ตอนที่ 16 คุ้มครอง หวังชิงหว่านยังคงมีท่าทีเย็นชาต่อเซียวอี้หยางจนกระทั่งขึ้นรถม้า เสียงถอนหายใจดังขึ้น “เฮ้อ!! สิ้นสุดเสียที” เซียวอี้หยางยิ้มระคนเอ็นดูเอ่ย “ตระกูลใหญ่ช่างมีเรื่องราวซับซ้อน...วันเวลาของน้องหญิงที่ผ่านมาไม่ง่ายเลย” หวังชิงหว่านยิ้มมุมปา
จากนั้นพวกเขาก็พูดปรึกษาหารือบางอย่าง หลังพูดธุระเสร็จ จางเคอก็เอ่ยถาม “ชีวิตหลังแต่งงานเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” พลันแววตาของเซียวอี้หยางก็อ่อนโยนขึ้นกล่าว “พรุ่งนี้ข้าต้องไปทำงานแล้ว...พวกเจ้าจัดคนฝีมือดีคอยคุ้มกันให้นางด้วยสักสองคน”เกาเวินกล่าว “ไม่ใช่เจ้าว่าจ้างสำนักคุ้มภัยแล้วหรือ?”“อีกไม่วัน
ตอนที่ 17 พร้อมเกษียณ หวังชิงหว่านไม่อาจปล่อยตัวหมกมุ่นไปกับกามโลกีย์ นางรีบกินแล้วเอาของไปเก็บ ตะวันคล้อยต่ำเซียวอี้หยางยังไม่กลับมา...หวังชิงหว่านจึงออกมาเดินเล่นนางเดินไปสักพักก็มาถึงเรือนหลังเล็กที่เป็นที่อยู่ของฮูหยินผู้เฒ่า รอบ ๆ เรือนมีเล้าไก่และแปลงผักสำหรับครอบครัวพ
ตอนที่ 18 ได้ตามใจ “อ่ะ...ท่านพี่พรุ่งนี้ท่านต้องไปทำงานนะ”“ก็ถูกต้องแล้ว...พรุ่งนี้ไม่ใช่ตอนนี้เสียหน่อย...คืนนี้ข้าอยู่กับเจ้าทั้งคืน”เสียงประตูปิดลงพร้อมกับเสียงหยอกเย้าของคนทั้งสอง สักพักก็กลายเป็นเสียงครางกระเส่าของหญิงสาว“ท่านพี่เบา ๆ หน่อยผู้อื่นอาจจะยังไม่นอน”“มิใช่...ก่อนหน้าเจ้าบอกให
ตอนที่ 19 ล้วนเป็นแผน หวังชิงหว่านลืมตาขึ้นมาไม่เห็นเซียวอี้หยางอยู่ข้างกาย พลันจำได้ว่าอีกฝ่ายจะต้องไปทำงานจึงลุกขึ้นสวมเสื้อคลุมแล้วเดินไปยังห้องหนังสือ เห็นชายหนุ่มกำลังอ่านเอกสารบางอย่าง เซียวอี้หยางได้ยินฝีเท้ากำลังเดินเข้าจึงเงยหน้าขึ้นยิ้มอย่างอ่อนโยนกล่าว “เหตุใดถึงได
เซียวอี้หยางเบิกตากว้างด้วยความยินดี ครั้งนี้เขาได้มีโอกาสได้สร้างผลงานแล้วรีบกล่าว “ข้าน้อยมิกล้า...ขอบคุณท่านพ่อตาที่ให้โอกาสขอรับ” หวังลู่หานผงกศีรษะเล็กน้อยกล่าว “ในเมื่อเป็นคนในครอบครัวเดียวกันก็ย่อมต้องส่งเสริมกัน...หว่านเอ๋อร์...นางเป็นอย่างไรบ้าง...” พอนึกถึงภรรยาแววตา
ตอนที่ 20 แค่นึกสนุก หากหวังชิงหว่านรับรู้ความคิดของแม่สามีคงจะอยากบอก ไม่มีใครมีเวลามาใส่ใจผู้อื่นขนาดนั้น ทุกคนล้วนต้องทำมาหากิน ทว่าคนที่ใช้ชีวิตมาครึ่งทางแล้วหากจะอธิบายให้เปลี่ยนความคิดอาจจะเสียเวลาเปล่าประโยชน์ หวังชิงหว่านเดินออกห่างมากจากลู่อันกับลี่อินก็เอ่ยขึ้น
หวังชิงหว่านเอียงคอเล็กน้อยกล่าว “งั้นก็ไปกันเถอะ” “อืม” เซียวอี้หยางรับคำพร้อมกับจูงมือฮูหยินของตนเองเดินออกไป บนระเบียงหอโรงน้ำชาอี้กง ยังมีกลุ่มคนหนึ่งจับจ้องมองหวังชิงหว่านกับสามีเช่นกัน “ตายจริง!! นั่นไม่ใช่น้องเจ็ดของเจ้าหรือ” สตรีในชุดอาภรณ์เขียวผ้าไหมหรูหราผู้หนึ่งเ
