กองถ่ายละคร “แค้นรักนางพญา”
เมื่อไป๋หรงมาถึงกองถ่าย ขนาดที่กำลังย่างกายเข้ามา ทุกคนล้วนต่างตกตะลึง ทั้งท่าทางกริยา การขยับกายแต่ละครั้งล้วนยั่วยวนมีเสน่ห์แพรวพราว คล้ายไม่ใช่ไป๋หรงคนเดิม
ทว่าทุกคนต่างคิดเป็นเสียงอันเดียวกันว่า ปกติไป๋หรงก็สวยมากอยู่แล้ว เป็นเพราะไม่ได้เจอกันนานจึงตกตะลึงกันไปเอง และเดี๋ยวเข้าฉากความสวยความสง่าของดาราคนอื่นก็บดบังนางเช่นเคย
“สวัสดีค่ะ สวัสดีค่ะ ไป๋หรงขอโทษทุกคนด้วยนะคะ”
ไป๋หรงสวัสดีทุกคนพร้อมกล่าวขอโทษ เพราะมีมารยาทเช่นนี้พอทำให้ทุกคนเมตตานางอยู่บ้าง
ด้วยใบหน้างดงามโดดเด่น ไป๋หรงจึงได้รับบทเป็นเจ้าอี๋พระสนมเอก บทเพียงบทเล็กๆ ที่คอยสืบข่าวและกระพือข่าวให้นางร้ายตัวจริงกุ้ยเฟยที่คอยทำร้ายนางเอกองค์ฮองเฮา
วันนี้เป็นเพียงฉากเล็กๆ ที่เหล่าสนมร่วมวงดื่มน้ำชาปะทะคารมกันเล็กน้อย
แอ็คชั่น!!
พอทุกคนเริ่มเข้าฉาก มองผ่านจอวีดีโอ วันนี้ไป๋หรงมีออร่ายิ่งกว่าองค์ฮองเฮาเสียอีก กริยาละเมียดละไมดื่มชานั้น และเอียงคอพูดคุย น้ำเสียงใสกระจ่างละมุนละไม
ทุกคนต่างคิดในใจ วันนี้ไป๋หรงเปลี่ยนไปมากจริง จนทำให้ผู้กำกับจางลี่ เกิดความคิดที่ว่าหรือฉากอื่นๆ จะถ่ายทำใหม่ จึงได้หันไปหาผู้ช่วยผู้กำกับช่วยดูว่าจะมีฉากไหนที่สามารถใช้การแต่งกายวันนี้ถ่ายใหม่ได้ แต่ถ้าจะบอกไป๋หรงตรงๆ ว่าแสดงดีขึ้นจึงอยากถ่ายซ่อม ไม่อยากเอ่ยเช่นนั้น แต่เมื่อคิดข้ออ้างได้ยิ้มมุมปากทันที
คัท!! เยี่ยมมากครับ
“ไป๋หรงพอดีช่วงที่คุณป่วยผมได้ดูฉากการแสดงของคุณหลายฉาก ผมขอซ่อมใหม่ฉากที่คุณโดนเสียนเฟยสั่งนางกำนัลตบปาก บทอยู่ตรงนี้ ผมให้เวลาเตรียมตัว 30 นาที”
ไป๋หรงเป็นเพียงดาราเล็กๆ ไม่จำเป็นที่ผู้กำกับจางลี่ต้องพูดเกรงอกเกรงใจอะไร อยากสั่งอะไรก็สั่งไป๋หรงทำได้เพียงยอมรับเท่านั้น
“ขอโทษที่ทำให้ต้องวุ่นวายอีกครั้งนะคะ ถ้าอย่างนั้นฉันขอไปเตรียมตัวก่อนค่ะ”
สำหรับฉากนี้เพียงแค่นางกำนัลย่อม พอสั่งไป๋หรงเสร็จผู้กำกับขอเข้าไปขอให้จือเซ่อที่รับเสียนเฟย นักแสดงหญิงดาวรุ่งเข้าฉากนี้อีกครั้ง
เมื่อทุกคนพร้อม
ไป๋หรงนั่งคุกเข่าอยู่หน้าตำหนัก เสียนเฟยแค้นเจ้าอี้จึงหาทางกลั่นแกล้งและตบตีเท่านั้น เดิมทีฉากนี้ไม่มีอะไร ไป๋หรงเพียงแค่โวยวายแสดงอาการโกรธแค้นรุนแรงเท่านั้นก็พอ
แต่เมื่อเป็นไป๋หรงคนใหม่กลับไม่แสดงเพียงเท่านั้น เธอไม่ได้ร้องโวยวายเพียงแต่มีเสียงร้องครางเจ็บเบาๆ ร่างกายที่กระตุกแสดงอาการเจ็บปวดตามแรงตบของนางกำนัล แววตาที่แสดงความโกรธเดือดดาล ความเจ็บความแค้นที่สามารถทำอะไรอีกฝ่าย ทำให้คนที่จ้องมองรู้สึกหนาวได้เลย
คัท!!!
