จูชางหลางยกมุมปากเล็กน้อยจ้องใบหน้างามเขม็งแล้วเอ่ยถาม“อาหงเจ้าคิดเห็นอย่างไร”หยางอี้หงไม่สบตาเขา ดวงตาหงส์ก้มมองมือของตนที่ถูกเขาจับเอาไว้ แม้ว่ารอยยิ้มของจูชางหลางจะเสแสร้งแต่กลับน่าหลงใหลเพียงนี้ นางเพียงเอ่ยตอบเสียงนุ่มนวลทว่าแข็งกร้าวอยู่ในที“ต้องชิงลงมือก่อน หาทางฆ่าพวกเขาก่อนที่คนพวกนั้นจ
เมื่อไปถึงริมแม่น้ำ นางเดินสำรวจตรวจดูรอบบริเวณ เห็นว่าปลอดภัยจึงถอดเสื้อผ้าทั้งหน้ากากออก ลงไปแหวกว่ายในลำธารขัดเนื้อตัวใช้สบู่มันแพะสระผมล้างเลือดสกปรกออกจากร่างจนเกลี้ยง ร่างกายยามนี้จึงรู้สึกผ่อนคลายสบายยิ่งนักหลายวันมานี้กลิ่นคาวเลือดล้วนติดจมูก กลิ่นกายหอมกรุ่นของนางล้วนถูกกลิ่นเลือดกลบจนมิด
หยางอี้หงถูกจูชางหลางจ้องมองดวงตาไม่กะพริบ เขากวาดสายตามองนางตั้งแต่หัวจรดเท้า และมองตั้งแต่เท้าจรดหัวอีกหลายรอบ ก่อนที่เขาจะหันหลังกลับเข้ากระโจมไปหยางอี้หงหันมามองจั่วเจี้ยนแล้วเอ่ยว่า“พี่เจี้ยน พายุอะไรของท่าน อย่าได้กล่าวเพ้อเจ้อ ท่านเห็นหรือไม่เหตุใดซื่อจื่อมองข้าเช่นนั้น ราวกับว่าข้าไปได้ทำค
แน่นอนว่าหยางอี้หงย่อมไม่เข้าใจว่าบัดนี้เกิดอะไรขึ้นกับซื่อจื่อกันแน่ ซื่อจื่อหันหลังให้นางสูดหายใจเข้าออกแรง ๆ คล้ายกับว่าเขากำลังสงบสติอารมณ์ หยางอี้หงจึงก้มลงมองมือตนเอง ในมือของนางยังมีผ้าเช็ดกายที่เปียกชื้น และกล่องสบู่มันแพะที่นางถือเอาไว้เช่นกันนางยืนอยู่ตรงนี้ราวหนึ่งก้านธูปแล้ว ซื่อจื่อเ
เสียงทหารผู้หนึ่งดังขึ้นหน้ากระโจม“ท่านแม่ทัพขอรับ น้ำอาบมาแล้วขอรับ”จูชางหลางใช้เท้าเขี่ยผ้าเช็ดตัวของหยางอี้หงที่หล่นพื้นขึ้นมา ฉับพลันนั้นมันก็หล่นคลุมศีรษะและใบหน้าของนางหยางอี้หงกำลังจะดึงออก กลับถูกฝ่ามือหนาวางลงบนหัว น้ำเสียงทุ้มติดแหบเล็กน้อยของเขายังดังขึ้น“หน้ากากไม่ได้ใส่ ยังกล้าจะเปิ
“เจ้าคิดทำสิ่งใด”หยางอี้หงลนลานตอบ“ถูตัวให้ซื่อจื่อเจ้าค่ะ ปรนนิบัติอาบน้ำ”ดวงตาสองคู่สบกันนิ่ง หยางอี้หงรู้สึกลำคอแห้งผากเมื่อพบว่าดวงตาสงบนิ่งของเขาบัดนี้ยังแฝงประกายเพลิงอันร้อนแรงจนนางรู้สึกร้อนไปทั้งตัวจูชางหลางยกมุมปากเหี้ยมเกรียม“เจ้าไม่ได้คิดเป็นอย่างอื่นแน่หรือ”“ซะ ซื่อจื่อ”หยางอี้หง
ความงามของนางกำลังล่อลวงเขา ทั้งริมฝีปากเล็กจิ้มลิ้ม ทั้งยามที่นางโกหกยิ่งชวนให้เขานึกเอ็นดู ถึงนางจะเติบโตและงดงามขึ้นมา ทว่ายามที่เอ่ยโกหกนั้นกลับเหมือนเด็กหญิงตัวน้อยที่คอยเดินตามเขาไปทุกที่เฉกเช่นในวันวานทว่าเมื่อคิดขึ้นได้ว่าเรื่องของพวกเขาไม่ได้สวยงามอีกต่อไปแล้ว จูชางหลางจึงปล่อยปลายคางของนา
นางเอ่ยกับเขาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“ซื่อจื่อดึกมากแล้ว ไยไม่รีบนอนเจ้าคะ ท่านไม่ต้องห่วงคืนนี้อี้หงจะคุ้มภัยให้ซื่อจื่อสุดความสามารถเจ้าค่ะ”จูชางหลางชำเลืองมองนางเล็กน้อย หยางอี้หงยังไม่ยอมถอดหน้ากาก นางจะถอดออกเฉพาะตอนที่อาบน้ำชำระร่างกายเท่านั้นตามคำสั่งของเขาทว่าวันนี้จู่ ๆ เขาก็เอ่ยขึ้นว่า“หน้
ปีค.ศ.1970คุณนายสกุลฉางให้กำเนิดบุตรีคนแรก ผิวขาวราวหยกใบหน้าจิ้มลิ้ม ซินแสทำนายวาสนาสูงส่งยิ่งนัก ทำให้กิจการค้าขายของบิดามารดาเจริญรุ่งเรืองในยามนั้นบิดาได้หมั้นหมายเด็กหญิงเอาไว้กับบุตรชายคนโตของเพื่อนรักแห่งสกุลต้วนต้วนชางหลางเด็กชายอายุราวหกขวบกำลังจ้องมองทารกตัวน้อยที่นอนอยู่ในเปลด้วยความสน
