม่ทันได้หนีด้วยซ้ำ เมื่อเปลวไฟที่หมุนวนรอบตัวนางพุ่งเข้าใส่พวกมันอย่างแม่นยำ ภายในเวลาไม่กี่อึดใจ พวกมันก็นอนแน่นิ่งกับพื้นเสียแล้วจวบจนเมื่อเห็นว่าพวกอันธพาลไม่ขยับ หลี่หลิงเฟิ่งจึงจากไป เดินไปไม่กี่ก้าวกลับมีมือเล็กจ้อยสกปรกมอมแมมรั้งกระโปรงของนางเอาไว้แน่น กล่าวอย่างกล้าๆ กลัวๆ ออกมาเป็นครั้งแรก “ขอบคุณพี่สาว”หลี่หลิงเฟิ่งหันมามองเอ่ย

    Last Updated : 2025-01-21
  • ชายาอสรพิษ   ฮองเฮาสิ้นพระชนม์

    “ใครส่งเจ้ามา”ชายชุดดำไม่ตอบ เขาชักดาบออกมา พุ่งเข้าใส่หลี่หลิงเฟิ่งด้วยความเร็ว ดาบในมือวาดลวดลายเป็นประกาย พยายามจะปลิดชีพนางหลี่หลิงเฟิ่งหลบคมดาบอย่างคล่องแคล่ว นางไม่ใช้ อาวุธ แต่ใช้เพียงฝ่ามือเปล่าในการต่อสู้ ฝ่ามือของนางเคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับสายฟ้า แต่ละครั้งที่ปะทะกับดาบ ก็เกิดเสียงดังสนั่น ประกายไฟกระจายชายชุดดำตกตะลึง เขาไม่คิดว่าหญิงสาวที่ดูบอบบางเช่นนี้จะมีพลังยุทธ์แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ เขาพยายามเปลี่ยนกระบวนท่า ใช้กลยุทธ์ต่างๆ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรนางได้ หลี่หลิงเฟิ่งเริ่มรุกหนักขึ้น นางใช้ฝ่ามือโจมตีจุดสำคัญของชายชุดดำ ทำให้เสียหลัก“พูดมา ก่อนที่เจ้าจะไม่มีโอกาสได้พูดอีกต่อไป” น้ำเสียงเย็นเยียบของหลี่หลิงเฟิ่งกดดันจนชายชุดดำทรุดลงคุกเข่ากับพื้น ร่างกายของเขาสั่นเทิ้ม ดวงตาเบิกโพลงด้วยความหวาดผวา หลี่หลิงเฟิ่งย่อตัวลงเล็กน้อย จ้องมองเขาอย่างไม่ละสายตา ชายชุดดำพยายามหลบสายตาคมกริบของนาง แต่ก็ไม่อาจหลุดพ้นผ้าแพรสีแดงค่อยๆ เคลื่อนลงบนร่างกายของเขา กรีดลงบนเนื้อหนังจนเลือดไหลซึมเป็นทางยาว ชายชุดดำกัดฟันแน่น ก่อนจะเอ่ยเสียงสั่นเครือ “ข้าจะพูด... ข้าจะพูด... เป็นคำสั่งของฮอง

