Share

บทที่ 87

Author: มู่อวิ๋นเฉิง
เพียงแค่ช่วงเช้าของวันเดียว เมิ่งจิ่นเหยาก็คำนวณรายได้ของโรงนาและร้านค้าในหลายปีมานี้ออกมาได้อย่างชัดเจน

ในตอนนี้ แม้ฐานะของสกุลโจวจะไม่ดีเท่าจวนหย่งชางป๋อ แต่ก็ไม่ด้อยเลย มารดาของนางเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของสกุลโจว ที่บ้านจึงมอบสินเดิมให้อย่างคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็นที่ดินหรือร้านค้า รายได้ล้วนไม่เลว

ส่วนจวนหย่งชางป๋อนอกจากจะมีผีพนันที่ติดการพนันแบบอารองของนางแล้ว ยังเป็นเพราะมีท่านย่าของนางคอยให้ท้าย ทำให้เขาแพ้พนันจนสูญเสียทรัพย์สินไปไม่น้อย รวมกับที่หลายปีมานี้จวนหย่งชางป๋อตกต่ำลง จึงเป็นสินสอดของท่านแม่นาง ที่ช่วยพยุงเกียรติยศของจวนหย่งชางป๋อมาตลอดหลายปี

รายได้จากที่ดินและร้านค้าพวกนั้น ตอนอยู่ในมือของนางซุนก็ถูกใช้ออกไปกว่าครึ่งแล้ว

หนิงตงดูยอดรวมที่ผู้เป็นนายคำนวณออกมา ก็พูดอย่างตะกุกตะกักว่า “พวกเขา…พวกเขาทำเกินไปแล้ว จวนหย่งชางป๋ออันใหญ่โตนั่น ใช้เงินของฮูหยินคนก่อนหล่อเลี้ยงให้อยู่รอดหรืออย่างไร? ”

เมิ่งจิ่นเหยาหัวเราะเบาๆ “ท่านพ่อที่แสนดีคนนั้นของข้ารักศักดิ์ศรีหน้าตา ใช้จ่ายมือเติบ ย่อมสิ้นเปลืองเงินทองน่ะสิ”

เพียงครู่เดียว ชุนหลิ่วก็ถือถาดเข้ามา แล้วหยิบขนมจานนั้นออกมาว
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 88

    รอจนชุนหลิ่วจากไป เมิ่งตงหย่วนก็คลี่จดหมายออกดู ทันใดนั้นความโมโหก็พุ่งขึ้นมา เขาถีบเก้าอี้ที่อยู่เบื้องหน้าจนพลิกคว่ำไปในเท้าเดียว จากนั้นก็คำรามอย่างโมโหว่า “นังลูกอกตัญญู!”นางซุนเพิ่งมาถึงก็ได้ยินเสียงคำรามด้วยความโกรธนี้เข้าพอดี ทำเอาตกใจจนคอหด ทว่าอย่างรวดเร็วก็ได้สติขึ้นมาว่า สามีน่าจะกำลังด่าทอเมิ่งจิ่นเหยา จึงรีบก้าวเข้าไปในห้องโถงอย่างรวดเร็ว แล้วส่งเสียงถามว่า “ท่านพี่ระงับโทสะเถิดเจ้าค่ะ ระวังจะโมโหจนเสียสุขภาพ ที่แท้เกินเรื่องใดขึ้นกันแน่”เมิ่งตงหย่วนโมโหจนใบหน้าแดงก่ำลำคอแข็งเกร็ง เขายื่นจดหมายในมือให้นาง โมโหอย่างที่สุดว่า “เจ้าดูเจ้าลูกอกตัญญูนี่สิ นางคิดจะบีบบังคับบ้านมารดาจนตาย ตอนนั้นทำไมคนที่ตายถึงเป็นนางโจวไม่ใช่นางนะ? เลี้ยงนางมาจนโตขนาดนี้ไม่รู้จักสำนึกบุญคุณก็ช่างแล้ว นี่ยังจะมาทวงหนี้กับบ้านมารดาของตัวเองอีก”เมื่อนางซุนได้ยิน ก็รีบรับจดหมายไปดูอย่างละเอียดทีหนึ่ง พบว่าเป็นจดหมายทวงหนี้ฉบับหนึ่ง ในตอนที่เห็นจำนวนบนนั้น นางก็แทบจะหน้ามืดหมดสติไปทันทีครอบครัวของพวกนางใช้สินเดิมของนางโจวไปมากขนาดนั้นเชียวหรือ?นี่ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เลย ต่อให้นำสินเดิมทั้งหมดข

