แชร์

บทที่ 257

ผู้เขียน: มู่อวิ๋นเฉิง
ชิงชิวกับหนิงตงตามเมิ่งจิ่นเหยาออกมาจากห้องส่วนตัว ต่างก็รู้สึกงงงันอยู่บ้าง ทว่าเมื่อคิดถึงสีหน้าท่าทางที่รับมือไม่ทันและลนลานของคุณหนูรองแล้ว ก็รู้สึกแอบพอใจอยู่ชั่วขณะหนึ่ง

หนิงตงยิ้มตาหยีพลางถามว่า “ฮูหยิน คำพูดที่ท่านกล่าวออกมาต่อหน้าท่านหญิงเมื่อครู่ ท่านหญิงจะเชื่อหรือไม่เจ้าคะ?”

เมิ่งจิ่นเหยายักไหล่อย่างไม่แยแส ยิ้มพลางกล่าวว่า “จะสนใจว่านางเชื่อหรือไม่ทำไม เพียงแค่เห็นเมิ่งจิ่นอวี้ไม่มีความสุขก็พอแล้ว ทั้งวันเอาแต่พูดเรื่องที่เหมือนจะจริงแต่ไม่ใช่ความจริงทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิด สามารถสร้างปัญหาให้นางได้ก็ดีมากทีเดียว ข้าพูดเรื่องพวกนั้นต่อหน้าท่านหญิงจิ้งหนิงในวันนี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้ท่านหญิงระแวดระวังไว้บ้าง ไม่เชื่อใจนางอย่างเต็มที่ ไม่ว่าเรื่องใดก็ออกหน้าแทนนางอีกแล้ว เว้นเสียแต่ว่าท่านหญิงจะถูกนางหลอกลวงเพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำอีกครั้ง”

หนิงตงกล่าวอย่างสะท้อนใจ “คิดไม่ถึงเลยว่าท่านหญิงที่มาจากราชวงศ์อันละโมบและเหี้ยมโหด จะกลับใสซื่อเช่นนี้ได้ ช่างหาได้ยากเหลือเกินเจ้าค่ะ”

เมิ่งจิ่นเหยาไม่เห็นด้วย “ถูกพะเน้าพะนอจนเติบใหญ่ ไม่รู้จักรสชาติของความทุกข์ ย่อมมีนิสัยที่ไร้เ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 258

    เมื่อเมิ่งจิ่นอวี้เห็นดังนั้น ก็ทำได้เพียงยอมแพ้เท่านั้น และมองดูท่านหญิงจิ้งหนิงจากไปอย่างทำอันใดไม่ได้ ย่ำเท้าอย่างร้อนใจ ภายในใจเกลียดเสียจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน คิดไม่ถึงว่าจะถูกเมิ่งจิ่นเหยาจะเล่นงานเช่นนี้ อีกทั้งดูเหมือนว่าท่านหญิงจะเชื่อนางไปแล้วเจ็ดถึงแปดส่วน……เมื่อถึงหน้าประตูภัตตาคารอีกแห่งหนึ่ง เมิ่งจิ่นเหยากับสาวใช้ทั้งสองคนก็ลงมาจากรถม้าทั้งสามคนกำลังจะเข้าไปในภัตตาคาร ทว่ากลับมองเห็นคนผู้หนึ่งลงมาจากรถม้าหรูหราที่อยู่ด้านข้าง พวกนางนายบ่าวอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงนึกไม่ถึงว่าจะเป็นท่านหญิงจิ้งหนิงท่านหญิงจิ้งหนิงก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าจะได้พบกับนาง จึงตกตะลึงในตอนแรก จากนั้นก็กล่าวว่า “กู้ฮูหยิน ไม่คิดเลยว่าพวกเราจะเจอกันอีกครั้งได้เร็วถึงเพียงนี้”สีหน้าของเมิ่งจิ่นเหยาสงบนิ่ง แย้มยิ้มมุมปาก “ไยท่านหญิงถึงไม่อยู่ด้วยกันกับน้องรองของข้าน้อยเล่าเจ้าคะ? หรือจะบอกว่า ท่านหญิงต้องการมาเพื่อออกหน้าแทนนางอีกแล้ว และมาหาเรื่องข้าน้อยกระนั้นหรือ?”ท่านหญิงจิ้งหนิงจ้องมองนางอยู่ชั่วครู่ เมื่อเห็นว่านางยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ ราวกับว่ากำลังมองดูเรื่องตลกของตนเอง ก็ไม่พอใจไปชั่วขณะ “มิใ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 259

