Share

บทที่ 91

Author: มู่อวิ๋นเฉิง
เรื่องนี้เมิ่งจิ่นเหยาก็เคยได้ยินมาเช่นกัน แต่นางกลับไม่ได้รู้สึกแปลกใจ จวนหย่งชางป๋อนั้นเน่าเละไปถึงฐานรากแล้ว ในเมื่อพวกเขากล้าใช้สินเดิมของมารดานาง แล้วจะไม่กล้าใช้ของนางซุนได้อย่างไร? ดังนั้นการบีบให้นางซุนใช้สินเดิมมาอุดรอยรั่วนี้ก็เป็นเรื่องที่ธรรมดาสามัญอย่างมากเลยล่ะ

นางซุนต้องสละทุกสิ่งที่มี แล้วยังขาดอีกเท่าใด จวนหย่งชางป๋อค่อยจ่ายเสริมเข้าไป

ทว่า ฮูหยินผู้นี้กลับเตือนนางให้นึกได้ว่า วันนี้เป็นเส้นตายวันสุดท้าย แต่นางออกจากจวนมาแต่เช้า จึงไม่รู้ว่าจวนหย่งชางป๋อได้ส่งเงินมาให้นางแล้วหรือยัง

นางวางจอกชาในมือลง ยกยิ้มขึ้นมาบางๆ ตอบอย่างไม่เร่งร้อนไม่ลนลานว่า “ดูท่าน่าจะเป็นเรื่องจริง ทว่าติดหนี้ย่อมต้องใช้คืน นี่เป็นหลักการอันแน่แท้ เงินในมือของนางไม่พอ จะนำสินเดิมไปจำนำเพื่อมาใช้คืนข้า ก็เป็นเรื่องธรรมดา”

ได้ยินน้ำเสียงนางราบเรียบ แม้สิ่งที่กล่าวมาจะมีเหตุผล แต่คำพูดที่ดูสมเหตุสมผลพวกนี้กลับแฝงความไร้ไมตรี ดูท่าจะเป็นผู้ที่จิตใจเย็นชาเป็นแน่

ทุกคนต่างมองหน้ากันอย่างเงียบงัน มีบุตรสาวบ้านใดที่ปฏิบัติต่อคนบ้านมารดาเช่นนี้บ้าง?

จิตใจเช่นนี้ออกจะโหดร้ายไปบ้างแล้ว ต่อให้ทำไม่ถ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 92

    ฮูหยินท่านหรงกั๋วกงรีบเข้ามาพูดเปลี่ยนบรรยากาศ “กู้ฮูหยิน ในเมื่อเป็นความเข้าใจผิด เช่นนั้นก็อย่าคุยเรื่องนี้อีกเลย ดอกไม้ในสวนด้านหลังของจวนเรากำลังบานสวยพอดี มิสู้พวกเราไปชมดอกไม้กันดีหรือไม่? ”ฮูหยินท่านอื่นก็แสดงความสนใจออกมาเช่นกัน คนทั้งกลุ่มจึงออกจากโถงนั่งเล่น ย้ายไปที่สวนดอกไม้ด้านหลังแทนเพิ่งออกจากโถงนั่งเล่น เมิ่งจิ่นเหยาก็เห็นชุนหลิ่วกำลังเร่งฝีเท้าเข้ามาหานาง จากนั้นก็กระซิบข้างหูนางประโยคหนึ่ง ดวงตาของนางสว่างไสวในทันที หันกายไปกล่าวกับฮูหยินท่านหรงกั๋วกงว่า “ฮูหยินท่านกั๋วกง ที่บ้านข้ามีธุระนิดหน่อย ต้องขอตัวก่อนแล้วเจ้าค่ะ”ฮูหยินท่านหรงกั๋วกงพยักหน้าว่า “ในเมื่อกู้ฮูหยินมีธุระที่จวน เช่นนั้นก็เชิญเถิด ครั้งหน้าพวกเราค่อยนัดกันใหม่เมื่อมีเวลา”เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้าเบาๆ ถือโอกาสกล่าวคำอำลาฮูหยินท่านอื่น จากนั้นก็พาชิงชิว หนิงตง และชุนหลิ่วจากไปหลังจากพวกนางสี่นายบ่าวจากไป ฮูหยินท่านอื่นก็เริ่มกระซิบกระซาบวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมาทันทีอย่างอดไม่ได้“เดิมข้าคิดว่าวันนี้นางไม่มีทางมาแน่ คิดไม่ถึงว่าจะมาแล้ว”“ผู้ใดว่าไม่ใช่ล่ะ? แค่แต่งกับบิดาของคู่หมั้นตัวเอง ก็สร้างคว

