กู้ชูหน่วนหลับอย่างมีความสุข ในขณะที่เย่จิ่งหานไม่ได้นอนทั้งคืนแสงเทียนสีแดงสั่นไหว เย่จิ่งหานมองดูใบหน้าที่หลับใหลของนาง ขยับรถเข็นเข้าไปหานาง และช่วยนางห่มผ้าให้ดีผ่านไปนาน เขาถอนหายใจอย่างจนใจ ผลักประตูออก ปล่อยให้ลมหนาวปะทะหน้าของเขา"นายท่าน"ชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยรีบทำความเคารพในวันแต่งงาน พระชายาทิ้งท่าน นอนหลับอย่างสบาย และไม่ยอมให้ท่านนอนบนเตียง ใครๆ ก็คงไม่อยากเชื่อเย่จิ่งหานยกมือขวาขึ้นเบาๆ เป็นสัญญาณให้พวกเขาทำเสียงเบาลง อย่ารบกวนการนอนของกู้ชูหน่วนจากนั้นเขาก็ปล่อยให้ชิงเฟิงพาเขาไปที่ห้องหนังสือในห้องหนังสือ ชิงเฟิงรออยู่ข้างๆ เจี้ยงเสวี่ยรายงานว่า "นายท่าน ข้อมูลของพระชายาถูกตรวจสอบแล้วตรวจสอบอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่พบเบาะแสใดๆ ข้อมูลของอี้เฉินเฟยนั้นลึกลับมาก มีคนพยายามซ่อนมันเอาไว้ตลอดเวลา ทุกครั้งที่ลูกน้องตรวจสอบอะไรบางอย่างได้ ก็จะมีคนมาขัดขวางกลางคัน แต่เขามีแนวโน้มสูงมากที่จะเกี่ยวข้องกับสำนักซิวหลัว""ส่วนเจ้าสำนักซิวหลัว นางได้รับบาดเจ็บสาหัสจากหัวหน้าเผ่าหมอขณะที่นางแย่งชิงลูกแก้วมังกรลูกที่สี่ และกระโดดลงไปในหน้าผาสูงชันโดยเหลือลมหายใจเฮือกสุดท้าย หน
ตามกฎของแคว้นเย่ ในวันที่สองของการแต่งงานระหว่างเย่จิ่งหานกับกู้ชูหน่วน พวกเขาควรเข้าไปในวังน้อมคารวะฮ่องเต้และไทเฮา แต่ฮ่องเต้มักเกรงกลัวเทพสงครามอยู่เสมอ และยิ่งไปกว่านั้น กู้ชูหน่วนไม่ใช่แค่หญิงอัปลักษณ์ผู้ไร้ความสามารถ แต่ยังเป็นหญิงงามที่มีความสามารถรอบด้าน ทำให้ฮ่องเต้โกรธมาก ฉะนั้นจึงมีพระราชโองการให้พวกเขาไม่ต้องเข้าไปในวังเพื่อน้อมคารวะกู้ชูหน่วนดีใจที่ไม่ต้องเข้าไปน้อมคารวะในวังณ หอจิ่วเฟิงแห่งเมืองหลวงกู้ชูหน่วนสวมชุดกระโปรงยาวสีเหลืองอ่อนสลับขาว ดวงตาสุกใส ฟันขาวสวยงาม มีรูปลักษณ์ที่งดงามจนแทบหยุดหายใจ ในขณะนี้นางนั่งเอนหลังอย่างเกียจคร้านอยู่ริมหน้าต่างผู้คนจำนวนมากในหอจิ่วเฟิงต่างมองด้วยความตกตะลึงและพูดคุยกันว่านางเป็นใครข้างกายกู้ชูหน่วนยังปรากฎเด็กหนุ่มนั่งอยู่บนรถเข็นสวมหน้ากากผีหน้ากากของเด็กหนุ่มปิดบังใบหน้าส่วนใหญ่เอาไว้ มองไม่เห็นรูปลักษณ์ แต่ชุดผ้าไหมดูหรูหราและสง่างาม เพียงแค่ได้เห็นแวบแรก ก็รู้ได้ทันทีว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดาข้างกายเด็กหนุ่ม ยังมีเด็กหนุ่มอีกคนหนึ่งยืนอยู่ รูปร่างหน้าตาคมคาย"พวกเจ้าได้ยินกันหรือไม่ว่า ลูกชายคนเล็กของแม่ทัพใหญ่เซียว