    เมิ่งจิ่นเหยากำลังถือถ้วยชา เมื่อจิบน้ำชาแล้ว ก็ถามกลับอย่างไม่ใส่ใจว่า “คำพูดอันใดงั้นหรือเจ้าคะ?”เมื่อได้ฟัง ท่านหญิงจิ้งหนิงก็รู้สึกว่านางจงใจแสร้งทำเป็นฟังไม่เข้าใจภาษาคน จึงจับจ้องไปที่นาง “ก็เมื่อไม่นานมานี้ สิ่งที่พวกเราคุยกันที่ภัตตาคารก่อนนั่น”เมิ่งจิ่นเหยาแสดงสีหน้าท่าทางเข้าใจขึ้นมาในฉับพลัน ยกยิ้มขึ้นอีกครั้ง พลางกล่าวอย่างไม่รีบไม่ร้อนว่า “หากข้าน้อยบอกว่าเป็นความจริง ท่านหญิงอาจไม่เชื่อก็เป็นได้ และหากข้าน้อยบอกว่าเป็นเรื่องโกหก ก็จะขัดต่อมโนธรรมของตนเอง ข้าน้อยก็จะรู้สึกผิดต่อมโนธรรมได้เจ้าค่ะ”ท่านหญิงจิ้งหนิงถูกคำพูดนี้ทำให้สำลัก ช่างหน้าหนาเสียจริง พูดอ้อมไปอ้อมมาเพื่อบอกว่าสิ่งที่ตนเองพูดล้วนเป็นความจริงสินะผ่านไปสักพัก ท่านหญิงจิ้งหนิงก็ถามอีกว่า “เช่นนั้นที่หออุปรากรครั้งที่แล้ว น้องสาวของเจ้าคิดจะผลักเจ้าลงไปจริงงั้นหรือ สุดท้ายตัวนางเองไม่ได้ระวังตกลงไป แต่ว่าถูกเจ้าช่วยเอาไว้ได้ ทั้งยังใส่ความเจ้าต่อหน้าข้าด้วย?”เมิ่งจิ่นเหยาถามกลับ “มิเช่นนั้นเล่าเจ้าคะ? ท่านหญิงคิดว่าข้าน้อยกับนางกำลังล้อเล่นกันอยู่อย่างนั้นหรือ?”สีหน้าของท่านหญิงจิ้งหนิงเคร่งขรึมล

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 260

    ที่กล่าวกันว่ากินของผู้อื่นแล้วจะเอนเอียงนั้น เมิ่งจิ่นเหยาที่กินอาหารไปมื้อใหญ่โดยไม่ต้องใช้เงิน ก็พูดคุยด้วยง่ายยิ่งนัก นางกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “ต่อไปท่านหญิงจะไปที่ไหนงั้นหรือเจ้าคะ? อยากให้ข้าน้อยไปเป็นเพื่อนหรือไม่? หากไม่ต้องการให้ข้าน้อยไปด้วย เช่นนั้นข้าน้อยก็ขอตัวก่อน ”เมื่อได้ฟังดังนั้น ท่านหญิงจิ้งหนิงเหลือบมองดูนางตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า การแต่งกายของนางในวันนี้สดใสและเป็นธรรมชาติ จึงพยักหน้าอยู่ชั่วครู่ “พอมองดูแล้วเจ้าก็เป็นผู้ที่มีสายตาที่ดีเช่นกัน ไปเป็นเพื่อนข้าเลือกเครื่องประดับสักสองสามชิ้นเถิด”เมิ่งจิ่นเหยาตอบรับอย่างยินดี ถึงอย่างไรนางก็ไม่มีธุระอื่นอีก ก็คิดเสียว่าหาความสุขให้ตนเองแล้วกัน……หอจินอวี้ ร้านเครื่องประดับที่ใหญ่ที่สุดของเมืองหลวงสายตาของเมิ่งจิ่นเหยาไม่เลวเลยจริง ๆ เลือกเครื่องประดับหลายชิ้นให้กับท่านหญิงจิ้งหนิงท่านหญิงจิ้งหนิงรู้สึกมีความสุขอยู่ในใจ “กู้ฮูหยิน สายตาของเจ้าดีกว่าน้องสาวของเจ้ามากนัก เครื่องประดับที่นางเลือกให้ข้า ข้าไม่ค่อยถูกใจเท่าใดนักเลย”เมิ่งจิ่นเหยาแย้มยิ้ม “ท่านหญิงชื่นชอบก็ดีแล้วเจ้าค่ะ ข้าน้อยจะลองไปดูชิ้นอื่นสัก

