Share

บทที่ 86

Author: มู่อวิ๋นเฉิง
last update Last Updated: 2024-11-11 18:53:18
เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้า ราวกับกำลังพูดเรื่องเล็กน้อยทั่วไป “เรื่องมารดาเลี้ยงยึดครองสินเดิมของลูกเลี้ยงมีอยู่ไม่น้อย ข้าเพียงบังเอิญโชคร้ายเข้าเท่านั้น แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด แค่ทวงคืนกลับมาได้ก็พอแล้ว”

นางจางกล่าวอย่างกระอักกระอ่วนอยู่บ้างว่า “นั่นสิ โชคดีนะที่น้องสะใภ้สามทวงกลับมาได้แล้ว”

เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้าอีกครั้ง จากนั้นก็ยกจอกชาขึ้นมาจิบอีกคำ หากนางอายุน้อยกว่านี้อีกสองสามปี ไม่แน่ว่าจะรู้สึกอับอาย รู้สึกว่าน่าขายหน้า แต่บัดนี้ นางไม่สนใจเรื่องเหล่านี้แล้ว ดังนั้นไม่ว่าผู้ใด ก็ไม่อาจมาสร้างความระคายใจให้นางได้

เดิมฮูหยินผู้เฒ่ากู้ก็พอใจในตัวลูกสะใภ้คนนี้อยู่แล้ว ยามนี้เมื่อเห็นว่านางใช้คำพูดไม่กี่คำก็คลี่คลายสถานการณ์ชวนขายหน้าไปได้ ก็รู้สึกพึงพอใจยิ่งกว่าเดิม แม่นางที่ดีงามเช่นนี้ เจ้าเด็กดื้อซิวหมิงนั่นไม่คู่ควร คู่กับเย่าหลิงจึงดีที่สุด

ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ถอนใจเบาๆ ทีหนึ่ง “พออายุมากแล้วก็ใช้การไม่ค่อยได้ ยังไม่ทันไรก็รู้สึกเหนื่อยเสียแล้ว พวกเจ้าจงกลับไปกันเถอะ”

เมื่อนางกล่าวจบ นางจางก็รู้สึกประหม่ากังวลขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อครู่ยังดีอยู่เลย เหตุใดเพียงครู่เดียวก็เหนื่อยเ
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 87

    เพียงแค่ช่วงเช้าของวันเดียว เมิ่งจิ่นเหยาก็คำนวณรายได้ของโรงนาและร้านค้าในหลายปีมานี้ออกมาได้อย่างชัดเจนในตอนนี้ แม้ฐานะของสกุลโจวจะไม่ดีเท่าจวนหย่งชางป๋อ แต่ก็ไม่ด้อยเลย มารดาของนางเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของสกุลโจว ที่บ้านจึงมอบสินเดิมให้อย่างคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็นที่ดินหรือร้านค้า รายได้ล้วนไม่เลวส่วนจวนหย่งชางป๋อนอกจากจะมีผีพนันที่ติดการพนันแบบอารองของนางแล้ว ยังเป็นเพราะมีท่านย่าของนางคอยให้ท้าย ทำให้เขาแพ้พนันจนสูญเสียทรัพย์สินไปไม่น้อย รวมกับที่หลายปีมานี้จวนหย่งชางป๋อตกต่ำลง จึงเป็นสินสอดของท่านแม่นาง ที่ช่วยพยุงเกียรติยศของจวนหย่งชางป๋อมาตลอดหลายปีรายได้จากที่ดินและร้านค้าพวกนั้น ตอนอยู่ในมือของนางซุนก็ถูกใช้ออกไปกว่าครึ่งแล้วหนิงตงดูยอดรวมที่ผู้เป็นนายคำนวณออกมา ก็พูดอย่างตะกุกตะกักว่า “พวกเขา…พวกเขาทำเกินไปแล้ว จวนหย่งชางป๋ออันใหญ่โตนั่น ใช้เงินของฮูหยินคนก่อนหล่อเลี้ยงให้อยู่รอดหรืออย่างไร? ”เมิ่งจิ่นเหยาหัวเราะเบาๆ “ท่านพ่อที่แสนดีคนนั้นของข้ารักศักดิ์ศรีหน้าตา ใช้จ่ายมือเติบ ย่อมสิ้นเปลืองเงินทองน่ะสิ”เพียงครู่เดียว ชุนหลิ่วก็ถือถาดเข้ามา แล้วหยิบขนมจานนั้นออกมาว

    Last Updated : 2024-11-11
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 88

