เช้าวันต่อมาไป๋หรงก็ตื่นขึ้นด้วยความสดใส หัวใจเต็มไปด้วยพลังบวก พลังชีวิตเหมือนถูกเติมเต็มอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เธอลุกขึ้นมาห้องจัดเตรียมบริเวณวาดภาพอย่างขยันขันแข็ง เมื่ออุปกรณ์วาดภาพมาจัดส่งเรียบร้อย เธอก็จะได้เริ่มวาดภาพด้วยความรู้สึกอิ่มเอม
ภาพในวันนี้เธอตั้งใจจะถ่ายทอดวิถีชีิวิตของตัวเอง สิ่งที่อยู่รอบ ๆ กายเธอในตอนนี้
ภาพแรก จึงเป็นภาพจากริมหน้าตาคอนโดที่เธออาศัยอยู่ มองทอดออกไป เห็นตึกมากมายถนนมีผู้คนเดินขวักไขว่ แต่นั้นก็ยังเป็นภาพที่ให้เห็นถึงความหวัง ความหมายในการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน
ทว่าภาพที่ 2 กลับเป็นริมหน้าต่างของตำหนักฮองเฮา ภาพกิ่งดอกไม้ริมหน้าต่าง ตะวันสอดส่อง ล้วนทำให้ระลึกถึงช่วงวันวานวัยแรกแย้มที่จิตใจยังคงสดใสเบ่งบาน
เธอวาดภาพเมืองอดีตในความทรงจำที่คล้ายเป็นเพียงภาพในจินตนาการกับภาพเมืองหลวงอี้จงสลับกันไป เมื่อเธอวาดรูปรถม้าของผู้สูงศักดิ์ เธอก็วาดรูปรถประจำทาง หญิงสาวระบายอารมณ์บรรยายบรรยากาศของชีวิตในช่วงอดีตกับปัจจุบันคล้ายระบายความรู้สึกเหงา อบอุ่น สะท้อนใจ ทุกอย่างล้วนสะท้อนลงไปในแผ่นกระดาษ
เวลาผ่านไปโดยที่ไป๋หรงเองก็ไม่รู้สึกตัว จนกระทั่งเสียงข้อความดังขึ้น
“ยอด 60,000 หยวน เตรียมของให้เรียบร้อยฉันกำลังจะเข้าไปเอา”
ไป๋หรงเปิดอ่านข้อความเฟยเฟย พลางอมยิ้มไป จากนั้นก็เข้าไปเตรียมกระเป๋าใส่กล่อง ใส่ถุงแล้วลงไปชั้นล่างรอเฟยเฟย เธอเองก็ร้อนใจอยากให้มีเงินวางอยู่ในบัญชีเห็นตัวเลขถึงจะอุ่นใจ
หลังจากส่งมอบกระเป๋าเสร็จ ไม่กี่ชั่วโมงต่อมายอดเงิน 60,000 หยวน ก็เข้าบัญชีไป๋หรง เธอยิ้มแย้มและรู้สึกผ่อนคลายทันที ในวันถัดมาภาพเริ่มมีแสงตะวัน อบอุ่นละมุนละไมประโลมจิตใจ
ผ่านไป 1 สัปดาห์ ไป๋หรงก็มีภาพวาดอยู่ในมือสิบกว่าภาพ แม้กระทั่งตัวเธอเองก็ยังตกใจ ได้เวลานำภาพวาดไปวางขายแล้ว
ณ ลานวัฒนธรรม
สถานที่แสดงและขายของเล็กๆ น้อยๆ ของผู้คน
สินค้าที่ขายในลานนี้จำเพาะต้องเป็นสินค้าทำมือ DIY งานสร้างสรรค์
หรือการแสดงที่แปลกใหม่สามารถหาดูได้จากที่นี่
ไป๋หรงมาจับจองพื้นที่ตั้งแต่ช่วงบ่าย พอแสงแดดเริ่มอ่อนตะวันเริ่มลับขอบฟ้าเธอก็เริ่มวางภาพวาดของตัวเองเธอไม่ได้มีอุปกรณ์จัดวางอะไรมากมาย เพียงแค่วางเรียงๆ กันเท่านั้น
ทว่า ภาพวาดของไป๋หรงได้รับความสนใจไม่น้อยส่วนใหญ่เป็น ร้านคาเฟ่ ร้านอาหาร ร้านกาแฟที่นำไปตกแต่งร้าน
“ภาพนี้เท่าไรคะ” สาวน้อยแววตาสดใสผู้หนึ่งเอ่ยถามขึ้น
“3,000 หยวนค่ะ ทุกภาพขายราคาเดียวกันค่ะ" ไป๋หรงเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงละมุน ใบหน้าเปื้อนยิ้มวันนี้เธอขายภาพได้หลายภาพอารมณ์จึงดียิ่งนัก
อี้เฟยหลิง เงยหน้าจากภาพวาด เมื่อเห็นคนขาย สวยหยาดเยิ้มให้อารมณ์หวานปนความเซ็กซี่ เธอเหม่อมองไปชั่วขณะ ทว่าก็ได้สติอย่างรวดเร็วเธอหลุบตาต่ำลงมองภาพอีกครั้งอย่างใคร่ครวญ ภาพภาพกิ่งดอกเหมย ปลิวไสวบนหลังคา ใต้ต้นดอกไม้มีดรุณีแรกแย้มสวมชุดโบราณยืนอยู่ มันให้อารมณ์คิดถึงวันวานความสดใส ยังอยู่ในใจคน
