แชร์

บทที่ 195

ผู้เขียน: มู่อวิ๋นเฉิง
คำพูดของบุรุษอ่อนโยนและโน้มน้าวใจ เยียวยาอารมณ์โกรธของเมิ่งจิ่นเหยาอย่างช้า ๆ

เดิมทีนางยังรู้สึกขุ่นเคือง โกรธจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เกลียดชังผู้ที่เสนอกฎหมายฉบับนี้ ทว่าตอนนี้กลับรู้สึกจนใจ ในเวลาเดียวกันภายในใจยังเกิดความรู้สึกว่าไร้พลัง

เพียงชั่วครู่ นางก็เงยหน้ามองกู้จิ่งซีอย่างไม่มีเหตุผล ภายในใจมีความหวังเพิ่มขึ้น หากมีคนอย่างกู้จิ่งซีเพิ่มขึ้นสักหน่อย กฎหมายที่ไม่สมเหตุสมผลพวกนี้ก็คงจะถูกปรับปรุงอย่างช้า ๆ

นางจ้องมองกู้จิ่งซีเป็นเวลานาน กล่าวอย่างอึกอักว่า “ท่านพี่ เมื่อครู่ข้าไม่ควรพาลโมโหท่านเลยเจ้าค่ะ”

กู้จิ่งซีส่ายศีรษะแผ่วเบาอย่างไม่เก็บมาใส่ใจ พลางกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน “ไม่เป็นไร ฮูหยินว่ากันด้วยเหตุผล และเป็นผู้ที่รู้เหตุรู้ผล เมื่อครู่เป็นเพียงแค่ความโมโหชั่ววูบเท่านั้น”

เมิ่งจิ่นเหยาราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง จับจ้องเขาอย่างกระตือรือร้น “เสนาบดีศาลต้าหลี่สามารถมีส่วนร่วมในการบัญญัติและแก้ไขกฎหมายได้ใช่ไหมเจ้าคะ?”

เมื่อได้ฟัง กู้จิ่งซีก็อดที่จะยิ้มออกมาอย่างจนใจไม่ได้ จึงยิ้มพลางกล่าวว่า “ฮูหยิน ข้าขอแนะนำเจ้าว่าอย่าคาดหวังกับสามีของเจ้านักเลย อันที่จริงสามีของเจ้าไ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 196

    “ที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเปิดเผย ก็เพราะว่าเฉียวหมอมอคอยจัดการเรื่องต่าง ๆ ให้เขาอยู่เบื้องหลังมาโดยตลอด ข้าสามารถใช้ประโยชน์จากจุดนี้ได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ จับจุดอ่อนของเฉียวหมอมอ และทำให้เฉียวหมอมอเปลี่ยนฝ่าย ขอเพียงเฉียวหมอมอยอมแปรพักตร์ เรื่องราวต่อจากนี้ก็ง่ายดายมากขึ้นแล้ว”กู้จิ่งซีเหลือบมองนางอย่างชื่นชม พยักหน้าพลางกล่าวว่า “ฮูหยินเฉลียวฉลาด ต่อจากนี้มีเรื่องอันใดที่ต้องการให้ข้าทำหรือไม่?”เมิ่งจิ่นเหยาครุ่นคิดอย่างจริงจังอยู่ชั่วครู่ หลังจากนั้นก็ปฏิเสธอย่างอ้อม ๆ “ขอบคุณท่านพี่มากเจ้าค่ะ เพียงแต่ในช่วงระยะเวลานี้น่าจะไม่ต้องเจ้าค่ะข้าอยากลองดูด้วยตัวเองสักหน่อย หากว่ามีสิ่งใดที่ต้องการ ข้าจะมายืมกำลังของท่านพี่อีกครั้งเจ้าค่ะ?”กู้จิ่งซีกล่าวเตือน “ก็ได้ เพียงแต่ฮูหยินอย่าได้ทำอะไรบุ่มบ่าม ต้องคิดให้รอบด้าน ส่วนเรื่องกำลังคน เมื่อใดที่ฮูหยินต้องการสามารถบอกข้าได้ทันที”เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้าแผ่วเบา สอดกระดาษกลับเข้าไปในซองจดหมาย พลางเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ท่านพี่ ตอนนี้มองดูก็สายมากแล้ว หากไม่มีธุระอันใดละก็ มิสู้พวกเรากลับเรือนเวยหรุยเซวียนก่อน ประเดี๋ยวค่อยกินอาหารเย็นดีไหมเจ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 197