    รอจนชุนหลิ่วจากไป เมิ่งตงหย่วนก็คลี่จดหมายออกดู ทันใดนั้นความโมโหก็พุ่งขึ้นมา เขาถีบเก้าอี้ที่อยู่เบื้องหน้าจนพลิกคว่ำไปในเท้าเดียว จากนั้นก็คำรามอย่างโมโหว่า “นังลูกอกตัญญู!”นางซุนเพิ่งมาถึงก็ได้ยินเสียงคำรามด้วยความโกรธนี้เข้าพอดี ทำเอาตกใจจนคอหด ทว่าอย่างรวดเร็วก็ได้สติขึ้นมาว่า สามีน่าจะกำลังด่าทอเมิ่งจิ่นเหยา จึงรีบก้าวเข้าไปในห้องโถงอย่างรวดเร็ว แล้วส่งเสียงถามว่า “ท่านพี่ระงับโทสะเถิดเจ้าค่ะ ระวังจะโมโหจนเสียสุขภาพ ที่แท้เกินเรื่องใดขึ้นกันแน่”เมิ่งตงหย่วนโมโหจนใบหน้าแดงก่ำลำคอแข็งเกร็ง เขายื่นจดหมายในมือให้นาง โมโหอย่างที่สุดว่า “เจ้าดูเจ้าลูกอกตัญญูนี่สิ นางคิดจะบีบบังคับบ้านมารดาจนตาย ตอนนั้นทำไมคนที่ตายถึงเป็นนางโจวไม่ใช่นางนะ? เลี้ยงนางมาจนโตขนาดนี้ไม่รู้จักสำนึกบุญคุณก็ช่างแล้ว นี่ยังจะมาทวงหนี้กับบ้านมารดาของตัวเองอีก”เมื่อนางซุนได้ยิน ก็รีบรับจดหมายไปดูอย่างละเอียดทีหนึ่ง พบว่าเป็นจดหมายทวงหนี้ฉบับหนึ่ง ในตอนที่เห็นจำนวนบนนั้น นางก็แทบจะหน้ามืดหมดสติไปทันทีครอบครัวของพวกนางใช้สินเดิมของนางโจวไปมากขนาดนั้นเชียวหรือ?นี่ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เลย ต่อให้นำสินเดิมทั้งหมดข

    Last Updated : 2024-11-11
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 89

    วันนี้เป็นวันที่แสงอาทิตย์อบอุ่น รัศมีแห่งฤดูใบไม้ผลิเปล่งประกายอย่างสดใสวันหยุดช่วงแต่งงานของกู้จิ่งซีได้จบลงแล้ว ยามเหม่าสี่เค่อเขาก็ออกจากบ้านแล้ว จวบจนพลบค่ำในยามจุดไฟจึงกลับมา ถึงตอนนั้นก็เป็นช่วงเวลาอาหารค่ำพอดีเมิ่งจิ่นเหยาได้พบเขาเพียงช่วงจุดคบไฟเท่านั้น และมีบางครั้งที่ถึงเวลาจุดไฟแล้วก็ยังไม่เห็นคน รอจนนางหลับไปแล้ว กู้จิ่งซีจึงกลับมาจากการทำงานอย่างดึกดื่นมืดค่ำ ทว่านางก็มิได้สนใจ เพียงทำเรื่องของตนเองให้ดีเท่านั้นเวลานี้ เมิ่งจิ่นเหยากำลังพลิกดูสมุดบัญชีทรัพย์สินส่วนตัวพวกนั้นของกู้จิ่งซี ทำความเข้าใจว่าแต่ละปีเขามีรายรับเท่าใด จะได้ทำหน้าที่ดูแลเรือนให้เขาในฐานะภรรยาชุนหลิ่วนำเทียบฉบับหนึ่งเข้ามามอบให้เมิ่งจิ่นเหยาอย่างนอบน้อม “ฮูหยินเจ้าคะ นี่เป็นเทียบเชิญที่จวนหรงกั๋วกงส่งมาเจ้าค่ะ”ความเคลื่อนไหวในการพลิกสมุดบัญชีของเมิ่งจิ่นเหยาชะงักลง นางแต่งเข้าจวนฉางซินโหวได้ครึ่งเดือนกว่าแล้ว ยังคงเป็นครั้งแรกที่ได้รีบเทียบเชิญจากสกุลอื่น คิดว่าคนพวกนั้นคงยึดท่าทีรอดูก่อน เมื่อเห็นว่าจวนฉางซินโหวปฏิบัติต่อนางไม่เลว จึงได้เชิญนางไปเป็นแขกนางรับเทียบเชิญมาดู เป็นงานเลี้ยงน

    Last Updated : 2024-11-11
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 90

