"งั้นรึ?" เย่จิ่งหานไม่เชื่อ"จริงเสียยิ่งกว่าจริง ท่านรอก่อน ข้าจะไปยกมาให้ท่าน"ร่างอรชรในชุดสีชมพูเดินออกไป ไม่นานก็ยกถ้วยโจ๊กตุ๋นยากลับมา โจ๊กตุ๋นยานั้นเย็นชืดแถมยังไหม้เกรียมอีกต่างหาก แต่หากดูให้ดีแล้ววัตถุดิบภายในนั้นเคี่ยวมาจากยาชั้นยอดทั้งนั้น"เพิ่งเคยเคี่ยวโจ๊กครั้งแรก คุมไฟไม่ค่อยดีนัก แต่ก็พอกินได้""โจ๊กเย็นหมดแล้ว" สีหน้าของเย่จิ่งหานดีขึ้นมาเล็กน้อยถ้วยของเขาไหม้ แต่ถ้วยของเยี่ยเฟิงกลับไม่ไหม้ หรือว่าถ้วยนี้นางเพิ่งเคี่ยวเองครั้งแรกจริงๆ?"เย็นแล้วถึงจะอร่อย โจ๊กร้อนจะลวกคอเอา ข้าตั้งใจเป่าให้เย็น ท่านลองชิมดูว่าอร่อยหรือไม่"ชิงเฟิงเบ้ปาก "โจ๊กไหม้ขนาดนี้ ร่างกายของนายท่านสูงส่ง จะให้กินโจ๊กไหม้ได้อย่างไร"กู้ชูหน่วนโต้กลับเสียงขึงขัง "ร่างกายนายท่านเจ้าสูงส่ง เพียงพลิกฝ่ามือก็เรียกฟ้าเรียกฝนได้ มีโจ๊กตุ๋นยาแบบใดที่เขาอยากกินแล้วไม่ได้กิน แต่โจ๊กชามนี้ข้าเป็นคนทำเองกับมือ คุณค่าอยู่ที่ความตั้งใจ เจ้าเข้าใจหรือไม่"ชิงเฟิงแทบกระอักเลือดคุณหนูสามแค่หาข้ออ้างมาประเหลาะนายท่านชัดๆ แถมยังพูดเป็นตุเป็นตะอีกต่างหากเขามั่นใจเลยว่านางไม่มีทางเคี่ยวโจ๊กชามนี้ให้นาย
"…"กู้ชูหน่วนพอจะเข้าใจแล้วไม่ว่าจะเฉไฉอย่างไรเขาก็จะกินโจ๊กตุ๋นยาถ้วยนั้นให้ได้เหอะโจ๊กตุ๋นยาที่ราคาเท่ากับที่ดินทั้งเมือง เขากลับกล้าเอ่ยปากร้องขอนางอุตส่าห์เอาโจ๊กไหม้ที่จะโยนให้หมากินมาให้เขาแทนแล้วแท้ๆกู้ชูหน่วนกัดฟันกรอด "ได้ หากท่านอยากกิน ข้าจะเคี่ยวให้ท่านกินเอง"คิดจะชุบมือเปิบกินโจ๊กนาง ไม่กลัวตายหรือไร?เมื่อเห็นสีหน้าของนาง เย่จิ่งหานและคนอื่นๆ ก็พลันตระหนกแม่นี่ ร้ายนักเชียว คงไม่ได้คิดจะทำอะไรแผลงๆ หรอกกระมัง"ท่านอ๋อง ท่านกินโจ๊กหมดแล้ว นี่ก็ดึกมากแล้ว ได้เวลากลับไปพักผ่อนแล้วกระมังเพคะ?"กู้ชูหน่วนส่งแขกกลายๆ แต่เย่จิ่งหานกลับทำไม่รู้ไม่ชี้ ทั้งยังพูดประโยคกำกวมอีก"เจ้าถอนพิษข้าไปแค่ครึ่งเดียว" ความหมายโดยนัยก็คือ ถอนพิษได้ครึ่งทางแล้วก็หนีหายไป เจ้าไม่คิดจะรับผิดชอบเลยหรือ?กู้ชูหน่วนกุมหน้าผาก "พี่ใหญ่ ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าให้แช่ยาไปก่อนหนึ่งเดือน ตอนนี้ยังไม่ถึงหนึ่งเดือนเลย""เจ้าคิดหาวิธีซิ อย่าให้เจ้าพวกนั้นกัดข้าได้อีก" เย่จิ่งหานเค้นเสียงรอดไรฟันให้ตายสิเจ้าผู้ชายปากแข็งนี่ เหตุผลที่มาที่นี่หลักๆ แล้วคือให้นางคิดหาวิธีไม่ให้อรพิษพว
