แชร์

บทที่ 129

ผู้เขียน: มู่อวิ๋นเฉิง
เรือนชิงอวี้เซวียน

หลังกำหนดวันรับหญิงสาวที่รักเข้ามาในจวน กู้ซิวหมิงแทบจะถูกความดีใจจนเสียสติ แต่เมื่อคิดว่าหญิงสาวที่รักต้องยอมทนเป็นได้เพียงอนุภรรยา เขาก็โทษตนเองอย่างมาก หากเขาไม่พาหว่านเอ๋อร์หนีตามกันจนเสียชื่อเสียง หว่านเอ๋อร์ก็คงได้เป็นภรรยาเอก

เพื่อชดเชยให้กับคนรัก กู้ซิวหมิงจึงตั้งใจสั่งให้สาวใช้ตกแต่งเรือนในแบบที่หว่านเอ๋อร์ชอบด้วยตนเอง แถมยังสั่งให้สาวใช้ซื้อพวกของเครื่องใช้ที่จำเป็นสำหรับหญิงสาวกลับมาด้วยจำนวนหนึ่ง

สาวใช้ของเรือนชิงอวี้เซวียนเห็นเขาให้ความสำคัญกับหลี่อี๋เหนียงเช่นนี้ ทั้ง ๆ แค่รับอนุภรรยา แต่กลับใส่ใจเหมือนแต่งภรรยา ในใจก็ชั่งน้ำหนักเรียบร้อยแล้วว่าหลังหลี่อี๋เหนียงเข้ามาอยู่ในจวน ควรจะใช่ท่าทีแบบใดไปปรนนิบัติ

“ท่านซื่อจื่อช่างใส่ใจต่อหลี่อี๋เหนียงเสียจริง”

“ใส่ใจมาก แต่ท่านซื่อจื่อยังไม่ได้แต่งภรรยาเอก และเมื่อรอให้ภรรยาเอกซึ่งแต่งงานตามประเพณีเข้ามา แม่นางหลี่ก็ไม่อาจอยู่เหนือฮูหยินของซื่อจื่อได้”

“ข้าไม่คิดว่าเป็นเช่นนั้น ท่านซื่อจื่อสามารถทำให้อี๋เหนียงเข้ามาในจวนได้ก่อน นั่นก็พิสูจน์แล้วว่าในใจของเขาภรรยาเอกเทียบไม่ได้กับอี๋เหนียงท่านนี้เลย ถึงอย
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 130

    เมื่อกู้ซิวหมิงฟังจบ ถึงนึกขึ้นมาได้ว่าน้องชายกำลังจะไปร่ำเรียนที่สำนักศึกษาหลิงชาน ในบรรดาพวกเขาสี่พี่น้อง มีเพียงลูกพี่ลูกน้องที่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ และแม้แต่เขาที่อยู่ในฐานะซื่อจื่อ ก็ไม่เคยได้รับการที่บิดาเข้าประตูไปขอที่นั่งจากหัวหน้าของสำนักศึกษาหลิงชานเลยสุดท้ายแล้วเขาไม่ใช่บุตรชายแท้ ๆ บิดาก็ไม่ทุ่มเทต่อเขามากนัก เมื่อเปรียบเทียบเขาในฐานะหลานชายที่เคยรับเลี้ยงมา น้องสี่เป็นหลานชายแท้ ๆ ของบิดา และความสัมพันธ์กับบิดาก็แน่นแฟ้นกว่าเขาเขาเจ็บปวดอยู่ในใจ แต่กลับยังคงฝืนรักษารอยยิ้มเอาไว้ และกล่าวแสดงความยินดีไปทางน้องชาย “น้องสี่ ได้ยินว่าเจ้าจะไปร่ำเรียนที่สำนักศึกษาหลิงชานแล้ว ยินดีด้วยนะ”กู้ซิวเหวินตอบรับอย่างง่ายดายเหมือนน้ำไหล “ก็ยินดีกับพี่สามที่ได้หญิงงามเป็นภรรยาด้วยนะขอรับ”ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกไป กู้ซิวเหวินก็นึกคำพูดของบิดามารดาขึ้นมาได้อีกว่า พี่สามยังไม่แต่งภรรยาก็รับอนุเข้ามาเสียก่อน มันเหลวไหลยิ่งนัก และการแสดงความยินดีของเขานี้ดูเหมือนไม่ค่อยเหมาะสม จึงรีบเปลี่ยนเรื่องกลับไปทันที “ความจริงที่ข้าสามารถไปสำนักศึกษาหลิงชานได้ ต้องขอบคุณท่านอาสามมากเลยขอรับ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 131

