"กระดิ่งภินวิญญาณนี่มีราคาไม่น้อยเลยนะ บวกกับหยกจันทร์เสี้ยวขององค์หญิงตังตัง มีราคาถึงห้าแสนตำลึงเงินเชียว หากเจ้าไม่รับไว้ ระวังข้าเปลี่ยนใจไม่ให้ขึ้นมานะ"กู้ชูหน่วนยัดกระดิ่งภินวิญญาณใส่มือเขาเยี่ยเฟิงกำกระดิ่งภินวิญญาณไว้ในมือราวกับคว้าโลกทั้งใบไว้ได้หากบอกว่าไม่ซาบซึ้งใจเลยก็คงโกหกแต่เพราะซึ้งใจ เขาจึงไม่รู้ว่าควรพูดอะไรไปชั่วขณะเขาต้องการกระดิ่งภินวิญญาณต้องการมากมีแต่ต้องได้กระดิ่งภินวิญญาณมาเท่านั้น พวกเขาถึงจะเป็นอิสระได้แต่เขาก็กลัวว่าจะสร้างความลำบากให้กู้ชูหน่วน"เลิกใช้สายตาเช่นนั้นมองเขาได้แล้ว สะอิดสะเอียนชวนขนลุก""ขอบใจ""ก็แค่กระดิ่งเน่าๆ อันเดียว มีสิ่งใดต้องขอบคุณ หากต้องการขอบคุณ เจ้าบอกข้ามาดีกว่า ว่าสามารถหาหญ้าตี้อวี้ได้จากที่ใดบ้าง""หุบเขาดูดวิญญาณ"มือของกู้ชูหน่วนสั่นรัว "หุบเขาดูดวิญญาณ ? เจ้าบอกว่าหุบเขาดูดวิญญาณมีหญ้าตี้อวี้เช่นนั้นหรือ""ใช่ แต่หุบเขาดูดวิญญาณนั้นผ่านเข้าไปได้ยากมาก ที่นั่นเป็นจุดเชื่อมต่อของเผ่าหมอ เผ่ามนุษย์ และถือเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างแคว้นเย่ แคว้นฉู่ แคว้นจ้าว แคว้นหวาด้วย ถือเป็นจุดที่ไม่มีฝ่ายใดควบคุมดูแล ที
"เขารอบรู้มีความสามารถไม่ใช่หรอกหรือ ใช้ฝีมือลายมือของตนหาเงินไม่ได้หรืออย่างไร ถึงต้องไปทำงานไร้เกียรติเช่นนั้น""นี่แค่เล็กน้อย เขายังเป็นนักบรรเลงฉินให้หออู๋โย่วด้วยนะ พวกเจ้ายังจำได้ใช่หรือไม่ ช่วงก่อนหน้านี้หออู๋โยวมีนักบรรเลงฉินที่ฝีมือดีมากมาใหม่ บรรเลงแค่คืนละเพลง เพราะการมาของนักเบรรเลงฉินผู้นั้น กิจการของหออู๋โยวจึงรุ่งเรืองขึ้นมาก นักบรรเลงฉินคนนั้นก็คือเยี่ยเฟิง""ว่าอย่างไรนะ...เป็นไปได้อย่างไร...เยี่ยเฟิงดูเฉยชาเย่อหยิ่ง เขาจะไปเป็นนักบรรเลงฉินในที่อย่างหออู๋โยวได้อย่างไร เจ้าต้องเข้าใจผิดแน่""คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ เจ้ารู้ได้เช่นไรว่าเขาจะไม่ไป"คนในสำนักบัณฑิตต่างก็พากันรุมล้อมเข้ามาด้วยความสงสัย เอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ "เป็นความจริงหรือ เจ้าไม่ได้พูดเหลวไหลใช่ไหม""อนุบ้านบ้านแปดที่เรือนข้าเพิ่งรับเข้ามาเป็นดาวเด่นประจำหออู๋โย่ว นางเห็นภาพเหมือนของเยี่ยเฟิงแล้วบอกกับข้าเอง ตอนแรกข้าก็ไม่เชื่อ ข้าจึงนำภาพไปที่หออู๋โยว พวกเจ้าทายดูว่าเป็นเช่นไร คนที่หออู๋โยวต่างก็บอกว่าคนผู้นั้นคือเยี่ยเฟิง นักบรรเลงฉินของพวกเขา"ซู่...ทุกคนต่างตกตะลึงเท่าที่พวกเขารู้ เพียงแค่ท
