Share

บทที่ 4

last update Huling Na-update: 2025-03-27 20:37:47

บทที่ 4 เริ่มเปิดศึกในจวนโหว

ยามเช้าตรู่วันต่อมา แสงอาทิตย์แรกของวันสาดส่องผ่านม่านโปร่งของ เรือนไป๋เหมย ที่ตั้งอยู่ใจกลางจวนโหว เรือนนี้เป็นที่พำนักของ ฮูหยินใหญ่หรง หรือ หรงเจิน ผู้เป็นมารดาของไป๋จิ้งหาน

ไป๋จิ้งหานได้รับคำสั่งให้มาพบมารดาตั่งแต่ลืมตาตื่นใจยามเช้า และเมื่อก้าวเข้ามาในเรือนอันอบอุ่น เขาก็ได้พบกับเหยียนซือเหยียนที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างมารดาของเขา

นางกำลังรินชาให้อย่างนุ่มนวล ดวงตากลมโตคลอไปด้วยน้ำตา แววตาเศร้าสร้อยและแดงเรื่อ ราวกับคนที่ผ่านค่ำคืนแห่งความทุกข์ระทมมาทั้งคืน

สีหน้าของนางในยามนี้ทำให้เขารู้สึกว่าเย็นที่แผ่นหลังอย่างประหลาด ราวกับว่ากำลังมีเรื่องให้รำคาญใจรอเขาอยู่

หลังจากเขาคารวะมารดาเรียบร้อย ฮูหยินใหญ่หรงก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงตำหนิอย่างไม่รอช้า

“เช้าวันนี้ไม่มีผ้าหงปู้[1]ส่งมาจากเรือนหอของเจ้า แม่สอบถามลูกสะใภ้แล้วจึงได้รู้ว่าเมื่อคืนลูกมิได้เข้าเรือนหอ บ่าวไพร่บอกแม่ว่าลูกไปนอนที่เรือนหนังสือ เจิ้นโหวไยเจ้าจึงได้ไม่รู้ความประพฤติตนเช่นนี้ รู้หรือไม่ว่าหากไทเฮาทรงทราบเรื่องนี้ พระนางสามารถเอาผิดกับจวนโหวได้”

ไป๋จิ้งหานกำลังจะอ้าปากตอบ เหยียนซือเหยียนกลับส่งเสียงสะอื้นกล่าวแทรกทั้งน้ำตา

“ท่านแม่เจ้าคะ...ลูกสะใภ้คงเป็นภรรยาที่ไม่ดีพอ ท่านโหวจึงไม่ต้องการข้า”

เสียงหวานสั่นเครือ เอ่ยพลางใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาเบา ๆ

ไป๋จิ้งหานชะงักดวงตาคมกริบตวัดมองนางทันที ก่อนจะหันกลับไปสบตากับมารดา ที่ในเวลานี้สีหน้าของ ฮูหยินใหญ่หรง ยิ่งเคร่งขรึมลงและมองเขาด้วยนัยน์ตาเยือกเย็นอย่างเห็นได้ชัด

ไป๋จิ้งหานกำมือแน่น คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันก่อนตอบกลับด้วยน้ำเสียงเบาเล็กน้อยเมื่อกล่าวกับมารดา

“ท่านแม่ นางเป็นคนลงกลอนประตูเรือนหอเอง ข้าจึงเข้าไปไม่ได้ เรื่องนี้เป็นนางที่ผิดนะขอรับ”

เหยียนซือเหยียนปาดน้ำตาอย่างอ่อนหวานเสียงสะอื้นดังขึ้น กระทั่งมารดาของเขาต้องลูบหลังปลอบโยน ในขณะที่นางกล่าวว่า

“ท่านแม่เจ้าคะ... ท่านโหวอาจจะเมามายจนเลอะเลือน ลูกสะใภ้ไม่เคยลงกลอนเลย ข้าจะทำเช่นนั้นเพื่อสิ่งใดเจ้าคะ ท่านแม่ไม่เชื่อก็ถามบ่าวรับใช้ได้ ท่านโหวต้องการไปรับแขกหลอกล่อข้าจนออกจากเรือนหอได้ จากนั้นก็ไม่กลับมาอีกเลยเจ้าค่ะ”

เหยียนซือเหยียนสะอื้นเบา ๆ แล้วซบลงกับแขนของหรงเจิน ดวงหน้าของนางเปี่ยมไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ

ฮูหยินใหญ่หรงหันไปมองเซียวยีบ่าวคนสนิทของเหยียนซือเหยียน นางก็รีบก้มหัวรับทันที

“เป็นความจริงเจ้าค่ะ คุณหนูของพวกเรามิได้ลงกลอนประตู บ่าวกับอาเหวินรอเปิดประตูให้ท่านโหวทั้งคืนก็ไม่เห็นแม้แต่เงาเจ้าค่ะ”

ไป๋จิ้งหานกัดฟันแน่น มองบ่าวรับใช้พวกนั้นด้วยสายตาเย็นยะเยือก แน่นอนว่าพวกนางย่อมต้องเข้าข้างคุณหนูของตน แต่เขากลับทำอะไรไม่ได้!

