Share

บทที่ 7

last update Last Updated: 2025-03-27 21:45:56

บทที่ 7 นางช่างกล้านัก

สองเดือนที่ผ่านมานี้ ตั้งแต่ไป๋จิ้งหานออกศึก เหยียนซือเหยียนก็ใช้ชีวิตอย่างอิสระเสรี นางไปจวนองค์หญิงใหญ่อยู่เสมอ เพื่อฟังชายงามขับร้องบทกวี ชมงิ้ว เล่นไพ่ และเล่นหมากล้อม

นอกจากนั้นนางยังคัดเลือกสาวงามอีกหลายคน เพื่อเตรียมส่งไปบำเรอความสุขให้สามีที่แดนเหนือแม้ว่าเขาจะปฏิเสธเสียงแข็งก็ตาม

เพราะนางรู้ว่าเขาจะปราบกบฏที่ชายแดนในค่ายทหารไม่กี่เดือน จากนั้นจะกลับเข้ามาพำนักรอดูความเรียบร้อยในจวนสกุลไป๋เมืองหลงเซิงอันเป็นเมืองหลวงในแดนเหนือ และอี้ชิงก็จะกลายเป็นนางในดวงใจของเขาตอนนี้

สาวงามที่นางคัดเลือกให้ไป๋จิ้งหานล้วนมีใบหน้า รูปร่าง และกิริยาใกล้เคียงกับอี้ชิง ทว่านอกเหนือจากนั้นพวกนางยังได้รับการฝึกฝนให้ปรนนิบัติบุรุษบนเตียงจากนางโลมอันดับหนึ่งอย่างลับ ๆ

เรื่องนี้เหยียนซือเหยียนล้วนแอบลักลอบทำ ไม่ให้ผู้ใดรู้และจะส่งไปให้ไป๋จิ้งหานเมื่อถึงเวลา

นางมีความสุขยิ่งกว่าชาติที่แล้วจนไม่อาจบรรยาย ถึงจะยังคงมีอาการเจ็บแค้นใจไป๋จิ้งหานและคิดถึงเขาอยู่บ้างแต่ก็เป็นเพียงชั่วครู่เท่านั้น

เพราะทุกวันนางล้วนได้รับการเยียวยาจิตใจจากจวนองค์หญิงใหญ่ ด้วยบุรุษมากมายที่แสนเอาอกเอาใจที่นั่น

เพราะเหตุนี้นางจึงอยากจนอยากจะไปทุกวันเสียด้วยซ้ำ ติดก็เพียงแต่นางยังเกรงใจแม่สามีจึงเลือกไปเพียงสี่ห้าวันต่อครั้งเท่านั้น

“องค์หญิงใหญ่ช่างมีรสนิยมยิ่งนัก บุรุษที่นี่ช่างหล่อเหลาเหลือเกิน นั่นก็ดี นี่ก็รูปงาม ดวงตาของบุรุษผู้นั้นก็ชวนฝัน เฮ่อ ชาติที่แล้วข้ามัวหลงใหลบุรุษเพียงคนเดียวได้อย่างไร เสียชาติเกิดอย่างแท้จริง” นางทอดถอนใจขณะชมบุรุษรูปงามที่ร่ายรำตรงหน้าอย่างมีความสุข

“คุณหนูท่านไม่ห่วงท่านโหวหรือเจ้าคะ ดูท่านสบายใจยิ่งนัก” เซียวยีเอ่ยถามเสียงเบา

“จะห่วงทำไม เขาชนะศึกแน่นอน และชนะโดยไม่บาดเจ็บอันใดด้วย ที่นั่นถิ่นของเขาคนผู้นั้นมีวิธีการของเขาไม่ต้องห่วง”

“จริงหรือเจ้าคะ คุณหนูรู้ได้อย่างไร”

“ข้าเป็นผู้ใดกัน มีสิ่งใดที่ข้าไม่รู้บ้าง ทุกเรื่องที่บอกเจ้าล้วนไม่โป้ปด เจ้าเห็นหรือไม่ ชายแดนมีรบราฆ่าฟันไม่เว้นวัน แต่ฝ่าบาทยังรับสั่งให้คนในเมืองหลวงและแดนอื่น ๆ ที่ไม่มีสงครามใช้ชีวิตอย่างปกติสุข คนที่น่าห่วงไม่ใช่เจิ้นโหวของเจ้า แต่เป็นกบฏพวกนั้นต่างห่างที่กล้าหาญมาก่อกวนในถิ่นของเขา”

นางยังจำได้ดีว่าไป๋จิ้งหานจัดการกบฏโดยไม่เสียเลือดเนื้อเลยด้วยซ้ำ เขาไม่ใช้วิธีต่อสู้รุนแรง แต่ค่อย ๆ อาศัยกองกำลังเล็ก ๆ ของเขาลอบสังหารคนพวกนั้นด้วยความชำนาญในพื้นที่ และอาศัยชาวบ้านที่สกุลไป๋ให้ความช่วยเหลือมามากกว่ายี่สิบปีคอยสืบข่าว เพราะฝ่าบาทไม่ต้องการเสียเลือดเนื้อจึงได้ส่งเขาไปเช่นนั้น และนับว่าคิดถูกต้องนัก

การที่เขาใช้เวลาถึงห้าเดือนในการจัดการกบฏ ก็เพราะเหตุผลที่ไม่ต้องการเสียเลือดเนื้อทหารนี่เอง

ชาติที่แล้วเป็นนางที่ห่วงใยสามีผู้นี้เกินเหตุ ทำให้กินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่เพียงลำพัง

หึ..ชาตินี้อย่าหวังว่านางจะทุกข์ใจเช่นนั้นอีก

เมื่อเซียวยีวางใจ นางจึงเริ่มหันมาชมงิ้วกับเหยียนซือเหยียนได้อย่างมีความสุข

“คุณหนูท่านชอบผู้ใดหรือเจ้าคะ”

เหยียนซือเหยียนหันไปมองชายงามที่กำลังร่ายรำอย่างอ่อนช้อยไปพร้อมกับจังหวะดนตรีก็พลันเผยรอยยิ้มสดใส นางเพ่งพิศอยู่ครู่หนึ่งก็พลันเอ่ยว่า

