"ประมูลหรือ ?"กู้ชูหน่วนชักจะสนใจขึ้นมาแล้วหลังจากที่ข้ามมิติมาที่นี่ นางยังไม่เคยไปงานประมูลมาก่อนนางย่อตัวลงในท่ากึ่งคุกเข่า กะพริบตาที่ใสเป็นประกาย ยิ้มกว้างเป็นพระจันทร์เสี้ยว "ท่านอ๋อง ไม่เช่นนั้นท่านพาข้าไปเปิดหูเปิดตาหน่อยดีหรือไม่""งานประมูลเฟิงเซียง ข้าก็ยังไม่เคยไป"เอิ่ม......งานประมูลที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ เขาไม่เคยไปมาก่อนหรือนี่"เช่นนั้นพวกเราก็ไปเปิดหูเปิดตาด้วยกันสักหน่อยเถอะ"กู้ชูหน่วนพูดพลางเข็นรถเข็นไปทางลานประมูลเฟิงเซียงด้วยตนเองผู้คนที่งานประมูลล้นหลาม ทว่ากลับไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะสามารถเข้าไปได้ ผู้ที่อยากเข้าไป จะต้องจ่ายเงินหนึ่งพันตำลึงเสียก่อนกู้ชูหน่วนและพวกจ่ายเงินแล้วเข้าไปในงานประมูล ทว่ากลับไม่มีสิทธิ์เข้าห้องพิเศษชิงเฟิงคิดจะเปิดเผยตัว ทว่ากู้ชูหน่วนรั้งเอาไว้"หากจะต้องพึ่งฐานะไปเสียทุกเรื่องก็ไม่สนุกสิ ที่นั่งธรรมดาก็ไม่เลว คนเยอะ คึกคักดี"ชิงเฟิงไม่กล้าตอบโต้ นายท่านไม่ชอบสถานที่ที่คนแออัดมาแต่ไหนแต่ไร ดังนั้นแม้นายท่านจะเป็นถึงเทพสงครามผู้เลื่องชื่อ แต่คนที่เคยได้พบเห็นเขากลับมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่นั่งธรรมดาของงานประมูล
"หอเลิศหล้า ?"นี่คือกลุ่มองค์กรอะไรกันอีก ทำไมถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน ความทรงจำในสมองก็ไม่มีเรื่องเกี่ยวกับหอเลิศหล้าเลย"ผู้คนต่างกล่าวขานเล่าลือถึงหนึ่งหอหนึ่งเรือนที่แม้แต่ปีศาจและเทพต่างก็หวั่นเกรง หมายถึงเรือนชาลฟ้าและหอเลิศหล้า ข้อมูลที่พวกเขามี ล้วนแต่เหนือกว่าผู้ใดทั้งใต้หล้า สามารถพูดได้ว่า ขอเพียงแค่พวกเขาต้องการสืบ ไม่มีเรื่องใดที่สืบไม่เจอ"ชิงเฟิงไม่ได้บอกกู้ชูหน่วนว่านายท่านก็คือหัวหน้าของเรือนชาลฟ้าเขาไม่กล้าจะบอกว่า ช่วงนี้เขากำลังสืบหาเรื่องตัวตนของพระชายาและอี้เฉินเฟย แต่พบเจออุปสรรค ราวกับมีผู้มีอำนาจบางคนที่มองไม่เห็นคอยตัดเบาะแสของพวกเขาอยู่ตลอดเวลา ทำให้พวกเขาไม่มีความคืบหน้าใดๆ นี่เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนกู้ชูหน่วนหักนิ้ว "พูดเช่นนี้ก็หมายความว่า ลานประมูลเฟิงเซียงมีความสามารถแข็งเกร่งเลยทีเดียว""ตอนนี้สามารถพูดเช่นนี้ได้ ไม่เคยมีผู้ใดกล้าก่อกวนที่ลานประมูลเฟิงเซียง ต่อให้เป็นเชื้อพระวงศ์หรือลูกหลานตระกูลขุนนางล้วนแต่ต้องให้เกียรติพวกเขา เพราะไม่ว่าผู้ใดต่างก็มีเรื่องสกปรกโสมมกันบ้างทั้งนั้น หากล่วงเกินลานประมูลเฟิงเซียง เป็นไปได้ว่าเรื่องน่าอ