    นางคิดว่าตนเองไม่นับว่ามาสาย แต่เมื่อไปถึงแล้วจึงพบว่าตนเองไปสายนัก ในห้องโถงมีฮูหยินของขุนนางและเหล่าคุณหนูสูงศักดิ์รวมกันอยู่ไม่น้อยแล้วเดิมทุกคนก็คิดว่านางไม่กล้าออกจากบ้านมาเช่นกัน ดังนั้นคงไม่มีทางมาแล้ว ดังนั้นในตอนที่นางปรากฏตัว คล้ายกับทุกสายตาล้วนมารวมอยู่ที่ตัวนาง ในสีหน้ามีทั้งความตะลึงและประหลาดใจ จากนั้นก็เป็นการมองสำรวจนางก็เห็นนางสวมกระโปรงจีบลายหยกสมปรารถนาสีเขียวอ่อนอมฟ้าของธารน้ำ เส้นผมดำขลับมวยสูงเป็นทรงก้นหอย บนศีรษะประดับด้วยปิ่นระย้าฝังไข่มุกมรกต หูส่วมต่างหูมุกระย้า แม้มิได้ประทินโฉมอย่างซับซ้อน ทว่ารูปโฉมของนางเลอลักษณ์ บริสุทธิ์งดงาม สง่างามและภูมิฐานยามที่นางโค้งริมฝีปากแย้มยิ้มนั้น เจิดจรัสจนทำให้ตาพร่า หมู่ผกาสิ้นแสง นับเป็นหญิงงามที่หาได้ยากอย่างแท้จริงไม่แปลกเลยที่ฉางซินโหวผู้ให้ความสำคัญกับกฎธรรมเนียมมาตลอดจะแต่งนางเป็นภรรยา หากมีภรรยาที่งดงามเช่นนี้อยู่เคียงข้าง ต่อให้ต้องถูกคนทั้งแผ่นดินเย้ยหยันแล้วอย่างไร? เดิมเพราะฉางซินโหวมีโรคที่บอกผู้อื่นไม่ได้ จึงไม่มีสตรีสูงศักดิ์นางใดเต็มใจแต่งด้วย ยามนี้บุตรชายหนีวิวาห์ ทำให้เขาเก็บผลประโยชน์ครั้งใหญ่ได

    Last Updated : 2024-11-11
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 91

    เรื่องนี้เมิ่งจิ่นเหยาก็เคยได้ยินมาเช่นกัน แต่นางกลับไม่ได้รู้สึกแปลกใจ จวนหย่งชางป๋อนั้นเน่าเละไปถึงฐานรากแล้ว ในเมื่อพวกเขากล้าใช้สินเดิมของมารดานาง แล้วจะไม่กล้าใช้ของนางซุนได้อย่างไร? ดังนั้นการบีบให้นางซุนใช้สินเดิมมาอุดรอยรั่วนี้ก็เป็นเรื่องที่ธรรมดาสามัญอย่างมากเลยล่ะนางซุนต้องสละทุกสิ่งที่มี แล้วยังขาดอีกเท่าใด จวนหย่งชางป๋อค่อยจ่ายเสริมเข้าไปทว่า ฮูหยินผู้นี้กลับเตือนนางให้นึกได้ว่า วันนี้เป็นเส้นตายวันสุดท้าย แต่นางออกจากจวนมาแต่เช้า จึงไม่รู้ว่าจวนหย่งชางป๋อได้ส่งเงินมาให้นางแล้วหรือยังนางวางจอกชาในมือลง ยกยิ้มขึ้นมาบางๆ ตอบอย่างไม่เร่งร้อนไม่ลนลานว่า “ดูท่าน่าจะเป็นเรื่องจริง ทว่าติดหนี้ย่อมต้องใช้คืน นี่เป็นหลักการอันแน่แท้ เงินในมือของนางไม่พอ จะนำสินเดิมไปจำนำเพื่อมาใช้คืนข้า ก็เป็นเรื่องธรรมดา”ได้ยินน้ำเสียงนางราบเรียบ แม้สิ่งที่กล่าวมาจะมีเหตุผล แต่คำพูดที่ดูสมเหตุสมผลพวกนี้กลับแฝงความไร้ไมตรี ดูท่าจะเป็นผู้ที่จิตใจเย็นชาเป็นแน่ทุกคนต่างมองหน้ากันอย่างเงียบงัน มีบุตรสาวบ้านใดที่ปฏิบัติต่อคนบ้านมารดาเช่นนี้บ้าง?จิตใจเช่นนี้ออกจะโหดร้ายไปบ้างแล้ว ต่อให้ทำไม่ถ

    Last Updated : 2024-11-11
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 92

    ฮูหยินท่านหรงกั๋วกงรีบเข้ามาพูดเปลี่ยนบรรยากาศ “กู้ฮูหยิน ในเมื่อเป็นความเข้าใจผิด เช่นนั้นก็อย่าคุยเรื่องนี้อีกเลย ดอกไม้ในสวนด้านหลังของจวนเรากำลังบานสวยพอดี มิสู้พวกเราไปชมดอกไม้กันดีหรือไม่? ”ฮูหยินท่านอื่นก็แสดงความสนใจออกมาเช่นกัน คนทั้งกลุ่มจึงออกจากโถงนั่งเล่น ย้ายไปที่สวนดอกไม้ด้านหลังแทนเพิ่งออกจากโถงนั่งเล่น เมิ่งจิ่นเหยาก็เห็นชุนหลิ่วกำลังเร่งฝีเท้าเข้ามาหานาง จากนั้นก็กระซิบข้างหูนางประโยคหนึ่ง ดวงตาของนางสว่างไสวในทันที หันกายไปกล่าวกับฮูหยินท่านหรงกั๋วกงว่า “ฮูหยินท่านกั๋วกง ที่บ้านข้ามีธุระนิดหน่อย ต้องขอตัวก่อนแล้วเจ้าค่ะ”ฮูหยินท่านหรงกั๋วกงพยักหน้าว่า “ในเมื่อกู้ฮูหยินมีธุระที่จวน เช่นนั้นก็เชิญเถิด ครั้งหน้าพวกเราค่อยนัดกันใหม่เมื่อมีเวลา”เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้าเบาๆ ถือโอกาสกล่าวคำอำลาฮูหยินท่านอื่น จากนั้นก็พาชิงชิว หนิงตง และชุนหลิ่วจากไปหลังจากพวกนางสี่นายบ่าวจากไป ฮูหยินท่านอื่นก็เริ่มกระซิบกระซาบวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมาทันทีอย่างอดไม่ได้“เดิมข้าคิดว่าวันนี้นางไม่มีทางมาแน่ คิดไม่ถึงว่าจะมาแล้ว”“ผู้ใดว่าไม่ใช่ล่ะ? แค่แต่งกับบิดาของคู่หมั้นตัวเอง ก็สร้างคว

