ตอนที่ 47 มีบางอย่างแฝง เรื่องของกัวฉู่เหอกับซ่งหยวนกลายเป็นเรื่องขบขันพูดคุยสนุกปากของคนในเมืองหลวง ทั้งตระกูลกัว ตระกูลซ่งต่างปิดประตูจวนเงียบไม่ออกมาแก้ต่างหรือให้ข้อมูลอะไร แต่กระนั้นก็ยังมีกระแสข่าวเล็ดรอดออกมา ว่ากัวฉู่เหอถูกส่งไปอยู่ชายแดนให้ท่านแม่ทัพกัวอบรม ส่วนซ่งหยวนก็ถูกส
ตอนที่ 48 ไม่เอาได้หรือไม่ หวังหรูเยว่เปิดหนังสือภาพสรุปการปลูกองุ่นด้วยความรู้สึกหวาดหวั่น หวังชิงหว่านส่งมาให้นางเมื่อเช้านี้พร้อมกับเทียบเชิญให้ไปชมต้นองุ่นที่กำลังออกช่อ แม้ใบหน้าของหวังหรูเยว่จะเรียบเฉยทว่ามือกลับสั่นเทาอย่างห้ามไม่อยู่ สาวใช้ลอบมองแล้วเอ่ยอย่างระมัดระ
ตอนที่ 49 แยกย้ายกันไปเติบโต เซียวอี้หยางตื่นแต่งกายเตรียมไปทำงานตั้งแต่เช้ามืดเช่นเคย ชายหนุ่มจัดแต่งดึงอาภรณ์ให้เรียบร้อยรอบหนึ่งก่อนจะเดินไปหอมแก้มหวังชิงหว่านที่ยังนอนอยู่บนเตียงด้วยความรักใคร่ “อืม” หญิงสาวพึมพำเบาๆ รับทราบว่าชายหนุ่มกำลังจะไปทำงานแล้ว ชายหนุ่มลุกขึ
เมื่อก่อนว่าน้องสาวคนนี้งามแล้วมาตอนนี้แฝงความเย้ายวนกลายเป็นโฉมสะคราญไร้ที่ติ ใบหน้าของหวังชิงหว่านประดับรอยยิ้มน้อย ๆ พอเข้ามาใกล้นางก็เอ่ยทักทายอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงสดใส “คารวะพี่รอง...ได้มีโอกาสต้อนรับท่านข้าดีใจยิ่งนัก” หวังหรูเยว่รู้สึกกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย นา
ตอนที่ 50 ชีวิตเรียบง่าย เซียวอี้หยางเดินเข้ามาในโรงเรือนองุ่น ใช้สายตาสำรวจครู่หนึ่งเมื่อมองเห็นร่างอรชนที่กำลังตัดแต่งกิ่งองุ่นอยู่ ก็เดินตรงเข้าไปหา กล่าวด้วยน้ำเสียงห่วงใย “แสงแดดยังเจิดจ้า...น้องหญิงไม่กลัวผิวแห้งกร้านหรือ” หวังชิงหว่านตัดกิ่งองุ่นแล้ววางลงตะก
ตอนที่ 51 สวรรค์ประทานพรท้องฟ้าแสงดาวระยิบระยับแสงจันทร์สาดส่อง สายลมราตรีพัดผ่านผ้าม่านปลิวไสว ในช่วงกระพริบตามีเงาดำสายหนึ่งเคลื่อนไหว มือของหลิวซูชะงักเล็กน้อยจากนั้นก็วางผ้าปักลงแล้วเอ่ยกับสาวใช้“พวกเจ้าไปพักเถอะ...ข้าจะเข้านอนแล้ว” สาวใช้ได้ยินเช่นนั้นก็พากันถอยออกไป แต่ไหนแต่ไรมาหลิวซ
ตอนที่ 52 ช่วงเวลางดงาม กลิ่นอายฤดูหนาวเริ่มมาเยือนอีกครั้ง ไม่เพียงแต่องุ่นของหวังชิงหว่านออกดอกออกผลเต็มสวน มันฝรั่งก็มีเรื่องราวให้ติดตาม ฮ่องเต้ตั้งชื่อให้ใหม่ว่า อี้โถว หลังจากได้ทดลองปลูกจนมั่นใจแล้วก็นำไปให้เหล่าขุนนางได้ชื่นชมในท้องพระโรง ขันทีหันมันเผาเป็นชิ้นเล็ก ๆ
หลี่ซูอิน นางเป็นเพียงหญิงสาวชาวบ้านสามัญทว่ากลับเป็นยอดสตรีที่ลือเลื่องทั้งด้านรูปโฉมและความสามารถช่วงชีวิตของนางเต็มไปด้วยความตื่นเต้นทั้งมีวาสนาและไร้วาสนาสูงสุดต่ำสุดและก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดก้าวกระโดดไปมาครั้งได้เกิดใหม่สิ่งที่ต้องหาใช่ลาภยศคือ ความเรียบง่าย สุขตามสถานะหลี่ซูอิน หญิงสาวสา