ภายในห้องพิเศษชั้นสอง สีหน้าเจ๋ออ๋องดูลึกลับมีเลศนัยวิทยายุทธของเขาไม่ถือว่าดีนัก แต่ก็ใกล้จะเข้าขั้นหนึ่งแล้ว ขาดก็เพียงแค่ยาล้างไขกระดูกที่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้สภาพร่างกายได้ หญ้าจื่อเยียนนี้เขาจำเป็นจะต้องเอามาให้ได้ เพราะเขาอยากจะแซงหน้าเทพสงครามให้ได้ทว่ายามนี้...มีคนแย่งหญ้าจื่อเยียนกับเขา อีกทั้งฝ่ายตรงข้ามยังเป็นกู้ชูหน่วนแววตาริษยาคู่นั้นของเจ๋ออ๋อง จ้องมองไปยังเย่จิ่งหานที่อยู่ข้างกายกู้ชูหน่วน เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวภายในห้องพิเศษอีกห้องหนึ่งที่ชั้นสอง องค์หญิงตังตังกำลังเดือดดาลเหตุใดถึงเป็นกู้ชูหน่วนอีกแล้ว นางผู้นี้มีวิชาแยกร่างหรืออย่างไร ไม่ว่าจะไปที่ใดก็เจอนางตลอดเพราะเปิดผ้าคลุมหน้าของนาง จึงทำให้ถูกเสด็จอาลงโทษอย่างหนัก ถึงขั้นถูกไล่ออกจากสำนักบัณฑิตหลวงแล้วนางเป็นถึงองค์หญิง ทว่ากลับถูกไล่ออกจากสำนักบัณฑิตหลวง นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ชื่อเสียงของนางสูญสิ้นจนหมดเสี่ยวลวี่ข้ารับใช้สาวขององค์หญิงตังตังเอ่ย "องค์หญิง นังกู้ชูหน่วนไม่เอาไหนผู้นั้นไม่มีวิทยายุทธเสียหน่อย นางออกมาแย่งหญ้าจื่อเยียนเช่นนี้ คงรู้ว่าองค์หญิงกำลังรีบร้อนจะ
ไม่พูดถึงเรื่องนี้ยังพอทน แต่พอพูดถึง เจ๋ออ๋องก็หงุดหงิดจนหยุดไม่อยู่จวนเจ๋ออ๋องก็เสียไปแล้วเรือนอีกหลายหลังก็เช่นกัน ตอนนี้เขาไม่มีแม้แต่ที่ซุกหัวนอน ยังดีที่เสด็จแม่นำของล้ำค่าไปขาย พอจะซื้อเรือนหลังเล็กหลังหนึ่งสำหรับไว้อาศัยชั่วคราวได้อีกอย่างตอนนั้นก็แพ้เดิมพัน เสียเงินมหาศาล เขายังไปหยิบยืมเงินมาอีกจำนวนมาก จนถึงตอนนี้ก็ยังติดหนี้อยู่เจ๋ออ๋องจ้องมองกู้ชูหน่วนที่กำลังอมยิ้มพลางมองไปรอบๆ และเย่จิ่งหานที่ไม่ทุกข์ร้อนใดๆ ก่อนจะกัดฟันกรอดแล้ววางป้ายลงช่างเถอะต่อให้ซื้อหญ้าจื่อเยียนมา ก็ใช่ว่าจะกลั่นยาไขกระดูกได้สำเร็จ รอไปอีกหน่อยแล้วกันพวกเขาทั้งสองคนอดทนได้ ทว่าองค์หญิงตังตังกลับทนไม่ได้ นางยังคงเสนอราคาต่อ "หนึ่งแสนหนึ่งพันตำลึง""หนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึง" กู้ชูหน่วนเอ่ย"หนึ่งแสนห้าหมื่นหนึ่งพันตำลึง" องค์หญิงตังตังโกรธจนเลือดขึ้นหน้าเสี่ยวลวี่รีบเตือน "องค์หญิง หนึ่งแสนหน้าหมื่นหนึ่งพันตำลึงแพงเกินไป ไม่คุ้ม""ไม่ได้ ข้าไม่มีทางปล่อยให้นางสมหวัง นางต้องการสิ่งใด ข้าคนนี้จะแย่งมาให้หมด""สองแสนตำลึง""เฮือก......"องค์หญิงตังตังเกือบจะกระอักเลือดออกมาหญ้าจื่อเ