เสียงตบมือให้กับการแสดงอันยอดเยี่ยมของไป๋หรง
และฉากนี้เองก็ทำให้ไป๋หรงมีชื่อเสียงขึ้นมาในทันที
ติ้ง
เสียงข้อความแจ้งว่ามียอดเงินเข้า หลังจากถ่ายทำเสร็จยอดเงินที่หักไว้ 20% ก็คงโอนเข้าบัญชี เมื่อไป๋หรงถอนหายใจโล่งอกเงินที่เหลืออยู่ในบัญชีมีน้อยเกินทน เมื่อหยิบมือถือขึ้นมาดู
“50,000 หยวน” ก็ทำให้เธอหายใจคล่องขึ้น
เงินจำนวนนี้สามารถทำให้เธออยู่ได้อีกประมาณ 2-3 เดือน ใช้ประหยัดหน่อยก็พอ แต่อย่างไรปกติเธอจะมีงานแสดงเข้ามาเรื่อยๆ เพราะแบบนี้เธอจึงไม่คิดจะเรียนและหางานที่มั่นคงทำ เรื่องนั้นคือเมื่อก่อน ตอนนี้เธอเปลี่ยนไปแล้ว
ไป๋หรงลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว วันนี้เธอจะต้องไปสมัครเรียน ม.ปลาย นี้ก็ช้ามาแล้ว 3-4 ปี เธอจะช้ากว่านี้ไม่ได้
เธอตัดสินใจเข้าเรียนโรงเรียนการศึกษาภาคพิเศษ เรียนวันเสาร์ - อาทิตย์ อย่างน้อยก็ยังมีเวลาทำงานร่วมได้
เมื่อสมัครเรียนเรียบร้อย ไป๋หรงก็ไปหาที่เรียนพิเศษภาษาอังกฤษต่อ แม้ไป๋หรงเป็นดาราที่ไม่โด่งดังแต่ด้วยผิวพรรณหน้าตาเธอค่อนข้าง โดดเด่นและย่อมเป็นสนใจของนักเรียนในนั้น
เจ้าหน้าที่รับสมัครจดจำ ไป๋หรงได้ทันที แต่ไม่ได้แสดงอาการดีที่ได้เจอดารา ก็แค่ดารานางร้ายคนหนึ่ง แต่มารยาทการต้อนรับการแสดงออกยังคงไม่ขาดตกบกพร่องเพราะเธอเป็นลูกค้าต้องดูแลให้ดีที่สุด
ไป๋หรงยิ้มอย่างพอใจ หลังจากสมัครเรียนทุกอย่างเรียบร้อยเธอ เธอพักกินข้าวกลางวันง่ายๆ ขัดกับเมื่อก่อนเธอจะเข้าร้านหรูแต่ละมื้อเธอไม่ต่ำกว่า 100 หยวน เงินทองที่หามาได้จึงไม่ค่อยมีเก็บ
B2H ร้านเครื่องเขียนที่ใหญ่ที่สุดในเมืองอี้จง
ไม่ว่าจะยุคสมัยไหน อุปกรณ์เครื่องเขียนก็ยังมีราคาสูงอยู่ เราต้องคำนวณค่าใช้จ่ายดีๆ หลังจากที่จ่ายค่าเรียนไปแล้วตอนนี้ก็มีเงินเหลือเพียง 35,000 หยวนเท่านั้น ถ้าใช้ซื้ออุปกรณ์ทั้งหมดจะเหลือเงินเพียงหมื่นกว่าหยวนเท่านั้น
ค่าอยู่ค่ากินไม่เท่าไรยังพอประหยัดได้ เพียงแต่ยังมีค่าผ่อนคอนโดเธออีก 5 พันกว่าหยวน อีก 1 เดือนถ้าไม่สามารถหารายได้เพิ่มต้องแย่แน่นอน เธอคำนวณผิดพลาด ไม่อย่างนั้นก็จะยังไม่สมัครเรียนภาษาก่อน หญิงสาวขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่สักพักก็หาทางออกได้ เธอยังมีสมบัติอยู่บ้าง จึงตัดสินใจก็ซื้ออุปกรณ์ทั้งหมดเลย
หลังจากจ่ายเงินเสร็จ อุปกรณ์ทั้งหมดร้านจะจัดส่งให้เธอพรุ่งนี้ ตอนนี้พึ่งจะ 15.00 น. ยังไม่ทันมืดค่ำแวะไปที่หอศิลป์แกลเลอรีสมัยนี้เป็นแนวทาง สร้างสรรค์ผลงานเธอบ้าง
สมกลับเป็นหอศิลป์ร่วมสมัย ภาพวาดมีหลากหลายรูปแบบ ไป๋หรงเดินชมงานศิลปะจากเหล่าศิลปินอย่างเพลิดเพลิน บางจุดนิทรรศการ เหมือนเธอได้หลุดเข้าไปสู่โลกเมื่อครั้งเป็นฮองเฮา
ไป๋หรงเดินเพลินจนถึงเวลาปิดหอศิลป์ 20.00 น. เธอขึ้นรถไฟกลับคอนโดและซื้ออาหารกลับไปทานอย่างเรียบง่าย หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเธอก็เปิดตู้นำกระเป๋าแบรนด์ต่างๆ ออกมาไล่เรียงดูว่าใบไหนสามารถขายได้บ้าง
“Souis Voitton” กระเป๋าสะพายข้างใบๆ เล็กๆ แต่ราคาที่เธอซื้อมาแสนกว่าหยวน ใบนี้เธอรักมากแต่น่าจะไม่เหมาะสมกับฐานะของเธอตอนนี้ ขายใบนี้ล่ะกัน คงจะได้เงินมาต่อทุนไม่ต่ำกว่าห้าหมื่นหยวน
ตอนนี้ยังไม่ดึกเท่าไรนักลองโทรหาพี่เฟยเฟย ดูก่อน
“ฮืม” เสียนขานรับโทรศัพท์จากพี่เฟย เฟย แบบขอไปทีแต่ในใจของไป๋หรงกลับถอนใจโล่งอกเพราะอย่างน้อยก็รับโทรศัพท์จากเธอ เพราะก่อนหน้านี้เธอชอบโทรไปวีนและโวยวายตอนดึกหลายครั้งทำให้พี่เขาค่อนข้างเอือมระอา
เป็นเพราะยังพอมีผลประโยชน์ร่วมทั้งเธอและพี่เฟยเฟย