ผลประกาศทำให้ เด็กสาวตาแดงกร่ำด้วยความดีใจ ครอบครัวก็กล่าวขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า สักพักก็มีเจ้าหน้าเชิญไปยืนหลักฐานที่โต๊ะข้าง ๆ ให้กรอกข้อมูลเป็นบัณฑิตน้อยของสำนักศึกษาต่อไป เมื่อมีคนสมหวังก็ต้องมีคนไม่สมหวัง เสียงยินดีผิดหวังคละปนกันไป กว่าจะครบตามจำนวนก็ทำให้เจ้าหน้าของสำน
ฮองเฮาทราบเรื่องที่องค์หญิงใหญ่จัดงานชมบุปผาขึ้น แม้จะทรงทราบว่าหญิงสาวมีแผนการบางอย่างแต่ก็ไม่ทรงห้ามปราม เพียงแค่ตรัสเตือนเล็กน้อย “องค์หญิงใหญ่ อย่าทรงทำสิ่งใดร้ายแรงเกินไปได้หรือไม่” “ตอนนี้เสด็จพ่อไม่โปรดลูก แต่ก็ไม่ทรงห้ามให้ลูกจัดงานเลี้ยงกระมัง” ฮองเฮาวางจอกชา
จงถังแทบอยากจะเอามือปิดหน้าร้องไห้ ท่านอ๋องท่านจะเก็บอาการบ้างได้หรือไม่ ไม่ว่าผู้ใดได้เห็นรอยยิ้มนี้ย่อมราวถูกมนต์สะกด ซูอินเองก็ไม่หลุดพ้นในการถูกล่อลวงครั้งนี้ นางไม่อาจจะเฉไฉได้อีกว่ารอยยิ้มนั้นยิ้มให้นาง เฉิงอ๋องรู้สึกว่าตนเองออกอาการมากเกินไป จึงรีบตวัดชายเส
แสงยามอรุณฉายส่องเข้ามาบริเวณบ้าน เป็นยามปกติที่ครอบครัวจะร่วมทานข้าวเช้าด้วยกัน สวีซื่อมองบุตรสาวคนเล็กด้วยสายตาปลื้มปริม ทว่ายังแฝงความกังวลใจ “ซูเอ๋อร์ เจ้าต้องไปงานเลี้ยงในวัง เงินขายภาพวาดที่ขายได้ครั้งที่แล้วยังมีเหลือ เจ้าเอาไปซื้ออาภรณ์เครื่องประดับ ถึงไม่อาจสู้เหล่าคุณหนูสูงศั
หลายวันที่ผ่านมา เสิ่นอินได้ตระหนักถึงความสำคัญของการเป็นคนผู้มีอำนาจ แม้กระทั่งบิดานางเสนาบดีเสิ่นผู้ยิ่งใหญ่ยังผูกไมตรีองค์รัชทายาท นางเองก็ย่อมมีหนทางของตนเองเช่นเดียวกัน “ดี...หลังจากวันนี้เจ้าจงมาฝึก 4 จรรยาต้องไม่บกพร่อง” ภายในใจเสิ่นอินกำลังเคร่งเครียด พอได้ยินเช่นนี้ก็ผ
ชีวิตที่เรียบง่ายหาใช่หาได้ง่าย แม้ในภายในใจผู้คนล้วนหาใช่สงบดั่งสายลมใบไม้ผลิ ตำหนักฮองเฮา กัวฮองเฮาหลุบตาเล็กน้อยก่อนจะตรัสเตือนบุตรชาย “องค์รัชทายาท ช่วงนี้ได้กระทำสิ่งใดที่ไม่ได้บอกกล่าวแม่หรือไม่” จอกชาในมือรัชทายาทหยุดชะงักเล็กน้อย พระองค์ยิ้มละมุมพร้อมตรัสเสียงอ
เมื่อทุกคนลงจากรถม้ากำลังจะเตรียมเดินขึ้น วัดแห่งนี้มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก จึงมีบรรดาคุณหนูฮูหยินและชาวบ้านมากหน้าหลายตาพากันมากราบไหว้ขอพร จางซูอินมองเห็นกู้ฟางเสียนยืนปะปนอยู่กับชาวบ้านที่ถอยห่างรอให้พวกนางเดินขึ้นไปก่อน ชายหนุ่มประครองสตรีวัยกลางคนผู้หนึ่งอยู่ หญิงสาวคาดว่าจะเป็นมารดา
เสิ่นอินมองออกไปเห็นเพียงแผ่นหลังของชายหนุ่ม นางพยักหน้าเห็นด้วยกับเสิ่นอิน อย่างไรก็ควรต้องลงไปคารวะ สวีซื่อมองดูเฉิงอ๋องอย่างตกตะลึง นางจำได้ว่าบุคคลตรงหน้าเป็นแม่ทัพที่นำทัพกลับเมืองหลวงหลังชนะศึก แม้จะมองเห็นไกล ๆ นางก็จำได้ไม่ลืม แม่ทัพปีศาจ เทพสงคราม บุรุษที่ใบหน้าดุจกับเทพบุตรทว
ครอบครัวสกุลจางตื่นตั้งแต่เช้า วันนี้เหล่าสตรีตั้งใจจะไปไหว้พระขอพรที่วัดเส้าหลาง “ซูเอ๋อร์ เจ้าบอกแม่ว่าคุณหนูเสิ่นจะไปไหว้พระด้วยใช่หรือไม่” “ท่านแม่ ไม่เพียงคุณหนูเสิ่น องค์หญิงก็จะเสด็จด้วยเจ้าค่ะ” สวีซื่อเอามือทาบอกเล็กน้อย แม้กระทั่งตอนนี้นางก็ยังไม่สามารถทำตั