แต่ว่าภาพวาดชิ้นนี้ราคาถูกเกินไป อาจจะไม่เหมาะให้เป็นของขวัญท่านย่า ทว่าสิ่งของใดๆ คุณย่าล้วนมีหมดแล้ว วันนี้เธอเลยลองมาหาอะไรใหม่ๆ ที่นี่ ปกติของที่ขายที่นี่จะเป็นของเล็กๆน้อยๆ หลายอย่างก็ไม่ค่อยมีคุณภาพเท่าใดนัก ตอนแรกก็ไม่คิดจะมา แต่หลังจากตะเวนเดินไปทั่วเมืองเลยได้เสี่ยงมาเดินดู
เด็กสาวเงยหน้าขึ้น สายตาจ้องมองของไป๋หรงทำให้เธอรู้สึกเขินอาย
“เอ่อ พี่ช่วยแนะนำให้หน่อยได้ไหมคะ ฉันจะซื้อภาพให้เป็นของขวัญญาติผู้ใหญ่”
อี้เฟยหลิงไม่ค่อยเข้าใจสื่อความหมายของงานวาดภาพเท่าไรนัก จึงลองขอคำปรึกษาดู
“ภาพทุกภาพ ล้วนสวยงามในแบบฉบับของมันค่ะ ดิฉันวาดเป็นภาพความรู้สึกอุ่นๆ นะคะ อาจจะมีบ้างให้ความรู้สึกห่วงหา คะนึงแต่เป็นความรู้สึกดีๆ ทั้งนั้นค่ะ คุณหนูชอบภาพไหนท่านก็น่าจะชอบค่ะ”
“น่าจะเป็นอย่างนั้น ฉันขอภาพวิวสะพานลอยด้วยอีกภาพค่ะ”
“ยอดรวม 6,000 หยวนค่ะ ขอบคุณมากนะคะ"
ไป๋หรงยิ้มแก้มปริดวงตาเปร่งประกายแวววาว จนอี้เฟยหลิงอยากจะเพิ่มราคาภาพวาดให้ เธออยากจะมองดวงตามีเสน่ห์ดวงนั้นต่อ
ไป๋หรงขายภาพวาดได้จนหมด ไม่เหลือ เธอเดินทางกลับบ้านด้วยความสุข วันนี้เธอขายภาพได้เงิน 50,000 หยวน เป็นรายได้ที่ดีพอสมควร ต่อไปเธอจะค่อยๆ เก็บเงินค่าหนี้คอนโดให้หมด จะได้ไม่ต้องกังวลอีก
ไม่ได้การเธอจะต้องไปวาดภาพเพิ่มก่อนนำมาขายอีก
ไป๋หรงไม่ได้คิดเลยว่า สไตล์การวาดภาพของเธอทำให้มูลค่าของรูปภาพมากมายกว่า 3,000 หยวนนัก ภายหลังจากนี้ภาพวาดของเธอกลับมีราคาสูงถึงภาพละหลายล้านหยวน
นายหญิงผู้เฒ่าตระกูลอี้
งานวันเกิดของนายหญิงผู้เฒ่าตระกูลอี้ครบ 60 ปี จึงเป็นการจัดงานวันเกิดที่ยิ่งใหญ่ รวมถึงยังมีการเชื้อเชิญนักการเมืองและนักธุรกิจชั้นนำของประเทศ ทุกคนล้วนเป็นแขกกิตติมศักดิ์ ตระกูลจัดงานครั้งนี้นอกจากจะเป็นการให้ลูกหลานของตระกูลอี้ได้แสดงความกตัญญูยังเป็นการแสดงความยิ่งใหญ่ของตระกูลที่กำลังเติบโตเป็นเสืออีกตัวหนึ่งของประเทศ จึงไม่แปลกหากจะมีผู้ร่วมงานที่ต้องการความก้าวหน้าจะมางานนี้เพื่อพบปะผู้คน บรรยากาศในงานคลอเสียงบรรเลง เพลงเบาๆ แม้ผู้คนมากหน้าหลายตา ทว่ากลับรู้จักกันเกือบทั้งหมดแขกแต่ละท่านสามารถพูดคุยกับทุกคนได้อย่างสนิทชิดเชื้อ
ผู้ที่ได้รับเชิญมาล้วนแต่พยายามสรรหาของของเล่อค่าเพื่อมอบเป็นของขวัญ และที่เป็นจับตามองย่อมเป็นการมอบของขวัญของลูกหลาน
เจ้าของวันเกิด คุณนายผู้เฒ่านั่งเป็นประธานนั่งรับของขวัญและคำอวยพร สิ่งที่สำคัญจุดเด่นในงานย่อมเป็นของการปะชันการมอบของขวัญวันเกิด ในบุคคลยิ่งใหญ่เหล่านี้สิ่งของที่มอบย่อมไม่ใช่แค่ราคาแต่หมายถึงความล้ำค่าและหายาก“ท่านย่า ของขวัญวันเกิดเล็กๆ จากหลานค่ะ” อี้เฟยหลิงแม้ไม่สันทัดเรื่องภาพวาดเท่าไรนัก แต่เธอเป็นลูกคุณหนูที่มีรสนิยมพอสมควร เธอจึงค่อนข้างมั่นใจว่าภาพนี้คุณย่าต้องชอบ แต่เธอกลับประเมินความชอบในระดับที่ต่ำจนเกินไป“ฮืม…เป็นภาพที่สวยมาก หลิงหลิงหลานช่างหาของขวัญถูกใจย่า บอกย่ามาสิ ไปได้จากไหนมา ท่านอาจารย์จากมหาวิทยาลัยที่ไหน ย่าอยากได้อีก”ย่าอี้สอบถามอย่างกระตือรือร้น ภาพวาดที่อี้เฟยหลิงมอบให้คล้ายจะใช้เทคนิคการวาดที่ดูค่อนข้างโบราณ มีมนต์ขลังซ่อนความรู้สึกโรแมนติกอ่อนโยนและอบอุ่น แม้จิตรกรสมัยนี้จะมีฝีมือมากแต่กลับไม่สามารถสื่อความหมายสมัยเก่าๆ ได้อารมณ์เช่นนี้ พอเห็นแววตาที่ฉายความความพอใจของท่านย่าที่จะมีให้เห็นไม่ค่อยจะบ่อยครั้ง อี้เฟยหลิงย่อมยินดีปลื้มใจแต่เธอไม่สามารถบอกคุณย่าได้จริงๆ ว่าซื้อมาจากสาวงามคนหนึ่งจากลานวัฒธรรมเท่านั้นท่าทีอ้ำอึ้งของหลา