เย่จิ่งหานอกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแนงขอบตาดำคล้านี้ไม่ใช่เพราะนางนอนดึกหรอกหรือหากวันนี้เขาไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้ หญิงผู้นี้คงไม่มีทางให้ยาสิบเม็ดนี้กับเขา"กู้ชูหน่วน...""ข้าอยู่นี่ แล้วข้าก็ไม่ได้หูหนวกด้วย ท่านไม่ต้องตื่นเต้นปานนั้นก็ได้ ท่านอ๋อง ท่านคิดดูนะหากข้ากล้าหลอกท่านจริงๆ ข้าจะให้ยาสิบเม็ดท่านง่ายๆ เช่นนี้หรือ? ข้าต้องซ่อน ไม่มีทางเอาออกมา ปล่อยให้ท่านโดนอรพิษกัดจนพรุนสิถึงจะถูก?"เย่จิ่งหานแสยะยิ้ม "หากเป็นเช่นนั้น ข้าก็ต้องขอบคุณเจ้างั้นรึ""ก็ไม่ต้องหรอก พวกเราคนกันเอง ท่านอย่าก่อเรื่องให้ข้าก็พอ""ปัง..."ไม่รู้ว่าเจี้ยงเสวี่ยมาจากไหน เขาหอบชุดเจ้าสาวสีแดงสดมาวางตรงหน้ากู้ชูหน่วนชุดเจ้าสาวนี้ไม่ว่าจะเป็นฝีมือหรือเนื้อผ้าก็ล้วนแต่เป็นของชั้นยอด หงส์ที่ปักบนชุดแต่งงานเหมือนดั่งมีชีวิตจริง เนื้อผ้านุ่มนวลยามสัมผัส หญิงใดก็คงชอบจนไม่อยากวางมือแต่กู้ชูหน่วนกลับมึนงงไปหมดชี้ไปที่ชุดแต่งงาน "นี่คืออะไร?""หึ คุณหนูสามลืมแล้วหรือ อีกเจ็ดวันก็จะถึงวันแต่งงานของเราแล้ว มงกุฏหงส์นั้นข้าเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว รวมทั้ง...ห้องหอทั้งหมดด้วย"เขากระแทกเสียงคำว่าห้องหอ
ก่อนจากไปเย่จิ่งหานได้ทิ้งประโยคหนึ่งเอาไว้"ใช่แล้ว แม้ข้าจะใจกว้าง แต่หากอ๋องเฟยยังใกล้ชิดกับเซียวอวี่เชียนและเยี่ยเฟิงอีก ข้าเองก็คงรับรองไม่ได้ว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นกับพวกเขา"ได้ยินดังนั้น ความขุ่นเคืองของกู้ชูหน่วนก็พลันหายไปในทันที นางพิงกายกับเสาหินเย็นเฉียบของศาลา สองแขนกอดอก จ้องมองเขาอยู่อย่างนั้น มุมปากยกยิ้มร้าย"ทำไมรึ ท่านอ๋องหึงหวงข้ารึ?""พูดเป็นเล่น ข้าจะหึงได้อย่างไร""เช่นนั้นหากข้าจะใกล้ชิดกับผู้ใด แล้วเกี่ยวอะไรกับท่าน?""ข้ากลัวว่าชื่อเสียงของข้าจะเสื่อมเสียเพราะเจ้าต่างหาก เหอะ"เมื่อเห็นเย่จิ่งหานเข็นรถมุ่งหน้าไปยังหอฟังฝนด้วยตัวเอง กู้ชูหน่วนก็หัวเราะพลางส่ายหย้าเจ้าหมอนี่ปากแข็งชะมัดเทพสงครามก็ไม่เห็นจะแน่สักเท่าไรเงยหน้าขึ้นเหม่อมองแสงจันทร์นวล กู้ชูหน่วนก็พลันรู้สึกหน่วงในหัวใจถึงจะรู้ว่าเยี่ยเฟิงไม่ใช่คนร้าย แต่มือสังหารตัวจริงเป็นใครนั้นยังไม่มีเบาะแสคนในสำนักบัณฑิตไม่มีทางโกหก หลิ่วเยว่และอวี๋ฮุยยิ่งเป็นไปไม่ได้แล้วใครกันแน่ที่ฆ่าอาจารย์หรงหรือว่าจะมีคนหน้าตาเหมือนเยี่ยเฟิงอย่างกับแกะจริงๆ?กู้ชูหน่วนปวดหัวนักหากมีคนหน้าตาเห