ซี้ดดด...เสียงลมหายใจกระตุกดังไปทั่วมุกอุ่นประภพ เป็นมุกอุ่นประภพเช่นนั้นหรือ...ของล้ำค่าระดับนี้ ควรจะปิดท้ายไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงนำออกมาประมูลตั้งแต่ชิ้นที่สองฝูงชนพลันแตกตื่นฮือฮากู้ชูอวิ๋นเอ่ย "ท่านพ่อ มุกอุ่นประภพทั้งใต้หล้ามีเพียงแค่สองเม็ด ของล้ำค่าเช่นนี้ ไม่ว่าต้องเสียเงินเท่าใด ก็ต้องคว้ามาให้ได้"อัครเสนาบดีกู้ใจเต้นตึกตักไม่หยุด สายตาที่ทอดมองไปยังมุกอุ่นประภพเปล่งประกาย ความปรารถนาไม่ปิดบังแต่อย่างใดประมุกอุ่นประภพคือของล้ำค่า ไม่ว่าผู้ใดก็อยากได้ลมหายใจของเจ๋ออ๋องและองค์หญิงตังตังเร็วขึ้นหลายจังหวะ ต่างก็รู้สึกโชคดีที่เมื่อครู่กู้ชูหน่วนชิงหญ้าจื่อเยียนไปแล้ว มุกอุ่นประภพดีกว่าหญ้าจื่อเยียนเป็นไหนๆเสี่ยวลวี่พูดเสียงสั่น "องค์หญิง นั่นใช่มุกอุ่นประภพจริงหรือ""เจ้าพูดจาเหลวไหล ลานประมูลเฟิงเซียงคือสถานที่แบบใด พวกเขาจะขายของปลอมได้อย่างไร""เช่นนั้นพวกเราจะประมูลใช่หรือไม่""แน่นอนสิ มีมุกอุ่นประภพแล้ว เท่ากับมีเครื่องรางที่ทำให้ฟื้นจากความตายได้ อย่างอื่นจะไม่เอาก็ได้ แต่มุกอุ่นประภพต้องประมูลมาให้ได้""องค์หญิง แต่เงินที่พวกเราพกมาทั้งหมดมีไม่ถึงสามล้
มีผู้ใดบ้างที่ตอนเพิ่มราคา ไม่ได้เพิ่มทีละหลายพันหรือหลายหมื่น ส่วนนาง เพิ่มครั้งหนึ่งก็สามล้านตำลึงเลย เช่นนี้จะยังประมูลได้อย่างไรแม้พวกเขาอยากจะประมูล แต่ก็ไม่มีเงินมากมายขนาดนั้นมาจ่ายได้อัครเสนาบดีกู้เกือบจะกระอักเลือดออกมากู้ชูอวิ๋นหน้าขาวซีด "ท่านพ่อ ไม่เช่นนั้นมุกอุ่นประภพนี่ก็ปล่อยไปเสียเถิด""ไม่ได้ จะปล่อยไปไม่ได้เด็ดขาด คนเราล้วนแต่ต้องเกิดแก่เจ็บตาย หากมีมุกอุ่นประภพอยู่ในมือ อาจพูดไม่ได้ว่าสามารถอยู่อย่างเป็นอมตะไม่แก่เฒ่า แต่อย่างน้อยก็สามารถอยู่ได้นานขึ้นอีกเป็นสิบกว่าปีอย่างสบายๆ อีกอย่าง ขอเพียงแค่มีมุกอุ่นประภพ หากมีผู้ใดต้องการความช่วยเหลือ พวกเราสามารถให้พวกเขาเช่าในราคาที่สูงได้ เพียงปล่อยเช่าไม่กี่ครั้ง ก็ได้ต้นทุนกลับคืนมาแล้ว"อัครเสนาบดีกู้เสียงสั่นเครือ "สิบล้านหนึ่งหมื่นตำลึง"เจ๋ออ๋องหน้าเขียวปั้ด พลันชูป้ายขึ้นมา "สิบล้านห้าแสนตำลึง"อัครเสนาบดีกู้ตะลึงงัน เจ๋ออ๋องล้มละลายแล้วไม่ใช่หรือเหตุใดยังมีเงินสิบกว่าล้านให้ใช้อยู่อีกหรือเขาก็จะเหมือนกับตน ที่ไปหยิบยืมเงินจากทั่วทุกสารทิศนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้เจ๋ออ๋องได้ยืมเงินจากคนอื่นไปเยอะแล้ว เ
