กู้ชูหน่วนเอ่ยอย่างเย็นชาว่า "พวกเจ้าคนไหนกล้าหาเรื่องกับเย่จิ่งหาน อย่าหาว่าข้าไม่นับพวกเจ้าเป็นน้อง""ยัยขี้เหร่ เย่จิ่งหานทำกับเจ้าขนาดนั้น ทำไมเจ้ายังพูดแทนเขาอีก? หรือว่าเขาขู่เข็ญเจ้า?""เขากล้า" หัวหน้าเผ่าหมอในชั่วพริบตาทรงอำนาจและองอาจมาก ร่างกายทั้งหมดแผ่รัศมีของการล้มล้างทุกสิ่งภายใต้สวรรค์ และความรู้สึกของการเป็นหนึ่งเดียวที่เหนือกว่าทุกสิ่งปรากฏขึ้น"เขาไม่ได้ขู่เข็ญอะไรข้า ข้าขอร้องให้พวกเจ้ามีสมองที่ปกติหน่อยได้หรือไม่ อยู่กับพวกพวกเจ้า ข้าอับอายจริงๆ"นับตั้งแต่รู้จักกันมา เย่จิ่งหานแม้บางครั้งจะขู่เข็ญนาง แต่ทุกครั้งก็เป็นแค่เสียงดัง ฟ้าผ่าแต่ฝนไม่ตก เขาไม่ได้ทำอะไรนางเลยเห็นพวกเขายังอยากจะพูดต่อ กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว จ้องหัวหน้าเผ่าหมออย่างโกรธเคือง "โดยเฉพาะเจ้า ห้ามหาเรื่องเย่จิ่งหานอีก""เย่จิ่งหานไม่ใช่คนดี""ข้าว่าเจ้าไม่ใช่คนดีมากกว่า ลองดูสิว่าลูกน้องของสิบสองกองธง แต่ละคนล้วนเป็นคนเลว โดยเฉพาะนายท่านหลัน พูดว่าเขาเป็นคนเลวยังยกย่องเขาเกินไป"หัวหน้าเผ่าหมอแก้ไข "ยามนี้เหลือนายท่านเจ็ดคนแล้ว ข้าก็ไม่คิดจะแต่งตั้งนายท่านที่ข้าลบไปห้าคนอีก"กู้ชูหน่วนขมวดค
นางรวบรวมลูกแก้วมังกรได้สามลูกแล้ว ก็ไม่ธรรมดาแล้วนางเป็นเจ้าสำนักซิวหลัว นั่นหมายความว่าสำนักซิวหลัวมีลูกแก้วมังกรสี่ลูกอย่างนั้นหรือ?หากนางต้องการลูกแก้วมังกร นางแค่ไปขโมยที่สำนักซิวหลัวก็ได้แล้วไม่ใช่หรือ?กู้ชูหน่วนทุบหยกจันทร์เสี้ยวจนแตก ดวงตาสวยงามราวกับน้ำนิ่งจ้องมองอักขระบนหยกจันทร์เสี้ยวที่สลักอยู่บนกระดิ่งภินวิญญาณอย่างเงียบๆ กระดิ่งภินวิญญาณปรากฏเป็นแผนที่ภูมิประเทศอย่างรวดเร็วด้วยตาเปล่าแผนที่นี้ซับซ้อนมากและยังขาดไปบางส่วน พวกกู้ชูหน่วนมองดูอยู่นานมากก็ยังดูไม่ออกว่าคือที่ไหน"ข่าวของเจ้าแม่นยำหรือไม่? เศษหยกชิ้นสุดท้ายอยู่ที่เขาสวินหลงจริงหรือ?""น่าจะใช่ ข้าก็ลืมไปแล้วว่าเคยเห็นหรือได้ยินที่ไหนมา พี่สาว ลูกแก้วมังกรไม่ใช่ของดีอะไร เป็นของอัปมงคล คนที่เกี่ยวข้องกับลูกแก้วมังกรไม่มีจุดจบที่ดี อาโม่ไม่อยากให้พี่สาวรวบรวมลูกแก้วมังกร"อัปมงคล?นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินกู้ชูหน่วนลากเสียงยาว "อ่อ......อัปมงคลอย่างไร?""บอกไม่ถูกเหมือนกัน อย่างไรเสียข้าก็รู้สึกว่ามันไม่ดี เคยมีคนจำนวนมากแย่งชิงลูกแก้วมังกร แต่ละคนไม่เหลือแม้แต่กระดูก หายตัวไปจากโลกนี้ ข้างนอกไม่รู้