“หน้าตาดีทั้งหมด ข้าไม่อาจเลือกผู้ใดเช่นนั้นก็มีรางวัลให้ทั้งหมดก็แล้วกัน”

“เจ้าค่ะ”

ในขณะที่เซียวยีแจกจ่ายมอบเงินกำนัลให้กับชายงามเหล่านั้นองค์หญิงใหญ่ญาติผู้พี่เจ้าสำราญของนางเดินออกมาจากตำหนักในพร้อมกับรอยยิ้ม โดยที่มีบุรุษรูปงามประคองนางออกมาเอ่ยว่า

“อาเหยียนของพี่วันนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง ชายงามกลุ่มใหม่นี้ถูกใจเจ้าหรือไม่”

เหยียนซือเหยียนรีบพยักหน้า

“ถูกใจยิ่งเพคะต้องขอบคุณพี่หญิงแล้วที่ทำให้น้องสาวผู้นี้ได้เปิดหูเปิดตา”

“หากเจ้าชอบก็นำกลับจวนสักหลาย ๆ คน ข้าอนุญาต”

เหยียนซือเหยียนรีบส่ายหน้า คิดในใจว่า ขอนางหย่าก่อนจะไม่ขัดศรัทธาของพี่หญิงเลยแม้แต่น้อย ทว่าตอนนี้มิอาจทำได้ อย่างไรชื่อเสียงก็สำคัญยิ่งนักสำหรับจวนโหว นางยังต้องไว้หน้าแม่สามีอยู่

“พี่หญิงก็รู้ว่าข้าทำไม่ได้ ข้าขอเพียงชื่นชมก็พอแล้วเพคะ”

องค์หญิงใหญ่หัวเราะขบขัน นางเป็นสตรีหม้ายที่ราชบุตรเขยตายจากเพราะโรคระบาด ส่วนตัวนางก็ไร้วาสนาติดโรคระบาดมาด้วย ทว่าไม่ถึงแก่ความตายแต่กลับทำให้นางตั้งครรภ์ไม่ได้อีกต่อไป

ตั้งแต่นั้นมาฝ่าบาทซึ่งเป็นน้องชายขององค์หญิงก็สงสารพี่สาวยิ่งนัก จึงได้ชดเชยความเสียใจนี้ด้วยการมอบตำหนักนอกวังหลวงให้และยังมอบชายงามจำนวนมากแล้วแต่องค์หญิงใหญ่จะปรารถนาให้พระองค์ด้วย

ซึ่งในชาติที่แล้วองค์หญิงใหญ่ เคยชวนนางมาเปิดหูเปิดตาในจวนหลายครั้งแต่นางก็ปฏิเสธทุกครั้งไป กว่าจะยอมมาก็สายเกินไปแล้ว

ชาตินี้ได้กลับหวนมาอีกครั้งจึงตั้งใจทำทุกอย่างที่พลาดไปในชาติที่แล้วเพื่อตายไปจะได้ไม่เสียดายอีก

จวนเจิ้นโหว

เมื่อกลับมาถึงจวน เหยียนซือเหยียนก็เริ่มทำภารกิจที่ต้องทำทุกวันหน้าโต๊ะเขียนหนังสือ

นั่นก็คือการเขียนจดหมายถึงไป๋จิ้งหานด้วยความจำใจ

อันที่จริงชาตินี้นางไม่ตั้งใจจะเขียนหาเขาอีก แต่ว่าเขาไปได้เพียงสามวันแม่สามีก็มาขอให้นางเขียนจดหมายถึงเขาจนได้

“สามีเจ้าจากไปชายแดน ถึงแม้ฝ่าบาทจะสั่งให้ทุกคนในเมืองหลวงใช้ชีวิตตามปกติทว่าเจ้าเป็นฮูหยิน อย่างไรก็ต้องส่งจดหมายไถ่ถามให้กำลังใจเขาทุกวัน”

นางแทบอยากจะร้องไห้ออกมา แต่สุดท้ายก็จำต้องพยักหน้ารับคำ แม้ว่าในใจจะร่ำร้องว่า ‘ข้าไม่อยากเขียนสักนิด!’

ดังนั้นในทุกวันก่อนนอน นางจึงต้องนั่งลงและเริ่มเขียนจดหมาย แน่นอนว่าเนื้อหานั้นนางไม่เคยถามถึงความเป็นอยู่ของเขาหรือเล่าความรู้สึกของตนเองเช่นเดิมเลย

ในชาติที่แล้วข้อความล้วนเต็มไปด้วยความคำนึงหา และการหลั่งน้ำตาด้วยความคิดถึง

ทว่าชาตินี้กลับต่างออกไปจากเดิมมาก นางมิได้เขียนหาเขาโดยใช้คำลึกซึ้งเช่นเดิมอีกแล้ว

เนื้อหาในจดหมายล้วนเป็นสิ่งที่เขียนส่งเดชไปทั้งสิ้นเช่นว่า

‘ถึงท่านโหว ข้าขอแจ้งข่าวอันสำคัญแก่ท่าน...ม้าของจวนชื่อเสี่ยวไป๋คลอดลูกสองตัว ขนสีขาวราวหิมะ เสียดายตัวยังเล็กมากข้าจึงขี่ไม่ได้’

‘ลาที่ตลาดถูกขายไปในราคาเพียงห้าตำลึงเท่านั้น ข้าว่ามันถูกเกินไปนัก ท่านเห็นว่าอย่างไร?’