    Last Updated : 2025-01-22

Latest chapter

  • ชายาอสรพิษ   ช่วยเหลือ

    ณ เมืองหลวงของแคว้นหลิวอวิ๋นเสียงการต่อสู้ยังคงดังกึกก้อง เปลวเพลิงโหมลุกไหม้ตามแนวกำแพง เสียงคำรามของผู้บุกรุกประสานกับเสียงอาวุธที่กระทบกันอย่างดุเดือดสวีคุนเจ้าสำนักหอแพทย์โอสถ กำลังรักษาผู้บาดเจ็บพลางออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม "อย่าปล่อยให้พวกมันทะลวงเข้ามาได้ ต้านไว้สุดกำลัง"ผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นๆ และเจ้าหน้าที่ทหารรวมกำลังกันอย่างสุดความสามารถ แต่จำนวนศัตรูที่มีกองกำลังมือสังหารชั้นสูงกลับยังคงท่วมท้นทันใดนั้นเอง แสงสีฟ้าก็ปรากฏขึ้นกลางสมรภูมิ เสียงลมกรรโชกดังขึ้นพร้อมกับร่างของหลี่หลิงเฟิ่ง โม่จื่อหลิง และจวินชางหลางที่ปรากฏตัวออกมา"พวกเรากลับมาแล้ว!" จวินชางหลางร้องลั่น พลางสะบัดดาบเล่มใหม่ในมืออย่างฮึกเหิม "ใครอยากโดนฟันก่อน มาเลย!""ทุกคนปลอดภัยดีหรือไม่" หลี่หลิงเฟิ่งตะโกนถามพลางฟาดแส้เพลิงออกไป เผาผู้บุกรุกที่พุ่งเข้ามาสวีคุนยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ "พวกเจ้ามาทันเวลาพอดี ฝั่งนั้นมีมากเกินไป พวกเรากำลังต้องการกองกำลังเสริมอย่างยิ่งยวด""ท่านวางใจ ข้าจะทำให้ศัตรูจำชื่อพวกเราไปตลอด" จวินชางหลางหัวเราะเสียงดัง เลือดร้อนไม่ลดละจากการต่อสู้ที่ต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน"งั้นข้าจะช

  • ชายาอสรพิษ   ความเปลี่ยนแปลง

    "อะไรเนี่ย ทำไมรากไม้พวกนี้มันมีชีวิตล่ะ แม่จ๋า ช่วยลูกด้วย" จวินชางหลางตะโกนพลางถอยหลบ ขณะที่รากไม้สีดำเลื้อยมาทางเขาดาบกลืนวิญญาณในมิติมายาของหลี่หลิงเฟิ่งยังคงสั่นสะท้าน ราวกับพยายามเตือนบางสิ่ง นางหอบหายใจ ดวงตาคมกริบจับจ้องไปยังใจกลางห้องโถงที่บัดนี้เต็มไปด้วยพลังมืด แท่นบูชาที่พังครึ่งหนึ่งพลันแตกออก เผยให้เห็นโลงศพสีดำสนิทที่ถูกพันธนาการไว้ด้วยรากไม้หนาทึบ นางเดินเข้าไปใกล้โลงศพที่ยังคงปล่อยไอสังหารออกมา"ระวังนะ!" จวินชางหลางร้องเตือน แต่หลี่หลิงเฟิ่งยื่นมือออกไปแตะรากไม้ที่พันรอบโลงศพ ถึงกับเป็นโลกศพฮ่องเต้รุ่นที่หนึ่งทันใดนั้น เส้นแสงสีดำพุ่งออกมาจากรากไม้ เสียงคำรามต่ำสะท้อนก้อง รากไม้ราวกับมีชีวิตฉุดกระชากไปทั่วโลงศพเปิดออกอย่างช้าๆ กลิ่นเน่าเหม็นโชยกระจายไปทั่วห้องโถง ร่างของฮ่องเต้ตงเยว่ที่เคยหลับใหลปรากฏให้เห็น ผิวหนังซีดเผือด ดวงตาที่ควรปิดสนิทพลันเปิดออก เผยให้เห็นแสงสีดำวาววับ"มันตื่นขึ้นแล้ว!" โม่จื่อหลิงกล่าวเสียงหนัก ขณะกระชับกระบี่ในมือแต่ก่อนที่ใครจะทันได้ขยับ รากไม้สีดำพุ่งขึ้นฟ้า ก่อนจะแตกกระจาย เสียงกระดูกดังลั่น ไม่ใช่แค่จักรพรรดิตงเยว่ แต่ศพของทหารและข