พวกเขาคาดเดาไว้นั้นถูกต้องจริงๆ ผู้หญิงที่สวยงามขนาดนี้จะเป็นภรรยาของชายพิการที่แม้แต่หน้าตาก็ไม่กล้าเปิดเผยได้อย่างไร?ที่แท้เป็นชายผู้นี้จริงๆ ที่ชิงตัวนางมาอีกด้านหนึ่งที่ริมหน้าต่าง คุณชายสูงศักดิ์นำลูกน้องมาพร้อมท่าทีองอาจ พวกเขาเข้ามาล้อมพวกเขาไว้คุณชายผู้นี้อายุน้อยราวสิบกว่า สวมเสื้อผ้าไหมสีม่วงเข้ม ห้อยจี้หยกขาวที่เอว หน้าตาดูดี แต่ดวงตาคู่นั้นจ้องมองกู้ชูหน่วนอย่างเจ้าเล่ห์ และปรากฎความโลภทันทีที่เขามาถึงแล้วเขาก็จ้องมองไปที่พวกเย่จิ่งหานอย่างโกรธเคือง ตำหนิว่า "พวกพิการมาจากที่ไหนกัน กล้ากักขังอิสรภาพของผู้อื่นเวลากลางวันแสกๆ เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นหานอ๋องเทพสงครามหรืออย่างไร อยากทำอะไรก็ทำ"บรรยากาศเย็นเยือกลงทันทีชิงเฟิงขยับเท้าเพื่อจะจัดการกับพวกเขาเย่จิ่งหานยิ้มด้วยรอยยิ้มที่เหมือนไม่ยิ้ม "อ่อ......หากข้าคือเทพสงครามจริงๆ ล่ะ""เจ้าคือเทพสงคราม? ฮ่าๆ ๆ...เจ้าเนี่ยนะ? เจ้าคิดว่าใส่หน้ากาก นั่งรถเข็นแล้วจะเป็นเทพสงครามได้หรือ? หากเจ้าเป็นเทพสงคราม ข้าก็คงเป็นเง็กเซียนฮ่องเต้ไปแล้ว แม่นางไม่ต้องกลัว ข้าเป็นหลานของอัครมหาเสนาบดีในราชวงศ์ พ่อของข้าก็เป็นเสนาบดีกรมธรร
"แม่นาง เหตุใดเจ้าถึงได้ทุบตีข้าอีกแล้ว""เขาไม่ได้พิการ" กู้ชูหน่วนเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังประการแรก นางสามารถข่มเหงรังแกเย่จิ่งหานได้ สามารถด่าเขาว่าพิการได้ แต่ไม่ชอบให้ผู้ใดมาเหยียดหยามรังแกเขาประการที่สอง นางกำลังช่วยเขาอยู่ เพียงประโยคเดียวที่ดูถูกเย่จิ่งหาน เท่ากับว่าเท้าข้างหนึ่งของเขาได้ก้าวเข้ายมโลกไปแล้ว เย่จิ่งหานแค่โบกมือเบาๆ ก็สามารถทำให้ทั้งตระกูลของเขาหายสาบสูญไปจากเมืองหลวง หรือถึงขั้นหายไปจากโลกใบนี้เลยก็เป็นได้"เจ้า...เจ้ากับเขาเป็นอะไรกัน" ต่อให้เสิ่นอวิ๋นลี่จะโง่เพียงใดก็รู้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ธรรมดาเขาเป็นเด็กที่ถูกประคมประหงมตามใจที่สุดในบ้าน ขอเพียงแค่เป็นสิ่งที่เขาต้องการ ท่านพ่อท่านแม่จะคิดทำทุกวิถีทาง เพื่อนำมามอบให้เขาถึงตรงหน้าตั้งแต่เล็กจนโต เขาไม่เคยถูกตี แต่ยามนี้กลับถูกหญิงแปลกหน้าต่อยเสียได้เสิ่นอวิ๋นลี่บ้วนเลือดในปาก จากสีหน้าเอาอกเอาใจเมื่อครู่ กลายเป็นตักเตือนด้วยสีหน้าเย็นชา "เจ้ารู้หรือไม่ว่าที่นี่คือที่ใด""รู้สิ ร้านอาหาร""ที่นี่เป็นถิ่นของข้า ถนนทั้งเส้นในเมืองหลวงล้วนเป็นถิ่นของข้า ขอเพียงข้าต้องการให้เจ้าตาย แม้จะเป็นเทพสง