จึงได้อดทนกันและกันมา
“สวัสดีค่ะพี่เฟยเฟย ฉันมีเรื่องจะรบกวนพี่ช่วยขายกระเป๋า Souis Voitton ให้อ่ะค่ะ” ไป๋หรงรีบบอกในสิ่งที่ต้องการทันที
“ไป๋หรง วันนี้เธอพึ่งได้รับเงินค่าตัวไปนะ เธอก็ประหยัดๆ หน่อย เฮ้อ!! ช่างเถอะๆ แล้วรุ่นไหนล่ะถ่ายรูปส่งมาให้ละกันและอุปกรณ์ใบเสร็จยังมีครบนะ”
เรื่องซื้อขายของมือสองแบรนด์เนมในวงการมีมานานแล้วปกติจะแบ่งให้นายหน้า 10% ดังนั้นไป๋หรงจึงมั่นใจว่าจะไม่ถูกกดราคา
พี่เฟยเฟยค่อนข้างเขี้ยวพอสมควร
“ครบค่ะพี่ เดี๋ยวไป๋หรงถ่ายส่งให้ในไลน์นะคะ”
หลังจากส่งข้อมูลครบแล้ว ก็รู้สึกสบายใจช่วงนี้จิตใจเธอยังสับสนวุ่นวาย ถ้าขายกระเป๋าได้เงินมาสักจำนวนหนึ่ง ไปเที่ยวผ่อนคลาย หาวิวสวยๆ สักที่ วาดรูปวิวบรรยากาศดีๆ จิตใจคงจะดีขึ้นไม่น้อย
เช้าวันต่อมาไป๋หรงก็ตื่นขึ้นด้วยความสดใส หัวใจเต็มไปด้วยพลังบวก พลังชีวิตเหมือนถูกเติมเต็มอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เธอลุกขึ้นมาห้องจัดเตรียมบริเวณวาดภาพอย่างขยันขันแข็ง เมื่ออุปกรณ์วาดภาพมาจัดส่งเรียบร้อย เธอก็จะได้เริ่มวาดภาพด้วยความรู้สึกอิ่มเอม ภาพในวันนี้เธอตั้งใจจะถ่ายทอดวิถีชีิวิตของตัวเอง สิ่งที่อยู่รอบ ๆ กายเธอในตอนนี้ ภาพแรก จึงเป็นภาพจากริมหน้าตาคอนโดที่เธออาศัยอยู่ มองทอดออกไป เห็นตึกมากมายถนนมีผู้คนเดินขวักไขว่ แต่นั้นก็ยังเป็นภาพที่ให้เห็นถึงความหวัง ความหมายในการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน ทว่าภาพที่ 2 กลับเป็นริมหน้าต่างของตำหนักฮองเฮา ภาพกิ่งดอกไม้ริมหน้าต่าง ตะวันสอดส่อง ล้วนทำให้ระลึกถึงช่วงวันวานวัยแรกแย้มที่จิตใจยังคงสดใสเบ่งบาน เธอวาดภาพเมืองอดีตในความทรงจำที่คล้ายเป็นเพียงภาพในจินตนาการกับภาพเมืองหลวงอี้จงสลับกันไป เมื่อเธอวาดรูปรถม้าของผู้สูงศักดิ์ เธอก็วาดรูปรถประจำทาง หญิงสาวระบายอารมณ์บรรยายบรรยากาศของชีวิตในช่วงอดีตกับปัจจุบันคล้ายระบายความรู้สึกเหงา อบอุ่น สะท้อนใจ ทุกอย่างล้วนสะท้อนลงไปในแผ่นกระดาษ เวลาผ่านไปโดยที่ไป๋หรงเองก็ไม่รู้สึกตัว
เจ้าของวันเกิด คุณนายผู้เฒ่านั่งเป็นประธานนั่งรับของขวัญและคำอวยพร สิ่งที่สำคัญจุดเด่นในงานย่อมเป็นของการปะชันการมอบของขวัญวันเกิด ในบุคคลยิ่งใหญ่เหล่านี้สิ่งของที่มอบย่อมไม่ใช่แค่ราคาแต่หมายถึงความล้ำค่าและหายาก“ท่านย่า ของขวัญวันเกิดเล็กๆ จากหลานค่ะ” อี้เฟยหลิงแม้ไม่สันทัดเรื่องภาพวาดเท่าไรนัก แต่เธอเป็นลูกคุณหนูที่มีรสนิยมพอสมควร เธอจึงค่อนข้างมั่นใจว่าภาพนี้คุณย่าต้องชอบ แต่เธอกลับประเมินความชอบในระดับที่ต่ำจนเกินไป“ฮืม…เป็นภาพที่สวยมาก หลิงหลิงหลานช่างหาของขวัญถูกใจย่า บอกย่ามาสิ ไปได้จากไหนมา ท่านอาจารย์จากมหาวิทยาลัยที่ไหน ย่าอยากได้อีก”ย่าอี้สอบถามอย่างกระตือรือร้น ภาพวาดที่อี้เฟยหลิงมอบให้คล้ายจะใช้เทคนิคการวาดที่ดูค่อนข้างโบราณ มีมนต์ขลังซ่อนความรู้สึกโรแมนติกอ่อนโยนและอบอุ่น แม้จิตรกรสมัยนี้จะมีฝีมือมากแต่กลับไม่สามารถสื่อความหมายสมัยเก่าๆ ได้อารมณ์เช่นนี้ พอเห็นแววตาที่ฉายความความพอใจของท่านย่าที่จะมีให้เห็นไม่ค่อยจะบ่อยครั้ง อี้เฟยหลิงย่อมยินดีปลื้มใจแต่เธอไม่สามารถบอกคุณย่าได้จริงๆ ว่าซื้อมาจากสาวงามคนหนึ่งจากลานวัฒธรรมเท่านั้นท่าทีอ้ำอึ้งของหลา