    เมิ่งจิ่นเหยาตกตะลึงเล็กน้อย ครู่ต่อมาก็ได้ตระหนักว่าคำพูดนี้ของกู้ซิวหมิงหมายความเช่นไร พลางมองกู้ซิวหมิงด้วยสีหน้าแปลกประหลาด กู้ซิวเหวินปฏิบัติต่อนาง เห็นได้ชัดว่าเป็นความเคารพและกตัญญูที่ผู้น้อยมีต่อผู้อาวุโส ไม่มีความหมายที่เกินเลยแม้แต่น้อย คนผู้นี้มีความคิดผิดปกติเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?นางยิ้มอย่างเย้ยหยันพลางกล่าวอย่างหยอกเย้า “ลูกเอ๋ย ผู้ที่นำความอับอายมาสู่บิดาของเจ้ากับตระกูล มิใช่ตัวเจ้าเองหรอกหรือ?”ดวงตาอันงดงามของสาวน้อยเปล่งประกายอ่อนโยน รอยยิ้มแจ่มใสน่ามอง ดวงตาสดใสและฟันขาวสวยงามจนทำให้ไม่อาจละสายตาทว่ากู้ซิวหมิงกลับรู้สึกว่าน่ารังเกียจ ราวกับแม่เลี้ยงชั่วร้าย คนถ่อยเถลิงอำนาจที่กำลังมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น และเยาะเย้ยเขา จากอับอายจึงกลายเป็นโทสะ “นั่นมิใช่เพราะท่านหรอกหรือ? ข้ากับหว่านเอ๋อร์มีใจตรงกัน หากไม่ใช่เพราะท่านมาแทรกตรงกลาง ข้าจะหนีการแต่งงานได้เช่นไรกัน?”เมิ่งจิ่นเหยาถามกลับ “ผู้ใหญ่เป็นคนกำหนดการหมั้นหมายให้ เกี่ยวอันใดกับข้า? ในเมื่อเจ้าไม่อยากแต่ง ไยถึงไม่ยกเลิกงานแต่งเล่า?”ขณะนางพูด ก็มองเห็นสีหน้าของกู้ซิวหมิงชะงักค้างไป จึงกล่าวต่อว่า “พู

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 132

    ก็เมื่อตอนเช้า นางกับนางจาง และนางเฉิน สะใภ้ทั้งสามรวมตัวกันพูดคุยเรื่องสัพเพเหระอยู่ด้วยกัน นางจางกับนางเฉินต่างก็บ่นกับนางว่ากู้ซิวหมิงเหลวไหลเองก็ช่างเถิด ยังมาทำให้พี่น้องต้องลำบากไปด้วย บอกว่าซิวหงกับซิวเหวินยังไม่หมั้นหมาย ตอนนี้มาก่อเรื่องน่าขันเช่นนี้ บ้านอื่นที่มีบุตรีคงหลีกเลี่ยงที่จะคิดมากไม่ได้ริมฝีปากของกู้ซิวหมิงขยับอยู่ชั่วครู่ เงียบดั่งคนเป็นใบ้ เขาไม่คิดเลยว่าจะเป็นเช่นนี้เมิ่งจิ่นเหยายิ้มมุมปากพลางพูดว่า “ลูกเอ๋ย ครั้งหน้าก่อนที่จะทำเรื่องโง่เขลา ต้องคิดให้รอบคอบก่อนค่อยทำ อย่าได้ทำเรื่องโง่เง่าอีกเลย ทำตัวเหมือนบุตรคหบดีที่ไม่ได้ความอย่างไรอย่างนั้น ข้ากับบิดาของเจ้าทนขายหน้าผู้อื่นไม่ได้แล้ว” เมื่อกู้ซิวหมิงได้ฟังประโยคนี้ ก็ราวกับโดนเหยียบหาง เดือดดาลอย่างที่สุด “ผู้ใดเป็นบุตรชายของเจ้า?”เมิ่งจิ่นเหยากะพริบตาอย่างไร้เดียงสา แย้มยิ้มพลางถามกลับไป “บุตรของข้า ก็คือเจ้ามิใช่หรือ?”กู้ซิวหมิงยิ่งมีโทสะมากขึ้น โกรธเสียจนใบหน้าบิดเบี้ยว “เจ้ามันสตรีหน้าไม่อาย หากไม่ใช่เพราะเจ้าแต่งงานกับบิดาข้าอย่างหน้าไม่อาย ข้ากับเจ้าจะมีความสัมพันธ์ที่เหลวไหลเช่นนี้หรือ?”“ล