เฮือก…ทุกคนแทบจะกระอักเลือดจากสิบเจ็ดล้านเพิ่มเป็นยี่สิบห้าล้าน นางนับเลขเป็นหรือไม่อัครเสนาบดีกู้เกือบจะกระอักเลือดออกมาเดี๋ยวนั้นองค์หญิงตังตังและเจ๋ออ๋องก็หน้าเขียวปั้ดกู้ชูหน่วนอีกแล้ว จงใจจะหาเรื่องพวกเขาใช่หรือไม่พวกเขาประมูลสิ่งใด นางก็จะแย่งสิ่งนั้นสินะเสี่ยวลู่ยิ้มกว้าง บิดเอวเพรียวบางหันไปพูดกับกู้ชูหน่วนเสียงอ่อน "แขกหมายเลขยี่สิบแปดให้ราคาที่ยี่สิบห้าล้านตำลึงเงิน ยังมีผู้ใดต้องการจะเพิ่มอีกหรือไม่"อัครเสนาบดีกู้ถือป้ายเอาไว้อยู่นาน ยกไม่ขึ้นเสียที ภายในใจเต็มไปด้วยความเกลียดชังไม่รู้จบแม้กู้ชูหน่วนจะเป็นลูกสาวของเขาอีกคนหนึ่งเช่นกัน แต่พวกเขาตัดความสัมพันธ์ฉันท์พ่อลูกกันไปนานแล้ว กู้ชูหน่วนไม่มีทางยกมุกอุ่นประภพให้เขาเสี่ยวลวี่เอ่ย "องค์หญิง ยี่สิบห้าล้านตำลึงแพงเกินไป ไทเฮา...เกรงว่าจะหาเงินมากมายขนาดนั้นไม่ได้ในเวลาอันสั้นนี้ ไม่เช่นนั้น...""ไม่ได้ ข้าไม่มีทางยอม ยี่สิบหกล้านตำลึง""สามสิบล้านตำลึง" กู้ชูหน่วนพูดด้วยความเกียจคร้าน"สามสิบล้านหนึ่งหมื่นตำลึง""สี่สิบล้านตำลึง"องค์หญิงตังตังเกือบจะเป็นลมหมดสติไปสี่สิบล้านตำลึงซื้อไข่มุกอุ่นประภ
เจ๋ออ๋องหัวเราะขมขื่นต่อให้พวกเขาต้องการก็ไม่ทันแล้วเงินของกู้ชูหน่วน ไม่รู้ว่าเป็นของนางเอง หรือเทพสงครามให้นางตั้งห้าสิบล้านตำลึง นางไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยสักนิดภายในห้องพิเศษหมายเลขสาม ซ่างกวานฉู่อยู่ในชุดสีขาวดุจหิมะ เขานั่งอยู่ริมหน้าต่าง ต้มชาพลางลิ้มรสชาติชาไปด้วย มุมปากยกยิ้มบางๆ ทอดมองลงไปด้านล่างนิ่งๆของประมูลออกไปสองชิ้นแล้ว เขายังไม่ได้เสนอราคาเลยสักครั้งบริเวณที่นั่งธรรมดา เชิงเฟิงกระซิบกระซาบเสียงเบา "ท่านอ๋อง ราคาที่พระชายาเสนอสูงเกินไป พวกเราขาดทุนยิ่งนัก"กู้ชูหน่วนหูดี รีบยกนิ้วหัวแม่มือขึ้นมาทันที "ชิงเฟิง ทีอย่างนี้ฉลาดได้สักทีสินะ ใช้ได้เลยทีเดียว"ชิงเฟิงใจเต้นตึกตัก รู้สึกสังหรณ์ใจว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีอยู่ตลอดเป็นอย่างที่คิด กู้ชูหน่วนพูดขึ้นมาด้วยท่าทางหนักแน่นมั่นใจ "ไปจ่ายเงินเถอะ""อะ...อะไรนะ จ่ายเงินอะไร""จะอะไรเสียอีก ก็มุกอุ่นประภพที่ประมูลมาได้อย่างไรเล่า""นี่...นายท่านไม่ได้ร่วมการประมูล เหตุใดข้าน้อยต้องจ่ายเงินด้วย"กู้ชูหน่วนกระพริบตาที่ใสซื่อบริสุทธิ์ อธิบายให้ชิงเฟิงฟังทีละคำ "เขาคือนายของเจ้า ข้าคือภรรยาของนายเจ้า เช่นนั้นข้าก็
เดิมทีคนของเผ่าเทียนเฝินก็สงสัยในตัวนายท่านหลันอยู่แล้ว เมื่อกู้ชูหน่วนพูดเช่นนี้ คนของเผ่าเทียนเฝินก็อดไม่ได้ที่จะมองนายท่านหลันเป็นศัตรูยิ่งกว่าเดิม กู้ชูหน่วนเอ่ยออกมาเบาๆ อีกประโยค "อีกอย่างหินก้อนใหญ่จากยอดเขากลับร่วงมาบนหัวผู้อาวุโสทุกท่านของเผ่าเทียนเฝิน ทว่าพวกเจ้าทั้งหมดกลับอยู่ริม และหลบได้อย่างง่ายดาย" "กู้ชูหน่วน เจ้าหมายความเช่นไร หรือเจ้าสงสัยว่าเป็นแผนของข้ารึ" "ข้าไม่มีความกล้าที่จะพูดเช่นนั้นหรอก ชีวิตน้อยๆ ของข้ายังอยู่ในมือเจ้า" "เช่นนั้นหินก็ไม่ได้ร่วงใส่เจ้าไม่ใช่หรือ" "ข้าไม่โดนหินทับตาย