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 261

    เมื่อเห็นดังนั้น เมิ่งจิ่นเหยาก็รู้สึกว่าตนเองได้เล่นใหญ่ไปแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะทำให้นางมีโทสะจนหาทิศหาทางไม่เจอ เดิมทีนางเพียงแต่คิดว่าท่านหญิงจิ้งหนิงผู้นี้เงอะงะจนดูน่ารักดี อยากจะหยอกล้อสักหน่อย คิดไม่ถึงว่าจะทำให้นางมาจ่ายเงินให้ตนเองได้จริง ๆ จึงรีบตามไปอย่างรวดเร็วเมื่อออกมาจากหอจินอวี้แล้ว นางก็กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ท่านหญิงอย่ามีโทสะไปเลยเจ้าค่ะ หากว่าโกรธเสียจนกระทบสุขภาพ เช่นนั้นคงเป็นความผิดบาปของข้าน้อยแล้วจริง ๆ ”ฝีเท้าของท่านหญิงจิ้งหนิงชะงักค้าง หันหน้ามาพลางหรี่ตามองนาง แค่นเสียงอย่างเย็นชา แล้วกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “เอาเถิด เจ้าก็อย่ามาอยู่ต่อหน้าข้าแล้วเอาแต่เรียกตนเองว่าข้าน้อยอยู่เลย ถ่อมตนเช่นนี้ไม่เหมือนกับนิสัยเดิมของเจ้า ถึงอย่างไรวันนี้เจ้าก็ใช้เงินท่านหญิงเช่นข้าไปแล้วพันกว่าตำลึง ยังไม่เคยมีสตรีคนใดกล้าหลอกเงินของข้าเลย”เมื่อได้ยิน เมิ่งจิ่นเหยาก็เปลี่ยนสรรพนามในการเรียกตนเองทันที “ท่านหญิงอย่าโกรธเลยเจ้าค่ะ หากโกรธจนเสียสุขภาพ นั่นถือเป็นความผิดของข้า”ท่านหญิงจิ้งหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ “...”ผ่านไปครู่หนึ่ง ท่านหญิงจิ้งหนิงกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 262

    ท่านหญิงจิ้งหนิงตกใจ “ข้าน่ารักหรือ?”เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้าเล็กน้อย ท่านหญิงจิ้งหนิงน่ารักมากจริง ๆ ดวงตาเมล็ดซิ่ง แก้มเปล่งปลั่งดั่งลูกท้อ คิ้วเรียวบางเหมือนใบหลิว แถมยังมีแก้มยุ้ยแบบเด็กน้อย นิสัยก็ซื่อ ๆ และยังดูเปิ่น ๆ เล็กน้อยอีกสายตาของท่านหญิงจิ้งหนิงเหลือบมองเมิ่งจิ่นเหยาอย่างแปลก ๆ สิ่งที่คนเหล่านั้นพูดกันมากที่สุดก็คือนางเป็นคนเอาแต่ใจและเข้าถึงยาก มีเพียงเสด็จย่าเท่านั้นที่บอกนางอย่างตรงไปตรงมาว่าน่ารักแถมยังทำให้คนชื่นชอบหลังจากนั้นครู่หนึ่ง ท่านหญิงก็หันหน้าออกไปไม่มองนาง พลางกล่าว “เครื่องประดับศีรษะชุดนั้นบอกแล้วว่าอยากจะส่งให้เจ้า ก็ไม่มีเหตุผลที่จะเอากลับคืน วันนี้ข้าสูญเสียสหายคนหนึ่งไป ตอนนี้อยากจะหาใครคนหนึ่งมาเติมเต็มช่องว่างนี้ และดูเจ้ายังถือว่าเข้าตา”เมิ่งจิ่นเหยาชะงักไป หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็คืนสติกลับมา ท่านหญิงนี่หมายความว่าอยากผูกมิตรกับนาง นางไม่มีเพื่อนอะไร มีแค่อาหนิง และตอนนี้ก็ไม่รังเกียจหากจะเพิ่มมาอีกหนึ่งคน ถึงอย่างไรนิสัยเดิมของท่านหญิงท่านนี้เป็นคนดี สุดท้ายจึงตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “สกุลเมิ่งมาถึงรุ่นข้า เด็กผู้หญิงล้วนใช้ชื่อขึ้นต้

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 263

    เกือบจะพลบค่ำ เมิ่งจิ่นเหยาถึงแยกทางกับท่านหญิงจิ้งหนิง และต่างคนต่างกลับจวนบนรถม้าเมิ่งจิ่นเหยาหลับตาพักสมองเวลานี้ หนิงตงจู่ ๆ ก็ถอนหายใจ “ฮูหยิน เมื่อก่อนท่านบอกว่าดูคนไม่ควรมองเพียงด้านเดียว ก็สมเหตุสมผลดีเจ้าค่ะ”เมื่อได้ยิน เมิ่งจิ่นเหยาก็ลืมตาขึ้น และเหลือบมองนาง “มิเช่นนั้นเล่า?”หนิงตงนึกถึงวันนี้ที่ท่านหญิงจิ้งหนิงถูกฮูหยินทำให้เสียหน้าไปหลายครั้ง ก็กล่าวอีกว่า “ครั้งก่อนที่พบท่านหญิงจิ้งหนิงในหออุปรากร ตอนนั้นนางกับคุณหนูรองร่วมกันกลั่นแกล้งท่าน ข้าน้อยรู้สึกว่านางน่ารำคาญยิ่งนัก เอาแต่รังแกคนอื่นด้วยอำนาจ แต่วันนี้จู่ ๆ พบว่า ท่านหญิงก็ยังคงน่ารักดีนะเจ้าคะ” เมิ่งจิ่นเหยายิ้มหวาน และพยักหน้าเล็กน้อยอย่างเห็นด้วย “ใช่ น่ารักดี นิสัยก็เป็นที่ชื่นชอบ เพียงแต่ไร้เดียงสาเกินไปหน่อย มิน่าเล่าเมิ่งจิ่นอวี้ถึงสามารถหลอกนางได้”มุมปากของหนิงตงก็ยกขึ้นตามไปด้วย หัวเราะคิกคักและกล่าว “คุณหนูรองคงจะต้องโมโหจนแทบคลั่ง เพราะวันนี้นางน่าจะอยากกวนประสาทท่าน จึงเชิญท่านร่วมกินอาหารกลางวันกับพวกนาง และหวังจะให้ท่านหญิงช่วยออกหน้ากลั่นแกล้งท่าน แต่คิดไม่ถึงว่าท่านจะเปิดโปงโฉมหน้าท