"ประมูลหรือ ?"กู้ชูหน่วนชักจะสนใจขึ้นมาแล้วหลังจากที่ข้ามมิติมาที่นี่ นางยังไม่เคยไปงานประมูลมาก่อนนางย่อตัวลงในท่ากึ่งคุกเข่า กะพริบตาที่ใสเป็นประกาย ยิ้มกว้างเป็นพระจันทร์เสี้ยว "ท่านอ๋อง ไม่เช่นนั้นท่านพาข้าไปเปิดหูเปิดตาหน่อยดีหรือไม่""งานประมูลเฟิงเซียง ข้าก็ยังไม่เคยไป"เอิ่ม......งานประมูลที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ เขาไม่เคยไปมาก่อนหรือนี่"เช่นนั้นพวกเราก็ไปเปิดหูเปิดตาด้วยกันสักหน่อยเถอะ"กู้ชูหน่วนพูดพลางเข็นรถเข็นไปทางลานประมูลเฟิงเซียงด้วยตนเองผู้คนที่งานประมูลล้นหลาม ทว่ากลับไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะสามารถเข้าไปได้ ผู้ที่อยากเข้าไป จะต้องจ่ายเงินหนึ่งพันตำลึงเสียก่อนกู้ชูหน่วนและพวกจ่ายเงินแล้วเข้าไปในงานประมูล ทว่ากลับไม่มีสิทธิ์เข้าห้องพิเศษชิงเฟิงคิดจะเปิดเผยตัว ทว่ากู้ชูหน่วนรั้งเอาไว้"หากจะต้องพึ่งฐานะไปเสียทุกเรื่องก็ไม่สนุกสิ ที่นั่งธรรมดาก็ไม่เลว คนเยอะ คึกคักดี"ชิงเฟิงไม่กล้าตอบโต้ นายท่านไม่ชอบสถานที่ที่คนแออัดมาแต่ไหนแต่ไร ดังนั้นแม้นายท่านจะเป็นถึงเทพสงครามผู้เลื่องชื่อ แต่คนที่เคยได้พบเห็นเขากลับมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่นั่งธรรมดาของงานประมูล
"หอเลิศหล้า ?"นี่คือกลุ่มองค์กรอะไรกันอีก ทำไมถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน ความทรงจำในสมองก็ไม่มีเรื่องเกี่ยวกับหอเลิศหล้าเลย"ผู้คนต่างกล่าวขานเล่าลือถึงหนึ่งหอหนึ่งเรือนที่แม้แต่ปีศาจและเทพต่างก็หวั่นเกรง หมายถึงเรือนชาลฟ้าและหอเลิศหล้า ข้อมูลที่พวกเขามี ล้วนแต่เหนือกว่าผู้ใดทั้งใต้หล้า สามารถพูดได้ว่า ขอเพียงแค่พวกเขาต้องการสืบ ไม่มีเรื่องใดที่สืบไม่เจอ"ชิงเฟิงไม่ได้บอกกู้ชูหน่วนว่านายท่านก็คือหัวหน้าของเรือนชาลฟ้าเขาไม่กล้าจะบอกว่า ช่วงนี้เขากำลังสืบหาเรื่องตัวตนของพระชายาและอี้เฉินเฟย แต่พบเจออุปสรรค ราวกับมีผู้มีอำนาจบางคนที่มองไม่เห็นคอยตัดเบาะแสของพวกเขาอยู่ตลอดเวลา ทำให้พวกเขาไม่มีความคืบหน้าใดๆ นี่เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนกู้ชูหน่วนหักนิ้ว "พูดเช่นนี้ก็หมายความว่า ลานประมูลเฟิงเซียงมีความสามารถแข็งเกร่งเลยทีเดียว""ตอนนี้สามารถพูดเช่นนี้ได้ ไม่เคยมีผู้ใดกล้าก่อกวนที่ลานประมูลเฟิงเซียง ต่อให้เป็นเชื้อพระวงศ์หรือลูกหลานตระกูลขุนนางล้วนแต่ต้องให้เกียรติพวกเขา เพราะไม่ว่าผู้ใดต่างก็มีเรื่องสกปรกโสมมกันบ้างทั้งนั้น หากล่วงเกินลานประมูลเฟิงเซียง เป็นไปได้ว่าเรื่องน่าอ
ภายในห้องพิเศษชั้นสอง สีหน้าเจ๋ออ๋องดูลึกลับมีเลศนัยวิทยายุทธของเขาไม่ถือว่าดีนัก แต่ก็ใกล้จะเข้าขั้นหนึ่งแล้ว ขาดก็เพียงแค่ยาล้างไขกระดูกที่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้สภาพร่างกายได้ หญ้าจื่อเยียนนี้เขาจำเป็นจะต้องเอามาให้ได้ เพราะเขาอยากจะแซงหน้าเทพสงครามให้ได้ทว่ายามนี้...