    เช้าวันรุ่งขึ้นกู้จิ่งซีถึงศาลาว่าการศาลต้าหลี่เพื่อทำหน้าที่ สหายร่วมงานคนสนิทฉีอวิ้นเหวินเห็นเขามาทำงาน ก็เดิมตามต้อย ๆ อยู่ข้างกาย มองเขาด้วยดวงตาสว่างไสว หลายครั้งหลายคราที่อยากจะพูดแต่ก็ไม่พูดออกมาเขานั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน อ่านม้วนคดีที่เสนอมาจากทุกหนทุกแห่ง เสนาบดีศาลต้าหลี่มีเขาที่มีเอกสิทธิ์ มีสถานที่ทำงานส่วนตัว ฉีอวิ้นเหวินจึงย้ายม้วนคดีที่ตนเองต้องอ่านมาที่นี่ด้วย มาอ่านด้วยกันกับเขาเพียงแต่ กู้จิ่งซีเพิกเฉยเขามาตลอด และอ่านม้วนคดีอย่างตั้งใจ มีบางครั้งบางคราวที่ไม่มีสมาธิ แล้วสบตากับเขา ก็มักจะรู้สึกว่าแปลกประหลาดยิ่งนัก จนกระทั่งในภายหลังถูกสายตาของเขามองจนรู้สึกกระอักกระอ่วน ไม่มีกะจิตกะใจทำงาน จึงได้วางม้วนคดีที่อยู่ในมือฉบับนั้นลง พลางถามเสียงทุ้ม “ฉีโม่ไป๋ เจ้าเป็นโรคที่ตากระนั้นหรือ?”ฉีอวิ้นเหวินส่ายศีรษะโดยไม่รู้ตัว “ปะ เปล่านี่ ไยเจ้าถึงถามเช่นนี้?”กู้จิ่งซีขมวดคิ้ว เมื่อประสานกับดวงตาที่ลุกโชนของเขา ก็รู้สึกหนาวเย็นขึ้นมาอีกครั้ง พลางกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “เช่นนั้นเจ้าเอาแต่จับจ้องข้าทำไมกัน? ข้ามิใช่ภรรยาของเจ้าเสียหน่อย”ฉีอวิ้นเหวินส่ายศีรษะอีกครั้ง “ไ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 198

    ฉีอวิ้นเหวินขยับปากจะพูด แต่แล้วก็กลืนคำพูดที่มาถึงริมฝีปากกลับไปอีกครั้ง พลางเหลือบมองไปที่สหายสนิท ภายในใจรู้สึกเสียดายยิ่งนัก กู้จิ่งซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “มีม้วนคดีจากที่ต่าง ๆ เสนอมาใหม่เป็นกอง ไปอ่านก่อนเถิด”ฉีอวิ้นเหวินส่งเสียงตอบรับ “ได้” และไม่ได้เอ่ยถึงหัวข้อสนทนานี้อีกอย่างรู้ว่าอะไรควรไม่ควร และยุ่งอยู่กับม้วนคดีอีกครั้งเพียงชั่วพริบตา ก็ถึงเวลาเที่ยงตรงฮูหยินของฉีอวิ้นเหวินส่งอาหารกลางวันมาให้ไม่เพียงแต่ฮูหยินของฉีอวิ้นเหวินเท่านั้น มีใต้เท้าบางคนที่แต่งงานแล้ว ก็จะได้รับอาหารกลางวันที่ฮูหยินส่งมาในเวลากลางวันเป็นครั้งคราวเช่นกัน ยกเว้นสามีภรรยาที่มีความสัมพันธ์ไม่ดีเท่าใดนักที่แทบจะไม่เคยได้รับเลยถึงอย่างไรห้องครัวของศาลต้าหลี่ พ่อครัวก็เป็นเพียงพ่อครัวธรรมดาเท่านั้น อาหารที่ทำออกมาไม่ได้ถือว่าอร่อยมากนัก แค่พอถู ๆ ไถ ๆ อาหารก็ทั่วไป จะอร่อยเหมือนกับอาหารที่บ้านได้เช่นไรกัน? อาหารที่บ้านต่อให้ไม่ใช่อาหารหายาก ทว่าก็ตั้งใจนำส่วนผสมที่เรียบง่ายทำออกมาให้ได้รสชาติที่ดีที่สุดภรรยาที่สงสารสามีของตนเองว่าจะกินอาหารไม่ดี ต่างก็มาส่งอาหารให้สามีเป็นครั้งคราว ปร