เมื่อคืนเขากลับมาช้ามาก ๆ ก็จริง แต่เขาก็ยังกลับเรือนหอด้วยคิดว่าอาจจะถูกท่านแม่ตำหนิ ผู้ใดจะคิดว่าเขาไม่เจอผู้ใดสักคนและยังไม่อาจเข้าเรือนหอของตนเองได้

เขาไม่ได้เอ่ยเรียกนางเพราะคิดว่านางคงนอนไปแล้ว จึงไปนอนที่เรือนหนังสือ คาดไม่ถึงว่านางจะวิ่งมาฟ้องมารดาของเขาตั้งแต่ไก่โห่เช่นนี้

เมื่อเขาไม่อาจแก้ต่างให้ตนเอง ผลลัพธ์ของเรื่องนี้จึงเป็นว่า เขาคือฝ่ายผิด

หรงเจินถอนหายใจหนัก เอ่ยด้วยน้ำเสียงตำหนิ

“หานเอ๋อร์! ไม่ว่าสิ่งใดที่เกิดขึ้น เจ้าควรมีความรับผิดชอบในฐานะสามี คืนแต่งงานไม่ควรปล่อยให้ภรรยานอนเดียวดายผิดธรรมเนียนยิ่งนักหากคนนอกล่วงรู้เจ้าคิดหรือไม่ว่าภรรยาของเจ้าจะถูกคนติฉินนินทาเช่นใด คืนนี้เจ้าต้องอยู่ที่เรือนหอ และพรุ่งนี้เช้า...ต้องมีหงปู้ส่งเข้าวังหลวง”

ไป๋จิ้งหานรับคำสั้น ๆ เขาไม่อาจโต้เถียงมารดาได้

“เป็นลูกที่ผิดเองขอรับ ลูกเข้าใจแล้วท่านแม่อย่าได้กังวลอีกเลย ร่างกายท่านอ่อนแอต้องรักษาสุขภาพนะขอรับ”

มารดาพยักหน้า สีหน้าดูดีขึ้นมาไม่น้อยเมื่อเห็นว่าอย่างไรบุตรชายก็ยังเชื่อฟัง

นางจึงเอ่ยว่า

“เช่นนั้นเจ้าก็พาเหยียนเหยียนกลับเรือนเถิด เหยียนเหยียนเองสุขภาพก็อ่อนแอไม่ต่างจากแม่นัก ไม่จำเป็นต้องมาคารวะทุกวัน อีกไม่กี่วันก็ต้องนำของขวัญกลับบ้านเดิมเพื่อคารวะบิดามารดาของลูกสะใภ้ แม่เตรียมทุกอย่างไว้ให้แล้วลูกพาเหยียนเหยียนกลับไปก็พอ”

ไป๋จิ้งหานเก็บสีหน้าขุ่นเคืองเอาไว้แน่นอนว่าเขาไม่ต้องการกลับบ้านเดิมกับนาง จึงคิดปล่อยให้นางไปคนเดียวหวังจะหาข้ออ้างในเวลานั้น

ด้านเหยียนซือเหยียนเองวันนี้นางมาเพื่อพิสูจน์ว่าแม่สามียังคงดีต่อนางเช่นเดิมหรือไม่ เมื่อได้รับคำตอบว่าไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อยนางจึงยอบกายจากไปอย่างอ่อนหวาน

คนสองคนเดินเคียงกันไปจนพ้นเรือนของฮูหยินใหญ่หรง เหยียนซือเหยียนกลับหันมาบอกกับเขาว่า

“ท่านพี่ ไม่จำเป็นต้องกลับบ้านเดิมกับข้า และไม่ต้องคิดหาข้ออ้างให้ลำบากใจ ข้าจะบอกบิดามารดาของข้าเองว่าท่านได้รับคำสั่งให้เดินทางไปปราบโจรกบฏจากฝ่าบาท”

ไป๋จิ้งหานกลับรู้สึกขุ่นเคืองขึ้นมาแทนเสียเอง

“ไยข้าต้องคิดให้วุ่นวาย ก็เพียงแค่กลับบ้านเดิมของเจ้าเท่านั้นไยต้องหาข้ออ้าง”

เหยียนซือเหยียนกลับมีสีหน้ามั่นใจยิ่งนัก

“ไม่จำเป็นต้องคิดมาก อย่างไรท่านก็ไม่ได้ไปแน่นอน”

จากนั้นไป๋จิ้งหานมีสีหน้าขุ่นเคืองยิ่งนัก เขารู้สึกได้ว่านางกำลังหัวเราะเยาะเขาอยู่ในใจ แต่ต่อหน้ามารดาของเขา นางกลับแสร้งเป็นภรรยาผู้ถูกทอดทิ้งได้แนบเนียนที่สุด เวลานี้กลับมาบอกว่าไม่ต้องการให้เขากลับบ้านเดิมด้วย