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 264

    ต่างก็บอกกันว่าหมากล้อมเปรียบเสมือนคน นิสัยของคนคนหนึ่งเป็นเช่นไร ก็จะสะท้อนอยู่บนเกมหมากล้อมตอนกู้จิ่งซีลงหมาก การรุกจะเชื่อมโยงอย่างเป็นระบบ การถอยจะรอบคอบเป็นระเบียบ ช่วงที่โจมตีจะเต็มไปด้วยกลยุทธ์อันชาญฉลาด และช่วงที่ป้องกันก็แน่นหนาจนไร้ช่องโหว่ ซึ่งสอดคล้องกับนิสัยที่สุขุมและสงบนิ่งของเขาอย่างมากส่วนเมิ่งจิ่นเหยากลับระมัดระวังในเรื่องเล็กน้อย การวางแผนเดินหมากจึงมักจะเลือกการป้องกัน และแทบจะไม่เป็นฝ่ายโจมตี ถึงแม้คู่ต่อสู้จะมีช่องโหว่ แต่นางยังจัดกองทัพอยู่ในค่ายของตนเอง หากไม่มั่นใจอย่างเต็มที่ก็จะไม่ลงมืออย่างประมาท ความเชื่องช้าของนางทำให้กระวนกระวายใจโชคดี กู้จิ่งซีมีนิสัยสุขุม จึงค่อย ๆ สอนนางอย่างใจเย็น และไม่รีบร้อนแม้แต่น้อยไม่ว่าเมิ่งจิ่นเหยาจะระมัดระวังในเรื่องเล็กน้อยอย่างไร แต่สุดท้ายก็ยังคงแพ้อยู่ดีกู้จิ่งซีกล่าวเสียงอ่อนโยน “ฮูหยิน อ่อนข้อให้แล้ว”เมิ่งจิ่นเหยามองเกมหมากล้อม ก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย แต่กลับเลื่อมใสสุดใจ “ทักษะการเล่นหมากล้อมของท่านพี่สูงมาก ข้ายอมแพ้เจ้าค่ะ”กู้จิ่งซีตอบกลับ “ความจริงทักษะการเล่นของฮูหยินก็ดีมากแล้ว เพียงแต่ระมัดระวังเกิ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 265

    ช่วงกลางวันของวันถัดมาหลังเมิ่งจิ่นเหยารับประทานอาหารเช้า และกำลังจะนอนเสียหน่อย โจวอวิ่นคนรับใช้ที่คอยตามอยู่ข้างกายกู้จิ่งซีก็ส่งแม่นางคนหนึ่งเข้ามาแม่นางคนนั้นดูอายุประมาณสิบหกสิบเจ็ดปี ใบหน้ารูปไข่ห่าน ลักษณะดูอ่อนโยน สุภาพ เรียบร้อย ดวงตาก็อ่อนโยนและบริสุทธิ์ ดูเป็นคนที่สงบเสงี่ยมเจียมตัวเมิ่งจิ่นเหยาเห็นนาง ก็สุขใจอย่างมาก นี่คือแม่นางที่นางต้องการตามหา หากอยากยั่วยวนใคร ลักษณะใกล้เคียงสำคัญมาก จากนั้นหากปรับการแต่งหน้าและการแต่งกายเสียหน่อย ก็จะสามารถมีความคล้ายกันเจ็ดส่วนเวลาที่คนสับสน คล้ายกันเจ็ดส่วนก็สามารถเห็นจนกลายเป็นสิบส่วนได้ โดยเฉพาะตอนที่รู้สึกผิด จะยิ่งมองคนอย่างสับสนมากขึ้นแม่นางคนนั้นเดินมาข้างหน้าสองก้าว และคารวะให้นางด้วยความเคารพ “ข้าน้อยฉานเอ๋อร์ คารวะฮูหยินเจ้าค่ะ”เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้าเล็กน้อย “ดี ลุกขึ้นมาเถอะ”โจวอวิ่นกล่าว “ฮูหยิน ท่านดูว่าพึงพอใจหรือไม่ หากไม่พึงพอใจ ข้าน้อยจะเปลี่ยนให้ท่านอีกขอรับ”เมิ่งจิ่นเหยามองฉานเอ๋อร์ ยิ่งมองยิ่งพึงพอใจมากขึ้นเรื่อย ๆ จึงปรากฏรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา และกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “ไม่ต้องแล้ว ข้าคิดว่าฉานเอ๋

