เช้าวันต่อมาไป๋หรงก็ตื่นขึ้นด้วยความสดใส หัวใจเต็มไปด้วยพลังบวก พลังชีวิตเหมือนถูกเติมเต็มอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เธอลุกขึ้นมาห้องจัดเตรียมบริเวณวาดภาพอย่างขยันขันแข็ง เมื่ออุปกรณ์วาดภาพมาจัดส่งเรียบร้อย เธอก็จะได้เริ่มวาดภาพด้วยความรู้สึกอิ่มเอม
ภาพในวันนี้เธอตั้งใจจะถ่ายทอดวิถีชีิวิตของตัวเอง สิ่งที่อยู่รอบ ๆ กายเธอในตอนนี้
ภาพแรก จึงเป็นภาพจากริมหน้าตาคอนโดที่เธออาศัยอยู่ มองทอดออกไป เห็นตึกมากมายถนนมีผู้คนเดินขวักไขว่ แต่นั้นก็ยังเป็นภาพที่ให้เห็นถึงความหวัง ความหมายในการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน
ทว่าภาพที่ 2 กลับเป็นริมหน้าต่างของตำหนักฮองเฮา ภาพกิ่งดอกไม้ริมหน้าต่าง ตะวันสอดส่อง ล้วนทำให้ระลึกถึงช่วงวันวานวัยแรกแย้มที่จิตใจยังคงสดใสเบ่งบาน
เธอวาดภาพเมืองอดีตในความทรงจำที่คล้ายเป็นเพียงภาพในจินตนาการกับภาพเมืองหลวงอี้จงสลับกันไป เมื่อเธอวาดรูปรถม้าของผู้สูงศักดิ์ เธอก็วาดรูปรถประจำทาง หญิงสาวระบายอารมณ์บรรยายบรรยากาศของชีวิตในช่วงอดีตกับปัจจุบันคล้ายระบายความรู้สึกเหงา อบอุ่น สะท้อนใจ ทุกอย่างล้วนสะท้อนลงไปในแผ่นกระดาษ
เวลาผ่านไปโดยที่ไป๋หรงเองก็ไม่รู้สึกตัว จนกระทั่งเสียงข้อความดังขึ้น
“ยอด 60,000 หยวน เตรียมของให้เรียบร้อยฉันกำลังจะเข้าไปเอา”
ไป๋หรงเปิดอ่านข้อความเฟยเฟย พลางอมยิ้มไป จากนั้นก็เข้าไปเตรียมกระเป๋าใส่กล่อง ใส่ถุงแล้วลงไปชั้นล่างรอเฟยเฟย เธอเองก็ร้อนใจอยากให้มีเงินวางอยู่ในบัญชีเห็นตัวเลขถึงจะอุ่นใจ
หลังจากส่งมอบกระเป๋าเสร็จ ไม่กี่ชั่วโมงต่อมายอดเงิน 60,000 หยวน ก็เข้าบัญชีไป๋หรง เธอยิ้มแย้มและรู้สึกผ่อนคลายทันที ในวันถัดมาภาพเริ่มมีแสงตะวัน อบอุ่นละมุนละไมประโลมจิตใจ
ผ่านไป 1 สัปดาห์ ไป๋หรงก็มีภาพวาดอยู่ในมือสิบกว่าภาพ แม้กระทั่งตัวเธอเองก็ยังตกใจ ได้เวลานำภาพวาดไปวางขายแล้ว
ณ ลานวัฒนธรรม
สถานที่แสดงและขายของเล็กๆ น้อยๆ ของผู้คน
สินค้าที่ขายในลานนี้จำเพาะต้องเป็นสินค้าทำมือ DIY งานสร้างสรรค์
หรือการแสดงที่แปลกใหม่สามารถหาดูได้จากที่นี่
ไป๋หรงมาจับจองพื้นที่ตั้งแต่ช่วงบ่าย พอแสงแดดเริ่มอ่อนตะวันเริ่มลับขอบฟ้าเธอก็เริ่มวางภาพวาดของตัวเองเธอไม่ได้มีอุปกรณ์จัดวางอะไรมากมาย เพียงแค่วางเรียงๆ กันเท่านั้น
ทว่า ภาพวาดของไป๋หรงได้รับความสนใจไม่น้อยส่วนใหญ่เป็น ร้านคาเฟ่ ร้านอาหาร ร้านกาแฟที่นำไปตกแต่งร้าน
“ภาพนี้เท่าไรคะ” สาวน้อยแววตาสดใสผู้หนึ่งเอ่ยถามขึ้น
“3,000 หยวนค่ะ ทุกภาพขายราคาเดียวกันค่ะ" ไป๋หรงเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงละมุน ใบหน้าเปื้อนยิ้มวันนี้เธอขายภาพได้หลายภาพอารมณ์จึงดียิ่งนัก
อี้เฟยหลิง เงยหน้าจากภาพวาด เมื่อเห็นคนขาย สวยหยาดเยิ้มให้อารมณ์หวานปนความเซ็กซี่ เธอเหม่อมองไปชั่วขณะ ทว่าก็ได้สติอย่างรวดเร็วเธอหลุบตาต่ำลงมองภาพอีกครั้งอย่างใคร่ครวญ ภาพภาพกิ่งดอกเหมย ปลิวไสวบนหลังคา ใต้ต้นดอกไม้มีดรุณีแรกแย้มสวมชุดโบราณยืนอยู่ มันให้อารมณ์คิดถึงวันวานความสดใส ยังอยู่ในใจคน