    Last Updated : 2024-11-11
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 93

    จวนฉางซินโหวหลังเมิ่งจิ่นเหยาออกจากจวนไปไม่นาน พ่อบ้านของจวนหย่งชางป๋อก็มาถึงจวนฉางซินโหว และได้รออยู่ในห้องโถงหน้านานแล้ว เมื่อรออยู่นานไม่เห็นเงาของเมิ่งจิ่นเหยา เขาก็ร้อนใจขึ้นมา จึงเดินวนไปมาอยู่ในห้องโถงเป็นการฆ่าเวลาสาวใช้ผู้ดูแลเรื่องน้ำชาที่อยู่ด้านข้างเห็นเขาเดินไปเดินมาเช่นนี้ ก็บ่นในใจเช่นกันว่า ดูจากพฤติกรรมพวกนั้นของจวนหย่งชางป๋อ เกรงว่าฮูหยินคงไม่กลับมาพบพวกเขาหรอกในตอนที่พ่อบ้านเงยหน้าขึ้นอย่างไม่ตั้งใจแล้วเห็นเงาร่างของเมิ่งจิ่นเหยานั่น เขาก็รีบหยุดฝีท้าว แล้วก้าวเข้าไปทักทายทันที รอยยิ้มนั้นเด่นชัดจนเรียกได้ว่าประจบประแจง เขาเรียกคำหนึ่งว่า “คุณหนูใหญ่ ในที่สุดท่านก็กลับมาเสียที”เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้าด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ สาวเท้าไปนั่งลงในตำแหน่งประธาน เหลือบตามองพ่อบ้านด้วยสายตาเย็นชาทีหนึ่ง ก็เห็นพ่อบ้านรอยยิ้มแข็งค้าง มองนางด้วยสีหน้าประหม่า ในแววตาของเขามีความกระวนกระวาย นางจึงมิได้สร้างความลำบากใจให้เขา ถามอย่างตรงไปตรงมาว่า “วันนี้คือวันที่สิบ ตั๋วเงินที่ควรจัดเตรียมนั้น ท่านพ่อของข้ากับนางซุนได้เตรียมไว้เรียบร้อยแล้วหรือยัง?”เมื่อพ่อบ้านได้ยินนางพูดถึงเงิ

    Last Updated : 2024-11-11
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 94

    เมื่อแต่ละคนได้รับเงินรางวัล ก็รีบกล่าวขอบคุณระหว่างทางกลับเรือนเวยหรุยเซวียน หนิงตงถามอย่างสงสัยประโยคหนึ่งว่า “ฮูหยิน ท่านว่าพวกนางป่วยจริงหรือแกล้งป่วยเจ้าคะ?”เมิ่งจิ่นเหยายกมุมปากเป็นรอยยิ้มหยันว่า “มีครั้งใดบ้างที่พวกนางเจอเรื่องแล้วไม่ล้มหมอนนอนเสื่อบ้าง? คงเป็นเพราะร่างกายอ่อนแอจนทนรับปัญหาไม่ไหวกระมัง เจอเรื่องอะไรหน่อยก็เลยล้มป่วยไป”เมื่อหนิงตงได้ยินก็เข้าใจทันที การแกล้งป่วยไม่เพียงจะได้รับความเห็นใจ ยังสามารถอ้างการป่วยไข้ไม่ออกจากบ้าน จะได้ไม่ต้องถูกผู้คนเยาะหยัน นี่เป็นการยิงธนูนัดเดียวได้นกสองตัวเมื่อผ่านประตูวงเดือนและระเบียงทางเดินไป ก็มีเสียงทะเลาะกันของเด็กสาวสองคนดังมาอย่างกะทันหัน เมิ่งจิ่นเหยาชะงักฝีเท้ามองไปตามเสียง ก็เห็นกู้เซวียนอี๋บุตรสาวที่เกิดจากภรรยาเอกของบ้านใหญ่ กับบุตรสาวที่เกิดจากอนุภรรยาของบ้านรองกู้เซวียนหลิง กำลังทะเลาะกันโดยไม่ทราบสาเหตุล้วนเป็นเด็กสาวในวัยสิบห้า คนหนึ่งสีหน้าเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง อีกคนขี้ขลาดอ่อนแอ ความแตกต่างระหว่างบุตรอนุภรรยาและบุตรภรรยาเอกนั้นไม่น้อยเลยจริงๆ อุปนิสัยช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับดินเหลือเกินเมื่อชุนหลิ่วเ