"หลายครั้ง การมีชีวิตอยู่นั้นยากกว่าการตายจาก" เยี่ยเฟิงเอ่ยเสียงเบา ตัวอักษรบนป้ายสุสานทำให้เขารู้สึกบาดตา"นั่นสิ การอยู่ยากกว่าการตายจากไปเสมอ เฉกเช่นเจ้าในยามนี้ เจ้าสำนักจากไปแล้ว ก็ไม่มีทางวางใจ""ก่อนจะไปที่หอสมุด ข้าได้พบกับเจ้าสำนักครู่หนึ่ง เขาบอกว่ามีของจะให้ข้า แล้วยังมีเรื่องสำคัญอีกเรื่องจะบอกข้า ตอนนั้นราชทูตจากหลายแคว้นมีเหตุต้องการพบเจ้าสำนัก เจ้าสำนักจึงนัดข้า บอกให้ไปที่หอสมุดให้ได้ในช่วงค่ำ"กู้ชูหน่วนใจเต้นรัว "เขาได้บอกเจ้าหรือไหมว่าต้องการมอบสิ่งใดให้เจ้า หรือเป็นเรื่องสำคัญใด"เยี่ยเฟิงส่ายหน้า "ไม่แน่ใจ เขาเพียงแต่บอกว่า อย่าเพิ่งแพร่งพรายออกไปก่อน""เช่นนั้น การตายของเจ้าสำนักอาจจะเกี่ยวกับเรื่องที่เขาต้องการจะบอกเจ้าก็เป็นได้"เยี่ยเฟิงกอดเข่าตัวเอง ดวงตาเฉยชาจ้องมองไปที่สุสานอยู่นานกว่าจะละสายตาเขาครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ก็คิดไม่ออกว่าเจ้าสำนักต้องการจะบอกสิ่งใดกับเขากันแน่"ผู้ที่อยู่กับข้า ล้วนแต่ไม่มีจุดจบที่ดี เจ้า...อยู่ให้ห่างข้าหน่อยเถอะ""ข้าดวงแข็ง ฆ่าไม่ตายหรอก" กู้ชูหน่วนไม่ใส่ใจแต่อย่างใด หยิบกล่องไม้ดำกล่องหนึ่งออกมาแล้วโยนไปให้เยี่ยเฟิงเ
"กระดิ่งภินวิญญาณนี่มีราคาไม่น้อยเลยนะ บวกกับหยกจันทร์เสี้ยวขององค์หญิงตังตัง มีราคาถึงห้าแสนตำลึงเงินเชียว หากเจ้าไม่รับไว้ ระวังข้าเปลี่ยนใจไม่ให้ขึ้นมานะ"กู้ชูหน่วนยัดกระดิ่งภินวิญญาณใส่มือเขาเยี่ยเฟิงกำกระดิ่งภินวิญญาณไว้ในมือราวกับคว้าโลกทั้งใบไว้ได้หากบอกว่าไม่ซาบซึ้งใจเลยก็คงโกหกแต่เพราะซึ้งใจ เขาจึงไม่รู้ว่าควรพูดอะไรไปชั่วขณะเขาต้องการกระดิ่งภินวิญญาณต้องการมากมีแต่ต้องได้กระดิ่งภินวิญญาณมาเท่านั้น พวกเขาถึงจะเป็นอิสระได้แต่เขาก็กลัวว่าจะสร้างความลำบากให้กู้ชูหน่วน"เลิกใช้สายตาเช่นนั้นมองเขาได้แล้ว สะอิดสะเอียนชวนขนลุก""ขอบใจ""ก็แค่กระดิ่งเน่าๆ อันเดียว มีสิ่งใดต้องขอบคุณ หากต้องการขอบคุณ เจ้าบอกข้ามาดีกว่า ว่าสามารถหาหญ้าตี้อวี้ได้จากที่ใดบ้าง""หุบเขาดูดวิญญาณ"มือของกู้ชูหน่วนสั่นรัว "หุบเขาดูดวิญญาณ ? เจ้าบอกว่าหุบเขาดูดวิญญาณมีหญ้าตี้อวี้เช่นนั้นหรือ""ใช่ แต่หุบเขาดูดวิญญาณนั้นผ่านเข้าไปได้ยากมาก ที่นั่นเป็นจุดเชื่อมต่อของเผ่าหมอ เผ่ามนุษย์ และถือเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างแคว้นเย่ แคว้นฉู่ แคว้นจ้าว แคว้นหวาด้วย ถือเป็นจุดที่ไม่มีฝ่ายใดควบคุมดูแล ที
"เขารอบรู้มีความสามารถไม่ใช่หรอกหรือ ใช้ฝีมือลายมือของตนหาเงินไม่ได้หรืออย่างไร ถึงต้องไปทำงานไร้เกียรติเช่นนั้น""นี่แค่เล็กน้อย เขายังเป็นนักบรรเลงฉินให้หออู๋โย่วด้วยนะ พวกเจ้ายังจำได้ใช่หรือไม่ ช่วงก่อนหน้านี้หออู๋โยวมีนักบรรเลงฉินที่ฝีมือดีมากมาใหม่ บรรเลงแค่คืนละเพลง เพราะการมาของนักเบรรเลงฉินผู้นั้น กิจการของหออู๋โยวจึงรุ่งเรืองขึ้นมาก นักบรรเลงฉินคนนั้นก็คือเยี่ยเฟิง""ว่าอย่างไรนะ...เป็นไปได้อย่างไร...