กู้ชูหน่วนกล่อมแล้วกล่อมอีก กว่าจะหลอกล่อให้หัวหน้าเผ่าหมอกลับไปได้ ก่อนจากไปยังคงสาบานซ้ำแล้วซ้ำเล่า ว่าจะต้องไปหาเขาที่เผ่าหมอให้ได้ ถึงได้ส่งหัวหน้าเผ่าหมอองค์นี้ไปจนได้เซียวอวี่เชียนเอ่ย "ยัยขี้เหร่ เราจะไปจุ้ยชุนเฟิงหรือไปสำนักบัณฑิตหลวงดี?"กู้ชูหน่วนจ้องมองไปข้างหน้า ถอนหายใจ "ข้ารู้สึกว่าไม่ว่าไปที่ไหน จุดจบของข้าคงจะดูไม่ดีแน่"ไม่รอให้เซียวอวี่เชียนตอบโต้ ประตูใหญ่ก็ถูกคนเตะออก เสียงดังสนั่น ลูกน้องของเย่จิ่งหานวิ่งกรูเข้ามา จัดแถวสองข้าง ล้อมพวกเขาไว้ทั้งหมดจากนั้นชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยก็เข็นเย่จิ่งหานเข้ามา สีหน้าของเขาดูมืดมนทั่วทั้งร่างกายของเย่จิ่งหานรายล้อมไปด้วยจิตสังหาร สีหน้าของเขาไม่สู้ดี และร่างกายก็เย็นเยือกจนฆ่าคนได้ภายใต้หน้ากากผี ดวงตาของเขาก็เขียวช้ำข้างหนึ่ง จมูกก็เบี้ยวไปด้านหนึ่ง เพียงแต่ตาที่เขียวช้ำจากการถูกต่อยนั้น ดันเป็นข้างตรงข้ามกับของหัวหน้าเผ่าหมอพอดีกู้ชูหน่วนก่ายหน้าผากนางแทบไม่อยากมองสายตาของเย่จิ่งหานที่ราวกับจะฆ่าคน และไม่อยากคิดว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นเซียวอวี่เชียนยืนอยู่ตรงหน้ากู้ชูหน่วนและตวาดว่า "เจ้าคิดทำอะไร?""ปัง......"
กู้ชูหน่วนหัวเราะอย่างพึงพอใจในที่ที่เย่จิ่งหานมองไม่เห็นนางรู้ว่าเย่จิ่งหานปากร้ายใจดีเย่จิ่งหานทั้งโกรธ ทั้งร้อนใจในใจของเขามีไฟอยู่เต็มท้อง เขาอยากบีบคอนางให้ตาย แต่เมื่อเห็นใบหน้าเล็กๆ ที่บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดของนาง ความโกรธทั้งหมดก็กลายเป็นความกังวล เขาทำอะไรนางไม่ได้จริงๆ ทำได้เพียงสั่งให้คนยกนางกลับณ จวนหานอ๋องมีหมอหลวงยืนอยู่ทั้งภายในและภายนอกกว่าสิบคน ผลัดกันจับชีพจรให้กู้ชูหน่วน แต่พวกเขาก็ดูไม่ออกว่าชีพจรของนางมีปัญหาอะไร ในเมื่อกู้ชูหน่วนร้องโอดครวญอย่างน่าอนาถ พวกหมอหลวงกลัวจะทำให้เย่จิ่งหานขุ่นเคือง จึงทำได้เพียงโกหกว่าทารกในครรภ์เคลื่อน พักผ่อนสักสองสามวันก็จะดีขึ้นในห้องหอ กู้ชูหน่วนนอนอยู่ แต่เย่จิ่งหานนั่งอยู่ นอกจากเสียงประทัดที่ดังเป็นครั้งคราวแล้ว ก็ไม่มีเสียงอื่นตัวอักษรงานมงคลสีแดงที่เขียนเป็นคู่ ดูเหมือนจะไม่เข้ากับบรรยากาศในยามนี้กู้ชูหน่วนรออยู่นานก็ไม่ได้ยินเสียงของเย่จิ่งหาน จึงทำได้เพียงยอมอ่อนข้อลง "เลิกทำหน้าบึ้งได้หรือไม่ ลูกในท้องถูกท่านทำให้ตกใจหมดแล้ว"สีหน้าของเย่จิ่งหานเย็นชา มุมปากของเขาปราฏรอยยิ้มเย้ยหยันเด็กเพิ่งอายุได้เดือน