    Last Updated : 2024-11-11

Latest chapter

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 180  

    ได้ยินเช่นนั้น นางจางก็เหลือบสายตามองกู้จิ่งซีด้วยความพรั่นพรึงปราดหนึ่ง บัดนี้กลับเป็นบุตรชายของนางที่เป็นฝ่ายคนมากรุมรังแกคนน้อย หากว่าบุตรชายของตนเองเป็นฝ่ายผิดก่อนขึ้นมาจะเป็นเรื่องดีได้อย่างไร? อาสามยึดมั่นในความยุติธรรมชื่นชมลงโทษล้วนละเอียดรอบคอบมาตลอด เมื่อลงโทษผู้น้อยที่ทำความผิดแล้วก็ไม่เคยใจอ่อนปรานีแม้เพียงครั้งเดียว “ท่านแม่” ในตอนนั้นเอง เสียงของกู้จิ่งเซิ่งก็ดังขึ้นมา เมิ่งจิ่นเหยาและกู้จิ่งซีเองก็ทำความเคารพต่อฮูหยินผู้เฒ่ากู้ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยน “ท่านแม่” นางจางเหลือบสายตามองขึ้นไป ก็เห็นว่าแม่สามีเข้ามาแล้ว จึงผละออกจากบุตรชาย และร้องเรียก “ท่านแม่” จากนั้นจึงเดินเข้าไปอย่างกระตือรือร้นประคองแม่สามีไปนั่งประจำตำแหน่ง ฮูหยินผู้เฒ่ากู้มองนางปราดหนึ่ง ปล่อยให้นางช่วยประคองเดินไป รู้ดีว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ คงเป็นเพราะกลัวว่าบุตรชายจะถูกลงโทษ ฉะนั้นถึงได้รีบร้อนเข้ามาเอาอกเอาใจผู้อาวุโสก่อนใคร หวังว่าโทษจะเบาลงได้บ้าง แต่หนนี้ดูนางจะคิดมากเกินไป เพราะคนที่ผิดก่อนอย่างไรก็เป็นซิวหมิง หากจะลงโทษก็ต้องลงโทษซิวหมิงก่อน ฮูหยินผู้เฒ่ากู้นั่งประจำตำแหน่งแล้ว ก

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 179  

    อีกฟากนั้น เมิ่งจิ่นเหยาและกู้จิ่งซีได้รับข่าวอย่างไม่ตั้งตัว แจ้งว่าให้พวกเขามุ่งหน้าไปที่โถงโซ่วอัน สองคนสามีภรรยาเองก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็รีบมุ่งหน้าไปที่โถงโซ่วอันทันที กู้จิ่งเซิ่งและนางจางสองคนสามีภรรยาเองก็เช่นกัน เมื่อได้รับข่าวแล้ว ก็รีบร้อนมุ่งหน้าไปที่โถงโซ่วอันทันที โดยปกติท่านแม่ไม่เคยเรียกพวกเขาเข้าพบอย่างกะทันหันเช่นนี้ ในเมื่อเรียกพวกเขาให้ไปเข้าพบก็หมายความว่าต้องมีเรื่องสำคัญบางอย่างเกิดขึ้นแล้ว พวกเขาทั้งคู่ต่างรู้สึกวิตกกังวล แต่เมื่อเห็นว่าเจ้าสามและภรรยาก็มาถึงแล้วเช่นกัน ก็ค่อยรู้สึกเบาใจลงมาได้สักหน่อย กู้จิ่งเซิ่งชะงักฝีเท้า ถามไถ่อย่างสงสัย “น้องสาม น้องสะใภ้สาม พวกเจ้าเองก็ถูกท่านแม่เรียกพบเหมือนกันหรือ?” เมิ่งจิ่นเหยาและกู้จิ่งซีพยักหน้าเบา ๆ กู้จิ่งเซิ่งยังถามอีกว่า “เช่นนั้นท่านแม่ได้แจ้งหรือไม่ว่าท่านเรียกให้พวกข้ามาด้วยเหตุผลอันใด?” กู้จิ่งซีตอบกลับด้วยเสียงราบเรียบ “เรื่องนี้ท่านแม่มิได้แจ้ง เพียงแต่ระยะนี้ไม่มีเรื่องใดเกิดขึ้น คงจะไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรกระมัง พี่ใหญ่วางใจเถิด” ได้ยินวาจานี้แล้ว กู้จิ่งเซิ่งเองก็ไม่คิดอะไรมากไปกว่าน