หลี่เหิงพูดยังไม่ทันจบ ทว่าได้ยินเพียงแค่เสียงกระแทกพื้นดังตุบตับอย่างแรงหลังจากนั้นก็มีเสียงร้องโหยหวนประหนึ่งหมูถูกเชือดตามมาเขาเงยหน้าขึ้นไปทันที ทว่ากลับเห็นเหล่าพรรคพวกของตนไม่รู้ว่าถูกกู้ชูหน่วนทุ่มออกไปตั้งแต่เมื่อใด แต่ละคนต่างก็กำลังกอดแขนกอดขาพลางส่งเสียงร้องโอดโอยนี่มัน...นางทำได้เยี่ยงไรสหายทั้งกลุ่มของเขาล้วนแต่มีศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวกันหมดกู้ชูหน่วนค่อยๆ เยื้องย่างมาตรงหน้าเขาทีละก้าว แสยะหัวเราะ "เจ้าจะไสหัวออกไปเอง หรือจะให้ข้าโยนเจ้าออกไป"หลี่เหิงกลืนน้ำลายอึกๆ "ข้าบอกเจ้าไว้เลย ข้าเป็นถึงคุณชายสายตรงแห่งจวนกั๋วกง...อ้าก..."ยังไม่ทันสิ้นเสียง หลี่เหิงก็ถูกกู้ชูหน่วนโยนออกไปนอกหน้าต่างราวกับลูกไก่ตัวน้อย ร่างกระแทกกับพื้นอย่างแรง เจ็บจนหน้าตาเหยเก"เจ้าทำข้าเจ็บนัก กู้ชูหน่วน นังบ้า ข้า...""เพี้ยะๆๆๆ..."กู้ชูหน่วนฟาดฝ่ามือซ้ายขวาสลับกันลงไปบนหน้าใบหน้าเขาสิบกว่าทีในคราวเดียว ทำเอาหลี่เหิงกลายเป็นหมูหันไปเสียตรงนั้น"น้องสาม นี่เจ้ากำลังทำอะไร สำนักบัณฑิตห้ามไม่ให้มีเรื่องทะเลาะวิวาทส่วนตัว เจ้าทำเช่นนี้จะถูกไล่ออกจากสำนักบัณฑิตได้ อาจารย์ทุกท่าน
กู้ชูหน่วนสางผมที่ถูกลมพัดปลิวไม่เป็นทรง ราวกับได้ยินเรื่องตลกไร้สาระก็ไม่ปาน ดวงตาเรียวยาวแต้มรอยยิ้ม ชี้ไปที่หลี่เหิงด้วยท่าทางหยิ่งยโส "ให้ข้าขอโทษเขาหรือ ท่านอาจารย์ เกรงว่าท่านจะพูดกลับกันเสียแล้ว""กู้ชูหน่วน พวกข้าไม่ได้พูดจาว่าร้ายเจ้า แล้วก็ไม่ได้ทำร้ายเจ้า เป็นเจ้าเองที่เข้ามาถึงก็ลงมือทำร้ายกันก่อน เหตุใดพวกข้าต้องขอโทษเจ้าด้วย""เจ้าไม่ได้พูดจาว่าร้ายข้า แต่พวกเจ้าดูหมิ่นหยามเกียรติเยี่ยเฟิงอย่างโจ่งแจ้งเปิดเผย ทำลายชื่อเสียงของเยี่ยเฟิง นี่ไม่ควรต้องขอโทษหรืออย่างไร""เดิมทีเยี่ยเฟิงก็เป็นนักบรรเลงฉินของหออู๋โยวอยู่แล้ว พวกข้าก็แค่พูดความจริง""เพี้ยะ..."ฝ่ามือหนึ่งฟาดเข้าไปอีกครั้งฟันของหลี่เหิงหักสามซี่ เจ็บจนเขาเกือบจะเป็นลมหมดสติไป"สามหาว กู้ชูหน่วน เจ้าบังอาจยิ่งนัก ต่อหน้าอาจารย์ เจ้ายังกล้าอวดดีเช่นนี้ คิดว่าพวกข้าไม่กล้าไล่เจ้าออกจริงๆ ใช่ไหม""เช่นนั้นท่านก็ไล่ข้าออกเลยเถอะ สถานที่ห่วยๆ เช่นนี้ เชิญให้ข้ามา ข้ายังไม่อยากมาเลย""เจ้า...ท่านผู้อาวุโส คนเช่นนี้ หากไม่ไล่ออก ชื่อเสียงของสำนักบัณฑิตหลวงจะยังเหลืออยู่อีกหรือ"เหล่าผู้อาวุโสดวงตาเป็นประกาย
"เจ้าสำนักถูกปาดคอ ไม่รู้ว่าพวกท่านได้สังเกตอย่างละเอียดแล้วหรือไม่ ที่รอยแผลบนลำคอของเจ้าสำนัก แม้จะใกล้เคียงกันหมด แต่หากตรวสอบดูดีๆ ก็จะเห็นว่ารอยแผลฝั่งขวาลึกฝั่งซ้ายตื้น ซึ่งก็หมายความว่า เขาถูกสังหารด้วยดาบมือซ้าย รอยมีดที่คออาจารย์หรงก็เช่นกัน"อาจารย์สวีกระซิบกับอาจารย์ฉางและผู้อาวุโสอีกหลายท่านเสียงเบาๆ "นักชันสูตรทำการพิสูจน์อยู่นาน