แต่ว่าภาพวาดชิ้นนี้ราคาถูกเกินไป อาจจะไม่เหมาะให้เป็นของขวัญท่านย่า ทว่าสิ่งของใดๆ คุณย่าล้วนมีหมดแล้ว วันนี้เธอเลยลองมาหาอะไรใหม่ๆ ที่นี่ ปกติของที่ขายที่นี่จะเป็นของเล็กๆน้อยๆ หลายอย่างก็ไม่ค่อยมีคุณภาพเท่าใดนัก ตอนแรกก็ไม่คิดจะมา แต่หลังจากตะเวนเดินไปทั่วเมืองเลยได้เสี่ยงมาเดินดู
เด็กสาวเงยหน้าขึ้น สายตาจ้องมองของไป๋หรงทำให้เธอรู้สึกเขินอาย
“เอ่อ พี่ช่วยแนะนำให้หน่อยได้ไหมคะ ฉันจะซื้อภาพให้เป็นของขวัญญาติผู้ใหญ่”
อี้เฟยหลิงไม่ค่อยเข้าใจสื่อความหมายของงานวาดภาพเท่าไรนัก จึงลองขอคำปรึกษาดู
“ภาพทุกภาพ ล้วนสวยงามในแบบฉบับของมันค่ะ ดิฉันวาดเป็นภาพความรู้สึกอุ่นๆ นะคะ อาจจะมีบ้างให้ความรู้สึกห่วงหา คะนึงแต่เป็นความรู้สึกดีๆ ทั้งนั้นค่ะ คุณหนูชอบภาพไหนท่านก็น่าจะชอบค่ะ”
“น่าจะเป็นอย่างนั้น ฉันขอภาพวิวสะพานลอยด้วยอีกภาพค่ะ”
“ยอดรวม 6,000 หยวนค่ะ ขอบคุณมากนะคะ"
ไป๋หรงยิ้มแก้มปริดวงตาเปร่งประกายแวววาว จนอี้เฟยหลิงอยากจะเพิ่มราคาภาพวาดให้ เธออยากจะมองดวงตามีเสน่ห์ดวงนั้นต่อ
ไป๋หรงขายภาพวาดได้จนหมด ไม่เหลือ เธอเดินทางกลับบ้านด้วยความสุข วันนี้เธอขายภาพได้เงิน 50,000 หยวน เป็นรายได้ที่ดีพอสมควร ต่อไปเธอจะค่อยๆ เก็บเงินค่าหนี้คอนโดให้หมด จะได้ไม่ต้องกังวลอีก
ไม่ได้การเธอจะต้องไปวาดภาพเพิ่มก่อนนำมาขายอีก
ไป๋หรงไม่ได้คิดเลยว่า สไตล์การวาดภาพของเธอทำให้มูลค่าของรูปภาพมากมายกว่า 3,000 หยวนนัก ภายหลังจากนี้ภาพวาดของเธอกลับมีราคาสูงถึงภาพละหลายล้านหยวน
นายหญิงผู้เฒ่าตระกูลอี้
งานวันเกิดของนายหญิงผู้เฒ่าตระกูลอี้ครบ 60 ปี จึงเป็นการจัดงานวันเกิดที่ยิ่งใหญ่ รวมถึงยังมีการเชื้อเชิญนักการเมืองและนักธุรกิจชั้นนำของประเทศ ทุกคนล้วนเป็นแขกกิตติมศักดิ์ ตระกูลจัดงานครั้งนี้นอกจากจะเป็นการให้ลูกหลานของตระกูลอี้ได้แสดงความกตัญญูยังเป็นการแสดงความยิ่งใหญ่ของตระกูลที่กำลังเติบโตเป็นเสืออีกตัวหนึ่งของประเทศ จึงไม่แปลกหากจะมีผู้ร่วมงานที่ต้องการความก้าวหน้าจะมางานนี้เพื่อพบปะผู้คน บรรยากาศในงานคลอเสียงบรรเลง เพลงเบาๆ แม้ผู้คนมากหน้าหลายตา ทว่ากลับรู้จักกันเกือบทั้งหมดแขกแต่ละท่านสามารถพูดคุยกับทุกคนได้อย่างสนิทชิดเชื้อ
ผู้ที่ได้รับเชิญมาล้วนแต่พยายามสรรหาของของเล่อค่าเพื่อมอบเป็นของขวัญ และที่เป็นจับตามองย่อมเป็นการมอบของขวัญของลูกหลาน
เจ้าของวันเกิด คุณนายผู้เฒ่านั่งเป็นประธานนั่งรับของขวัญและคำอวยพร สิ่งที่สำคัญจุดเด่นในงานย่อมเป็นของการปะชันการมอบของขวัญวันเกิด ในบุคคลยิ่งใหญ่เหล่านี้สิ่งของที่มอบย่อมไม่ใช่แค่ราคาแต่หมายถึงความล้ำค่าและหายาก“ท่านย่า ของขวัญวันเกิดเล็กๆ จากหลานค่ะ” อี้เฟยหลิงแม้ไม่สันทัดเรื่องภาพวาดเท่าไรนัก แต่เธอเป็นลูกคุณหนูที่มีรสนิยมพอสมควร เธอจึงค่อนข้างมั่นใจว่าภาพนี้คุณย่าต้องชอบ แต่เธอกลับประเมินความชอบในระดับที่ต่ำจนเกินไป“ฮืม…เป็นภาพที่สวยมาก หลิงหลิงหลานช่างหาของขวัญถูกใจย่า บอกย่ามาสิ ไปได้จากไหนมา ท่านอาจารย์จากมหาวิทยาลัยที่ไหน ย่าอยากได้อีก”ย่าอี้สอบถามอย่างกระตือรือร้น ภาพวาดที่อี้เฟยหลิงมอบให้คล้ายจะใช้เทคนิคการวาดที่ดูค่อนข้างโบราณ มีมนต์ขลังซ่อนความรู้สึกโรแมนติกอ่อนโยนและอบอุ่น แม้จิตรกรสมัยนี้จะมีฝีมือมากแต่กลับไม่สามารถสื่อความหมายสมัยเก่าๆ ได้อารมณ์เช่นนี้ พอเห็นแววตาที่ฉายความความพอใจของท่านย่าที่จะมีให้เห็นไม่ค่อยจะบ่อยครั้ง อี้เฟยหลิงย่อมยินดีปลื้มใจแต่เธอไม่สามารถบอกคุณย่าได้จริงๆ ว่าซื้อมาจากสาวงามคนหนึ่งจากลานวัฒธรรมเท่านั้นท่าทีอ้ำอึ้งของหลา