เพราะข้าดวงแข็ง ใครจะรู้ว่าอีกเดี๋ยวทางที่เจ้าพาไป จะหลอกข้าไปตายหรือไม่" "หากวันนี้ข้าไม่ได้ฆ่าเจ้า ข้าจะไม่ใช่นายท่านหลันแห่งกองธงทั้งสิบสองของเผ่าหมออีก" นายท่านหลันเดือดดาล ไม่ลังเลที่จะลงมืออีกต่อไป ทุกกระบวนท่าล้วนแต่ต้องการจะสังหารกู้ชูหน่วนให้ถึงแก่ชีวิต ผู้อาวุโสเผ่าเทียนเฝินก็มีน้ำโหด้วยเช่นกัน บวกกับกู้ชูหน่วนคอยยุแยงทุกประโยค คนของเผ่าเทียนเฝินและเผ่าหมอจึงแตกหักกันโดยสิ้นเชิง หันมาฆ่าฟันกันเอง ผู้อาวุโสจวินพูดด้วยความฉุนเฉียว "พวกหัวขโมยอ
ไฟโทสะในใจของนายท่านหลันสุมเป็นกองใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ พร้อมจะระเบิดได้ทุกเวลา เขาคำรามด้วยความเกรี้ยวกราด “กู้ชูหน่วน เจ้าวกไปวนมา จะวนไปถึงไหนกัน” “พวกเจ้าให้ข้าพาพวกเจ้าไปสุดยอดเขาเพื่อตามหาแก้วมังกรไม่ใช่รึ ข้ากำลังหาทางอยู่นี่อย่างไร” นายท่านหลันโกรธจนอยากจะฟาดฝ่ามือใส่นางให้ตาย กู้ชูหน่วนพูดอย่างน้อยอกน้อยใจ “ที่แห่งนี้มีทางแยกมากมาย ข้าพยายามหาเส้นทางเต็มที่แล้ว อีกอย่างทุกเส้นทางที่ไป ล้วนแต่ผ่านความเห็นชอบของพวกเจ้าแล้ว นายท่านหลัน เจ้าจะใส่ร้ายว่าข้าจงใจพาพวกเจ้าวกไปวนมาได้อย่างไร” นายท่านหลันหงุดหงิด ทั้งๆ ที่กู้ชูหน่วนจงใจหลอกพวกเขา ทว่านางกลับเอาเหตุผลมาอ้างทุกประโยค แสร้งทำเป็นบริสุทธิ์ ทำให้เขาหาข้อกังขาไม่ได้ ทุกครั้งที่นางจะวนอยู่ที่ทางแยก นางถามพวกเขาก่อนแล้ว แต่นางแทบไม่ให้เวลาเขาดูแผนที่ก็มุ่งหน้าเดินต่อไปแล้ว ผู้อาวุโสระดับสูงหวงเริ่มจะหมดความอดทน พวกเขาวนอยู่ในถ้ำมาครึ่งวันแล้ว ขืนวนต่อไป เรี่ยวแรงที่เหลืออยู่น้อยนิดของพวกเขาก็จะถูกใช้จนหมด ต้องไปถึงยอดเขาให้ได้โดยเร็ว เขาเอ่ยเสียงขรึม พยายามข่มความเหลืออดไว้ในใจ “ยังต้องเดินอีกไกลเพียงใด” “เ
ครั้งนี้ เหล่าผู้อาวุโสของเผ่าเทียนเฝินเองก็ไม่ใจเย็นอีกต่อไปแล้ว อยากจะแทงกู้ชูหน่วนให้ตายเสียเดี๋ยวนั้น ทว่ากู้ชูหน่วนกลับชิงร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหลออกมาเสียก่อน พลางสะอึกสะอื้น "เหล่าสหายทั้งหลาย เป็นข้าเองที่ทำร้ายพวกเจ้า หากรู้แต่แรกว่าที่นี่อันตรายถึงเพียงนี้ หากรู้แต่แรกว่าถ้าบุกเข้ามาจะทำให้พวกเจ้าตายอย่างทรมานที่นี่ ข้ายอมถูกพวกเจ้าตีตายไปเสีย แต่จะไม่ยอมยกกระดิ่งภินวิญญาณให้เด็ดขาด ข้าผิดต่อพวกเจ้า" "ข้าสมควรตาย ข้าทำผิดต่อพวกเจ้า พวกเจ้าฆ่าข้าเสียเถอะ ชีวิตคนมากมายเช่นนี้ คุณพระช่วย...