แชร์

บทที่ 249

ผู้เขียน: มู่อวิ๋นเฉิง
“คุณหนูใหญ่ ในที่สุดท่านก็มาเสียที เชิญเข้ามาโดยเร็วเถิดขอรับ”

เมื่อหลี่เฉิงมองเห็นเมิ่งจิ่นเหยา ก็เหมือนดังได้เห็นที่พึ่งสุดท้าย เป็นแสงสว่างในความมืดมิด ดวงตาทั้งคู่ของเขาเปล่งประกาย รีบหลบไปด้านข้างเพื่อหลีกทางเชิญเมิ่งจิ่นเหยาและสาวใช้สองคนเข้ามา

เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้าเล็กน้อย พลางย่างเท้าเข้าไปในห้องส่วนตัว

หนิงตงกับชิงชิวติดตามไปอย่างใกล้ชิด

เมื่อเฉียวหมอมอมองเห็นเมิ่งจิ่นเหยากับสาวใช้อีกสองคนเข้ามา ก็ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน พลางรินน้ำชาให้กับเมิ่งจิ่นเหยา “คุณหนูใหญ่ เชิญดื่มชาเจ้าค่ะ”

ก่อนหน้านี้ตอนที่เมิ่งจิ่นเหยายังไม่ออกเรือน เฉียวหมอมอคือคนสนิทที่อยู่ข้างกายของฮูหยิน สำหรับสตรีที่ไม่ได้รับความรักอย่างเมิ่งจิ่นเหยาแล้ว นางไม่จำเป็นต้องจะต้องใส่ใจ ทว่าตอนนี้นางกลับมีเรื่องที่ต้องขอร้องต่อหน้านาง ความรู้สึกเช่นนี้ทั้งน่ากระอักกระอ่วนและซับซ้อน

เมิ่งจิ่นเหยาเหลือบมองดูเฉียวหมอมออยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็กล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “เงินหกพันตำลึงไม่ใช่เงินจำนวนเล็กน้อย ข้าต้องการเห็นคุณค่าถึงจะสามารถช่วยเหลือผู้ดูแลหลี่ได้ เฉียวหมอมอลองบอกมาก่อนเถิดว่ามีอันใดที่คุ้มค่ากับเงินหกพัน
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 250

    เมื่อนางจริงใจอย่างเต็มเปี่ยม เมิ่งจิ่นเหยาที่เงียบงันอยู่นานก็ได้พยักหน้าตอบ “ในเมื่อพวกเจ้าสองคนแม่ลูกมีความจริงใจ เรื่องนี้ก็จะมอบให้พวกเจ้าไปทำ ข้าก็คร้านจะหาผู้อื่นเช่นกัน สำหรับจะเป็นวัวเป็นม้าในอีกครึ่งชีวิตที่เหลือนั้น ก็ไม่จำเป็น เพียงแค่ต้องทำเรื่องนี้แทนข้าให้ดีก็พอแล้ว”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หลี่เฉิงก็คุกเข่าตาม พลางกล่าวขอบคุณพร้อมกับเฉียวหมอมอ “ขอบคุณคุณหนูใหญ่”เมิ่งจิ่นเหยาส่งสายตาให้กับชิงชิวชิงชิวเข้าใจโดยสัญชาตญาณ จากนั้นก็หยิบซองจดหมายซองหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ เปิดซองจดหมายแล้วหยิบกระดาษที่เขียนตัวอักษรขึ้นมาสองแผ่น หลังจากนั้นก็รับกล่องขนาดเล็กทรงกลมกล่องหนึ่งมาจากมือของหนิงตงแล้วเปิดออก นั่นคือกล่องหมึกสีชาดกล่องหนึ่งเมิ่งจิ่นเหยากล่าวอีกว่า “เฉียวหมอมอ ผู้ดูแลหลี่ ประทับรอยนิ้วมือบนนี้เถิด”เมื่อกล่าวคำนี้ออกมา เฉียวหมอมอกับหลี่เฉิงก็ตะลึงงัน พากันลุกขึ้นยืน มองไปบนกระดาษสองแผ่นที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่รู้เหตุผลเฉียวหมอมอกล่าวอย่างงงัน “คุณหนูใหญ่ นี่คือ?”เมิ่งจิ่นเหยายิ้มอย่างใจเย็น พลางกล่าวอย่างช้า ๆ ว่า “ข้าจะให้เงินหกพันตำลึงแก่พวกเจ้า หากพวกเจ้ากลับคำไ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 251

