แม่เฒ่าสกุลลู่ปาดน้ำตาที่หางตาเล็กน้อย แม้ผ้าไหมที่ขายในเมืองหลวงจะมีราคาสู่ลิ่วแต่พวกนางกลับได้ค่าตอบแทนเพียงเล็กน้อย หลายครอบครัวที่ปลูกหมอนเลี้ยงไหมก็ถอดใจกับรายได้ เปลี่ยนอาชีพกันไปหลายครอบครัวแล้ว หากส่งต่อให้ร้านผ้าโดยตรงรายได้มากขึ้นความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่ย่อมดีขึ้นแน่นอน เม
ต้าเหยากำลังจะเอ่ยปาก “บุรุษกับสตรีมิควรอยู่ตามลำพัง”ด้วยความซุกซนของนางก็กลืนคำพูดลงไป การได้อยู่กับบุรุษงดงามเฉกเช่นเฉิงอ๋องคุ้มค่าแล้ว พลันดวงตาของนางสว่างวาบเบิกกว้างขึ้นมา หันมากุมมือเสิ่นอินเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสนอกสนใจเป็นพิเศษ “ท่านอ๋องกับซูอิน...เอ่อตั้งแต่เมื่อไรกัน..แล้ว..แล
ข้อยึดมั่นข้อนี้ของตระกูลหวัง เฉิงอ๋องใคร่ครวญมาแล้วย่อมไม่ทำให้อีกฝ่ายลำบากใจ “อีกไม่นานฝ่าบาทจะมีสมรสพระราชทานองค์หญิงใหญ่กับบุตรชายของท่าน ข้าแค่หวังว่าท่านจะยินดีกับราชโองการนี้” มือของหวังปินกำหมัดแน่นขึ้น หลายปีที่ผ่านมาเขากับบุตรชายล้วนอยู่ที่สนามรบไม่รู้ว่าวันใดดาบ
เมื่อได้ยินเสียงรถม้า บ่าวรับใช้คนสนิทของเสนาบดีเสิ่นก็สะดุ้งตัวชะเง้อมองทันที เมื่อเห็นว่าเป็นรถม้าจากในวังก็รีบวิ่งเข้าไปในจวน รถม้าเคลื่อนที่ไม่รีบไม่เร่งไม่นานก็มาจอดสนิทหน้าจวน คนเฝ้าประตูรีบนำเก้าอี้เหยียบไปวางปฏิบัติคนในรถม้าอย่างนอบน้อม พอเสิ่นอินปรากฏกายก็เหมือนพื้นที่ล้อมรอบสว่างจ้า
จิตใจหวั่นไหวขึ้นมาชั่วขณะ นางกลืนคำนั้นลงคอ โค้งศรีษะขออภัยเล็กน้อยแล้วเดินออกมา หญิงสาวเปลี่ยนเส้นทางเดินจากถนนสายหลัก เดินเลียบเลาะไปตามแม่น้ำ ตอนนี้เป็นช่วงเช้าท้องฟ้าปลอดโปร่งหญิงสาวหลายคนก็ออกมาซักผ้าตักน้ำ วิถีชีวิตของชาวบ้านที่เรียบง่ายทำให้ความรู้สึกหนักอึ้งของซูอินเริ่มผ่อนคลาย
จางซูอินกลับมาถึงบ้านด้วยอารมณ์ที่สับสนปนเป หลังจากปรับเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็รีบไปยังสำนักศึกษา ในตอนนี้ทำงานอาจจะช่วยทำให้ใจสงบขึ้น เมื่อไปถึงได้ยินเสียงของเฉิงอ๋องกำลังกล่าวชี้แนะศิษย์ ดังแว่วออกมาคล้ายเหตุการณ์เมื่อสักครู่จะเป็นเพียงฝันไป สิ่งที่เคลื่อนไหวรอบกายยังคงปกติ นางก็ควรปฏิบัติตนเอ
ยามบ่ายในสำนักศึกษา จะมีลูกศิษย์เข้ามาขอคำชี้แนะกับเหล่าซื่อฝู ย่อมมีเสียงแว่วพูดคุยกันตามห้องต่าง ๆ ได้ยินอยู่รำไร มีเพียงห้องพักของเฉิงอ๋องที่เงียบสงบปราศจากเสียงพูดคุย “ท่านอ๋อง คุณหนูจางกับคุณชายกู้ ขอเข้าพบขอรับ” ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะส่งสายตาบอกให้พวกเขาเข้าม
ในขณะเดียวกัน ที่สกุลกู้กลับไม่สงบ ชาวนาหลายครัวเรือนได้ยินข่าวที่กู้ฟางเสียนจะรับซื้อเมล็ดพันธ์หญ้าลิ้นฟ้า พวกเขาไปสอบถามชายหนุ่มตั้งแต่อยู่ที่ท้องนา จึงได้แจ้งทุกคนให้ไปลงชื่อที่เรือน “ลุงโจ เหตุใดท่านเก็บเมล็ดพันธ์ไว้เยอะเพียงนี้ขอรับ” กู้ฟางเสียนถามขึ้นพร้อมมองตาชั่ง เมล็ดพ