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 89

    วันนี้เป็นวันที่แสงอาทิตย์อบอุ่น รัศมีแห่งฤดูใบไม้ผลิเปล่งประกายอย่างสดใสวันหยุดช่วงแต่งงานของกู้จิ่งซีได้จบลงแล้ว ยามเหม่าสี่เค่อเขาก็ออกจากบ้านแล้ว จวบจนพลบค่ำในยามจุดไฟจึงกลับมา ถึงตอนนั้นก็เป็นช่วงเวลาอาหารค่ำพอดีเมิ่งจิ่นเหยาได้พบเขาเพียงช่วงจุดคบไฟเท่านั้น และมีบางครั้งที่ถึงเวลาจุดไฟแล้วก็ยังไม่เห็นคน รอจนนางหลับไปแล้ว กู้จิ่งซีจึงกลับมาจากการทำงานอย่างดึกดื่นมืดค่ำ ทว่านางก็มิได้สนใจ เพียงทำเรื่องของตนเองให้ดีเท่านั้นเวลานี้ เมิ่งจิ่นเหยากำลังพลิกดูสมุดบัญชีทรัพย์สินส่วนตัวพวกนั้นของกู้จิ่งซี ทำความเข้าใจว่าแต่ละปีเขามีรายรับเท่าใด จะได้ทำหน้าที่ดูแลเรือนให้เขาในฐานะภรรยาชุนหลิ่วนำเทียบฉบับหนึ่งเข้ามามอบให้เมิ่งจิ่นเหยาอย่างนอบน้อม “ฮูหยินเจ้าคะ นี่เป็นเทียบเชิญที่จวนหรงกั๋วกงส่งมาเจ้าค่ะ”ความเคลื่อนไหวในการพลิกสมุดบัญชีของเมิ่งจิ่นเหยาชะงักลง นางแต่งเข้าจวนฉางซินโหวได้ครึ่งเดือนกว่าแล้ว ยังคงเป็นครั้งแรกที่ได้รีบเทียบเชิญจากสกุลอื่น คิดว่าคนพวกนั้นคงยึดท่าทีรอดูก่อน เมื่อเห็นว่าจวนฉางซินโหวปฏิบัติต่อนางไม่เลว จึงได้เชิญนางไปเป็นแขกนางรับเทียบเชิญมาดู เป็นงานเลี้ยงน

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 90

    นางคิดว่าตนเองไม่นับว่ามาสาย แต่เมื่อไปถึงแล้วจึงพบว่าตนเองไปสายนัก ในห้องโถงมีฮูหยินของขุนนางและเหล่าคุณหนูสูงศักดิ์รวมกันอยู่ไม่น้อยแล้วเดิมทุกคนก็คิดว่านางไม่กล้าออกจากบ้านมาเช่นกัน ดังนั้นคงไม่มีทางมาแล้ว ดังนั้นในตอนที่นางปรากฏตัว คล้ายกับทุกสายตาล้วนมารวมอยู่ที่ตัวนาง ในสีหน้ามีทั้งความตะลึงและประหลาดใจ จากนั้นก็เป็นการมองสำรวจนางก็เห็นนางสวมกระโปรงจีบลายหยกสมปรารถนาสีเขียวอ่อนอมฟ้าของธารน้ำ เส้นผมดำขลับมวยสูงเป็นทรงก้นหอย บนศีรษะประดับด้วยปิ่นระย้าฝังไข่มุกมรกต หูส่วมต่างหูมุกระย้า แม้มิได้ประทินโฉมอย่างซับซ้อน ทว่ารูปโฉมของนางเลอลักษณ์ บริสุทธิ์งดงาม สง่างามและภูมิฐานยามที่นางโค้งริมฝีปากแย้มยิ้มนั้น เจิดจรัสจนทำให้ตาพร่า หมู่ผกาสิ้นแสง นับเป็นหญิงงามที่หาได้ยากอย่างแท้จริงไม่แปลกเลยที่ฉางซินโหวผู้ให้ความสำคัญกับกฎธรรมเนียมมาตลอดจะแต่งนางเป็นภรรยา หากมีภรรยาที่งดงามเช่นนี้อยู่เคียงข้าง ต่อให้ต้องถูกคนทั้งแผ่นดินเย้ยหยันแล้วอย่างไร? เดิมเพราะฉางซินโหวมีโรคที่บอกผู้อื่นไม่ได้ จึงไม่มีสตรีสูงศักดิ์นางใดเต็มใจแต่งด้วย ยามนี้บุตรชายหนีวิวาห์ ทำให้เขาเก็บผลประโยชน์ครั้งใหญ่ได