ณ ร้านฟอเรสเต้ คาเฟ่ขนาดใหญ่ ติดกับรั้วโรงเรียนเอกชนชื่อดัง กิจกรรมปกติหลังเลิกเรียนของเด็กสาววัย 14-15 ย่อมเป็นการนั่งดื่มนม เค้กและขนมหวานอี้เฟยหลิงกับเพื่อนล้วนนัดมาเจอกันที่นี้เป็นประจำ“นี้!! พวกเธอดู นางร้ายไป๋หรง ช่วงนี้กระแสมาแรงมากเลยนะ”“เป็นเพราะมีข่าวกับพี่ชายอี้เฟยหลิงหรอ” “บ้าไม่ใช่ เราก็บอกไม่ได้เหมือนกัน ว่าทำไมอยู่เฉยๆ ก็ดูโดดเด่นขึ้นมา”“มีด้วยหรอ ไม่ใช่ว่า…”คริๆ เสียงหัวเราะกระซิกกระซาบกันก็ดังแว่วขึ้นจุดเว้นวรรคไม่เอ่ยถึงจุดนั้นหลายคนก็ต่างเข้าใจตรงกัน เพราะพวกเธอล้วนเป็นทายาทตระกูลใหญ่ อะไรที่ไม่เป็นข่าวล้วนรู้หมด วงการบันเทิงและธุรกิจหลายอย่างมันก็มีด้านเทาๆ หรือเกือบจะมืดดำด้วยซ้ำ ดาราดังๆ หลายคนต่างเอาตัวเข้าแลกเพื่อให้ได้งานและมีตัวตนพื้นที่สื่อ “พวกเธออย่าคิดไปเชียว …ฉันก็สงสัยข้อนี้ แต่ลองสืบแล้วไม่มี เขาโดดเด่นจริงๆ นะแก ยิ่งเป็นวีดีโอตอนออกเกมโชว์แบบว่า เหมือนนางพญาเลยอ่ะ”“เวอร์ไปแระแก ไหนๆ มาดูสิ” อี้เฟยหลิงพูดขึ้นพร้อมชะโงกหน้าไปดูภาพดารานางร้ายคนนั้น ปกติเธอไม่ได้สนใจดาราเท่าไรเมื่อเพื่อนให้ความสนใจ จึงได้เหลือบตาไปมองร่วมด้วยพี่สาว
เมื่อได้ยินเสียงหัวใจตัวเองบอกว่าจะหยุดไว้ที่ผู้หญิงคนนี้ อี้เฟยหลิงก็เกิดอาการต่อต้านทันที จะเป็นไปได้อย่างไร เพียงแค่เจอกันครั้งแรก จะมีความรู้สึกเช่นนั้นทุกคนต่างเห็นท่าทางของอี้เฟยหยางตะลึงความสวยของไป๋หรงต่างก็โอดครวญเสียใจ วันนี้ผู้หญิงที่โชคดีคนนั้นคือ ไป๋หรง แน่นอน ไม่ผิดจากที่ทุกคนคาดการณ์ ไป๋หรงเมื่อเดินออกมาจากในงาน ก็เจออี้เฟยหยางยืนรอเด่นพร้อมบอดี้การ์ด 4 หนุ่ม ประกบซ้ายขวาอย่างละ 2 คนซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของอี้เฟยหยางอยู่แล้ว เขาจะปรากฏกายพร้อม บอดี้การ์ด 4 หนุ่มหล่อไปไหนมาไหนตลอด ทำให้เขากลายเป็นจุดเด่นผู้คนให้ความสนใจ วันนี้เขายังคงใส่สูทดำ เปิดกระดุม 2 เม็ดเช่นเคย ผู้หญิงล้วนอ่อนระทวยเมื่อได้เจอซิกแพคอันขาวๆของเขาไป๋หรงเมื่อเจอชายหนุ่มผู้มั่งคั่งอวดรัศมีความร่ำรวยเช่นนี้ เธอเองก็ชะงักตกตะลึง และเริ่มกังวลถึงสติปัญญาของตนเองเหตุใด เมื่อก่อนก็เป็นหนึ่งในหญิงสาวที่เคยฝันคะนึง หลงใหลผู้ชายคนนี้ เพียงเสี้ยวนาทีเธอก็เข้าใจ เพราะในความทรงจำของเธอ ฮองเต้ เธอก็เคยกลืนกินมาแล้ว อี้เฟยหยางจึงกลายเป็นบุคคลธรรมดาสามัญไปชายหนุ่มไม่ล่วงรู้ความคิดหญิงสาว เ
"ผมขอเลขบัญชี จะดำเนินการโอนให้ตอนนี้เลย"เสียงพูดของอี้เฟยหยางดึงสติไป๋หรงให้กลับคืนมา “ได้ค่ะ” ติ้ง ติ้ง ยอดเงินแจ้งเข้าบัญชี 100 ล้านหยวน การซื้อขายเรียบร้อย ไป๋หรงส่งมอบภาพให้ทันทีอี้เฟยหยาง หันไปรอบ ๆ บริเวณ ที่นี้เป็นห้องรับรองของคอนโด ชายหนุ่มยิ้มอย่างขำ เขาเจรจาซื้อของมูลค่าในสถานที่เช่นนี้ เขาส่ายๆ หน้าเบา ๆ รับภาพวาดจากหญิงสาวส่ง ให้คนนำไปเก็บจากนั้นก็หันหน้ามาคุยกับไป๋หรง“คุณไป๋หรง ตอนนี้เราก็เป็นคู่ค้าทำธุรกิจร่วมกันกันแล้ว ไปทานข้าวด้วยกันหน่อยดีไหมครับ”เจรจาพูดคุย เป็นเรื่องปกติในการทานข้าวกันในวงการธุรกิจ หากมองอย่างเป็นกลาง อี้เฟยหยางก็ไม่ได้ทำอะไรที่ดูเสียหาย ถ้าปฏิเสธจะเสียมารยาทไป“ตกลงค่ะ ฉันขอเป็นคนเลี้ยงคุณนะคะ”มิติใหม่ของอี้เฟยหยาง ให้หญิงสาวเลี้ยง“ยินดีอย่างยิ่งเลยครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอเลือกร้านเองนะครับ”“ได้ค่ะ”เมื่อไป๋หรงตอบตกลง อี้เฟยหยางจึงโค้งตัว เชื้อเชิญไป๋หรงขึ้นรถไปกับเขา หญิงสาวก้าวเดินอย่างมั่นคง แววตานิ่ง ทำให้ไม่เห็นความสั่นไหวในใจแต่อย่างไรบนโต๊ะอาหาร ไร้การพูดคุยทุกอย่างเงียบงัน บรรยากาศคล้ายมีการสอบสวนบางอย่างมากกว่า