ข้าควรชดใช้เช่นไร" นางร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหล ปวดใจเป็นที่สุด คนของเผ่าเทียนเฝินพลันใจอ่อนฮวบในทันที คนของเผ่าหมอก็คลายความโกรธลงไปไม่น้อย มีเพียงแค่นายท่านกองธงที่กัดฟันกรอด เส้นเลือดสีเขียวปูดจนจะระเบิดออกมา "ในเมื่อเจ้าอยากตายถึงเพียงนี้ เช่นนี้ข้าจะทำให้เจ้าสมหวัง" หัวหน้ากองธงพูดพลางฟาดฝ่ามือไปที่กะโหลกของนาง คนของเผ่าเทียนเฝินมองดูหน้าตาเฉย อยากเห็นว่ากู้ชูหน่วนคิดจะเล่นพิเรนทร์อะไร คิดไม่ถึงว่ากู้ชูหน่วนเพียงแค่ร้องไห้อยู่อย่างนั้น ไม่ขยับเขยื้อน อีกทั้งยังไม่ตอบโต้ ท่าทางรอคว
เหล่าผู้อาวุโสระดับสูงเป็นกังวล ยามนี้พวกเขาต่างก็เจ็บหนัก หากฝืนตามไป ใช่ว่าจะเป็นประโยชน์ เพราะถึงอย่างไรอาการของแต่ละคนก็สาหัสปางตายกันทั้งสิ้น แต่หากไม่ไปแล้วแก้วมังกรถูกชิงไป คิดจะแย่งกลับมา เช่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แล้ว พวกเขาออกตามหามาหลายปี ใช้คนไปตั้งมากมาย จนมาพบที่ตั้งของแก้วมังกรในที่สุด ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ควรยอมแพ้ กู้ชูหน่วนพิงอยู่ข้างโขดหิน มองดูท่าทีลังเลของพวกเขาอยู่เงียบๆ มุมปากยกยิ้มที่ยากจะสังเกตเห็น แก้วมังกรล่อตาล่อใจเสียขนาดนั้น มีหรือที่พวกเขาจะไม่ติดกับ เป็นอย่างที่นางคิดเอาไว้ คนเหล่านี้กัดฟันเค้นออกมาหนึ่งประโยค "ไป ขึ้นเขาไปดูเสียหน่อย เจ้าก็ไปกับพวกข้าด้วย" กู้ชูหน่วนแสร้งทำเป็นตกใจ "เมื่อครู่พวกท่านเพิ่งรับปากว่าจะให้ข้าออกไปอย่างปลอดภัยไม่ใช่หรือ หรือท่านจะกลับคำพูด" "แผนที่ที่เจ้าให้มามีเพียงครึ่งเดียว นอกเสียจากเจ้าช่วยพวกข้าตามหาอีกครึ่งหรือหาแก้วมังกรพบ ไม่เช่นนั้นอย่าหวังว่าจะได้ไปไหน" "ท่านไม่รักษาคำพูดนี่" "เช่นนั้นเจ้าอยากถูกฝังอยู่ที่นี่หรือไม่" คนของเผ่าเทียนเฝินผลักนางไปด้านหน้า กู้ชูหน่วนทำได้เพียงแค่มุ่งหน้า
ทุกคนต่างก็จ้องไปที่กู้ชูหน่วนด้วยความโกรธ กู้ชูหน่วนผงะถอยหลังไปหลายก้าว พูดด้วยความระวัง "อีกครึ่งถูกชาวเขาตานหุยชิงไป พวกเจ้าจ้องข้าก็ไม่มีประโยชน์ หากข้ามีแผนที่อีกครึ่ง อย่างไรก็ต้องส่งให้พวกเจ้าอยู่ดี" "ชาวเขาตานหุย ?" นายท่านหลันเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง "ใช่แล้ว ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าคิดว่า เหตุใดชาวเขาตานหุยถึงใจเย็นได้ขนาดนั้น รอพวกเจ้าต่อสู้อยู่ด้านนอกตั้งนาน เว้นเสียแต่นอกจากทางลงเขาเส้นนี้ บริเวณปากเขาน้ำเต้ายังมีทางอีกเส้นที่สามารถออกไปจากเขาน้ำเต้าแห่งนี้ได้ หากพวกเขาได้แก้วมังกรแล้ว ก็น่าจะลงเขาไปทางนั้นเลย" นายท่านหลันสงสัยเคลือบแคลงในคำพูดของนางเป็นอย่างยิ่ง"ทุกท่าน สตรีนางนี้ไม่เคยมีความจริงออกจากปากนาง พวกเจ้าอย่าไปเชื่อนางเด็ดขาด" ผู้อาวุโสอวิ๋นสองจิตสองใจ "คนของพวกเราเข้ามาในเขาน้ำเต้า บาดเจ็บเสียหายอย่างหนัก แต่ชาวเขาตานหุยดูเหมือนจะราบรื่นตลอดทาง อีกทั้งยังไม่พบเจออุปสรรคใดๆ เลย" เมื่อผู้อาวุโสอวิ๋นกล่าวเช่นนี้ ผู้อาวุโสจวินก็คิดขึ้นมาได้ "เป็นจริงอย่างที่พูด ตอนนั้นข้ายังสงสัยว่าเหตุใดชาวเขาตานหุยถึงได้โชคดีเพียงนี้ ไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย ยามนี้มาคิด