เยี่ยเฟิงดูเฉยชาเย่อหยิ่ง เขาจะไปเป็นนักบรรเลงฉินในที่อย่างหออู๋โยวได้อย่างไร เจ้าต้องเข้าใจผิดแน่""คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ เจ้ารู้ได้เช่นไรว่าเขาจะไม่ไป"คนในสำนักบัณฑิตต่างก็พากันรุมล้อมเข้ามาด้วยความสงสัย เอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ "เป็นความจริงหรือ เจ้าไม่ได้พูดเหลวไหลใช่ไหม""อนุบ้านบ้านแปดที่เรือนข้าเพิ่งรับเข้ามาเป็นดาวเด่นประจำหออู๋โย่ว นางเห็นภาพเหมือนของเยี่ยเฟิงแล้วบอกกับข้าเอง ตอนแรกข้าก็ไม่เชื่อ ข้าจึงนำภาพไปที่หออู๋โยว พวกเจ้าทายดูว่าเป็นเช่นไร คนที่หออู๋โยวต่างก็บอกว่าคนผู้นั้นคือเยี่ยเฟิง นักบรรเลงฉินของพวกเขา"ซู่...ทุกคนต่างตกตะลึงเท่าที่พวกเขารู้ เพียงแค่ท
หลี่เหิงพูดยังไม่ทันจบ ทว่าได้ยินเพียงแค่เสียงกระแทกพื้นดังตุบตับอย่างแรงหลังจากนั้นก็มีเสียงร้องโหยหวนประหนึ่งหมูถูกเชือดตามมาเขาเงยหน้าขึ้นไปทันที ทว่ากลับเห็นเหล่าพรรคพวกของตนไม่รู้ว่าถูกกู้ชูหน่วนทุ่มออกไปตั้งแต่เมื่อใด แต่ละคนต่างก็กำลังกอดแขนกอดขาพลางส่งเสียงร้องโอดโอยนี่มัน...นางทำได้เยี่ยงไรสหายทั้งกลุ่มของเขาล้วนแต่มีศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวกันหมดกู้ชูหน่วนค่อยๆ เยื้องย่างมาตรงหน้าเขาทีละก้าว แสยะหัวเราะ "เจ้าจะไสหัวออกไปเอง หรือจะให้ข้าโยนเจ้าออกไป"หลี่เหิงกลืนน้ำลายอึกๆ "ข้าบอกเจ้าไว้เลย ข้าเป็นถึงคุณชายสายตรงแห่งจวนกั๋วกง...อ้าก..."ยังไม่ทันสิ้นเสียง หลี่เหิงก็ถูกกู้ชูหน่วนโยนออกไปนอกหน้าต่างราวกับลูกไก่ตัวน้อย ร่างกระแทกกับพื้นอย่างแรง เจ็บจนหน้าตาเหยเก"เจ้าทำข้าเจ็บนัก กู้ชูหน่วน นังบ้า ข้า...""เพี้ยะๆๆๆ..."กู้ชูหน่วนฟาดฝ่ามือซ้ายขวาสลับกันลงไปบนหน้าใบหน้าเขาสิบกว่าทีในคราวเดียว ทำเอาหลี่เหิงกลายเป็นหมูหันไปเสียตรงนั้น"น้องสาม นี่เจ้ากำลังทำอะไร สำนักบัณฑิตห้ามไม่ให้มีเรื่องทะเลาะวิวาทส่วนตัว เจ้าทำเช่นนี้จะถูกไล่ออกจากสำนักบัณฑิตได้ อาจารย์ทุกท่าน
เดิมทีคนของเผ่าเทียนเฝินก็สงสัยในตัวนายท่านหลันอยู่แล้ว เมื่อกู้ชูหน่วนพูดเช่นนี้ คนของเผ่าเทียนเฝินก็อดไม่ได้ที่จะมองนายท่านหลันเป็นศัตรูยิ่งกว่าเดิม กู้ชูหน่วนเอ่ยออกมาเบาๆ อีกประโยค "อีกอย่างหินก้อนใหญ่จากยอดเขากลับร่วงมาบนหัวผู้อาวุโสทุกท่านของเผ่าเทียนเฝิน ทว่าพวกเจ้าทั้งหมดกลับอยู่ริม และหลบได้อย่างง่ายดาย" "กู้ชูหน่วน เจ้าหมายความเช่นไร หรือเจ้าสงสัยว่าเป็นแผนของข้ารึ" "ข้าไม่มีความกล้าที่จะพูดเช่นนั้นหรอก ชีวิตน้อยๆ ของข้ายังอยู่ในมือเจ้า" "เช่นนั้นหินก็ไม่ได้ร่วงใส่เจ้าไม่ใช่หรือ" "ข้าไม่โดนหินทับตาย เพราะข้าดวงแข็ง