ณ ร้านฟอเรสเต้ คาเฟ่ขนาดใหญ่ ติดกับรั้วโรงเรียนเอกชนชื่อดัง กิจกรรมปกติหลังเลิกเรียนของเด็กสาววัย 14-15 ย่อมเป็นการนั่งดื่มนม เค้กและขนมหวานอี้เฟยหลิงกับเพื่อนล้วนนัดมาเจอกันที่นี้เป็นประจำ“นี้!! พวกเธอดู นางร้ายไป๋หรง ช่วงนี้กระแสมาแรงมากเลยนะ”“เป็นเพราะมีข่าวกับพี่ชายอี้เฟยหลิงหรอ” “บ้าไม่ใช่ เราก็บอกไม่ได้เหมือนกัน ว่าทำไมอยู่เฉยๆ ก็ดูโดดเด่นขึ้นมา”“มีด้วยหรอ ไม่ใช่ว่า…”คริๆ เสียงหัวเราะกระซิกกระซาบกันก็ดังแว่วขึ้นจุดเว้นวรรคไม่เอ่ยถึงจุดนั้นหลายคนก็ต่างเข้าใจตรงกัน เพราะพวกเธอล้วนเป็นทายาทตระกูลใหญ่ อะไรที่ไม่เป็นข่าวล้วนรู้หมด วงการบันเทิงและธุรกิจหลายอย่างมันก็มีด้านเทาๆ หรือเกือบจะมืดดำด้วยซ้ำ ดาราดังๆ หลายคนต่างเอาตัวเข้าแลกเพื่อให้ได้งานและมีตัวตนพื้นที่สื่อ “พวกเธออย่าคิดไปเชียว …ฉันก็สงสัยข้อนี้ แต่ลองสืบแล้วไม่มี เขาโดดเด่นจริงๆ นะแก ยิ่งเป็นวีดีโอตอนออกเกมโชว์แบบว่า เหมือนนางพญาเลยอ่ะ”“เวอร์ไปแระแก ไหนๆ มาดูสิ” อี้เฟยหลิงพูดขึ้นพร้อมชะโงกหน้าไปดูภาพดารานางร้ายคนนั้น ปกติเธอไม่ได้สนใจดาราเท่าไรเมื่อเพื่อนให้ความสนใจ จึงได้เหลือบตาไปมองร่วมด้วยพี่สาว
เมื่อได้ยินเสียงหัวใจตัวเองบอกว่าจะหยุดไว้ที่ผู้หญิงคนนี้ อี้เฟยหลิงก็เกิดอาการต่อต้านทันที จะเป็นไปได้อย่างไร เพียงแค่เจอกันครั้งแรก จะมีความรู้สึกเช่นนั้นทุกคนต่างเห็นท่าทางของอี้เฟยหยางตะลึงความสวยของไป๋หรงต่างก็โอดครวญเสียใจ วันนี้ผู้หญิงที่โชคดีคนนั้นคือ ไป๋หรง แน่นอน ไม่ผิดจากที่ทุกคนคาดการณ์ ไป๋หรงเมื่อเดินออกมาจากในงาน ก็เจออี้เฟยหยางยืนรอเด่นพร้อมบอดี้การ์ด 4 หนุ่ม ประกบซ้ายขวาอย่างละ 2 คนซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของอี้เฟยหยางอยู่แล้ว เขาจะปรากฏกายพร้อม บอดี้การ์ด 4 หนุ่มหล่อไปไหนมาไหนตลอด ทำให้เขากลายเป็นจุดเด่นผู้คนให้ความสนใจ วันนี้เขายังคงใส่สูทดำ เปิดกระดุม 2 เม็ดเช่นเคย ผู้หญิงล้วนอ่อนระทวยเมื่อได้เจอซิกแพคอันขาวๆของเขาไป๋หรงเมื่อเจอชายหนุ่มผู้มั่งคั่งอวดรัศมีความร่ำรวยเช่นนี้ เธอเองก็ชะงักตกตะลึง และเริ่มกังวลถึงสติปัญญาของตนเองเหตุใด เมื่อก่อนก็เป็นหนึ่งในหญิงสาวที่เคยฝันคะนึง หลงใหลผู้ชายคนนี้ เพียงเสี้ยวนาทีเธอก็เข้าใจ เพราะในความทรงจำของเธอ ฮองเต้ เธอก็เคยกลืนกินมาแล้ว อี้เฟยหยางจึงกลายเป็นบุคคลธรรมดาสามัญไปชายหนุ่มไม่ล่วงรู้ความคิดหญิงสาว เ
"ผมขอเลขบัญชี จะดำเนินการโอนให้ตอนนี้เลย"เสียงพูดของอี้เฟยหยางดึงสติไป๋หรงให้กลับคืนมา “ได้ค่ะ” ติ้ง ติ้ง ยอดเงินแจ้งเข้าบัญชี 100 ล้านหยวน การซื้อขายเรียบร้อย ไป๋หรงส่งมอบภาพให้ทันทีอี้เฟยหยาง หันไปรอบ ๆ บริเวณ ที่นี้เป็นห้องรับรองของคอนโด ชายหนุ่มยิ้มอย่างขำ เขาเจรจาซื้อของมูลค่าในสถานที่เช่นนี้ เขาส่ายๆ หน้าเบา ๆ รับภาพวาดจากหญิงสาวส่ง ให้คนนำไปเก็บจากนั้นก็หันหน้ามาคุยกับไป๋หรง“คุณไป๋หรง ตอนนี้เราก็เป็นคู่ค้าทำธุรกิจร่วมกันกันแล้ว ไปทานข้าวด้วยกันหน่อยดีไหมครับ”เจรจาพูดคุย เป็นเรื่องปกติในการทานข้าวกันในวงการธุรกิจ หากมองอย่างเป็นกลาง อี้เฟยหยางก็ไม่ได้ทำอะไรที่ดูเสียหาย ถ้าปฏิเสธจะเสียมารยาทไป“ตกลงค่ะ ฉันขอเป็นคนเลี้ยงคุณนะคะ”มิติใหม่ของอี้เฟยหยาง ให้หญิงสาวเลี้ยง“ยินดีอย่างยิ่งเลยครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอเลือกร้านเองนะครับ”“ได้ค่ะ”เมื่อไป๋หรงตอบตกลง อี้เฟยหยางจึงโค้งตัว เชื้อเชิญไป๋หรงขึ้นรถไปกับเขา หญิงสาวก้าวเดินอย่างมั่นคง แววตานิ่ง ทำให้ไม่เห็นความสั่นไหวในใจแต่อย่างไรบนโต๊ะอาหาร ไร้การพูดคุยทุกอย่างเงียบงัน บรรยากาศคล้ายมีการสอบสวนบางอย่างมากกว่า
กรี๊ง กริ๊ง เสียงโทรศัพท์ดังอยู่นานสองนานไป๋หรงก็ยังไม่มีท่าทีจะรับ หญิงสาวใช้มือควานหาโทรศัพท์มือถือที่วางบนโต๊ะข้างเคียง ชั่วขณะหลังจากหยิบมือถือขึ้นมาดูหญิงสาวกะพริบตาปรือ ๆ พยายามมองให้เห็นผู้ใดกันที่โทรหาเช้ายิ่งนัก“แม่” แม่โทรมาเช่นนี้คงไม่พ้นเรื่องเงิน ไป๋หรงหลับตาเตรียมใจตั้งสติ ก่อนที่กดรับสาย “แม่..ว่าไง” แม้ไป๋หรงจะเปลี่ยนไปทว่าเธอยังใช้น้ำเสียงเช่นเดิมปกติที่คุยกับแม่“แหม๋…กว่าจะรับนะแก ฉันดูทีวีเห็นตอนนี้แกควงไฮโซนิ ชีวิตคงสุขสบายแล้วสินะ” ไม่ผิดจากที่คาดการณ์ แม่ยังคงใช้น้ำเสียงกระแหนะกระแหนของแม่ฉินฟางยังคงเช่นเดิม และนี่ก็คือฉินฟางแม่แท้ๆ ของไป๋หรง“แม่จะเอาเท่าไร” เมื่อได้ไตร่ตรองที่ผ่านาแม่ล้วนลำบากจริงถึงได้โทรมากวน ก่อนหน้าเป็นยังเด็กมองอะไรแคบและเธอก็ใจแคบจึงไม่ได้มองเห็นความหวังดีของแม่ “น้องแกจะเปิดเทอม พอดีที่ช่วงนี้… //ฉันจะโอนให้แม่ 10,000 หยวนพอไหม" ไป๋หรงไม่อยากฟังคำอธิบายจากแม่เท่าไร ยิ่งฟังยิ่งรับรู้ถึงความลำบากและเธอก็เข้าใจว่าคงไม่มีใครใคร่อยากจะบรรยายเหตุผลเหล่านี้เท่าไรนัก“แหม๋แกรวยแล้วสินะ 5,000 หยวนก็พอ ฉันก็มีมือมีตี
ภาพควงกับหนุ่มธุรกิจชื่อดังอี้เฟยหยาง คำค้นหา “ไป๋หรง” มีมากกว่า 10 ล้านคำค้น เกิดเป็นกระแสโด่งดังเพียงชั่วข้ามคืน แถบยังติดอันดับการค้นหาเป็นอันดับหนึ่งติดต่อกันเป็นหลายสัปดาห์ ไป๋หรงกลายนางร้ายที่กำลังโด่งดังยิ่งกว่านางเอกแนวหน้า โฆษณาติดต่อเข้ามาเป็นจำนวนมากสื่อต่างพยายามเสนอข่าว จากงานฉากในละครหรือแม้กระทั่งข่าวเล็ก ๆ น้อย ๆ พอเดินไปไหนมาไหน จึงมีคนขอถ่ายรูปเต็มไปหมด ไป๋หรงยินดีกับผลตอบรับในครั้งนี้มากเพราะทุกอย่างย่อมอยู่ในแผนแต่ตอนนี้เธอจึงตัดสินใจใหม่ ซื้อรถก่อนจะได้ใช้ในการเดินทางไป๋หรงคนเก่าไม่มีความรู้อะไรเลย ไป๋หรงจึงตัดสินใจโทรหาเฟย เฟย“สะดวกสิคะคุณน้อง ตอนแรกพี่ว่าจะโทรแจ้งเรื่องงานโฆษณาตัวใหม่ เห็นว่าวันนี้เป็นวันหยุดเลยไม่อยากรบกวน อย่างนี้ดีไหมคะ เราไปซื้อรถและคุยรายละเอียดกันไปด้วยเลย”“ได้ค่ะพี่ ฉันรอที่คอนโดนะคะ” ไป๋หรงไม่ได้มีอคติอะไรกับพี่เฟยเฟย เธอชอบคนที่กระตือรือร้นด้วยผลประโยชน์ค่อยคุยกันง่าย ชัดเจนดี รอไม่นานเพียง 30 นาที เฟย เฟย ก็มารับไป๋หรงที่คอนโด"เป็นงานแอมบาสเดอร์แบรนด์เสื้อผ้า MASA ค่ะ เขาเสนอตัวเลขมา 7 หลักเงื่อนไขสัญญาค่อนข้างละเอี