"เยี่ยเฟิงออกไปจากเขาน้ำเต้าแล้ว" "เจ้าซ่อนสิ่งใดเอาไว้" สีหน้าของกู้ชูหน่วนเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะกลับมานิ่งสงบอย่างรวดเร็ว นางวางมือทั้งสองข้างลง แสร้งทำเป็นพูดด้วยท่าทางสบายๆ ไม่ใส่ใจ "ข้าสตรีอ่อนแอตัวคนเดียว จะมีสิ่งใดในครอบครองได้ ก็แค่กลัวว่าชายฉกรรจ์อย่างพวกเจ้าจะเสียมารยาทกับข้าก็เท่านั้น" คำพูดนี้ของนี้ ไม่มีผู้ใดเชื่อ เพราะสีหน้าที่แสดงออกมาเล็กๆ น้อยๆ ของนางได้หักหลังนางหมดแล้ว ต่อให้นางจะนิ่งเพียงใด ทุกคนก็จับได้อยู่ดี คนของเผ่าหมอพากันเข้ามาล้อมนางเอาไว้ คนของเผ่าเทียนเฝินแม้จะนิ่งดูดาย แต่ก็ไม่ได้คิดจะปล่อยกู้ชูหน่วนไป "นังหนู ข้าขอเตือนเจ้าให้ส่งของมาดีๆ ไม่เช่นนั้น...เหอะ..." คำพูดของนายท่านหลันเต็มไปด้วยความตักเตือน นายท่านหมู่ตานกลับพูดจีบปากจีบคอ "นังเด็กคนนี้แม้จะสกปรกมอมแมมไปบ้าง แต่รูปร่างดีใช้ได้ เอามาใช้อุ่นเตียงแก้ขัดก็น่าจะไม่เลว" "เจ้า...พวกเจ้าคิดจะทำอะไร..." "ข้าบอกพวกเจ้าไว้ก่อน ข้าเป็นถึงหานอ๋องเฟย ขืนพวกเจ้ากล้าทำอะไรข้า หานอ๋องไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่" "ว่าอย่างไรนะ...เจ้าคือภรรยาของเย่จิ่งหาน เช่นนั้นพวกเราเผ่าเทียนเฝินยิ่
ด้านล่างตีนเขาของเขาน้ำเต้า คนของเผ่าเทียนเฝินและเผ่าหมอลงจากเขาด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส และกองทัพที่แพ้จนหมดสภาพ สีหน้าของพวกเขาต่างก็ไม่สู้ดีนัก ข่มความฉุนเฉียวเอาไว้ เลือดสีแดงสดไหลคดเคี้ยวลงมาจากร่างของพวกเขา ผู้อาวุโสจวินแห่งเผ่าเทียนเฝินเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ "หากคนเผ่าหมอของพวกเจ้าลงมือตั้งแต่แรก พวกเราก็คงไม่ต้องพ่ายแพ้จนมีสภาพเช่นนี้ แล้วปล่อยให้พวกชาวเขาตานหุยได้ประโยชน์ไป" นายท่านหลันยิ้มเยาะ "พวกเจ้าเผ่าเทียนเฝินยังเหลือยอดฝีมือจำนวนไม่น้อยไว้ระวังพวกข้า หากร่วมมือเป็นหนึ่งเดียวกัน ร่วมต่อสู้ด้วยกัน มังกรอสูรขั้นเจ็ดก็ไม่จำเป็นต้องให้พวกข้าลงมือ พวกเจ้าจัดการเองก็ได้แล้ว สุดท้ายแล้ว พวกเจ้าก็ไม่ไว้ใจพวกข้า" ผู้อาวุโสอวิ๋นเฟยเย่มีนิสัยใจร้อนมาแต่ไหนแต่ไร เขาเดือดดาลขึ้นมาทันที "หากพวกข้าเข้าไปพร้อมกัน ทุกคนต่างก็เจ็บหนักกันหมด หลังจากนั้นพวกเจ้าจะได้ถือโอกาสฉกฉวยผลประโยชน์ไปได้ง่ายๆ น่ะสิ" ผู้อาวุโสหวงหนึ่งในผู้อาวุโสระดับสูงติเตียน "พอได้แล้ว แทนที่จะมัวมาพูดมากอยู่ตรงนี้ ไม่สู้คิดหาหนทางว่าจะชิงแก้วมังกรมาจากชาวเขาตานหุยอย่างไรจะดีกว่า" ผู้อาวุโสระดับสูงหวงเอ่ย ก