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 91

    เรื่องนี้เมิ่งจิ่นเหยาก็เคยได้ยินมาเช่นกัน แต่นางกลับไม่ได้รู้สึกแปลกใจ จวนหย่งชางป๋อนั้นเน่าเละไปถึงฐานรากแล้ว ในเมื่อพวกเขากล้าใช้สินเดิมของมารดานาง แล้วจะไม่กล้าใช้ของนางซุนได้อย่างไร? ดังนั้นการบีบให้นางซุนใช้สินเดิมมาอุดรอยรั่วนี้ก็เป็นเรื่องที่ธรรมดาสามัญอย่างมากเลยล่ะนางซุนต้องสละทุกสิ่งที่มี แล้วยังขาดอีกเท่าใด จวนหย่งชางป๋อค่อยจ่ายเสริมเข้าไปทว่า ฮูหยินผู้นี้กลับเตือนนางให้นึกได้ว่า วันนี้เป็นเส้นตายวันสุดท้าย แต่นางออกจากจวนมาแต่เช้า จึงไม่รู้ว่าจวนหย่งชางป๋อได้ส่งเงินมาให้นางแล้วหรือยังนางวางจอกชาในมือลง ยกยิ้มขึ้นมาบางๆ ตอบอย่างไม่เร่งร้อนไม่ลนลานว่า “ดูท่าน่าจะเป็นเรื่องจริง ทว่าติดหนี้ย่อมต้องใช้คืน นี่เป็นหลักการอันแน่แท้ เงินในมือของนางไม่พอ จะนำสินเดิมไปจำนำเพื่อมาใช้คืนข้า ก็เป็นเรื่องธรรมดา”ได้ยินน้ำเสียงนางราบเรียบ แม้สิ่งที่กล่าวมาจะมีเหตุผล แต่คำพูดที่ดูสมเหตุสมผลพวกนี้กลับแฝงความไร้ไมตรี ดูท่าจะเป็นผู้ที่จิตใจเย็นชาเป็นแน่ทุกคนต่างมองหน้ากันอย่างเงียบงัน มีบุตรสาวบ้านใดที่ปฏิบัติต่อคนบ้านมารดาเช่นนี้บ้าง?จิตใจเช่นนี้ออกจะโหดร้ายไปบ้างแล้ว ต่อให้ทำไม่ถ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 92

    ฮูหยินท่านหรงกั๋วกงรีบเข้ามาพูดเปลี่ยนบรรยากาศ “กู้ฮูหยิน ในเมื่อเป็นความเข้าใจผิด เช่นนั้นก็อย่าคุยเรื่องนี้อีกเลย ดอกไม้ในสวนด้านหลังของจวนเรากำลังบานสวยพอดี มิสู้พวกเราไปชมดอกไม้กันดีหรือไม่? ”ฮูหยินท่านอื่นก็แสดงความสนใจออกมาเช่นกัน คนทั้งกลุ่มจึงออกจากโถงนั่งเล่น ย้ายไปที่สวนดอกไม้ด้านหลังแทนเพิ่งออกจากโถงนั่งเล่น เมิ่งจิ่นเหยาก็เห็นชุนหลิ่วกำลังเร่งฝีเท้าเข้ามาหานาง จากนั้นก็กระซิบข้างหูนางประโยคหนึ่ง ดวงตาของนางสว่างไสวในทันที หันกายไปกล่าวกับฮูหยินท่านหรงกั๋วกงว่า “ฮูหยินท่านกั๋วกง ที่บ้านข้ามีธุระนิดหน่อย ต้องขอตัวก่อนแล้วเจ้าค่ะ”ฮูหยินท่านหรงกั๋วกงพยักหน้าว่า “ในเมื่อกู้ฮูหยินมีธุระที่จวน เช่นนั้นก็เชิญเถิด ครั้งหน้าพวกเราค่อยนัดกันใหม่เมื่อมีเวลา”เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้าเบาๆ ถือโอกาสกล่าวคำอำลาฮูหยินท่านอื่น จากนั้นก็พาชิงชิว หนิงตง และชุนหลิ่วจากไปหลังจากพวกนางสี่นายบ่าวจากไป ฮูหยินท่านอื่นก็เริ่มกระซิบกระซาบวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมาทันทีอย่างอดไม่ได้“เดิมข้าคิดว่าวันนี้นางไม่มีทางมาแน่ คิดไม่ถึงว่าจะมาแล้ว”“ผู้ใดว่าไม่ใช่ล่ะ? แค่แต่งกับบิดาของคู่หมั้นตัวเอง ก็สร้างคว

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 93

    จวนฉางซินโหวหลังเมิ่งจิ่นเหยาออกจากจวนไปไม่นาน พ่อบ้านของจวนหย่งชางป๋อก็มาถึงจวนฉางซินโหว และได้รออยู่ในห้องโถงหน้านานแล้ว เมื่อรออยู่นานไม่เห็นเงาของเมิ่งจิ่นเหยา เขาก็ร้อนใจขึ้นมา จึงเดินวนไปมาอยู่ในห้องโถงเป็นการฆ่าเวลาสาวใช้ผู้ดูแลเรื่องน้ำชาที่อยู่ด้านข้างเห็นเขาเดินไปเดินมาเช่นนี้ ก็บ่นในใจเช่นกันว่า ดูจากพฤติกรรมพวกนั้นของจวนหย่งชางป๋อ เกรงว่าฮูหยินคงไม่กลับมาพบพวกเขาหรอกในตอนที่พ่อบ้านเงยหน้าขึ้นอย่างไม่ตั้งใจแล้วเห็นเงาร่างของเมิ่งจิ่นเหยานั่น เขาก็รีบหยุดฝีท้าว แล้วก้าวเข้าไปทักทายทันที รอยยิ้มนั้นเด่นชัดจนเรียกได้ว่าประจบประแจง เขาเรียกคำหนึ่งว่า “คุณหนูใหญ่ ในที่สุดท่านก็กลับมาเสียที”เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้าด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ สาวเท้าไปนั่งลงในตำแหน่งประธาน เหลือบตามองพ่อบ้านด้วยสายตาเย็นชาทีหนึ่ง ก็เห็นพ่อบ้านรอยยิ้มแข็งค้าง มองนางด้วยสีหน้าประหม่า ในแววตาของเขามีความกระวนกระวาย นางจึงมิได้สร้างความลำบากใจให้เขา ถามอย่างตรงไปตรงมาว่า “วันนี้คือวันที่สิบ ตั๋วเงินที่ควรจัดเตรียมนั้น ท่านพ่อของข้ากับนางซุนได้เตรียมไว้เรียบร้อยแล้วหรือยัง?”เมื่อพ่อบ้านได้ยินนางพูดถึงเงิ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 94