‘เมื่อวานนี้ ข้าได้ยินว่ามีสามีผู้หนึ่งถูกภรรยาตีจนหัวแตกเพียงเพราะเขามองสตรีอื่น ช่างน่าขันยิ่งนักท่านว่าตลกหรือไม่เพราะสามีของนางตาบอด’

‘มีแม่ค้าคนหนึ่งทะเลาะกับสามีของนางเพราะเขาไม่ซื้อแป้งให้นางผัดหน้า ขี้เหนียวเช่นนี้ข้าว่าภรรยาควรหย่ากับเขาเสีย’

‘สามีใช้ภรรยาไปซักผ้าทุกวัน สุดท้ายภรรยาลอบมีชู้ สามีจับได้พบว่าชู้เป็นชาวประมงหาปลา สมน้ำหน้านักหากว่าเขาไปซักผ้าเอง ไม่กดขี่ภรรยาให้ทำงานหนัก เขาคงไม่เสียภรรยาไปเช่นนั้น’

‘อาหารที่ภัตตาคารเฟิ่งหยาง ราคาแพงแต่ไม่อร่อยข้าสงสัยว่าไยจึงขายได้ ที่แท้เพราะว่าพวกเขาลักลอบขายข่าวให้คนในยุทธภพ เปิดภัตตาคารเพื่อบังหน้าเท่านั้น แต่ว่าเสี่ยวเอ้อที่นี่ใบหน้างดงามยิ่งนัก ข้าจึงเข้าใจแล้วว่านอกจากข่าวแล้ว ยังขายหน้าตาคนได้ด้วยลูกค้าสตรีจึงแน่นร้าน’

ณ ชายแดนเขตเหนือ ไป๋จิ้งหานได้รับจดหมายของเหยียนซือเหยียนอยู่เสมอ

เริ่มแรกเขาเริ่มจากขมวดคิ้วใส่ตัวอักษรที่เต็มไปด้วยเรื่องไร้สาระ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขากลับเริ่มเผลอยิ้มโดยไม่รู้ตัว

ข้อความของนางแม้จะจับใจความไม่ได้และดูเหมือนล้วนเป็นเรื่องที่ไม่น่าเขียนส่งมา ทว่ากลับทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายจากสงครามอยู่ไม่น้อย

กระทั่งเขายังบอกกับหลี่จื้อว่า

“บอกหลงจู๊ภัตตาคารเฟิ่งหยาง เปลี่ยนเสี่ยวเอ้อเป็นชายสูงอายุทั้งหมด บุรุษที่หน้าตาดีให้เงินพวกเขาก้อนหนึ่งแล้วให้ไปหางานใหม่”

หลี่จื้อขมวดคิ้ว ภัตตาคารเฟิ่งหยางเป็นกิจการของไป๋จิ้งหานอย่างลับ ๆ มีขึ้นมาเพื่อสืบข่าวคนในยุทธภพ ใยนายท่านจึงได้เคร่งครัดเรื่องหน้าตาคนนัก กระทั่งไป๋จิ้งหานเอ่ยต่อว่า

“อีกอย่าง ห้ามมิให้ฮูหยินน้อยออกไปเพ่นพ่านที่นั่นอีก นางรู้ได้อย่างไรว่าที่นั่นเป็นที่ขายข่าวของพวกเรา”

“เรื่องนี้ข้าเองก็สงสัยขอรับ ว่านายหญิงรู้ได้อย่างไร”

บัดนี้หลี่จื้อแอบสังเกตนายตนเองมานาน จนอดไม่ได้ที่จะกล่าวหยอกเย้าเมื่อในทุกวันจะต้องเห็นว่าไป๋จิ้งหานเดินวนไปมาอยู่หน้ากระโจมรอคอยใครสักคนมาพบเขา

วันหนึ่งหลี่จื้ออดทนไม่ได้เมื่อเห็นว่าไป๋จิ้งหานดูหงุดหงิดยิ่งนัก เขาจึงเอ่ยถาม

“นายท่านกำลังรอจดหมายของฮูหยินน้อยใช่หรือไม่ขอรับ”

ไป๋จิ้งหานกระแอมเสียงต่ำ จากนั้นเอ่ยน้ำเสียงขึงขังไม่พอใจ

“ผู้ใดรอคอยจดหมายของนางกัน ข้ารอจดหมายของท่านแม่ต่างหาก”

หลี่จื้อหัวเราะเบา ๆ

“เช่นนั้นหรือก ข้าก็เข้าใจผิดเพราะทุกครั้งที่ท่านอ่านจดหมายของฮูหยินน้อยจะอ่านซ้ำไปซ้ำมาพร้อมด้วยรอยยิ้มที่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน จึงคิดว่าท่านรอจดหมายของฮูหยินน้อยขอรับ”

“เจ้าคิดว่าข้าบ้าหรือ นางเขียนสิ่งใดมาเจ้าก็รู้ ล้วนประหลาดยิ่งนักข้าอ่านแล้วปวดหัวทุกครั้งไป”

ทว่าเขาหงุดหงิดได้ไม่นาน หลัวเฟิงที่ติดตามมาปรนนิบัติก็นำจดหมายจากเหยียนซือเหยียนอีกฉบับหนึ่งมามอบให้เขา

ไป๋จิ้งหานรีบเปิดอ่านอย่างกระตือรือร้น

‘อาเหวินเล่าให้ข้าฟังว่า มีโจรร้ายบุกปล้นบ้านคหบดีใหญ่ โจรกระจอกนักขโมยน้ำมันหมูในเรือนฮูหยินไปเพียงอย่างเดียวเท่านั้น มิได้นำเงินทองไปเลย น่าขันที่คหบดีผู้นั้นเหยียบน้ำมันหมูที่หกกระจายในเรือนฮูหยินและลื่นล้มจนกระทั่งได้รับบาดเจ็บ แต่ข้าไม่เข้าใจว่าไยน้ำมันหมูลื่น ๆ จึงไปอยู่ในเรือนของฮูหยินผู้นั้นได้’

ไป๋จิ้งหานขมวดคิ้วครุ่นคิดจากนั้นก็หันมาถามหลัวเฟิง

“อาเหวินนี่คือผู้ใด”

หลัวเฟิงตอบทันใด

“บ่าวบุรุษตัวอ้วนผู้นั้นของฮูหยินน้อยขอรับ”

“คนผู้นั้นนามว่าอาเหวินหรือ”

“ขอรับ บ่าวสตรีนามว่าเซียวยี บุรุษนามว่าอาเหวิน ออกเรือนมาพร้อมกับฮูหยินน้อยขอรับ ข้าน้อยทราบมาว่าคนสองคนเป็นบ่าวรับใช้ฮูหยินน้อยมาตั้งแต่เด็กซื่อสัตย์ยิ่งนัก”