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 133

    เมื่อครู่ยังอวดดียิ่งนัก พอเห็นบิดาของเขามา ก็เปลี่ยนสีหน้าในทันที ใช้ท่าทีของผู้ที่เป็นเหยื่อมาร้องทุกข์กับบิดาของเขา ทั้ง ๆ ที่คนถูกยั่วให้โมโหเป็นฟืนเป็นไฟคือเขาแท้ ๆ ใครรังแกใครกันแน่?โจวอวิ่นตะลึงงันเล็กน้อย การเปลี่ยนสีหน้าของฮูหยินรวดเร็วเกินไปหน่อยหรือไม่? เพียงแต่ ปฏิกิริยาตอบสนองนี้ของท่านซื่อจื่อช่างเชื่องช้าเหลือเกิน ตอนที่ฮูหยินพูดจาอ่อนโยน ก็ควรจะระแวดระวัง จากนั้นก็แสร้งทำเป็นมารดาเมตตาบุตรกตัญญูด้วยกันกับฮูหยินต่อไป หลังจากที่ท่านโหวผ่านไปแล้วค่อยมาทะเลาะกันต่อกู้จิ่งซีไร้ซึ่งทางเลือก เดิมทีเขาคิดว่าเด็กสองคนนี้น่าจะทะเลาะกันเสร็จแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กสาวผู้นั้นจะเล่นไม้นี้กับเขาอีก คราวนี้ถึงเขาไม่คิดจะยุ่งก็คงต้องยุ่งแล้วบรรยากาศเงียบงันไปชั่วขณะ กู้ซิวหมิงเหลือบมองเมิ่งจิ่นเหยาด้วยสายตาเชือดเฉือนอย่างไม่สบอารมณ์ สายตาเช่นนั้นราวกับกำลังบอกว่า ‘สตรีชั่วร้าย เจ้าจงใจเป็นแน่!’เมิ่งจิ่นเหยาอ่านแววตาของเขาออก จึงขยิบตาไปทางเขา พลางตอบรับเขาอย่างไร้เสียง ‘ก็จงใจน่ะสิ!’ทว่านางคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่ากู้ซิวหมิงจะขาดความระแวดระวังถึงเพียงนี้ ในขณะที่นางเปลี่ยนท่าทีกะทั

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 134

    กู้จิ่งซีพยักหน้าพลางส่งเสียง “อืม” จากนั้นก็ถามอีกว่า “ยังมีเรื่องอันใดอีกหรือไม่?”“ตอนนี้ยังไม่มีขอรับ ลูกจะกลับไปคัดกฎตระกูลเดี๋ยวนี้ เมื่อคัดเสร็จแล้วจะนำมาให้ท่านพ่อดูขอรับ” กู้ซิวหมิงกล่าวจบ ก็คำนับไปที่กู้จิ่งซีและเมิ่งจิ่นเหยา จากนั้นก็จากไปพอเขาเดินไปแล้ว กู้จิ่งซีก้าวเท้าไปหาเมิ่งจิ่นเหยา แล้วเรียกนางอย่างแผ่วเบา “ฮูหยิน”เมิ่งจิ่นเหยาฝืนยิ้มออกมา พลางเอ่ยออกมาอย่างแจ่มใส “ท่านพี่”“เมื่อครู่เกิดอันใดขึ้น?” กู้จิ่งซีถามอย่างรู้คำตอบดีอยู่แล้วเมิ่งจิ่นเหยากะพริบตาอย่างไร้เดียงสา พลางกล่าวว่า “ท่านพี่ก็เห็นหมดแล้วมิใช่หรือเจ้าคะ? บุตรชายของท่านรังแกข้า” นางถอนหายใจอย่างแผ่วเบาด้วยความเศร้าสลด แสร้งทำเป็นสาวงามผู้อ่อนแอ “เฮ้อ ถึงที่สุดข้าก็มิใช่มารดาของเขา ไม่ขอร้องให้เขาปฏิบัติต่อข้าเหมือนกับปฏิบัติต่อมารดาผู้ให้กำเนิด ทว่าดีร้ายอย่างไรก็ต้องเคารพข้าบางส่วน ทว่าเขากลับพูดจาไม่ดีต่อข้า”เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ มุมปากของกู้จิ่งซีก็กระตุกเล็กน้อย จึงถามไปตามตรงว่า “ที่พวกเจ้าทะเลาะกันเมื่อครู่ผู้ใดชนะงั้นหรือ?”เมิ่งจิ่นเหยาโกหกตาไม่กะพริบ ตอบทันทีโดยไม่ต้องคิด “ก็ต้อง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 135

    หนิงตงกำลังมองเงาร่างของนายและบ่าวสองคนที่เดินจากไป ยังไม่ทันหายจากความหวาดกลัว กล่าวด้วยเสียงกระซิบว่า “ฮูหยิน เมื่อครู่ทำให้ข้าน้อยตกใจแทบแย่เจ้าค่ะ โชคดีที่ท่านโหวไม่ได้ทำอันใดท่าน”เมิ่งจิ่นเหยากลับสงบนิ่ง “บุตรชายของเขามีความผิดอยู่ก่อน ต่อให้ต้องลงโทษ ก็ลงโทษเบากว่าบุตรชายของเขา”ทว่าถึงอย่างนั้น หนิงตงก็ยังคงกังวล จึงกล่าวเตือน “ครั้งหน้าท่านพยายามหลีกเลี่ยงติดต่อกับซื่อจื่อให้มากที่สุดเถิดเจ้าค่ะ เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนหนีการแต่งงานทำให้ฮูหยินกลายเป็นตัวตลก สุดท้ายกลับมาบอกว่าเป็นความผิดของฮูหยิน ผู้ที่เอาแต่โทษฟ้าโทษดิน ปัดความรับผิดชอบเช่นนี้ พบปะให้น้อยลงดีกว่าเจ้าค่ะ ผู้ใดจะรู้ เขาอาจจะเสียสติในวันใดหนึ่งและกัดผู้อื่นไปทั่วอีกหรือไม่”เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้าเล็กน้อย พลางกล่าวอย่างอ่อนโยน “วางใจเถิด ข้าไม่มีเวลาว่างไปหาเรื่องเขาก่อนขนาดนั้น วันนี้พบกันโดยบังเอิญ พูดได้เพียงว่าโชคร้ายเท่านั้น”ก่อนหน้านี้เมิ่งจิ่นเหยาไปพบกู้ซิวหมิงก่อนเองสองครั้ง ต่างก็พาชุนหลิ่วไปด้วย หนิงตงไม่เคยเห็นฉากการเผชิญหน้ากันของเจ้านายตัวเองกับกู้ซิวหมิงมาก่อนเลย เมื่อวันนี้ได้เห็น นางสงสารนายหญิ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 136  