    เมื่อแต่ละคนได้รับเงินรางวัล ก็รีบกล่าวขอบคุณระหว่างทางกลับเรือนเวยหรุยเซวียน หนิงตงถามอย่างสงสัยประโยคหนึ่งว่า “ฮูหยิน ท่านว่าพวกนางป่วยจริงหรือแกล้งป่วยเจ้าคะ?”เมิ่งจิ่นเหยายกมุมปากเป็นรอยยิ้มหยันว่า “มีครั้งใดบ้างที่พวกนางเจอเรื่องแล้วไม่ล้มหมอนนอนเสื่อบ้าง? คงเป็นเพราะร่างกายอ่อนแอจนทนรับปัญหาไม่ไหวกระมัง เจอเรื่องอะไรหน่อยก็เลยล้มป่วยไป”เมื่อหนิงตงได้ยินก็เข้าใจทันที การแกล้งป่วยไม่เพียงจะได้รับความเห็นใจ ยังสามารถอ้างการป่วยไข้ไม่ออกจากบ้าน จะได้ไม่ต้องถูกผู้คนเยาะหยัน นี่เป็นการยิงธนูนัดเดียวได้นกสองตัวเมื่อผ่านประตูวงเดือนและระเบียงทางเดินไป ก็มีเสียงทะเลาะกันของเด็กสาวสองคนดังมาอย่างกะทันหัน เมิ่งจิ่นเหยาชะงักฝีเท้ามองไปตามเสียง ก็เห็นกู้เซวียนอี๋บุตรสาวที่เกิดจากภรรยาเอกของบ้านใหญ่ กับบุตรสาวที่เกิดจากอนุภรรยาของบ้านรองกู้เซวียนหลิง กำลังทะเลาะกันโดยไม่ทราบสาเหตุล้วนเป็นเด็กสาวในวัยสิบห้า คนหนึ่งสีหน้าเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง อีกคนขี้ขลาดอ่อนแอ ความแตกต่างระหว่างบุตรอนุภรรยาและบุตรภรรยาเอกนั้นไม่น้อยเลยจริงๆ อุปนิสัยช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับดินเหลือเกินเมื่อชุนหลิ่วเ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 95

    “หยุดมือ!”ในช่วงเวลาอันคับขันนั่นเอง ก็มีเสียงที่ค่อนข้างน่ายำเกรงดังขึ้น มือของกู้เซวียนอี๋ค้างอยู่กลางอากาศ หันไปทางต้นเสียงด้วยใบหน้าแข็งเกร็งก็เห็นเมิ่งจิ่นเหยากำลังชักสีหน้า เดินนำสาวใช้จำนวนหนึ่งมาทางพวกนาง ทั้งที่หญิงสาวอายุมากกว่าพวกนางเพียงปีเดียว แต่รัศมีบนตัวนางกลับทำให้คนกริ่งเกรงอย่างมาก นั่นเป็นความกดดันที่ไร้รูปลักษณ์ชนิดหนึ่ง ทำให้ฝ่ามือนั้นของนางชะงักค้างอยู่เช่นนั้น ไม่กล้าตบลงบนใบหน้าของกู้เซวียนหลิงบางที อาจเป็นเพราะเมิ่งจิ่นเหยามีฐานะเป็นผู้อาวุโส เป็นภรรยาของท่านอาสาม เพราะความเคารพและหวาดกลัวต่อท่านอาสาม ทำให้นางเกิดความกริ่งเกรงต่อเมิ่งจิ่นเหยาตามไปด้วยความแข็งกร้าวของกู้เซวียนอี๋พลันอ่อนลงในทันที ค่อยๆ ลดฝ่ามือที่เงื้ออยู่ลงด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน ส่งเสียงเรียกอย่างตะกุกตะกักว่า “อา อาสะใภ้สาม”กู้เซวียนหลิงแตกตื่นไปชั่วขณะ คิดถึงพฤติกรรมเมื่อครู่ของตน คาดว่าคงถูกผู้อาวุโสเห็นเข้าแล้ว ในใจก็รู้สึกกริ่งเกรงอย่างยิ่ง แต่นางก็ไม่เสียใจ กลับคารวะเมิ่งจิ่นเหยาตามธรรมเนียมของผู้เยาว์อย่างเคารพว่า “เซวียนหลิงคารวะอาสะใภ้สามเจ้าค่ะ อาสะใภ้สามสบายดีหรือไม่เจ้าค