“หึ ข้ามิได้อยากรู้เสียหน่อย เล่าอะไรยืดยาว”

“แล้วนายท่านถามถึงอาเหวินทำไมหรือขอรับ”

ไป๋จิ้งหานกระแอมเอ่ยว่า

“ส่งข่าวให้คนในจวนกำหราบอาเหวินผู้นี้เสียหน่อย อย่าเล่าเรื่องไร้สาระให้ฮูหยินน้อยฟังอีก หากกล้าฝ่าฝืนข้าจะตีปากให้ฟันร่วง”

“ขอรับ”

หลังจากนั้นไม่กี่วันหลัวเฟิงก็นำจดหมายอีกฉบับหนึ่งมาให้ไป๋จิ้งหานเช่นเคย

“นายท่านจดหมายของฮูหยินน้อยขอรับ”

“อืม”

ไป๋จิ้งหานรับมาด้วยสีหน้าไม่ใส่ใจ แต่เขาเดินตรงเข้าไปในกระโจมโดยไม่ให้หลัวเฟิงตามเข้ามา จากนั้นก็เปิดอ่านจดหมายด้วยท่าทางกระตือรือร้น

ท่านโหวข้ามีเรื่องเล่าท่านอยากรู้หรือไม่? แต่ข้าก็ถามไปเช่นนั้นเพราะอย่างไรข้าก็ต้องเขียนถึงท่านอยู่ดี

ไป๋จิ้งหานแค่นคำเอ่ยว่า

“ช่างขยันเขียนเรื่องไร้สาระเสียจริง ผู้ใดอยากอ่านกันเล่า”

ไป๋จิ้งหานคิดจะทิ้งจดหมายแต่สายตากลับรั้งลงมาอ่านข้อความด้านล่างด้วยตัดใจทิ้งไม่ลง

.

มีคู่แต่งงานใหม่เพิ่งจะถูกส่งตัวเข้าห้องหอเจ้าสาวหมาดๆ บอกกับสามีของนางว่า

"ข้าเคยผ่านผู้ชายมาแล้ว"

สามีกลับตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า

" ไม่เป็นไรหรอกพี่เข้าใจ"

“ท่านพี่เข้าใจหรือเจ้าคะ”

“ใช่ ข้าเข้าใจ” สามีเอ่ยต่อเสียงเบาราวกระซิบให้ได้ยินกันสองคน

"เพราะพี่ก็เคยผ่านผู้ชายมาแล้วเหมือนกัน..."

ภรรยา “...”

หลัวเฟิงได้ยินเสียงของไป๋จิ้งหานหัวเราะพรืดออกมา จากนั้นก็เปล่งเสียงหัวเราะไม่หยุด ทำให้เขาเกิดอาการสงสัย

หลี่จื้อเดินมาที่หน้ากระโจมหันมาเอ่ยถามหลัวเฟิง

“มีเรื่องอันใดไยนายท่านขบขันเสียงดังเพียงนั้น แปลกยิ่งนัก หรือว่านายท่านจะกินสิ่งใดผิดสำแดง”

ผู้ใดได้ยินได้เห็นความผิดปกตินี้ก็ย่อมคิดเช่นนั้น หลายปีมานี้ไป๋จิ้งหานหัวเราะน้อยครั้งยิ่งนัก

หลัวเฟิงเอ่ยว่า

“มิใช่เช่นนั้นขอรับ เพียงแต่อ่านจดหมายของฮูหยินน้อย แต่ข้าไม่รู้ว่าฮูหยินน้อยเขียนเรื่องใดมา นายท่านจึงได้ขบขันเช่นนั้น”

“นั่นสิฮูหยินน้อยเขียนสิ่งใดมากันนะ จึงทำให้ท่านโหวที่วัน ๆ เอาแต่ทำหน้าจริงจังหัวเราะได้เช่นนั้น”

หลี่จื้อคิดจะเดินเข้าไปในกระโจม หลัวเฟิงดึงแขนของเขาเอาไว้

“หากไม่มีเรื่องด่วนก็อย่าเข้าไปเลยขอรับ นายท่านคงกำลังเปิดจดหมายฉบับเก่า ๆ ของฮูหยินน้อยอ่าน”

หลี่จื้อยิ้มพยักหน้ารับ เขารู้ว่าไป๋จิ้งหานเก็บจดหมายของเหยียนซือเหยียนเอาไว้ในหีบเป็นอย่างดี

“นายท่านนี่ปากแข็งยิ่งนัก ปากก็เอ่ยว่าเกลียดแต่ดูการกระทำแต่ละอย่างช่างสวนทางกันยิ่งนัก”

ด้านเหยียนซือเหยียนก็ยังคงต้องส่งจดหมายให้ไป๋จิ้งหานทุกวัน ด้วยเป็นคำสั่งแม่สามีแม้ว่านางจะไม่มีสิ่งใดเขียน และไม่เคยเอ่ยถึงตนเองรวมทั้งไม่เคยถามเรื่องทุกข์สุขของเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว

ส่วนไป๋จิ้งหานก็ไม่เคยตอบจดหมายของนางแม้แต่ฉบับเดียว เหยียนซือเหยียนย่อมรู้อยู่แล้วนางจึงได้เขียนเรื่องส่งเดชไร้สาระไปหาเขาเช่นนั้น

วันนี้ก็เช่นเคยที่ไป๋จิงหานได้รับจดหมายจากจวนโหว ทว่าวันนี้กลับมีจดหมายมาหาเขาถึงสามฉบับ

ไป๋จิ้งหานรับจดหมายมาจากนั้นก็พยายามกลบสีหน้าเบิกบานใจเอาไว้เดินเข้าไปในกระโจมโดยมีหลี่จื้อเดินตามมาด้านหลัง

ไป๋จิ้งหานเปิดจดหมายที่ประทับตราส่วนพระองค์ของฝ่าบาทที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ออกมาอ่านก่อน