ถึงได้พบว่ารอยมีดบนคออาจารย์หรงและเจ้าสำนักล้วนแต่ขวาลึกซ้ายตื้น มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าผู้ที่ถนัดซ้ายเป็นคนลงมือฆ่า"เสียงเขาไม่ดังมาก แต่คนจำนวนไม่น้อยที่อยู่ตรงนั้นต่างก็ได้ยินกันหมดกู้ชูอวิ๋นเอ่ยเบาๆ "หากเยี่ยเฟิงจงใจปิดบังว่าตนเองถนัดซ้ายเล่า"เหล่าบัณฑิตในสำนักบัณฑิตต่างพากันเออออเห็นด้วย"หากเยี่ยเฟิงมีเป้าหมายในการมาที่สำนักบัณฑิต เช่นนั้นเขาปกปิดความจริงที่ว่าตนถนัดซ้ายไว้ตั้งแต่แรกก็ไม่ใช่เรื่องแปลก"กู้ชูหน่วนยิ้มเยาะ "หากเขาต้องการปิดบัง หากเขาเป็นคนร้ายจริง เหตุใดตอนที่ฆ่าคนกลับไม่ปกปิดใบหน้าตนเอง ทว่ากลับปล่อยให้พวกเจ้าเห็นโฉมหน้าของเขาได้""บางทีเขาอาจจะนึกถึงจุดนี้ได้ตั้งแต่แรกแล้ว จึงจงใจเปิดเผยใบหน้า เพื่อจะได้พิสูจน์
เงยหน้าขึ้นไป กลับเห็นเยี่ยเฟิงอยู่ในชุดสีฟ้าทั้งตัวกำลังค่อยๆ เยื้องย่างเข้ามาช้าๆ จากที่ไม่ไกลออกไปท่าทางของเขาสง่างาม โดดเด่นเกินคนธรรมดา เรือนผมดำขลับพริ้วไหวล้อกับสายลม รับกับใบหน้าที่งดงามไร้ที่ติของเขา ราวกับเทพมาจุติ งามจนคนหยุดหายใจทันทีที่เขาปรากฏตัว ยอดฝีมือของสำนักบัณฑิตก็พากันเข้ามาล้อมเขาไว้ ประหนึ่งพบศัตรูตัวฉกาจ จ้องมองเขาด้วยความระวังตัวอาจารย์ฉางโกรธเกรี้ยว "เจ้าก็คือเยี่ยเฟิงหรือ เจ้าฆ่าเจ้าสำนักและอาจารย์หรง แล้วยังกล้ากลับมา วันนี้ไม่ว่าอย่างไร ข้าจะต้องเอาชีวิตเจ้ามาชดใช้ให้เจ้าสำนักให้ได้ ใครก็ได้เข้ามาจับเยี่ยเฟิง""ใครกล้าแตะต้องเขา ข้ามศพข้าไปก่อน"กู้ชูหน่วนเดือดดาล รังสีอาฆาตครุกรุ่นออกมาจากร่างนางอายุไม่มาก ทว่ากลับมีพลังแกร่งกล้า โดยเฉพาะดวงตาด้านนอกผ้าคลุมคู่นั้น เยือกเย็นจนน่ากลัว เด็ดขาด ดุดันทุกคนเกิดสั่นกลัวขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุช่างเป็นพลังงานที่รุนแรงยิ่งนักหญิงผู้นี้เป็นเพียงแค่พวกไร้ประโยชน์ที่ไม่มีวิทยายุทธใดๆ เลยแม้แต่น้อยจริงหรือเหตุใดพวกเขาถึงได้รู้สึกสั่นสะท้านไปถึงจิตวิญญาณไม่รู้ว่าอาจารย์ซ่างกวานปรากฏตั้งแต่เมื่อใด น้ำเส
หลี่เหิงตะลึงงัน "ท่านผู้อาวุโส ท่านไม่ได้เข้าใจผิดใช่หรือไม่"ผู้อาวุโสเฉินสีหน้าอึมครึม "ทำไม เจ้าสงสัยในวิชาการแพทย์ของข้า หรือสงสัยในมนุษยธรรมของข้า""ข้า...ข้าไม่บังอาจ...แต่...""ข้าก็พอจะเข้าใจวิชาการแพทย์อยู่บ้าง ให้ข้าลองดูหน่อยเถิด" อาจารย์สาวอีกคนเดินออกมา นางเป็นอาจารย์สาวเพียงคนเดียวในสำนักบัณฑิต เดิมทีก็เป็นที่รู้จักได้เพราะวิชาการแพทย์ อีกทั้งนางยังเที่ยงตรงมาโดยตลอดได้นางเป็นผู้ตรวจชีพจร ทุกคนก็จะยิ่งมั่นใจมากขึ้นอาจารย์ซู่จับชีพจรของเยี่ยเฟิง ใบหน้าที่นิ่งสงบพลันเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน มองเยี่ยเฟิงที่หน้าขาวซีดด้วยประหลาดใจคาดไม่ถึงเช่นเดียวกับผู้อาวุโสเฉิน ดวงตาที่ดูตกตะลึงคู่นั้นปิดไว้ไม่อยู่ทุกคนพากันสงสัยก็แค่ตรวจชีพจรเองไม่ใช่หรือเหตุใดถึงได้มีท่าทีตกตะลึงถึงเพียงนี้ อีกอย่าง ดูเหมือนจะยังมีท่าทางเห็นใจ...