    ชุนหลิ่วขมวดคิ้ว “หลี่อี๋เหนียงผู้นี้ไร้ระเบียบเกินไปแล้ว” เมิ่งจิ่นเหยาเม้มริมฝีปาก “ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด สิ่งนี้จะโทษนางก็ไม่ได้ นางไม่มา ข้าก็สบายใจไป” นางรู้ว่าทั้งหมดนี้ต้องความคิดของกู้ซิวหมิง หลี่หว่านเอ๋อร์เข้าจวนไม่นาน ก่อนเข้าจวนก็มิเคยมีหมอมอคอยชี้แนะระเบียบประเพณี เดาว่าคงไม่เข้าใจกฎของตระกูลใหญ่ ไม่รู้ว่าผู้เป็นอนุภรรยาจะต้องเข้ามาเคารพผู้อาวุโสในยามเช้า ทว่ากู้ซิวหมิงที่รู้เรื่องนี้ดี แต่กลับไม่เตือนหลี่หว่านเอ๋อร์ เห็นได้ชัดว่าเขากลัวว่านางจะหาเรื่องทำให้ให้หลี่หว่านเอ๋อร์อึดอัด ถึงได้ไม่เตือน และเป็นเพราะไม่รู้เรื่องนี้ จึงละเลยการคารวะนางยามเช้าไป ชุนหลิ่วอึดอัดใจ คิดไม่ตกว่าหลี่อี๋เหนียงคนนั้นป้อนยาเสน่ห์อะไรให้ท่านซื่อจื่อกิน ถึงได้ทำให้ท่านซื่อจื่อทอดทิ้งฮูหยินผู้ซึ่งงดงามเพียบพร้อม หนีไปกับหลี่อี๋เหนียงที่ไม่รู้จักมารยาทคนนั้น ก่อเรื่องน่าอับอายใหญ่โตเช่นนั้นขึ้น นางเหลือบสายตามองเมิ่งจิ่นเหยาที่ดูไม่แยแสอะไรทั้งสิ้น ก่อนจะเอ่ยประโยคหนึ่งว่า “ฮูหยินใจดียิ่งนัก” เมิ่งจิ่นเหยาตอบกลับ “หลี่อี๋เหนียงไม่เคยไหว้ฟ้าดิน ไม่เคยไหว้บุพการี มิใช่ลูกสะใภ้โดยชอบธรรมข

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 137  

    ฮูหยินผู้เฒ่ากู้แม้พยายามควบคุมอารมณ์เต็มที่ ทว่าความผิดหวังในใจก็ยังยากจะปิดบัง ผู้น้อยในที่แห่งนี้ล้วนเห็นนางขมวดคิ้วไม่สบอารมณ์ สีหน้าฉายแววผิดหวังเต็มประดา ชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับวิธีการของกู้ซิวหมิงอย่างยิ่งยวด อีกทั้งยังผิดหวังอย่างมาก ทว่าทุกคนก็มิได้แปลกใจกับเรื่องนี้นัก ถึงอย่างไรก่อนที่กู้ซิวหมิงหนีพิธีวิวาห์ ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ก็รักหลานชายคนนี้มากที่สุด ในบรรดาหลานชายทั้งสี่คน ก็ตั้งความหวังกับเขาไว้มากที่สุด บัดนี้ด้วยความประพฤติอันเลวร้ายและอุปนิสัยเอาแต่ใจตนเองของกู้ซิวหมิง หากไม่รู้สึกผิดหวังนั่นก็แปลกแล้ว นางจางเห็นแล้ว แอบรู้สึกดีอยู่ลึก ๆ ในใจ มุมปากกระตุกขึ้นเล็กน้อย และยิ่งรู้สึกว่ากู้ซิวเหวินจะต้องได้เป็นบุตรบุญธรรมของบ้านสามแน่ กู้ซิวหมิงเจ้าเด็กโง่นั่น คงคิดว่าน้องชายสามีไม่สามารถมีทายาทได้ และมีเพียงเขาที่เป็นบุตรชายคนเดียว ช้าเร็วอย่างไรตำแหน่งก็ต้องเป็นของเขากระมัง ถึงได้ไม่เกรงกลัวเพราะมีกำลังหนุนหลัง กล้าทำตัวเอาแต่ใจตนเองเช่นนี้ นางเฉินเหลือบสายตาเห็นรอยยิ้มลาง ๆ คล้ายมีคล้ายไม่มีตรงมุมปากของนางแล้ว ก็เม้มปากเล็กน้อย นึกดูแคลนอยู่ในใจ หญิงชรายังไม่เคยเ