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 178  

    “บริสุทธิ์?” กู้ซิวหมิงแค่นเสียงหัวเราะ “ตอนแรกที่ข้าหนีงานวิวาห์ นางเกือบจะได้สมรสกับเจ้าแล้ว หากไม่ใช่เพราะท่านพ่อข้ายังมิได้สมรสภรรยาเอก ตัวเจ้าก็มีความเป็นไปได้ถึงห้าส่วนที่จะได้เป็นสามีของนาง” และทันทีที่เขาพูดจบ ก็ถูกเมิ่งเฉิงจางที่อยู่ด้านข้างยกเท้าถีบเข้าอย่างรุนแรง เขาไม่ทันตั้งตัวก็ล้มลงไป ทำให้กู้ซิวเหวินได้โอกาสพลิกตัวกลับมา เดิมทีเมิ่งเฉิงจางไม่พร้อมจะเข้าร่วม แต่เมื่อได้ยินกู้ซิวหมิงกล่าวหาว่าร้ายทำลายความบริสุทธิ์ของพี่หญิงใหญ่อย่างโจ่งแจ้ง ก็ทนไม่ไหว เข้าร่วมกับกู้ซิวเหวินทันที เมื่อเป็นสองรุมหนึ่ง ก็ทำให้กู้ซิวหมิงซึ่งเดิมเป็นฝ่ายได้เปรียบก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบไป เมิ่งเฉิงจางและกู้ซิวเหวินต่างฉลาดเฉียบแหลมทั้งคู่ เลือกลงมือเฉพาะส่วนที่มีเสื้อผ้าปกปิดเท่านั้น กระทั่งมีสาวใช้คนหนึ่งบังเอิญเดินผ่านมา เห็นภาพฉากนี้เข้า ก็ตกใจรีบหมุนตัวเดินหนีไปทันที วิ่งโร่ไปยังโถงโซ่วอันเพื่อนำเรื่องไปแจ้งฮูหยินผู้เฒ่ากู้ ฮูหยินผู้เฒ่ากู้เมื่อได้ยินเช่นนั้น ก็สั่งให้เฝิงหมอมอหญิงรับใช้คนสนิทเข้ามาห้ามปรามการทะเลาะทันที และพาตัวพวกเขาทุกคนกลับมาที่โถงโซ่วอัน ขณะเดียวกันก็สั่งให้ส

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 177  

    สิ้นวาจานี้ บรรยากาศรอบข้างพลันจมดิ่งสู่ความตึงเครียด กู้ซิวหมิงและกู้ซิวเหวินเป็นพี่น้องกันมาหลายปี สมานฉันท์ปรองดองกันมาตลอด ไม่เคยทะเลาะเบาะแว้ง แต่วันนี้กลับไม่สนหน้าของอีกฝ่าย มีปากเสียงปะทะคารมต่อกันโดยตรง พวกเขาขึงตาจ้องกันด้วยโทสะ ท้ายที่สุดก็เป็นกู้ซิวหมิงผู้ซึ่งเป็นฝ่ายผิดก่อนต้องยอมถอย ด้วยเรื่องนี้ การกระทำของเขาทำให้ชื่อเสียงของพี่น้องในตระกูลต้องได้รับผลกระทบไปด้วยจริง และเพราะเหตุผลนี้ ท่านพ่อถึงได้เรียกเขาไปตำหนิที่ห้องหนังสือเมื่อตอนก่อน ทว่าบัดนี้เขาเองก็ได้ให้หว่านเอ๋อร์ย้ายออกจากห้องหลักซึ่งต้องเป็นภรรยาเอกเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์อาศัยแล้ว ยังต้องการให้เขาทำอย่างไรอีก? เมิ่งเฉิงจางผงะไป มองสองพี่สองที่ไม่ยอมลดราวาศอก เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องนี้จะบานปลายไปถึงขั้นทำให้พวกเขาสองคนพี่น้องต้องทะเลาะกัน หลี่หว่านเอ๋อร์น้ำตาคลอเบ้า บัดนี้ไม่อาจอดทนกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกแล้ว เสี้ยวพริบตาหยาดน้ำตาก็ร่วงเผาะลงมาในทันที สะอื้นไห้เสียงเบา กู้ซิวเหวินเห็นนางร้องไห้น้ำตานองหน้า ท่าทางเหมือนอนุภรรยาของท่านพ่อของเขาไม่มีผิด ความรู้สึกชิงชังรังเกียจยิ่งผุดขึ้นในใจ ก็เสริมขึ้นประโยค