    ในวินาทีที่สิ้นเสียงของนาง เสียงที่หนักแน่นของหลี่เฉิงก็ดังขึ้น “คุณหนูใหญ่ ข้าน้อยยินดีเป็นม้ารับใช้ของคุณหนูใหญ่ขอรับ”เมื่อหลี่เฉิงกล่าวจบ ก็ยื่นมือไปสัมผัสที่หมึก จากนั้นก็ประทับรอยนิ้วมือไปบนกระดาษทั้งสองแผ่น การเคลื่อนไหวลื่นไหลเป็นธรรมชาติ ไม่มีความลังเลแม้แต่น้อยเมื่อเฉียวหมอมอเห็นดังนั้น ก็ประทับนิ้วมือตามในทันทีจุดอ่อนมีหลักฐานที่เป็นรูปธรรมแล้ว พวกเขาแม่ลูกขึ้นเรือของเมิ่งจิ่นเหยาโดยสมบูรณ์ นับจากนี้เป็นต้นไปก็เป็นผู้ที่อยู่บนเรือลำเดียวกันแล้ว สามารถทำได้เพียงจงรักภักดีต่อเมิ่งจิ่นเหยาเท่านั้น มิเช่นนั้นหากถูกเปิดเผยต่อหน้านางซุน นางซุนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไว้แน่เมิ่งจิ่นเหยาเหลือบมองรอยนิ้วมือที่อยู่บนนั้น รอยยิ้มฉายวาบผ่านนัยน์ตา พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เฉียวหมอมอ ผู้ดูแลหลี่ พวกเรามาร่วมมือกันอย่างมีความสุขเถิด”สีหน้าของนางสงบนิ่ง น้ำเสียงนุ่มนวล ดูแล้วท่าทางน่าคบค้าด้วยอย่างมากทว่าเฉียวหมอมอกับหลี่เฉิงกลับเกิดความรู้สึกหวาดกลัวนางขึ้นมาเล็กน้อย คนผู้นี้ไม่ได้รับความรักอย่างที่สุด เป็นบุตรสาวคนโตสายตรงของจวนหย่งชางป๋อที่แม้กระทั่งบ่าวไพร่ยังสามารถเหยียบย่ำ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 252

    สีหน้าของเมิ่งจิ่นเหยาอ่อนลง พลางถามอีกว่า “ชุ่ยเอ๋อร์เล่า?”เฉียวหมอมอตอบตามความเป็นจริง “หลังจากชุ่ยเอ๋อร์ออกเรือน ก็ตายเพราะคลอดยากเจ้าค่ะ”ตายเพราะคลอดยากงั้นหรือ?เมิ่งจิ่นเหยาหรี่ตาเล็กน้อย อย่าโทษที่นางคิดมากเกินไป ชุ่ยเอ๋อร์ออกไปจากสายตาของนางซุน ไม่อยู่ในการควบคุมของนางซุน ทว่าเมื่อรู้ความลับของนางซุนแล้ว ก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงนางซุนให้ไม่ห่วงกังวล ด้วยเหตุนี้จึงมีความเป็นไปได้ว่าจะปิดปากนางเฉียวหมอมอสังเกตความเปลี่ยนแปลงในสีหน้าของนางอย่างไม่แสดงออก สามารถคาดเดาได้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงลังเลว่า “เป็นเหมือนที่คุณหนูใหญ่คิดจริง ๆ เจ้าค่ะ”ถูกต้องแล้ว ชุ่ยเอ๋อร์ตายเพราะคลอดยาก เป็นฝีมือของฮูหยินจริง ๆ ฮูหยินจงใจส่งของบำรุงครรภ์จำนวนมากเป็นพิเศษไปให้กับชุ่ยเอ๋อร์ชุ่ยเอ๋อร์ที่ซื่อ ๆ เข้าใจผิดคิดว่าฮูหยินคิดถึงไมตรีครั้งเก่า และเห็นความสำคัญของตนจึงได้ส่งของบำรุงมาให้กับตนเอง และทั้งหมดก็เป็นของดี เป็นของดีที่ปกติไม่ได้กิน จึงได้กินไปทั้งหมด สุดท้ายก็ตายเพราะคลอดบุตรยาก หนึ่งศพสองชีวิตเมื่อมาคิดดูในตอนนี้ ภายในใจของเฉียวหมอมอยังคงหวาดกลัวอยู่บ้าง นายหญ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 253

    เมิ่งจิ่นเหยาส่งสายตาไปให้กับหนิงตงหนิงตงพยักหน้าอย่างเข้าใจ ทันใดนั้นก็หยิบตั๋วเงินใบหนึ่งออกมาจากถุงเงินแล้วส่งให้กับหลี่เฉิงนั่นคือตั๋วเงินที่มีค่าหนึ่งพันตำลึงจำนวนหนึ่งใบเมื่อหลี่เฉิงเห็นว่าจำนวนไม่ถูกต้อง ก็งุนงงเล็กน้อย ทว่าก็ไม่กล้าถามอันใด เพียงแค่เตือนอย่างตะกุกตะกักเท่านั้น “คุณหนูใหญ่ นะ นี่มันตั๋วเงินหนึ่งพันตำลึงเท่านั้นนะขอรับ”เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้าแผ่วเบา “ไม่ผิด นี่ก็คือหนึ่งพันตำลึง”เมื่อเฉียวหมอมอมองเห็นหนึ่งพันตำลึงนั่น ก็มองเมิ่งจิ่นเหยาอย่างสับสนและประหม่า ทั้ง ๆ ที่ตกลงกันแล้วว่าหกพันตำลึง อยู่ ๆ ก็กลายเป็นหนึ่งพันตำลึง หรือว่าต้องการกลับคำ และต้องการเล่นตลกกับพวกเขาแม่ลูกกระนั้นหรือ?หลี่เฉิงอดรนทนไม่ไหว จึงถามด้วยเสียงร้อนรน “คุณหนูใหญ่ ท่านบอกว่าหกพันตำลึงมิใช่หรือขอรับ?”เมิ่งจิ่นเหยากล่าวอย่างไม่รีบไม่ร้อน “เงินรายได้หนึ่งพันตำลึงของที่ดิน คงจะใกล้ได้เวลาส่งมอบสมุดบัญชีให้กับนางซุนแล้วกระมัง? เงินหนึ่งพันตำลึงนี้เจ้าเอาไปเติมเต็มรอยรั่วนี้ก่อน”นางพูดแล้วหยุดลงชั่วขณะ หันหน้าไปมองเฉียวหมอมอ พลางยกยิ้มแผ่วเบา “ส่วนที่เหลืออีกห้าพันตำลึง ก็ต้องดูคว