ใครจะรู้ว่าอีกเดี๋ยวทางที่เจ้าพาไป จะหลอกข้าไปตายหรือไม่" "หากวันนี้ข้าไม่ได้ฆ่าเจ้า ข้าจะไม่ใช่นายท่านหลันแห่งกองธงทั้งสิบสองของเผ่าหมออีก" นายท่านหลันเดือดดาล ไม่ลังเลที่จะลงมืออีกต่อไป ทุกกระบวนท่าล้วนแต่ต้องการจะสังหารกู้ชูหน่วนให้ถึงแก่ชีวิต ผู้อาวุโสเผ่าเทียนเฝินก็มีน้ำโหด้วยเช่นกัน บวกกับกู้ชูหน่วนคอยยุแยงทุกประโยค คนของเผ่าเทียนเฝินและเผ่าหมอจึงแตกหักกันโดยสิ้นเชิง หันมาฆ่าฟันกันเอง ผู้อาวุโสจวินพูดด้วยความฉุนเฉียว "พวกหัวขโมยอ
ไฟโทสะในใจของนายท่านหลันสุมเป็นกองใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ พร้อมจะระเบิดได้ทุกเวลา เขาคำรามด้วยความเกรี้ยวกราด “กู้ชูหน่วน เจ้าวกไปวนมา จะวนไปถึงไหนกัน” “พวกเจ้าให้ข้าพาพวกเจ้าไปสุดยอดเขาเพื่อตามหาแก้วมังกรไม่ใช่รึ ข้ากำลังหาทางอยู่นี่อย่างไร” นายท่านหลันโกรธจนอยากจะฟาดฝ่ามือใส่นางให้ตาย กู้ชูหน่วนพูดอย่างน้อยอกน้อยใจ “ที่แห่งนี้มีทางแยกมากมาย ข้าพยายามหาเส้นทางเต็มที่แล้ว อีกอย่างทุกเส้นทางที่ไป ล้วนแต่ผ่านความเห็นชอบของพวกเจ้าแล้ว นายท่านหลัน เจ้าจะใส่ร้ายว่าข้าจงใจพาพวกเจ้าวกไปวนมาได้อย่างไร” นายท่านหลันหงุดหงิด ทั้งๆ ที่กู้ชูหน่วนจงใจหลอกพวกเขา ทว่านางกลับเอาเหตุผลมาอ้างทุกประโยค แสร้งทำเป็นบริสุทธิ์ ทำให้เขาหาข้อกังขาไม่ได้ ทุกครั้งที่นางจะวนอยู่ที่ทางแยก นางถามพวกเขาก่อนแล้ว แต่นางแทบไม่ให้เวลาเขาดูแผนที่ก็มุ่งหน้าเดินต่อไปแล้ว ผู้อาวุโสระดับสูงหวงเริ่มจะหมดความอดทน พวกเขาวนอยู่ในถ้ำมาครึ่งวันแล้ว ขืนวนต่อไป เรี่ยวแรงที่เหลืออยู่น้อยนิดของพวกเขาก็จะถูกใช้จนหมด ต้องไปถึงยอดเขาให้ได้โดยเร็ว เขาเอ่ยเสียงขรึม พยายามข่มความเหลืออดไว้ในใจ “ยังต้องเดินอีกไกลเพียงใด” “เ
ครั้งนี้ เหล่าผู้อาวุโสของเผ่าเทียนเฝินเองก็ไม่ใจเย็นอีกต่อไปแล้ว อยากจะแทงกู้ชูหน่วนให้ตายเสียเดี๋ยวนั้น ทว่ากู้ชูหน่วนกลับชิงร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหลออกมาเสียก่อน พลางสะอึกสะอื้น "เหล่าสหายทั้งหลาย เป็นข้าเองที่ทำร้ายพวกเจ้า หากรู้แต่แรกว่าที่นี่อันตรายถึงเพียงนี้ หากรู้แต่แรกว่าถ้าบุกเข้ามาจะทำให้พวกเจ้าตายอย่างทรมานที่นี่ ข้ายอมถูกพวกเจ้าตีตายไปเสีย แต่จะไม่ยอมยกกระดิ่งภินวิญญาณให้เด็ดขาด ข้าผิดต่อพวกเจ้า" "ข้าสมควรตาย ข้าทำผิดต่อพวกเจ้า พวกเจ้าฆ่าข้าเสียเถอะ ชีวิตคนมากมายเช่นนี้ คุณพระช่วย...