หยวนตี้ฮ่องเต้สอบถามเรื่องชายแดน และบอกให้เขาระวังตัวอย่าได้บาดเจ็บ ไป๋จิ้งหานจึงหันมาสั่งให้หลี่จื้อเขียนรายงานโดยละเอียดและส่งรายงานถวายฝ่าบาทอย่างลับ ๆ

จดหมายฉบับสองจากมารดา สอบถามสุขภาพของเขาและให้เขากินให้อิ่มอย่าได้ละเลยสุขภาพเด็ดขาด

ส่วนจดหมายฉบับที่สาม ด้วยลายมืองดงามนี้ย่อมเป็นของเหยียนซือเหยียน

น่าประหลาดที่เขาตื่นเต้นที่จะได้อ่านสิ่งที่อยู่ในจดหมายนี้เป็นอย่างมาก

แน่ล่ะ เพราะบัดนี้จดหมายของนางคือเรื่องผ่อนคลายเพียงสิ่งเดียวที่เขาสัมผัสได้ในสนามรบแห่งนี้

และข้อความในจดหมายก็มิได้ทำให้เขาผิดหวัง

“เมื่อวานซื้อผลไม้เชื่อมมากิน น่าผิดหวังมากที่ไม่ค่อยหวานเท่าไหร่ มีคนบอกข้าว่าหากจะกินผลไม้เปรี้ยวให้หวานขึ้น ก็ต้องกินกับคนรู้ใจ ข้าก็คิดว่าเป็นเช่นนั้น หากข้าได้กินกับคนรู้ใจไม่แน่ว่าผลไม้เปรี้ยวอาจจะกลายเป็นหวานก็เป็นได้”

นางมิได้ลงชื่อเช่นเคย ทว่าข้อความนี้กลับทำให้จู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่ามีบางสิ่งผิดปกติที่ตรงหัวใจอย่างแปลกประหลาด หรือนางอยากจะกินของสิ่งนั้นกับเขาหรือ

คนรู้ใจ ที่นางกล่าวถึงคือใคร...เป็นข้าใช่หรือไม่?

จู่ ๆ ใบหน้าเคร่งขรึมก็เผยรอยยิ้มกว้างออกมา สตรีนางนี้กำลังทำสิ่งใดกับเขากันแน่

เขาอ่านทวนซ้ำไปซ้ำมา จดหมายฉบับนี้ไม่อาจจะวางลงได้อีกต่อไป

กระทั่งหลี่จื้อเดินกลับมาหลังจากเขียนรายงานโดยละเอียดมอบให้คนส่งกลับไปวังหลวงแล้ว เมื่อเห็นท่าทางของไป๋จิ้งหานหลี่จื้อจึงเอ่ยถาม

“นายท่าน มีสิ่งใดหรือขอรับจึงได้เหม่อลอยเช่นนั้น”

ไป๋จิ้งหานกระแอม เขาส่งจดหมายให้หลี่จื้ออ่าน สีหน้าราบเรียบแต่ดวงตากลับทอประกายความสุข

“ให้ตายเถิด ดูนางสิไร้สาระเพียงใด เขียนสิ่งใดมา”

หลี่จื้อรับจดหมายมาอ่าน จากนั้นก็เผยรอยยิ้มกว้าง

“นายท่านอยากจะอวดว่าฮูหยินน้อยคิดถึงท่านหรือขอรับ”

“เจ้ากล่าวเหลวไหลอันใด นางไม่ได้กล่าวว่าคิดถึงสักคำ”

“ไม่คิดถึงได้อย่างไร ชี้ชัดเลยว่านางคิดถึงท่านจึงอยากกินของสิ่งนี้กับท่าน นายท่านเรื่องเหล่านี้ข้าเคยผ่านมาข้าย่อมรู้ว่าจิตใจสตรีเป็นเช่นใด”

เขาหรี่ตามองหลี่จื้อเอ่ยเสียงหยัน

“เจ้าหรือมิใช่ว่าหย่าภรรยาแล้วหรือ ไยจึงรู้เรื่องนี้”

“ท่านดูถูกข้าไปแล้วถึงข้าจะหย่าแล้วทว่าสตรีที่เห็นข้าและชอบพอมีไม่น้อยเป็นท่านที่ไม่สังเกตเองต่างหาก”

“สตรีนางนี้บัดนี้มีลูกไม้แพรวพราว ถ้อยคำไร้สาระไม่กี่ประโยคก็ทำเจ้าหลงเชื่อได้แล้วหรือ หลี่จื้อเจ้าช่างอ่อนหัดยิ่งนัก”

ไป๋จิ้งหานส่ายหน้าไม่เอ่ยคำใดอีก ทว่าสีหน้านี้เห็นได้ชัดว่ามีความสุขยิ่งนัก จากนั้นจึงได้เอ่ยถามเรื่องที่ให้หลี่จื้อเขียนรายงานถึงฝ่าบาท

หลายวันต่อมาในที่สุดไป๋จิ้งหานก็จัดการกบฏจนราบคาบเป็นหน้ากลองหลังฉลองกับทหารจนดื่มสุราเมาหลับไปอย่างมีความสุข ตื่นขึ้นมาไป๋จิ้งหานก็ได้รับข่าวจากหลี่หลงที่เขาสั่งให้จับตามองเหยียนซือเหยียนอย่าให้คลาดสายตา

นี่คือจดหมายฉบับที่สองของหลี่หลง ซึ่งฉบับแรกเขาได้รับเมื่อเดือนที่แล้ว ครานั้นหลี่หลงได้รายงานมาว่าเหยียนซือเหยียนไม่มีวีแววว่าจะยุ่งเกี่ยวกับพี่ชายคนรองและเสนาบดีจ้าวเลยแม้แต่น้อยทำให้เขาค่อย ๆ วางใจลงมาก ทว่าก็ยังให้หลี่หลงจับตาดูต่อ