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 254

    เฉียวหมอมอกระซิบเตือนสติ “เฉิงเอ๋อร์ เจ้าจงจำเอาไว้ว่าห้ามมีข้อบกพร่องแม้แต่เพียงนิดเดียว มิเช่นนั้นพวกเราแม่ลูกก็อย่าได้คิดว่าจะมีชีวิตรอดอีกเลย”ใบหน้าของหลี่เฉิงเผยให้เห็นถึงความตื่นตระหนก “หรือว่าคุณหนูใหญ่จะ…”สีหน้าของเฉียวหมอมอจริงจัง พลางส่ายหน้าแผ่วเบา “ไม่ใช่คุณหนูใหญ่”แต่เป็นฮูหยินฮูหยินสามารถทำให้ชุ่ยเอ๋อร์ตายได้ ก็สามารถทำให้นางกับหลี่เฉิงตายได้เช่นกัน พวกเขาทรยศฮูหยิน หลังจากที่ฮูหยินรู้เรื่อง ไม่มีทางปล่อยพวกเขาแม่ลูกเอาไว้แน่ และจะฆ่าพวกเขาเพื่อปิดปาก……ภายในห้องส่วนตัวเมิ่งจิ่นเหยาเหลือบมองจุดอ่อนทั้งสองฉบับที่เฉียวหมอมอและบุตรชายได้ประทับรอยนิ้วมือเอาไว้ มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ฉายวาบผ่านนัยน์ตาราชวงศ์ปัจจุบันเชิดชูความกตัญญู บุตรฟ้องบิดามารดาถือว่าไม่กตัญญู ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นความจริงหรือไม่ บุตรล้วนต้องติดคุกสามปี ถูกโบยยี่สิบไม้ เช่นนั้นนางก็จะไม่ฟ้องร้องแล้ว ทว่าจะให้นางซุนอยู่มิสู้ตายเมิ่งจิ่นเหยาสั่งกำชับ “ชิงชิว เก็บของให้เรียบร้อย”ชิงชิวรับคำ พอพับกระดาษทั้งสองแผ่นเสร็จก็ใส่เข้าไปในซองจดหมายหนิงตงเคลื่อนเท้าไปที่หน้าต่างแล้วเหลือบมอง เมื่อมองเห็

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 255

    เมื่อมีผู้มาแสดงน้ำใจอย่างไม่มีเหตุผล ย่อมไม่ได้มีเจตนาดีเมิ่งจิ่นเหยาปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด “ไม่ละ ข้ายังมีธุระอื่นอีก”เมื่อได้ฟัง เมิ่งจิ่นอวี้ก็ถามด้วยใบหน้าผิดหวัง “พี่หญิงใหญ่ ท่านไม่อยากไปกินข้าวด้วยกันกับพวกข้างั้นหรือเจ้าคะ? ก่อนหน้านี้พวกเราพี่น้องมีเรื่องบาดหมางกันอยู่บ้าง ทว่าข้าก็มิใช่คนที่ชอบคิดเล็กคิดน้อยแบบนั้น ตอนนี้มาพบกันบนถนน จึงได้เชื้อเชิญพี่หญิงใหญ่ไปกินข้าวด้วยกันด้วยความจริงใจนะเจ้าคะ”ท่านหญิงจิ้งหนิงจับจ้องเมิ่งจิ่นอวี้ด้วยความคาดหวัง อาจเป็นเพราะรู้สึกว่าการที่นางเอาอกเอาใจผู้อื่น แต่ผู้อื่นกลับเมินเฉยนั้นช่างน่าอับอาย จึงได้กล่าวว่า “อาอวี้ คนเขาไม่อยากสนใจเจ้า ไยเจ้าต้องไปรบเร้าด้วยเล่า? อีกอย่าง วันนี้ข้าเชิญเจ้าไม่ได้คิดที่จะเชิญนางเสียหน่อย”เมิ่งจิ่นเหยาเหลือบมองเมิ่งจิ่นอวี้ และเปลี่ยนความคิดในฉับพลัน หันมาแย้มยิ้มอย่างงดงามแล้วกล่าวว่า “ในเมื่อท่านหญิงมีน้ำใจ เช่นนั้นหากข้าน้อยปฏิเสธก็คงจะดูไม่สุภาพนัก”ท่านหญิงจิ้งหนิง “???”เมิ่งจิ่นอวี้ตะลึงงันชิงชิวกับหนิงตงก็งงงันเช่นกันชั่วครู่ ท่านหญิงจิ้งหนิงถึงได้มีปฏิกิริยาตอบกลับ กล่าวอย่างไม่สบอาร