  • ชายาอสรพิษ   ค้นพบ

    จวินชางหลางกระเด็นกลิ้งหลายตลบก่อนจะยันตัวลุกขึ้นมา มองรอบด้านอย่างไม่สบอารมณ์ สถานที่เบื้องหน้านั้นเต็มไปด้วยซากหินและพื้นผนังที่ปกคลุมไปด้วยตะไคร่น้ำ“ที่นี่มัน...ใต้ดินหรือ” หลี่หลิงเฟิ่งกวาดตามองอย่างระแวดระวัง“ข้าหวังว่ามันจะไม่ใช่กับดักอะไรอีกนะ” จวินชางหลางโอดครวญ “ฟ้าไม่มีตา ไม่เข้าข้างข้าบ้างเลย”ทั้งสามคนเดินลึกเข้าไปในโพรงใต้ดิน เส้นทางทอดยาวราวกับไม่มีที่สิ้นสุด เสี่ยวจูจูที่เกาะอยู่บนบ่าหลี่หลิงเฟิ่งส่งเสียงครางเบาๆ อย่างไม่สบายใจ“มันรู้สึกอะไรบางอย่าง” หลี่หลิงเฟิ่งเอ่ยเบาๆ นางยกมือขึ้นลูบหัวเสี่ยวจูจูเพื่อปลอบ “ระวังตัวไว้”ภายในมิติมายาของนางกลับเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่คาดคิด ดาบกลืนวิญญาณ ที่ปักนิ่งอยู่กลางทุ่งมายาพลันสั่นสะท้าน เสียงหวีดแหลมต่ำ เส้นแสงสีดำปะทุจากคมดาบราวกับมีสิ่งเร้นลับพยายามฉุดกระชากมันให้หลุดจากพันธนาการ“ไม่... ไม่ดีแล้ว!” เสี่ยวมู่ร้อง ดวงตาสีครามของมันเบิกกว้างหลี่หลิงเฟิ่งเม้มปาก มองสภาพแปรปรวนในมิติของนาง ที่พื้นดินซึ่งเคยนิ่งสงบกลับแตกออก เผยให้เห็นแสงสีเทาหม่นที่หมุนวนราวกับวงกตแห่งวิญญาณในจุดนั้นมีวัตถุสีมืดสนิทลอยเด่นอยู่กลางอากาศ มั

  • ชายาอสรพิษ   ทำลายตงเยว่

    บุกแคว้นตงเยว่เปลวไฟลุกโชนสูงตระหง่าน วังหลวงของแคว้นตงเยว่ที่เคยโอ่อ่ากลายเป็นสนามรบ เปลวเพลิงจากของหลี่หลิงเฟิ่งเผาผนังไม้สักทองคำจนแตกเปรี๊ยะ เสียงกรีดร้องของทหารแคว้นตงเยว่ดังระงมจวินชางหลางหัวเราะเสียงดัง ขณะฟาดฟันศัตรูที่ขวางหน้า "นี่แหละที่ข้ารอคอยมานาน วังนี้ข้าเห็นแล้วยังอยากเผาเล่น"ทหารของแคว้นตงเยว่ล้มตายลงทีละคน ซากศพกองเรียงรายจนแทบไม่มีทางเดิน หลี่หลิงเฟิ่งมองซากปรักหักพังอย่างเยือกเย็น "วังโอ่อ่าขนาดนี้ วันนี้ก็ถึงคราวต้องมอดไหม้ไปพร้อมกับบาปของมันแล้ว""เจ้าคิดจะทำลายทุกอย่างจริงๆ หรือ ง่ายไปหน่อยกระมัง" เสียงหนึ่งดังขึ้นจากเบื้องบน ร่างสูงสง่างามในชุดมังกรสีทองปรากฏตัวท่ามกลางเงาเปลวเพลิง ฮ่องเต้แห่งแคว้นตงเยว่ ดวงหน้าคมคายที่เปี่ยมด้วยอำนาจแฝงไปด้วยความน่าเกรงขาม"ข้ารู้จักสมญานามของพวกเจ้ามาบ้าง หญิงชั่วร้ายกับชายคู่หมั้นหน้าโง่ แต่กลับถูกยกย่องให้เป็นความภาคภูมิของแคว้นหลิวอวิ๋น"หลี่หลิงเฟิ่งเลิกคิ้วแปลกใจ ไม่คิดว่าพวกนางจะมีฉายาเช่นนี้ด้วย โด่งดังไม่เบาเลยหนา ฮ่องเต้ตงเยว่หัวเราะ "เจ้าคิดว่าการเผาวังหลวงของข้าจะทำให้แคว้นหลิวอวิ๋นพ้นภัยหรือ ช่างเป็นความคิดตื