ณ ร้านฟอเรสเต้ คาเฟ่ขนาดใหญ่ ติดกับรั้วโรงเรียนเอกชนชื่อดัง กิจกรรมปกติหลังเลิกเรียนของเด็กสาววัย 14-15 ย่อมเป็นการนั่งดื่มนม เค้กและขนมหวานอี้เฟยหลิงกับเพื่อนล้วนนัดมาเจอกันที่นี้เป็นประจำ“นี้!! พวกเธอดู นางร้ายไป๋หรง ช่วงนี้กระแสมาแรงมากเลยนะ”“เป็นเพราะมีข่าวกับพี่ชายอี้เฟยหลิงหรอ” “บ้าไม่ใช่ เราก็บอกไม่ได้เหมือนกัน ว่าทำไมอยู่เฉยๆ ก็ดูโดดเด่นขึ้นมา”“มีด้วยหรอ ไม่ใช่ว่า…”คริๆ เสียงหัวเราะกระซิกกระซาบกันก็ดังแว่วขึ้นจุดเว้นวรรคไม่เอ่ยถึงจุดนั้นหลายคนก็ต่างเข้าใจตรงกัน เพราะพวกเธอล้วนเป็นทายาทตระกูลใหญ่ อะไรที่ไม่เป็นข่าวล้วนรู้หมด วงการบันเทิงและธุรกิจหลายอย่างมันก็มีด้านเทาๆ หรือเกือบจะมืดดำด้วยซ้ำ ดาราดังๆ หลายคนต่างเอาตัวเข้าแลกเพื่อให้ได้งานและมีตัวตนพื้นที่สื่อ “พวกเธออย่าคิดไปเชียว …ฉันก็สงสัยข้อนี้ แต่ลองสืบแล้วไม่มี เขาโดดเด่นจริงๆ นะแก ยิ่งเป็นวีดีโอตอนออกเกมโชว์แบบว่า เหมือนนางพญาเลยอ่ะ”“เวอร์ไปแระแก ไหนๆ มาดูสิ” อี้เฟยหลิงพูดขึ้นพร้อมชะโงกหน้าไปดูภาพดารานางร้ายคนนั้น ปกติเธอไม่ได้สนใจดาราเท่าไรเมื่อเพื่อนให้ความสนใจ จึงได้เหลือบตาไปมองร่วมด้วยพี่สาว
เมื่อได้ยินเสียงหัวใจตัวเองบอกว่าจะหยุดไว้ที่ผู้หญิงคนนี้ อี้เฟยหลิงก็เกิดอาการต่อต้านทันที จะเป็นไปได้อย่างไร เพียงแค่เจอกันครั้งแรก จะมีความรู้สึกเช่นนั้นทุกคนต่างเห็นท่าทางของอี้เฟยหยางตะลึงความสวยของไป๋หรงต่างก็โอดครวญเสียใจ วันนี้ผู้หญิงที่โชคดีคนนั้นคือ ไป๋หรง แน่นอน ไม่ผิดจากที่ทุกคนคาดการณ์ ไป๋หรงเมื่อเดินออกมาจากในงาน ก็เจออี้เฟยหยางยืนรอเด่นพร้อมบอดี้การ์ด 4 หนุ่ม ประกบซ้ายขวาอย่างละ 2 คนซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของอี้เฟยหยางอยู่แล้ว เขาจะปรากฏกายพร้อม บอดี้การ์ด 4 หนุ่มหล่อไปไหนมาไหนตลอด ทำให้เขากลายเป็นจุดเด่นผู้คนให้ความสนใจ วันนี้เขายังคงใส่สูทดำ เปิดกระดุม 2 เม็ดเช่นเคย ผู้หญิงล้วนอ่อนระทวยเมื่อได้เจอซิกแพคอันขาวๆของเขาไป๋หรงเมื่อเจอชายหนุ่มผู้มั่งคั่งอวดรัศมีความร่ำรวยเช่นนี้ เธอเองก็ชะงักตกตะลึง และเริ่มกังวลถึงสติปัญญาของตนเองเหตุใด เมื่อก่อนก็เป็นหนึ่งในหญิงสาวที่เคยฝันคะนึง หลงใหลผู้ชายคนนี้ เพียงเสี้ยวนาทีเธอก็เข้าใจ เพราะในความทรงจำของเธอ ฮองเต้ เธอก็เคยกลืนกินมาแล้ว อี้เฟยหยางจึงกลายเป็นบุคคลธรรมดาสามัญไปชายหนุ่มไม่ล่วงรู้ความคิดหญิงสาว เ