สตรีนางนี้กำลังวางแผนสิ่งใดเป็นแน่

เหยียนซือเหยียนกล่าวจบ นางก็เดินฉับ ๆ แยกจากเขาไปโดยไม่สนใจว่าเขาจะติดตามมาหรือไม่ ไป๋จิ้งหานได้แต่มองตามแผ่นหลังบอบบางไปจนลับตาจากนั้นจึงก้าวเท้ากลับไปที่เรือนหนังสือของตนเอง

เรือนหนังสือจวนเจิ้นโหว

ไป๋จิ้งหานให้บ่าวไปตามสองพี่น้องหลี่จื้อและหลี่หลงมาพบเขา ในขณะที่ครุ่นคิดถึงเรื่องเหยียนซือเหยียน

เมื่อคืนนี้นางดูดีใจมากที่เขาออกจากเรือนหอ แล้วเหตุใดรุ่งเช้านางกลับมาฟ้องมารดาของเขา หากนางต้องการผลักไสเขาจริง เหตุใดจึงต้องทำให้มารดาของเขาเข้ามาเกี่ยวข้องอีก

ไป๋จิ้งหานรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล เหยียนซือเหยียนที่เขารู้จักเมื่อก่อนหลงใหลเขาจนน่ารำคาญ แต่นางในตอนนี้กลับดูแตกต่างไป หรือว่าจริง ๆ แล้วที่นางแต่งงานกับเขาเพราะมีเล่ห์เหลี่ยมอันใด

เขาไม่อาจวางใจได้เพราะอย่างไรนางก็ยังเป็นคนสกุลเหยียน

และบัดนี้เขาได้รู้ข่าวมาว่าเหยียนปังพี่ชายคนรองของนางบัดนี้เป็นลูกน้องคนสำคัญของจ้าวเหวินเสนาบดีคลังซึ่งเป็นคนที่เขาตรวจสอบและกลายเป็นฝ่ายตรงข้ามกับเขา

เหยียนปังผู้นี้เป็นพี่ชายที่สนิทกับเหยียนซือเหยียนที่สุด หรือว่านางจะถูกส่งมาเพื่อเป็นหนอนบ่อนไส้ในจวนของเขากันแน่!

กระทั่งสององครักษ์พี่น้องเข้ามาในเรือนหนังสือ ไป๋จิ้งหานก็สั่งการทันใด

“หลี่จื้อข้าต้องการให้เจ้าจับตาดูเหยียนปังอย่าให้คลาดสายตา”

“คุณชายรองสกุลเหยียน พี่ชายของฮูหยินน้อยหรือขอรับ”

สายตาของไป๋จิ้งหานเคร่งขรึมลง

“ใช่เหยียนปังผู้นั้น บัดนี้เขากลายเป็นลูกน้องคนสนิทของเสนาบดีจ้าว คนผู้นั้นเจ้าเล่ห์เพทุบายข้าเกรงว่าสกุลเหยียนจะเกี่ยวข้องกับการทุจริตในครานี้”

“แต่พวกเราสืบเรื่องสกุลเหยียนมาเนิ่นนานแล้ว แต่ไม่เคยพบสิ่งใดผิดปกตินะขอรับ”

“เพราะก่อนหน้านี้คนของเราอยู่ที่นอกเมืองหลวง ไม่อาจนำเข้ามาในเมืองหลวงได้ จึงทำให้กำลังไม่เพียงพอและถูกปิดหูปิดตามานาน เวลานี้ฝ่าบาทได้มอบอำนาจให้ข้าเต็มที่เพื่อติดตามคดีเด็กชายหายตัวไปเป็นเวลาหลายปีอย่างต่อเนื่อง เราจึงเคลื่อนพลได้อย่างสะดวกขึ้น เริ่มวางคนของเราเอาไว้ในเมืองหลวงให้แนบเนียนที่สุด อย่าให้ถูกจับได้เด็ดขาด”

ภายใต้ความสงบสุขของต้าหยาง ผู้ใดจะรู้ว่าบัดนี้มีคดีเด็กหนุ่มหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยมานับสิบปีแล้ว เพราะว่าเด็กที่หายตัวไปล้วนเป็นคนไร้บ้านทั้งขอทาน ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดที่ร้องเรียนมาให้ทางการตรวจสอบ

ทว่าหลังจากเสร็จศึกชายแดนและไป๋จิ้งหานกลับมาที่เมืองหลวงมารับตำแหน่งผู้ตรวจการเมืองหลวงได้สองปีเขาก็พบความผิดปกติถึงเรื่องนี้ กระทั่งฝ่าบาทสั่งให้เขาตรวจสอบอย่างลับ ๆ เพราะสงสัยว่าเรื่องนี้จะมีใครที่อยู่เบื้องหลัง

กระทั่งเขาสืบพบความเกี่ยวเนื่องของคดีทุจริตของเสนาบดีจ้าวและความเกี่ยวพันกับการลักพาตัวเด็กชายมาอย่างต่อเนื่อง

หลี่จื้อรับคำ

“ขอรับ”

จากนั้นไป๋จิ้งหานก็หันมาเอ่ยกับหลี่หลง

“ส่วนเจ้าอาหลง จับตาดูเหยียนซือเหยียนเอาไว้ให้ดี”