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 199

    เมื่อเห็นเขานิ่งเงียบไม่เอ่ยอันใด ฉีอวิ้นเหวินก็ถามต่อ “เย่าหลิง ไยเจ้าถึงไม่พูดเล่า?”กู้จิ่งซีหรี่ตามมองเขาชั่วขณะหนึ่ง รู้สึกแต่ว่าประหลาด จึงถามกลับไป “ไยต้องให้นางมาส่งอาหารให้ข้าเล่า? มิใช่ว่าข้าไม่มีขาเสียหน่อย หากอยากกินอาหารในจวน กลับจวนด้วยตนเองก็ได้แล้วนี่นา? ”เมื่อฟังจบ ฉีอวิ้นเหวินก็มองเขาอย่างประหลาดใจ พลางยกนิ้วให้เขาอย่างเงียบ “เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ยินว่ามีคนที่ปลอบใจตนเองเช่นนี้ด้วย”กู้จิ่งซีไม่ได้สนใจเขา ก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อไป คงต้องบอกว่า พ่อครัวของสกุลฉีมีฝีมือในการปรุงอาหารที่ไม่เลวเลย หากเทียบกับพ่อครัวของศาลต้าหลี่แล้ว ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับดินจริง ๆเขาไม่พูดอันใด ทว่าฉีอวิ้นเหวินกลับกำลังพูดไม่หยุดกู้จิ่งซีขัดจังหวะคำพูดของเขา กล่าวอย่างเฉยเมยว่า “จะส่งอาหารหรือไม่แล้วเกี่ยวอันใด? หลิวฮูหยินส่งอาหารมาให้ใต้เท้าหลิวทุกวัน แต่ว่านี่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการทะเลาะกันของสามีภรรยาเลย เจ้าไม่ได้เห็นหรือว่าวันนี้มุมตาด้านซ้ายของใต้เท้าหลิวมีรอยฟกช้ำน่ะ? เมื่อวานนี้เขายังดี ๆ อยู่เลย วันนี้ก็มาเป็นเช่นนี้เสียแล้ว เจ้าคิดว่าผู้ใดตีเขาอย่างนั้นหรือ?”ฉีอวิ้นเห

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 200

    เมิ่งจิ่นเหยาตอบกลับ “มีธุระกับท่านพี่นิดหน่อยเจ้าค่ะ หากท่านพี่ยังมีงานต้องไปทำ เช่นนั้นข้าก็ไม่ขอรบกวน”กู้จิ่งซีตะลึงงันอีกครั้ง กล่าวในทันทีว่า “ที่นี่ไม่สะดวกสนทนากัน พวกเราไปคุยกันที่ด้านนั้นเถิด”เวลานี้ ใต้เท้าหลายคนที่ออกมาจากด้านหลังมองเห็นกู้จิ่งซีกำลังสนทนากับสตรีงดงามผู้หนึ่ง จึงรู้สึกอยากรู้อยากเห็น เสนาบดีกู้ของพวกเขาใกล้ชิดกับสตรีขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน? มีใต้เท้าผู้หนึ่งเดินเข้ามาถาม “ใต้เท้ากู้ ท่านนี้คือ?” กล่าวจบก็มองมาที่เมิ่งจิ่นเหยา ประกายแห่งความประหลาดใจฉายวาบในดวงตา ไม่นานก็รู้สึกตัวในภายหลังว่าสายตาของตนเองได้ล่วงเกินไปแล้ว จึงรีบเบือนสายตาออกกู้จิ่งซีกล่าวตอบ “นี่คือภรรยาของข้า” พูดจบก็กล่าวกับเมิ่งจิ่นเหยาอีกว่า “ฮูหยิน ท่านนี้คือใต้เท้าจาง”ใต้เท้าผู้นั้นประหลาดใจ รีบทำการคารวะ “ที่แท้ก็กู้ฮูหยินนี่เอง เสียมารยาทแล้ว เสียมารยาทแล้ว” เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้าพลางแย้มยิ้ม “ใต้เท้าจาง”กู้จิ่งซีกล่าว “ใต้เท้าจาง พวกเราสามีภรรยายังมีธุระอย่างอื่น ขอตัวก่อน”ใต้เท้าจางรีบพูดว่า “ได้ ใต้เท้ากู้ กู้ฮูหยินเดินดี ๆ”กู้จิ่งซีพยักหน้าแผ่วเบา หลังจากนั้นก็ดึ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 201  

    อีกฟากนั้น พวกเมิ่งจิ่นเหยามาถึงหน้ารถม้าแล้ว ไม่รอให้กู้จิ่งซีถามนางว่าคิดจะทำอะไร เมิ่งจิ่นเหยาก็ถามก่อน “ท่านพี่หลังออกเวรแล้ว หากไม่มีธุระอื่นต้องจัดการ เช่นนั้นพวกเรากลับไปที่จวนก่อนเป็นอย่างไรเจ้าคะ?” กู้จิ่งซีตกตะลึง คิดถึงถ้อยคำที่สหายคนสนิทบอกกับเขาในวันนี้ ก็เผลอคิดเข้าข้างตนเองไปอย่างอดไม่ได้ เขารู้สึกอึ้งงันที่ได้รับความรักอย่างคาดไม่ถึง “ฮูหยินนี่เจ้ามารับข้าหลังออกเวรหรือ?” เมิ่งจิ่นเหยาได้ยินเช่นนั้นก็ผงะไปเล็กน้อย กู้จิ่งซีออกเวรจำเป็นต้องให้นางมารับเสียที่ไหน? เพียงครู่เดียว นางรีบส่ายหน้าปฏิเสธ พร้อมอธิบายว่า “มิใช่เจ้าค่ะ รถม้าของพวกข้าเกิดเสียขึ้นมากะทันหัน เคราะห์ดีที่ห่างจากประตูศาลต้าหลี่ไม่ไกล และยังใกล้เวลาออกเวรพอดี จึงมาดูว่าท่านพี่จะกลับจวนเหมือนกันหรือไม่ อยากจะขออาศัยความสะดวกสักหน่อยเจ้าค่ะ” กู้จิ่งซีตอบกลับด้วยเสียงอ่อนโยน “ข้าเองก็กำลังจะกลับจวนพอดี เช่นนั้นกลับด้วยกันเถิด” นายบ่าวสี่คนขึ้นรถม้าเรียบร้อย และเคราะห์ดีที่รถม้ามีขนาดใหญ่พอ ไม่เช่นนั้นสี่คนนั่งด้วยกันคงแน่นอึดอัดเกินไปแน่ แม้ว่ากู้จิ่งซีจะเป็นคนอบอุ่นอ่อนโยน แต่ชิงชิวและหนิงตง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 202  