"ผมขอเลขบัญชี จะดำเนินการโอนให้ตอนนี้เลย"เสียงพูดของอี้เฟยหยางดึงสติไป๋หรงให้กลับคืนมา “ได้ค่ะ” ติ้ง ติ้ง ยอดเงินแจ้งเข้าบัญชี 100 ล้านหยวน การซื้อขายเรียบร้อย ไป๋หรงส่งมอบภาพให้ทันทีอี้เฟยหยาง หันไปรอบ ๆ บริเวณ ที่นี้เป็นห้องรับรองของคอนโด ชายหนุ่มยิ้มอย่างขำ เขาเจรจาซื้อของมูลค่าในสถานที่เช่นนี้ เขาส่ายๆ หน้าเบา ๆ รับภาพวาดจากหญิงสาวส่ง ให้คนนำไปเก็บจากนั้นก็หันหน้ามาคุยกับไป๋หรง“คุณไป๋หรง ตอนนี้เราก็เป็นคู่ค้าทำธุรกิจร่วมกันกันแล้ว ไปทานข้าวด้วยกันหน่อยดีไหมครับ”เจรจาพูดคุย เป็นเรื่องปกติในการทานข้าวกันในวงการธุรกิจ หากมองอย่างเป็นกลาง อี้เฟยหยางก็ไม่ได้ทำอะไรที่ดูเสียหาย ถ้าปฏิเสธจะเสียมารยาทไป“ตกลงค่ะ ฉันขอเป็นคนเลี้ยงคุณนะคะ”มิติใหม่ของอี้เฟยหยาง ให้หญิงสาวเลี้ยง“ยินดีอย่างยิ่งเลยครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอเลือกร้านเองนะครับ”“ได้ค่ะ”เมื่อไป๋หรงตอบตกลง อี้เฟยหยางจึงโค้งตัว เชื้อเชิญไป๋หรงขึ้นรถไปกับเขา หญิงสาวก้าวเดินอย่างมั่นคง แววตานิ่ง ทำให้ไม่เห็นความสั่นไหวในใจแต่อย่างไรบนโต๊ะอาหาร ไร้การพูดคุยทุกอย่างเงียบงัน บรรยากาศคล้ายมีการสอบสวนบางอย่างมากกว่า
กรี๊ง กริ๊ง เสียงโทรศัพท์ดังอยู่นานสองนานไป๋หรงก็ยังไม่มีท่าทีจะรับ หญิงสาวใช้มือควานหาโทรศัพท์มือถือที่วางบนโต๊ะข้างเคียง ชั่วขณะหลังจากหยิบมือถือขึ้นมาดูหญิงสาวกะพริบตาปรือ ๆ พยายามมองให้เห็นผู้ใดกันที่โทรหาเช้ายิ่งนัก“แม่” แม่โทรมาเช่นนี้คงไม่พ้นเรื่องเงิน ไป๋หรงหลับตาเตรียมใจตั้งสติ ก่อนที่กดรับสาย “แม่..ว่าไง” แม้ไป๋หรงจะเปลี่ยนไปทว่าเธอยังใช้น้ำเสียงเช่นเดิมปกติที่คุยกับแม่“แหม๋…กว่าจะรับนะแก ฉันดูทีวีเห็นตอนนี้แกควงไฮโซนิ ชีวิตคงสุขสบายแล้วสินะ” ไม่ผิดจากที่คาดการณ์ แม่ยังคงใช้น้ำเสียงกระแหนะกระแหนของแม่ฉินฟางยังคงเช่นเดิม และนี่ก็คือฉินฟางแม่แท้ๆ ของไป๋หรง“แม่จะเอาเท่าไร” เมื่อได้ไตร่ตรองที่ผ่านาแม่ล้วนลำบากจริงถึงได้โทรมากวน ก่อนหน้าเป็นยังเด็กมองอะไรแคบและเธอก็ใจแคบจึงไม่ได้มองเห็นความหวังดีของแม่ “น้องแกจะเปิดเทอม พอดีที่ช่วงนี้… //ฉันจะโอนให้แม่ 10,000 หยวนพอไหม" ไป๋หรงไม่อยากฟังคำอธิบายจากแม่เท่าไร ยิ่งฟังยิ่งรับรู้ถึงความลำบากและเธอก็เข้าใจว่าคงไม่มีใครใคร่อยากจะบรรยายเหตุผลเหล่านี้เท่าไรนัก“แหม๋แกรวยแล้วสินะ 5,000 หยวนก็พอ ฉันก็มีมือมีตี
ภาพควงกับหนุ่มธุรกิจชื่อดังอี้เฟยหยาง คำค้นหา “ไป๋หรง” มีมากกว่า 10 ล้านคำค้น เกิดเป็นกระแสโด่งดังเพียงชั่วข้ามคืน แถบยังติดอันดับการค้นหาเป็นอันดับหนึ่งติดต่อกันเป็นหลายสัปดาห์ ไป๋หรงกลายนางร้ายที่กำลังโด่งดังยิ่งกว่านางเอกแนวหน้า โฆษณาติดต่อเข้ามาเป็นจำนวนมากสื่อต่างพยายามเสนอข่าว จากงานฉากในละครหรือแม้กระทั่งข่าวเล็ก ๆ น้อย ๆ พอเดินไปไหนมาไหน จึงมีคนขอถ่ายรูปเต็มไปหมด ไป๋หรงยินดีกับผลตอบรับในครั้งนี้มากเพราะทุกอย่างย่อมอยู่ในแผนแต่ตอนนี้เธอจึงตัดสินใจใหม่ ซื้อรถก่อนจะได้ใช้ในการเดินทางไป๋หรงคนเก่าไม่มีความรู้อะไรเลย ไป๋หรงจึงตัดสินใจโทรหาเฟย เฟย“สะดวกสิคะคุณน้อง ตอนแรกพี่ว่าจะโทรแจ้งเรื่องงานโฆษณาตัวใหม่ เห็นว่าวันนี้เป็นวันหยุดเลยไม่อยากรบกวน อย่างนี้ดีไหมคะ เราไปซื้อรถและคุยรายละเอียดกันไปด้วยเลย”“ได้ค่ะพี่ ฉันรอที่คอนโดนะคะ” ไป๋หรงไม่ได้มีอคติอะไรกับพี่เฟยเฟย เธอชอบคนที่กระตือรือร้นด้วยผลประโยชน์ค่อยคุยกันง่าย ชัดเจนดี รอไม่นานเพียง 30 นาที เฟย เฟย ก็มารับไป๋หรงที่คอนโด"เป็นงานแอมบาสเดอร์แบรนด์เสื้อผ้า MASA ค่ะ เขาเสนอตัวเลขมา 7 หลักเงื่อนไขสัญญาค่อนข้างละเอี