ส่วนฉบับที่สองนี้เขากำลังเปิดอ่าน

‘เรียนนายท่าน

ฮูหยินน้อยไปที่จวนองค์หญิงใหญ่อยู่เสมอ ระยะนี้ดูสนิทสนมกันยิ่งนัก นอกจากนี้ล่าสุดฮูหยินของเสนาบดีจ้าวก็ไปที่นั่นเช่นกัน ทว่ายังไม่พบความผิดปกติ นอกจากว่าองค์หญิงใหญ่รับชายงามเข้าจวนเพิ่มอีกหลายคน ใบหน้าแต่ละคนหล่อเหลาไม่น้อย คนของเรายังได้ยินฮูหยินน้อยพูดคุยกับนายบำเรอขององค์หญิงใหญ่ผู้หนึ่ง บุรุษผู้นั้นเห็นฮูหยินน้อยกินถังหูลู่แล้วรู้สึกว่าผลไม้เปรี้ยวนัก เขาจึงเอ่ยว่า

แม้ว่าผลไม้ที่นำมาเชื่อมจะเปรี้ยว ทว่าหากกินกับคนรู้ใจย่อมรู้สึกได้ว่า ผลไม้นี้หวานยิ่งนัก

สิ่งที่ได้ยินมามีเพียงเท่านี้ และไม่พบสิ่งใดผิดปกติอีก

หลี่หลง

เมื่ออ่านจบบัดนี้ใบหน้าของไป๋จิ้งหานแดงก่ำ มือใหญ่กำกระดาษจดหมายแน่น ร่างกายแข็งทื่อไปชั่วขณะก่อนที่เปลวไฟแห่งโทสะจะลุกโชนขึ้นมาในดวงตา

นี่เขาคิดว่านางคิดถึงเขาได้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่นางแค่จดจำคำพูดของนายโลมผู้หนึ่งมาเขียนถึงเขาเท่านั้น

ให้ตายเถิดไป๋จิ้งหาน เกือบจะถูกสตรีนางนั้นหลอกล่อเข้าให้แล้ว

จากนั้นเขาก็หันไปบอกกับหลัวเฟิงที่ยืนรอรับใช้อยู่ข้างกายว่า

“หลัวเฟิงนำพู่กันกับกระดาษมา ข้าจะเขียนจดหมายถึงท่านแม่”

ไป๋จิ้งหานเขียนจดหมายเสร็จเขาก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

“ส่งนกพิราบส่งข่าวไป ห้ามชักช้าเด็ดขาด”

“ขอรับ”

หลัวเฟิงนำกระดาษเล็ก ๆ แผ่นนั้นม้วนเป็นวงกลมผนึกเรียบร้อยจากนั้นนำไปส่งให้กับคนส่งข่าว หลี่จื้อมาพบเข้าพอดี

“มีเรื่องด่วนอันใดหรือ จึงต้องใช้นกพิราบส่งข่าวเช่นนี้”

หลัวเฟิงส่ายหน้า

“ข้าน้อยไม่ทราบขอรับ นายท่านเพียงแต่ได้รับสารจากใต้เท้าหลี่น้อยแล้วก็ส่งข่าวด่วนถึงฮูหยินใหญ่ขอรับ”

“เช่นนั้นหรือ ไม่ต้องชักช้าแล้วจัดการตามคำสั่งนายท่านเถิด”

“ขอรับ”

หลังจากที่นกพิราบส่งข่าวมาถึงจวนโหว ความสุขของเหยียนซือเหยียนก็พลันจบสิ้นเมื่อแม่สามีของนางเรียกนางไปพบและเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นยินดี

“อาเหยียน ท่านโหวทนความคิดถึงเจ้าไม่ไหวจึงส่งข่าวมาให้แม่ส่งเจ้าไปเขตเหนือ เจ้าต้องออกเดินทางทันทีในวันพรุ่งนี้”

“ทะ...ท่านแม่ ท่านว่าอย่างไรนะเจ้าคะ ท่านโหวหรือ คิดถึงข้า เป็นไปไม่ได้เจ้าค่ะ”

“เป็นไปแล้ว บุตรชายของข้าผู้นี้คิดถึงเจ้าจริง ๆ อาเหยียนไปแดนเหนือครานี้อย่าให้พลาด เจ้าต้องรีบมีหลานให้แม่โดยไวเข้าใจหรือไม่ ตอนนี้เจิ้นโหวบอกว่าที่แดนเหนือสงบแล้วกบฏล่าถอยเพียงแต่รอดูสถานการณ์จึงยังไม่อาจกลับมาได้ในเร็ววัน เขาทนคิดถึงเจ้าไม่ไหวจึงให้เจ้าตามไปปรนนิบัติ ไปเถิดรีบไปเตรียมตัวเถิด อย่าชักช้าเลยพรุ่งนี้ออกเดินทางไปพร้อมกับหลี่หลง ไว้ใจได้ถึงเขาจะอายุน้อยแต่วรยุทธ์ยอดเยี่ยม”

เหยียนซือเหยียนกรีดร้องอยู่ในใจ นางเพิ่งเริ่มต้นใช้ชีวิตอย่างเสรี ยังมีชายงามให้ชม มีหมากล้อมให้เล่น มีงิ้วให้ดู และยังมีขนมมากมายที่ต้องกินให้ครบทุกสูตร! แล้วไยต้องถูกส่งไปแดนเหนืออย่างกะทันหันเช่นนี้!

ไป๋จิ้งหาน เจ้าไม่อยากตายดีแล้วใช่หรือไม่ ไยจึงกลั่นแกล้งข้าเช่นนี้กัน!
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
กิ๊บก๊าบ ฉ่อง
นึกว่าจะซ้ำซากอ่านไปอ่านมาสนุกมากเลย
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ชาตินี้ ข้าไม่ขอรัก!   บทที่ 8

    บทที่ 8 พบโจรร้ายหลี่หลงนำองครักษ์จำนวนไม่น้อยคอยคุ้มครองเหยียนซือเหยียนเดินทางขึ้นเหนือในวันรุ่งขึ้นตั้งแต่ยังไม่รุ่งสาง หลังจากนั้นนางก็แทบจะไม่ได้หยุดพักอีกการมาครานี้ของเหยียนซือเหยียน นางมิได้นำเพียงสาวใช้ข้างกายของตนเองมาเท่านั้น สตรีที่นางฝึกฝนเพื่อให้เป็นอนุของไป๋จิ้งหานก็ติดตามมาด้วยผู้หน