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 256

    เมื่อท่านหญิงจิ้งหนิงได้ฟังก็ตะลึงงัน มองไปยังเมิ่งจิ่นอวี้อย่างต้องการคำอธิบายใบหน้าของเมิ่งจิ่นอวี้ชะงักค้าง กล่าวด้วยสีหน้าไม่เป็นสุขว่า “พี่หญิงใหญ่ ทั้ง ๆ ที่ท่านทำผิดถึงได้ถูกท่านย่าลงโทษแท้ ๆ ไยถึงได้ผลักความรับผิดชอบมากที่ข้า และปรักปรำข้าด้วยเล่า? ท่านย่าจัดการเรื่องราวด้วยความยุติธรรม ไม่มีทางลำเอียงแน่นอนเจ้าค่ะ”ใบหน้าของเมิ่งจิ่นเหยาเต็มไปด้วยความไร้เดียงสา ถามกลับด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย “น้องรองลองพูดมาสิว่า ข้าทำผิดเรื่องใดกระนั้นหรือ?”เมิ่งจิ่นอวี้ถูกคำพูดนี้ทำให้สำลักไปชั่วขณะ จากนั้นก็กล่าวด้วยใบหน้าบึ้งตึงว่า “พี่หญิงใหญ่รู้อยู่แก่ใจของตนเองดี ต่อหน้าท่านหญิง ข้าจะไม่เปิดเผยเรื่องน่าอับอายที่ผ่านมาของพี่หญิงใหญ่เจ้าค่ะ ช่างเถิด ล้วนแต่เป็นเรื่องในอดีตทั้งนั้น หลังจากนี้พี่หญิงใหญ่เปลี่ยนแปลงตนเองให้ดีขึ้นก็พอแล้วเจ้าค่ะ ถึงอย่างไรก็แต่งงานเป็นภรรยาของผู้อื่นแล้ว หากยังทำผิดอีก จวนฉางซินโหวคงต้องตำหนิตระกูลเมิ่งที่ไม่สั่งสอนพี่หญิงใหญ่ให้ดีเป็นแน่”เมิ่งจิ่นเหยากล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแต่ภายในไม่ยิ้มตามว่า “เรื่องนี้ข้าจะรู้ได้เช่นไรกัน? เป็นเจ้าที่มัวแต่ห่วงเล่นแล้

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 257

    ชิงชิวกับหนิงตงตามเมิ่งจิ่นเหยาออกมาจากห้องส่วนตัว ต่างก็รู้สึกงงงันอยู่บ้าง ทว่าเมื่อคิดถึงสีหน้าท่าทางที่รับมือไม่ทันและลนลานของคุณหนูรองแล้ว ก็รู้สึกแอบพอใจอยู่ชั่วขณะหนึ่งหนิงตงยิ้มตาหยีพลางถามว่า “ฮูหยิน คำพูดที่ท่านกล่าวออกมาต่อหน้าท่านหญิงเมื่อครู่ ท่านหญิงจะเชื่อหรือไม่เจ้าคะ?” เมิ่งจิ่นเหยายักไหล่อย่างไม่แยแส ยิ้มพลางกล่าวว่า “จะสนใจว่านางเชื่อหรือไม่ทำไม เพียงแค่เห็นเมิ่งจิ่นอวี้ไม่มีความสุขก็พอแล้ว ทั้งวันเอาแต่พูดเรื่องที่เหมือนจะจริงแต่ไม่ใช่ความจริงทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิด สามารถสร้างปัญหาให้นางได้ก็ดีมากทีเดียว ข้าพูดเรื่องพวกนั้นต่อหน้าท่านหญิงจิ้งหนิงในวันนี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้ท่านหญิงระแวดระวังไว้บ้าง ไม่เชื่อใจนางอย่างเต็มที่ ไม่ว่าเรื่องใดก็ออกหน้าแทนนางอีกแล้ว เว้นเสียแต่ว่าท่านหญิงจะถูกนางหลอกลวงเพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำอีกครั้ง”หนิงตงกล่าวอย่างสะท้อนใจ “คิดไม่ถึงเลยว่าท่านหญิงที่มาจากราชวงศ์อันละโมบและเหี้ยมโหด จะกลับใสซื่อเช่นนี้ได้ ช่างหาได้ยากเหลือเกินเจ้าค่ะ”เมิ่งจิ่นเหยาไม่เห็นด้วย “ถูกพะเน้าพะนอจนเติบใหญ่ ไม่รู้จักรสชาติของความทุกข์ ย่อมมีนิสัยที่ไร้เ