ข้าควรชดใช้เช่นไร" นางร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหล ปวดใจเป็นที่สุด คนของเผ่าเทียนเฝินพลันใจอ่อนฮวบในทันที คนของเผ่าหมอก็คลายความโกรธลงไปไม่น้อย มีเพียงแค่นายท่านกองธงที่กัดฟันกรอด เส้นเลือดสีเขียวปูดจนจะระเบิดออกมา "ในเมื่อเจ้าอยากตายถึงเพียงนี้ เช่นนี้ข้าจะทำให้เจ้าสมหวัง" หัวหน้ากองธงพูดพลางฟาดฝ่ามือไปที่กะโหลกของนาง คนของเผ่าเทียนเฝินมองดูหน้าตาเฉย อยากเห็นว่ากู้ชูหน่วนคิดจะเล่นพิเรนทร์อะไร คิดไม่ถึงว่ากู้ชูหน่วนเพียงแค่ร้องไห้อยู่อย่างนั้น ไม่ขยับเขยื้อน อีกทั้งยังไม่ตอบโต้ ท่าทางรอคว
เหล่าผู้อาวุโสระดับสูงเป็นกังวล ยามนี้พวกเขาต่างก็เจ็บหนัก หากฝืนตามไป ใช่ว่าจะเป็นประโยชน์ เพราะถึงอย่างไรอาการของแต่ละคนก็สาหัสปางตายกันทั้งสิ้น แต่หากไม่ไปแล้วแก้วมังกรถูกชิงไป คิดจะแย่งกลับมา เช่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แล้ว พวกเขาออกตามหามาหลายปี ใช้คนไปตั้งมากมาย จนมาพบที่ตั้งของแก้วมังกรในที่สุด ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ควรยอมแพ้ กู้ชูหน่วนพิงอยู่ข้างโขดหิน มองดูท่าทีลังเลของพวกเขาอยู่เงียบๆ มุมปากยกยิ้มที่ยากจะสังเกตเห็น แก้วมังกรล่อตาล่อใจเสียขนาดนั้น มีหรือที่พวกเขาจะไม่ติดกับ เป็นอย่างที่นางคิดเอาไว้ คนเหล่านี้กัดฟันเค้นออกมาหนึ่งประโยค "ไป ขึ้นเขาไปดูเสียหน่อย เจ้าก็ไปกับพวกข้าด้วย" กู้ชูหน่วนแสร้งทำเป็นตกใจ "เมื่อครู่พวกท่านเพิ่งรับปากว่าจะให้ข้าออกไปอย่างปลอดภัยไม่ใช่หรือ หรือท่านจะกลับคำพูด" "แผนที่ที่เจ้าให้มามีเพียงครึ่งเดียว นอกเสียจากเจ้าช่วยพวกข้าตามหาอีกครึ่งหรือหาแก้วมังกรพบ ไม่เช่นนั้นอย่าหวังว่าจะได้ไปไหน" "ท่านไม่รักษาคำพูดนี่" "เช่นนั้นเจ้าอยากถูกฝังอยู่ที่นี่หรือไม่" คนของเผ่าเทียนเฝินผลักนางไปด้านหน้า กู้ชูหน่วนทำได้เพียงแค่มุ่งหน้า
ทุกคนต่างก็จ้องไปที่กู้ชูหน่วนด้วยความโกรธ กู้ชูหน่วนผงะถอยหลังไปหลายก้าว พูดด้วยความระวัง "อีกครึ่งถูกชาวเขาตานหุยชิงไป พวกเจ้าจ้องข้าก็ไม่มีประโยชน์ หากข้ามีแผนที่อีกครึ่ง อย่างไรก็ต้องส่งให้พวกเจ้าอยู่ดี" "ชาวเขาตานหุย ?" นายท่านหลันเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง "ใช่แล้ว ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าคิดว่า เหตุใดชาวเขาตานหุยถึงใจเย็นได้ขนาดนั้น รอพวกเจ้าต่อสู้อยู่ด้านนอกตั้งนาน เว้นเสียแต่นอกจากทางลงเขาเส้นนี้ บริเวณปากเขาน้ำเต้ายังมีทางอีกเส้นที่สามารถออกไปจากเขาน้ำเต้าแห่งนี้ได้ หากพวกเขาได้แก้วมังกรแล้ว ก็น่าจะลงเขาไปทางนั้นเลย" นายท่านหลันสงสัยเคลือบแคลงในคำพูดของนางเป็นอย่างยิ่ง"ทุกท่าน สตรีนางนี้ไม่เคยมีความจริงออกจากปากนาง พวกเจ้าอย่าไปเชื่อนางเด็ดขาด" ผู้อาวุโสอวิ๋นสองจิตสองใจ "คนของพวกเราเข้ามาในเขาน้ำเต้า บาดเจ็บเสียหายอย่างหนัก แต่ชาวเขาตานหุยดูเหมือนจะราบรื่นตลอดทาง อีกทั้งยังไม่พบเจออุปสรรคใดๆ เลย" เมื่อผู้อาวุโสอวิ๋นกล่าวเช่นนี้ ผู้อาวุโสจวินก็คิดขึ้นมาได้ "เป็นจริงอย่างที่พูด ตอนนั้นข้ายังสงสัยว่าเหตุใดชาวเขาตานหุยถึงได้โชคดีเพียงนี้ ไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย ยามนี้มาคิด