มีคนแย่งหญ้าจื่อเยียนกับเขา อีกทั้งฝ่ายตรงข้ามยังเป็นกู้ชูหน่วนแววตาริษยาคู่นั้นของเจ๋ออ๋อง จ้องมองไปยังเย่จิ่งหานที่อยู่ข้างกายกู้ชูหน่วน เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวภายในห้องพิเศษอีกห้องหนึ่งที่ชั้นสอง องค์หญิงตังตังกำลังเดือดดาลเหตุใดถึงเป็นกู้ชูหน่วนอีกแล้ว นางผู้นี้มีวิชาแยกร่างหรืออย่างไร ไม่ว่าจะไปที่ใดก็เจอนางตลอดเพราะเปิดผ้าคลุมหน้าของนาง จึงทำให้ถูกเสด็จอาลงโทษอย่างหนัก ถึงขั้นถูกไล่ออกจากสำนักบัณฑิตหลวงแล้วนางเป็นถึงองค์หญิง ทว่ากลับถูกไล่ออกจากสำนักบัณฑิตหลวง นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ชื่อเสียงของนางสูญสิ้นจนหมดเสี่ยวลวี่ข้ารับใช้สาวขององค์หญิงตังตังเอ่ย "องค์หญิง นังกู้ชูหน่วนไม่เอาไหนผู้นั้นไม่มีวิทยายุทธเสียหน่อย นางออกมาแย่งหญ้าจื่อเยียนเช่นนี้ คงรู้ว่าองค์หญิงกำลังรีบร้อนจะ
ไม่พูดถึงเรื่องนี้ยังพอทน แต่พอพูดถึง เจ๋ออ๋องก็หงุดหงิดจนหยุดไม่อยู่จวนเจ๋ออ๋องก็เสียไปแล้วเรือนอีกหลายหลังก็เช่นกัน ตอนนี้เขาไม่มีแม้แต่ที่ซุกหัวนอน ยังดีที่เสด็จแม่นำของล้ำค่าไปขาย พอจะซื้อเรือนหลังเล็กหลังหนึ่งสำหรับไว้อาศัยชั่วคราวได้อีกอย่างตอนนั้นก็แพ้เดิมพัน เสียเงินมหาศาล เขายังไปหยิบยืมเงินมาอีกจำนวนมาก จนถึงตอนนี้ก็ยังติดหนี้อยู่เจ๋ออ๋องจ้องมองกู้ชูหน่วนที่กำลังอมยิ้มพลางมองไปรอบๆ และเย่จิ่งหานที่ไม่ทุกข์ร้อนใดๆ ก่อนจะกัดฟันกรอดแล้ววางป้ายลงช่างเถอะต่อให้ซื้อหญ้าจื่อเยียนมา ก็ใช่ว่าจะกลั่นยาไขกระดูกได้สำเร็จ รอไปอีกหน่อยแล้วกันพวกเขาทั้งสองคนอดทนได้ ทว่าองค์หญิงตังตังกลับทนไม่ได้ นางยังคงเสนอราคาต่อ "หนึ่งแสนหนึ่งพันตำลึง""หนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึง" กู้ชูหน่วนเอ่ย"หนึ่งแสนห้าหมื่นหนึ่งพันตำลึง" องค์หญิงตังตังโกรธจนเลือดขึ้นหน้าเสี่ยวลวี่รีบเตือน "องค์หญิง หนึ่งแสนหน้าหมื่นหนึ่งพันตำลึงแพงเกินไป ไม่คุ้ม""ไม่ได้ ข้าไม่มีทางปล่อยให้นางสมหวัง นางต้องการสิ่งใด ข้าคนนี้จะแย่งมาให้หมด""สองแสนตำลึง""เฮือก......"องค์หญิงตังตังเกือบจะกระอักเลือดออกมาหญ้าจื่อเ
"เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า"เซียวอวี่เชียนถอนหายใจยาวเหยียดตอนนั้นเทพสงครามฉุนเฉียวเช่นนั้น เขาคิดว่ายัยขี้เหร่จะต้องไม่ได้มีจุดจบที่ดีแน่หลายวันที่ผ่านมานี้ เขาพยามคิดหาหนทางหนีออกไปจากจวนแม่ทัพเพื่อไปเยี่ยมยัยขี้เหร่ที่จวนหานอ๋อง แต่ช่วยไม่ได้ที่ถูกปิดตายอยู่ในห้อง ไม่ว่าเขาจะคิดหาทนทางเพียงไรก็หนีออกไปไม่ได้"ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว"เขาพูดพลางเหลือบไปมองหน้าท้องของนางปราดหนึ่งนี่ก็ผ่านไปหลายวันแล้ว เหตุใดท้องของนางยังแบนราบเช่นนี้ หรือสารอาหารจะไม่เพียงพอแต่สีหน้าของนางดูเหมือนจะดีกว่าแต่ก่อนเยอะ แม้แต่ราศีที่เปล่งออกมาก็เปลี่ยนไป ไม่เหมือนคนที่ใช้ชีวิตอย่างตรอมตรมเลยสักนิด"เหลือเวลาอีกเท่าไหร่กว่าจะถึงพิธีแต่งงานของเจ้า""งานประชุมสวินหลงเสร็จสิ้นก็ต้องจัดแล้ว แต่เจ้าวางใจ ข้าไม่มีทางแต่งกับนางเด็ดขาด"กู้ชูหน่วนแค่นหัวเราะ "แน่นอนว่าแต่งกับนางไม่ได้"ผู้ที่มารยาร้อยเล่มเกวียน ประพฤติไม่ชอบอย่างกู้ชูอวิ๋น จะแต่งมาทำอะไร"ยัยขี้เหร่ เจ้าไม่อยากให้ข้าแต่งกับนางจริงๆ ใช่หรือไม่"เอิ่ม......เซียวอวี่เชียนจะตื่นเต้นขนาดนี้ไปทำไมในฐานะเพื่อน นางย่อมไม่อยากให้เซียวอวี่เชียนแต
"ทูลพระชายา นายท่านไปพำนักที่เรือนชิวเฟิงชั่วคราว อีกสองสามวันก็จะกลับมาแล้ว"เรือนชิวเฟิง ?ไปที่นั่นทำไม"เขาได้รับบาดเจ็บหรือ" กู้ชูหน่วนถามอย่างระแวดระวัง"หามิได้ นายท่านไม่ได้ไปที่เรือนชิวเฟิงมาระยะหนึ่งแล้ว จึงอาจอยากอยู่ที่นั่นสักสองสามวัน ข้าน้อยก็ไม่ทราบแน่ชัด หน้าที่ของข้าน้อยคือปกป้องคุ้มครองพระชายา"กู้ชูหน่วนกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย รู้สึกอยู่ตลอดว่าความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นงานประชุมสวินหลงที่สำนักบัณฑิตหลวงจะจัดผลัดออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า กระทั่งผลัดมาจนถึงวันนี้นางเงยหน้าขึ้นไปมองฟ้าเจ็ดวันก่อน นางรับปากเสี่ยวลู่ ลานประมูลเฟิงเซียงไว้แล้วว่าวันนี้จะไปตามเวลาที่นัด แต่หากไปลานประมูลเฟิงเซียง เช่นนั้นก็ไปร่วมงานประชุมสวินหลงไม่ได้ระหว่างที่นางกำลังลังเลว่าจะไปร่วมงานประมูลเฟิงเซียงหรืองานประชุมสวินหลงดี บ่าวรับใช้ก็เข้ามารายงานกะทันหัน"พระชายา ลานประมูลเฟิงเซียงส่งข่าวมาว่า ยกเลิกงานประมูลวันนี้ เลื่อนไปจัดในอีกสิบวันให้หลัง ลานประมูลขอเชิญท่านไปเข้าร่วมในอีกสิบวันข้างหน้า"บังเอิญเพียงนี้เลยรึหรือลานประมูลเฟิงเซียงจะรู้ว่าวันนี้นางอยากไปร่วมงานประชุมสวินหลง
ครั้งนี้ นางใช้โชคเข้าปะทะชีพจรยุทธ ทุกครั้งที่ใกล้จะทะลวงชีพจรยุทธได้สำเร็จ นางจะคว้ายาชำระไขกระดูกจำนวนมากมากินเพื่อเพิ่มพลังงานเช่นเดียวกับครั้งก่อนๆ ทุกครั้งที่นางเพิ่งจะเปิดรอยแยกได้ ก็จะปิดลงทันที กู้ชูหน่วนไม่ยอมแพ้ นางทะลวงครั้งแล้วครั้งเล่าไม่รู้ว่าใช้เวลานานเท่าไหร่ ในที่สุดนางก็เปิดชีพจรยุทธได้สำเร็จ"เฮือก......"เลือดสดอีกคำไหลหยดออกมา คนอื่นทะลวงชีพจรยุทธแล้วจะรู้สึกสบายไปทั้งตัว มีพลังงานเต็มเปี่ยม แต่นางกลับเหมือนหนีความตายมาได้ และเกือบเอาชีวิตนางไปกู้ชูหน่วนคราบเลือดติดมุมปาก แต่นางก็แย้มรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมานางพยายามใช้โชคหมุนเวียนพลังงานภายในร่างกาย เปลวไฟกลุ่มหนึ่งในตันเถียนของนางกำลังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และร่างกายของนางก็เบาขึ้นกว่าเดิมมากนางมีพลังภายในแล้ว...... แม้ว่าพลังภายในจะอ่อนแอมากก็ตาม......