    Last Updated : 2025-03-27
  • ชาตินี้ ข้าไม่ขอรัก!   บทที่ 9

    แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยสิ่งใดต่อ ประตูไม้เก่า ๆ ของกระท่อมก็ถูกผลักออกลมเย็นพัดเข้ามาปะทะใบหน้า ลมหายใจของนางยิ่งเย็นเฉียบไปอีก ขาทั้งสองข้างของเหยียนซือเหยียนเริ่มหมดความรู้สึก นางขดตัวแน่นกว่าเดิมแล้วเงยหน้าขึ้นมองเซียวยีและอาเหวินถลามาปกป้องเหยียนซือเหยียนเอาไว้ ในขณะที่อาเหวินเอ่ยว่า“พวกเจ้าคือผู

    Last Updated : 2025-03-27
  • ชาตินี้ ข้าไม่ขอรัก!   บทที่ 10

    บทที่ 9 ถูกจับไปก็ดีแล้วกลางดึกอันเหน็บหนาว ณ เชิงเขาชีอันเสียงกีบม้ากระทบพื้นหิมะดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ ลมหายใจของฝูงม้าส่งไอสีขาวออกมาท่ามกลางความหนาวเหน็บ ไป๋จิ้งหาน เร่งม้าควบผ่านผืนป่าอย่างเร่งร้อนหลังได้รับข่าวว่าขบวนของเหยียนซือเหยียนถูกซุ่มโจมตี นางยังหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ไป๋จิ้งหานร้อ

    Last Updated : 2025-03-27
  • ชาตินี้ ข้าไม่ขอรัก!   บทที่ 11

    เพียงแต่เวลานี้นึกประหลาดใจอยู่บ้าง ว่าไยหัวใจดวงนี้ของเขาจึงได้รู้สึกว่าราวกับมีไฟแผดเผาอยู่เช่นนี้ไป๋จิ้งหานไม่ได้นอนทั้งคืน เขาออกเดินทางขึ้นเขาก่อนจะถึงรุ่งสาง สีหน้าของเขายังคงราบเรียบในขณะที่หลี่หลงมีท่าทางกระวนกระวายเพราะบัดนี้เขาเอาแต่โทษตนเองที่ทำให้เหยียนซือเหยียนถูกจับตัวไปไป๋จิ้งหานจับ

    Last Updated : 2025-03-27
  • ชาตินี้ ข้าไม่ขอรัก!   บทที่ 12

    บทที่ 10 สตรีบ้าผู้นี้การเดินทางขึ้นเขาเต็มไปด้วยอุปสรรค หมอกหนาปกคลุมเส้นทาง กิ่งไม้เปียกชื้นบดบังทัศนวิสัย แต่อันตรายที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่อากาศหนาวเย็น แต่เป็นกับดักที่ซุกซ่อนอยู่ตามแนวทางเดิน“หยุด!”เสียงสั่งการของไป๋จิ้งหานดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัดหลี่หลงชะงักฝีเท้า เมื่อเห็นว่า พื้นดินเ

    Last Updated : 2025-03-27
  • ชาตินี้ ข้าไม่ขอรัก!   บทที่ 13

    บทที่ 11 พิธีแต่งงานไป๋จิ้งหานเข้าไปในห้องโถงพร้อมกับตาเฒ่าผู้นั้น คงเป็นเพราะมากับคนชราของหมู่บ้านจึงดูเหมือนว่าจะไม่มีผู้ใดสนใจเขานักไป๋จิ้งหานกวาดสายตามองรอบ ๆ โดยที่หลี่หลงยังหอบหิ้วชายชราที่เมามายอยู่ข้าง ๆ ทว่าเขากลับไม่พบแม้แต่เงาของเหยียนซือเหยียน“นางอยู่ที่ใด”หลี่หลงตอบกระซิบ“นายท่าน ห

    Last Updated : 2025-03-27
  • ชาตินี้ ข้าไม่ขอรัก!   บทที่ 14

    หลังจากนั้นไป๋จิ้งหานก็นำกำลังล้อมปราบโจรกลุ่มนี้ ผู้ใดจะคาดคิดว่า บนหุบเขาจะเต็มไปด้วยคนแก่และเด็กพิการกลุ่มใหญ่ที่หนีสงครามจากแคว้นที่ล่มสลายและเอาตัวรอดมาที่นี่ อีกทั้งในวันที่ไป๋จิ้งหานมาปราบโจร เขากลับได้ช่วยน้องสาวของโจรที่คลอดก่อนกำหนดเอาไว้ได้ทันทำให้โจรนับถือเขายิ่งนักอีกทั้งยังมีข่าวลือเร

    Last Updated : 2025-03-27
  • ชาตินี้ ข้าไม่ขอรัก!   บทที่ 15

    บทที่ 12 อย่าถือสาคนเมาด้านไป๋จิ้งหาน หลังจากบุกเข้าไปในเรือนหอแล้วไม่พบเหยียนซือเหยียน ไป๋จิ้งหานจับตัวหัวหน้าโจรขึ้นมาคาดคั้นจนได้ความจริง นอกจากนั้นคนของเขายังจัดการกลุ่มโจรอย่างเงียบเชียบว่องไวโดยที่ไม่ทำให้ชาวบ้านที่กำลังฉลองรู้ตัวเลยแม้แต่น้อยหัวหน้าโจรที่ถูกจับมัดอยู่ตรงหน้าเงยหน้ามองไป๋จิ้

    Last Updated : 2025-03-27

Latest chapter

  • ชาตินี้ ข้าไม่ขอรัก!   บทที่ 329

    ปีค.ศ.1970คุณนายสกุลฉางให้กำเนิดบุตรีคนแรก ผิวขาวราวหยกใบหน้าจิ้มลิ้ม ซินแสทำนายวาสนาสูงส่งยิ่งนัก ทำให้กิจการค้าขายของบิดามารดาเจริญรุ่งเรืองในยามนั้นบิดาได้หมั้นหมายเด็กหญิงเอาไว้กับบุตรชายคนโตของเพื่อนรักแห่งสกุลต้วนต้วนชางหลางเด็กชายอายุราวหกขวบกำลังจ้องมองทารกตัวน้อยที่นอนอยู่ในเปลด้วยความสน