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 176  

    ท่านพ่อรักเมิ่งจิ่นเหยามากเพียงนั้น ก็ไม่แน่เมิ่งจิ่นเหยาอาจคอยพูดข้างหมอน ท่านพ่อถึงได้ช่วยพาเมิ่งเฉิงจางเข้าสำนักศึกษาหลิงซานด้วย สำนักศึกษาหลิงซาน แม้แต่เขาที่เป็นบุตรชายยังไม่สามารถเข้าเรียนได้เลยด้วยซ้ำ แต่ท่านพ่อกลับพาคนอื่นเข้าไป หนำซ้ำยังช่วยพาเข้าไปถึงสองคน ในใจเขารู้สึกไม่ยินยอม กวาดสายตาประเมินเมิ่งเฉิงจางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าไปหนึ่งที ส่งเสียงฮึ่มออกมาเบาๆ “จริงอย่างที่ว่าหนึ่งคนบรรลุเซียน หมูหมากาไก่ก็พลอยได้ขึ้นสวรรค์ด้วย พอพี่สาวไต่เต้าขึ้นมาจนได้ดี คนเป็นน้องชายก็พลอยได้รับผลประโยชน์ไปด้วย” ถ้อยคำนี้แม้มิได้ชี้ชัด ทว่าความหมายกลับชัดเจนในตัว ว่ากำลังถากถางเมิ่งเฉิงจางที่อาศัยความสัมพันธ์ของพี่สาว เพื่อให้พี่เขยช่วยพาตนเองเข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลิงซาน เมิ่งเฉิงจางสีหน้ามืดครึ้มลงในทันใด สีหน้าของกู้ซิวเหวินก็ดูย่ำแย่เช่นกัน พี่สามไม่เข้าใจเรื่องราวอะไร ทว่าเขาเข้าใจกระจ่าง น้องชายของน้าสะใภ้สามท่านนี้แม้อายุยังน้อย แต่ก็เป็นคนที่เก่งกาจมีพรสวรรค์อย่างแท้จริง พี่สามไม่ทำความเข้าใจให้ดี แต่อาศัยจินตนาการเพ้อเจ้อของตนเองเข้าใจผิดไปว่าอีกฝ่ายต้องใช้เส้นสาย เขาดึงหน

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 175  

    แสงอาทิตย์ยามเช้าตรู่ช่างอ่อนโยน เหมาะสำหรับเดินเล่นยิ่งนัก กู้ซิวเหวินต้อนรับผู้มาเยือนอย่างกระตือรือร้นและเป็นมิตร พาเมิ่งเฉิงจางเข้ามาเยี่ยมชมภายในจวน ทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมภายในจวนได้ครู่หนึ่ง ระหว่างทางก็ถูกใครบางคนเรียกให้เข้าไปหา ก่อนจะขอปลีกตัวออกไปสักพัก ก็ได้บอกให้เมิ่งเฉิงจางเดินชมสภาพแวดล้อมไปก่อนพลาง ๆ เมิ่งเฉิงจางเห็นทัศนียภาพงดงามโดดเด่น ครู่เดียวก็หลงใหลไปกับความงดงามของทัศนียภาพ คิดไม่ถึงว่าเดินไปเดินมาสุดท้ายจะหลงทาง มีเส้นทางอยู่มากมาย ไม่รู้ว่าควรเดินเส้นทางใดเพื่อกลับไปจุดเดิม ครั้นกู้ซิวเหวินกลับมาไม่เห็นคน ก็รู้ทันทีว่าเขาน่าจะหลงทางแล้ว จึงรีบออกตามหาทันที ระหว่างทางบังเอิญเจอกู้ซิวหมิงและหลี่อี๋เหนียงเดินเข้ามา สองคนกำลังเดินเล่นอย่างสบายใจ คุยกันบ้าง หัวเราะกันบ้าง ในแววตาเจือความพิสมัยลุ่มลึกหวานชื่น บุรุษเก่งกาจมีความสามารถสตรีโฉมงามเพริศพริ้ง มองปราดเดียวก็เห็นถึงความเหมาะสมอย่างยิ่ง เขาเดินเข้าไปทักท่าน “พี่สาม หลี่อี๋เหนียง” หลายวันที่ผ่านมาหลี่อี๋เหนียงได้เรียนรู้ระเบียบประเพณีแล้ว เข้าใจชัดเจนว่าเมื่อใดที่ตนพบเจ้านายไม่ว่าเป็นท่านใดในจวนล

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 174  

    คล้ายว่าการนอนหงายจะทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย นางจึงพลิกตัวนอนตะแคงข้าง ขดตัว และยังคงร้องไห้ไม่หยุด นี่คงจะกำลังฝันร้ายอยู่สินะ กู้จิ่งซีมองแม่นางน้อยกำลังร้องไห้ และเสียงสะอื้นไห้ยิ่งดังขึ้นทุกเสี้ยวขณะ เขาที่ไม่เคยมีประสบการณ์ปลอบโยนเด็กน้อยมาก่อนค่อนข้างทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรก่อนดี หากเป็นเช่นนี้ต่อไป จนสาวใช้ที่อยู่เฝ้ายามดึกข้างนอกได้ยินเข้า อาจจะคิดไปไกลถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ เขาครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเลื่อนมือไปลูบแผ่นหลังของแม่นางน้อยอย่างประดักประเดิด และปลอบโยนด้วยเสียงอบอุ่นว่า “ฮูหยินอย่าร้องไห้เลย ไม่เป็นอะไรแล้ว อย่าร้องไห้เลย” ไม่รู้ใช่เพราะได้ยินเสียงนี้หรือไม่ เมิ่งจิ่นเหยาเขยิบเข้ามาข้างกายเขาตามสัญชาตญาณ อิงแอบเขาไว้และยังคงร้องไห้ต่อไป กู้จิ่งซีจำต้องยอมรับชะตากรรมไป ได้แต่ภาวนาให้นางรีบหยุดสะอื้น ไม่เช่นนั้นหากคนอื่นได้ยินเข้าจะดูไม่งาม กลางดึกผู้คนเงียบสงัดหากมีเสียงสะอื้นไห้ของนางแว่วดังออกมาจากห้องนอน ต่อให้จะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ก็หนีไม่พ้นต้องถูกเข้าใจผิดแน่ “ฮูหยินอย่าร้องไห้เลย ไม่ต้องร้องแล้ว มันก็แค่ฝันร้าย” กู้จิ่งซีปลอบโยนด้วย