Latest chapter

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 276

    เมิ่งจิ่นเหยามองนางด้วยความตกใจ เมื่อเห็นใบหน้านางมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น และราวกับมีความแค้นอะไรกับกู้ซิวหมิง จึงสับสนเล็กน้อย “เจ้าดูเหมือนดีใจมากเมื่อเห็นเขาโชคร้าย?”ท่านหญิงจิ้งหนิงเชิดริมฝีปาก ด้วยสีหน้าที่ดูแคลน “ข้าก็แค่ไม่ชอบขี้หน้าเขา ชอบทำท่าวางมาดทั้งวัน ดูเหมือนจะเป็นคนดี แต่จริง ๆ แล้วกลับเป็นสุภาพบุรุษจอมปลอม คนอื่นกลับบอกว่าเขาสุภาพอ่อนโยน และมีท่าทางแบบท่านโหว”เมิ่งจิ่นเหยาตกใจ “อาเหยียนสายตาเฉียบคมมาก”ท่านหญิงจิ้งหนิงยิ้มอย่างเขินอาย “ก็พอได้ แต่เพราะข้าเคยเห็นด้านที่ไม่ดีของเขา จึงรู้สึกว่าเขาแตกต่างกับพฤติกรรมที่แสดงออกมาอย่างมาก”ขณะที่นางพูด ก็ดื่มน้ำเชื่อมอีกหนึ่งอึก น้ำเชื่อมที่เย็นหอมหวานเข้าไปในปาก ทำให้รู้สึกสดชื่นไปทั่วทั้งตัว และกล่าวอีกว่า “อย่าเพิ่งกล่าวถึงเขาเลย ดื่มตอนที่มันยังเย็น อีกเดี๋ยวมันร้อนคาดว่าจะไม่อร่อยมากแล้ว”หลังดื่มน้ำเชื่อม ท่านหญิงจิ้งหนิงก็อยู่อีกกว่าครึ่งชั่วยามจึงจะกลับจวนเหลียงอ๋อง ......กู้จิ่งซีเลิกงานกลับมาเมิ่งจิ่นเหยาเห็นเขา ก็เรียกเขาด้วยเสียงอ่อนโยน “ท่านพี่”จากนั้น นางก็สั่งให้หนิงตงยกน้ำเชื่อมลิ้นจี่

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 275

    เวลาเที่ยง ท่านหญิงจิ้งหนิงยังอยู่ที่จวนท่านโหว กินอาหารกลางวันด้วยกันกับเมิ่งจิ่นเหยาเมื่อกินอาหารกลางวันเสร็จแล้ว เมิ่งจิ่นเหยาก็ได้กำชับสาวใช้ให้ทำลิ้นจี่แห้วเย็นในน้ำเชื่อม เมื่อทำเสร็จแล้วก็ส่งไปให้บ้านใหญ่กับบ้านรองสักหน่อยลิ้นจี่ทำให้ร้อนในได้ ทว่าแห้วแก้ร้อนใน ทำน้ำเชื่อมให้อร่อยหวานสดชื่น แช่เย็นก็ยิ่งดี เมื่อกินลงไปทำให้เย็นสดชื่นและหอมหวาน ทั้งยังสามารถดับร้อนได้ด้วย เหมาะที่จะดื่มสิ่งนี้ตอนอากาศร้อนยิ่งนักท่านหญิงจิ้งหนิงดื่มไปหนึ่งคำก็ส่งเสียงถอนหายใจออกมาอย่างสบายใจ “ไม่เลวเลยจริง ๆ ทำไมก่อนหน้านี้ข้าจึงคิดไม่ถึงว่าควรเอามันมาทำเป็นน้ำเชื่อมนะ?”เมิ่งจิ่นเหยาตอบกลับ “อยู่ ๆ ข้าก็เพิ่งนึกได้เช่นเดียวกัน”“ก่อนหน้านี้เจ้ากินลิ้นจี่เช่นนี้ตลอดเลยหรือ?” ท่านหญิงจิ้งหนิงเหลือบมองนางอย่างประหลาดใจ แล้วพยักหน้าอีกครั้ง “เป็นเจ้าที่เข้าใจเสพสุข เช่นนี้อร่อยมากทีเดียว”เมิ่งจิ่นเหยาส่ายศีรษะ ตอบกลับด้วยเสียงอ่อนโยน “ไม่ใช่ ก่อนหน้านี้ไม่เคยกิน เพียงแค่ฉุกคิดขึ้นมาได้จึงอยากลองทำดูเท่านั้น ตอนที่ท่านปู่ยังมีชีวิตอยู่ ข้าเคยกินลิ้นจี่ครั้งเดียว หลังจากนั้นก็เมื่อวานซืนกับเม