    หลังหลี่หว่านเอ๋อร์เข้าจวน แม้ไม่ได้รับความเอ็นดูจากผู้อาวุโส แต่ก็ไม่เคยถูกตบหน้ามาก่อน มีแต่ได้รับความรักและการทะนุถนอมจากกู้ซิวหมิงมาตลอด เพียงตบเดียวนี้ทำให้นางถึงกับอึ้งไป มือกุมใบหน้าข้างหนึ่งซึ่งชาไปแล้ว ความน้อยเนื้อต่ำใจพลันบังเกิดขึ้น พริบตาเดียวหยาดน้ำตาก็จวนจะเอ่อล้นขอตาแล้ว นางตอบกลับด้วยเสียงสะอื้น “คุณหนูใหญ่ เมื่อครู่ท่านเดินเร็วเกินไปจนลืมมองทาง ถึงได้ชนตัวข้าน้อยเจ้าค่ะ” สาวใช้ข้างกายหลี่หว่านเอ๋อร์มองอย่างเงียบเชียบ ไม่กล้าส่งเสียงใดออกมา ถึงอย่างไรท่านผู้นี้ก็เป็นบุตรีคนโตสายหลักของบ้านใหญ่ ถึงแม้เจ้านายของนางจะได้รับความรักจากท่านซื่อจื่อเพียงใด แต่ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นเพียงอนุภรรยา เหล่าเจ้านายในจวน ยกเว้นท่านซื่อจื่อ ไม่มีผู้ใดสนใจหลี่อี๋เหนียงแม้แต่คนเดียว กู้เซวียนอี๋ขึงตาจ้องนางด้วยความโกรธ “เจ้าจะบอกว่าข้าเดินไม่ดูทาง แล้วยังชนเจ้าอีกอย่างนั้นหรือ?” หลี่หว่านเอ๋อร์รีบส่ายหน้าปฏิเสธ “ข้าน้อยมิบังอาจ” กู้เซวียนอี๋แค่นเสียงออกมา “เจ้าน่ะหรือไม่บังอาจ? เจ้าชนข้าแล้วยังมีอะไรไม่บังอาจอีก?” เอ่ยพลาง นางก็ใช้สายตาประเมินหลี่หว่านเอ๋อร์ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 203  

    …เซวียนอี๋ พวกเจ้ามีเรื่องอะไรกัน? และทันทีที่สิ้นเสียงนี้ กู้เซวียนอี๋พลันตัวแข็งไป นี่คือเสียงของท่านอาสะใภ้สามของนาง พูดถึงอาสะใภ้สาม นางก็คิดถึงเมื่อครั้งก่อนที่เคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับกู้เซวียนหลิงขึ้นมาได้ อาสะใภ้สามเหตุการณ์ทั้งหมด สุดท้ายนางถูกมารดาลงโทษให้คุกเข่าที่โถงบรรพชน สำนึกผิดต่อหน้าป้ายวิญญาณของบรรพบุรุษ และกักบริเวณครึ่งเดือน อีกทั้งยังต้องคัดกฎตระกูลอีกยี่สิบจบ นางโตตั้งเพียงนั้นแล้ว แต่ก็เป็นครั้งแรกที่ถูกลงโทษหนักถึงขั้นนี้ อาสะใภ้สามในความคิดของนาง น่ากลัวเหมือนท่านอาสามทุกประการ ไม่ใช่คนที่ควรจะเข้าไปยั่วโทสะด้วยกันทั้งคู่ นางค่อย ๆ หมุนตัวมองไปอย่างระวัง ก็เห็นว่าอาสะใภ้สามของนางกำลังยืนอย่างนิ่งสุขุมอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าวจริงอย่างที่คาดไว้ และกำลังมองพวกนางด้วยใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ เพียงเสี้ยวพริบตานางพลันปอดแหกขึ้นมา ไม่เหลือท่าทางเย่อหยิ่งจองหองเหมือนเมื่อครู่แล้ว นอบน้อมเชื่อฟังเหมือนเจ้าวิฬาร์ตัวหนึ่ง ยอบกายทำความเคารพ ก่อนจะเอ่ยทักทายอย่างตะกุกตะกัก “อาสะใภ้สาม” หลี่หว่านเอ๋อร์เมื่อเห็นเมิ่งจิ่นเหยา ก็ลืมร้องไห้ไปทันที ถ้อยคำที่ตนเองเอ่