กรี๊ง กริ๊ง เสียงโทรศัพท์ดังอยู่นานสองนานไป๋หรงก็ยังไม่มีท่าทีจะรับ หญิงสาวใช้มือควานหาโทรศัพท์มือถือที่วางบนโต๊ะข้างเคียง ชั่วขณะหลังจากหยิบมือถือขึ้นมาดูหญิงสาวกะพริบตาปรือ ๆ พยายามมองให้เห็นผู้ใดกันที่โทรหาเช้ายิ่งนัก“แม่” แม่โทรมาเช่นนี้คงไม่พ้นเรื่องเงิน ไป๋หรงหลับตาเตรียมใจตั้งสติ ก่อนที่กดรับสาย “แม่..ว่าไง” แม้ไป๋หรงจะเปลี่ยนไปทว่าเธอยังใช้น้ำเสียงเช่นเดิมปกติที่คุยกับแม่“แหม๋…กว่าจะรับนะแก ฉันดูทีวีเห็นตอนนี้แกควงไฮโซนิ ชีวิตคงสุขสบายแล้วสินะ” ไม่ผิดจากที่คาดการณ์ แม่ยังคงใช้น้ำเสียงกระแหนะกระแหนของแม่ฉินฟางยังคงเช่นเดิม และนี่ก็คือฉินฟางแม่แท้ๆ ของไป๋หรง“แม่จะเอาเท่าไร” เมื่อได้ไตร่ตรองที่ผ่านาแม่ล้วนลำบากจริงถึงได้โทรมากวน ก่อนหน้าเป็นยังเด็กมองอะไรแคบและเธอก็ใจแคบจึงไม่ได้มองเห็นความหวังดีของแม่ “น้องแกจะเปิดเทอม พอดีที่ช่วงนี้… //ฉันจะโอนให้แม่ 10,000 หยวนพอไหม" ไป๋หรงไม่อยากฟังคำอธิบายจากแม่เท่าไร ยิ่งฟังยิ่งรับรู้ถึงความลำบากและเธอก็เข้าใจว่าคงไม่มีใครใคร่อยากจะบรรยายเหตุผลเหล่านี้เท่าไรนัก“แหม๋แกรวยแล้วสินะ 5,000 หยวนก็พอ ฉันก็มีมือมีตี
ภาพควงกับหนุ่มธุรกิจชื่อดังอี้เฟยหยาง คำค้นหา “ไป๋หรง” มีมากกว่า 10 ล้านคำค้น เกิดเป็นกระแสโด่งดังเพียงชั่วข้ามคืน แถบยังติดอันดับการค้นหาเป็นอันดับหนึ่งติดต่อกันเป็นหลายสัปดาห์ ไป๋หรงกลายนางร้ายที่กำลังโด่งดังยิ่งกว่านางเอกแนวหน้า โฆษณาติดต่อเข้ามาเป็นจำนวนมากสื่อต่างพยายามเสนอข่าว จากงานฉากในละครหรือแม้กระทั่งข่าวเล็ก ๆ น้อย ๆ พอเดินไปไหนมาไหน จึงมีคนขอถ่ายรูปเต็มไปหมด ไป๋หรงยินดีกับผลตอบรับในครั้งนี้มากเพราะทุกอย่างย่อมอยู่ในแผนแต่ตอนนี้เธอจึงตัดสินใจใหม่ ซื้อรถก่อนจะได้ใช้ในการเดินทางไป๋หรงคนเก่าไม่มีความรู้อะไรเลย ไป๋หรงจึงตัดสินใจโทรหาเฟย เฟย“สะดวกสิคะคุณน้อง ตอนแรกพี่ว่าจะโทรแจ้งเรื่องงานโฆษณาตัวใหม่ เห็นว่าวันนี้เป็นวันหยุดเลยไม่อยากรบกวน อย่างนี้ดีไหมคะ เราไปซื้อรถและคุยรายละเอียดกันไปด้วยเลย”“ได้ค่ะพี่ ฉันรอที่คอนโดนะคะ” ไป๋หรงไม่ได้มีอคติอะไรกับพี่เฟยเฟย เธอชอบคนที่กระตือรือร้นด้วยผลประโยชน์ค่อยคุยกันง่าย ชัดเจนดี รอไม่นานเพียง 30 นาที เฟย เฟย ก็มารับไป๋หรงที่คอนโด"เป็นงานแอมบาสเดอร์แบรนด์เสื้อผ้า MASA ค่ะ เขาเสนอตัวเลขมา 7 หลักเงื่อนไขสัญญาค่อนข้างละเอี
“นางร้ายไป๋หรงไปเที่ยวทะเลกับใคร??” เกิดกระทู้เรียกกระแสคุยกัน ผู้คนต่างคาดเดา เรื่องนี้ไม่มีทางผิดพลาด แน่นอนว่าต้องไปกับอี้เฟยหยางไป๋หรงยังคงไม่รู้เรื่องราวใด ๆ เฟย เฟย เองก็ไม่ได้โทรสอบถาม เธอลางสังหรณ์บอวว่าเรื่องนี้เธอถอยห่างจะดีกว่า ส่วนคนที่น่าสงสารที่สุด ย่อมเป็น อี้เฟยหยางผู้ตกเป็นผู้มีข่าวกับ ไป๋หรงมา 2-3 วันนี้ ชายหนุ่มกลับไม่เจอหน้าหญิงสาวคนนั้นมาตั้งแต่วันนั้น วันที่ไปทานข้าวด้วยกัน และหากเดาไม่ผิดวันนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขารอการติดต่อกลับจากหญิงสาวทุกวัน จากที่เขาทิ้งนามบัตรไว้ให้สถานการณ์เงียบกลับแบบนี้ เขาค่อนข้างจะสับสน “ทำไมข่าวออกมาว่าผมซื้อรถให้ไป๋หรง” ชายหนุ่มเอ่ยถามบอดี้การ์ด “นักข่าวกับเหล่าแฟนคลับท่าน คาดเดาเองครับ” "คาดเดาได้เป็นเรื่องเป็นราว แล้วนี่ไป๋หรงไปเที่ยวทะเลกับใคร” ขายภาพได้ตั้ง 100 ล้าน จะซื้อรถราคา 13 ล้าน อี้เฟยหยางย่อมไม่แปลกใจ ทว่าอย่างไรก็ต้องสืบข่าวนางร้ายคนนี้สักหน่อยหรือคบคนอื่นอยู่ ใครกันที่กล้ายุ่งกับผู้หญิงที่เขาต้องตาเลขาส่วนตัวกลับมาในเวลาไม่ถึง 10 นาที“ไม่มีครับท่าน เธอไปคนเดียว” สิ้นคำตอบ อี้เฟยหย