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 93

    จวนฉางซินโหวหลังเมิ่งจิ่นเหยาออกจากจวนไปไม่นาน พ่อบ้านของจวนหย่งชางป๋อก็มาถึงจวนฉางซินโหว และได้รออยู่ในห้องโถงหน้านานแล้ว เมื่อรออยู่นานไม่เห็นเงาของเมิ่งจิ่นเหยา เขาก็ร้อนใจขึ้นมา จึงเดินวนไปมาอยู่ในห้องโถงเป็นการฆ่าเวลาสาวใช้ผู้ดูแลเรื่องน้ำชาที่อยู่ด้านข้างเห็นเขาเดินไปเดินมาเช่นนี้ ก็บ่นในใจเช่นกันว่า ดูจากพฤติกรรมพวกนั้นของจวนหย่งชางป๋อ เกรงว่าฮูหยินคงไม่กลับมาพบพวกเขาหรอกในตอนที่พ่อบ้านเงยหน้าขึ้นอย่างไม่ตั้งใจแล้วเห็นเงาร่างของเมิ่งจิ่นเหยานั่น เขาก็รีบหยุดฝีท้าว แล้วก้าวเข้าไปทักทายทันที รอยยิ้มนั้นเด่นชัดจนเรียกได้ว่าประจบประแจง เขาเรียกคำหนึ่งว่า “คุณหนูใหญ่ ในที่สุดท่านก็กลับมาเสียที”เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้าด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ สาวเท้าไปนั่งลงในตำแหน่งประธาน เหลือบตามองพ่อบ้านด้วยสายตาเย็นชาทีหนึ่ง ก็เห็นพ่อบ้านรอยยิ้มแข็งค้าง มองนางด้วยสีหน้าประหม่า ในแววตาของเขามีความกระวนกระวาย นางจึงมิได้สร้างความลำบากใจให้เขา ถามอย่างตรงไปตรงมาว่า “วันนี้คือวันที่สิบ ตั๋วเงินที่ควรจัดเตรียมนั้น ท่านพ่อของข้ากับนางซุนได้เตรียมไว้เรียบร้อยแล้วหรือยัง?”เมื่อพ่อบ้านได้ยินนางพูดถึงเงิ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 94

    เมื่อแต่ละคนได้รับเงินรางวัล ก็รีบกล่าวขอบคุณระหว่างทางกลับเรือนเวยหรุยเซวียน หนิงตงถามอย่างสงสัยประโยคหนึ่งว่า “ฮูหยิน ท่านว่าพวกนางป่วยจริงหรือแกล้งป่วยเจ้าคะ?”เมิ่งจิ่นเหยายกมุมปากเป็นรอยยิ้มหยันว่า “มีครั้งใดบ้างที่พวกนางเจอเรื่องแล้วไม่ล้มหมอนนอนเสื่อบ้าง? คงเป็นเพราะร่างกายอ่อนแอจนทนรับปัญหาไม่ไหวกระมัง เจอเรื่องอะไรหน่อยก็เลยล้มป่วยไป”เมื่อหนิงตงได้ยินก็เข้าใจทันที การแกล้งป่วยไม่เพียงจะได้รับความเห็นใจ ยังสามารถอ้างการป่วยไข้ไม่ออกจากบ้าน จะได้ไม่ต้องถูกผู้คนเยาะหยัน นี่เป็นการยิงธนูนัดเดียวได้นกสองตัวเมื่อผ่านประตูวงเดือนและระเบียงทางเดินไป ก็มีเสียงทะเลาะกันของเด็กสาวสองคนดังมาอย่างกะทันหัน เมิ่งจิ่นเหยาชะงักฝีเท้ามองไปตามเสียง ก็เห็นกู้เซวียนอี๋บุตรสาวที่เกิดจากภรรยาเอกของบ้านใหญ่ กับบุตรสาวที่เกิดจากอนุภรรยาของบ้านรองกู้เซวียนหลิง กำลังทะเลาะกันโดยไม่ทราบสาเหตุล้วนเป็นเด็กสาวในวัยสิบห้า คนหนึ่งสีหน้าเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง อีกคนขี้ขลาดอ่อนแอ ความแตกต่างระหว่างบุตรอนุภรรยาและบุตรภรรยาเอกนั้นไม่น้อยเลยจริงๆ อุปนิสัยช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับดินเหลือเกินเมื่อชุนหลิ่วเ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 95