บทล่าสุด

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 296

    เมิ่งจิ่นเหยาตะลึงไปชั่วขณะ ตระหนักได้ว่าตนเองกับอาหนิงไม่ได้พบกันมาช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้ว เรื่องของท่านหญิงจิ้งหนิง นางยังไม่ได้บอกกับอาหนิงเลย ในใจรู้สึกผิดอยู่บ้าง จึงรีบกล่าวว่า “ข้าลืมบอกเจ้าไป ตอนนี้ข้ากับท่านหญิงจิ้งหนิงเป็นสหายกันแล้ว ท่านหญิงจิ้งหนิงได้รู้จักโฉมหน้าที่แท้จริงของเมิ่งจิ่นอวี้แล้วเช่นกัน และไม่ได้สนใจเมิ่งจิ่นอวี้อีก”เมื่อได้ฟังดังนั้น ในแววตาของซ่งซินหนิงก็ฉายแววแห่งความผิดหวัง รู้สึกว่าพออาเหยามีสหายคนใหม่ ก็เฉยเมยนางเสียแล้ว จึงบ่นพึมพำออกมา “อาเหยา เจ้าชอบของใหม่จึงเบื่อของเก่าแล้วใช่หรือไม่?”เมิ่งจิ่นเหยามองนางอย่างขุ่นเคือง เอื้อมมือไปจับมือของนางไว้ พลางกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน “ที่ไหนกัน เป็นเพราะช่วงนี้เจ้ายุ่ง ๆ อยู่มิใช่หรือ ข้าถึงไม่ได้นัดเจ้าน่ะ? หากว่าพบเจอเจ้า จะต้องบอกกับเจ้าเป็นแน่ อาหนิงในใจของข้า มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น” เมื่อซ่งซินหนิงได้ฟัง ดวงตาก็เป็นประกาย ความเศร้าที่อยู่ตรงหว่างคิ้วมลายไปจนหมดสิ้น ใบหน้าปรากฎรอยยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง “ข้ารู้ว่าอาเหยาเป็นผู้ที่มีความรู้สึกยืนยาวผู้หนึ่ง ไม่มีทางชอบของใหม่แล้วเบื่อของเก่าเป็นแน่ คนที่รักมา

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 295

    กู้ซิวหมิงดูเหมือนจะเปลี่ยนเป็นคนละคนแล้วจริง ๆ เปลี่ยนเป็นคนที่อ่อนโยน มีความถ่อมตน และมีความก้าวหน้าในการเรียน แถมทุกวันยังไปคารวะยามเช้าให้เมิ่งจิ่นเหยา เมื่อกู้จิ่งซีเลิกงานกลับมา ก็มาที่เรือนเวยหรุยเซวียนเพื่อขอคำแนะนำจากกู้จิ่งซีความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันนี้ ทำให้เรือนใหญ่กับเรือนรองต่างตกใจ ซึ่งต้องทราบว่าก่อนหน้านี้พฤติกรรมขายหน้าเหล่านั้นของกู้ซิวหมิง พวกเขาต่างเกือบจะคิดว่ากู้ซิวหมิงไม่มีอนาคต และกลายเป็นคนไร้ความสามารถไปเสียแล้ว คิดไม่ถึงว่าตอนนี้คนที่ไร้ความสามารถไม่ต้องพยุงก็สามารถปีนขึ้นกำแพงได้บุตรอกตัญญูจู่ ๆ กลายเป็นบุตรกตัญญู เมิ่งจิ่นหยาก็รู้สึกแปลกใจเช่นกัน วันนี้กลางวันยาวกลางคืนสั้น นางจึงตื่นเช้าขึ้น ทุกวันหลังจากตื่นและนอนล้างตัวจะเห็นบุตรอกตัญญูเข้ามาคารวะยามเช้า ทุกครั้งล้วนแสดงความเคารพทั้งยังกตัญญู ไม่มีการทำแบบส่ง ๆ เลยแม้แต่น้อยไม่ว่ากู้ซิวหมิงจะจริงใจ หรือว่าเสแสร้ง นางล้วนต้องเล่นบทมารดาที่เมตตา ดังนั้นทุกครั้งที่มารดาและบุตรมาเจอกัน จึงไม่มีการโต้ตอบแบบเมื่อก่อน และจะมีแต่ภาพบรรยากาศที่กลมเกลียวของมารดาผู้เมตตากับลูกที่กตัญญูเท่านั้น