ภายใต้ต้นดอกเหมยที่บานสะพรั่ง..ขัดแย้งกับบรรยากาศแห่งการต่อรองที่กำลังเข้มข้น ไป๋หรงส่งสายตาอ่อนโยนมองอี้เฟยหลิงที่มีสีหน้าตึงเครียด เด็กสาววันเยาว์เหตุใดถึงได้คิดมากเช่นนี้ “พี่ขอแค่ 30% ให้น้องหลิง 70% เลยค่ะ” “เอ้…..ทำไมกัน” สีหน้าเด็กสาวมีความงุงงง“แต่พี่มีข้อแม้ การประมูลครั้งนี้ต้องเป็นในนามพี่ พี่ขอเมมเบอร์บัตรสมาชิกด้วย ข้อตกลงนี้น้องหลิงหลิงจัดการให้พี่ได้ไหมคะ” ไป๋หรงบอกเจตนาตัวเองชัดเจนและยิ้มละมุนให้อี้เฟยหลิงเพื่อให้เห็นความจริงใจที่สุดยิ่งทำให้สีหน้าของเด็กสาวงวยงงยิ่งกว่าเดิม “หลิงยังไม่เข้าใจอยู่ดี ในเมื่อพี่ได้มีโอกาสเข้าร่วม ถึงอย่างไรเมื่อสิ้นการประมูลก็ย่อมมีช่องทางเข้าไปประมูลเองในครั้งหน้า ถึงพี่ไม่ติดต่อไปย่อมมีคนติดต่อพี่กลับมาแน่นอน”ผู้ที่เข้าประมูลสินค้าหายาก ย่อมเป็นคนที่มีหูตากว้างไกล เมื่อไป๋หรงปรากฏกายย่อมมีคนคาดเดาได้หลายอย่าง เหตุผลที่อี้เฟยหลิง คิดราคามากถึง 50% เพราะตัวเองจะได้ % จากการแบ่งครั้งนี้แค่ครั้งเดียว ถัดจากนี้ผู้จัดงานประมูลย่อมติดต่อเจ้าของผลงานโดยตรง เธอจะไม่ได้อะไรอีกเลย “ถือว่าเป็นคำขอบคุณจากพี่”
“ฉันเข้าใจค่ะ มันก็ยากที่จะเชื่อจริง ๆ ค่ะ ทว่าฉันไปพักผ่อนจริง เรื่องนี้กล้ายืนยัน ส่วนคุณอี้เฟยหยางต้องให้เจ้าตัวเป็นคนยืนยันเองแล้วล่ะค่ะว่าไปทำธุระจริง ๆ รึเปล่า” สายตาท้าทายเชิญชวนเต็มไปด้วยเสน่ห์ คล้ายส่งให้อี้เฟยหยางโดยตรง ชายหนุ่มกำลังดูถ่ายทอดสดอยู่ มันกระแทกใจเขาอย่างแรง นี่ไป๋หรงกำลังบอกให้เขารุกใช่หรือไหม น่าเอ็นดูจริง ๆ ขณะที่กำลังคิดเรื่อยเปื่อย เลขาส่วนตัวก็เอ่ยขึ้น“ท่านครับ นิตยสารฝู่จวินติดต่อเข้ามาขอสัมภาษณ์ท่านจะให้ตอบอย่างไรครับ”อี้เฟยหยางยิ้มอย่างผู้มีชัย นี่คงเป็นบุพเพสันนิวาส ต้องมีบางสิ่งที่กำลังนำพาเขาเป็นแน่ชายหนุ่มรีบตอบทันที“ตอบตกลงได้เลย” หลากหลายคนล้วนมีความคิดเป็นของตนเอง หลังไป๋หรงทิ้งระเบิดในการสัมภาษณ์เสร็จ เธอรู้ว่าชาวเน็ตล้วนมีความสามารถในการเชื่อมโยงสูง แม้ล้ำลึกแต่ก็ไม่เกินไปกวาที่จะคาดเดา ไม่ว่าจะออกมาแบบไหนเธอก็วางแผนไว้เรียบร้อย หญิงสาวเริ่มขับรถตระเวนวิ่งรอบเมืองเพื่อดูบ้านจัดสรรใหม่ ทว่าเมื่อไปถึงหมู่บ้านใหม่ก็มีกลิ่นอายใหม่ๆ ทันสมัย กลับไม่ใช่อย่างที่ใจไป๋หรงต้องการ เธอจึงลองขับไปยังหมู่บ้านของเหล่าเศรษฐีในโ
การซื้อบ้านไป๋หรงไม่ได้คิดไว้ในแผนมันไม่ใช่ว่าเกินฝัน ทว่ามันมาเร็วมากจนเกินไป บางจังหวะเวลาก็ค่อนข้างยากที่จะเชื่อ หญิงสาวหยิบมือถือขึ้นมาเช็คยอดเงินในบัญชีใหม่อีกครั้ง เมื่อเห็นว่ายอด 100 ล้านหยวนมีเข้ามาในบัญชีจริง เธอก็ลอบถอนหายใจยาว ยาว วนกลับมาคิดเรื่องบ้านต่อ เธอไม่มีความรู้ในเรื่องการซื้อบ้านเลย เธอลองค้นใน google สำหรับบ้านจัดสรรใหม่หลังเล็ก ๆ เริ่มต้นที่ 4-5 ล้านหยวนก็พอมีบ้าน แต่บรรยากาศยังไม่ทำให้พอใจเท่าไร อย่างไรก็ต้องไตร่ตรองให้ดีพรุ่งนี้หลังจากพิธีบวงสรวงละครเรื่อง “จอมนางแห่งวังหลวง” เธอจะลองเสี่ยงโชคขับรถตะเวนลองดูก่อน เห็นภาพไม่สู้ไปชมบรรยากาศจริง ๆ หลังจากที่เริ่มโด่งดัง ไป๋หรงก็เริ่มเลือกบทที่จะแสดงมากขึ้น ในเรื่องนี้เธอรับบทเป็นฮองเฮานางร้ายที่มีอำนาจล้นวังหลัง ด้วยภูมิหลังของตระกูลกองทัพ แม้กระทั่งฮองเต้ยังต้องยั้งวาจาเวลาพูดคุย เป็นบทที่ถูกจริตไป๋หรงเป็นอย่างมาก ไม่มีอะไรจะโชคดีขนาดนี้อีกแล้วหลังจากพักผ่อนได้สักหน่อย ไป๋หรงก็หยิบชุดเดรสแดงลายพื้นธรรมดาออกมาจากตู้ เมื่อชาติที่แล้วนอกจากฝีมือการวาดภาพฝีมือปักเธอก็ถือว่าเป็นอันดับหนึ่งของเ