"เยี่ยเฟิงออกไปจากเขาน้ำเต้าแล้ว" "เจ้าซ่อนสิ่งใดเอาไว้" สีหน้าของกู้ชูหน่วนเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะกลับมานิ่งสงบอย่างรวดเร็ว นางวางมือทั้งสองข้างลง แสร้งทำเป็นพูดด้วยท่าทางสบายๆ ไม่ใส่ใจ "ข้าสตรีอ่อนแอตัวคนเดียว จะมีสิ่งใดในครอบครองได้ ก็แค่กลัวว่าชายฉกรรจ์อย่างพวกเจ้าจะเสียมารยาทกับข้าก็เท่านั้น" คำพูดนี้ของนี้ ไม่มีผู้ใดเชื่อ เพราะสีหน้าที่แสดงออกมาเล็กๆ น้อยๆ ของนางได้หักหลังนางหมดแล้ว ต่อให้นางจะนิ่งเพียงใด ทุกคนก็จับได้อยู่ดี คนของเผ่าหมอพากันเข้ามาล้อมนางเอาไว้ คนของเผ่าเทียนเฝินแม้จะนิ่งดูดาย แต่ก็ไม่ได้คิดจะปล่อยกู้ชูหน่วนไป "นังหนู ข้าขอเตือนเจ้าให้ส่งของมาดีๆ ไม่เช่นนั้น...เหอะ..." คำพูดของนายท่านหลันเต็มไปด้วยความตักเตือน นายท่านหมู่ตานกลับพูดจีบปากจีบคอ "นังเด็กคนนี้แม้จะสกปรกมอมแมมไปบ้าง แต่รูปร่างดีใช้ได้ เอามาใช้อุ่นเตียงแก้ขัดก็น่าจะไม่เลว" "เจ้า...พวกเจ้าคิดจะทำอะไร..." "ข้าบอกพวกเจ้าไว้ก่อน ข้าเป็นถึงหานอ๋องเฟย ขืนพวกเจ้ากล้าทำอะไรข้า หานอ๋องไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่" "ว่าอย่างไรนะ...เจ้าคือภรรยาของเย่จิ่งหาน เช่นนั้นพวกเราเผ่าเทียนเฝินยิ่
ด้านล่างตีนเขาของเขาน้ำเต้า คนของเผ่าเทียนเฝินและเผ่าหมอลงจากเขาด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส และกองทัพที่แพ้จนหมดสภาพ สีหน้าของพวกเขาต่างก็ไม่สู้ดีนัก ข่มความฉุนเฉียวเอาไว้ เลือดสีแดงสดไหลคดเคี้ยวลงมาจากร่างของพวกเขา ผู้อาวุโสจวินแห่งเผ่าเทียนเฝินเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ "หากคนเผ่าหมอของพวกเจ้าลงมือตั้งแต่แรก พวกเราก็คงไม่ต้องพ่ายแพ้จนมีสภาพเช่นนี้ แล้วปล่อยให้พวกชาวเขาตานหุยได้ประโยชน์ไป" นายท่านหลันยิ้มเยาะ "พวกเจ้าเผ่าเทียนเฝินยังเหลือยอดฝีมือจำนวนไม่น้อยไว้ระวังพวกข้า หากร่วมมือเป็นหนึ่งเดียวกัน ร่วมต่อสู้ด้วยกัน มังกรอสูรขั้นเจ็ดก็ไม่จำเป็นต้องให้พวกข้าลงมือ พวกเจ้าจัดการเองก็ได้แล้ว สุดท้ายแล้ว พวกเจ้าก็ไม่ไว้ใจพวกข้า" ผู้อาวุโสอวิ๋นเฟยเย่มีนิสัยใจร้อนมาแต่ไหนแต่ไร เขาเดือดดาลขึ้นมาทันที "หากพวกข้าเข้าไปพร้อมกัน ทุกคนต่างก็เจ็บหนักกันหมด หลังจากนั้นพวกเจ้าจะได้ถือโอกาสฉกฉวยผลประโยชน์ไปได้ง่ายๆ น่ะสิ" ผู้อาวุโสหวงหนึ่งในผู้อาวุโสระดับสูงติเตียน "พอได้แล้ว แทนที่จะมัวมาพูดมากอยู่ตรงนี้ ไม่สู้คิดหาหนทางว่าจะชิงแก้วมังกรมาจากชาวเขาตานหุยอย่างไรจะดีกว่า" ผู้อาวุโสระดับสูงหวงเอ่ย ก