บทล่าสุด

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 340

    กู้จิ่งซีค่อนข้างประหลาดใจ “เจ้าใช้วิธีใด ถึงทำให้เขารับสารภาพเร็วขนาดนั้น?”ฉีอวิ้นเหวินหยักไหล่ หัวเราะพลางกล่าว “นั่นไม่ใช่ความดีความชอบของข้า เมื่อวานมีแม่นางคนหนึ่งมาพบเขา ไม่รู้พูดอะไร เขาก็รับสารภาพแล้ว”เมื่อได้ยิน กู้จิ่งซีก็ขมวดคิ้วแน่น และสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติบางอย่าง “แม่นางผู้นั้นรู้ได้อย่างไรว่าเขาถูกจับตัว?”ฉีอวิ้นเหวินเหลือบมองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ และถามกลับว่า “โจรขโมยหญิงงามที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ และชั่วร้ายถูกจับตัวได้แล้ว เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก เมื่อคืนข่าวนี้แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวงแล้ว หรือว่าเจ้าไม่รู้หรือ? ก็จริง น้องสะใภ้ป่วยแล้ว เจ้าไม่มีกระจิตกระใจจะสนใจเรื่องอื่นก็ปกติ”กู้จิ่งซีปรากฏสายตาที่รู้ทันออกมาฉีอวิ้นเหวินกล่าวอีกว่า “ข้าเห็นแม่นางผู้นั้นแต่งกายเป็นสาวชาวยุทธจักร ซึ่งน่าจะเป็นชาวยุทธจักร และคาดว่าจะมีความเกี่ยวข้องอะไรกับเขา แต่ว่าเรื่องนี้ไม่สำคัญมากนัก เพราะตอนนี้ไขคดีได้ก็พอแล้ว”......จวนฉางซินโหวกู้ซิวหมิงมาคารวะยามเช้าให้เมิ่งจิ่นเหยา เขามาสายก้าวหนึ่ง กู้จิ่งซีเพิ่งออกไป เขาก็เพิ่งจะมาถึงนับตั้งแต่การกักบริเวณสิ้นสุดลง ตราบใดที

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 339

    เมิ่งจิ่นเหยาก็ไม่ปิดบัง และเล่าเรื่องที่พบหญิงวัยกลางคนในวัดหลินอวิ๋นเมื่อวานตอนบ่ายให้ฟังรอบหนึ่งพูดถึงช่วงสุดท้าย นางก็หัวเราะออกมาเบา ๆ “สวรรค์มีตาจริง ๆ จู่ ๆ ข้าก็ฉุกคิดอยากจะไปจุดธูปให้ท่านแม่ที่โถงหว่างเซิงของวัดหลิงอวิ๋น จึงได้พบอดีตบ่าวรับใช้ของท่านแม่ ท่านป้าท่านนั้นป่วยหนักมาก และเหลือเวลาไม่มากแล้ว หากเมื่อวานข้าไม่ได้ไปเจอนางที่วัดหลิงอวิ๋น ความลับนั้นคาดว่าข้าจะไม่มีทางรู้ไปตลอดกาลเจ้าค่ะ”กู้จิ้งซีสีหน้ามืดมนลง พลางละอายใจต่อวิธีที่พ่อตานั้นทำอย่างมาก แม้จะแต่งงานตามคำสั่งของบิดามารดาและการจับคู่ของแม่สื่อ พลางไม่มีความรักระหว่างชายหญิงต่อแม่ยายเขา จะปิดบังความจริงเพราะรู้สึกผิดก็ช่าง ยังปล่อยให้มารดาและแม่เลี้ยงปฏิบัติต่อบุตรสาวที่บริสุทธิ์อย่างรุนแรงอีกเขาเห็นแม่นางน้อยที่โกรธแค้นผสมปนเปกัน ก็ตบหลังมือของแม่นางน้อยเหมือนจะปลอบใจ และกล่าวอย่างเป็นนัยว่า “ฮูหยิน วิญญาณของแม่ยายที่อยู่บนสวรรค์จะไม่ปล่อยพวกเขาไปแน่”เมื่อได้ยิน สีหน้าของเมิ่งจิ่นเหยาก็ชะงักไป พลางสบตาเข้ากับสายตาที่มีความหมายลึกซึ้งของเขา ก็เข้าใจความหมายของเขา และยกรอยยิ้มที่อันตรายขึ้น “จริงด้วย