บทล่าสุด

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 340

    กู้จิ่งซีค่อนข้างประหลาดใจ “เจ้าใช้วิธีใด ถึงทำให้เขารับสารภาพเร็วขนาดนั้น?”ฉีอวิ้นเหวินหยักไหล่ หัวเราะพลางกล่าว “นั่นไม่ใช่ความดีความชอบของข้า เมื่อวานมีแม่นางคนหนึ่งมาพบเขา ไม่รู้พูดอะไร เขาก็รับสารภาพแล้ว”เมื่อได้ยิน กู้จิ่งซีก็ขมวดคิ้วแน่น และสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติบางอย่าง “แม่นางผู้นั้นรู้ได้อย่างไรว่าเขาถูกจับตัว?”ฉีอวิ้นเหวินเหลือบมองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ และถามกลับว่า “โจรขโมยหญิงงามที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ และชั่วร้ายถูกจับตัวได้แล้ว เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก เมื่อคืนข่าวนี้แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวงแล้ว หรือว่าเจ้าไม่รู้หรือ? ก็จริง น้องสะใภ้ป่วยแล้ว เจ้าไม่มีกระจิตกระใจจะสนใจเรื่องอื่นก็ปกติ”กู้จิ่งซีปรากฏสายตาที่รู้ทันออกมาฉีอวิ้นเหวินกล่าวอีกว่า “ข้าเห็นแม่นางผู้นั้นแต่งกายเป็นสาวชาวยุทธจักร ซึ่งน่าจะเป็นชาวยุทธจักร และคาดว่าจะมีความเกี่ยวข้องอะไรกับเขา แต่ว่าเรื่องนี้ไม่สำคัญมากนัก เพราะตอนนี้ไขคดีได้ก็พอแล้ว”......จวนฉางซินโหวกู้ซิวหมิงมาคารวะยามเช้าให้เมิ่งจิ่นเหยา เขามาสายก้าวหนึ่ง กู้จิ่งซีเพิ่งออกไป เขาก็เพิ่งจะมาถึงนับตั้งแต่การกักบริเวณสิ้นสุดลง ตราบใดที

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 339

    เมิ่งจิ่นเหยาก็ไม่ปิดบัง และเล่าเรื่องที่พบหญิงวัยกลางคนในวัดหลินอวิ๋นเมื่อวานตอนบ่ายให้ฟังรอบหนึ่งพูดถึงช่วงสุดท้าย นางก็หัวเราะออกมาเบา ๆ “สวรรค์มีตาจริง ๆ จู่ ๆ ข้าก็ฉุกคิดอยากจะไปจุดธูปให้ท่านแม่ที่โถงหว่างเซิงของวัดหลิงอวิ๋น จึงได้พบอดีตบ่าวรับใช้ของท่านแม่ ท่านป้าท่านนั้นป่วยหนักมาก และเหลือเวลาไม่มากแล้ว หากเมื่อวานข้าไม่ได้ไปเจอนางที่วัดหลิงอวิ๋น ความลับนั้นคาดว่าข้าจะไม่มีทางรู้ไปตลอดกาลเจ้าค่ะ”กู้จิ้งซีสีหน้ามืดมนลง พลางละอายใจต่อวิธีที่พ่อตานั้นทำอย่างมาก แม้จะแต่งงานตามคำสั่งของบิดามารดาและการจับคู่ของแม่สื่อ พลางไม่มีความรักระหว่างชายหญิงต่อแม่ยายเขา จะปิดบังความจริงเพราะรู้สึกผิดก็ช่าง ยังปล่อยให้มารดาและแม่เลี้ยงปฏิบัติต่อบุตรสาวที่บริสุทธิ์อย่างรุนแรงอีกเขาเห็นแม่นางน้อยที่โกรธแค้นผสมปนเปกัน ก็ตบหลังมือของแม่นางน้อยเหมือนจะปลอบใจ และกล่าวอย่างเป็นนัยว่า “ฮูหยิน วิญญาณของแม่ยายที่อยู่บนสวรรค์จะไม่ปล่อยพวกเขาไปแน่”เมื่อได้ยิน สีหน้าของเมิ่งจิ่นเหยาก็ชะงักไป พลางสบตาเข้ากับสายตาที่มีความหมายลึกซึ้งของเขา ก็เข้าใจความหมายของเขา และยกรอยยิ้มที่อันตรายขึ้น “จริงด้วย