    “หยุดมือ!”ในช่วงเวลาอันคับขันนั่นเอง ก็มีเสียงที่ค่อนข้างน่ายำเกรงดังขึ้น มือของกู้เซวียนอี๋ค้างอยู่กลางอากาศ หันไปทางต้นเสียงด้วยใบหน้าแข็งเกร็งก็เห็นเมิ่งจิ่นเหยากำลังชักสีหน้า เดินนำสาวใช้จำนวนหนึ่งมาทางพวกนาง ทั้งที่หญิงสาวอายุมากกว่าพวกนางเพียงปีเดียว แต่รัศมีบนตัวนางกลับทำให้คนกริ่งเกรงอย่างมาก นั่นเป็นความกดดันที่ไร้รูปลักษณ์ชนิดหนึ่ง ทำให้ฝ่ามือนั้นของนางชะงักค้างอยู่เช่นนั้น ไม่กล้าตบลงบนใบหน้าของกู้เซวียนหลิงบางที อาจเป็นเพราะเมิ่งจิ่นเหยามีฐานะเป็นผู้อาวุโส เป็นภรรยาของท่านอาสาม เพราะความเคารพและหวาดกลัวต่อท่านอาสาม ทำให้นางเกิดความกริ่งเกรงต่อเมิ่งจิ่นเหยาตามไปด้วยความแข็งกร้าวของกู้เซวียนอี๋พลันอ่อนลงในทันที ค่อยๆ ลดฝ่ามือที่เงื้ออยู่ลงด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน ส่งเสียงเรียกอย่างตะกุกตะกักว่า “อา อาสะใภ้สาม”กู้เซวียนหลิงแตกตื่นไปชั่วขณะ คิดถึงพฤติกรรมเมื่อครู่ของตน คาดว่าคงถูกผู้อาวุโสเห็นเข้าแล้ว ในใจก็รู้สึกกริ่งเกรงอย่างยิ่ง แต่นางก็ไม่เสียใจ กลับคารวะเมิ่งจิ่นเหยาตามธรรมเนียมของผู้เยาว์อย่างเคารพว่า “เซวียนหลิงคารวะอาสะใภ้สามเจ้าค่ะ อาสะใภ้สามสบายดีหรือไม่เจ้าค

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 96

    เมิ่งจิ่นเหยานวดหว่างคิ้ว หันไปมองชุนหลิ่วแล้วสั่งการว่า “ชุนหลิ่ว เจ้าพูดทุกสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ออกมาซ้ำอีกครั้ง ทว่าพูดแค่คำพูดของคุณหนูใหญ่ก็พอ”กู้เซวียนอี๋ “???”กู้เซวียนหลิง “???”สองพี่น้องต่างตกตะลึง ฝ่ายแรกตะลึงงัน หวาดหวั่น ไม่อยากเชื่อ ส่วนฝ่ายหลังยังไม่ได้สติกลับมา ——ข้าจงใจแล้วอย่างไร เจ้าจะทำอะไรข้าได้? ——ลูกอนุก็คือลูกอนุ ชอบประจบประแจง เจ้าเอาใจท่านย่าไปจะมีประโยชน์อะไร? ท่านก็ไม่ใช่ย่าแท้ๆ ของเจ้าเสียหน่อย นอกจากนี้ เจ้ายังเป็นลูกอนุอีก เจ้ายังคิดจะให้นางเอ็นดูเจ้าจากใจจริงอย่างนั้นหรือ? —— ท่านแม่หรือ? อย่าลืมเสียสิว่าเจ้าเป็นแค่ลูกอนุ ท่านอาสะใภ้รองก็ไม่ใช่แม่แท้ๆ ของเจ้าเสียหน่อย แม่ที่เป็นอนุบุญน้อยคนนั้นของเจ้าตายไปนานแล้ว ตายไปตั้งนานแล้วก็ไม่รู้ไปเกิดใหม่หรือยัง ถ้าไปเกิดแล้ว ก็น่าจะเด็กกว่าเจ้าเป็นสิบปีกระมัง ——กู้เซวียนหลิง เจ้าช่างบังอาจนัก ข้าว่าเจ้ากำลังรนหาที่ตายใช่หรือไม่!”ความจำของชุนหลิ่วไม่เลว นางพูดลอกเลียนสิ่งที่กู้เซวียนอี๋พูดออกมาอีกครั้งอย่างไม่ตกหล่น แม้แต่น้ำเสียงขณะที่กู้เซวียนอี๋พูดก็เลียนแบบได้อย่างสมบูรณ์ หลังกล่าวคำสุดท้ายจบ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 97

    เมื่อเห็นนางไม่กล่าววาจา เมิ่งจิ่นเหยาก็ไม่คิดจะปล่อยนางไป ถามต่ออย่างเรียบๆ ว่า “เจ้าไม่พูด ก็เท่ากับยอมรับว่า เพราะมิใช่มารดาผู้ให้กำเนิด ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกตัญญูใช่หรือไม่?”กู้เซวียนอี๋เคยถูกคนเค้นถามติดต่อกันเช่นนี้แต่เมื่อใด?ถูกเค้นถามก็ช่างแล้ว ถ้อยคำและน้ำเสียงยังแข็งกร้าวอีก และนางยังเป็นฝ่ายที่ไม่มีเหตุผล น้ำตาจึงไหลหนักยิ่งกว่าเดิมแล้ว ศีรษะของนางส่ายไปมาราวป๋องแป๋งก็ไม่ปาน นางตอบกลับไปว่า “ไม่ใช่เช่นนั้นเจ้าค่ะ การที่ผู้เยาว์กตัญญูต่อผู้อาวุโสเป็น สิ่งที่ชอบด้วยเหตุผล เป็นหลักการแห่งฟ้าดินที่ไม่อาจแปรเปลี่ยน ไม่ว่าจะเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดหรือไม่ ก็ควรกตัญญูอย่างดี ไม่เช่นนั้นก็เท่ากับว่าอกตัญญู”เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็ถามอย่างไม่เร่งร้อนต่ออีกว่า “ถูกแล้ว เมื่อครู่เจ้าพูดว่า ฮูหยินผู้เฒ่าไม่มีทางรักใคร่ชนรุ่นเยาว์ที่มิเกี่ยวข้องกับนางทางสายเลือดของนางอย่างจริงใจ เยี่ยงนั้นความหมายของเจ้าก็คือ ฮูหยินผู้เฒ่าก็มิได้รักใคร่เอ็นดูบิดาและอารองของเจ้าอย่างจริงใจเช่นกันหรือ?”กู้เซวียนอี๋รีบส่ายหัวอย่างลนลาน พูดน้ำเสียงสั่นเครือว่า “ไม่ ไม่ใช่เช่นนั้น ท่านย่าเป

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 98

    นางเฉินกลับไม่ยอมปล่อยนาง ไล่ขนาบต่อว่า “จะอย่างไรพี่สะใภ้ใหญ่ก็เป็นถึงผู้อาวุโส กล่าววาจาเช่นนี้ต่อหน้าเด็กๆ ก็ไม่กลัวจะสอนพวกเขาให้เสียคนหรือ”นางจางควบคุมสีหน้าไม่อยู่เล็กน้อย ตอบว่า “นั่นเป็นเพราะข้าร้อนใจเกินไป เจ้าดูมือเซวียนหลิงของข้าสิ เซวียนหลิงนางมีนิสัยรุนแรง ชอบรังแกเซวียนอี๋ของเรา ก็มิใช่ว่านางไม่เคยรังแกเซวียนอี๋มาก่อน ครั้งนี้ยิ่งเกินเลย ถึงขนาดเลือดออกแล้ว”นางเฉินเหลือบตามองลูกอนุที่อยู่ข้างกายครั้งหนึ่ง บุตรสาวอนุนางนี้ปกติแล้วขี้ขลาดอ่อนแอ ไม่มีทางทำเรื่องเช่นนี้แน่ พี่สะใภ้ใหญ่ก็แค่ฉวยโอกาสนี้มาว่านาง ว่านางที่เป็นมารดาไม่ได้อบรมบุตรธิดาให้ดีเท่านั้น นางปกป้องบุตรสาวที่ถือกำเนิดจากอนุเบื้องหลัง แล้วถามกลับไปว่า “พี่สะใภ้ก็มั่นใจถึงเพียงนั้น ว่าเป็นฝีมือของเซวียนหลิงหรือ? ไม่แน่ว่าอาจเป็นเซวียนอี๋ที่ล้มเองก็ได้ ปกติแล้ว เซวียนหลิงแม้แต่มดตัวเดียวก็ยังไม่กล้าทำร้าย แล้วจะลงมือทำร้ายคนได้อย่างไร”นางเพิ่งกล่าวจบ เสียงของกู้เซวียนหลิงก็ดังขึ้นมาว่า “ท่านแม่ เป็น เป็นข้าที่ผลักพี่หญิงใหญ่เจ้าค่ะ”เมื่อนางเฉินได้ยิน ก็ราวกับถูกสายฟ้าฟาด นางหันไปด้วยสีหน้าแข็งค้าง มองบ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 99

    ใบหน้าของนางจางร้อนผะผ่าว ทั้งที่ลูกสาวของนางร้องไห้แถมยังบาดเจ็บด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายผู้ที่ผิดกลับเป็นบุตรสาวของนาง?เมื่อได้ยินนางเฉินพูดเช่นนั้น สีหน้าของนางก็ไม่น่ามองเป็นอย่างมาก การทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ยกระดับไปถึงว่าจะทำให้มารดาของสามีโกรธจนป่วยหรือไม่ ทำให้นางจบเรื่องอย่างลำบาก หากตำหนินิดหน่อยแล้วลงโทษเพียงเล็กน้อย ก็เท่ากับว่านางให้ท้ายบุตรสาว ไม่เห็นสุขภาพของมารดาของสามีอยู่ในสายตา กระทั่งตัวนางเองก็เห็นด้วยกับคำพูดของบุตรสาวด้วยนางมองบุตรสาวที่น้ำตานองหน้า เมื่อครู่คิดว่าเซวียนหลิงเป็นคนผิด จึงเรียกร้องให้นางเฉินลงโทษเซวียนหลิงอย่างหนัก ตอนนี้เมื่อพบว่าคนที่ผิดคือเซวียนอี๋ หากไม่ลงโทษอย่างหนัก นางก็ไม่อาจสงบเรื่องนี้ลงได้ส่วนเรื่องจะลงโทษหนักอย่างไรนั้น?นางนึกถึงกู้ซิวหมิงที่เวลานี้ยังสำนึกผิดและคัดกฎตระกูลอยู่ในโถงบรรพชน ในใจคิดว่า กู้ซิวหมิงที่เป็นถึงซื่อจื่อของจวนโหว เป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของทายาทสายตรง ยังถูกโบยไปถึงยี่สิบห้าแส้ คัดกฎสกุลร้อยจบ และกักบริเวณอยู่ในโถงบรรพชนหนึ่งเดือนเมื่อมีตัวอย่างเช่นนี้อยู่ก่อน ลูกสาวของนางทั้งพูดจาล่วงเกินมารดาของสามี ท