"โฮ่ว..." "โฮก..." "เฮือก..." นายท่านกองธงเผ่าหมอและมังกรอสูรต่างก็เจ็บหนัก ครั้งนี้ล้วนแต่บาดเจ็บเสียหายกันทั้งคู่ "นายหญิง นายท่านสองคนนั้นเป็นนายท่านจากอีกสองกองธง หนึ่งในนั้นนายท่านเถาฮวาถูกมังกรอสูรโจมตีบาดเจ็บสาหัส อาการปางตาย เกรงว่าคงไม่อาจรอดไปได้แล้ว มังกรอสูรก็เจ็บไม่เบาเช่นกัน กรงเล็บหักไปเล็บหนึ่งแล้ว นายหญิง พวกเราเข้าไปตอนนี้เลยดีหรือไม่" "เจ้าจะรีบไปเกิดใหม่หรืออย่างไร จะร้อนรนกระวนกระวายไปไหน" "แต่ขืนพวกเรายังไม่ไป แล้วแก้วมังกร..." "หากแก้วมังกรชิงไปได้ง่ายเพียงนั้น พวกเจ้าคงได้ไปนานแล้ว ต้องรอถึงตอนนี้อีกรึ เสี่ยวฝูกวง ข้าเห็นปกติเจ้าก็ฉลาดดีอยู่หรอก เหตุใดพอเกี่ยวกับแก้วมังกร เจ้าถึงได้กลายเป็นคนโง่แบบนี้ไปได้" แน่นอนว่าต้องโง่อยู่แล้ว เขาจะไม่กระวนกระวายได้อย่างไร คนทั้งเผ่าต่างก็ตั้งตารอแก้วมังกรเพื่อจะได้ถอนคำสาปเลือด นั่นคือชีวิตนับพันนับหมื่นชีวิต "เจ้ารอดูเถอะ เดี๋ยวพวกเขาก็จะเริ่มการโจมตีครั้งต่อไปแล้ว" ไม่ผิดไปจากที่กู้ชูหน่วนคาดการณ์ไว้ คนของเผ่าหมอและเผ่าเทียนเฝินลงมือโจมตีอีกครั้ง สู้กันสนั่นหวั่นไหว มืดฟ้ามัวดิน
ฮองเฮาฉู่และเยี่ยเฟิงไม่ยอมแยกจากัน กู้ชูหน่วนเปลืองแรงไปมากมายกว่าจะส่งพวกเขาสองคนกลับไปได้ บนฟ้ามีเสียงดังอึกทึกครึกโครมดังไม่หยุด ลมฝนโหมกระหน่ำอย่างต่อเนื่องราวกับพายุรุนแรง ยอดเขาโลหิตน้ำเต้าสั่นสะเทือนเลือนลั่น เพราะความสั่นไหวอย่างแรงของยอดเขาทำให้ลาวาประทุขึ้นมา ซัดกระเซ็นไปบนโขดหิน ดอกไม้ใบหญ้าบนโขดหินที่แสนน่าสงสารจมอยู่ใต้ลาวา นี่คือศึกใหญ่ที่มีเพียงแค่ยอดฝีมืออันดับต้นๆ เท่านั้นที่จะก่อได้ กู้ชูหน่วนเงยหน้าไปมอง กลับพบว่ากลางอากาศมีมังกรไฟตัวสีทองที่ทั้งตัวโชกไปด้วยเลือดกำลังทะยานโลดแล่นพลางกรีดร้องไม่หยุด มังกรตัวใหญ่ยักษ์เพียงแค่สะบัดปลายหาง ยอดเขาลูกเล็กๆ บริเวณใกล้เคียงก็ราบเป็นหน้ากอง ที่น่าตกตะลึงไปกว่านั้นคือ ลูกไฟที่มันพ่นออกมา มีพื้นที่แผ่ขยายไปถึงครึ่งหนึ่งของเขาโลหิตน้ำเต้า คล้ายจะแผดเผาทำลายเขาโลหิตน้ำเต้าทั้งหมดให้สิ้นซาก นอกจากมังกรไฟ ยังมีผู้อาวุโสผมขาวอีกสี่คน ฝูกวงเอ่ย "นายหญิง สี่สุดยอดผู้อาวุโสระดับสูงแห่งเผาเทียนเฝินวิทยายุทธแก่กล้านัก พวกเขาปลีกวิเวกมานานหลายปี น้อยครั้งที่จะเข้ามาข้องเกี่ยวทางโลก คิดไม่ถึงว่าคราวนี้เผ่าเทียนเฝิน