  • ชายาอสรพิษ   ตั้งรับ

    กองกำลังขันทีผู้ซื่อสัตย์ของฮ่องเต้ ซึ่งได้รับการฝึกฝนให้ปกป้องวังหลวงมาตั้งแต่เยาว์วัย ยืนหยัดต้านทานคนชุดดำอย่างสุดชีวิต ถึงแม้พลังยุทธ์ของพวกเขาจะด้อยกว่าศัตรูมากนัก แต่ด้วยความภักดีที่ฝังแน่นในหัวใจ พวกเขาไม่มีวันปล่อยให้ราชวงศ์หลิวอวิ๋นล่มสลายไปต่อหน้าต่อตา"ถ้าจะตาย ก็ให้ตายเพื่อฝ่าบาท!" หัวหน้าขันทีตะโกนลั่น เสียงของเขาแฝงด้วยความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมพ่ายแพ้เสียงดาบกระทบกันดังสนั่น ขันทีผู้หนึ่งฟาดดาบเข้าใส่คนชุดดำ แต่กลับถูกพลังยุทธ์มหาศาลกระแทกจนล้มลง เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วพื้นหิน"อย่าปล่อยให้พวกมันเข้าใกล้ฝ่าบาท!" หัวหน้าขันทีตะโกนอีกครั้ง ก่อนจะพุ่งตัวไปขวางคนชุดดำที่พยายามบุกเข้ามาฮ่องเต้ที่ยังทรงยืนอยู่ด้วยพระวรกายที่บาดเจ็บสาหัส ดวงเนตรของพระองค์เคร่งขรึมแต่เปี่ยมด้วยความเด็ดเดี่ยว แม้พระโลหิตจะไหลซึมจากบาดแผลที่พระอุระ แต่พระองค์ไม่คิดจะล่าถอยหยวนกุ้ยเฟยยืนมองภาพนั้นด้วยความสะใจ ใบหน้าของนางฉายแววบ้าคลั่ง "ฝ่าบาทยังดื้อรั้นเช่นเคย... แต่ครั้งนี้ข้าจะทำให้ท่านสิ้นสิ้นลมหายใจไปพร้อมกับบัลลังก์ที่ท่านหวงแหนนัก!"ดวงตาของนางเรืองแสงด้วยพลังพิษสีดำที่แผ่ออกมาจากปลายนิ้ว นางสะ

  • ชายาอสรพิษ   เมล็ดพันธ์ุแห่งความสงสัย

    "โจมตีที่แก่นพลังในกะโหลก พวกมันจะฟื้นตัวไม่ได้ถ้าแก่นนั้นถูกทำลาย" เสียงสั่งการของหลี่เฟยหยางดังขึ้นท่ามกลางเสียงคำรามของสัตว์อสูรเน่าเปื่อยที่น่าสะอิดสะเอียน หลี่หลิงเฟิ่งที่กำลังฟาดแส้เพลิงใส่สัตว์อสูรตนหนึ่งถึงกับชะงัก นางหรี่ตาจ้องมองหลี่เฟยหยางที่ดูมั่นใจในการโจมตีราวกับรู้จุดอ่อนของพวกมันดีราวกับฝ่ามือตัวเอง"ทำลายแก่นพลังงั้นหรือ" หลี่หลิงเฟิ่งพึมพำเบาๆ ก่อนจะหันไปสบตาโม่จื่อหลิง "ลองทำดู!"โม่จื่อหลิงไม่รีรอ เขาพุ่งเข้าใส่สัตว์อสูรตัวหนึ่งราวกับพายุ กระบี่ในมือเปล่งประกายสีเงินวาววับ ปลายกระบี่พุ่งตรงเข้าหากะโหลกของมันอย่างรวดเร็วและแม่นยำ เสียงแตกดังลั่นเมื่อแก่นพลังถูกทำลาย ร่างของมันล้มลงกับพื้นและสลายกลายเป็นผุยผงในชั่วพริบตา"ได้ผลจริงๆ ด้วย!" หลูหวั่นชิงตะโกนขึ้นด้วยความดีใจ นางกวัดแกว่งพัดเหล็กในมือ สร้างกระแสลมเพลิงพุ่งตรงเข้าใส่กะโหลกของสัตว์อสูรอีกตัว เผาไหม้แก่นพลังจนแตกละเอียดแต่หลี่หลิงเฟิ่งกลับไม่ได้รู้สึกโล่งใจ ดวงตาคู่งามของนางจับจ้องหลี่เฟยหยางที่ยังคงต่อสู้อย่างดุดัน ร่างสูงสง่างามของเขาขยับอย่างแม่นยำและมั่นใจราวกับนักล่าที่ชำนาญ สายตาของนางแฝงไว้ด้วยความส