อาจารย์ฉางกล่าวด้วยความร้อนรน "เป็นเช่นไร"อาจารย์ซู่พยายมาสงบจิตที่ฟุ้งซ่านของตนเอง แล้วเอ่ยช้าๆ "มือซ้ายของเยี่ยเฟิง ตั้งแต่นิ้วมือไปถึงข้อมือ เคยผ่านการถูกหักกระดูกมาไม่ใช่เพียงแค่ครั้งเดียว มือซ้ายของเขาไร้เรี่ยวแรง ไม่สามารถใช้มีดได้ คนร้ายไม่มี
"แม่เจ้า ยัยขี้เหร่ เหตุใดพวกเจ้ายังอยู่ที่นี่ ใต้เท้าม่อส่งคนจำนวนมากไปที่เสี่ยวเหอชุน ข้าได้ยินมาว่าพวกเขาตั้งใจจะจับยายของเยี่ยเฟิงมาสอบสวนอย่างเข้มงวด" เซียวอวี่เชียนวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาสีหน้าของเยี่ยเฟิงพลันเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ร่างกายสั่นเทาจนไม่อาจควบคุมได้ "เช่นนั้นท่านยายของข้าล่ะ ถูกจับแล้วหรือ""น่าจะ...ยังไม่...""ฟึบ..."พริบตาเดียว เยี่ยเฟิงหายวับราวกับสายลม อยู่ไกลออกไปหลายเมตรหากไม่ใช่เพราะยอดฝีมือของสำนักบัณฑิตล้อมเขาไว้ เกรงว่าเขาคงจะหายไปจากสายตาตั้งนานแล้วผู้อาวุโสเฉินโบกมือ พลางเอ่ยปาก "ปล่อยเขาไปเถอะ"ทันทีที่ยอดฝีมือของสำนักบัณฑิตหลีกทาง เยี่ยเฟิงก็หายตัวไปทันทีอาจารย์ฉางไม่พอใจ เริ่มบ่นอุบๆ อิบๆกู้ชูหน่วนโบกมือเรียกเซียวอวี่เชียนด้วยหน้าตาเคร่งเครียด "เสี่ยวเชียนเชียน พวกเราก็ไปที่เสี่ยวเหอชุนดูหน่อยเถอะ"พูดจบ ไม่รอให้เหล่าอาจารย์ตอบตกลง พวกเขาก็วิ่งเหยาะๆ ออกไปจากสำนักบัณฑิตเรียบร้อยแล้ว"ไม่เคารพอาจารย์ ไม่เคารพอาจารย์เอาเสียเลย ท่านผู้อาวุโส นักเรียนที่ดื้อรั้นเช่นนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องไล่ออก""ถึงเวลาเข้าเรียนแล้ว ทุกคนแยกย้าย" ผู้อาวุ
อินต้ากุ่ยกับนายท่านหลันสบตากันกัน พวกเขาล้วนเห็นเจตนาฆ่าในดวงตาของอีกฝ่ายกู้ชูหน่วนอาจจะเกี่ยวพันกับสำนักซิวหลัว และยังฆ่าคนแคระเจี่ยน ยุยงเทพสงครามให้โจมตีเขาหมายวิญญาณ ทำให้พวกเขาล้มตายไปจำนวนมาก แม้แต่เขาหมายวิญญาณก็ถูกทำลายไปเกินครึ่งหากไม่ฆ่านาง ก็คงไม่สามารถคลายความแค้นในใจได้ขอเพียงคนเหล่านี้ถูกฆ่าทั้งหมด ถึงเวลานั้นก็ไม่มีหลักฐาน และหัวหน้าเผ่าหมออาจจะไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นคนฆ่าด้วยซ้ำสิ่งที่นายท่านหลันเกลียดที่สุดคือความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนของนางกับเยี่ยเฟิงเยี่ยเฟิงเป็นคนของเขา