“งดงามยิ่งนัก” จางซูอินพูดขึ้น “ในทุกปี…ฤดูหนาวเราจะมาที่นี่ดีหรือไม่” “ฮืม…” จางซูอินซบลงอกของชายหนุ่มด้วยท่าทางอ่อนคลาย แสดงความรักความสุขล้นออกมา เฉิงอ๋องโอบกอดหญิงสาวด้วยความอ่อนโยนก่อนใบหน้าก้มลงไป จางซูอินปิดเปลือกตาลง เคลิบเคลิ้มไปกับจูบอันอ่อนโยนของชา
เมื่อม่านราตรีโรยตัวลงมา เฉิงอ๋องก็ยังอดใจไม่ไหวไปเยือนห้องพักของจางซูอิน เมื่อบ่าวไพร่ปิดประตูออกจากห้อง เขาจึงปรากฏกาย แม้เฉิงอ๋องจะมาอย่างไร้สุ่มเสียงแต่คล้ายจางซูอินจะรู้ตัวอยู่ก่อนแล้ว นางชำเลืองมองชายหนุ่ม ใบหน้าระบายยิ้มบาง ๆ “ข้าเพียงอยากเจอหน้าเจ้าก่อนนอน” เ
หญิงสาวปรายตามองดูในตะกร้าจึงพูดขึ้น “ข้าซื้อทั้งหมดนี่ ท่านคิดราคามาได้เลย” พ่อค้าเห็นจางซูอินรับทั้งหมดก็ยิ้มหน้าบานดีใจ แต่สักพักใบหน้าชายหนุ่มกลับจืดขึ้นแล้วพูดว่า “คุณหนู ปลาพวกนี้รสชาติทานลำบากอยู่บ้าง ท่านจะลองซื้อไปทำทานดูสักตัวสองตัวก่อนดีหรือไม่” จาง
ผู้ที่ตื่นเต้นในการเดินทางครั้งนี้มากกว่าผู้ใดก็คือ เฉิงอ๋องเทพแห่งสงครามของแคว้นต้าเว่ย หลังจากนี้ทุกวันคืนเขาจะได้อยู่ร่วมกับซูซู เขาสั่งให้จงถังจัดเตรียมทุกอย่างด้วยตนเอง จนเมื่อถึงออกเดินทาง รถม้าหรูหราคันใหญ่มาจอดรอรับจางซูอินหน้าสกุลจางตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่
ตอนที่ 50 โกรธเป็นโง่ โมโหเป็นบ้า หลังราชโองการออกมา ผู้ที่ได้รับคำสั่งก็ต่างเตรียมตัวออกเดินทาง บรรยาศครื้นเครงต่างจากตำหนักบูรพาที่แม้กระทั่งเงาของก้อนเฆมก็ดูอึ้มครึมมากกว่าปกติ พระชายาเสิ่นจือ บีบผ้าในมือปิดจนเป็นเกลียวนางกัดริมฝีปากจนแทบจะเป็นแผล องค์รัชทายาทไม่ได้รับราชโ
หลังจากมื้อเที่ยงต้าเหยาก็เข้าวังทันที เมื่อไปถึงนางก็ไปคารวะพระสนมลู่ผินก่อน “พระมารดา ข้าคิดถึงท่านจังเลย” พระสนมลู่ลูบศรีษะต้าเหยาเบา ๆ พลางเอ่ยถามไถ่ เห็นสีหน้าแววตาของต้าเหยาเปล่งประกายเต็มไปด้วยความสุข ก็วางใจอย่างอบอุ่น หลังจากพูดคุยกัน ต้าเหยาก็บอกเล่าว่านางจะมา
ยามเช้าในต้นฤดูหนาวแสงแดดยังคงเจิดจ้า ฤดูการเปลี่ยนแปลงผู้คนก็ต้องการปรับเปลี่ยนการดำรงชีวิต เสียงพูดคุยหัวเราะดังแว่วมาจากในครัว จางซูอินเอียงหูฟังอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะลุกล้างหน้าล้างตา เมื่อคืนเฉิงอ๋องอ้อยอิ่งอยู่ห้องนางไม่ยามจากไปทำให้นางนอนไม่เต็มอิ่มเท่าไรนัก หญิงสาวเลือกช
จางซูอินล้างหน้าเปลี่ยนอาภรณ์เมื่อเดินออกมาจากฉากกั้นก็เห็นร่างสูงโปรงอันคุ้นเคยนั่งอยู่บนโต๊ะน้ำชาด้วยท่าทางสบาย “ท่าน..เหตุใดมาอยู่ที่นี่” เฉิงอ๋องยิ้มให้หญิงสาวอย่างอ่อนโยน เขาลุกขึ้นพลางเอาเสื้อคลุมขนสัตว์ห่อหุ้มกายของหญิงสาวพร้อมอธิบายอย่างใจเย็น “เจ้าเคยขอให้ข้าพาไป
สวี่ซื่อจัดการให้สาวใช้ไปตั้งแผงขายขนมส่วนตนเองก็ยังคงไปทำงานที่ร้านลู่เหยาเช่นเดิม จางซูอินก็ไม่ได้ห้ามปรามหรือให้แม้กระทั่งแสดงความคิดเห็น นางเพียงเฝ้ามองและคอยสนับสนุนเพียงเท่านั้น อากาศเริ่มเย็น หิมะเริ่มโปรยปราย จางเจินก็ถึงคราวยามออกเรือน แม้สกุลจางจะเป็นเพียงชาว