บทล่าสุด

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 340

    กู้จิ่งซีค่อนข้างประหลาดใจ “เจ้าใช้วิธีใด ถึงทำให้เขารับสารภาพเร็วขนาดนั้น?”ฉีอวิ้นเหวินหยักไหล่ หัวเราะพลางกล่าว “นั่นไม่ใช่ความดีความชอบของข้า เมื่อวานมีแม่นางคนหนึ่งมาพบเขา ไม่รู้พูดอะไร เขาก็รับสารภาพแล้ว”เมื่อได้ยิน กู้จิ่งซีก็ขมวดคิ้วแน่น และสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติบางอย่าง “แม่นางผู้นั้นรู้ได้อย่างไรว่าเขาถูกจับตัว?”ฉีอวิ้นเหวินเหลือบมองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ และถามกลับว่า “โจรขโมยหญิงงามที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ และชั่วร้ายถูกจับตัวได้แล้ว เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก เมื่อคืนข่าวนี้แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวงแล้ว หรือว่าเจ้าไม่รู้หรือ? ก็จริง น้องสะใภ้ป่วยแล้ว เจ้าไม่มีกระจิตกระใจจะสนใจเรื่องอื่นก็ปกติ”กู้จิ่งซีปรากฏสายตาที่รู้ทันออกมาฉีอวิ้นเหวินกล่าวอีกว่า “ข้าเห็นแม่นางผู้นั้นแต่งกายเป็นสาวชาวยุทธจักร ซึ่งน่าจะเป็นชาวยุทธจักร และคาดว่าจะมีความเกี่ยวข้องอะไรกับเขา แต่ว่าเรื่องนี้ไม่สำคัญมากนัก เพราะตอนนี้ไขคดีได้ก็พอแล้ว”......จวนฉางซินโหวกู้ซิวหมิงมาคารวะยามเช้าให้เมิ่งจิ่นเหยา เขามาสายก้าวหนึ่ง กู้จิ่งซีเพิ่งออกไป เขาก็เพิ่งจะมาถึงนับตั้งแต่การกักบริเวณสิ้นสุดลง ตราบใดที

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 339

    เมิ่งจิ่นเหยาก็ไม่ปิดบัง และเล่าเรื่องที่พบหญิงวัยกลางคนในวัดหลินอวิ๋นเมื่อวานตอนบ่ายให้ฟังรอบหนึ่งพูดถึงช่วงสุดท้าย นางก็หัวเราะออกมาเบา ๆ “สวรรค์มีตาจริง ๆ จู่ ๆ ข้าก็ฉุกคิดอยากจะไปจุดธูปให้ท่านแม่ที่โถงหว่างเซิงของวัดหลิงอวิ๋น จึงได้พบอดีตบ่าวรับใช้ของท่านแม่ ท่านป้าท่านนั้นป่วยหนักมาก และเหลือเวลาไม่มากแล้ว หากเมื่อวานข้าไม่ได้ไปเจอนางที่วัดหลิงอวิ๋น ความลับนั้นคาดว่าข้าจะไม่มีทางรู้ไปตลอดกาลเจ้าค่ะ”กู้จิ้งซีสีหน้ามืดมนลง พลางละอายใจต่อวิธีที่พ่อตานั้นทำอย่างมาก แม้จะแต่งงานตามคำสั่งของบิดามารดาและการจับคู่ของแม่สื่อ พลางไม่มีความรักระหว่างชายหญิงต่อแม่ยายเขา จะปิดบังความจริงเพราะรู้สึกผิดก็ช่าง ยังปล่อยให้มารดาและแม่เลี้ยงปฏิบัติต่อบุตรสาวที่บริสุทธิ์อย่างรุนแรงอีกเขาเห็นแม่นางน้อยที่โกรธแค้นผสมปนเปกัน ก็ตบหลังมือของแม่นางน้อยเหมือนจะปลอบใจ และกล่าวอย่างเป็นนัยว่า “ฮูหยิน วิญญาณของแม่ยายที่อยู่บนสวรรค์จะไม่ปล่อยพวกเขาไปแน่”เมื่อได้ยิน สีหน้าของเมิ่งจิ่นเหยาก็ชะงักไป พลางสบตาเข้ากับสายตาที่มีความหมายลึกซึ้งของเขา ก็เข้าใจความหมายของเขา และยกรอยยิ้มที่อันตรายขึ้น “จริงด้วย