“นางร้ายไป๋หรงไปเที่ยวทะเลกับใคร??” เกิดกระทู้เรียกกระแสคุยกัน ผู้คนต่างคาดเดา เรื่องนี้ไม่มีทางผิดพลาด แน่นอนว่าต้องไปกับอี้เฟยหยางไป๋หรงยังคงไม่รู้เรื่องราวใด ๆ เฟย เฟย เองก็ไม่ได้โทรสอบถาม เธอลางสังหรณ์บอวว่าเรื่องนี้เธอถอยห่างจะดีกว่า ส่วนคนที่น่าสงสารที่สุด ย่อมเป็น อี้เฟยหยางผู้ตกเป็นผู้มีข่าวกับ ไป๋หรงมา 2-3 วันนี้ ชายหนุ่มกลับไม่เจอหน้าหญิงสาวคนนั้นมาตั้งแต่วันนั้น วันที่ไปทานข้าวด้วยกัน และหากเดาไม่ผิดวันนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขารอการติดต่อกลับจากหญิงสาวทุกวัน จากที่เขาทิ้งนามบัตรไว้ให้สถานการณ์เงียบกลับแบบนี้ เขาค่อนข้างจะสับสน “ทำไมข่าวออกมาว่าผมซื้อรถให้ไป๋หรง” ชายหนุ่มเอ่ยถามบอดี้การ์ด “นักข่าวกับเหล่าแฟนคลับท่าน คาดเดาเองครับ” "คาดเดาได้เป็นเรื่องเป็นราว แล้วนี่ไป๋หรงไปเที่ยวทะเลกับใคร” ขายภาพได้ตั้ง 100 ล้าน จะซื้อรถราคา 13 ล้าน อี้เฟยหยางย่อมไม่แปลกใจ ทว่าอย่างไรก็ต้องสืบข่าวนางร้ายคนนี้สักหน่อยหรือคบคนอื่นอยู่ ใครกันที่กล้ายุ่งกับผู้หญิงที่เขาต้องตาเลขาส่วนตัวกลับมาในเวลาไม่ถึง 10 นาที“ไม่มีครับท่าน เธอไปคนเดียว” สิ้นคำตอบ อี้เฟยหย
นางร้ายไป๋หรงต้องเป็นของเขาอี้เฟยหยางตั้งใจตั้งมั่น เขาไม่เคยได้รู้สึกตื่นเต้นเช่นนี้มาก่อน ความรู้สึกที่ตัวเองกำลังจะเป็นผู้ล่า ทำให้เลือดในกายของเขาพุ่งกระฉูด ภายในใจฮึกเหิมทะนงตัวว่าอย่างไรศึกครั้งนี้เขาต้องเป็นผู้ชนะ “คุณอี้เฟยหยางคะ” เสียงใสๆเนิบๆ เอ่ยเรียกอย่างอ่อนโยนดวงตาเป็นประกายวิบวับ “ครับ โทษทีครับพอดีบรรยากาศดีผมเลยคิดเยอะไปหน่อย” “เอ่อค่ะ แสงเริ่มหมดแล้ว เรากลับกันดีกว่าค่ะ” พอเห็นแววตาและท่าทางของอี้เฟยหยาง ไป๋หรงเริ่มมีความกังวลระวังไว้หน่อยเป็นดี ท่าทางแสนจะกรุ้มกริ่มแม้จะพยายามเก็บอาการก็ดูออกง่ายว่าเสแสร้งจอมปลอม “ผมได้จัดเตรียมโต๊ะไว้แล้ว หิวหรือยังครับ" ชายหนุ่มยังไม่อยากแยกกับหญิงสาวตอนนี้เลย “จัดที่ไหนคะ” ไป๋หรงรู้สึกว่าหากรู้สถานที่ก่อนน่าจะดีกว่าเผื่อได้ตัดสินใจใหม่“ริมหาดหน้าโรงแรมครับ” จุดนั้นมุมสวยสุดอี้เฟยหยางตั้งใจสร้างความประทับให้หญิงสาวให้มากที่ แววที่ส่งมาทำให้ไป๋หรงมั่นใจว่าอี้เฟยหยางมีศักดิ์ศรีและความมั่นใจ คงไม่ทำอะไรที่ต่ำทราบ “ดีจังเลยค่ะ บรรยากาศแบบนี้ทานข้าวริมหาดยามเย็นต้องโรแมนติกมากๆเลย” ยิ้มหวานละลายไปจ
ตอนที่ 61 ฉันอยู่ตรงนี้ก็ดีอยู่แล้วความลำบากนี้ใจนี้ไม่ใช่ของเธอ แต่เป็นของคุณลุง“พวกท่านตัดสินใจอย่างไร”“เราไม่คิดอะไรแล้ว ในเมื่อหนูเป็นลูกเป็นทายาทของไป๋หรง ปู่กับย่าก็ให้หนูตัดสินใจ เรื่องต่อจากนี้พวกเราไม่เกี่ยวข้องแล้ว”ให้มันได้อย่างนี้ ไป๋หรงรู้สึกเบื่อหน่าย เธอไม่เข้าใจเลยความจริงแล้วเธอไปเกี่ยวอะไรด้วย“ในเมื่อตอนนี้คุณซ่งเฟยซูไม่อยู่ เรื่องนี้ก็พักเก็บไว้ก่อน ฉันคิดว่าให้ทุกคนได้ไตร่ตรองกันให้รอบคอบ”อย่างไรก็ต้องนึกถึงเด็ก ๆ ทั้ง 3 