Latest chapter

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 296

    เมิ่งจิ่นเหยาตะลึงไปชั่วขณะ ตระหนักได้ว่าตนเองกับอาหนิงไม่ได้พบกันมาช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้ว เรื่องของท่านหญิงจิ้งหนิง นางยังไม่ได้บอกกับอาหนิงเลย ในใจรู้สึกผิดอยู่บ้าง จึงรีบกล่าวว่า “ข้าลืมบอกเจ้าไป ตอนนี้ข้ากับท่านหญิงจิ้งหนิงเป็นสหายกันแล้ว ท่านหญิงจิ้งหนิงได้รู้จักโฉมหน้าที่แท้จริงของเมิ่งจิ่นอวี้แล้วเช่นกัน และไม่ได้สนใจเมิ่งจิ่นอวี้อีก”เมื่อได้ฟังดังนั้น ในแววตาของซ่งซินหนิงก็ฉายแววแห่งความผิดหวัง รู้สึกว่าพออาเหยามีสหายคนใหม่ ก็เฉยเมยนางเสียแล้ว จึงบ่นพึมพำออกมา “อาเหยา เจ้าชอบของใหม่จึงเบื่อของเก่าแล้วใช่หรือไม่?”เมิ่งจิ่นเหยามองนางอย่างขุ่นเคือง เอื้อมมือไปจับมือของนางไว้ พลางกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน “ที่ไหนกัน เป็นเพราะช่วงนี้เจ้ายุ่ง ๆ อยู่มิใช่หรือ ข้าถึงไม่ได้นัดเจ้าน่ะ? หากว่าพบเจอเจ้า จะต้องบอกกับเจ้าเป็นแน่ อาหนิงในใจของข้า มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น” เมื่อซ่งซินหนิงได้ฟัง ดวงตาก็เป็นประกาย ความเศร้าที่อยู่ตรงหว่างคิ้วมลายไปจนหมดสิ้น ใบหน้าปรากฎรอยยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง “ข้ารู้ว่าอาเหยาเป็นผู้ที่มีความรู้สึกยืนยาวผู้หนึ่ง ไม่มีทางชอบของใหม่แล้วเบื่อของเก่าเป็นแน่ คนที่รักมา

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 295

    กู้ซิวหมิงดูเหมือนจะเปลี่ยนเป็นคนละคนแล้วจริง ๆ เปลี่ยนเป็นคนที่อ่อนโยน มีความถ่อมตน และมีความก้าวหน้าในการเรียน แถมทุกวันยังไปคารวะยามเช้าให้เมิ่งจิ่นเหยา เมื่อกู้จิ่งซีเลิกงานกลับมา ก็มาที่เรือนเวยหรุยเซวียนเพื่อขอคำแนะนำจากกู้จิ่งซีความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันนี้ ทำให้เรือนใหญ่กับเรือนรองต่างตกใจ ซึ่งต้องทราบว่าก่อนหน้านี้พฤติกรรมขายหน้าเหล่านั้นของกู้ซิวหมิง พวกเขาต่างเกือบจะคิดว่ากู้ซิวหมิงไม่มีอนาคต และกลายเป็นคนไร้ความสามารถไปเสียแล้ว คิดไม่ถึงว่าตอนนี้คนที่ไร้ความสามารถไม่ต้องพยุงก็สามารถปีนขึ้นกำแพงได้บุตรอกตัญญูจู่ ๆ กลายเป็นบุตรกตัญญู เมิ่งจิ่นหยาก็รู้สึกแปลกใจเช่นกัน วันนี้กลางวันยาวกลางคืนสั้น นางจึงตื่นเช้าขึ้น ทุกวันหลังจากตื่นและนอนล้างตัวจะเห็นบุตรอกตัญญูเข้ามาคารวะยามเช้า ทุกครั้งล้วนแสดงความเคารพทั้งยังกตัญญู ไม่มีการทำแบบส่ง ๆ เลยแม้แต่น้อยไม่ว่ากู้ซิวหมิงจะจริงใจ หรือว่าเสแสร้ง นางล้วนต้องเล่นบทมารดาที่เมตตา ดังนั้นทุกครั้งที่มารดาและบุตรมาเจอกัน จึงไม่มีการโต้ตอบแบบเมื่อก่อน และจะมีแต่ภาพบรรยากาศที่กลมเกลียวของมารดาผู้เมตตากับลูกที่กตัญญูเท่านั้น