  • ชายาอสรพิษ   ทางรอด

    การต่อสู้ในสุสานสัตว์อสูรยังคงดำเนินไปอย่างดุเดือด พลังยุทธ์และอาวุธหลากชนิดพุ่งเข้าใส่ร่างสัตว์อสูรเน่าเปื่อยเหล่านั้นครั้งแล้วครั้งเล่า แต่กลับไม่ได้ผลเท่าที่ควร ทุกครั้งที่พวกมันล้มลง มันกลับลุกขึ้นมาใหม่ราวกับไม่มีที่สิ้นสุด“พวกมันมีแต่มากไม่มีลดลงเลย ขืนแบบนี้ต่อไปไม่ดีแน่ เราต้องออกจากที่นี่โดยด่วน” หลูหวั่นชิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงร้อนรน นางใช้พัดเหล็กในมือกวาดเปลวไฟออกไป เผาสัตว์อสูรตัวหนึ่งจนมอดไหม้ แต่เพียงครู่เดียว ร่างที่ไหม้เกรียมนั้นก็กลับมาฟื้นคืนและกระโจนเข้ามาอีกครั้ง“ทางออกอยู่ไหนกันล่ะ สู้มาจะค่อนวันแล้วข้ายังไม่เห็นว่าจะมีสักแม้เงา” จวินชางหลางตะโกนกลับ เสียงของเขาแฝงด้วยความเหนื่อยล้า กระบี่ของเขาเปื้อนเลือดสัตว์อสูรจนไม่เหลือเค้าเดิมหลี่หลิงเฟิ่งเบี่ยงตัวหลบกรงเล็บของสัตว์อสูรตัวหนึ่งที่ฟาดลงมา นางสะบัดแส้เพลิงในมือออกไป เปลวไฟสีแดงฉานลุกโชนขึ้น เผาร่างของมันจนแตกสลาย แต่ในเวลาเดียวกัน นางก็ใช้สายตาสำรวจพื้นที่รอบตัว“ถ้าค่ายกลนี้ถูกทำลายแล้ว พวกมันไม่ควรถูกยึดติดกับพื้นที่นี้อีก ล่อพวกมันกระจายตัวออกไปก็สิ้นเรื่อง พวกมันถูกดึงดูดจากต้นไม้แห่งชีวิต ตอนนี้ไม่มีเหลือแ