การเปิดชีพจรยุทธบ่งชี้ว่านางสามารถฝึกวิชายุทธได้แล้วกู้ชูหน่วนหายใจออกมายาวและเปิดตำรารวมสูตรปรุงยาอีกครั้งยายกระดับเป็นยาที่ช่วยเพิ่มพลังภายในอย่างรวดเร็วและทะลวงผ่านหนึ่งขั้นได้กู้ชูหน่วนรู้สึกสนใจขึ้นมา"ชิงเฟิง"ชิงเฟิงทำหน้าบูดบึ้ง "พระชาย
บ่าวรับใช้ในจวนอ๋องกำลังช่วยกันดับไฟ ผมของกู้ชูหน่วนถูกระเบิดจนยุ่งเหยิง ราวกับรังไก่ ชิงเฟิงจัดให้นางไปอยู่ในห้องที่ตกแต่งอย่างสวยงามอีกห้องหนึ่งภายในห้อง กู้ชูหน่วนมองกล่องยาชำระไขกระดูกขนาดใหญ่ตรงหน้า ทั้งกังวลและโล่งใจกังวลคือยาชำระไขกระดูกยังห่างไกลจากผลลัพธ์ที่นางต้องการโล่งใจคือในที่สุดก็ทำสำเร็จแล้ว"ชิวเอ๋อร์ ไปเฝ้าหน้าประตู ห้ามให้ใครเข้ามา รวมถึงท่านอ๋องด้วย""คุณหนู ท่านจะทำอะไรอีกแล้วหรือเจ้าคะ?"ชิวเอ๋อร์กลัวจนตัวสั่น ชีวิตของคุณหนูเกือบจะจบสิ้นแล้ว นางคงไม่คิดที่จะปรุงยาอีกแล้วใช่หรือไม่"เจ้ารู้อะไร รีบออกไปเถิด""แต่ว่า......"ก่อนที่ชิวเอ๋อร์จะพูดจบ กู้ชูหน่วนก็ผลักนางออกไป แล้วนั่งขัดสมาธิบนเตียง หยิบยาชำระไขกระดูกในกล่องตรงหน้ามากินหนึ่งเม็ดความร้อนไหลขึ้นมาจากตันเถียน แต่ชีพจรยุทธไม่เปิดออกเสียทีกู้ชูหน่วนกินอีกหลายเม็ด ความร้อนในตันเถียนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เส้นลมปราณทั้งเจ็ดและแปดเส้นรู้สึกสบาย แต่ชีพจรยุทธยังคงไม่เปิดออกนางขมวดคิ้ว "ใช้สมุนไพรที่คล้ายกันมาทดแทน ผลลัพธ์ก็ยังแตกต่างกันมาก ยาชำระไขกระดูกนี้แย่เกินไป"กู้ชูหน่วนกัดฟัน กลืนยาชำระไขกระ
"พระชายา โปรดอย่าทำให้ข้าน้อยลำบากใจเลย ข้าน้อยก็แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น"เมื่อเห็นว่ากู้ชูหน่วนตั้งใจจะออกไป ชิงเฟิงก็ตกใจและเอ่ยว่า "พระชายา ท่านต้องการไปหายาใช่หรือไม่? หรือว่าท่านจะให้ใบสั่งยาแก่ข้าน้อย แล้วให้ข้าน้อยปหายามาให้""ก็ได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี""ขอรับ"ความเร็วของชิงเฟิงและคนอื่นๆ นั้นรวดเร็วมาก แต่หลังจากกลับมา คำตอบของพวกเขาก็เหมือนกับที่ชิวเอ๋อร์พูดไม่มีผิดเพี้ยน"พระชายา ข้าน้อยได้ไปหาหมอหลวงทุกคนในสำนักหมอหลวงแล้ว พวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อสมุนไพรในใบสั่งยาของท่านเลย และไม่สามารถหายาเหล่านั้นมาให้ท่านได้"ด้วยความกลัวว่ากู้ชูหน่วนจะโกรธ ชิงเฟิงจึงหยุดชะงักแล้วเอ่ยต่อทันทีว่า "ข้าน้อยได้พาหมอหลวงจากสำนักหมอหลวง รวมถึงหมอที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงมาด้วย พระชายาสามารถสอบถามพวกเขาได้โดยตรงเลย"เมื่อโบกมือ หมอจำนวนมากก็เดินเข้ามาทีละคน และทำความเคารพนาง "คารวะพระชายา ขอพระองค์ทรงพระเจริญ พันปี พันๆ ปี""พอเถอะ ข้าขอถามพวกท่าน พวกท่านไม่เคยได้ยินชื่อซานหลิง ซูเหอเซียง การบูร จริงๆ หรือ?""