คน“แล้วหลานจะไม่กลับเข้าตระกูลหรือ”ทั้งสองผู้อาวุโสจากตระกูลจ้าวรับรู้ได้ถึงความเย็นชาของไป๋หรง ถึงได้เอ่ยคำถามนี้“ฉันอยู่ตรงนี้ มีความสุขดีอยู่แล้ว”เธอจะทำตัวเองให้สูงส่งด้วยตัวของเธอเอง เธออยากจะพิสูจน์ความสามารถของตนเอง ชาติที่แล้วเธอโดนปรามาสว่าเป็นเพราะมีตระกูลหนุนหลังเธอถึงได้เป็นฮองเฮา ไม่ใช่ว่าเธอไม่ได้ทำอะไรเธอทำอะไรไม่ได้ต่างหาก ชาตินี้เธอก็อยากใช้ชีวิตให้เต็มที่โดยที่ไม่มีต้องมีตระกูลหรือคนในตระกูลมาวุ่นวาย จะดีจะร้ายก็ให้มันเป็นไปอย่างนั้น“ได้ แต่หลานอย่าลืมตระกูลจ้าวพร้อมรับหลานกลับเข้าตระกูล ไม่ว่าจะเกิดอะไ
ตอนที่ 60 ขอโทษที่รบกวนใจคุณซ่งจวินฟื้นขึ้นมาได้หลายชั่วโมงแล้ว สิ่งที่เขารับรู้ได้ตอนนี้เขาถูกควบคุมตัว“คุณอา ผมขอโทรศัพท์”เขาอยากรู้เรื่องราวสถานการณ์ตอนนี้“ไว้เราหายดีแล้วอาจะให้เราจัดการเองตอนนี้อาขอให้พักก่อนได้ไหม”ซ่งเจิ้นให้เหตุผลที่เหมาะสมที่สุดแล้ว“เมื่อไร”“ตามที่หมอบอก 2-3 วัน ไม่ต้องเป็นห่วงทุกอย่างเรียบร้อยมีแค่หลานของอาที่บาดเจ็บ”พอเอ่ยเสร็จซ่งเจิ้นก็พยักหน้าให้หมอฉีดยานอนหลับ รออีก 2-3 วัน หลังจากน้องสาวเขาเดินทางไปต่างประเทศทุกอย่างจะเรียบร้อยซ่งจวินออกจากโรงพยาบาลหลักฐานอะไรก็ไม่มีเหลือแล้วไป๋หรงไม่ได้ติดต่อ จ้าวไป๋ตงเธอรู้ว่าอีกสักหน่อยคุณลุงคนนี้ต้องติดต่อมา โชคดีที่เธอพึ่งถ่ายละครเสร็จทีมตัดต่อยังไม่เรียบร้อยทำให้ยังไม่ถึงช่วงที่ต้องโปรโมทละครและไม่ได้รับงานอย่างอื่น ยังพอมีเวลาได้หายใจ แต่ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่ออกไปไหนเลย“ลูกจะไปไหน”ฉินฟางเอ่ยถามไป๋หรงอย่างตกใจ เธอยังไม่อยากให้ลูกสาวออกไปไหนทั้งนั้น“ฉันจะออกไปเรียนภาษาค่ะ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงตอนนี้น่าจะมีคนคุ้มครองหนูอยู่แล้ว”ไป๋หรงไม่ได้ตกใจกลัว ชาติที่แล้วเธอโดนลอบวางยาพิษไม่รู้กี่ครั้ง ชาตินี
ตอนที่ 59 ทำความรู้จักกันซ่งเฟยซูกลับถึงบ้านก็เจอจ้าวไป๋ตงกำลังนั่งเล่นกับบุตรสาวอยู่เธอเดินเข้าไปร่วมวงอย่างปกติ “ฉันไปหาพี่ชายมา ตั้งใจว่าจะไปเยี่ยมซ่งจวินแต่เห็นว่าปลอดภัยแล้วจึงกลับบ้านมา”“คุณเป็นคนตระกูลจ้าวแล้ว ไม่ควรไปวุ่นวายเรื่องราวในตระกูลซ่งอีก” จ้าวไป๋ตงเอ่ยขึ้นพยายามเก็บซ่อนความคิดในใจ“ทราบแล้วค่ะ ต่อไปฉันจะระวังตัว”จ้าวไป๋ตงไม่ได้เอ่ยเกินจริง หากจะไปเยี่ยมก็ควรรอไปพร้อมกันไม่ใช่แอบไปเช่นนี้ มันไม่ใช่การไปหาสู่กันปกติ ถึงแม้ซ่งเฟยซูไม่ได้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์แต่การเข้าไปสอบถามเช่นนี้ก็ถือว่าเกินสิ่งที่คนแซ่อื่นจะกระทำเมื่อเห็นสีหน้าภรรยาสลดลงก็ใจอ่อนลง“ช่างเถอะ คุณอาจจะตกใจ" จ้าวไป๋ตงมีเปลี่ยนเป็นเสียงนุ่มนวลขึ้น ทว่าซ่งเฟยซูก็ตัดสินใจบางอย่าง“ฉันว่าจะไปหาลูกอี้ถัง แต่พอมีเรื่องอาจจะไม่ไปแล้วค่ะ” ซ่งเฟยซูบอกแผนการของตัวเอง มาคิดดูแล้วเธอควรจะไปต่างประเทศ“ไปเถอะ เรื่องนี้ผมจะจัดการเองลูกอาจจะรอคุณอยู่”จ้าวไป๋ตงเอ่ยอนุญาต เขาก็เป็นห่วงลูกชายเหมือนกันมีมารดาไปอยู่ด้วยน่าจะดี“หนูไปด้วยได้ไหมคะ ฟางฟางคิดถึงพี่ชาย” จ้าวเย่วฟางเอ่ยถามขึ้นเสียงใ