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 338

    เมิ่งจิ่นเหยาถามเสียงเบาว่า “ท่านหมอ เป็นอย่างไรบ้าง?”หมอประจำจวนเก็บนิ้วมือทั้งสามข้อที่อยู่บนแขนของเมิ่งจิ่นเหยากลับลงไป พลางตอบกลับ “ฮูหยิน ท่านมีปมในใจจนเกิดอาการซึมเศร้า แถมยังได้รับความเย็นเกินไปอีก จึงทำให้จู่ ๆ ก็ไข้ขึ้นสูง และจำเป็นต้องใช้ยาคลายเครียดเสียหน่อยก็จะดีขึ้นขอรับ”เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้า “รบกวนท่านหมอแล้ว”“ไม่รบกวนขอรับ” หมอประจำจวนรีบส่ายหน้า และกล่าวอีกว่า “แต่ว่า ฮูหยินร่างกายอ่อนแอ ควรจะบำรุงร่างกายให้ดีตั้งแต่ยังสาวถึงจะได้นะขอรับ”มิ่งจิ่นเหยาฟังจบ ก็ไม่แปลกใจแม้แต่น้อย เพราะนางรู้มาโดยตลอดว่าตนเองร่างกายอ่อนแอ เจ็บป่วยง่าย โดยเฉพาะช่วงที่อากาศเย็น หากไม่ระวังนิดหน่อยก็จะเป็นหวัด เมื่อก่อนตอนอยู่บ้านมารดา นางไม่มีความพร้อมที่จะดูแลตนเอง ตอนนี้อยู่บ้านสามี นางใส่ใจเรื่องการกินมากขึ้น และได้ดื่มน้ำแกงบำรุงร่างกายอยู่เป็นประจำ ช่วงนี้นางจึงรู้สึกดีมาก สีหน้าก็ดูดีขึ้นแล้วนางกล่าวเสียงอ่อนโยน “ปกติข้าก็ดูแลตนเองอยู่แล้ว รบกวนท่านหมอจัดยาคลายเครียดให้ข้าก็พอ”หมอประจำจวนฟังจบ ก็จ่ายยาคลายเครียดให้นาง และให้สาวใช้ตามเขาไปเอายากลับมาต้มหลังหมอประจำจวนจากไป

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 337

    บนรถม้าชิงชิวกับหนิงตงที่แทบไม่ได้นอนทั้งคืนนั่งพิงกัน และเผลอหลับไปเมิ่งจิ่นเหยาหายป่วยได้ไม่นาน ยังรู้สึกมึนศีรษะ คนทั้งคนก็หมดเรี่ยวแรง จึงเอนหลังพิงผนังรถม้าและหลับตาพักสมองทันใดนั้น รถม้าก็สั่นสะเทือน ท้ายทอยของนางกระแทกเล็กน้อย จึงรีบนั่งตัวตรง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ศีรษะกระแทกอีกกู้จิ่งซีเห็นแม่นางน้อยขมวดคิ้ว พยายามฝืนให้มีชีวิตชีวาขึ้น นั่งตัวหลังตรง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงยื่นมือโอบนางเข้ามาในอ้อมแขน และให้นางพิงหน้าอกของตนเอง เมื่อสบตาเข้ากับสายตาที่ตกใจของนาง ก็กล่าวด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “หากฮูหยิน อ่อนเพลีย ก็พิงข้าแล้วนอนเสียเถอะ”ตอนนี้เมิ่งจิ่นเหยารู้สึกทั้งตัวไม่มีแรง ศีรษะยังมึน ๆ อยู่ จึงไม่เกรงใจเขา และพิงอยู่บนตัวเขาด้วยความสบายใจอย่าดูถูกแม้กู้จิ่งซีดูจะตัวไม่ใหญ่มาก แต่หน้าอกกว้างใหญ่ พิงอยู่บนตัวเขาอบอุ่นสบายตัว แถมได้กลิ่นดอกกล้วยไม้ที่หอมละมุนจากตัวของเขา ก็รู้สึกสบายใจอย่างอธิบายไม่ถูก แต่กลับไม่มีอาการง่วงเลยบางทีเพราะถูกผู้ชายกอดไว้ในอ้อมแขนเช่นนี้ เลยรู้สึกไม่คุ้นชินหรืออาจเป็นเพราะได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้นตึกตักอยู่ข้างหู มันดังก้องอยู่ที่หู