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 274

    ท่านหญิงจิ้งหนิงเห็นนางมองดูลิ้นจี่อย่างตะลึงงัน ไม่รู้ว่าเพราะเหตุอันใด จึงกล่าวอย่างไม่ได้สนใจว่า “เจ้าบอกว่าชอบมิใช่หรือ? ข้าได้รับมาจากเสด็จย่าเมื่อวานตอนบ่าย ให้เจ้าทั้งหมดเลย”เมิ่งจิ่นเหยาตกตะลึงเล็กน้อย มิน่าเล่าเมื่อวานนางกินอาหารกลางวันเสร็จแล้วจึงรีบร้อนจากไป ที่แท้ก็เข้าไปในวังนี่เอง ไปหาไทเฮาเพื่อขอลิ้นจี่มาให้นาง ดูแล้วลิ้นจี่นี้น่าจะสักสี่ห้าชั่งได้ ฝ่าบาทพระราชทานให้แก่ขุนนางเพียงแค่หนึ่งชั่งกว่าเท่านั้น สี่ห้าชั่งนี้ช่างล้ำค่ายิ่งนักเมิ่งจิ่นเหยาจ้องมองไปที่สาวน้อยที่อยู่ตรงหน้าอย่างตกอยู่ในภวังค์ หัวใจถูกปกคลุมไปด้วยไออุ่น ภายในใจรู้สึกอบอุ่นนัก จึงถามด้วยเสียงอ่อนโยน “อาเหยียน ให้ข้าหมดแล้ว เจ้ากินอันใด?”ท่านหญิงจิ้งหนิงกล่าวอย่างไม่ใส่ใจนัก “ข้ากินทุกปี ปีนี้กินไปหลายลูกแล้ว กินจนหายอยาก ตอนนี้ไม่ได้สนใจเท่าใดแล้ว พอดีเจ้าชื่นชอบ จึงเอามามอบให้เจ้า”เมิ่งจิ่นเหยาเม้มริมฝีปาก “ขอบใจมากนะอาเหยียน”ท่านหญิงจิ้งหนิงยิ้มอย่างขัดเขิน “ไม่ต้องเกรงใจ ก่อนที่ข้าจะนำมา ได้ใช้น้ำแข็งรักษาความสดไว้ด้วย เจ้าให้คนไปเอาน้ำแข็งมาสักหน่อย มิเช่นนั้นอากาศร้อนแล้ว มันจะเสียได้ง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 273

    ถือโอกาสที่ตอนนี้แสงอาทิตย์ยังไม่แรงเกินไป เมิ่งจิ่นเหยาพาท่านหญิงจิ้งหนิงไปเดินเล่นภายในจวนเพียงแต่ ดูเหมือนกับท่านหญิงจิ้งหนิงจะคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมภายในจวน จึงรู้ว่าด้านใดมีสะพาน ด้านใดมีศาลา และริมสระน้ำด้านใดเย็นมากกว่ากันเมิ่งจิ่นเหยาประหลาดใจเล็กน้อย “อาเหยียน ดูเหมือนว่าเจ้าจะคุ้นเคยกับจวนท่านโหวอยู่บ้าง”ท่านหญิงจิ้งหนิงตอบตามความจริง “ข้ามาที่จวนฉางซินโหวหลายครั้งแล้ว ตอนที่จัดงานเลี้ยงวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่า ดังนั้นจึงคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมภายในจวนอยู่บ้าง” นางกล่าว แล้วหันไปมองเมิ่งจิ่นเหยา “ใช่แล้ว ตอนที่เจ้าแต่งงาน ข้าก็อยู่ด้วย ข้ามาดื่มสุรามงคลกับท่านแม่”เมิ่งจิ่นเหยาเข้าใจ “ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง”ท่านหญิงจิ้งหนิงกล่าวอีกว่า “วันนี้ข้ามาอย่างหุนหันพลันแล่นเช่นนี้ ยังไม่ได้ไปเยี่ยมคารวะฮูหยินผู้เฒ่าเลย”มาเป็นแขกที่เรือนของผู้อื่น ไปทักทายผู้อาวุโสเสียหน่อย เป็นมารยาทพื้นฐานเมิ่งจิ่นเหยากล่าวตอบ “เช่นนั้นเจ้าก็มาผิดจังหวะแล้วละ เมื่อวานแม่สามีของข้าไปพักอยู่ที่วัดเป็นการชั่วคราว คาดว่าอีกสองสามวันถึงจะกลับมา”ท่านหญิงจิ้งหนิงก็ไม่ได้แปลกใจ เพียงแค่พยักหน