บางทีอาจเป็นเพราะเห็นแววตาหวาดกลัวของกู้ชูหน่วน และร่างกายที่สั่นเทาของนาง ทำให้ความเย็นชาของเย่จิ่งหานลดลงไปบ้าง และเจตนาฆ่าก็หายไปจนหมดสิ้นชื่อเสียงของเขาไม่ค่อยดีนัก ในแคว้นเย่ที่กว้างใหญ่ มีไม่กี่คนที่ไม่กลัวเขาแม้ว่ากู้ชูหน่วนจะหยิ่งผยองและอวดดีไปบ้าง อย่างไรเสียนางก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งเย่จิ่งหานเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ในเมื่อเจ้าเป็นผู้หญิงของข้า ตราบใดที่เจ้าไม่ทำอะไรที่เกินเลย ข้าก็จะไม่ทำอะไรเจ้า แต่หากข้ารู้ว่าเจ้ายังคงไปพัวพันกับชายอื่นอย่างคลุมเครืออีก อย่าโทษข้าที่โหดร้าย"โหดร้าย?เสือร้ายกินลูกตัวเอง?เหอ......เห็นนางกู้ชูหน่วนถูกข่มจนโตหรืออย่างไรกู้ชูหน่วนเงยหน้าเล็กๆ อันงดงามราวกับล่มเมืองขึ้น มองด้วยแววตาที่ดูเหมือนจะเศร้าสร้อย "รู้แล้ว แม้เราจะเป็นสามีภรรยากันในนาม ข้าก็จะทำตัวให้ดีที่สุด ไม่ยุ่งเกี่ยวกับชายอื่นอีกแน่นอน"มือของเย่จิ่งหานกำแน่นจนเกิดเสียงดัง"มีแต่ในนามไม่ใช่ความจริง? อย่างแรก เรามีทั้งนามและมีทั้งความจริง อย่างที่สอง ในท้องของเจ้ามีลูกของข้า จากนี้ไป เจ้าจะเป็นพระชายาเอกของข้า เข้าใจหรือไม่?"กู้ชูหน่วนส่ายศีรษะไม่ใช่ตกลงแล้วหรือว่
"เจ้าอยากทำอะไรอีก?" เย่จิ่งหานถาม"สำนักบัณฑิตหลวงกำลังจะเปิดงานประชุมสวินหลง ข้าก็อยากเข้าร่วมด้วย""ไม่ได้ การประชุมสวินหลงอันตรายมาก การที่จะหาของวิเศษได้หรือไม่นั้นเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน แค่ค่ายกลและอสูรร้ายข้างในก็ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะรับมือได้"กู้ชูหน่วนมองเขาอย่างน่าสงสารเย่จิ่งหานหันหน้าไปอีกทาง ไม่อยากมองสายตาของกู้ชูหน่วน เขากลัวว่าหากใจอ่อนอีกครั้งก็จะตอบตกลงอีก"เจ้าอยากได้สมบัติอะไร ข้าจะมอบให้เจ้าเอง ไม่จำเป็นต้องไปผจญภัย""ท่านอ๋อง ท่านไม่เข้าใจ ข้าไปเข้าร่วมงานประชุมสวินหลงไม่ใช่เพื่อแย่งชิงสมบัติ แต่เพื่อเพิ่มศักรภาพกลางแจ้งให้กับลูกของเรา ท่านลองคิดดูสิว่าการอยู่ในบ้านทั้งวันมันน่าเบื่อแค่ไหน ผู้ใหญ่ยังต้องเบื่อตาย นับประสาอะไรกับเด็ก การออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์บ้างก็เป็นเรื่องดี""……""อีกอย่าง ท่านก็คงไม่อยากให้ลูกของเราเกิดมาเหมือนเยี่ยเฟิงที่ขี้อายใช่หรือไม่ อยากให้ลูกไม่ขี้อาย ก็ต้องออกไปเดินเล่นข้างนอกมากๆ ลูกในท้องก็ต้องเข้าสังคมเหมือนกัน ข้าพาลูกของเราออกไปเพิ่มพูนประสบการณ์""……"เย่จิ่งหานไม่รู้ว่าในสมองเล็กๆ ของกู้ชูหน่วนนั้นมีอะไรอยู่ ทำไมถึงพ
กู้ชูหน่วนหลับอย่างมีความสุข ในขณะที่เย่จิ่งหานไม่ได้นอนทั้งคืนแสงเทียนสีแดงสั่นไหว เย่จิ่งหานมองดูใบหน้าที่หลับใหลของนาง ขยับรถเข็นเข้าไปหานาง และช่วยนางห่มผ้าให้ดีผ่านไปนาน เขาถอนหายใจอย่างจนใจ ผลักประตูออก ปล่อยให้ลมหนาวปะทะหน้าของเขา"นายท่าน"ชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยรีบทำความเคารพในวันแต่งงาน พระชายาทิ้งท่าน นอนหลับอย่างสบาย และไม่ยอมให้ท่านนอนบนเตียง ใครๆ ก็คงไม่อยากเชื่อเย่จิ่งหานยกมือขวาขึ้นเบาๆ เป็นสัญญาณให้พวกเขาทำเสียงเบาลง อย่ารบกวนการนอนของกู้ชูหน่วนจากนั้นเขาก็ปล่อยให้ชิงเฟิงพาเขาไปที่ห้องหนังสือในห้องหนังสือ ชิงเฟิงรออยู่ข้างๆ เจี้ยงเสวี่ยรายงานว่า "นายท่าน ข้อมูลของพระชายาถูกตรวจสอบแล้วตรวจสอบอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่พบเบาะแสใดๆ ข้อมูลของอี้เฉินเฟยนั้นลึกลับมาก มีคนพยายามซ่อนมันเอาไว้ตลอดเวลา ทุกครั้งที่ลูกน้องตรวจสอบอะไรบางอย่างได้ ก็จะมีคนมาขัดขวางกลางคัน แต่เขามีแนวโน้มสูงมากที่จะเกี่ยวข้องกับสำนักซิวหลัว""ส่วนเจ้าสำนักซิวหลัว นางได้รับบาดเจ็บสาหัสจากหัวหน้าเผ่าหมอขณะที่นางแย่งชิงลูกแก้วมังกรลูกที่สี่ และกระโดดลงไปในหน้าผาสูงชันโดยเหลือลมหายใจเฮือกสุดท้าย หน
ตามกฎของแคว้นเย่ ในวันที่สองของการแต่งงานระหว่างเย่จิ่งหานกับกู้ชูหน่วน พวกเขาควรเข้าไปในวังน้อมคารวะฮ่องเต้และไทเฮา แต่ฮ่องเต้มักเกรงกลัวเทพสงครามอยู่เสมอ และยิ่งไปกว่านั้น กู้ชูหน่วนไม่ใช่แค่หญิงอัปลักษณ์ผู้ไร้ความสามารถ แต่ยังเป็นหญิงงามที่มีความสามารถรอบด้าน ทำให้ฮ่องเต้โกรธมาก ฉะนั้นจึงมีพระราชโองการให้พวกเขาไม่ต้องเข้าไปในวังเพื่อน้อมคารวะกู้ชูหน่วนดีใจที่ไม่ต้องเข้าไปน้อมคารวะในวังณ หอจิ่วเฟิงแห่งเมืองหลวงกู้ชูหน่วนสวมชุดกระโปรงยาวสีเหลืองอ่อนสลับขาว ดวงตาสุกใส ฟันขาวสวยงาม มีรูปลักษณ์ที่งดงามจนแทบหยุดหายใจ ในขณะนี้นางนั่งเอนหลังอย่างเกียจคร้านอยู่ริมหน้าต่างผู้คนจำนวนมากในหอจิ่วเฟิงต่างมองด้วยความตกตะลึงและพูดคุยกันว่านางเป็นใครข้างกายกู้ชูหน่วนยังปรากฎเด็กหนุ่มนั่งอยู่บนรถเข็นสวมหน้ากากผีหน้ากากของเด็กหนุ่มปิดบังใบหน้าส่วนใหญ่เอาไว้ มองไม่เห็นรูปลักษณ์ แต่ชุดผ้าไหมดูหรูหราและสง่างาม เพียงแค่ได้เห็นแวบแรก ก็รู้ได้ทันทีว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดาข้างกายเด็กหนุ่ม ยังมีเด็กหนุ่มอีกคนหนึ่งยืนอยู่ รูปร่างหน้าตาคมคาย"พวกเจ้าได้ยินกันหรือไม่ว่า ลูกชายคนเล็กของแม่ทัพใหญ่เซียว
เดิมทีคนของเผ่าเทียนเฝินก็สงสัยในตัวนายท่านหลันอยู่แล้ว เมื่อกู้ชูหน่วนพูดเช่นนี้ คนของเผ่าเทียนเฝินก็อดไม่ได้ที่จะมองนายท่านหลันเป็นศัตรูยิ่งกว่าเดิม กู้ชูหน่วนเอ่ยออกมาเบาๆ อีกประโยค "อีกอย่างหินก้อนใหญ่จากยอดเขากลับร่วงมาบนหัวผู้อาวุโสทุกท่านของเผ่าเทียนเฝิน ทว่าพวกเจ้าทั้งหมดกลับอยู่ริม และหลบได้อย่างง่ายดาย" "กู้ชูหน่วน เจ้าหมายความเช่นไร หรือเจ้าสงสัยว่าเป็นแผนของข้ารึ" "ข้าไม่มีความกล้าที่จะพูดเช่นนั้นหรอก ชีวิตน้อยๆ ของข้ายังอยู่ในมือเจ้า" "เช่นนั้นหินก็ไม่ได้ร่วงใส่เจ้าไม่ใช่หรือ" "ข้าไม่โดนหินทับตาย เพราะข้าดวงแข็ง ใครจะรู้ว่าอีกเดี๋ยวทางที่เจ้าพาไป จะหลอกข้าไปตายหรือไม่" "หากวันนี้ข้าไม่ได้ฆ่าเจ้า ข้าจะไม่ใช่นายท่านหลันแห่งกองธงทั้งสิบสองของเผ่าหมออีก" นายท่านหลันเดือดดาล ไม่ลังเลที่จะลงมืออีกต่อไป ทุกกระบวนท่าล้วนแต่ต้องการจะสังหารกู้ชูหน่วนให้ถึงแก่ชีวิต ผู้อาวุโสเผ่าเทียนเฝินก็มีน้ำโหด้วยเช่นกัน บวกกับกู้ชูหน่วนคอยยุแยงทุกประโยค คนของเผ่าเทียนเฝินและเผ่าหมอจึงแตกหักกันโดยสิ้นเชิง หันมาฆ่าฟันกันเอง ผู้อาวุโสจวินพูดด้วยความฉุนเฉียว "พวกหัวขโมยอ
ไฟโทสะในใจของนายท่านหลันสุมเป็นกองใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ พร้อมจะระเบิดได้ทุกเวลา เขาคำรามด้วยความเกรี้ยวกราด “กู้ชูหน่วน เจ้าวกไปวนมา จะวนไปถึงไหนกัน” “พวกเจ้าให้ข้าพาพวกเจ้าไปสุดยอดเขาเพื่อตามหาแก้วมังกรไม่ใช่รึ ข้ากำลังหาทางอยู่นี่อย่างไร” นายท่านหลันโกรธจนอยากจะฟาดฝ่ามือใส่นางให้ตาย กู้ชูหน่วนพูดอย่างน้อยอกน้อยใจ “ที่แห่งนี้มีทางแยกมากมาย ข้าพยายามหาเส้นทางเต็มที่แล้ว อีกอย่างทุกเส้นทางที่ไป ล้วนแต่ผ่านความเห็นชอบของพวกเจ้าแล้ว นายท่านหลัน เจ้าจะใส่ร้ายว่าข้าจงใจพาพวกเจ้าวกไปวนมาได้อย่างไร” นายท่านหลันหงุดหงิด ทั้งๆ ที่กู้ชูหน่วนจงใจหลอกพวกเขา ทว่านางกลับเอาเหตุผลมาอ้างทุกประโยค แสร้งทำเป็นบริสุทธิ์ ทำให้เขาหาข้อกังขาไม่ได้ ทุกครั้งที่นางจะวนอยู่ที่ทางแยก นางถามพวกเขาก่อนแล้ว แต่นางแทบไม่ให้เวลาเขาดูแผนที่ก็มุ่งหน้าเดินต่อไปแล้ว ผู้อาวุโสระดับสูงหวงเริ่มจะหมดความอดทน พวกเขาวนอยู่ในถ้ำมาครึ่งวันแล้ว ขืนวนต่อไป เรี่ยวแรงที่เหลืออยู่น้อยนิดของพวกเขาก็จะถูกใช้จนหมด ต้องไปถึงยอดเขาให้ได้โดยเร็ว เขาเอ่ยเสียงขรึม พยายามข่มความเหลืออดไว้ในใจ “ยังต้องเดินอีกไกลเพียงใด” “เ
ครั้งนี้ เหล่าผู้อาวุโสของเผ่าเทียนเฝินเองก็ไม่ใจเย็นอีกต่อไปแล้ว อยากจะแทงกู้ชูหน่วนให้ตายเสียเดี๋ยวนั้น ทว่ากู้ชูหน่วนกลับชิงร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหลออกมาเสียก่อน พลางสะอึกสะอื้น "เหล่าสหายทั้งหลาย เป็นข้าเองที่ทำร้ายพวกเจ้า หากรู้แต่แรกว่าที่นี่อันตรายถึงเพียงนี้ หากรู้แต่แรกว่าถ้าบุกเข้ามาจะทำให้พวกเจ้าตายอย่างทรมานที่นี่ ข้ายอมถูกพวกเจ้าตีตายไปเสีย แต่จะไม่ยอมยกกระดิ่งภินวิญญาณให้เด็ดขาด ข้าผิดต่อพวกเจ้า" "ข้าสมควรตาย ข้าทำผิดต่อพวกเจ้า พวกเจ้าฆ่าข้าเสียเถอะ ชีวิตคนมากมายเช่นนี้ คุณพระช่วย...