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 294

    หลี่หว่านเอ๋อร์เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “จริงหรือเจ้าคะ?”“จริงแท้แน่นอน”กู้ซิวหมิงพยักหน้า และเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาที่แก้มของนาง เมื่อเห็นนางร้องไห้อย่างขมขื่น ในใจก็ไม่สบายใจอย่างมากหลี่หว่านเอ๋อร์กกล่าวเสียงสะอื้น “พี่ซิวหมิง ข้ามีเพียงท่านเท่านั้น หากวันใดท่านไม่ชอบข้าแล้ว ข้าก็ไม่เหลืออะไรแล้วเจ้าค่ะ”กู้ซิวหมิงปลอบด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “เด็กโง่ ข้าจะไม่ชอบเจ้าได้อย่างไร? หากไม่ชอบเจ้า ข้าคงแต่งงานกับเมิ่งจิ่นเหยาตั้งแต่แรกแล้ว ในใจข้า หว่านเอ๋อร์เป็นแม่นางที่ดีที่สุด และใจดีที่สุดในใต้หล้า”เมื่อได้ยิน หัวใจที่กระวนกระวายของหลี่หว่านเอ๋อร์ถึงจะได้รับการปลอบโยน นางจ้องมองชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่ละสายตา ชายหนุ่มมีรูปลักษณ์ที่หล่อเหลา สง่างามยืนตระหง่านต้านลม นางรู้สึกชอบ ครั้งแรกที่เห็นชายหนุ่มอยู่ในวัด แม้ชายหนุ่มจะถูกพิษงูจนหมดสติ แต่ด้วยกริยาท่าทางอันสูงศักดิ์ที่แพร่ออกมาจากร่างกาย และรูปลักษณ์ที่หล่อเหล่าเป็นพิเศษ จึงทำให้นางหลงรักตั้งแต่แรกเห็น โดยไม่กลัวจะสร้างความเดือดร้อน ก็รีบไปหาคนในวัดมาช่วยชีวิตชายหนุ่มภายหลังพบว่าชายหนุ่มเป็นซื่อจื่อของจวนฉางซินโหว แถมยัง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 293

    เรือนชิงอวี้เซวียนกู้ซิวหมิงกลับมาจากโถงโซ่วอัน เพิ่งจะเข้าห้อง ก็เห็นร่างที่งดงามโผล่เข้ามาทางตนเอง เขาจึงรีบอ้าแขนกอดคนไว้ แถมยังถอยหลังไปสองก้าวด้วย“พี่ซิวหมิง ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว”แม่นางในอ้อมแขนน้ำเสียงแหบทุ้ม เหมือนกับจะร้องไห้แล้วกู้ซิวหมิงหัวใจกระตุกวูบ และรีบถาม “หว่านเอ๋อร์ เป็นอะไรหรือ? ตอนที่ข้าไม่อยู่ มีคนรังแกเจ้าใช่หรือไม่?หลี่หว่านเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นช้า ๆ ขอบตาเต็มไปด้วยน้ำตา จนใกล้จะร้องไห้ออกมา ในดวงตาก็เต็มไปด้วยความกังวล และกล่าวด้วยเสียงสะอื้นว่า “พี่ซิวหมิง ข้ากลัวมาก กลัวมากจริง ๆ เจ้าค่ะ” กู้ซิวหมิงทนเห็นนางร้องไห้ไม่ได้ จึงตบหลังนางเบา ๆ และปลอบด้วยคำพูดที่อ่อนโยน “หว่านเอ๋อร์ไม่ต้องกลัว ข้าอยู่นี่แล้ว มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นใช่หรือไม่? หากมีคนรังแกเจ้า ข้าคนนี้จะเป็นคนจัดการ และลงโทษสาวใช้ที่ไม่มีตาพวกนั้นให้ดีแทนเจ้า”“ไม่ใช่ ไม่มีใครรังแกข้าเจ้าค่ะ”หลี่หว่านเอ๋อร์ส่ายหน้าเบา ๆ น้ำตาก็ไหลพรากลงมาจากขอบตาทันที และกล่าวด้วยความกังวล “พี่ซิวหมิง ท่านออกไปเมื่อเช้า บอกว่าจะไปคารวะยามเช้าให้ท่านโหวกับฮูหยินที่เรือนเวยหรุยเซวียน แต่นานแล้วก็ยังไม่กลับ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 292

    เฝิงหมอมอตกใจ “เช่นนั้นท่านซื่อจื่อจะไม่มีภรรยาเอกได้อย่างไรเจ้าคะ?”ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ถอนหายใจเบา ๆ “รอซิวหมิงหมดความหลงไหลที่มีต่อหลี่อี๋เหนียง และค่อย ๆ เข้าใจถึงความสำคัญของภรรยาเอก ไม่แน่ว่าอาจอยากแต่งภรรยาเอกก็ได้ ตอนนี้พวกเราเป็นผู้อาวุโสบีบบังคับเขา เขาคงจะไม่ยอมอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นไม่เพียงแต่ทำร้ายแม่นางดี ๆ ที่ไร้ความผิดเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นคู่รักที่ขุ่นเคืองกันอีก และเขาก็จะยิ่งชื่นชอบหลี่อี๋เหนียงมากขึ้นเรื่อย ๆ การไม่แทรกแซงอะไรจึงจะดีที่สุด”หลังจากเฝิงหมอมอฟังก็ชะงัก นางกลับลืมว่ามีหลี่อี๋เหนียงคนนี้ เพื่อหลี่อี๋เหนียงแล้ว ท่านซื่อจื่อยังกล้าหนีงานแต่งงาน หากบังคับท่านซื่อจื่อแต่งงาน ไม่แน่ว่าอาจจะหนีงานแต่งงานครั้งที่สอง เมื่อมีอีกครั้งหนึ่ง เช่นนั้นชื่อเสียงของจวนฉางซิงโหวจะต้องพังพินาศลงอย่างสิ้นเชิงต่อเรื่องนี้ ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ก็ปล่อยวางได้แล้ว ตราบใดที่หลานชายรู้ความเป็นพอ อนาคตจะยิ่งรู้ความ และเข้าใจถึงความหวังดีของผู้อาวุโสมากขึ้นด้วย จึงกล่าว “ความรักช่วงเริ่มแรกนั้นร้อนแรงที่สุด เมื่อเวลาผ่านไป ก็จะจืดจางลงมาก ตอนนี้เขากับ หลี่อี๋เหนียงอยู่ด้วยกันทั้งเช้าท