หลี่หลงเป็นเด็กหนุ่มอายุเพียงสิบห้าปี ทว่ากลับมีวรยุทธ์สูงส่งยิ่งจนไป๋จิ้งหานถูกใจเขาจึงให้คอยติดตามอารักขาอยู่ข้างกายตนเอง

เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว

“ไยต้องจับตาดูฮูหยินน้อยด้วยขอรับ นางเกี่ยวข้องด้วยหรือขอรับ”

สีหน้าของไป๋จิ้งหานนั้นเต็มไปด้วยความคลางแคลงใจ

“เดิมทีก็ไม่อยากจับตาดู แต่พฤติกรรมของนางผิดปกตินัก ข้าไม่อาจปล่อยผ่านได้ ทุกการกระทำของนางนับจากนี้ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดและนำมารายงานข้า”

หลี่หลงรับคำ

“ขอรับนายท่าน”

ไป๋จิ้งหานอยู่ในเรือนหนังสือจนกระทั่งพระอาทิตย์อัสดง เขากินข้าวเพียงคนเดียวที่เรือนหนังสือก่อนจะกลับมาที่เรือนหอของตน

บัดนี้พบว่าเหยียนซือเหยียนอยู่ในชุดตัวในพร้อมเข้านอนเรียบร้อย ทั้งนางยังนั่งอ่านหนังสือนิทานพื้นบ้านโดยไม่แม้จะเงยหน้าขึ้นมามอง

“ท่านพี่ มาแล้วหรือ”

นางกล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ สายตายังจับจ้องอยู่กับหนังสือเล่มหนาในมือ สีหน้าเคร่งเครียดยิ่งนัก จากนั้นเขาก็ได้ยินนางเอ่ยว่า

“เลวทรามเช่นนี้ ไยจึงกลายเป็นพระเอกของเรื่องได้ นางเอกก็แสนโง่งม”

จากนั้นนางก็วางหนังสืออย่างเดือดดาลทว่าเพียงพริบตาเดียวก็หยิบขึ้นมาใหม่พร้อมกับตั้งหน้าตั้งตาอ่านโดยไม่สนใจเขาอีก

เขากระแอมเอ่ยว่า

“เหยียนซือเหยียนเจ้ากำลังทำสิ่งใด”

แต่สิ่งที่ได้รับคือความเงียบตอบกลับมา เขาเอ่ยเรียกชื่อนางอีกหลายคำ

"เหยียนซือเหยียน เหยียนซือเหยียน”

นางจึงเงยหน้าขึ้นมามอง จากนั้นก็จ้องเขาด้วยสีหน้ารำคาญใจ

“เรียกทำไมหนักหนา ข้าก็อยู่ตรงนี้ ข้ากับท่านไม่มีสิ่งใดพูดคุยกันไม่ใช่หรือ”

คนที่เย็นชาเวลานี้ย่อมคือนาง มิใช่เขา ส่วนเขาแม้จะตั้งใจไม่พูดกับนางแต่ท่าทางนี้ของนางกลับกระตุ้นเขาได้เป็นอย่างดี

สตรีที่มักจะเดินตามหลังเขาเหมือนสุนัขตัวหนึ่งไยจึงเปลี่ยนไปได้เพียงนี้

เมื่อเห็นเข้าจ้องมองนาง เหยียนซือเหยียนทำสีหน้าสงสัยครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเบิกตากว้างเอ่ยว่า

“อ้อ ข้าลืมไปท่านแม่กำชับท่านมาหรือ ไม่ต้องห่วงข้ารอบคอบยิ่งเตรียมไว้แล้ว”

จากนั้นก็โยนห่อผ้าห่อหนึ่งให้เขาเอ่ยว่า

“ของที่ท่านต้องการ อยู่ในนั้นจากนี้ไม่ต้องกวนข้าอีก”

ไป๋จิ้งหานไม่เข้าใจว่านางมอบสิ่งใดให้ กระทั่งแกะห่อผ้าในมือออกมาดูจึงได้รู้ว่าที่แท้นางหมายถึงสิ่งใด

เขารู้สึกว่าตนเองไม่ได้รับความยุติธรรมเมื่อเขาถูกมารดาเรียกไปตำหนิตั้งแต่เช้าตรู่เพราะเขาไม่ได้นอนในเรือนหอในคืนที่ผ่านมาและบัดนี้เหยียนซือเหยียนยังนำของที่เขาคิดไม่ถึงว่านางจะเตรียมเอาไว้ส่งให้เขาถึงกับมือ

ผ้าขาวเปื้อนเลือดเป็นจุด ๆ ผืนหนึ่ง

“เจ้าเตรียมสิ่งนี้ให้ข้าหรือ”

“อื้อ ข้าเองท่านแม่กำชับท่านเมื่อเช้า ข้าย่อมได้ยินและรู้ว่าระหว่างพวกเราไม่มีทางเป็นไปได้ ข้าไม่วางยากำหนัดท่านอีกแล้วอย่างเด็ดขาด ท่านก็แค่ส่งผ้าหงปู้ในมือท่านให้ท่านแม่ หลังจากท่านแม่ส่งของสิ่งนี้เข้าวังหลวงเสด็จป้าของข้าก็ไม่กดดันจวนเจิ้นโหวแล้ว”

ไป๋จิ้งหานมองผ้าในมือพร้อมกับเอ่ยว่า

“หมายความว่าเจ้าไม่คิดจะเข้าหอกับข้าจริง ๆ หรือ”

“ก็แน่สิ ท่านพี่ถึงจะสายไปแต่ข้าสำนึกรู้แล้ว ข้ารู้ว่าข้าชอบท่านอยู่ฝ่ายเดียว ส่วนท่านก็รังเกียจข้าดังนั้นข้าจึงมอบทางออกให้ท่านเพื่อเอาใจท่านอย่างไรเล่า ในเมื่อรังเกียจก็ไม่จำเป็นต้องร่วมหอ ข้าไม่ฝืนใจท่านพี่เด็ดขาด ข้าดีมากใช่หรือไม่”

ไป๋จิ้งหานอ้าปากค้าง

หญิงสาวตรงหน้ามิใช่เหยียนซือเหยียนที่เขาเคยรู้จัก

เหยียนซือเหยียนคนเดิมคอยพยายามแทรกตัวเข้าไปในชีวิตของเขา จับตามองทุกการกระทำของเขา และพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้เขาหันมามอง ทว่านางในตอนนี้กลับเป็นผู้ที่ตีตัวออกห่าง

เขาจึงแน่ใจแล้วว่านางมีแผนการ เพียงต้องการเข้าจวนไป๋เพื่อสืบข่าวเท่านั้น คนสกุลเหยียนอย่างไรก็ยังต่ำช้าเช่นเคย

ไป๋จิ้งหานพยายามสะกดกลั้นอารมณ์กรุ่นโกรธที่นางคิดมาล้วงความลับของเขาจากภายใน ความเย็นชาของเขายิ่งทวีคูณขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนที่ริมฝีปากจะแสยะรอยยิ้มเย็นชา

“เจ้าช่างเป็นภรรยาที่ดีจริง ๆ เหยียนซือเหยียนรู้ใจข้ายิ่งนัก”

“แน่นอนเจ้าค่ะ ท่านพี่ ข้าเป็นภรรยาที่ดีที่สุด” นางกระพริบตาอย่างใสซื่อก่อนจะเผยรอยยิ้มที่ดูราวกับสตรีที่ไร้พิษภัยที่ทำให้ท่านแม่ของเขาตกหลุมพรางไปแล้วคนหนึ่ง

จู่ ๆ นางก็ลุกขึ้นแล้วเอ่ยว่า

“ท่านพี่ ตรงนั้นมีที่นอนหมอนและผ้าห่มนะเจ้าคะ ข้าดูแล้วท่านปูนอนตรงนั้นเหมาะสมยิ่ง”

เขาหันไปมองกองผ้าห่มที่นางเอ่ย จากนั้นก็หันมามองนางด้วยสายตาสงสัย

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร”

นางยิ้มกริ่มเอ่ยว่า

“ในเมื่อท่านไม่อยากร่วมเตียง เช่นนั้นก็นอนพื้นตรงนั้นเถิดเจ้าค่ะ ข้าเตรียมของให้ท่านหมดแล้ว”

ว่าแล้วนางก็ยกมือเรียวขึ้นมาปิดปากหาวจนน้ำตาไหลที่หางตา

“ท่านพี่ข้าจะนอนแล้วง่วงเหลือเกิน ราตรีสวัสดิ์นะเจ้าคะ อ้อ ไม่ต้องดับตะเกียงนะเจ้าคะ ข้ารู้ว่าท่านไม่ค่อยชอบความมืดเท่าใด”

ชาติที่แล้วกว่านางจะรู้ว่าเขาไม่ชอบความมืดก็อยู่กันมาได้ปีกว่าแล้ว เขาไม่เคยบอกนางมาก่อน นางรู้เพราะว่าองครักษ์หลี่หลงของเขาเป็นคนเผลอบอกนางว่าที่ไป๋จิ้งหานไม่ชอบนอนกับนางเพราะว่าเขาเกลียดความมืดนั่นเอง

ตั้งแต่นั้นมาเหยียนซือเหยียนก็นอนโดยไม่ดับตะเกียงมาตลอด หลายปีที่ทำเพื่อเขาบัดนี้กลับกลายเป็นความเคยชินไปเสียแล้ว จะดับไฟหรือไม่นางล้วนสามารถนอนหลับได้ทั้งนั้น

ด้านไป๋จิ้งหานบัดนี้เขาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง นางรู้ได้อย่างไรว่าเขาไม่ชอบความมืด นั่นเป็นเพราะในวันที่บิดาของเขาสิ้นใจต่อหน้าเขา คืนนั้นลมแรงและท้องฟ้ามืดมิดยิ่งนัก ทำให้เขาไม่อาจข่มตาหลับในที่มืดได้อีกทุกครั้งจึงต้องจุดตะเกียงสลัวเอาไว้ในยามค่ำคืนจึงจะสามารถนอนหลับโดยไม่ฝันร้ายได้