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 336

    ท่าทางที่ดูป่วยเช่นนี้ ดูน่าเป็นห่วงยิ่งนักคนที่มีไข้ขึ้นสูง ไม่ควรห่มผ้าจนอบอ้าว ไม่เช่นนั้นอาการป่วยจะแย่ลง เขาจึงเปิดผ้าห่มบางออกให้แม่นางน้อยผ่านไปไม่นาน หนิงตงก็ยกอ่างน้ำอุ่นมาด้วยความรีบร้อน โชคดีที่วัดหลิงอวิ๋นมีคนเข้ามาสักการะอย่างเนืองแน่น ปกติจะมีผู้แสวงบุญมาค้างคืน และมีผู้แสวงบุญจำนวนไม่น้อยที่มาจากครอบครัวร่ำรวย ดังนั้นเพื่อความสะดวกสบายของแขก ตอนกลางคืนภายในวัดก็มีกักเก็บน้ำร้อนไว้หนิงตงวางอ่างทองแดง พลางถาม “ท่านโหว น้ำอุ่นยกเข้ามาแล้ว ต้องทำอย่างไรหรือเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีตอบกลับ “เช็ดหน้าผาก คอ รักแร้ และแขนขาให้ฮูหยินเพื่อระบายความร้อน”หนิงตงตอบรับ ยกอ่างทองแดงมาข้างหน้าทันที พลางวางอ่างน้ำไว้บนเก้าอี้ที่อยู่หน้าเตียง และเตรียมจะถอดเสื้อผ้าให้นายหญิง ก็มองไปทางกู้จิ่งซีโดยไม่รู้ตัว พบว่าเขาหันหลังให้พวกนาง นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างโต๊ะน้ำชาเมื่อเห็นดังนั้น หนิงตงก็ตกตะลึงเล็กน้อย และแอบพูดในใจว่า ท่านโหวเป็นสุภาพบุรุษจริง ๆ แม้จะเป็นสามีภรรยากับฮูหยิน ก็ไม่ได้ฉวยโอกาสเอาเปรียบหนิงตงไม่คิดอะไรมาก ก็ถอดเสื้อผ้าให้เมิ่งจิ่นเหยาด้วยความเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว และเช็ดตั

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 335

    ในวินาทีนั้น เมิ่งจิ่นเหยาทำจิตใจให้สงบ ก้มหน้าลงมอง เห็นว่าบาดแผลที่มือซ้ายใช้ผ้าพันแผลพันไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อมองเพียงแวบแรกดูท่าทางเหมือนว่าบาดเจ็บสาหัส จึงกล่าวออกมาอย่างอดไม่ได้ว่า “ตอนนี้เลือดไม่ซึมออกมาแล้ว อันที่จริงไม่พันแผลก็ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ”กู้จิ่งซีเหลือบมองนาง พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ถึงแม้ไม่ใช่บาดแผลสาหัส แต่หากไม่พันแผล เมื่อชนหรือกระแทกเข้าโดยไม่ระวังแล้วเลือดไหลออกมาอีก ไม่เป็นผลดีต่อการฟื้นตัว โดยเฉพาะบาดแผลที่ข้อศอก เนื้อผ้าเสียดสีก็อาจเจ็บได้เช่นกัน”เมิ่งจิ่นเหยาตะลึงเล็กน้อย แล้วพยักหน้าในทันทีหลังจากนั้นไม่นาน นางก็ถูกมือของกู้จิ่งซีดึงดูดความสนใจไป มือคู่นั้นเรียวยาวและขาวสะอาด ข้อต่อชัดเจน ราวกับหยกขาวที่แกะสลักอย่างประณีต ดูแล้วสบายตาสบายใจนักเมื่อหลุดออกจากความคิด นางก็ใจลอยอีกครั้งผ่านไปเป็นเวลานาน กู้จิ่งซีช่วยนางพันแผลจนเสร็จ และปล่อยมือของนาง เมื่อเห็นว่ามือขวาของนางยังยกอยู่ ก็กล่าวว่า “ฮูหยิน เสร็จแล้ว”แต่เมิ่งจิ่นเหยาดูเหมือนจะไม่ได้ยินคำพูดของเขา เขาจึงเรียกอีกครั้ง “ฮูหยิน?”เวลานี้ เมิ่งจิ่นเหยาถึงค่อย ๆ ได้สติกลับมา และพบกับส

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 334

    เขากำลังเตรียมจะปลอบโยนนางสักหลายประโยค ทำให้อารมณ์ของแม่นางน้อยสงบลง แล้วค่อยถามให้ชัดเจนอีกครั้งว่าเกิดอันใดขึ้นกันแน่ ทว่าเวลานี้ หนิงตงได้ยกอ่างน้ำสะอาดเข้ามา เขาจึงกลืนคำพูดที่ติดอยู่ตรงริมฝีปากกลับเข้าไปหนิงตงนำอ่างน้ำมาวางไว้บนโต๊ะ ถามด้วยน้ำเสียงนอบน้อมว่า “นายท่าน ให้ใช้น้ำในอ่างเช่นไรเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีกล่าวกำชับ “ไปหาผ้าสะอาด ๆ มา”หนิงตงรับคำ ไม่นานก็หาผ้าเช็ดหน้าสะอาดที่อยู่ในสัมภาระมาหนึ่งผืน ผ้านี้เตรียมไว้สำหรับให้นายหญิงของนางใช้ล้างหน้ากู้จิ่งซีเหลือบมองไปที่แม่นางน้อย ลังเลอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็รับผ้าเช็ดหน้ามา กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้าคนเดียวก็พอแล้ว เจ้าออกไปก่อนเถิด”หนิงตงเหลือบมองนายหญิง เมื่อเห็นว่านายหญิงไม่ได้เอ่ยปากบอกให้นางอยู่ต่อ ก็รับคำแล้วถอยออกไปกู้จิ่งซีกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “มาล้างบาดแผลสักหน่อย ตอนที่เจ้าล้มลงไปเนื้อหนังถลอก แล้วบาดแผลก็เปื้อนฝุ่นด้วย”เมื่อได้ฟังดังนั้น เมิ่งจิ่นเหยาไม่ได้ลังเล ลุกขึ้นแล้วเดินมากู้จิ่งซีดึงมือของนาง ช่วยนางทำความสะอาดบาดแผลที่ฝ่ามือด้วยท่าทีที่อ่อนโยนเมื่อบาดแผลสัมผัสกับน้ำ เมิ่งจิ่นเหยาเจ็บปวดเส