ทูลพระชายา พวกข้าประกอบอาชีพหมอมาหลายสิบปี บรรพบุรุษของพวกข้าก็เป็นหมอเช่นกัน พวกข้าไ
นิ้วเรียวสวยของกู้ชูหน่วนพลิกดูตำรารวมสูตรปรุงยาที่ขาดวิ่นอย่างต่อเนื่อง นางมองอย่างตั้งใจจนลืมตัว และไม่รู้ว่าตัวเองกลับมาที่จวนหานอ๋องตั้งแต่เมื่อใด"เย่จิ่งหานล่ะ?" กู้ชูหน่วนเงยหน้าขึ้นถามทันทีชิงเฟิงเม้มปาก การต่อสู้ดุเดือดขนาดนั้น พระชายาของเขาไม่รู้จริงๆ หรือว่าแกล้งไม่รู้กันแน่?"นายน้อยแห่งเผ่าเทียนเฝินมาชิงแผนที่ไข่มุกสีเขียว นายท่านต่อสู้กับเขา และยามนี้ยังอยู่ในป่าไผ่ นายท่านให้ข้าพาพระชายากลับจวนก่อน""อย่างนั้นหรือ สามหมื่นล้านตำลึง ล่อตาล่อใจโจรจริง ๆ แผนที่ไข่มุกสีเขียวต้องได้รับการปกป้องอย่างดี อาจจะเป็นทรัพย์สมบัติทั้งหมดของจวนหานอ๋องก็ได้นะ" นายน้อยแห่งเผ่าเทียนเฝินบาดเจ็บไม่ใช่หรือ? เย่จิ่งหานน่าจะรับมือได้เมื่อเห็นกู้ชูหน่วนพูดเรื่องเหล่านี้อย่างจริงจัง คิ้วเข้มของชิงเฟิงก็ขมวดแน่นสิ่งที่นางควรเป็นห่วงไม่ใช่นายท่านหรอกหรือ?"ข้าจะกลับไปศึกษาตำรารวมสูตรปรุงยา บอกบ่าวรับใช้ว่าห้ามใครรบกวนหากไม่มีคำสั่งจากข้า""ขอรับ"ภายในห้อง กู้ชูหน่วนจรดพู่กันเขียนตำรับยาหลายแผ่นอย่างคล่องแคล่ว แล้วส่งให้ชิวเอ๋อร์ "ไปร้านขายยา ซื้อยาตามตำรับที่ข้าให้มา กลับมามากหน่อย"
กู้ชูหน่วนรับจดหมายเชิญ แล้วเกี่ยวคางของนางอย่างเย้าแหย่ "เมื่อมีสาวงามมาเชิญ เราจะกล้าไม่มาได้อย่างไร วางใจได้ งานประมูลเฟิงเซียงสิ้นเดือนนี้ พวกเราจะไปให้ตรงเวลาแน่นอน""เช่นนั้น เสี่ยวลู่จะรอแขกผู้มีเกียรติทั้งสองท่านอยู่ที่งานประมูลเฟิงเซียง"หลังออกจากงานประมูลเฟิงเซียง เย่จิ่งหานก็ยังคงทำหน้าเย็นชาตลอดเวลาระหว่างทางกลับ พวกเขานั่งรถม้าประจำตัวของเย่จิ่งหาน กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่ารถม้าทำจากวัสดุอะไร ภายนอกดูธรรมดา แต่ภายในกลับมีพื้นที่กว้างขวางมาก สามารถดื่มชา เล่นหมากรุก หรือนอนพักผ่อนได้ อีกทั้งยังป้องกันลูกธนูพิษและอาวุธทุกชนิดได้ เมื่อสัมผัสกับรถม้า จะมีเพียงเสียงโลหะกระทบกันเท่านั้นตลอดทาง เสียงการต่อสู้ดังขึ้นเป็นระยะๆ ไม่ขาดสาย พร้อมกับเสียงร้องคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดพื้นดินสั่นสะเทือนเป็นครั้งคราว ไม่รู้ว่าข้างนอกต่อสู้กันดุเดือดเพียงใดกู้ชูหน่วนรู้ว่าคนเหล่านี้ส่วนใหญ่มาเพื่อแย่งชิงแผนที่ไข่มุกสีเขียวของเย่จิ่งหานแต่เมื่อมองไปที่เย่จิ่งหาน เขานั่งจิบชาอ่านหนังสืออย่างสง่างามริมหน้าต่างรถม้า ราวกับไม่รับรู้ถึงการต่อสู้ภายนอกกู้ชูหน่วนเปิดม่านรถม้าดู ข้างนอกมีแต่แ