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 338

    เมิ่งจิ่นเหยาถามเสียงเบาว่า “ท่านหมอ เป็นอย่างไรบ้าง?”หมอประจำจวนเก็บนิ้วมือทั้งสามข้อที่อยู่บนแขนของเมิ่งจิ่นเหยากลับลงไป พลางตอบกลับ “ฮูหยิน ท่านมีปมในใจจนเกิดอาการซึมเศร้า แถมยังได้รับความเย็นเกินไปอีก จึงทำให้จู่ ๆ ก็ไข้ขึ้นสูง และจำเป็นต้องใช้ยาคลายเครียดเสียหน่อยก็จะดีขึ้นขอรับ”เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้า “รบกวนท่านหมอแล้ว”“ไม่รบกวนขอรับ” หมอประจำจวนรีบส่ายหน้า และกล่าวอีกว่า “แต่ว่า ฮูหยินร่างกายอ่อนแอ ควรจะบำรุงร่างกายให้ดีตั้งแต่ยังสาวถึงจะได้นะขอรับ”มิ่งจิ่นเหยาฟังจบ ก็ไม่แปลกใจแม้แต่น้อย เพราะนางรู้มาโดยตลอดว่าตนเองร่างกายอ่อนแอ เจ็บป่วยง่าย โดยเฉพาะช่วงที่อากาศเย็น หากไม่ระวังนิดหน่อยก็จะเป็นหวัด เมื่อก่อนตอนอยู่บ้านมารดา นางไม่มีความพร้อมที่จะดูแลตนเอง ตอนนี้อยู่บ้านสามี นางใส่ใจเรื่องการกินมากขึ้น และได้ดื่มน้ำแกงบำรุงร่างกายอยู่เป็นประจำ ช่วงนี้นางจึงรู้สึกดีมาก สีหน้าก็ดูดีขึ้นแล้วนางกล่าวเสียงอ่อนโยน “ปกติข้าก็ดูแลตนเองอยู่แล้ว รบกวนท่านหมอจัดยาคลายเครียดให้ข้าก็พอ”หมอประจำจวนฟังจบ ก็จ่ายยาคลายเครียดให้นาง และให้สาวใช้ตามเขาไปเอายากลับมาต้มหลังหมอประจำจวนจากไป

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 337

    บนรถม้าชิงชิวกับหนิงตงที่แทบไม่ได้นอนทั้งคืนนั่งพิงกัน และเผลอหลับไปเมิ่งจิ่นเหยาหายป่วยได้ไม่นาน ยังรู้สึกมึนศีรษะ คนทั้งคนก็หมดเรี่ยวแรง จึงเอนหลังพิงผนังรถม้าและหลับตาพักสมองทันใดนั้น รถม้าก็สั่นสะเทือน ท้ายทอยของนางกระแทกเล็กน้อย จึงรีบนั่งตัวตรง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ศีรษะกระแทกอีกกู้จิ่งซีเห็นแม่นางน้อยขมวดคิ้ว พยายามฝืนให้มีชีวิตชีวาขึ้น นั่งตัวหลังตรง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงยื่นมือโอบนางเข้ามาในอ้อมแขน และให้นางพิงหน้าอกของตนเอง เมื่อสบตาเข้ากับสายตาที่ตกใจของนาง ก็กล่าวด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “หากฮูหยิน อ่อนเพลีย ก็พิงข้าแล้วนอนเสียเถอะ”ตอนนี้เมิ่งจิ่นเหยารู้สึกทั้งตัวไม่มีแรง ศีรษะยังมึน ๆ อยู่ จึงไม่เกรงใจเขา และพิงอยู่บนตัวเขาด้วยความสบายใจอย่าดูถูกแม้กู้จิ่งซีดูจะตัวไม่ใหญ่มาก แต่หน้าอกกว้างใหญ่ พิงอยู่บนตัวเขาอบอุ่นสบายตัว แถมได้กลิ่นดอกกล้วยไม้ที่หอมละมุนจากตัวของเขา ก็รู้สึกสบายใจอย่างอธิบายไม่ถูก แต่กลับไม่มีอาการง่วงเลยบางทีเพราะถูกผู้ชายกอดไว้ในอ้อมแขนเช่นนี้ เลยรู้สึกไม่คุ้นชินหรืออาจเป็นเพราะได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้นตึกตักอยู่ข้างหู มันดังก้องอยู่ที่หู