ตอนที่ 58 ตอนนี้ความปลอดภัยต้องมาก่อน“ตามเธอไป” จ้าวไป๋ตงสั่งลูกน้องให้เฝ้าดูภรรยาตัวเอง ไม่นานก็เห็นถึงความผิดปกติ อาซ่งเจิ้น นั่งหน้าเครียดท่ามกลางเหล่าบอดี้การ์ด เขาไม่อยากเชื่อสิ่งที่สืบมาได้ กริ๊ง กริ๊ง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เมื่อชำเลืองดูหมายเลขก็บอกได้ว่าสิ่งที่กังวลจะเป็นจริง“มาหาฉันที่บริษัท เรามีเรื่องต้องคุยกัน” ซ่งเฟยซู เมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานของพี่ชายซ่งเฟยซูก็เอ่ยถามทันที“หลานเป็นอย่างไรบ้าง”“ปลอดภัยดี”ซ่งเจิ้นตอบเสียงเรียบ“ทำไมต้องทำแบบนี้!!” เสียงคุกคามกดดัน ทำให้ซ่งเฟยซูตกใจรีบโผล่เข้าไปกอดพี่ชาย“ฉันไม่ได้ตั้งใจทำร้ายหลานนะ เพราะนังนั่นต่างหาก หากไม่มีมัน..ใช่แล้ว...มันควรตาย ตาย ไปซะ”“หยุดนะ ซูเออร์” ซ่งเจิ้น ปิดข่มอารมณ์จนปานนี้น้องสาวของเขายังไม่สำนึกผิด“ฉันไม่หยุด” ซ่งเฟยซูกรีดร้องโวยวาย“พี่สั่งให้เธอหยุด!!” เป็นซ่งเจิ้นที่ตวาดเสียงอย่างแรง ซ่งเฟยซูโดนเสียงพี่ชายตวาด ตกใจ นั่งลงโซฟาร่างกายสั่นเทาความกลัวที่แอบเก็บซ่อนไว้เผยออกมา จริงแล้วเธอกลัวพี่ชายมาก“ทำไมยังทำแบบนี้อีก” พอเห็นน้องสาวตัวสั่น จิต
ตอนที่ 57 ทำไมใส่ใจได้ขนาดนั้นโรงพยาบาลซ่งจวินโดนนำส่งโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว และเข้ารับการผ่าตัดทันที แม้หมอจะบอกว่ากระสุนไม่โดนจุดสำคัญ ไป๋หรงก็นั่งหน้าซีดใจสั่น เธอพยายามหลีกเลี่ยงผู้ชายคนนี้มาตลอด สุดท้ายก็ยังหลีกเลี่ยงความสัมพันธ์ไม่ได้อี้เฟยหยางนั่งอยู่เคียงข้างหญิงสาว ความรู้สึกเป็นห่วงของไป๋หรงที่มีต่อซ่งจวินเอ่อล้นออกมามากมายผ่านทั้งแววตาและท่าทาง เขามั่นใจว่าไป๋หรงมีซ่งจวินอยู่ในใจ “เขาจะปลอดภัยครับ” อี้เฟยหยางเอ่ยปลอบใจหญิงสาว ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะมาอยู่จุดนี้ได้จุดที่ส่งคนที่รักสุดหัวใจ ให้ผู้ชายอีกคน “ค่ะ” ไป๋หรงก็เชื่อเช่นนั้น ผู้ชายคนนี้เขาแกร่งมาแต่ไหนแต่ไร เขาไม่เคยเป็นอะไรไปง่ายๆทุกอย่างเขาล้วนฝ่าฟันผ่านไปได้ ฉันรู้จักเขาดี “พี่ชาย” เสียงอี้เฟยหลิงเอ่ยเรียกอี้เฟยหยางแผ่วเบา เธอเดินเข้าไปนั่งข้างกายไป๋หรงและกุมมือหญิงสาวไว้ อี้เฟยหลิงชำเลืองตาดูสีหน้าไป๋หรง ใบหน้าซีดเซียวแฝงความตื่นตระหนก แม้จะไม่เสียอาการทว่าเท่านี้ก็มากพอสำหรับไป๋หรงพี่ไป๋หรงชอบพี่ซ่งจวินหรือนี่ ทำไมไม่มีท่าทีมาก่อน ความรักช่างน่ากลัวเหลือเกิน ฉันไม่อยากมี
ตอนที่ 56 ความสัญญาในอดีตคอมเมนต์เริ่มต้นจุดประกายให้คนโจมตีผู้ไม่หวังดี คนเริ่มเห็นด้วยมากขึ้น มากขึ้น จนเกิดแคปชั่น กระทู้มากมายโจมมีคนผู้นั้น#คนแบบไหนถึงอิจฉาไป๋หรง#ใครๆก็ต้องอยากได้ดี#ไม่อิจฉานะคะ“คนบางคนไม่ยอมพัฒนาตัวเองคอยแต่อิจฉาคนอื่น” “วงการนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว”“รอชมผลงานนะคะ”“ไป๋หรงสู้ๆ ค่ะ คุณทำดีแล้ว”“เน้นผลงานค่ะ”ฯลฯอี้หลิงซือนั่งหน้าบึงตึงในใจเคียดแค้น บ่นพึมพำ“ใคร ใครว่าฉันอิจฉา ทำไมคนระดับฉัน คนอย่างฉันทำไมต้องไปอิจฉาดาราด้วย ฉันแค่อยากให้ทุกคนเห็นว่า กาตัวนี้ทะเยอทะยานแค่ไหน”อี้เฟยเยี่ยเห็นสีหน้าภรรยาก็พอรู้แล้วว่าคงโดนโต้ตอบกลับมา “ผมเตือนคุณแล้ว” ยิ่งได้ยินเสียงซ้ำเติมจากสามี อี้หลิงซือยิ่งโมโห“คุณ!!”