ชีวิตนี้มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถแตะต้องได้ แม้แต่ความตายก็มีเพียงเขาเท่านั้นที่ฆ่าได้กู้ชูหน่วนถอยหลังไปหลายก้าวและเอ่ยเสียงดังว่า "พวกเจ้ารีบไปเร็ว ไปหาเย่จิ่งหาน""ไป? นอกจากนรกแล้ว พวกเจ้าไปที่ไหนไม่ได้ทั้งสิ้น"เจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซานและพวกนายท่านหลันยืนอยู่ในทิศทางเดียว แล้วก่อตัวเป็นวงล้อมปิดกั้นเส้นทางของพวกเขาพวกเขาทั้งหก ไม่ว่าใคร ล้งนเป็นยอดฝีมือผู้เลื่องชื่อแห่งยุค โดยเฉพาะนายท่านหลันกับอินต้ากุ่ย ซึ่งหาคู่ต่อสู้บนโลกได้ยากยิ่งแต่ที่นี่ พวกเขาทั้งหมดเป็นคนแก่และคนพิการ ไม่ม
กู้ชูหน่วนค่อนข้างรู้สึกแปลกๆ และเมื่อหันศีรษะไปเห็นนายท่านหลันผู้มีสีหน้ามืดมนจนน่ากลัว นางก็ตกใจจนตัวสั่น"คนทำให้คนตกใจจนตายได้เลยนะ"ผู้พิทักษ์ซานเงื้อค้อนฟาดไปข้างหน้าด้วยความโกรธ "นังผู้หญิงสมควรตาย ไม่เพียงยุยงเทพสงครามโจมตีเขาหมายวิญญาณ ยังกล้ายุแหย่ให้แตกแยกกันอีก สมควรตายนัก"สีหน้าขององครักษ์ลับเปลี่ยนไป พลิกดาบยาวในมือ ปัดป้องค้อนเหล็กขนาดใหญ่"ปัง ปัง ปัง......"เพียงชั่วครู่ ก็ปะทะกันไปหลายสิบกระบวนท่าแล้ว"ตู้ม......"เสียงดังสนั่น องครักษ์ลับกระอักเลือด ผู้พิทักษ์ซานกลับไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย ชัยชนะและความพ่ายแพ้จึงปรากฏขึ้นทันทีกู้ชูหน่วนยิ้มเยาะ "ทำไม พูดความจริงแล้วโกรธจนทนไม่ได้รึ? นายท่านหลัน ไม่ใช่ว่าข้าว่าเจ้านะ เจ้านี่หน้าไม่อายเสียจริงๆ พวกเจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซานเห็นเจ้าเป็นพี่ เป็นสหาย แต่เจ้ากลับหลอกแม้กระทั่งพวกเขา"พลังภายในมือของนายท่านหลันรวมตัวเป็นลูกไฟ และเห็นได้ชัดว่าขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ดวงตาที่ไร้ซึ่งอุณหภูมินั้นก็จ้องมองไปที่กู้ชูหน่วน ราวกับว่ากู้ชูหน่วนกลายเป็นคนตายไปแล้วเยี่ยเฟิงคลานขึ้นอย่างยากลำบาก และเตือนด้วยเสียงสั่นเครือ
สวีซานเหนียงหัวเราะเยือกเย็น "นังหนู ข้าจะบอกพวกเจ้าตามตรงแล้วกัน นายท่านหลันกับพวกเราสนิทกันนัก เจ้าจะว่าร้ายผู้ใดก็ได้ แต่กลับชี้ไปที่เขา เจ้าคิดว่าพวกเราจะเชื่อเจ้าหรือ อีกอย่าง พวกเราก็เพิ่งกลับมาจากเขาหมายวิญญาณ"กู้ชูหน่วนเหยียดหยันในใจช่างสมเป็นปลาข้องเดียวกันเสียจริง มีเพื่อนที่วิปริตอย่างนายท่านหลัน ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาน่าขยะแขยงขนาดนี้กู้ชูหน่วนแสร้งทำเป็นตกใจ "เป็นไปไม่ได้ ในเมื่อพวกเจ้าเป็นเพื่อนของนายท่านหลัน นายท่านหลันยังหลอกพวกเจ้าได้ลงอีกหรือ"สวีซานเหนียงและคนอื่นๆ ขมวดคิ้วมุ่นกู้ชูหน่วนถอนหายใจอย่างจนปัญญา "เจ้าคิดว่าเหตุใดหานอ๋องถึงส่งทหารไปที่เขาหมายวิญญาณเล่า เป็นเพราะข้าอย่างนั้นหรือ พวกเจ้าช่างใสซื่อเหลือเกิน เทพสงครามบุกเขาหมายวิญญาณ เพียงเพราะกระดิ่งภินวิญญาณอยู่ที่นายท่านหลันก็เท่านั้น ไม่เช่นนั้นเขาจะยอมทำเพื่อสตรีเพียงผู้เดียว ทั้งยังเป็นหญิงอัปลักษณ์ เพื่อผิดใจกับหัวหน้าเผ่าหมอได้อย่างไร"เดิมทีตีเจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซานให้ตาย พวกเขาก็ไม่มีทางเชื่อคำพูดของกู้ชูหน่วนแต่เหตุการณ์ตรงหน้า คำพูดนี้ของนาง ฟังดูมีเหตุผลยิ่งนักเทพสงครามคือผู้ใด เขาต้อง
เจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซาน ไม่ว่าคนไหนก็ล้วนแต่เป็นบุคคลสำคัญที่เลื่องชื่อในยุทธภพ โดยเฉพาะอินต้ากุ่ย ลูกพี่ใหญ่ของเจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซาน วิทยายุทธสูงล้ำถึงขั้นที่แม้แต่เทพและปีศาจก็ไม่อาจคาดเดา แทบจะสูสีคู่คี่กับนายท่านหลันได้เลยยามนี้พวกเขาทั้งสามปรากฏตัวขึ้นที่นี่พร้อมกัน คิดว่าต้องไม่ประสงค์ดีเป็นแน่องครักษ์ลับคุ้มกันกู้ชูหน่วน พูดเสียงกร้าว "พวกเราคือคนของเทพสงครามหานอ๋อง ใต้เท้าไม่ใช่คนของเผ่าเทียนเฝิน แล้วก็ไม่ใช่คนของเผ่าหมอ จะช่วยไว้หน้ากันได้หรือไม่"จู่ๆ สวีซานเหนียงก็หัวเราะออกมาด้วยความคุ้มคลั่ง ดวงตาคู่นั้นจ้องเขม็งไปยังเยี่ยเฟิงที่บาดแผลเต็มตัว มีทั้งความชื่นชอบ ความโกรธ ซับซ้อนยากจะเข้าใจ"ไว้หน้าพวกเจ้างั้นรึ ตอนนั้นที่นังเด็กนั่นกับเจ้าเด็กคนนั้นฆ่าพี่น้องของข้า เคยไว้หน้าพวกข้าหรือไม่"ดวงตาทั้งสองข้างของสวีเจิ้นบอดสนิท มองไม่เห็นรูม่านตา เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราด "ยังมีดวงตาของข้า ลูกตาทั้งสองข้างของข้าถูกควักออกไป ล้วนแต่เป็นเพราะพวกเจ้า แค้นนี้ไม่ว่าอย่างไรวันนี้ก็ต้องสะสางให้รู้เรื่อง"แม้ตาทั้งสองข้างของสวีเจิ้นจะมืดบอด แต่ความสามารถในการฟังกลับเป็นเล
ด้านบนมีค้างคาวกินคน ด้านล่างมีฝูงงูพิษวิธีการเช่นนี้ช่างโหดร้ายเกินไปองครักษ์ลับพากันเลียนแบบฝูกวง ใช้กำลังภายในของตนโจมตีฝูงค้างคาว พยายามปกป้องกู้ชูหน่วนสุดกำลังที่ตนมีกู้ชูหน่วนเอ่ย "เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ ฝูกวง เจ้าคิดหาวิธีตามหาผู้อาวุโสที่แซ่ตงผู้นั้น แล้วคุมตัวนางไว้ ไม่เช่นนั้นพวกเราไม่มีผู้ใดหนีรอดไปได้แน่""แต่หากข้าน้อยไปแล้ว นายหญิงจะทำเช่นไร""ข้ามีวิธีของข้า ข้าจะคุ้มกันเจ้า เจ้ารีบไป ไม่เช่นนั้นรอจนเจ้าใช้กำลังภายในหมด อยากจะจัดการนางก็คงไม่ไหวแล้ว"ฝูกวงกวาดสายตามองดูสถานการณ์การต่อสู้รอบๆสภาพการณ์ตรงหน้าไม่สู้ดีเท่าไหร่นักผู้ใต้บัญชาของเย่จิ่งหานแต่ละรายต่างได้รับบาดเจ็บไม่มากก็น้อยเยี่ยเฟิงบาดเจ็บสาหัส