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 336

    ท่าทางที่ดูป่วยเช่นนี้ ดูน่าเป็นห่วงยิ่งนักคนที่มีไข้ขึ้นสูง ไม่ควรห่มผ้าจนอบอ้าว ไม่เช่นนั้นอาการป่วยจะแย่ลง เขาจึงเปิดผ้าห่มบางออกให้แม่นางน้อยผ่านไปไม่นาน หนิงตงก็ยกอ่างน้ำอุ่นมาด้วยความรีบร้อน โชคดีที่วัดหลิงอวิ๋นมีคนเข้ามาสักการะอย่างเนืองแน่น ปกติจะมีผู้แสวงบุญมาค้างคืน และมีผู้แสวงบุญจำนวนไม่น้อยที่มาจากครอบครัวร่ำรวย ดังนั้นเพื่อความสะดวกสบายของแขก ตอนกลางคืนภายในวัดก็มีกักเก็บน้ำร้อนไว้หนิงตงวางอ่างทองแดง พลางถาม “ท่านโหว น้ำอุ่นยกเข้ามาแล้ว ต้องทำอย่างไรหรือเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีตอบกลับ “เช็ดหน้าผาก คอ รักแร้ และแขนขาให้ฮูหยินเพื่อระบายความร้อน”หนิงตงตอบรับ ยกอ่างทองแดงมาข้างหน้าทันที พลางวางอ่างน้ำไว้บนเก้าอี้ที่อยู่หน้าเตียง และเตรียมจะถอดเสื้อผ้าให้นายหญิง ก็มองไปทางกู้จิ่งซีโดยไม่รู้ตัว พบว่าเขาหันหลังให้พวกนาง นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างโต๊ะน้ำชาเมื่อเห็นดังนั้น หนิงตงก็ตกตะลึงเล็กน้อย และแอบพูดในใจว่า ท่านโหวเป็นสุภาพบุรุษจริง ๆ แม้จะเป็นสามีภรรยากับฮูหยิน ก็ไม่ได้ฉวยโอกาสเอาเปรียบหนิงตงไม่คิดอะไรมาก ก็ถอดเสื้อผ้าให้เมิ่งจิ่นเหยาด้วยความเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว และเช็ดตั

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 335

    ในวินาทีนั้น เมิ่งจิ่นเหยาทำจิตใจให้สงบ ก้มหน้าลงมอง เห็นว่าบาดแผลที่มือซ้ายใช้ผ้าพันแผลพันไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อมองเพียงแวบแรกดูท่าทางเหมือนว่าบาดเจ็บสาหัส จึงกล่าวออกมาอย่างอดไม่ได้ว่า “ตอนนี้เลือดไม่ซึมออกมาแล้ว อันที่จริงไม่พันแผลก็ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ”กู้จิ่งซีเหลือบมองนาง พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ถึงแม้ไม่ใช่บาดแผลสาหัส แต่หากไม่พันแผล เมื่อชนหรือกระแทกเข้าโดยไม่ระวังแล้วเลือดไหลออกมาอีก ไม่เป็นผลดีต่อการฟื้นตัว โดยเฉพาะบาดแผลที่ข้อศอก เนื้อผ้าเสียดสีก็อาจเจ็บได้เช่นกัน”เมิ่งจิ่นเหยาตะลึงเล็กน้อย แล้วพยักหน้าในทันทีหลังจากนั้นไม่นาน นางก็ถูกมือของกู้จิ่งซีดึงดูดความสนใจไป มือคู่นั้นเรียวยาวและขาวสะอาด ข้อต่อชัดเจน ราวกับหยกขาวที่แกะสลักอย่างประณีต ดูแล้วสบายตาสบายใจนักเมื่อหลุดออกจากความคิด นางก็ใจลอยอีกครั้งผ่านไปเป็นเวลานาน กู้จิ่งซีช่วยนางพันแผลจนเสร็จ และปล่อยมือของนาง เมื่อเห็นว่ามือขวาของนางยังยกอยู่ ก็กล่าวว่า “ฮูหยิน เสร็จแล้ว”แต่เมิ่งจิ่นเหยาดูเหมือนจะไม่ได้ยินคำพูดของเขา เขาจึงเรียกอีกครั้ง “ฮูหยิน?”เวลานี้ เมิ่งจิ่นเหยาถึงค่อย ๆ ได้สติกลับมา และพบกับส

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 334

    เขากำลังเตรียมจะปลอบโยนนางสักหลายประโยค ทำให้อารมณ์ของแม่นางน้อยสงบลง แล้วค่อยถามให้ชัดเจนอีกครั้งว่าเกิดอันใดขึ้นกันแน่ ทว่าเวลานี้ หนิงตงได้ยกอ่างน้ำสะอาดเข้ามา เขาจึงกลืนคำพูดที่ติดอยู่ตรงริมฝีปากกลับเข้าไปหนิงตงนำอ่างน้ำมาวางไว้บนโต๊ะ ถามด้วยน้ำเสียงนอบน้อมว่า “นายท่าน ให้ใช้น้ำในอ่างเช่นไรเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีกล่าวกำชับ “ไปหาผ้าสะอาด ๆ มา”หนิงตงรับคำ ไม่นานก็หาผ้าเช็ดหน้าสะอาดที่อยู่ในสัมภาระมาหนึ่งผืน ผ้านี้เตรียมไว้สำหรับให้นายหญิงของนางใช้ล้างหน้ากู้จิ่งซีเหลือบมองไปที่แม่นางน้อย ลังเลอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็รับผ้าเช็ดหน้ามา กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้าคนเดียวก็พอแล้ว เจ้าออกไปก่อนเถิด”หนิงตงเหลือบมองนายหญิง เมื่อเห็นว่านายหญิงไม่ได้เอ่ยปากบอกให้นางอยู่ต่อ ก็รับคำแล้วถอยออกไปกู้จิ่งซีกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “มาล้างบาดแผลสักหน่อย ตอนที่เจ้าล้มลงไปเนื้อหนังถลอก แล้วบาดแผลก็เปื้อนฝุ่นด้วย”เมื่อได้ฟังดังนั้น เมิ่งจิ่นเหยาไม่ได้ลังเล ลุกขึ้นแล้วเดินมากู้จิ่งซีดึงมือของนาง ช่วยนางทำความสะอาดบาดแผลที่ฝ่ามือด้วยท่าทีที่อ่อนโยนเมื่อบาดแผลสัมผัสกับน้ำ เมิ่งจิ่นเหยาเจ็บปวดเส