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 338

    เมิ่งจิ่นเหยาถามเสียงเบาว่า “ท่านหมอ เป็นอย่างไรบ้าง?”หมอประจำจวนเก็บนิ้วมือทั้งสามข้อที่อยู่บนแขนของเมิ่งจิ่นเหยากลับลงไป พลางตอบกลับ “ฮูหยิน ท่านมีปมในใจจนเกิดอาการซึมเศร้า แถมยังได้รับความเย็นเกินไปอีก จึงทำให้จู่ ๆ ก็ไข้ขึ้นสูง และจำเป็นต้องใช้ยาคลายเครียดเสียหน่อยก็จะดีขึ้นขอรับ”เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้า “รบกวนท่านหมอแล้ว”“ไม่รบกวนขอรับ” หมอประจำจวนรีบส่ายหน้า และกล่าวอีกว่า “แต่ว่า ฮูหยินร่างกายอ่อนแอ ควรจะบำรุงร่างกายให้ดีตั้งแต่ยังสาวถึงจะได้นะขอรับ”มิ่งจิ่นเหยาฟังจบ ก็ไม่แปลกใจแม้แต่น้อย เพราะนางรู้มาโดยตลอดว่าตนเองร่างกายอ่อนแอ เจ็บป่วยง่าย โดยเฉพาะช่วงที่อากาศเย็น หากไม่ระวังนิดหน่อยก็จะเป็นหวัด เมื่อก่อนตอนอยู่บ้านมารดา นางไม่มีความพร้อมที่จะดูแลตนเอง ตอนนี้อยู่บ้านสามี นางใส่ใจเรื่องการกินมากขึ้น และได้ดื่มน้ำแกงบำรุงร่างกายอยู่เป็นประจำ ช่วงนี้นางจึงรู้สึกดีมาก สีหน้าก็ดูดีขึ้นแล้วนางกล่าวเสียงอ่อนโยน “ปกติข้าก็ดูแลตนเองอยู่แล้ว รบกวนท่านหมอจัดยาคลายเครียดให้ข้าก็พอ”หมอประจำจวนฟังจบ ก็จ่ายยาคลายเครียดให้นาง และให้สาวใช้ตามเขาไปเอายากลับมาต้มหลังหมอประจำจวนจากไป

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 337

    บนรถม้าชิงชิวกับหนิงตงที่แทบไม่ได้นอนทั้งคืนนั่งพิงกัน และเผลอหลับไปเมิ่งจิ่นเหยาหายป่วยได้ไม่นาน ยังรู้สึกมึนศีรษะ คนทั้งคนก็หมดเรี่ยวแรง จึงเอนหลังพิงผนังรถม้าและหลับตาพักสมองทันใดนั้น รถม้าก็สั่นสะเทือน ท้ายทอยของนางกระแทกเล็กน้อย จึงรีบนั่งตัวตรง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ศีรษะกระแทกอีกกู้จิ่งซีเห็นแม่นางน้อยขมวดคิ้ว พยายามฝืนให้มีชีวิตชีวาขึ้น นั่งตัวหลังตรง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงยื่นมือโอบนางเข้ามาในอ้อมแขน และให้นางพิงหน้าอกของตนเอง เมื่อสบตาเข้ากับสายตาที่ตกใจของนาง ก็กล่าวด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “หากฮูหยิน อ่อนเพลีย ก็พิงข้าแล้วนอนเสียเถอะ”ตอนนี้เมิ่งจิ่นเหยารู้สึกทั้งตัวไม่มีแรง ศีรษะยังมึน ๆ อยู่ จึงไม่เกรงใจเขา และพิงอยู่บนตัวเขาด้วยความสบายใจอย่าดูถูกแม้กู้จิ่งซีดูจะตัวไม่ใหญ่มาก แต่หน้าอกกว้างใหญ่ พิงอยู่บนตัวเขาอบอุ่นสบายตัว แถมได้กลิ่นดอกกล้วยไม้ที่หอมละมุนจากตัวของเขา ก็รู้สึกสบายใจอย่างอธิบายไม่ถูก แต่กลับไม่มีอาการง่วงเลยบางทีเพราะถูกผู้ชายกอดไว้ในอ้อมแขนเช่นนี้ เลยรู้สึกไม่คุ้นชินหรืออาจเป็นเพราะได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้นตึกตักอยู่ข้างหู มันดังก้องอยู่ที่หู