“เหยียนซือเหยียนเจ้ารู้ได้อย่างไร เจ้าแอบให้คนตามข้าหรือ”

“ไยต้องแอบเล่าเจ้าคะ ข้าก็แค่เดาเอาท่าทางท่านขี้กลัวเช่นนี้ ย่อมเดาได้ว่าท่านไม่ชอบความมืด”

ไป๋จิ้งหานมึนงงกับคำตอบแบบกำปั้นทุบดินของนาง

“ข้าหรือดูท่าทางขี้กลัว”

“เจ้าค่ะ ขนาดข้าเป็นสตรีท่านยังกลัวเลย เช่นนี้น่าจะกลัวความมืด”

นางก็ตอบส่ง ๆ ไปเช่นนั้น เขาจะเชื่อหรือไม่นางล้วนไม่สนใจ เหยียนซือเหยียนคิดจะนอนแล้ว ทว่าไปจิ้งหานกลับเอ่ยว่า

“ช้าจะไปนอนที่เรือนหนังสือ ไยข้าต้องนอนที่พื้นด้วย”

เหยียนซือเหยียนอ้าปากหาวหวอด จากนั้นจึงเอ่ยว่า

“ไปก็ไปสิ แต่หากท่านแม่ตำหนิท่านก็อย่ามาโทษที่ข้าไม่เตือน”

[1] ผ้าหงปู้ คือผ้าเปื้อนเลือด ผ้านี้เป็นหลักฐานแสดงถึง พรหมจรรย์ของเจ้าสาว และถูกส่งไปยังวังหลวงหรือบ้านฝ่ายเจ้าบ่าวเพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่าการสมรสเป็นไปตามธรรมเนียม
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Kaugnay na kabanata

  • ชาตินี้ ข้าไม่ขอรัก!   บทที่ 5

    บทที่ 5 เริ่มต้นก็ปวดหัวแล้ว“ท่านพี่เมื่อเช้าท่านเพิ่งถูกตำหนิมาแต่หากท่านต้องการให้ท่านแม่ไม่สบายใจ ก็ออกไปเถิดข้าไม่ห้ามแล้วเจ้าค่ะ แต่ท่านโทษข้าไม่ได้หากข้าจะต้องเอ่ยความจริงกับท่านแม่ว่าท่านออกไปนอนที่เรือนหนังสืออีก ท่านพี่ข้าพูดโกหกไม่เป็นนะเจ้าคะ”ไป๋จิ้งหานมีสีหน้าเดือดดาลอย่างเห็นได้ชัด ยิ

    Huling Na-update : 2025-03-27
  • ชาตินี้ ข้าไม่ขอรัก!   บทที่ 6

    บทที่ 6 เป็นอิสระแล้วครึ่งเดือนต่อมาแดนเหนือ เมืองหลงเซิง เป็นดินแดนที่ไป๋จิ้งหานคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะเป็นสถานที่ที่เขาเติบโตมาตั้งแต่วัยเยาว์ เมืองแห่งนี้เป็นเส้นเขตแดนสำคัญที่เชื่อมต่อกับดินแดนของชนเผ่าเร่ร่อน และบัดนี้มันกลับเต็มไปด้วยควันเพลิงแห่งกบฏการก่อกบฏครั้งนี้ทำให้ไป๋จิ้งหานได้รับพร

    Huling Na-update : 2025-03-27
  • ชาตินี้ ข้าไม่ขอรัก!   บทที่ 7

    บทที่ 7 นางช่างกล้านักสองเดือนที่ผ่านมานี้ ตั้งแต่ไป๋จิ้งหานออกศึก เหยียนซือเหยียนก็ใช้ชีวิตอย่างอิสระเสรี นางไปจวนองค์หญิงใหญ่อยู่เสมอ เพื่อฟังชายงามขับร้องบทกวี ชมงิ้ว เล่นไพ่ และเล่นหมากล้อมนอกจากนั้นนางยังคัดเลือกสาวงามอีกหลายคน เพื่อเตรียมส่งไปบำเรอความสุขให้สามีที่แดนเหนือแม้ว่าเขาจะปฏิเสธเส

    Huling Na-update : 2025-03-27
  • ชาตินี้ ข้าไม่ขอรัก!   บทที่ 8

    บทที่ 8 พบโจรร้ายหลี่หลงนำองครักษ์จำนวนไม่น้อยคอยคุ้มครองเหยียนซือเหยียนเดินทางขึ้นเหนือในวันรุ่งขึ้นตั้งแต่ยังไม่รุ่งสาง หลังจากนั้นนางก็แทบจะไม่ได้หยุดพักอีกการมาครานี้ของเหยียนซือเหยียน นางมิได้นำเพียงสาวใช้ข้างกายของตนเองมาเท่านั้น สตรีที่นางฝึกฝนเพื่อให้เป็นอนุของไป๋จิ้งหานก็ติดตามมาด้วยผู้หน