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 291

    กู้ซิวหมิงรีบตอบรับ “หลานจะเชื่อฟังคำสอนของท่านย่าอย่างเคร่งครัดขอรับ”ฮูหยินผู้เฒ่ากู้พยักหน้าเล็กน้อย และให้เขานั่งลงเพื่อพูดคุยอีกครั้ง หลานชายทั้งสองเหมือนจะกลับไปสมัยก่อน ทั้งพูดคุยและหัวเราะ เข้ากันได้เป็นอย่างดีเวลานี้ เฝิงหมอมอรับยามาแล้ว ก็สั่งให้สาวใช้ยกน้ำเข้ามาอีกหนึ่งอ่าง และทำความสะอาดบาดแผลให้กู้ซิวหมิง จากนั้นจึงใส่ยาให้เขา เมื่อเห็นบาดแผลของเขา ก็รู้ว่าตอนที่เขาโขกศีรษะใช้แรงมากเพียงใด และนั่นไม่ใช่ทำแบบขอไปทีเลยแม้แต่น้อย หลังใส่ยา กู้ซิวหมิงก็ยังไม่ออกจากโถงโซว่อัน แต่กลับไปโถงพระเป็นเพื่อนฮูหยินผู้เฒ่ากู้ ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ท่องพระคัมภีร์ ส่วนเขาคัดพระคัมภีร์อยู่ด้านข้างและบอกว่าอยากจะคัดเพื่ออธิษฐานให้ฮูหยินผู้เฒ่ากู้พอถึงช่วงกลางวัน กู้ซิวหมิงก็ยังคงไม่กลับ และอยู่รับประทานอาหารกลางวันเป็นเพื่อนฮูหยินผู้เฒ่ากู้ที่โถงโซว่อันฮูหยินผู้เฒ่ากู้เชื่อในพระพุทธ มักจะกินอาหารมังสวิรัติและท่องบทสวด อาหารกลางวันมื้อนี้แม้แต่เนื้อหมูสับยังไม่มีเลย ล้วนเป็นผักทั้งหมด นางกลัวหลานชายไม่เคยชิน จึงสั่งสาวใช้ “ไปให้ห้องครัวทำอาหารคาวเข้ามาสองอย่าง”กู้ซิวหมิงรีบกล่าว “ท่านย่

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 290

    หนิงตงตะลึงงัน รีบกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “เช่นนั้นให้เขาเป็นแบบเมื่อก่อนยังดีกว่าเจ้าค่ะ”เมิ่งจิ่นเหยาประหลาดใจไปชั่วขณะ จากนั้นก็ยกมุมปากขึ้นด้วยสีหน้าที่ไม่อาจคาดเดาที่จริงแล้วบุ่มบ่ามและโง่เขลาบ้างคงดีกว่า เช่นนั้นก็ง่ายต่อการรับมือ ตอนนี้เป็นเช่นนี้กลับรับมือไม่ได้โดยง่ายแล้วแต่ว่าคนผู้นี้ ผ่านความพ่ายแพ้มามากมาย ท้ายที่สุดก็จะเติบโต แผนการก็จะยิ่งลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อย ๆ กู้ซิวหมิงก็คงจะเป็นแบบนี้เช่นกัน ก่อนหน้านี้ทุกอย่างราบรื่น ตั้งแต่หนีการแต่งงานและถูกจับกลับมาก็พ่ายแพ้อย่างต่อเนื่อง ทำลายความภาคภูมิใจอย่างไม่มีใครเปรียบของเขา ได้เรียนรู้ที่จะอดทน และสวมหน้ากากจอมปลอมเพียงแต่ไม่รู้ว่า กู้ซิวหมิงจะเสแสร้งได้นานถึงเพียงใด......โถงโซ่วอันฮูหยินผู้เฒ่ากู้ได้รู้ว่าก็ซิวหมิงมาแล้ว ก็คิดขึ้นมาได้ในภายหลังว่า ครั้งที่แล้วเขากับซิวเหวินรวมถึงเฉิงจางทะเลาะกันจึงถูกกักบริเวณ และไม่ได้พบกับเขามาเป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้วนานแล้วที่ไม่ได้พบกัน ทว่ากลับไม่ได้คิดถึงขนาดนั้น คงจะเป็นเพราะว่าผิดหวังกับหลานชายผู้นี้ยิ่งนักเฝิงหมอมอเห็นท่าทางไม่ยินดียินร้ายของนาง คิดได้ว่าถึงอย่า