ทั้งยังต้องปกป้องแม่เฒ่าเยี่ย ไม่มีความสามารถในการต่อสู้แล้วที่ยังสู้ได้ก็มีเพียงแค่เขากับองครักษ์ลับของเย่จิ่งหานจำนวนไม่กี่คนหากประวิงเวลาต่อไป เกรงว่าพวกเขาจะต้องตายเพราะใช้กำลังภายในจนหมดจริงๆคิดได้เช่นนี้ ฝูกวงจึงทำได้เพียงแค่กัดฟันพูด "ข้าพอจะรู้ตำแหน่งที่นางอยู่ นายหญิง อดทนไว้ ข้าน้อยจะใช้เวลาให้น้อยที่สุดหานางให้เจอ แล้วจะจัดการนางเสีย""ด
ท่ามกลางความมืด มีเสียงซู่ซู่ดังมาจากกอหญ้าทันทีที่กู้ชูหน่วนและคนอื่นๆ หันไปก็อดตกตะลึงไม่ได้ งูพิษที่กำลังแลบลิ้นขู่ฟ่อๆ หลายตัวกำลังเลื้อยเข้ามาทางพวกเขาจากทุกทิศงูพวกนี้มีหลายสายพันธุ์ หลากสีสันปะปนอยู่ด้วยกัน พุ่งเข้ามาฉกราวกับมีเป้าหมายอยู่แล้วทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็รู้ว่างูทุกตัวล้วนแต่มีพิษร้ายแรง หากทุกฉก ชีวิตพวกเขาก็คงหาไม่"เหตุใดถึงได้มีงูมากมายเพียงนี้" ไม่รู้ว่าใครในกลุ่มตะโกนออกมาฝูกวงเอ่ยเสียงขรึม "นายหญิง คงเป็นผู้อาวุโสตงเผ่าเทียนเฝิน นางสันทัดเรื่องการควบคุมแมลง งูและมดมีพิษ""มีวิธีจัดการหรือไม่""นอกเสียจากฆ่าผู้อาวุโสตง หรือไม่ก็คุมตัวนางไว้ แต่โดยปกติแล้วนางจะควบคุมผ่านการใช้เวทคาถาจากที่ที่อยู่แสนไกล พวกเราไม่รู้ตำแหน่งของนาง"เขาเองก็ไม่กล้าทิ้งนายหญิงไป ด้วยเกรงว่านายหญิงจะมีอันตรายฝูงงูเลื้อยเข้ามาใกล้ องครักษ์ลับห้อมล้อมกู้ชูหน่วนและคนอื่นๆ ไว้ตรงกลางโดยอัตโนมัติ ทุกคนชักดาบเอามาเล็งไปที่ฝูงงูทว่าฝูงงูมีมากเกินไป ฟันไปตัวหนึ่ง ก็มีอีกตัวเข้ามาอีก เลื้อยกันเข้ามายั้วเยี้ย ไม่มีทางฟันให้หมดไปได้เข็มเงินของกู้ชูหน่วนถูกยิงออกไป ฟึ่บฟึ่บฟึ่บ
อีกด้าน กู้ชูหน่วนกำลังพาฝูกวงมุ่งหน้าไปยังเขาหมายวิญญาณเขาหมายวิญญาณทั้งลูกสนั่นหวั่นไหว นางซวนเซทรงตัวไม่อยู่ มองดูสิ่งมหึมาที่อยู่กลางฟ้าด้วยความตกตะลึงหากไม่ได้เห็นกับตา นางไม่มีทางเชื่อว่าจะมีคนสามารถเปลี่ยนน้ำให้กลายเป็นมังกร เปลี่ยนใบไม้ให้กลายเป็นเฟิ่งหวงได้ อีกทั้งยังเป็นมังกรและเฟิ่งหวงที่ดูสมจริง ไอสังหารรุนแรงถึงขนาดนี้"ช่างเป็นพละกำลังที่กล้าแกร่งยิ่งนัก" กู้ชูหน่วนตะลึงอยู่ในใจจะต้องเป็นยอดฝีมือที่เก่งกาจเพียงใดถึงได้มีความสามารถเช่นนี้สีหน้าของฝูกวงดูไม่สู้ดี ใบหน้าตุ๊กตาที่ดูจิ้มลิ้มฉายให้เห็นแววความเกลียดชังปราดหนึ่ง"เผ่าเทียนเฝิน คนของเผ่าเทียนเฝินเริ่มต่อสู้กับเทพสงครามแล้ว นั่นคือหนึ่งในกระบวนท่าเด็ดของหัวหน้าเผ่ารุ่นต่อไปของเผ่าเทียนเฝินผลึกวารีหมื่นลี้""ผลึกวารีหมื่นลี้ ?""ขอรับ ในช่วงที่พลังของเขากำลังโชติช่วง เขาสามารถใช้น้ำแข็งผนึกเขาหมายวิญญาณทั้งลูก และช่วงชิงทั้งหมดที่นี่ไปในชั่วพริบตา" แต่หลังจากที่เขาใช้ผลึกวารีแล้ว เขาเองจะเจ็บหนัก เขาจึงไม่ใช้กระบวนท่านี้ง่ายๆตลอดทั้งชีวิตของเขา บางทีอาจจะใช้เพียงครั้งเดียว ครั้งนั้นคือการใช้มาจัดการกับ