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 294

    หลี่หว่านเอ๋อร์เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “จริงหรือเจ้าคะ?”“จริงแท้แน่นอน”กู้ซิวหมิงพยักหน้า และเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาที่แก้มของนาง เมื่อเห็นนางร้องไห้อย่างขมขื่น ในใจก็ไม่สบายใจอย่างมากหลี่หว่านเอ๋อร์กกล่าวเสียงสะอื้น “พี่ซิวหมิง ข้ามีเพียงท่านเท่านั้น หากวันใดท่านไม่ชอบข้าแล้ว ข้าก็ไม่เหลืออะไรแล้วเจ้าค่ะ”กู้ซิวหมิงปลอบด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “เด็กโง่ ข้าจะไม่ชอบเจ้าได้อย่างไร? หากไม่ชอบเจ้า ข้าคงแต่งงานกับเมิ่งจิ่นเหยาตั้งแต่แรกแล้ว ในใจข้า หว่านเอ๋อร์เป็นแม่นางที่ดีที่สุด และใจดีที่สุดในใต้หล้า”เมื่อได้ยิน หัวใจที่กระวนกระวายของหลี่หว่านเอ๋อร์ถึงจะได้รับการปลอบโยน นางจ้องมองชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่ละสายตา ชายหนุ่มมีรูปลักษณ์ที่หล่อเหลา สง่างามยืนตระหง่านต้านลม นางรู้สึกชอบ ครั้งแรกที่เห็นชายหนุ่มอยู่ในวัด แม้ชายหนุ่มจะถูกพิษงูจนหมดสติ แต่ด้วยกริยาท่าทางอันสูงศักดิ์ที่แพร่ออกมาจากร่างกาย และรูปลักษณ์ที่หล่อเหล่าเป็นพิเศษ จึงทำให้นางหลงรักตั้งแต่แรกเห็น โดยไม่กลัวจะสร้างความเดือดร้อน ก็รีบไปหาคนในวัดมาช่วยชีวิตชายหนุ่มภายหลังพบว่าชายหนุ่มเป็นซื่อจื่อของจวนฉางซินโหว แถมยัง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 293

    เรือนชิงอวี้เซวียนกู้ซิวหมิงกลับมาจากโถงโซ่วอัน เพิ่งจะเข้าห้อง ก็เห็นร่างที่งดงามโผล่เข้ามาทางตนเอง เขาจึงรีบอ้าแขนกอดคนไว้ แถมยังถอยหลังไปสองก้าวด้วย“พี่ซิวหมิง ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว”แม่นางในอ้อมแขนน้ำเสียงแหบทุ้ม เหมือนกับจะร้องไห้แล้วกู้ซิวหมิงหัวใจกระตุกวูบ และรีบถาม “หว่านเอ๋อร์ เป็นอะไรหรือ? ตอนที่ข้าไม่อยู่ มีคนรังแกเจ้าใช่หรือไม่?หลี่หว่านเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นช้า ๆ ขอบตาเต็มไปด้วยน้ำตา จนใกล้จะร้องไห้ออกมา ในดวงตาก็เต็มไปด้วยความกังวล และกล่าวด้วยเสียงสะอื้นว่า “พี่ซิวหมิง ข้ากลัวมาก กลัวมากจริง ๆ เจ้าค่ะ” กู้ซิวหมิงทนเห็นนางร้องไห้ไม่ได้ จึงตบหลังนางเบา ๆ และปลอบด้วยคำพูดที่อ่อนโยน “หว่านเอ๋อร์ไม่ต้องกลัว ข้าอยู่นี่แล้ว มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นใช่หรือไม่? หากมีคนรังแกเจ้า ข้าคนนี้จะเป็นคนจัดการ และลงโทษสาวใช้ที่ไม่มีตาพวกนั้นให้ดีแทนเจ้า”“ไม่ใช่ ไม่มีใครรังแกข้าเจ้าค่ะ”หลี่หว่านเอ๋อร์ส่ายหน้าเบา ๆ น้ำตาก็ไหลพรากลงมาจากขอบตาทันที และกล่าวด้วยความกังวล “พี่ซิวหมิง ท่านออกไปเมื่อเช้า บอกว่าจะไปคารวะยามเช้าให้ท่านโหวกับฮูหยินที่เรือนเวยหรุยเซวียน แต่นานแล้วก็ยังไม่กลับ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 292

    เฝิงหมอมอตกใจ “เช่นนั้นท่านซื่อจื่อจะไม่มีภรรยาเอกได้อย่างไรเจ้าคะ?”ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ถอนหายใจเบา ๆ “รอซิวหมิงหมดความหลงไหลที่มีต่อหลี่อี๋เหนียง และค่อย ๆ เข้าใจถึงความสำคัญของภรรยาเอก ไม่แน่ว่าอาจอยากแต่งภรรยาเอกก็ได้ ตอนนี้พวกเราเป็นผู้อาวุโสบีบบังคับเขา เขาคงจะไม่ยอมอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นไม่เพียงแต่ทำร้ายแม่นางดี ๆ ที่ไร้ความผิดเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นคู่รักที่ขุ่นเคืองกันอีก และเขาก็จะยิ่งชื่นชอบหลี่อี๋เหนียงมากขึ้นเรื่อย ๆ การไม่แทรกแซงอะไรจึงจะดีที่สุด”หลังจากเฝิงหมอมอฟังก็ชะงัก นางกลับลืมว่ามีหลี่อี๋เหนียงคนนี้ เพื่อหลี่อี๋เหนียงแล้ว ท่านซื่อจื่อยังกล้าหนีงานแต่งงาน หากบังคับท่านซื่อจื่อแต่งงาน ไม่แน่ว่าอาจจะหนีงานแต่งงานครั้งที่สอง เมื่อมีอีกครั้งหนึ่ง เช่นนั้นชื่อเสียงของจวนฉางซิงโหวจะต้องพังพินาศลงอย่างสิ้นเชิงต่อเรื่องนี้ ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ก็ปล่อยวางได้แล้ว ตราบใดที่หลานชายรู้ความเป็นพอ อนาคตจะยิ่งรู้ความ และเข้าใจถึงความหวังดีของผู้อาวุโสมากขึ้นด้วย จึงกล่าว “ความรักช่วงเริ่มแรกนั้นร้อนแรงที่สุด เมื่อเวลาผ่านไป ก็จะจืดจางลงมาก ตอนนี้เขากับ หลี่อี๋เหนียงอยู่ด้วยกันทั้งเช้าท