"โฮ่ว..." "โฮก..." "เฮือก..." นายท่านกองธงเผ่าหมอและมังกรอสูรต่างก็เจ็บหนัก ครั้งนี้ล้วนแต่บาดเจ็บเสียหายกันทั้งคู่ "นายหญิง นายท่านสองคนนั้นเป็นนายท่านจากอีกสองกองธง หนึ่งในนั้นนายท่านเถาฮวาถูกมังกรอสูรโจมตีบาดเจ็บสาหัส อาการปางตาย เกรงว่าคงไม่อาจรอดไปได้แล้ว มังกรอสูรก็เจ็บไม่เบาเช่นกัน กรงเล็บหักไปเล็บหนึ่งแล้ว นายหญิง พวกเราเข้าไปตอนนี้เลยดีหรือไม่" "เจ้าจะรีบไปเกิดใหม่หรืออย่างไร จะร้อนรนกระวนกระวายไปไหน" "แต่ขืนพวกเรายังไม่ไป แล้วแก้วมังกร..." "หากแก้วมังกรชิงไปได้ง่ายเพียงนั้น พวกเจ้าคงได้ไปนานแล้ว ต้องรอถึงตอนนี้อีกรึ เสี่ยวฝูกวง ข้าเห็นปกติเจ้าก็ฉลาดดีอยู่หรอก เหตุใดพอเกี่ยวกับแก้วมังกร เจ้าถึงได้กลายเป็นคนโง่แบบนี้ไปได้" แน่นอนว่าต้องโง่อยู่แล้ว เขาจะไม่กระวนกระวายได้อย่างไร คนทั้งเผ่าต่างก็ตั้งตารอแก้วมังกรเพื่อจะได้ถอนคำสาปเลือด นั่นคือชีวิตนับพันนับหมื่นชีวิต "เจ้ารอดูเถอะ เดี๋ยวพวกเขาก็จะเริ่มการโจมตีครั้งต่อไปแล้ว" ไม่ผิดไปจากที่กู้ชูหน่วนคาดการณ์ไว้ คนของเผ่าหมอและเผ่าเทียนเฝินลงมือโจมตีอีกครั้ง สู้กันสนั่นหวั่นไหว มืดฟ้ามัวดิน
ฮองเฮาฉู่และเยี่ยเฟิงไม่ยอมแยกจากัน กู้ชูหน่วนเปลืองแรงไปมากมายกว่าจะส่งพวกเขาสองคนกลับไปได้ บนฟ้ามีเสียงดังอึกทึกครึกโครมดังไม่หยุด ลมฝนโหมกระหน่ำอย่างต่อเนื่องราวกับพายุรุนแรง ยอดเขาโลหิตน้ำเต้าสั่นสะเทือนเลือนลั่น เพราะความสั่นไหวอย่างแรงของยอดเขาทำให้ลาวาประทุขึ้นมา ซัดกระเซ็นไปบนโขดหิน ดอกไม้ใบหญ้าบนโขดหินที่แสนน่าสงสารจมอยู่ใต้ลาวา นี่คือศึกใหญ่ที่มีเพียงแค่ยอดฝีมืออันดับต้นๆ เท่านั้นที่จะก่อได้ กู้ชูหน่วนเงยหน้าไปมอง กลับพบว่ากลางอากาศมีมังกรไฟตัวสีทองที่ทั้งตัวโชกไปด้วยเลือดกำลังทะยานโลดแล่นพลางกรีดร้องไม่หยุด มังกรตัวใหญ่ยักษ์เพียงแค่สะบัดปลายหาง ยอดเขาลูกเล็กๆ บริเวณใกล้เคียงก็ราบเป็นหน้ากอง ที่น่าตกตะลึงไปกว่านั้นคือ ลูกไฟที่มันพ่นออกมา มีพื้นที่แผ่ขยายไปถึงครึ่งหนึ่งของเขาโลหิตน้ำเต้า คล้ายจะแผดเผาทำลายเขาโลหิตน้ำเต้าทั้งหมดให้สิ้นซาก นอกจากมังกรไฟ ยังมีผู้อาวุโสผมขาวอีกสี่คน ฝูกวงเอ่ย "นายหญิง สี่สุดยอดผู้อาวุโสระดับสูงแห่งเผาเทียนเฝินวิทยายุทธแก่กล้านัก พวกเขาปลีกวิเวกมานานหลายปี น้อยครั้งที่จะเข้ามาข้องเกี่ยวทางโลก คิดไม่ถึงว่าคราวนี้เผ่าเทียนเฝิน