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 272

    กู้จิ่งซีมองใบหน้าที่หลับใหลอย่างสงบของแม่นางน้อย ท่าทางไร้การป้องกันแม้แต่น้อย ทันใดนั้นเขาก็เริ่มรู้สึกว่าตนเองคิดมากเกินไป เดิมทีพวกเขาก็เป็นสามีภรรยากัน ทำตามใจชอบบ้างก็ไม่เป็นไร ระมัดระวังตัวมากเกินไปกลับไม่เหมือนสามีภรรยากันเสียด้วยซ้ำ แม่นางน้อยคิดที่จะใช้ชีวิตร่วมกันกับเขาตลอดไปจริง ๆ ถึงได้เป็นเช่นนี้……วันต่อมาเมิ่งจิ่นเหยาเพิ่งจะกินข้าวเช้าเสร็จได้ไม่นาน กำลังเตรียมตัวไปอ่านหนังสือเพื่อฆ่าเวลาเสียหน่อย ก็มีสาวใช้เข้ามารายงานว่าท่านหญิงจิ้งหนิงมาที่นี่นางตะลึงเล็กน้อย รู้สึกจับต้นจนปลายไม่ถูกนิดหน่อย ไม่รู้ว่าอยู่ ๆ ท่านหญิงจิ้งหนิงมาหานางทำไม จึงรีบกำชับว่า “รีบไปเชิญท่านหญิงจิ้งหนิงเข้ามาเร็วเข้า”ผ่านไปไม่นาน สาวใช้ก็พาท่านหญิงจิ้งหนิงมาที่เรือนเวยหรุยเซวียนเมื่อเมิ่งจิ่นเหยามองเห็นท่านหญิงจิ้งหนิง ก็มองสำรวจอย่างละเอียด เห็นนางดูท่าทางสบายดี และก็ดูไม่ได้มีเรื่องอันใดเช่นกันเมื่อเห็นดังนั้น ท่านหญิงจิ้งหนิงก็ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ น้ำเสียงแฝงไปด้วยความสงสัย “นั่นมันสายตาอันใดของเจ้า? ไม่ยินดีต้อนรับข้ากระนั้นหรือ?”เมิ่งจิ่นเหยาเกรงว่านางจะเข้าใจผิด จึงรีบส่าย

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 271

    เมิ่งจิ่นเหยาลอบมองเขาด้วยสายตาแปลกประหลาด กล่าวคำพูดที่ทำให้ผู้อื่นตกใจไม่หยุด “หรือว่าวันที่อากาศร้อนเช่นนี้ ยังจะให้ข้าปิดไว้อย่างมิดชิดเหมือนตอนฤดูหนาวอีกหรือเจ้าคะ? ในเมื่อท่านใส่ใจกับความเป็นสุภาพบุรุษของตนเอง ไยถึงไม่คิดที่จะปกป้องตัวเองบ้างเล่า? บางทีข้าอาจจะทำอันใดท่านก็ได้นะเจ้าคะ?”นางขมวดคิ้วเล็กน้อย น้ำเสียงแฝงไปด้วยความขุ่นเคือง กำลังโมโหกู้จิ่งซีที่รบกวนการนอนของนาง อยู่ดีไม่ว่าดีมาห่มผ้าห่มให้นาง สุดท้ายทำให้นางร้อนจนตื่น ตอนนี้อยากนอนก็นอนไม่หลับแล้วเพียงแต่คำพูดที่นางพูดเมื่อครู่ล้วนเป็นความจริงทั้งหมด ไม่ต้องพูดว่ากู้จิ่งซีทำไม่ได้ ไม่สามารถที่จะทำอันใดนางได้ แม้ว่ากู้จิ่งซีจะทำได้ นางก็ไม่มีทางปฏิเสธ ถึงอย่างไรตอนนี้ก็เป็นสามีภรรยากันแล้วร่วมเรียงเคียงหมอนมานานถึงเพียงนี้ นับจากนี้ต้องใช้ชีวิตที่เหลือร่วมกัน เพียงแค่นอนหลับเท่านั้นเอง ยังต้องยึดติดว่าสวมเสื้อผ้าหนาพอหรือไม่? เดิมทีฤดูร้อนก็ไม่เหมาะที่จะสวมใส่เสื้อผ้าที่หนาอยู่แล้ว จะอึดอัดและทำให้ป่วยเอาได้เพราะคำพูดนี้ของนาง ในเวลานี้บรรยากาศจึงได้แข็งค้าง กู้จิ่งซีตะลึงงัน การเคลื่อนไหวของพัดก็หยุดชะงักลง ห

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 270

    เคยลิ้มรสชาติของชีวิตที่ขื่นขม พอตอนนี้กำลังมีชีวิตที่ดี กินดีอยู่ดี ยังมีอันใดที่ต้องพิถีพิถันกัน? ตอนนี้เป็นแบบนี้ นางก็พึงพอใจมากแล้วเมื่อกินอาหารเย็นเสร็จ เมิ่งจิ่นเหยาก็เคลื่อนไหวเล็กน้อยอยู่ภายในเรือนเพื่อย่อยอาหาร หลังจากนั้นก็อาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมตัวพักผ่อนว่ากันว่า สามีภรรยาอยู่ร่วมกันมานาน ก็จะยิ่งปลดปล่อยมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ระมัดระวังตัวมากเกินไปเหมือนตอนที่แต่งงานกันใหม่ ๆกู้จิ่งซีรู้สึกว่าคำพูดนี้สมเหตุสมผล ทว่าคนที่ปลดปล่อยไม่ใช่เขา แต่เป็นแม่นางน้อยต่างหาก ตอนที่เพิ่งแต่งงานกันยังระมัดระวังตัว นอนหลับอย่างสงบเสงี่ยม เกรงว่าจะสัมผัสร่างกายของเขาโดยไม่ทันได้ระวังน่าจะเป็นเพราะทุกวันนี้ เขาไม่ได้ทำอันใดที่เกินเลย แม่นางน้อยจึงยิ่งปฏิบัติต่อเขาอย่างวางใจหรือจะบอกว่า แม่นางน้อยไม่ได้มองว่าเขาเป็นบุรุษก็ได้เหมือนดังเช่นตอนนี้ เขาเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ กลับมาที่ห้องนอน ก็มองเห็นแม่นางน้อยกำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง เพราะว่าชอบอากาศหนาว จึงไม่ได้ห่มผ้าห่ม สวมเพียงชุดนอนที่บางเบาเท่านั้น ผ้าที่ทำจากไหมนั้นบางเบามาก ถึงขนาดสามารถมองเห็นชุดซับในสีชมพูรากบัวที่อยู่