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 291

    กู้ซิวหมิงรีบตอบรับ “หลานจะเชื่อฟังคำสอนของท่านย่าอย่างเคร่งครัดขอรับ”ฮูหยินผู้เฒ่ากู้พยักหน้าเล็กน้อย และให้เขานั่งลงเพื่อพูดคุยอีกครั้ง หลานชายทั้งสองเหมือนจะกลับไปสมัยก่อน ทั้งพูดคุยและหัวเราะ เข้ากันได้เป็นอย่างดีเวลานี้ เฝิงหมอมอรับยามาแล้ว ก็สั่งให้สาวใช้ยกน้ำเข้ามาอีกหนึ่งอ่าง และทำความสะอาดบาดแผลให้กู้ซิวหมิง จากนั้นจึงใส่ยาให้เขา เมื่อเห็นบาดแผลของเขา ก็รู้ว่าตอนที่เขาโขกศีรษะใช้แรงมากเพียงใด และนั่นไม่ใช่ทำแบบขอไปทีเลยแม้แต่น้อย หลังใส่ยา กู้ซิวหมิงก็ยังไม่ออกจากโถงโซว่อัน แต่กลับไปโถงพระเป็นเพื่อนฮูหยินผู้เฒ่ากู้ ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ท่องพระคัมภีร์ ส่วนเขาคัดพระคัมภีร์อยู่ด้านข้างและบอกว่าอยากจะคัดเพื่ออธิษฐานให้ฮูหยินผู้เฒ่ากู้พอถึงช่วงกลางวัน กู้ซิวหมิงก็ยังคงไม่กลับ และอยู่รับประทานอาหารกลางวันเป็นเพื่อนฮูหยินผู้เฒ่ากู้ที่โถงโซว่อันฮูหยินผู้เฒ่ากู้เชื่อในพระพุทธ มักจะกินอาหารมังสวิรัติและท่องบทสวด อาหารกลางวันมื้อนี้แม้แต่เนื้อหมูสับยังไม่มีเลย ล้วนเป็นผักทั้งหมด นางกลัวหลานชายไม่เคยชิน จึงสั่งสาวใช้ “ไปให้ห้องครัวทำอาหารคาวเข้ามาสองอย่าง”กู้ซิวหมิงรีบกล่าว “ท่านย่

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 290

    หนิงตงตะลึงงัน รีบกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “เช่นนั้นให้เขาเป็นแบบเมื่อก่อนยังดีกว่าเจ้าค่ะ”เมิ่งจิ่นเหยาประหลาดใจไปชั่วขณะ จากนั้นก็ยกมุมปากขึ้นด้วยสีหน้าที่ไม่อาจคาดเดาที่จริงแล้วบุ่มบ่ามและโง่เขลาบ้างคงดีกว่า เช่นนั้นก็ง่ายต่อการรับมือ ตอนนี้เป็นเช่นนี้กลับรับมือไม่ได้โดยง่ายแล้วแต่ว่าคนผู้นี้ ผ่านความพ่ายแพ้มามากมาย ท้ายที่สุดก็จะเติบโต แผนการก็จะยิ่งลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อย ๆ กู้ซิวหมิงก็คงจะเป็นแบบนี้เช่นกัน ก่อนหน้านี้ทุกอย่างราบรื่น ตั้งแต่หนีการแต่งงานและถูกจับกลับมาก็พ่ายแพ้อย่างต่อเนื่อง ทำลายความภาคภูมิใจอย่างไม่มีใครเปรียบของเขา ได้เรียนรู้ที่จะอดทน และสวมหน้ากากจอมปลอมเพียงแต่ไม่รู้ว่า กู้ซิวหมิงจะเสแสร้งได้นานถึงเพียงใด......โถงโซ่วอันฮูหยินผู้เฒ่ากู้ได้รู้ว่าก็ซิวหมิงมาแล้ว ก็คิดขึ้นมาได้ในภายหลังว่า ครั้งที่แล้วเขากับซิวเหวินรวมถึงเฉิงจางทะเลาะกันจึงถูกกักบริเวณ และไม่ได้พบกับเขามาเป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้วนานแล้วที่ไม่ได้พบกัน ทว่ากลับไม่ได้คิดถึงขนาดนั้น คงจะเป็นเพราะว่าผิดหวังกับหลานชายผู้นี้ยิ่งนักเฝิงหมอมอเห็นท่าทางไม่ยินดียินร้ายของนาง คิดได้ว่าถึงอย่า