อี้เฉินเฟยพิจารณาความหมายในคำพูดของกู้ชูหน่วนอย่างถี่ถ้วนครู่หนึ่งเขาก็เข้าใจกระจ่างแจ้ง ยิ้มอย่างอ่อนโยน "สุภาพบุรุษไม่แย่งชิงสิ่งที่ผู้อื่นชื่นชอบ ในเมื่อแขกชั้นล่างชื่นชอบแผนที่ไข่มุกสีเขียวขนาดนี้ ข้าก็จะไม่แย่งแล้ว"กู้ชูหน่วนลูบปลายคาง คำพูดนี้ฟังดูคุ้นหูเหลือเกิน?แต่อี้เฉินเฟยก็มีสมองขึ้นมาบ้างแล้วสามพันล้าน......จุ จุ จุทรัพย์สมบัติของเย่จิ่งหานถูกสูบไปหมดแล้วใช่หรือไม่"สามพันล้านครั้งที่หนึ่ง สามพันล้านครั้งที่สอง สามพันล้านครั้งที่สาม ขอแสดงความยินดีกับแขกผู้มีเกียรติหมายเลขยี่สิบเก้า ได้รับแผนที่ไข่มุกสีเขียวไปครอง"ทุกคนต่างมองเย่จิ่งหานด้วยความอิจฉาในหมู่พวกเขาบางคนเคยคิดที่จะแย่งชิง แต่ฝ่ายตรงข้ามคือเทพสงครามแห่งแคว้นเย่ พวกเขาจะแย่งชิงได้อย่างไร?เด็กรับใช้ของอี้เฉินเฟยเสียดายแล้วเสียดายอีกสามพันล้านสูงเกินไป......น่าเสียดายที่อาจารย์อี้เตรียมการมานาน สุดท้ายก็ยังพลาดการประมูลเจ๋ออ๋องขมขื่นในใจ เดินออกงานประมูลอย่างอ้างว้างหางตาของซ่างกวานฉู่ฉายแววเย็นเยือก มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ายวนคนของเผ่าเทียนเฝินเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ "ดำเนินการตามแผนเดิม ต้อง
"อะไรนะ เขาคือเทพสงคราม"ทุกคนต่างถอยหลังด้วยความหวาดกลัว พยายามรักษาระยะห่าง เพราะกลัวว่าเย่จิ่งหานจะลงมือกับพวกเขาหากเป็นคนอื่นที่เสนอราคานี้ พวกเขาคงจะประหลาดใจมาก แต่หากเป็นเทพสงครามที่เสนอราคา ก็ไม่มีอะไรน่าแปลกใจเพราะเทพสงครามคือบุคคลสำคัญของแคว้นเย่ ทั้งศักยภาพ ความมั่งคั่ง และอิทธิพลของเขายิ่งใหญ่กว่าฮ่องเต้เสียอีกเด็กรับใช้ของอี้เฉินเฟยเอ่ยว่า "อาจารย์อี้ เราจะเพิ่มราคาอีกหรือไม่?"อี้เฉินเฟยเงียบไป ราวกับกำลังชั่งน้ำหนักมูลค่าอยู่ครู่หนึ่ง เขาจึงยกป้ายขึ้น "หนึ่งพันเจ็ดร้อยล้าน"อะไรนะ......คนในห้องหมายเลขเจ็ดเป็นใครกัน?เพิ่มราคาครั้งละสองร้อยล้านเงินในสายตาพวกเขาเป็นเพียงตัวเลขหรืออย่างไร?เจ๋ออ๋องโยนป้ายทิ้งอย่างหมดแรงจะประมูลไปทำไม ประมูลไปก็เปล่าประโยชน์เขาไม่สามารถประมูลได้แม้แต่เศษเสี้ยวของพวกเขาในชั่วพริบตา เจ๋ออ๋องรู้สึกว่าตนแตกต่างจากพวกเขาอย่างมาก"สองพันล้าน" เย่จิ่งหานเอ่ยชิงเฟิงเหงื่อออกที่ฝ่ามือแม้นายท่านจะมีทรัพย์สมบัติจำนวนมาก แต่การสูญเสียสองพันล้านในคราวเดียวก็ต้องทำให้บาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอนซ่างกวานฉู่หน้าตายไร้อารมณ์ มองไม่ออ