นางร้ายไป๋หรงต้องเป็นของเขาอี้เฟยหยางตั้งใจตั้งมั่น เขาไม่เคยได้รู้สึกตื่นเต้นเช่นนี้มาก่อน ความรู้สึกที่ตัวเองกำลังจะเป็นผู้ล่า ทำให้เลือดในกายของเขาพุ่งกระฉูด ภายในใจฮึกเหิมทะนงตัวว่าอย่างไรศึกครั้งนี้เขาต้องเป็นผู้ชนะ “คุณอี้เฟยหยางคะ” เสียงใสๆเนิบๆ เอ่ยเรียกอย่างอ่อนโยนดวงตาเป็นประกายวิบวับ “ครับ โทษทีครับพอดีบรรยากาศดีผมเลยคิดเยอะไปหน่อย” “เอ่อค่ะ แสงเริ่มหมดแล้ว เรากลับกันดีกว่าค่ะ” พอเห็นแววตาและท่าทางของอี้เฟยหยาง ไป๋หรงเริ่มมีความกังวลระวังไว้หน่อยเป็นดี ท่าทางแสนจะกรุ้มกริ่มแม้จะพยายามเก็บอาการก็ดูออกง่ายว่าเสแสร้งจอมปลอม “ผมได้จัดเตรียมโต๊ะไว้แล้ว หิวหรือยังครับ" ชายหนุ่มยังไม่อยากแยกกับหญิงสาวตอนนี้เลย “จัดที่ไหนคะ” ไป๋หรงรู้สึกว่าหากรู้สถานที่ก่อนน่าจะดีกว่าเผื่อได้ตัดสินใจใหม่“ริมหาดหน้าโรงแรมครับ” จุดนั้นมุมสวยสุดอี้เฟยหยางตั้งใจสร้างความประทับให้หญิงสาวให้มากที่ แววที่ส่งมาทำให้ไป๋หรงมั่นใจว่าอี้เฟยหยางมีศักดิ์ศรีและความมั่นใจ คงไม่ทำอะไรที่ต่ำทราบ “ดีจังเลยค่ะ บรรยากาศแบบนี้ทานข้าวริมหาดยามเย็นต้องโรแมนติกมากๆเลย” ยิ้มหวานละลายไปจ
“นางร้ายไป๋หรงไปเที่ยวทะเลกับใคร??” เกิดกระทู้เรียกกระแสคุยกัน ผู้คนต่างคาดเดา เรื่องนี้ไม่มีทางผิดพลาด แน่นอนว่าต้องไปกับอี้เฟยหยางไป๋หรงยังคงไม่รู้เรื่องราวใด ๆ เฟย เฟย เองก็ไม่ได้โทรสอบถาม เธอลางสังหรณ์บอวว่าเรื่องนี้เธอถอยห่างจะดีกว่า ส่วนคนที่น่าสงสารที่สุด ย่อมเป็น อี้เฟยหยางผู้ตกเป็นผู้มีข่าวกับ ไป๋หรงมา 2-3 วันนี้ ชายหนุ่มกลับไม่เจอหน้าหญิงสาวคนนั้นมาตั้งแต่วันนั้น วันที่ไปทานข้าวด้วยกัน และหากเดาไม่ผิดวันนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขารอการติดต่อกลับจากหญิงสาวทุกวัน จากที่เขาทิ้งนามบัตรไว้ให้สถานการณ์เงียบกลับแบบนี้ เขาค่อนข้างจะสับสน “ทำไมข่าวออกมาว่าผมซื้อรถให้ไป๋หรง” ชายหนุ่มเอ่ยถามบอดี้การ์ด “นักข่าวกับเหล่าแฟนคลับท่าน คาดเดาเองครับ” "คาดเดาได้เป็นเรื่องเป็นราว แล้วนี่ไป๋หรงไปเที่ยวทะเลกับใคร” ขายภาพได้ตั้ง 100 ล้าน จะซื้อรถราคา 13 ล้าน อี้เฟยหยางย่อมไม่แปลกใจ ทว่าอย่างไรก็ต้องสืบข่าวนางร้ายคนนี้สักหน่อยหรือคบคนอื่นอยู่ ใครกันที่กล้ายุ่งกับผู้หญิงที่เขาต้องตาเลขาส่วนตัวกลับมาในเวลาไม่ถึง 10 นาที“ไม่มีครับท่าน เธอไปคนเดียว” สิ้นคำตอบ อี้เฟยหย
ภาพควงกับหนุ่มธุรกิจชื่อดังอี้เฟยหยาง คำค้นหา “ไป๋หรง” มีมากกว่า 10 ล้านคำค้น เกิดเป็นกระแสโด่งดังเพียงชั่วข้ามคืน แถบยังติดอันดับการค้นหาเป็นอันดับหนึ่งติดต่อกันเป็นหลายสัปดาห์ ไป๋หรงกลายนางร้ายที่กำลังโด่งดังยิ่งกว่านางเอกแนวหน้า โฆษณาติดต่อเข้ามาเป็นจำนวนมากสื่อต่างพยายามเสนอข่าว จากงานฉากในละครหรือแม้กระทั่งข่าวเล็ก ๆ น้อย ๆ พอเดินไปไหนมาไหน จึงมีคนขอถ่ายรูปเต็มไปหมด ไป๋หรงยินดีกับผลตอบรับในครั้งนี้มากเพราะทุกอย่างย่อมอยู่ในแผนแต่ตอนนี้เธอจึงตัดสินใจใหม่ ซื้อรถก่อนจะได้ใช้ในการเดินทางไป๋หรงคนเก่าไม่มีความรู้อะไรเลย ไป๋หรงจึงตัดสินใจโทรหาเฟย เฟย“สะดวกสิคะคุณน้อง ตอนแรกพี่ว่าจะโทรแจ้งเรื่องงานโฆษณาตัวใหม่ เห็นว่าวันนี้เป็นวันหยุดเลยไม่อยากรบกวน อย่างนี้ดีไหมคะ เราไปซื้อรถและคุยรายละเอียดกันไปด้วยเลย”“ได้ค่ะพี่ ฉันรอที่คอนโดนะคะ” ไป๋หรงไม่ได้มีอคติอะไรกับพี่เฟยเฟย เธอชอบคนที่กระตือรือร้นด้วยผลประโยชน์ค่อยคุยกันง่าย ชัดเจนดี รอไม่นานเพียง 30 นาที เฟย เฟย ก็มารับไป๋หรงที่คอนโด"เป็นงานแอมบาสเดอร์แบรนด์เสื้อผ้า MASA ค่ะ เขาเสนอตัวเลขมา 7 หลักเงื่อนไขสัญญาค่อนข้างละเอี