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 173  

    คืนนั้น เมิ่งจิ่นเหยาฝัน ในฝันเฉิงอวี่กำลังร้องไห้โยเยไม่ยอมดื่มยา ตู้อี๋เหนียงแม้ใช้เสียงนุ่มนวลปลอบโยนอยู่นานครู่ใหญ่แล้วแต่ก็ยังไม่เป็นผล เห็นเจ้าตัวเล็กร้องไห้จนหน้าแดง แม้กระทั่งลมหายใจก็เริ่มไม่เป็นจังหวะ ตู้อี๋เหนียงกลัวว่าเจ้าเด็กน้อยร้องไห้จนขาดใจ ก็ไม่กล้าบังคับให้เจ้าเด็กน้อยดื่มยาอีก ได้แต่ปลอบโยนด้วยเสียงนุ่มนวล “เฉิงอวี่เด็กดี เฉิงอวี่ไม่อยากกิน เช่นนั้นก็ไม่ต้องกินแล้วนะ” เอ่ยพลางก็หันไปส่งสายตาให้สาวใช้ข้างกาย สาวใช้ผงกศีรษะ รีบออกไปตามหาคนช่วยกู้สถานการณ์ ทว่าสาวใช้แค่คิดจะออกไป เมิ่งจิ่นเหยาตัวน้อยก็เข้ามาพอดี ตู้อี๋เหนียงเห็นนาง ราวกับเห็นดวงดาวช่วยชีวิต เผยรอยยิ้มอบอุ่นออกมา “คุณหนูใหญ่ท่านมาแล้ว เฉิงอวี่ไม่ยอมดื่มยาอีกแล้ว ท่านช่วยมาปลอบโยนเขาหน่อยเถิด เขาเชื่อฟังท่านที่สุดแล้ว” “พี่…แค่ก…พี่หญิงใหญ่” เฉิงอวี่เห็นนาง ทันใดนั้นก็หยุดร้อง และยื่นมือออกมาขอให้นางกอด เมิ่งจิ่นเหยาตัวน้อยก้าวขาสั้น ๆ วิ่งเข้าไปหา ให้สาวใช้อุ้มขึ้นเตียงแล้ว นางก็ยื่นมือออกไปกอดน้องชายที่ป่วยอยู่ พลางเอ่ยวาจาปลอบโยนด้วยเสียงอ้อแอ้ของเด็กน้อย “เฉิงอวี่เด็กดี ดื่มยานี่อีกแค่

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 172  

    เมิ่งจิ่นเหยาหน้าถอดสี คิดถึงท่าทางหมดอาลัยตายอยากเมื่อสักครู่ของตนเองขึ้นมา ช่างน่าอับอายขายหน้าเสียจริง นางลดมือลงอย่างกระอักกระอ่วน เอ่ยด้วยใบหน้าเหยเก “แล้วอย่างไร คนเราก็ต้องมีช่วงเวลาที่ความคิดเพี้ยนผิดไปบ้าง ฟังถ้อยคำตักเตือนของท่านพี่แล้ว ข้าเองก็คงไม่ทำอะไรเช่นนั้นอีกแล้วเจ้าค่ะ” นางเอ่ยพลาง ก็ผินใบหน้าไปทางอื่น ขอบตาแดงรื้น รีบกะพริบตารัว ๆ หวังจะไล่น้ำตาให้ไหลย้อนกลับไป ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุขุมว่า “แม้เฉิงอวี่จะวัยเพียงสองขวบ แต่เขาก็รักทะนุถนอมข้ามาก ๆ ตอนเด็กที่ข้าเคยสะดุดก้อนหิน จนตนเองหกล้มเขายังเจ็บปวดหัวใจอย่างกับอะไรดี เด็กน้อยคนนั้นด่าทอสาปแช่งเจ้าหินก้อนนั้นอยู่นานเชียว ด่าว่ามันนิสัยไม่ดี หากเขาเห็นข้าได้รับบาดเจ็บ เขาต้องเจ็บหัวใจแน่” กู้จิ่งซีฟังอยู่อย่างเงียบเชียบ แม้เขาจะอาศัยในครอบครัวที่พอจะเรียกได้ว่ารักใคร่ปรองดองกันบ้าง แต่ก็ไม่เคยมีน้องชายแบบนี้มาก่อน เขากับพี่ชายมิได้มีความผูกพันกันแน่นแฟ้นอะไร พี่ชายทั้งสองคนแม้อาวุโสกว่า แต่ก็ยำเกรงเขา ให้ความเคารพเขามาก ความสนิทสนมใกล้ชิดจึงมีไม่เพียงพอ เขาเอ่ยด้วยเสียงอบอุ่น “เช่นนั้นฮูหยินโปรดจำใส่ใจ อย่าให

DMCA.com Protection Status