  • ชายาอสรพิษ   กับดักใจกลางป่า

    กลุ่มของหลี่หลิงเฟิ่งติดตามคำบอกเล่าของนุ่มนิ่มมาตลอดทางจนกระทั่งมาถึงจุดหมายเบื้องหน้า สิ่งที่พวกเขาเห็นคือปากถ้ำขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนซ่อนตัวอยู่ภายในเงาไม้หนาทึบ ถ้ำนี้ดูไม่ต่างจากที่หลี่หลิงเฟิ่งได้ยินจากคำรายงานของนุ่มนิ่มเหลียนฉือกงและเหลียนฉู่ฉู่นั่งพิงกันอยู่หน้าถ้ำ ดวงหน้าซีดเซียวและเต็มไปด้วยร่องรอยบาดแผลของการต่อสู้ เหลียนฉือกงมีบาดแผลใหญ่ที่สีข้าง ขณะที่เหลียนฉู่ฉู่กุมป้ายหยกแน่นราวกับไม่อาจปล่อยจากมือ“ข้าเจอพวกเขาแล้ว” หลูหวั่นชิงชี้ไปยังสองพี่น้องแคว้นเหลียน นางรีบจะก้าวเข้าไปหา แต่หลี่หลิงเฟิ่งยกมือขึ้นห้ามไว้ทันที“อย่าเพิ่งเข้าไป” หลี่หลิงเฟิ่งบอกเสียงเฉียบพลัน ดวงตาของนางหรี่ลงมองภาพเบื้องหน้า ในขณะที่ทุกคนเห็นเพียงถ้ำที่ดูปลอดภัย แต่สิ่งที่นางเห็นกลับต่างออกไปโดยสิ้นเชิงภาพเบื้องหน้าของหลี่หลิงเฟิ่งไม่ได้เป็นเพียงปากถ้ำ แต่เป็นสุสานสัตว์อสูรที่เต็มไปด้วยซากศพของสัตว์อสูรนานาชนิด กองกระดูกที่เรียงรายอยู่ทุกหนแห่งส่งกลิ่นคาวเลือดจางๆ ที่ดูเหมือนจะยังไม่แห้งสนิท ราวกับพวกมันเพิ่งล้มตายไม่นานนางหันมองรอบตัวอย่างระแวดระวัง เสียงของถิงถิงดังขึ้น“นายท่านที่นี่ถูกสร้างค่า

  • ชายาอสรพิษ   ถิงถิงออกโรง

    เสียงหอบหายใจของหลี่หลิงเฟิ่งและคนอื่นๆ ดังขึ้นท่ามกลางเสียงคำรามอันต่ำของฝูงอสูรที่ล้อมรอบพวกเขาไว้ มันไม่ได้เป็นเพียงสัตว์อสูรธรรมดา หากแต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่ตายไปแล้วและถูกปลุกขึ้นมาด้วยพลังลึกลับ เนื้อหนังที่เน่าเปื่อยของพวกมันเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นคาวและความสยดสยองที่แผ่กระจายไปทั่ว“เจ้าพวกนี้มันไม่มีวันตายจริงๆ สินะ” หลูหวั่นชิงพึมพำ น้ำเสียงของนางแฝงไปด้วยความตื่นตระหนกยิ่งยวด“แต่พวกเราตายได้นะ” จวินชางหลางตะโกนพลางหมุนตัวฟาดดาบในมือผ่านร่างอสูรตัวหนึ่งจนขาดเป็นสองท่อน แต่ในเสี้ยววินาทีต่อมา เศษเนื้อและกระดูกที่แตกกระจายกลับเริ่มเคลื่อนไหวและประกอบร่างอีกแล้ว เป็นอย่างนี้ทุกครั้งไป“ไม่ว่าเจ้าจะฟันอีกกี่ครั้ง มันก็ยังรวมร่างได้ เสียเวลาเปล่า” หลี่หลิงเฟิ่งกล่าวเสียงเรียบ นางสะบัดมือข้างหนึ่ง ผ้าสีแดงสิบเส้นพลันพุ่งออกไปพร้อมเปลวเพลิงที่ลุกโชติช่วง แส้เพลิงฟาดลงบนร่างของสัตว์อสูรตัวหนึ่งเสี่ยวจูจูที่ยืนอยู่ข้างหลี่หลิงเฟิ่งส่งเสียงร้องคำรามอันทรงพลัง ร่างเล็กของมันกระโจนออกจากที่มั่น ลวดลายสีดำสลับทองบนตัวส่องประกายระยับ ขณะที่กรงเล็บของมันตวัดฉีกกระชากอสูรตัวหนึ่งจนกระเด็นไปไกล

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status