    Huling Na-update : 2025-03-27
  • ชาตินี้ ข้าไม่ขอรัก!   บทที่ 9

    แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยสิ่งใดต่อ ประตูไม้เก่า ๆ ของกระท่อมก็ถูกผลักออกลมเย็นพัดเข้ามาปะทะใบหน้า ลมหายใจของนางยิ่งเย็นเฉียบไปอีก ขาทั้งสองข้างของเหยียนซือเหยียนเริ่มหมดความรู้สึก นางขดตัวแน่นกว่าเดิมแล้วเงยหน้าขึ้นมองเซียวยีและอาเหวินถลามาปกป้องเหยียนซือเหยียนเอาไว้ ในขณะที่อาเหวินเอ่ยว่า“พวกเจ้าคือผู

    Huling Na-update : 2025-03-27
  • ชาตินี้ ข้าไม่ขอรัก!   บทที่ 10

    บทที่ 9 ถูกจับไปก็ดีแล้วกลางดึกอันเหน็บหนาว ณ เชิงเขาชีอันเสียงกีบม้ากระทบพื้นหิมะดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ ลมหายใจของฝูงม้าส่งไอสีขาวออกมาท่ามกลางความหนาวเหน็บ ไป๋จิ้งหาน เร่งม้าควบผ่านผืนป่าอย่างเร่งร้อนหลังได้รับข่าวว่าขบวนของเหยียนซือเหยียนถูกซุ่มโจมตี นางยังหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ไป๋จิ้งหานร้อ

    Huling Na-update : 2025-03-27
  • ชาตินี้ ข้าไม่ขอรัก!   บทที่ 11

    เพียงแต่เวลานี้นึกประหลาดใจอยู่บ้าง ว่าไยหัวใจดวงนี้ของเขาจึงได้รู้สึกว่าราวกับมีไฟแผดเผาอยู่เช่นนี้ไป๋จิ้งหานไม่ได้นอนทั้งคืน เขาออกเดินทางขึ้นเขาก่อนจะถึงรุ่งสาง สีหน้าของเขายังคงราบเรียบในขณะที่หลี่หลงมีท่าทางกระวนกระวายเพราะบัดนี้เขาเอาแต่โทษตนเองที่ทำให้เหยียนซือเหยียนถูกจับตัวไปไป๋จิ้งหานจับ

    Huling Na-update : 2025-03-27
  • ชาตินี้ ข้าไม่ขอรัก!   บทที่ 12

    บทที่ 10 สตรีบ้าผู้นี้การเดินทางขึ้นเขาเต็มไปด้วยอุปสรรค หมอกหนาปกคลุมเส้นทาง กิ่งไม้เปียกชื้นบดบังทัศนวิสัย แต่อันตรายที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่อากาศหนาวเย็น แต่เป็นกับดักที่ซุกซ่อนอยู่ตามแนวทางเดิน“หยุด!”เสียงสั่งการของไป๋จิ้งหานดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัดหลี่หลงชะงักฝีเท้า เมื่อเห็นว่า พื้นดินเ

    Huling Na-update : 2025-03-27

Pinakabagong kabanata

  • ชาตินี้ ข้าไม่ขอรัก!   บทที่ 120

    แต่เมื่อเขามองไปรอบ ๆ ห้อง กลับไม่พบเหยียนซือเหยียนอยู่เคียงข้าง หัวใจของเขาอดไม่ได้ที่จะเต้นผิดจังหวะ สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันใด“เหยียนเหยียน...เจ้าอยู่ไหน”ในขณะที่กำลังจะลุกขึ้นจากเตียง เสียงของหลัวเฟิงที่เต็มไปด้วยความดีใจก็ดังขึ้นจากด้านนอกก่อนจะรีบเข้ามาหาเขาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

  • ชาตินี้ ข้าไม่ขอรัก!   บทที่ 119

    บทที่ 56 ตอนจบหลังจากสงครามที่ดุเดือดกินเวลาหลายวัน ในที่สุดอวิ๋นอ๋องก็ถูกจับกุมและถูกตัดสินประหารชีวิต เมืองหลวงที่เคยลุกเป็นไฟก็กลับสู่ความสงบสุขอีกครั้งเด็กๆ ที่ถูกจับมาฝึกฝนเป็นทหารเดนตายของอวิ๋นอ๋องต่างได้รับการช่วยเหลือและถูกส่งตัวกลับไปยังแดนเหนือ ฝ่าบาททรงพระเมตตาพระราชทานเงินทุนจำนวนหนึ่ง

  • ชาตินี้ ข้าไม่ขอรัก!   บทที่ 118

    พี่ชายของอี้ชิงพยายามจะพูดส่งเสียงอื้ออึง ไป๋จิ้งหานจึงสั่งให้หลี่หลงดึงผ้าปิดปากของเขาออกบุรุษผู้นั้นเอ่ยว่า“ท่านโหว ข้าไม่รู้เรื่องอันใด ไว้ชีวิตข้าเถิด พวกนางสองแม่ลูกที่ทำกันเอง ล้วนเป็นพวกนางไม่เกี่ยวกับข้าขอรับ”สองแม่ลูกถึงกับมองบุรุษผู้นั้นดวงตาเบิกกว้าง เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดกระทั่งมาถึ