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 289

    เมิ่งจิ่นเหยามองดูแผ่นหลังของกู้ซิวหมิงที่เดินจากไป ดวงตาสงบและลึกล้ำ จนกระทั่งเงาร่างนั้นลับหายไปจากสายตา นางถึงได้เบนสายตากลับมา หันหน้าไปมองบุรุษที่อยู่ข้างกาย พลางถามอย่างสับสนว่า “ท่านพี่ ท่านว่าวันนี้บุตรชายคนโตคนดีของพวกเรากินยาอันใดผิดไปหรือไม่เจ้าคะ?”สีหน้าของกู้จิ่งซีชะงักเล็กน้อย ถามกลับไปว่า “ฮูหยินคิดว่าเช่นไรเล่า?”เมิ่งจิ่นเหยาก็ไม่ได้คิดที่จะแสร้งทำเป็นมารดาที่มีเมตตาอันใดต่อหน้าเขา หรี่ตาลงเล็กน้อย พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงว่า “ข้าคิดว่าถ้าเขาไม่กินยาผิด ก็คงถูกผีเข้าเจ้าค่ะ เป็นไปไม่ได้ที่จะขอโทษข้าจริง ๆ และกลับเนื้อกลับตัวเป็นคนใหม่”เมื่อได้ยินดังนั้น กู้จิ่งซีก็เหลือบมองนางอย่างเรียบเฉย ไม่ได้คัดค้านคำพูดของนางเมิ่งจิ่นเหยากล่าวอย่างประหลาดใจว่า “ท่านพี่ ท่านคิดว่าเขากำลังคิดที่จะทำอันใดเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีเงียบงันไปชั่วครู่ แล้วกล่าวเสียงเรียบว่า “เขาจะทำอันใดฮูหยินไม่จำเป็นต้องไปใส่ใจ ขอเพียงเขาไม่ก่อเรื่องก็พอแล้ว หากว่าก่อเรื่องขึ้นมา ข้าจะลงโทษเขาด้วยตัวเอง”เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้า ขอเพียงกู้ซิวหมิงไม่มาหาเรื่องนางก่อน นางก็สามารถคิดเสียว่ากู้ซิวหมิง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 288

    กู้ซิวหมิงกำลังคุกเข่า ตัวตั้งตรงไม่ขยับเขยื้อน “ท่านแม่ ลูกมีความผิด หากว่าท่านไม่ให้อภัยลูก ลูกก็จะคุกเข่าอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหนขอรับ”เมื่อเมิ่งจิ่นเหยาได้ฟังก็งงงัน ไม่เข้าใจว่าเขามีแผนร้ายอันใด ขมวดคิ้วอย่างยากที่สังเกตเห็น ไม่ว่าเขาจะจริงใจหรือว่าเสแสร้ง ก็จะแสดงร่วมกันกับเขา จึงแสร้งยิ้มอย่างอ่อนโยนมีเมตตา และกล่าวด้วยเสียงอบอุ่นว่า “ระหว่างแม่กับลูกมีความบาดหมางกันข้ามคืนเสียที่ไหน? ในเมื่อเจ้าสำนึกผิดเเล้ว แม่ก็จะอภัยให้เจ้า เรื่องก่อนหน้านี้ก็ให้มันผ่านไปเถิด เจ้ารีบลุกขึ้นเร็วเข้า”“ลูกขอบคุณท่านแม่มากขอรับที่ให้อภัย ก่อนหน้านี้เป็นลูกที่ไม่ดี ต่อจากนี้ไปจะไม่ทำผิดอีกแล้วขอรับ จะกตัญญูต่อท่านพ่อท่านแม่ให้มาก” กู้ซิวหมิงกล่าวอย่างจริงใจ จนเกือบจะร้องไห้ เมื่อพูดจบก็โขกศีรษะคำนับไปทางเมิ่งจิ่นเหยาอีกสามครั้ง ถึงได้ลุกขึ้นเมิ่งจิ่นเหยาเห็นว่าหน้าผากของเขาเป็นสีแดงแล้ว ก็แอบกล่าวในใจว่า ‘โหดร้ายต่อตนเองมากทีเดียว โขกศีรษะแรงถึงเพียงนี้ จนมีรอยเลือดไหลซึมออกมา’กู้จิ่งซีมองดูบุตรชายด้วยสีหน้าที่ไม่อาจแยกแยะได้ ดวงตาลึกล้ำ จับจ้องอยู่นาน จากนั้นก็กล่าวว่า “ซิวหมิง ในเมื่อเจ้าสำนึ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status