จูชางหลางอุ้มสตรีร่างผอมขึ้นมาวางนางเอาไว้บนตักของเขาโถมร่างกายก้มกอดนางแนบแน่นจนลึกสุดหัวใจ เส้นผมของนางกลายเป็นสีขาวโพลน รวมทั้งผมของเขาเช่นกัน ยามนี้เมื่อใกล้ชิดเส้นผมขาวของคนทั้งคู่กำลังเคลียคลอซึ่งกันและกันโดยไม่อาจแยกแยะว่าเป็นผมของผู้ใดกันแน่จูชางหลางเข้าใจชีวิต มิมีผู้ใดฝืนสังขารของร่างกาย
ตอนพิเศษ ตอนที่ 1ยี่สิบปีต่อมา“ท่านตา ท่านยายแย่แล้วขอรับ”จู่ ๆ ก็มีเด็กผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาบอกเขาในเรือนสมุนไพร จูชางหลางที่กำลังนั่งยอง ๆ พร้อมกับใช้พัดโหมไฟให้ลุกโชนเพื่อต้มสมุนไพรให้กับหยางอี้หงถึงกับมือสั่นระริกทำพัดที่อยู่ในมือหลุดลงทันใดเขาวิ่งไปที่เรือนของนางอย่างรวดเร็ว หลายปีมานี้หยางอี้
มู่เหยาทอดสายตามองแผ่นน้ำเบื้องหน้าที่คล้ายกำลังเต้นรำระริกไหวไปตามแสงจันทราแล้วยิ้มงดงาม“ท่านแม่ ขอให้ท่านคุ้มครองให้ข้ามีความสุขด้วยนะเจ้าคะ”เอ่ยคำนี้แล้วนางจึงโปรยดอกไม้ลงไปเบื้องล่าง ก่อนจะเดินกลับลงมายังหมู่บ้านก่อนจะถึงทางเข้าหมู่บ้านนั่นเอง จู่ ๆ มู่เหยาก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของค
มู่เหยายิ้มไม่หุบ คำชมเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อเอาใจนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะส่งผลต่อนางเพียงนี้ "หลานชายช่างปากหวานยิ่งนัก เช่นนี้สตรีใดได้พบคงไม่อาจถอนใจได้ ด้วยใบหน้างดงามเช่นนี้ต่อไปคงทำให้สตรีเสียใจอีกหลายคน"จูอี้หลางส่ายหน้า"ข้าไม่คิดหลอกสตรีใด จิตใจของข้าจะมอบให้กับสตรีที่ข้ารักเพียงผู้เดียวเช่นท่านพ่
เมื่ออยู่กันเพียงลำพังจูชางหลางจึงเอ่ยขึ้นว่า“เจ้าได้พบนางแล้วใช่หรือไม่”จูอี้หลางพยักหน้า“ท่านพ่อ เป็นท่านแม่จริงหรือ”จูชางหลางพยักหน้า“ที่นี่ไกลจากหน้าผาที่แม่เจ้าตกลงมายิ่งนัก พ่อไม่คิดว่านางจะรอดกระทั่งมีคนของหมู่บ้านนายพรานไปพบเข้าระหว่างที่นางลอยไปตามกระแสน้ำ ท่านแม่ของเจ้าลืมทุกเรื่องไปจ
จูอี้หลางขมวดคิ้ว เขาแน่ใจว่านางย่อมคือมารดาของเขา อยากจะบอกออกไปให้รู้แล้วรู้รอดแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไร ดูเหมือนว่าสตรีนางนั้นจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างจนหมดสิ้น จูอี้หลางถอนหายใจยาวเขาต้องสนิทกับเด็กคนนี้ให้เร็วที่สุดเพื่อสืบถามเรื่องราวเอาไปบอกบิดา“แล้วพ่อแม่ของเจ้าเล่า”“ท่านพ่อท่านแม่ของข้าหรือ
"ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ต้องรีบปล่อยเขาออกจากเขตหมู่บ้านตามกฎ มิใช่จับเขามามัดเอาไว้เช่นนี้ เห็นท่าแล้วเจ้าอยากได้ม้าของเขาใช่หรือไม่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าตราประจำตัวม้าเป็นตราราชสำนัก เจ้ากำลังนำความเดือดร้อนมาให้คนในหมู่บ้านแล้ว”มู่เยี่ยนลืมคิดถึงเรื่องนี้ไป ดวงตากลมโตตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ท่านน้าของนางจ
จูอี้หลางเป็นองค์รัชทายาทผู้สูงศักดิ์ ตั้งแต่เกิดมาทุกคนล้วนนอบน้อมกับเขา นี่จึงเป็นครั้งแรกที่มีคนเรียกเขาว่าเจ้าหน้าขาว ทั้งยังกล้าจับเขามัดอย่างไม่กลัวเกรง ทว่าเห็นท่าทางน่ารักของเด็กหญิงผู้นี้แล้วเขากลับไม่นึกโกรธ ยังนึกชื่นชมในความกล้าหาญของนางด้วยซ้ำ“เช่นนั้นบอกข้ามาก่อนว่าข้าอยู่ที่ใด แล้วเจ