  • ชาตินี้ ข้าไม่ขอรัก!   บทที่ 117

    บทที่ 55 แผนการจบสิ้นแสงเทียนอบอุ่นส่องสว่างทั่วทั้งห้องโถงใหญ่ที่จัดไว้สำหรับงานเลี้ยงค่ำคืนนี้ ธูปกำยานหอมกรุ่นลอยอวลอยู่ในอากาศ ฮูหยินชรานั่งอยู่ที่ตำแหน่งประธาน ดวงหน้ายิ้มแย้มมองไปที่ฮูหยินใหญ่หรงด้วยสายตาอ่อนโยน“ลูกสะใภ้ ข้าต้องขอบใจเจ้าที่คอยดูแลข้าในยามที่ล้มป่วย ลำบากเจ้าแล้ว”ฮูหยินใหญ่

  • ชาตินี้ ข้าไม่ขอรัก!   บทที่ 116

    บทที่ 54 หล่อเหลาที่สุดสองสามีภรรยาเดินไปยังโต๊ะที่จัดเตรียมแพะย่างหอมกรุ่นไว้ข้างกองไฟเหยียนซือเหยียนนั่งลงพลางเอ่ยว่า“หานหาน ท่านต้องรู้จักระมัดระวังรักษาร่างกาย อากาศหนาวหากสวมเพียงเสื้อตัวบางเหมือนเมื่อครู่อาจจะล้มป่วยได้”ไปจิ้งหานจับมือนางเอาไว้บีบเบา ๆ เอ่ยเสียงอ่อน“ไม่หนาวเลยสักนิดหรือถ้

  • ชาตินี้ ข้าไม่ขอรัก!   บทที่ 115

    “ไม่ต้องรวบผม ข้าจะปล่อยให้แห้งข้างกองไฟ”“ขอรับ”หลัวเฟิงเลือกชุดให้เขาแล้วนำมาให้ ไป๋จิ้งหานกลับเอ่ยว่า“ไม่เอาสีดำ มีสีทีสดใสเข้ากับผิวของข้าหรือไม่”หลัวเฟิงทำสีหน้าประหลาดใจ“นายท่าน อาภรณ์ของท่านมีเพียงสีดำ ชุดตัวในก็มีเพียงสีขาวไม่มีสีอื่นเลยขอรับ สีอื่นที่ท่านกล่าวถึงไม่มีแม้แต่ตัวเดียว”ไป๋

  • ชาตินี้ ข้าไม่ขอรัก!   บทที่ 114

    บทที่ 53 หนึ่งแลกหนึ่งร้อยเหยียนซือเหยียนบัดนี้แอบมองอี้ชิงอยู่ที่มุมหนึ่ง นางเองก็ตั้งใจมารอรับไป๋จิ้งหานกลับจวนเช่นกัน ทว่าเมื่อเห็นว่าอี้ชิงรออยู่หน้าประตูใหญ่ก่อนนางแล้วจึงได้ซ่อนตัวในมุมมืดไม่ให้อี้ชิงเห็นภาพที่อี้ชิงโกรธแค้นไป๋จิ้งหานบัดนี้นางจึงมองเห็นได้อย่างชัดเจน ในใจพลันรู้สึกหนาวสั่นอย

  • ชาตินี้ ข้าไม่ขอรัก!   บทที่ 113

    จากนั้นก็ยกนิ้วหัวแม่มือขึ้นมาทั้งสองข้าง บอกเขาว่าเขายอดเยี่ยมเพียงใดไป๋จิ้งหานกลับยังเอ่ยถามต่อ“ทรงคิดว่าบุรุษในจวนองค์หญิงใหญ่จะมีผู้ใดทัดเทียมได้หรือไม่”ฝ่าบาทครุ่นคิด เขามอบชายงามให้องค์หญิงใหญ่มากมายทุกคนล้วนโดดเด่นไปคนละแบบ จึงได้ตรัสว่า“อันที่จริง...” ในใจกำลังจะกล่าวว่าทุกคนล้วนดูดีไปคน

  • ชาตินี้ ข้าไม่ขอรัก!   บทที่ 112

    บทที่ 52 เรื่องราวหวนกลับอี้ชิงไม่รอช้าวันต่อมานางวางแผนการจากนั้นรีบไปปรึกษากับฮูหยินใหญ่หรง บอกว่าจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับฮูหยินชรากลับจวนแต่ขอให้ฮูหยินใหญ่หรงออกหน้า ด้วยเหยียนซือเหยียนไม่ชอบนางเกรงว่าจะเกิดปัญหากระทบกระทั่งได้ หากว่าจัดในนามของฮูหยินใหญ่หรงเช่นนี้ก็จะปรองดองกันได้ง่ายฮูหยินใหญ่ห

Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status