ผลประกาศทำให้ เด็กสาวตาแดงกร่ำด้วยความดีใจ ครอบครัวก็กล่าวขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า สักพักก็มีเจ้าหน้าเชิญไปยืนหลักฐานที่โต๊ะข้าง ๆ ให้กรอกข้อมูลเป็นบัณฑิตน้อยของสำนักศึกษาต่อไป เมื่อมีคนสมหวังก็ต้องมีคนไม่สมหวัง เสียงยินดีผิดหวังคละปนกันไป กว่าจะครบตามจำนวนก็ทำให้เจ้าหน้าของสำน
ฮองเฮาทราบเรื่องที่องค์หญิงใหญ่จัดงานชมบุปผาขึ้น แม้จะทรงทราบว่าหญิงสาวมีแผนการบางอย่างแต่ก็ไม่ทรงห้ามปราม เพียงแค่ตรัสเตือนเล็กน้อย “องค์หญิงใหญ่ อย่าทรงทำสิ่งใดร้ายแรงเกินไปได้หรือไม่” “ตอนนี้เสด็จพ่อไม่โปรดลูก แต่ก็ไม่ทรงห้ามให้ลูกจัดงานเลี้ยงกระมัง” ฮองเฮาวางจอกชา
จงถังแทบอยากจะเอามือปิดหน้าร้องไห้ ท่านอ๋องท่านจะเก็บอาการบ้างได้หรือไม่ ไม่ว่าผู้ใดได้เห็นรอยยิ้มนี้ย่อมราวถูกมนต์สะกด ซูอินเองก็ไม่หลุดพ้นในการถูกล่อลวงครั้งนี้ นางไม่อาจจะเฉไฉได้อีกว่ารอยยิ้มนั้นยิ้มให้นาง เฉิงอ๋องรู้สึกว่าตนเองออกอาการมากเกินไป จึงรีบตวัดชายเส
แสงยามอรุณฉายส่องเข้ามาบริเวณบ้าน เป็นยามปกติที่ครอบครัวจะร่วมทานข้าวเช้าด้วยกัน สวีซื่อมองบุตรสาวคนเล็กด้วยสายตาปลื้มปริม ทว่ายังแฝงความกังวลใจ “ซูเอ๋อร์ เจ้าต้องไปงานเลี้ยงในวัง เงินขายภาพวาดที่ขายได้ครั้งที่แล้วยังมีเหลือ เจ้าเอาไปซื้ออาภรณ์เครื่องประดับ ถึงไม่อาจสู้เหล่าคุณหนูสูงศั
หลายวันที่ผ่านมา เสิ่นอินได้ตระหนักถึงความสำคัญของการเป็นคนผู้มีอำนาจ แม้กระทั่งบิดานางเสนาบดีเสิ่นผู้ยิ่งใหญ่ยังผูกไมตรีองค์รัชทายาท นางเองก็ย่อมมีหนทางของตนเองเช่นเดียวกัน “ดี...หลังจากวันนี้เจ้าจงมาฝึก 4 จรรยาต้องไม่บกพร่อง” ภายในใจเสิ่นอินกำลังเคร่งเครียด พอได้ยินเช่นนี้ก็ผ
ชีวิตที่เรียบง่ายหาใช่หาได้ง่าย แม้ในภายในใจผู้คนล้วนหาใช่สงบดั่งสายลมใบไม้ผลิ ตำหนักฮองเฮา กัวฮองเฮาหลุบตาเล็กน้อยก่อนจะตรัสเตือนบุตรชาย “องค์รัชทายาท ช่วงนี้ได้กระทำสิ่งใดที่ไม่ได้บอกกล่าวแม่หรือไม่” จอกชาในมือรัชทายาทหยุดชะงักเล็กน้อย พระองค์ยิ้มละมุมพร้อมตรัสเสียงอ
เมื่อทุกคนลงจากรถม้ากำลังจะเตรียมเดินขึ้น วัดแห่งนี้มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก จึงมีบรรดาคุณหนูฮูหยินและชาวบ้านมากหน้าหลายตาพากันมากราบไหว้ขอพร จางซูอินมองเห็นกู้ฟางเสียนยืนปะปนอยู่กับชาวบ้านที่ถอยห่างรอให้พวกนางเดินขึ้นไปก่อน ชายหนุ่มประครองสตรีวัยกลางคนผู้หนึ่งอยู่ หญิงสาวคาดว่าจะเป็นมารดา
เสิ่นอินมองออกไปเห็นเพียงแผ่นหลังของชายหนุ่ม นางพยักหน้าเห็นด้วยกับเสิ่นอิน อย่างไรก็ควรต้องลงไปคารวะ สวีซื่อมองดูเฉิงอ๋องอย่างตกตะลึง นางจำได้ว่าบุคคลตรงหน้าเป็นแม่ทัพที่นำทัพกลับเมืองหลวงหลังชนะศึก แม้จะมองเห็นไกล ๆ นางก็จำได้ไม่ลืม แม่ทัพปีศาจ เทพสงคราม บุรุษที่ใบหน้าดุจกับเทพบุตรทว
ครอบครัวสกุลจางตื่นตั้งแต่เช้า วันนี้เหล่าสตรีตั้งใจจะไปไหว้พระขอพรที่วัดเส้าหลาง “ซูเอ๋อร์ เจ้าบอกแม่ว่าคุณหนูเสิ่นจะไปไหว้พระด้วยใช่หรือไม่” “ท่านแม่ ไม่เพียงคุณหนูเสิ่น องค์หญิงก็จะเสด็จด้วยเจ้าค่ะ” สวีซื่อเอามือทาบอกเล็กน้อย แม้กระทั่งตอนนี้นางก็ยังไม่สามารถทำตั