“นางร้ายไป๋หรงไปเที่ยวทะเลกับใคร??” เกิดกระทู้เรียกกระแสคุยกัน ผู้คนต่างคาดเดา เรื่องนี้ไม่มีทางผิดพลาด แน่นอนว่าต้องไปกับอี้เฟยหยางไป๋หรงยังคงไม่รู้เรื่องราวใด ๆ เฟย เฟย เองก็ไม่ได้โทรสอบถาม เธอลางสังหรณ์บอวว่าเรื่องนี้เธอถอยห่างจะดีกว่า ส่วนคนที่น่าสงสารที่สุด ย่อมเป็น อี้เฟยหยางผู้ตกเป็นผู้มีข่าวกับ ไป๋หรงมา 2-3 วันนี้ ชายหนุ่มกลับไม่เจอหน้าหญิงสาวคนนั้นมาตั้งแต่วันนั้น วันที่ไปทานข้าวด้วยกัน และหากเดาไม่ผิดวันนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขารอการติดต่อกลับจากหญิงสาวทุกวัน จากที่เขาทิ้งนามบัตรไว้ให้สถานการณ์เงียบกลับแบบนี้ เขาค่อนข้างจะสับสน “ทำไมข่าวออกมาว่าผมซื้อรถให้ไป๋หรง” ชายหนุ่มเอ่ยถามบอดี้การ์ด “นักข่าวกับเหล่าแฟนคลับท่าน คาดเดาเองครับ” "คาดเดาได้เป็นเรื่องเป็นราว แล้วนี่ไป๋หรงไปเที่ยวทะเลกับใคร” ขายภาพได้ตั้ง 100 ล้าน จะซื้อรถราคา 13 ล้าน อี้เฟยหยางย่อมไม่แปลกใจ ทว่าอย่างไรก็ต้องสืบข่าวนางร้ายคนนี้สักหน่อยหรือคบคนอื่นอยู่ ใครกันที่กล้ายุ่งกับผู้หญิงที่เขาต้องตาเลขาส่วนตัวกลับมาในเวลาไม่ถึง 10 นาที“ไม่มีครับท่าน เธอไปคนเดียว” สิ้นคำตอบ อี้เฟยหย
นางร้ายไป๋หรงต้องเป็นของเขาอี้เฟยหยางตั้งใจตั้งมั่น เขาไม่เคยได้รู้สึกตื่นเต้นเช่นนี้มาก่อน ความรู้สึกที่ตัวเองกำลังจะเป็นผู้ล่า ทำให้เลือดในกายของเขาพุ่งกระฉูด ภายในใจฮึกเหิมทะนงตัวว่าอย่างไรศึกครั้งนี้เขาต้องเป็นผู้ชนะ “คุณอี้เฟยหยางคะ” เสียงใสๆเนิบๆ เอ่ยเรียกอย่างอ่อนโยนดวงตาเป็นประกายวิบวับ “ครับ โทษทีครับพอดีบรรยากาศดีผมเลยคิดเยอะไปหน่อย” “เอ่อค่ะ แสงเริ่มหมดแล้ว เรากลับกันดีกว่าค่ะ” พอเห็นแววตาและท่าทางของอี้เฟยหยาง ไป๋หรงเริ่มมีความกังวลระวังไว้หน่อยเป็นดี ท่าทางแสนจะกรุ้มกริ่มแม้จะพยายามเก็บอาการก็ดูออกง่ายว่าเสแสร้งจอมปลอม “ผมได้จัดเตรียมโต๊ะไว้แล้ว หิวหรือยังครับ" ชายหนุ่มยังไม่อยากแยกกับหญิงสาวตอนนี้เลย “จัดที่ไหนคะ” ไป๋หรงรู้สึกว่าหากรู้สถานที่ก่อนน่าจะดีกว่าเผื่อได้ตัดสินใจใหม่“ริมหาดหน้าโรงแรมครับ” จุดนั้นมุมสวยสุดอี้เฟยหยางตั้งใจสร้างความประทับให้หญิงสาวให้มากที่ แววที่ส่งมาทำให้ไป๋หรงมั่นใจว่าอี้เฟยหยางมีศักดิ์ศรีและความมั่นใจ คงไม่ทำอะไรที่ต่ำทราบ “ดีจังเลยค่ะ บรรยากาศแบบนี้ทานข้าวริมหาดยามเย็นต้องโรแมนติกมากๆเลย” ยิ้มหวานละลายไปจ
ตอนพิเศษ บุรุษเฉกเช่นนี้ ไป๋หรงดำรงตำแหน่งประธานกรรมการสูงสุดและเป็นผู้นำตระกูลอี้ วันนี้เธอประชุมเพื่อกำหนดเกณฑ์การให้รางวัลพนักงานดีเด่น นอกจากโบนัสและการเลื่อนขั้นที่มีปกติแล้ว “ตกลง อูจิ้งเตรียมวันนำเสนอ” “ครับท่านไป๋หรง”ไป๋หรงได้นำวิธีการสร้างคนของตัวเองให้คนรักในองค์กร มาจากสมัยที่เธอเป็นฮองเฮา นั่นคือ มันต้องมีรางวัลสำหรับคนที่มีผลงานดีเด่นในแต่ละแผนก ทุกสายงานเริ่มตั้งแต่แม่บ้านจนถึงระดับผู้จัดการแต่จัดให้มาการประกวดผลงานประจำปีขึ้น ซึ่งข้อกำหนดกฎเกณฑ์มีไม่มากขอแค่ท่านประธานไป๋หรงพอใจก็คือได้รางวัล เธอก็ให้ความสำคัญตรงนี้มาก และจะต้องเป็นผู้ตัดสินเองเพื่อลดการมีเส้นสายและคำครหา เพราะมันคือรางวัลชอบอะไรก็คือให้อันนั้นแค่นั้น “เมียจ๋า พักก่อน พักก่อน” อี้เฟยหยางเดินมาพร้อมถาดใส่หม้อชา ในขณะที่พนักงานระดับสูงหลายคนกำลังอยู่ในห้องประชุม เขาไม่ได้สนใจสายตาคือการคำนับทักทายของใครเลย เดินตรงมาหาไป๋หรงเท่านั้น “สามีลองฝึกชงชา ตามที่เมียจ๋าสั่งแล้วนะจ้ะ ชิมดูสิว่าได้ไหม” ไป๋หรงยกจอกชาละเมียดจิบด้วยท