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 269

    กู้จิ่งซีรู้สึกแค่เพียงไม่คาดคิดเท่านั้น เดิมทีไม่ได้คิดที่จะถือสาเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ทว่าเมื่อเห็นแม่นางน้อยอับอายเสียจนหน้าแดง สีหน้าท่าทางขัดเขินไม่กล้ามองตนเองอย่างไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรดี คำพูดที่กล่าวออกมาจึงแฝงไปด้วยการหยอกเย้า “ฮูหยินใช้ข้าเป็นสาวใช้แล้วหรือ”เมื่อได้ฟังดังนั้น เมิ่งจิ่นเหยาก็มองไปทางเขาอย่างฉับพลัน บุรุษผู้นั้นยิ้มมุมปาก ดวงตามองตนเองอย่างหยอกล้อ รู้สึกละอายใจและขุ่นเคืองขึ้นมาในทันที อดไม่ได้ที่จะตอกกลับ “มิใช่ว่าท่านพี่อยากเป็นสาวใช้หรอกหรือ? ข้าก็ทำตามความปรารถนาของท่านพี่แล้วมิใช่หรือเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีรู้ว่าเมื่อใดควรหยุด หากทำให้แม่น้อยร้องไห้ขึ้นมาก็คงจะจบไม่สวยเท่าใดนัก จึงตอบรับด้วยรอยยิ้ม “อืม ฮูหยินพูดถูกแล้ว ข้าเต็มใจเอง ตอนนี้ข้ายังมีธุระต้องไปจัดการ ฮูหยินกินเองเถิด”เขาพูดพลางเอาเปลือกกับเมล็ดของลิ้นจี่วางไว้บนโต๊ะ แล้วหยิบผ้าสีเหลี่ยมสีน้ำเงินขึ้นมาเช็ดมือ เตรียมที่จะจากไปเมิ่งจิ่นเหยาเหลือบมองลิ้นจี่ที่เหลืออยู่พลางถามว่า “ท่านพี่ไม่ถือโอกาสกินตอนที่ยังสดใหม่อยู่สักหน่อย แล้วค่อยไปทำงานหรือเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีส่ายศีรษะ “ฮูหยินกินเถิด ข้าไม่ค

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 268

    เขาเอื้อมมือไปหยิบที่ปอกเปลือกแล้วมาหนึ่งลูก จากนั้นก็ยื่นไปที่ปากของแม่นางน้อย พลางกล่าวอย่างหยอกเย้า “ฮูหยิน เพียงแค่มองดูอย่างเดียวลิ้มลองรสชาติไม่ได้ ลองชิมดูก่อนดีหรือไม่?”เมิ่งจิ่นเหยาได้สติกลับมา ก็เห็นเขาแย้มยิ้มมองตนเอง ดวงตาอันอ่อนละมุนคู่นั้นช่างน่าหลงใหลยิ่งนัก จึงอ้าปากรับการป้อนของเขาโดยไม่รู้ตัว กัดหนึ่งคำเบา ๆ เนื้อของลิ้นจี่ราวกับผิวที่เนียนนุ่ม อ่อนนุ่มและสดชื่น มีรสหอมหวานในปาก กลิ่นหอมกรุ่น หวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย รสชาติดีเยี่ยม ทำให้ชวนนึกถึงรสชาติที่เหลืออยู่ในปากเมื่อเห็นนางหรี่ตาลง ใบหน้าเต็มไปด้วยความพอใจ ถึงขั้นทำให้หวนนึกถึง กู้จิ่งซียิ้มพลางถามว่า “อร่อยขนาดนั้นเชียวหรือ?”เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้า “อร่อยเจ้าค่ะ ผ่านมานานหลายปีได้กินอีกครั้ง ยังเป็นรสชาติที่อยู่ในความทรงจำอยู่เลยเจ้าค่ะ” เมื่อนับเวลาจากที่นางกินลิ้นจี่ครั้งที่แล้ว ก็คือสิบปีก่อน ตอนนั้นท่านปู่ได้รับลิ้นจี่มาจากสหายนิดหน่อย ลูกเดียวยังทำใจกินไม่ลง นำกลับมาป้อนใส่ท้องนางทั้งหมด เวลานั้นนางยังไม่เข้าใจความล้ำค่าของลิ้นจี่ รู้เพียงแต่ว่าอร่อยเท่านั้น ต่อมาท่านปู่เสียชีวิตไป นางก็ไม่ได้กินอีกเ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status