ข้าควรชดใช้เช่นไร" นางร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหล ปวดใจเป็นที่สุด คนของเผ่าเทียนเฝินพลันใจอ่อนฮวบในทันที คนของเผ่าหมอก็คลายความโกรธลงไปไม่น้อย มีเพียงแค่นายท่านกองธงที่กัดฟันกรอด เส้นเลือดสีเขียวปูดจนจะระเบิดออกมา "ในเมื่อเจ้าอยากตายถึงเพียงนี้ เช่นนี้ข้าจะทำให้เจ้าสมหวัง" หัวหน้ากองธงพูดพลางฟาดฝ่ามือไปที่กะโหลกของนาง คนของเผ่าเทียนเฝินมองดูหน้าตาเฉย อยากเห็นว่ากู้ชูหน่วนคิดจะเล่นพิเรนทร์อะไร คิดไม่ถึงว่ากู้ชูหน่วนเพียงแค่ร้องไห้อยู่อย่างนั้น ไม่ขยับเขยื้อน อีกทั้งยังไม่ตอบโต้ ท่าทางรอคว
เหล่าผู้อาวุโสระดับสูงเป็นกังวล ยามนี้พวกเขาต่างก็เจ็บหนัก หากฝืนตามไป ใช่ว่าจะเป็นประโยชน์ เพราะถึงอย่างไรอาการของแต่ละคนก็สาหัสปางตายกันทั้งสิ้น แต่หากไม่ไปแล้วแก้วมังกรถูกชิงไป คิดจะแย่งกลับมา เช่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แล้ว พวกเขาออกตามหามาหลายปี ใช้คนไปตั้งมากมาย จนมาพบที่ตั้งของแก้วมังกรในที่สุด ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ควรยอมแพ้ กู้ชูหน่วนพิงอยู่ข้างโขดหิน มองดูท่าทีลังเลของพวกเขาอยู่เงียบๆ มุมปากยกยิ้มที่ยากจะสังเกตเห็น แก้วมังกรล่อตาล่อใจเสียขนาดนั้น มีหรือที่พวกเขาจะไม่ติดกับ เป็นอย่างที่นางคิดเอาไว้ คนเหล่านี้กัดฟันเค้นออกมาหนึ่งประโยค "ไป ขึ้นเขาไปดูเสียหน่อย เจ้าก็ไปกับพวกข้าด้วย" กู้ชูหน่วนแสร้งทำเป็นตกใจ "เมื่อครู่พวกท่านเพิ่งรับปากว่าจะให้ข้าออกไปอย่างปลอดภัยไม่ใช่หรือ หรือท่านจะกลับคำพูด" "แผนที่ที่เจ้าให้มามีเพียงครึ่งเดียว นอกเสียจากเจ้าช่วยพวกข้าตามหาอีกครึ่งหรือหาแก้วมังกรพบ ไม่เช่นนั้นอย่าหวังว่าจะได้ไปไหน" "ท่านไม่รักษาคำพูดนี่" "เช่นนั้นเจ้าอยากถูกฝังอยู่ที่นี่หรือไม่" คนของเผ่าเทียนเฝินผลักนางไปด้านหน้า กู้ชูหน่วนทำได้เพียงแค่มุ่งหน้า
ทุกคนต่างก็จ้องไปที่กู้ชูหน่วนด้วยความโกรธ กู้ชูหน่วนผงะถอยหลังไปหลายก้าว พูดด้วยความระวัง "อีกครึ่งถูกชาวเขาตานหุยชิงไป พวกเจ้าจ้องข้าก็ไม่มีประโยชน์ หากข้ามีแผนที่อีกครึ่ง อย่างไรก็ต้องส่งให้พวกเจ้าอยู่ดี" "ชาวเขาตานหุย ?" นายท่านหลันเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง "ใช่แล้ว ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าคิดว่า เหตุใดชาวเขาตานหุยถึงใจเย็นได้ขนาดนั้น รอพวกเจ้าต่อสู้อยู่ด้านนอกตั้งนาน เว้นเสียแต่นอกจากทางลงเขาเส้นนี้ บริเวณปากเขาน้ำเต้ายังมีทางอีกเส้นที่สามารถออกไปจากเขาน้ำเต้าแห่งนี้ได้ หากพวกเขาได้แก้วมังกรแล้ว ก็น่าจะลงเขาไปทางนั้นเลย" นายท่านหลันสงสัยเคลือบแคลงในคำพูดของนางเป็นอย่างยิ่ง"ทุกท่าน สตรีนางนี้ไม่เคยมีความจริงออกจากปากนาง พวกเจ้าอย่าไปเชื่อนางเด็ดขาด" ผู้อาวุโสอวิ๋นสองจิตสองใจ "คนของพวกเราเข้ามาในเขาน้ำเต้า บาดเจ็บเสียหายอย่างหนัก แต่ชาวเขาตานหุยดูเหมือนจะราบรื่นตลอดทาง อีกทั้งยังไม่พบเจออุปสรรคใดๆ เลย" เมื่อผู้อาวุโสอวิ๋นกล่าวเช่นนี้ ผู้อาวุโสจวินก็คิดขึ้นมาได้ "เป็นจริงอย่างที่พูด ตอนนั้นข้ายังสงสัยว่าเหตุใดชาวเขาตานหุยถึงได้โชคดีเพียงนี้ ไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย ยามนี้มาคิด
"เยี่ยเฟิงออกไปจากเขาน้ำเต้าแล้ว" "เจ้าซ่อนสิ่งใดเอาไว้" สีหน้าของกู้ชูหน่วนเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะกลับมานิ่งสงบอย่างรวดเร็ว นางวางมือทั้งสองข้างลง แสร้งทำเป็นพูดด้วยท่าทางสบายๆ ไม่ใส่ใจ "ข้าสตรีอ่อนแอตัวคนเดียว จะมีสิ่งใดในครอบครองได้ ก็แค่กลัวว่าชายฉกรรจ์อย่างพวกเจ้าจะเสียมารยาทกับข้าก็เท่านั้น" คำพูดนี้ของนี้ ไม่มีผู้ใดเชื่อ เพราะสีหน้าที่แสดงออกมาเล็กๆ น้อยๆ ของนางได้หักหลังนางหมดแล้ว ต่อให้นางจะนิ่งเพียงใด ทุกคนก็จับได้อยู่ดี คนของเผ่าหมอพากันเข้ามาล้อมนางเอาไว้ คนของเผ่าเทียนเฝินแม้จะนิ่งดูดาย แต่ก็ไม่ได้คิดจะปล่อยกู้ชูหน่วนไป "นังหนู ข้าขอเตือนเจ้าให้ส่งของมาดีๆ ไม่เช่นนั้น...เหอะ..." คำพูดของนายท่านหลันเต็มไปด้วยความตักเตือน นายท่านหมู่ตานกลับพูดจีบปากจีบคอ "นังเด็กคนนี้แม้จะสกปรกมอมแมมไปบ้าง แต่รูปร่างดีใช้ได้ เอามาใช้อุ่นเตียงแก้ขัดก็น่าจะไม่เลว" "เจ้า...พวกเจ้าคิดจะทำอะไร..." "ข้าบอกพวกเจ้าไว้ก่อน ข้าเป็นถึงหานอ๋องเฟย ขืนพวกเจ้ากล้าทำอะไรข้า หานอ๋องไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่" "ว่าอย่างไรนะ...เจ้าคือภรรยาของเย่จิ่งหาน เช่นนั้นพวกเราเผ่าเทียนเฝินยิ่
ด้านล่างตีนเขาของเขาน้ำเต้า คนของเผ่าเทียนเฝินและเผ่าหมอลงจากเขาด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส และกองทัพที่แพ้จนหมดสภาพ สีหน้าของพวกเขาต่างก็ไม่สู้ดีนัก ข่มความฉุนเฉียวเอาไว้ เลือดสีแดงสดไหลคดเคี้ยวลงมาจากร่างของพวกเขา ผู้อาวุโสจวินแห่งเผ่าเทียนเฝินเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ "หากคนเผ่าหมอของพวกเจ้าลงมือตั้งแต่แรก พวกเราก็คงไม่ต้องพ่ายแพ้จนมีสภาพเช่นนี้ แล้วปล่อยให้พวกชาวเขาตานหุยได้ประโยชน์ไป" นายท่านหลันยิ้มเยาะ "พวกเจ้าเผ่าเทียนเฝินยังเหลือยอดฝีมือจำนวนไม่น้อยไว้ระวังพวกข้า หากร่วมมือเป็นหนึ่งเดียวกัน ร่วมต่อสู้ด้วยกัน มังกรอสูรขั้นเจ็ดก็ไม่จำเป็นต้องให้พวกข้าลงมือ พวกเจ้าจัดการเองก็ได้แล้ว สุดท้ายแล้ว พวกเจ้าก็ไม่ไว้ใจพวกข้า" ผู้อาวุโสอวิ๋นเฟยเย่มีนิสัยใจร้อนมาแต่ไหนแต่ไร เขาเดือดดาลขึ้นมาทันที "หากพวกข้าเข้าไปพร้อมกัน ทุกคนต่างก็เจ็บหนักกันหมด หลังจากนั้นพวกเจ้าจะได้ถือโอกาสฉกฉวยผลประโยชน์ไปได้ง่ายๆ น่ะสิ" ผู้อาวุโสหวงหนึ่งในผู้อาวุโสระดับสูงติเตียน "พอได้แล้ว แทนที่จะมัวมาพูดมากอยู่ตรงนี้ ไม่สู้คิดหาหนทางว่าจะชิงแก้วมังกรมาจากชาวเขาตานหุยอย่างไรจะดีกว่า" ผู้อาวุโสระดับสูงหวงเอ่ย ก