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 336

    ท่าทางที่ดูป่วยเช่นนี้ ดูน่าเป็นห่วงยิ่งนักคนที่มีไข้ขึ้นสูง ไม่ควรห่มผ้าจนอบอ้าว ไม่เช่นนั้นอาการป่วยจะแย่ลง เขาจึงเปิดผ้าห่มบางออกให้แม่นางน้อยผ่านไปไม่นาน หนิงตงก็ยกอ่างน้ำอุ่นมาด้วยความรีบร้อน โชคดีที่วัดหลิงอวิ๋นมีคนเข้ามาสักการะอย่างเนืองแน่น ปกติจะมีผู้แสวงบุญมาค้างคืน และมีผู้แสวงบุญจำนวนไม่น้อยที่มาจากครอบครัวร่ำรวย ดังนั้นเพื่อความสะดวกสบายของแขก ตอนกลางคืนภายในวัดก็มีกักเก็บน้ำร้อนไว้หนิงตงวางอ่างทองแดง พลางถาม “ท่านโหว น้ำอุ่นยกเข้ามาแล้ว ต้องทำอย่างไรหรือเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีตอบกลับ “เช็ดหน้าผาก คอ รักแร้ และแขนขาให้ฮูหยินเพื่อระบายความร้อน”หนิงตงตอบรับ ยกอ่างทองแดงมาข้างหน้าทันที พลางวางอ่างน้ำไว้บนเก้าอี้ที่อยู่หน้าเตียง และเตรียมจะถอดเสื้อผ้าให้นายหญิง ก็มองไปทางกู้จิ่งซีโดยไม่รู้ตัว พบว่าเขาหันหลังให้พวกนาง นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างโต๊ะน้ำชาเมื่อเห็นดังนั้น หนิงตงก็ตกตะลึงเล็กน้อย และแอบพูดในใจว่า ท่านโหวเป็นสุภาพบุรุษจริง ๆ แม้จะเป็นสามีภรรยากับฮูหยิน ก็ไม่ได้ฉวยโอกาสเอาเปรียบหนิงตงไม่คิดอะไรมาก ก็ถอดเสื้อผ้าให้เมิ่งจิ่นเหยาด้วยความเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว และเช็ดตั

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 335

    ในวินาทีนั้น เมิ่งจิ่นเหยาทำจิตใจให้สงบ ก้มหน้าลงมอง เห็นว่าบาดแผลที่มือซ้ายใช้ผ้าพันแผลพันไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อมองเพียงแวบแรกดูท่าทางเหมือนว่าบาดเจ็บสาหัส จึงกล่าวออกมาอย่างอดไม่ได้ว่า “ตอนนี้เลือดไม่ซึมออกมาแล้ว อันที่จริงไม่พันแผลก็ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ”กู้จิ่งซีเหลือบมองนาง พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ถึงแม้ไม่ใช่บาดแผลสาหัส แต่หากไม่พันแผล เมื่อชนหรือกระแทกเข้าโดยไม่ระวังแล้วเลือดไหลออกมาอีก ไม่เป็นผลดีต่อการฟื้นตัว โดยเฉพาะบาดแผลที่ข้อศอก เนื้อผ้าเสียดสีก็อาจเจ็บได้เช่นกัน”เมิ่งจิ่นเหยาตะลึงเล็กน้อย แล้วพยักหน้าในทันทีหลังจากนั้นไม่นาน นางก็ถูกมือของกู้จิ่งซีดึงดูดความสนใจไป มือคู่นั้นเรียวยาวและขาวสะอาด ข้อต่อชัดเจน ราวกับหยกขาวที่แกะสลักอย่างประณีต ดูแล้วสบายตาสบายใจนักเมื่อหลุดออกจากความคิด นางก็ใจลอยอีกครั้งผ่านไปเป็นเวลานาน กู้จิ่งซีช่วยนางพันแผลจนเสร็จ และปล่อยมือของนาง เมื่อเห็นว่ามือขวาของนางยังยกอยู่ ก็กล่าวว่า “ฮูหยิน เสร็จแล้ว”แต่เมิ่งจิ่นเหยาดูเหมือนจะไม่ได้ยินคำพูดของเขา เขาจึงเรียกอีกครั้ง “ฮูหยิน?”เวลานี้ เมิ่งจิ่นเหยาถึงค่อย ๆ ได้สติกลับมา และพบกับส

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 334

    เขากำลังเตรียมจะปลอบโยนนางสักหลายประโยค ทำให้อารมณ์ของแม่นางน้อยสงบลง แล้วค่อยถามให้ชัดเจนอีกครั้งว่าเกิดอันใดขึ้นกันแน่ ทว่าเวลานี้ หนิงตงได้ยกอ่างน้ำสะอาดเข้ามา เขาจึงกลืนคำพูดที่ติดอยู่ตรงริมฝีปากกลับเข้าไปหนิงตงนำอ่างน้ำมาวางไว้บนโต๊ะ ถามด้วยน้ำเสียงนอบน้อมว่า “นายท่าน ให้ใช้น้ำในอ่างเช่นไรเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีกล่าวกำชับ “ไปหาผ้าสะอาด ๆ มา”หนิงตงรับคำ ไม่นานก็หาผ้าเช็ดหน้าสะอาดที่อยู่ในสัมภาระมาหนึ่งผืน ผ้านี้เตรียมไว้สำหรับให้นายหญิงของนางใช้ล้างหน้ากู้จิ่งซีเหลือบมองไปที่แม่นางน้อย ลังเลอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็รับผ้าเช็ดหน้ามา กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้าคนเดียวก็พอแล้ว เจ้าออกไปก่อนเถิด”หนิงตงเหลือบมองนายหญิง เมื่อเห็นว่านายหญิงไม่ได้เอ่ยปากบอกให้นางอยู่ต่อ ก็รับคำแล้วถอยออกไปกู้จิ่งซีกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “มาล้างบาดแผลสักหน่อย ตอนที่เจ้าล้มลงไปเนื้อหนังถลอก แล้วบาดแผลก็เปื้อนฝุ่นด้วย”เมื่อได้ฟังดังนั้น เมิ่งจิ่นเหยาไม่ได้ลังเล ลุกขึ้นแล้วเดินมากู้จิ่งซีดึงมือของนาง ช่วยนางทำความสะอาดบาดแผลที่ฝ่ามือด้วยท่าทีที่อ่อนโยนเมื่อบาดแผลสัมผัสกับน้ำ เมิ่งจิ่นเหยาเจ็บปวดเส