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 289

    เมิ่งจิ่นเหยามองดูแผ่นหลังของกู้ซิวหมิงที่เดินจากไป ดวงตาสงบและลึกล้ำ จนกระทั่งเงาร่างนั้นลับหายไปจากสายตา นางถึงได้เบนสายตากลับมา หันหน้าไปมองบุรุษที่อยู่ข้างกาย พลางถามอย่างสับสนว่า “ท่านพี่ ท่านว่าวันนี้บุตรชายคนโตคนดีของพวกเรากินยาอันใดผิดไปหรือไม่เจ้าคะ?”สีหน้าของกู้จิ่งซีชะงักเล็กน้อย ถามกลับไปว่า “ฮูหยินคิดว่าเช่นไรเล่า?”เมิ่งจิ่นเหยาก็ไม่ได้คิดที่จะแสร้งทำเป็นมารดาที่มีเมตตาอันใดต่อหน้าเขา หรี่ตาลงเล็กน้อย พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงว่า “ข้าคิดว่าถ้าเขาไม่กินยาผิด ก็คงถูกผีเข้าเจ้าค่ะ เป็นไปไม่ได้ที่จะขอโทษข้าจริง ๆ และกลับเนื้อกลับตัวเป็นคนใหม่”เมื่อได้ยินดังนั้น กู้จิ่งซีก็เหลือบมองนางอย่างเรียบเฉย ไม่ได้คัดค้านคำพูดของนางเมิ่งจิ่นเหยากล่าวอย่างประหลาดใจว่า “ท่านพี่ ท่านคิดว่าเขากำลังคิดที่จะทำอันใดเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีเงียบงันไปชั่วครู่ แล้วกล่าวเสียงเรียบว่า “เขาจะทำอันใดฮูหยินไม่จำเป็นต้องไปใส่ใจ ขอเพียงเขาไม่ก่อเรื่องก็พอแล้ว หากว่าก่อเรื่องขึ้นมา ข้าจะลงโทษเขาด้วยตัวเอง”เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้า ขอเพียงกู้ซิวหมิงไม่มาหาเรื่องนางก่อน นางก็สามารถคิดเสียว่ากู้ซิวหมิง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 288

    กู้ซิวหมิงกำลังคุกเข่า ตัวตั้งตรงไม่ขยับเขยื้อน “ท่านแม่ ลูกมีความผิด หากว่าท่านไม่ให้อภัยลูก ลูกก็จะคุกเข่าอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหนขอรับ”เมื่อเมิ่งจิ่นเหยาได้ฟังก็งงงัน ไม่เข้าใจว่าเขามีแผนร้ายอันใด ขมวดคิ้วอย่างยากที่สังเกตเห็น ไม่ว่าเขาจะจริงใจหรือว่าเสแสร้ง ก็จะแสดงร่วมกันกับเขา จึงแสร้งยิ้มอย่างอ่อนโยนมีเมตตา และกล่าวด้วยเสียงอบอุ่นว่า “ระหว่างแม่กับลูกมีความบาดหมางกันข้ามคืนเสียที่ไหน? ในเมื่อเจ้าสำนึกผิดเเล้ว แม่ก็จะอภัยให้เจ้า เรื่องก่อนหน้านี้ก็ให้มันผ่านไปเถิด เจ้ารีบลุกขึ้นเร็วเข้า”“ลูกขอบคุณท่านแม่มากขอรับที่ให้อภัย ก่อนหน้านี้เป็นลูกที่ไม่ดี ต่อจากนี้ไปจะไม่ทำผิดอีกแล้วขอรับ จะกตัญญูต่อท่านพ่อท่านแม่ให้มาก” กู้ซิวหมิงกล่าวอย่างจริงใจ จนเกือบจะร้องไห้ เมื่อพูดจบก็โขกศีรษะคำนับไปทางเมิ่งจิ่นเหยาอีกสามครั้ง ถึงได้ลุกขึ้นเมิ่งจิ่นเหยาเห็นว่าหน้าผากของเขาเป็นสีแดงแล้ว ก็แอบกล่าวในใจว่า ‘โหดร้ายต่อตนเองมากทีเดียว โขกศีรษะแรงถึงเพียงนี้ จนมีรอยเลือดไหลซึมออกมา’กู้จิ่งซีมองดูบุตรชายด้วยสีหน้าที่ไม่อาจแยกแยะได้ ดวงตาลึกล้ำ จับจ้องอยู่นาน จากนั้นก็กล่าวว่า “ซิวหมิง ในเมื่อเจ้าสำนึ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status