ตอนพิเศษ ค่ำคืนพิเศษไป๋หรงได้เข้าไปเป็นอาจารย์พิเศษในมหาวิทยาลัย และยังเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่ปรึกษาด้านการควบคุมสื่อของรัฐ และมีธุรกิจที่ต้องดูแลช่วยอี้เฟยหยางทำให้แขกที่มาร่วมงานแต่งงานของพวกเขา มีมากมายหลากหลายอาชีพ แต่การต้อนรับแขกจะขาดตกบกพร่องไม่ได้เด็ดขาด กว่าจะต้อนรับแขกจนครบในงานแต่งก็ทำให้ไป๋หรงเหนื่อยสายตัวแทบขาด“เหนื่อยมากเลย ฉันขอเปลี่ยนเสื้อผ้านอนเลยนะคะ”“ได้ยังไง วันนี้คุณสัญญาว่าจะให้ผมทั้งคืนนะ”อี้เฟยหยางรีบเข้ามาโอบกอดไป๋หรงทันที“พี่หยางหยาง ฉันเหนื่อยมากเลยฉันขอนอนนะคะ”เสียงหวานไป๋หรงออดอ้อนเธอรู้ว่า อย่างไรอี้เฟยหยางจะยอมเธอ“เรื่องนี้พี่ให้หรงเอ๋อร์ไม่ได้จริง ๆ มา ๆ พี่จะช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้า”กลิ่นสุราจากอี้เฟยหยางส่งกลิ่นมากับน้ำเสียง ลมหายใจรวยรินรดต้นคอระหงของหญิงสาวทำให้เธอเริ่มรู้สึกวาบวิวไม่น้อย “ไม่เป็นไร ฉันจัดการเองได้ค่ะ” ไป๋หรงรีบเอ่ยขัดไม้มือของอี้เฟยหยางแม้จะเป็นแฟนกันมา 4-5 ปี นอกจากจูบแล้วอี้เฟยหยางก็ไม่เคยเกินเลยกับหญิงสาว วันนี้คืนแต่งงานของเขา เขาย่อมไม่ยอมปล่อยไป๋หรงไปแน่นอน“หรงเอ๋อร์ ที่รักของพี่” อี้เฟยหยางเองก็เมามายไม่ใ
ตอนที่ 77 เปิดตัว ภาพไป๋หรงเคียงคู่กับอี้เฟยหยางที่ต่างประเทศถูกเผยแพร่ออกมา หลายคนเริ่มตั้งข้อคำถามถึงความสัมพันธ์ เฟย เฟย ให้ข้อมูลกับสื่อว่า ไป๋หรงจะชี้แจงด้วยตนเองในช่วงเช้าอี้เฟยหยางไปส่งไป๋หรงไปทำงานเป็นประชาสัมพันธ์ที่โรงพยาบาล รถหรูคันใหญ่จอดอยู่ตรงบริเวณด้านหลังของโรงพยาบาล“ไม่ต้องเข้าไปส่งหรอกค่ะ ฉันเข้าไปเองได้” “แล้วตอนเย็นจะผมมารับได้ไหม”“ทำให้เป็นปกติดีกว่านะคะ ฉันไม่อยากจะเก็บไว้เปรียบเทียบช่วงที่คุณเริ่มเบื่อแล้ว” อี้เฟยหยางชะงักเล็กน้อย แล้วยิ้มตอบ“ถ้าอย่างนั้น ถ้าผมว่างผมมารับนะคะ”“ค่ะ” เมื่ออี้เฟยหยางเดินกลับขึ้นไปบนรถ ซีซานก็เดินมาประกบหญิงสาวเดินเข้าไปยังโรงพยาบาล บรรยากาศของโรงพยาบาลยังเต็มไปด้วยผู้คนขวักไขว่ เป็นสถานที่ที่ทุกคนไม่รู้สึกยินดีที่จะมา แม้จะรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เจอกับไป๋หรงแต่ก็ไม่ได้เข้ามาวุ่นวายใด ๆ นักข่าวที่มารอทำข่าวก็มีมารยาท ไป๋หรงแจ้งว่าไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ในเวลางาน พวกเขามาเพียงเก็บภาพถ่ายก็ออกไปในขณะนั้นที่สำนักงานใหญ่บริษัทตระกูลอี้ “ในเมื่อตกลงคบกันแล้วก็ชวนเธอมากินข้าวที่บ้านสิ” อี้เฟยหยางเงยหน
ตอนที่ 76 ขอบคุณที่ไม่ใส่ใจ...อดีต การที่อี้เฟยหยางเป็นหนุ่มเจ้าสำราญทำให้ชายหนุ่มสามารถคิดแผนท่องเที่ยวได้หลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นการดื่มดำไปกับบรรยากาศในเมืองหรือลิ้มลองอาหารที่แปลกใหม่หรือแม้กระทั้งแหล่งศูนย์รวมสินค้า แบรนด์เนมที่สาวๆ พลาดไม่ได้เด็ดขาด นับได้ว่าการเริ่มต้นของอี้เฟยหยางครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ไม่มีอะไรผิดพลาดเหมือนเช่นเคย หลังจากที่ได้พักผ่อนมาหลายวันก็ได้เวลากลับไปลุยงานกันอีกครั้งขณะที่กำลังลากกระเป๋าเดินทางออกจากโรงแรมไป๋หรงก็เอ่ยถามชายหนุ่ม “ไม่สบายหรือคะ” “เปล่าหรอกครับ ผมแค่รู้สึกว่าเวลาผ่านไปรวดเร็วนัก” ไป๋หรงยิ้มตอบ “ไว้โอกาสหน้า พวกเรามากันอีกนะคะ ฉันสนุกมากเลย” อี้เฟยหยางกุมมือของไป๋หรงขึ้นมา “สัญญานะครับ” “ค่ะสัญญา” เมื่อกลับมาถึงสนามบิน อี้เฟยหยางก็ส่งไป๋หรงกลับบ้านทันทีเพราะรู้ว่าการเดินทางมันเหนื่อยจำเป็นต้องรีบพักผ่อน ส่วนตัวเองรีบเดินทางกลับบริษัท“กลับมาแล้วหรือคะพี่ชาย” เมื่อไปถึงห้องทำงาน ยังไม่ทันได้นั่งก็ได้ยินเสียงน้องสาวสุดแสบดังขึ้น
ตอนที่ 75 แล้วต่อกัน ให้โอกาสตัวเองได้เดินต่อ อี้เฟยหยางไม่ได้รับรู้เรื่องราวระหว่างไป๋หรงกับตระกูลซ่งและตระกูลจ้าว เมื่อเห็นซ่งเฟยซูก็โค้งศรีษะกล่าวทักทายอีกฝ่ายด้วยไมตรี “ไม่แปลกใจเลยนะครับที่ได้เจอกันที่นี่” เสียงทุ้มนุ่มอ่อนโยนของชายหนุ่มดึงซ่งเฟยซูมีสติ เธอเสียอาการเพียงเล็กน้อยรีบปรับสีหน้าพูดตอบอีกฝ่าย “นั่นสิค่ะ อืม...คุณไป๋หรงฉันขอรบกวนเวลาสักครู่จะได้ไหมคะ” แม้จะรู้ตัวว่าตนเองผิดและอยู่ในจุดที่เสียเปรียบอีกฝ่าย แต่ว่าความจองหองที่ติดตัวทำให้ซ่งเฟยซูยังคงอวดดีอยู่ น้ำเสียงที่พูดยังดูไร้ความสำนึกผิดใด ๆไป๋หรงไม่ถือสา เธอหันไปขอตัวกับอี้เฟยหยางแล้วหันมาพูด“ค่ะ...เชิญคุณซ่งเฟยซูค่ะ” ภายในงานมีที่นั่งรับรองแขกอยู่หลายจุด ซ่งเฟยซูเลือกจุดที่ค่อนข้างห่างไกลผู้คน เห็นความนิ่งเงียบของไป๋หรงยิ่งทำให้ซ่งเฟยซูรู้สึกกระสับกระส่าย เมื่อนั่งลงจึงรีบพูดสิ่งที่อยู่ในใจซ่งเฟยซูยกชาดื่มเพื่อปกปิดอาการเธอหรี่ตามองหญิงสาวตรงหน้าถามขึ้น “เธอไม่คิดจะกลับตระกูล” “ตรงที่ฉันอยู่ตอนนี้ไม่ดีตรงไหนคะ ฉันมีครอบครัวที่อบอุ่น มีคนที่รักข้างกาย”
ตอนที่ 74 ร้อนตัว อี้เฟยหยางตื่นมายืนรอไป๋หรงก่อนเวลานัดหมายเกือบชั่วโมง เขายืนนิ่งพิงกายอยู่หน้าประตูห้องของหญิงสาวใบหน้ายิ้มแย้มคล้ายคนโง่งม ชายหนุ่มปัดหน้าจอมือถือไปมา เมื่อก่อนเขาไม่เคยจะโพสลงเวยปั๋วส่วนตัวเองสักครั้ง หากจำไม่ผิดโพสเองล่าสุดจะเมื่อ 3 ปีที่แล้ว นอกนั้นจะเป็นของสื่อหรือเหล่าเซเลบแท็กมาเสียมากกว่า เพราะเรื่องราวเหล่านั้นล้วนไร้สาระสนุกสนานไปวัน ๆ ทว่าวันนี้เป็นวันแรกที่เขาอยากจะโพสเก็บความทรงจำไว้ เขาจึงอยากจะขอไป๋หรงโพสข้อความประทับใจเก็บไว้ด้วยกันดวงตาของอี้เฟยหยางเป็นประกายวับวาว รอยยิ้มกดลึกลงกว่าเดิมแต่ว่า!!! สิ่งที่อยู่ในหน้าจอมือถือที่หน้าเวยปั๋วส่วนตัวของเขา ทำให้ดวงตาของชายหนุ่มกลายเป็นสีหม่นเบิกกว้างตกตะลึง อะไรกัน ทำไมมีโพสไร้สาระมากมายขนาดนี้กันเนี้ย เฮ้ย!! ไม่นะ ความฝันหวานฉ่ำพังทลายลงไม่มีสิ้นดี ในเวยปั๋วล้วนมีแต่ภาพอี้เฟยหยางโอบกอดคอลเคลียกับดาราหญิงมากหน้าหลายตาในงานเลี้ยงสังสรรค์แทบจะไม่ซ้ำสถานที่ บางชนแก้ว บางชนแก้ม แม้จะดูไม่วาบหวิวทว่าแต่ละรูปล้วนเต็มไปด้วยความผิดค่อนข้างร้ายแรงภาพเหล่า
ตอนที่ 73 อาจจะเป็นเรื่องเพ้อเจ้ออี้เฟยหยางเดินส่งไป๋หรงเข้าห้องพัก พลางชำเลืองมองดูมือที่กุมอยู่เรื่อย ๆ เกรงว่าสิ่งที่เป็นอยู่จะเป็นเพียงแค่ฝันไป แม้ฝีเท้าอิดออดทว่าก็พาพวกเขามาถึงหน้าห้องพักอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มไม่กล้าทำท่าทางงอแงเอายกมือของหญิงสาวขึ้นมา กุมวางไว้บนหน้าอกพูดขึ้น “นอนหลับฝันดีนะครับ พรุ่งนี้ผมจะพาคุณไปเยี่ยมชมแกลลอรี่” ไป๋หรงยิ้มอ่อนละมุน “ค่ะ ขอบคุณสำหรับวันนี้นะคะ” เพิ่งจะเป็นแฟนกันไม่กี่ชั่วโมง หัวใจของอี้เฟยหยางยังเต้นระรัวแรงไม่หยุด หากเป็นผู้หญิงคนอื่นเขาสามารถเอ่ยพูดจาหวานเสนาะหูได้อีกหลายคำ ทว่าพอเป็นไป๋หรงชายหนุ่มกลับพูดออกมาเป็นประโยคสั้น “ครับคนดี ผม ผมไปล่ะนะ” “ค่ะ” อี้เฟยหยางยังคงยืนอยู่กับที่ จนหญิงสาวส่งสายตาคำถาม ไปสิค่ะ ฉันจะได้เข้าห้อง ถูกสายตาไล่แบบกลาย ๆ ชายหนุ่มจึงได้แต่หันตัวกลับ เมื่อได้ยินเสียงประตูปิดเขาก็หันกลับไปมองยิ้มแบบคนโง่งมเป็นแฟนกันแล้ว ต้องบอกท่านแม่ก่อน อี้เฟยหยางเดินเข้าห้องพักที่อยู่ข้างกัน เขากระโดดลงบนโซฟาแล้วหยิบมือถือขึ้นมาส่
ตอนที่ 72 วันเวลาของสองเราเริ่มต้นแล้วหญิงสาวกลับเข้าห้องพักด้วยจิตใจที่อ่อนเพลีย เธอได้เห็นคลิปที่จ้าวซูเฟยโดนย้ำยี เพราะจิตใจครึ่งหนึ่งของไป๋หรงเป็นคนสมัยโบราณ หากเธอโดนกระทำเช่นนี้คงไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ได้ความโกรธแค้นของจ้าวซูเฟยเธอรับรู้ได้ดี ไม่รู้ว่าชีวิตนี้จะอยู่อย่างมีความสุขได้อย่างไรบิดาของเธอก็ช่างเลวเหลือเกิน ความจริงแล้วหากให้เป็นคดีเหตุทำไปเพราะความแค้นชั่ววูบจ้าวซูเฟยเองอาจจะไม่ต้องทนทุกข์ขนาดนี้ หากไม่ใช่เพราะคนในตระกูลจ้าวจะใครล่ะที่ทำให้มันออกมาแบบนี้ หน้าตาและชื่อเสียงวงศ์ตระกูลคลิปและข่าวจึงไม่อาจจะหลุดรอดออกมาได้ ทุกอย่างย่อมต้องมีเรื่องราวให้แลกหากไม่ใช่เพราะจ้าวซูเฟย เธอเองก็คงไม่รับรู้เรื่องบิดาไปตลอดชีวิตและแถมยังได้เงินมรดกมาอีกตั้งหลายหมื่นล้าน เรื่องราวในครั้งนี้สำหรับรุ่นลูกควรจะให้มันจบไปน่าจะดีที่สุด ไป๋หรงหลับไปด้วยความเพลีย ด้วยความว้าวุ่นในใจทำให้กึ่งหลับกึ่งตื่น รู้สึกตัวขึ้นมากลางดึก เมื่อมองไปตรงประตูสีขาวนวลส่องแสงคล้ายกำลังรอเธอเดินเข้าไป จึงลุกขึ้นเดินออกไปคล้ายมีมนต์สะกดใจ ปลายทางประตูเป็นสุสานแห่งหนึ่ง “สุสานของราชวงศ์รึ”
ตอนที่ 71 ขอให้คุณมีความสุขไป๋หรงไปศึกษาข้อมูลที่โรงพยาบาลทุกวันและเข้าเรียนการแสดงเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง“คุณไป๋หรง มีพื้นฐานด้านการแสดงดีมากค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงการดีใจ เสียใจ หดหู่ สะเทือนใจ ทั้งสีหน้าและแววตาแม้กระทั่งกายล้วนไม่มีที่ติ” อาจารย์สอนการแสดงเอ่ยชมไป๋หรงอย่างภูมิใจในตัวลูกศิษย์ “ขอบพระคุณอาจารย์ค่ะ” ไป๋หรงโค้งคำนับอาจารย์ด้วยมารยาทเรียบร้อย “แต่การรับบทหมอ คุณไป๋หรงได้ไปเรียนรู้ที่สถานที่จริง ฉันเชื่อว่าคุณสามารถนำมาปรับใช้ได้ คุณมีพรสวรรค์ด้านการแสดงนะคะ”ก่อนมาเรียน ไป๋หรงได้บอกอาจารย์ไว้ก่อนล่วงหน้าว่าเธออยากรู้ว่าเธอความมีความสามารถด้านการแสดงหรือไม่ หากไม่มีเธอจะได้ตั้งใจทำงานด้านอื่นแทน อยากให้อาจารย์ประเมินตามความเป็นจริง“ขอบพระคุณอาจารย์อีกครั้งที่ใส่ใจฉันมากขนาดนี้”ไป๋หรงจบคอร์สเรียนการแสดงอย่างรวดเร็ว อาจารย์บอกไม่มีอะไรจะสอนเธออีกแล้วนอกจากนี้จะเป็นการหาประสบการณ์ด้วยตนเอง เวลาส่วนมากเธอจึงปักหลักอยู่โรงพยาบาลเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วพรุ่งนี้ไป๋หรงต้องเดินทางไปดูงานแกลลอรี่ที่ต่างประเทศกับอี้เฟยหยางการไปครั้งนี้เธอตั้งใจไ