เย่จิ่งหานเล่นขลุ่ยหยกขาวในมือด้วยท่าทางหน่ายคร้าน ริมฝีปากเรียวบางเปล่งออกมาหนึ่งประโยค"แค่เขาหมายวิญญาณเล็กๆ ข้าอยากจะตีก็ตี จำเป็นต้องผ่านความเห็นชอบจากเจ้าหรือ"บ้าบ้าคลั่งเกินไปแล้ว...เย่จิ่งหานวิทยายุทธสูงส่ง พลังอำนาจแข็งกล้าวิทยายุทธของหัวหน้าเผ่าหมอไม่ได้ด้อยไปกว่าเขา พลังอำนาจก็ไม่ได้น้อยไปกว่าเขา ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเผ่าเทียนเฝินที่คอยจ้องตามันเย่จิ่งหานพูดเช่นนี้ เป็นการฉีกหน้าหัวหน้าเผ่าหมออย่างไม่ต้องสงสัยหรือควรจะพูดว่า ตอนที่เขาส่งทหารไปตีเขาหมายวิญญาณ ก็เท่ากับท้าทายอำนาจของหัวหน้าเผ่าหมอ แตกหักกับเขาโดยสิ้นเชิงหัวหน้าเผ่าหมอหัวเราะเจ้าเล่ห์ ดวงตาสีฟ้าอ่อนเผยให้เห็นความเย้ายวนที่ชวนให้คนหวาดกลัวชายชุดขาวยืนอยู่ใต้แสงจันทร์ ลมเย็นพัดเสื้อของเขาไหวสะบัด ราวกับจะติดปีกเป็นเซียนได้ทุกเมื่อภายใต้หน้ากากผีเสื้อ ดวงตาใสเป็นประกายเผยให้เห็นความชอบใจ เหมือนกำลังรอดูฉากเด็ดอยู่ทว่าประโยคต่อไปของหัวหน้าเผ่าหมอกลับทำให้ชายชุดขาวเกิดความสับสนว้าวุ่นเล็กน้อย"พวกเจ้าทั้งสองสู้กันไป หากสู้ไม่ไหว ข้าจะสู้แทนเอง"ทุกคน "..."นี่คือคำพูดที่หัวหน้าเผ่าหมอควรจะพูดเช
"ไม่นาน เพิ่งจะเดือนกว่าเท่านั้น" เย่จิ่งหานแม้จะกำลังยิ้ม แต่รอยยิ้มก็ไม่ได้ส่งไปที่ดวงตาเช่นกันหนึ่งเดือนกว่าๆ ที่ผ่านมา เขาหลงกลแผนของเผ่าเทียนเฝิน ทำให้ถูกพิษ สูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหวไป สุดท้ายก็ถูกนางผู้นั้นลากเข้าไปในกองหญ้า จากนั้น...เมื่อคิดถึงค่ำคืนนั้น ไอความหนาวเหน็บของเย่จิ่งหานก็รุนแรงขึ้นกว่าเดิม"เทพสงครามดูน่าเกรงไม่ลดไปจากตอนนั้นเลย การต่อสู้อย่างดุเดือด สังหารผู้อาวุโสเผ่าเทียนเฝินของข้าไปถึงสิบหกคน ช่างเก่งกาจยิ่งนัก""ไม่เก่งกาจเท่าเผ่าเทียนเฝินหรอก ที่ทำเป็นแค่เรื่องไร้ศักดิ์ศรีลับหลังผู้อื่นเท่านั้น"ประโยคเดียวของเย่จิ่งหานทำให้ถึงทางตัน บรรยากาศพลันครุกรุ่นความบาดหมางเคียดแค้นของทั้งสอง เกิดขึ้นนานแล้ว ระหว่างนี้ผ่านมาหลายสิบรุ่น ไม่ใช่สิ่งที่จะสะสางได้วันสองวันเชื้อเพลิงสงครามพร้อมจะลุกโชนได้ทุกเมื่อการปะทะกันระหว่างยอดฝีมือเช่นนี้ ผู้อื่นในเหตุการณ์ไม่มีใครกล้าเข้าร่วม เพียงแค่ถอยหลังไปหลายก้าว เพื่อที่จะได้ไม่ต้องโดนลูกหลงในขณะที่สงครามกำลังจะเริ่มพลันมีเงาร่างสีแดงเพลิงอีกร่างลงมาจากกลางอากาศผู้ที่มาก็เป็นชายหนุ่มวัยเยาว์ เพียงแต่เ