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 333

    กู้จิ่งซีจับจ้องนางอย่างไม่วางตา พลางถามด้วยเสียงอ่อนโยน “ฮูหยิน วันนี้เกิดเรื่องอันใดขึ้นงั้นหรือ?”เมื่อได้ฟังดังนั้น ใบหน้าของเมิ่งจิ่นเหยาก็เต็มไปด้วยความงุนงง พลางถามกลับไปว่า“เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ท่านพี่ก็เห็นหมดแล้วมิใช่หรือเจ้าคะ?”นางกล้าพูดได้เลยว่า นางโตถึงเพียงนี้แล้ว ยังไม่เคยเจอเรื่องที่ตื่นเต้นระทึกขวัญเช่นนี้มาก่อน เพียงชั่วพริบตาเดียวที่รอดพ้นจากความตาย ชีวิตนี้ไม่คิดจะพบเจออีกเป็นครั้งที่สองกู้จิ่งซีเห็นสีหน้าของนางงุนงง ไม่ได้จงใจแสร้งทำเป็นฟังไม่เข้าใจ จึงสัมผัสที่ฝ่ามือของนางอย่างแผ่วเบา พลางถามต่อว่า “เกิดอันใดขึ้นกับมือนี้ของเจ้า? ล้มลงไม่สามารถเกิดบาดแผลเช่นนี้ได้”เมิ่งจิ่นเหยาตกตะลึงไปชั่วขณะ ก้มหน้ามองฝ่ามือของตนเอง บนฝ่ามือยังมีผลงานชิ้นเอกของตนเองเมื่อบ่ายอยู่ เมื่อคิดถึงเรื่องที่พบกับสตรีวัยกลางคนผู้นั้นขึ้นมาได้ ดวงตาของนางก็หม่นลงในฉับพลัน และอยากจะกำมือของตนเองแน่นอีกครั้งโดยไม่รู้ตัวกู้จิ่งซีที่สายตาเฉียบคมและมือไว รีบกุมมือทั้งสองข้างของนางไว้แน่น ขัดขวางการกระทำของนาง เล็บของนางจะได้ไม่บาดบาดแผลและมีเลือดไหลซึมออกมาอีกเล็บของแม่นางน้อยไ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 332

    เมื่อกู้จิ่งซีได้ฟังก็รู้สึกใจอ่อน พลางกล่าวอย่างอ่อนโยน “ให้ข้าดูหน่อย” เมื่อกล่าวจบ เขาก็ยอบกายลง ยกชายกระโปรงของนางขึ้น เตรียมจะดูอาการบาดเจ็บของนาง เมิ่งจิ่นเหยาสีหน้าชะงักค้าง กำลังจะเอ่ยปากขัดขวาง ทว่าเมื่อกลับมาคิดดูอีกทีแล้ว ต่างก็เป็นสามีภรรยาที่นอนหลับอยู่บนเตียงเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องรักษาขอบเขตระหว่างชายหญิงอันใดหลังจากกู้จิ่งซียกชายกระโปรงของนางขึ้นแล้ว มือหนึ่งก็จับไปที่ข้อเท้าขวาของนาง ส่วนอีกข้างม้วนขากางเกงของนางขึ้น เมื่อม้วนขากางเกงไปจนถึงเหนือหัวเข่า ก็จะเห็นได้ว่าตรงหัวเข่าที่ถูกกระแทกตอนล้ม เป็นรอยฟกช้ำไปเรียบร้อยแล้ว ทว่าไม่ได้ร้ายแรงนักกู้จิ่งซีเห็นว่าบาดแผลไม่หนักมาก จึงวางขานางลง แล้วไปดูบาดแผลที่ข้อศอกของนางนางล้มลงไปข้างหน้า บาดแผลตรงข้อศอกจึงชัดเจนมากนัก เสื้อผ้าในฤดูร้อนจะค่อนข้างบางเบา เสื้อผ้าบริเวณข้อศอกล้วนมีร่องรอยขีดข่วนอย่างชัดเจนพอพับแขนเสื้อของนาง ก็เผยให้เห็นแขนที่ขาวราวกับหิมะ เมื่อพลิกข้อศอกก็สามารถมองเห็นได้ว่าผิวหนังถลอกและมีเลือดออกที่แขนทั้งสองข้างของนาง ผิวหนังโดยรอบบวมแดงเล็กน้อย บาดแผลนี้เมื่ออยู่บนมือที่เดิมทีขาวสะอาดไร้ที่ติรา

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status