กรี๊ง กริ๊ง เสียงโทรศัพท์ดังอยู่นานสองนานไป๋หรงก็ยังไม่มีท่าทีจะรับ หญิงสาวใช้มือควานหาโทรศัพท์มือถือที่วางบนโต๊ะข้างเคียง ชั่วขณะหลังจากหยิบมือถือขึ้นมาดูหญิงสาวกะพริบตาปรือ ๆ พยายามมองให้เห็นผู้ใดกันที่โทรหาเช้ายิ่งนัก“แม่” แม่โทรมาเช่นนี้คงไม่พ้นเรื่องเงิน ไป๋หรงหลับตาเตรียมใจตั้งสติ ก่อนที่กดรับสาย “แม่..ว่าไง” แม้ไป๋หรงจะเปลี่ยนไปทว่าเธอยังใช้น้ำเสียงเช่นเดิมปกติที่คุยกับแม่“แหม๋…กว่าจะรับนะแก ฉันดูทีวีเห็นตอนนี้แกควงไฮโซนิ ชีวิตคงสุขสบายแล้วสินะ” ไม่ผิดจากที่คาดการณ์ แม่ยังคงใช้น้ำเสียงกระแหนะกระแหนของแม่ฉินฟางยังคงเช่นเดิม และนี่ก็คือฉินฟางแม่แท้ๆ ของไป๋หรง“แม่จะเอาเท่าไร” เมื่อได้ไตร่ตรองที่ผ่านาแม่ล้วนลำบากจริงถึงได้โทรมากวน ก่อนหน้าเป็นยังเด็กมองอะไรแคบและเธอก็ใจแคบจึงไม่ได้มองเห็นความหวังดีของแม่ “น้องแกจะเปิดเทอม พอดีที่ช่วงนี้… //ฉันจะโอนให้แม่ 10,000 หยวนพอไหม" ไป๋หรงไม่อยากฟังคำอธิบายจากแม่เท่าไร ยิ่งฟังยิ่งรับรู้ถึงความลำบากและเธอก็เข้าใจว่าคงไม่มีใครใคร่อยากจะบรรยายเหตุผลเหล่านี้เท่าไรนัก“แหม๋แกรวยแล้วสินะ 5,000 หยวนก็พอ ฉันก็มีมือมีตี
"ผมขอเลขบัญชี จะดำเนินการโอนให้ตอนนี้เลย"เสียงพูดของอี้เฟยหยางดึงสติไป๋หรงให้กลับคืนมา “ได้ค่ะ” ติ้ง ติ้ง ยอดเงินแจ้งเข้าบัญชี 100 ล้านหยวน การซื้อขายเรียบร้อย ไป๋หรงส่งมอบภาพให้ทันทีอี้เฟยหยาง หันไปรอบ ๆ บริเวณ ที่นี้เป็นห้องรับรองของคอนโด ชายหนุ่มยิ้มอย่างขำ เขาเจรจาซื้อของมูลค่าในสถานที่เช่นนี้ เขาส่ายๆ หน้าเบา ๆ รับภาพวาดจากหญิงสาวส่ง ให้คนนำไปเก็บจากนั้นก็หันหน้ามาคุยกับไป๋หรง“คุณไป๋หรง ตอนนี้เราก็เป็นคู่ค้าทำธุรกิจร่วมกันกันแล้ว ไปทานข้าวด้วยกันหน่อยดีไหมครับ”เจรจาพูดคุย เป็นเรื่องปกติในการทานข้าวกันในวงการธุรกิจ หากมองอย่างเป็นกลาง อี้เฟยหยางก็ไม่ได้ทำอะไรที่ดูเสียหาย ถ้าปฏิเสธจะเสียมารยาทไป“ตกลงค่ะ ฉันขอเป็นคนเลี้ยงคุณนะคะ”มิติใหม่ของอี้เฟยหยาง ให้หญิงสาวเลี้ยง“ยินดีอย่างยิ่งเลยครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอเลือกร้านเองนะครับ”“ได้ค่ะ”เมื่อไป๋หรงตอบตกลง อี้เฟยหยางจึงโค้งตัว เชื้อเชิญไป๋หรงขึ้นรถไปกับเขา หญิงสาวก้าวเดินอย่างมั่นคง แววตานิ่ง ทำให้ไม่เห็นความสั่นไหวในใจแต่อย่างไรบนโต๊ะอาหาร ไร้การพูดคุยทุกอย่างเงียบงัน บรรยากาศคล้ายมีการสอบสวนบางอย่างมากกว่า
เมื่อได้ยินเสียงหัวใจตัวเองบอกว่าจะหยุดไว้ที่ผู้หญิงคนนี้ อี้เฟยหลิงก็เกิดอาการต่อต้านทันที จะเป็นไปได้อย่างไร เพียงแค่เจอกันครั้งแรก จะมีความรู้สึกเช่นนั้นทุกคนต่างเห็นท่าทางของอี้เฟยหยางตะลึงความสวยของไป๋หรงต่างก็โอดครวญเสียใจ วันนี้ผู้หญิงที่โชคดีคนนั้นคือ ไป๋หรง แน่นอน ไม่ผิดจากที่ทุกคนคาดการณ์ ไป๋หรงเมื่อเดินออกมาจากในงาน ก็เจออี้เฟยหยางยืนรอเด่นพร้อมบอดี้การ์ด 4 หนุ่ม ประกบซ้ายขวาอย่างละ 2 คนซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของอี้เฟยหยางอยู่แล้ว เขาจะปรากฏกายพร้อม บอดี้การ์ด 4 หนุ่มหล่อไปไหนมาไหนตลอด ทำให้เขากลายเป็นจุดเด่นผู้คนให้ความสนใจ วันนี้เขายังคงใส่สูทดำ เปิดกระดุม 2 เม็ดเช่นเคย ผู้หญิงล้วนอ่อนระทวยเมื่อได้เจอซิกแพคอันขาวๆของเขาไป๋หรงเมื่อเจอชายหนุ่มผู้มั่งคั่งอวดรัศมีความร่ำรวยเช่นนี้ เธอเองก็ชะงักตกตะลึง และเริ่มกังวลถึงสติปัญญาของตนเองเหตุใด เมื่อก่อนก็เป็นหนึ่งในหญิงสาวที่เคยฝันคะนึง หลงใหลผู้ชายคนนี้ เพียงเสี้ยวนาทีเธอก็เข้าใจ เพราะในความทรงจำของเธอ ฮองเต้ เธอก็เคยกลืนกินมาแล้ว อี้เฟยหยางจึงกลายเป็นบุคคลธรรมดาสามัญไปชายหนุ่มไม่ล่วงรู้ความคิดหญิงสาว เ