"โฮ่ว..." "โฮก..." "เฮือก..." นายท่านกองธงเผ่าหมอและมังกรอสูรต่างก็เจ็บหนัก ครั้งนี้ล้วนแต่บาดเจ็บเสียหายกันทั้งคู่ "นายหญิง นายท่านสองคนนั้นเป็นนายท่านจากอีกสองกองธง หนึ่งในนั้นนายท่านเถาฮวาถูกมังกรอสูรโจมตีบาดเจ็บสาหัส อาการปางตาย เกรงว่าคงไม่อาจรอดไปได้แล้ว มังกรอสูรก็เจ็บไม่เบาเช่นกัน กรงเล็บหักไปเล็บหนึ่งแล้ว นายหญิง พวกเราเข้าไปตอนนี้เลยดีหรือไม่" "เจ้าจะรีบไปเกิดใหม่หรืออย่างไร จะร้อนรนกระวนกระวายไปไหน" "แต่ขืนพวกเรายังไม่ไป แล้วแก้วมังกร..." "หากแก้วมังกรชิงไปได้ง่ายเพียงนั้น พวกเจ้าคงได้ไปนานแล้ว ต้องรอถึงตอนนี้อีกรึ เสี่ยวฝูกวง ข้าเห็นปกติเจ้าก็ฉลาดดีอยู่หรอก เหตุใดพอเกี่ยวกับแก้วมังกร เจ้าถึงได้กลายเป็นคนโง่แบบนี้ไปได้" แน่นอนว่าต้องโง่อยู่แล้ว เขาจะไม่กระวนกระวายได้อย่างไร คนทั้งเผ่าต่างก็ตั้งตารอแก้วมังกรเพื่อจะได้ถอนคำสาปเลือด นั่นคือชีวิตนับพันนับหมื่นชีวิต "เจ้ารอดูเถอะ เดี๋ยวพวกเขาก็จะเริ่มการโจมตีครั้งต่อไปแล้ว" ไม่ผิดไปจากที่กู้ชูหน่วนคาดการณ์ไว้ คนของเผ่าหมอและเผ่าเทียนเฝินลงมือโจมตีอีกครั้ง สู้กันสนั่นหวั่นไหว มืดฟ้ามัวดิน
ฮองเฮาฉู่และเยี่ยเฟิงไม่ยอมแยกจากัน กู้ชูหน่วนเปลืองแรงไปมากมายกว่าจะส่งพวกเขาสองคนกลับไปได้ บนฟ้ามีเสียงดังอึกทึกครึกโครมดังไม่หยุด ลมฝนโหมกระหน่ำอย่างต่อเนื่องราวกับพายุรุนแรง ยอดเขาโลหิตน้ำเต้าสั่นสะเทือนเลือนลั่น เพราะความสั่นไหวอย่างแรงของยอดเขาทำให้ลาวาประทุขึ้นมา ซัดกระเซ็นไปบนโขดหิน ดอกไม้ใบหญ้าบนโขดหินที่แสนน่าสงสารจมอยู่ใต้ลาวา นี่คือศึกใหญ่ที่มีเพียงแค่ยอดฝีมืออันดับต้นๆ เท่านั้นที่จะก่อได้ กู้ชูหน่วนเงยหน้าไปมอง กลับพบว่ากลางอากาศมีมังกรไฟตัวสีทองที่ทั้งตัวโชกไปด้วยเลือดกำลังทะยานโลดแล่นพลางกรีดร้องไม่หยุด มังกรตัวใหญ่ยักษ์เพียงแค่สะบัดปลายหาง ยอดเขาลูกเล็กๆ บริเวณใกล้เคียงก็ราบเป็นหน้ากอง ที่น่าตกตะลึงไปกว่านั้นคือ ลูกไฟที่มันพ่นออกมา มีพื้นที่แผ่ขยายไปถึงครึ่งหนึ่งของเขาโลหิตน้ำเต้า คล้ายจะแผดเผาทำลายเขาโลหิตน้ำเต้าทั้งหมดให้สิ้นซาก นอกจากมังกรไฟ ยังมีผู้อาวุโสผมขาวอีกสี่คน ฝูกวงเอ่ย "นายหญิง สี่สุดยอดผู้อาวุโสระดับสูงแห่งเผาเทียนเฝินวิทยายุทธแก่กล้านัก พวกเขาปลีกวิเวกมานานหลายปี น้อยครั้งที่จะเข้ามาข้องเกี่ยวทางโลก คิดไม่ถึงว่าคราวนี้เผ่าเทียนเฝิน