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 333

    กู้จิ่งซีจับจ้องนางอย่างไม่วางตา พลางถามด้วยเสียงอ่อนโยน “ฮูหยิน วันนี้เกิดเรื่องอันใดขึ้นงั้นหรือ?”เมื่อได้ฟังดังนั้น ใบหน้าของเมิ่งจิ่นเหยาก็เต็มไปด้วยความงุนงง พลางถามกลับไปว่า“เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ท่านพี่ก็เห็นหมดแล้วมิใช่หรือเจ้าคะ?”นางกล้าพูดได้เลยว่า นางโตถึงเพียงนี้แล้ว ยังไม่เคยเจอเรื่องที่ตื่นเต้นระทึกขวัญเช่นนี้มาก่อน เพียงชั่วพริบตาเดียวที่รอดพ้นจากความตาย ชีวิตนี้ไม่คิดจะพบเจออีกเป็นครั้งที่สองกู้จิ่งซีเห็นสีหน้าของนางงุนงง ไม่ได้จงใจแสร้งทำเป็นฟังไม่เข้าใจ จึงสัมผัสที่ฝ่ามือของนางอย่างแผ่วเบา พลางถามต่อว่า “เกิดอันใดขึ้นกับมือนี้ของเจ้า? ล้มลงไม่สามารถเกิดบาดแผลเช่นนี้ได้”เมิ่งจิ่นเหยาตกตะลึงไปชั่วขณะ ก้มหน้ามองฝ่ามือของตนเอง บนฝ่ามือยังมีผลงานชิ้นเอกของตนเองเมื่อบ่ายอยู่ เมื่อคิดถึงเรื่องที่พบกับสตรีวัยกลางคนผู้นั้นขึ้นมาได้ ดวงตาของนางก็หม่นลงในฉับพลัน และอยากจะกำมือของตนเองแน่นอีกครั้งโดยไม่รู้ตัวกู้จิ่งซีที่สายตาเฉียบคมและมือไว รีบกุมมือทั้งสองข้างของนางไว้แน่น ขัดขวางการกระทำของนาง เล็บของนางจะได้ไม่บาดบาดแผลและมีเลือดไหลซึมออกมาอีกเล็บของแม่นางน้อยไ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 332

    เมื่อกู้จิ่งซีได้ฟังก็รู้สึกใจอ่อน พลางกล่าวอย่างอ่อนโยน “ให้ข้าดูหน่อย” เมื่อกล่าวจบ เขาก็ยอบกายลง ยกชายกระโปรงของนางขึ้น เตรียมจะดูอาการบาดเจ็บของนาง เมิ่งจิ่นเหยาสีหน้าชะงักค้าง กำลังจะเอ่ยปากขัดขวาง ทว่าเมื่อกลับมาคิดดูอีกทีแล้ว ต่างก็เป็นสามีภรรยาที่นอนหลับอยู่บนเตียงเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องรักษาขอบเขตระหว่างชายหญิงอันใดหลังจากกู้จิ่งซียกชายกระโปรงของนางขึ้นแล้ว มือหนึ่งก็จับไปที่ข้อเท้าขวาของนาง ส่วนอีกข้างม้วนขากางเกงของนางขึ้น เมื่อม้วนขากางเกงไปจนถึงเหนือหัวเข่า ก็จะเห็นได้ว่าตรงหัวเข่าที่ถูกกระแทกตอนล้ม เป็นรอยฟกช้ำไปเรียบร้อยแล้ว ทว่าไม่ได้ร้ายแรงนักกู้จิ่งซีเห็นว่าบาดแผลไม่หนักมาก จึงวางขานางลง แล้วไปดูบาดแผลที่ข้อศอกของนางนางล้มลงไปข้างหน้า บาดแผลตรงข้อศอกจึงชัดเจนมากนัก เสื้อผ้าในฤดูร้อนจะค่อนข้างบางเบา เสื้อผ้าบริเวณข้อศอกล้วนมีร่องรอยขีดข่วนอย่างชัดเจนพอพับแขนเสื้อของนาง ก็เผยให้เห็นแขนที่ขาวราวกับหิมะ เมื่อพลิกข้อศอกก็สามารถมองเห็นได้ว่าผิวหนังถลอกและมีเลือดออกที่แขนทั้งสองข้างของนาง ผิวหนังโดยรอบบวมแดงเล็กน้อย บาดแผลนี้เมื่ออยู่บนมือที่เดิมทีขาวสะอาดไร้ที่ติรา

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status