  • ชาตินี้ ข้าไม่ขอรัก!   บทที่ 328

    จูชางหลางอุ้มสตรีร่างผอมขึ้นมาวางนางเอาไว้บนตักของเขาโถมร่างกายก้มกอดนางแนบแน่นจนลึกสุดหัวใจ เส้นผมของนางกลายเป็นสีขาวโพลน รวมทั้งผมของเขาเช่นกัน ยามนี้เมื่อใกล้ชิดเส้นผมขาวของคนทั้งคู่กำลังเคลียคลอซึ่งกันและกันโดยไม่อาจแยกแยะว่าเป็นผมของผู้ใดกันแน่จูชางหลางเข้าใจชีวิต มิมีผู้ใดฝืนสังขารของร่างกาย

  • ชาตินี้ ข้าไม่ขอรัก!   บทที่ 327

    ตอนพิเศษ ตอนที่ 1ยี่สิบปีต่อมา“ท่านตา ท่านยายแย่แล้วขอรับ”จู่ ๆ ก็มีเด็กผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาบอกเขาในเรือนสมุนไพร จูชางหลางที่กำลังนั่งยอง ๆ พร้อมกับใช้พัดโหมไฟให้ลุกโชนเพื่อต้มสมุนไพรให้กับหยางอี้หงถึงกับมือสั่นระริกทำพัดที่อยู่ในมือหลุดลงทันใดเขาวิ่งไปที่เรือนของนางอย่างรวดเร็ว หลายปีมานี้หยางอี้

  • ชาตินี้ ข้าไม่ขอรัก!   บทที่ 326

    มู่เหยาทอดสายตามองแผ่นน้ำเบื้องหน้าที่คล้ายกำลังเต้นรำระริกไหวไปตามแสงจันทราแล้วยิ้มงดงาม“ท่านแม่ ขอให้ท่านคุ้มครองให้ข้ามีความสุขด้วยนะเจ้าคะ”เอ่ยคำนี้แล้วนางจึงโปรยดอกไม้ลงไปเบื้องล่าง ก่อนจะเดินกลับลงมายังหมู่บ้านก่อนจะถึงทางเข้าหมู่บ้านนั่นเอง จู่ ๆ มู่เหยาก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของค

  • ชาตินี้ ข้าไม่ขอรัก!   บทที่ 325

    มู่เหยายิ้มไม่หุบ คำชมเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อเอาใจนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะส่งผลต่อนางเพียงนี้ "หลานชายช่างปากหวานยิ่งนัก เช่นนี้สตรีใดได้พบคงไม่อาจถอนใจได้ ด้วยใบหน้างดงามเช่นนี้ต่อไปคงทำให้สตรีเสียใจอีกหลายคน"จูอี้หลางส่ายหน้า"ข้าไม่คิดหลอกสตรีใด จิตใจของข้าจะมอบให้กับสตรีที่ข้ารักเพียงผู้เดียวเช่นท่านพ่

  • ชาตินี้ ข้าไม่ขอรัก!   บทที่ 324

    เมื่ออยู่กันเพียงลำพังจูชางหลางจึงเอ่ยขึ้นว่า“เจ้าได้พบนางแล้วใช่หรือไม่”จูอี้หลางพยักหน้า“ท่านพ่อ เป็นท่านแม่จริงหรือ”จูชางหลางพยักหน้า“ที่นี่ไกลจากหน้าผาที่แม่เจ้าตกลงมายิ่งนัก พ่อไม่คิดว่านางจะรอดกระทั่งมีคนของหมู่บ้านนายพรานไปพบเข้าระหว่างที่นางลอยไปตามกระแสน้ำ ท่านแม่ของเจ้าลืมทุกเรื่องไปจ

  • ชาตินี้ ข้าไม่ขอรัก!   บทที่ 323

    จูอี้หลางขมวดคิ้ว เขาแน่ใจว่านางย่อมคือมารดาของเขา อยากจะบอกออกไปให้รู้แล้วรู้รอดแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไร ดูเหมือนว่าสตรีนางนั้นจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างจนหมดสิ้น จูอี้หลางถอนหายใจยาวเขาต้องสนิทกับเด็กคนนี้ให้เร็วที่สุดเพื่อสืบถามเรื่องราวเอาไปบอกบิดา“แล้วพ่อแม่ของเจ้าเล่า”“ท่านพ่อท่านแม่ของข้าหรือ

  • ชาตินี้ ข้าไม่ขอรัก!   บทที่ 322

    "ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ต้องรีบปล่อยเขาออกจากเขตหมู่บ้านตามกฎ มิใช่จับเขามามัดเอาไว้เช่นนี้ เห็นท่าแล้วเจ้าอยากได้ม้าของเขาใช่หรือไม่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าตราประจำตัวม้าเป็นตราราชสำนัก เจ้ากำลังนำความเดือดร้อนมาให้คนในหมู่บ้านแล้ว”มู่เยี่ยนลืมคิดถึงเรื่องนี้ไป ดวงตากลมโตตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ท่านน้าของนางจ

  • ชาตินี้ ข้าไม่ขอรัก!   บทที่ 321

    จูอี้หลางเป็นองค์รัชทายาทผู้สูงศักดิ์ ตั้งแต่เกิดมาทุกคนล้วนนอบน้อมกับเขา นี่จึงเป็นครั้งแรกที่มีคนเรียกเขาว่าเจ้าหน้าขาว ทั้งยังกล้าจับเขามัดอย่างไม่กลัวเกรง ทว่าเห็นท่าทางน่ารักของเด็กหญิงผู้นี้แล้วเขากลับไม่นึกโกรธ ยังนึกชื่นชมในความกล้าหาญของนางด้วยซ้ำ“เช่นนั้นบอกข้ามาก่อนว่าข้าอยู่ที่ใด แล้วเจ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status