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 333

    กู้จิ่งซีจับจ้องนางอย่างไม่วางตา พลางถามด้วยเสียงอ่อนโยน “ฮูหยิน วันนี้เกิดเรื่องอันใดขึ้นงั้นหรือ?”เมื่อได้ฟังดังนั้น ใบหน้าของเมิ่งจิ่นเหยาก็เต็มไปด้วยความงุนงง พลางถามกลับไปว่า“เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ท่านพี่ก็เห็นหมดแล้วมิใช่หรือเจ้าคะ?”นางกล้าพูดได้เลยว่า นางโตถึงเพียงนี้แล้ว ยังไม่เคยเจอเรื่องที่ตื่นเต้นระทึกขวัญเช่นนี้มาก่อน เพียงชั่วพริบตาเดียวที่รอดพ้นจากความตาย ชีวิตนี้ไม่คิดจะพบเจออีกเป็นครั้งที่สองกู้จิ่งซีเห็นสีหน้าของนางงุนงง ไม่ได้จงใจแสร้งทำเป็นฟังไม่เข้าใจ จึงสัมผัสที่ฝ่ามือของนางอย่างแผ่วเบา พลางถามต่อว่า “เกิดอันใดขึ้นกับมือนี้ของเจ้า? ล้มลงไม่สามารถเกิดบาดแผลเช่นนี้ได้”เมิ่งจิ่นเหยาตกตะลึงไปชั่วขณะ ก้มหน้ามองฝ่ามือของตนเอง บนฝ่ามือยังมีผลงานชิ้นเอกของตนเองเมื่อบ่ายอยู่ เมื่อคิดถึงเรื่องที่พบกับสตรีวัยกลางคนผู้นั้นขึ้นมาได้ ดวงตาของนางก็หม่นลงในฉับพลัน และอยากจะกำมือของตนเองแน่นอีกครั้งโดยไม่รู้ตัวกู้จิ่งซีที่สายตาเฉียบคมและมือไว รีบกุมมือทั้งสองข้างของนางไว้แน่น ขัดขวางการกระทำของนาง เล็บของนางจะได้ไม่บาดบาดแผลและมีเลือดไหลซึมออกมาอีกเล็บของแม่นางน้อยไ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 332

    เมื่อกู้จิ่งซีได้ฟังก็รู้สึกใจอ่อน พลางกล่าวอย่างอ่อนโยน “ให้ข้าดูหน่อย” เมื่อกล่าวจบ เขาก็ยอบกายลง ยกชายกระโปรงของนางขึ้น เตรียมจะดูอาการบาดเจ็บของนาง เมิ่งจิ่นเหยาสีหน้าชะงักค้าง กำลังจะเอ่ยปากขัดขวาง ทว่าเมื่อกลับมาคิดดูอีกทีแล้ว ต่างก็เป็นสามีภรรยาที่นอนหลับอยู่บนเตียงเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องรักษาขอบเขตระหว่างชายหญิงอันใดหลังจากกู้จิ่งซียกชายกระโปรงของนางขึ้นแล้ว มือหนึ่งก็จับไปที่ข้อเท้าขวาของนาง ส่วนอีกข้างม้วนขากางเกงของนางขึ้น เมื่อม้วนขากางเกงไปจนถึงเหนือหัวเข่า ก็จะเห็นได้ว่าตรงหัวเข่าที่ถูกกระแทกตอนล้ม เป็นรอยฟกช้ำไปเรียบร้อยแล้ว ทว่าไม่ได้ร้ายแรงนักกู้จิ่งซีเห็นว่าบาดแผลไม่หนักมาก จึงวางขานางลง แล้วไปดูบาดแผลที่ข้อศอกของนางนางล้มลงไปข้างหน้า บาดแผลตรงข้อศอกจึงชัดเจนมากนัก เสื้อผ้าในฤดูร้อนจะค่อนข้างบางเบา เสื้อผ้าบริเวณข้อศอกล้วนมีร่องรอยขีดข่วนอย่างชัดเจนพอพับแขนเสื้อของนาง ก็เผยให้เห็นแขนที่ขาวราวกับหิมะ เมื่อพลิกข้อศอกก็สามารถมองเห็นได้ว่าผิวหนังถลอกและมีเลือดออกที่แขนทั้งสองข้างของนาง ผิวหนังโดยรอบบวมแดงเล็กน้อย บาดแผลนี้เมื่ออยู่บนมือที่เดิมทีขาวสะอาดไร้ที่ติรา

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status