ไม่รอให้ภรรยาวีนใส่ อี้เฟยเยี่ยก็ลุกเดินหนีทันทีพอดีที่อี้เฟยหลิงโทรมา“เป็นอย่างไรบ้างลูก” อี้เฟยเยี่ยรับสายลูกสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“พ่อขา เมื่อไรจะกลับมา” อี้เฟยหลิงส่งเสียงออดอ้อน “น่าจะไม่เกิน 2 เดือน ถ้าหนูคิดถึงก็มาหาพ่อสิค่ะ” “หนูไม่ว่างเลย และตอนนี้ก็เปิดเทอมแล้ว” อี้เฟยหลิงเอ่ยบอกงานเธอเยอะมาก“แล้วทำไมต้องทำให้ชีวิต
ตอนที่ 55 ผู้ไม่หวังดีคนนั้น ณ ต่างประเทศอี้เฟยเยี่ยกับอี้หลิงซือ พ่อแม่ของอี้เฟยหยางกับอี้เฟยหลิงด้วยภาระของผู้นำตระกูลทำให้ต้องไปดูแลบริษัทที่พึ่งไปลงทุนที่ต่างประเทศให้มั่นคงอี้เฟยเยี่ยชำเลืองผู้เป็นภรรยา กำลังนั่งดูข่าวบันเทิงเขาเห็นว่าข่าวเกี่ยวกับดาราไป๋หรงคนนี้ ภรรยาให้ความสำคัญเป็นพิเศษ และได้ยินแว่วๆ ว่ามีข่าวคบหากับบุตรชายของเขา“คุณอย่าไปยุ่งกับเรื่องของลูกๆ เชียว”เป็นสามีภรรยากันมานาน เขาย่อมดูออกว่าตอนนี้ภรรยาของตนเองมีแผนการบางอย่าง“ไม่ได้นะคุณ ที่ผ่านมาฉันไม่เคยสนใจ ว่าแล้วเชียว สักวันหยางหยางน้อยของฉันต้องตกหลุมพลางมารยาของเหล่าพวกดาราพวกนี้”พอนึกถึงคำที่ฉีป๋านเฉินเล่าให้ฟังเธอยิ่งร้อนใจ เพราะตอนนี้ผู้หญิงคนนี้ได้เข้าบ้านไปไหว้ท่านย่าอี้และยังเข้าไปทำงานร่วมกับอี้เฟยหลิงน้อย ทั้งที่เธอวางแผนไว้อย่างดียังพลาดได้ ฝีมือผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา เด็กน้อยทั้งสองลูกของเธอยังอ่อนเยาว์เธอจะปล่อยไม่ได้เห็นสายตาของภรรยาผู้เป็นสามีจึงพูดขึ้น“คุณกำลังคิดว่าลูกๆ ของเราโง่รึ”คำถามที่ตรงไปตรงมา ทำให้อี้หลิงซือสะดุ้ง ไม่นะลูกเธอไม่ได้โง่เธอรีบบอกปัด“เปล่าสักหน่อย
ตอนที่ 54 ความรักทำให้มีพลังอี้เฟยหยางรีบขึ้นหยิบน้ำส้มคั่นสดไปให้หญิงสาวทันทีเวลาก็ล่วงเลยเที่ยงมาแล้ว ตงไป๋ตงจึงเอ่ยขึ้น “พักรับประทานเที่ยงก่อนดีไหมครับ”ไป๋หรงดื่มน้ำส้มสักพัก จึงเงยหน้า ตอบ“ดีเหมือนกันค่ะ ฉันลืมเวลาไป”ตงซูเฟยเอ่ยชวนทุกคนรับประทานอาหารที่ในสวนจัดโต๊ะใกล้เรือนกระจก บรรยากาศร่มรื่นเย็นสบาย ดอกไม้แข่งกันส่งกลิ่นหอมอบอวน“ช่วงสิ้นเดือนจะมีแกลลอรี่จัดงานแสดงภาพวาดและงานศิลปะ งานครั้งนี้ได้นำผลงานของศิลปินระดับโลกมาด้วย ผมได้นำภาพของอาจารย์เข้าร่วมโชว์ด้วย ถ้าอาจารย์ไป๋หรงสนใจลองไปดูครับ”จ้าวไป๋ตงเอ่ยบอกเจ้าของผลงาน งานนี้จะยิ่งเพิ่มชื่อเสียงในวงการมากขึ้น“ขอบคุณมากค่ะ งานนี้ฉันต้องไปให้ได้เป็นประสบการณ์ที่ดี”ไป๋หรงเองก็ยังไม่เคยศึกษางานทางด้านนี้ เธออ่อนประสบการณ์ ตอนนี้ไม่รู้จะเริ่มงานตรงไหนก่อน “อย่าพึ่งใจร้อนครับและไม่ต้องกังวล เรื่องลงทุนสถานที่ผมจะดูแลเองคุณดูแลเรื่องงานศิลปะก็พอ”คนมีความสามารถแตกต่างกัน จ้าวไป๋ตงรู้ดีว่าจะต้องใช้คนอย่างไร“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ฉันจะพยายามทำให้ดี”ในขณะที่คุยกันไป๋หรงก็สังเกตเห็นเด็กน้อยวัย 8-9 ขวบ แอบจ้องมองเ
ตอนที่ 53 ชื่อเหมือนกันเลยอี้เฟยหลิงเลิกกลับจากโรงเรียนได้ยินเสียงดังจากห้องครัวก็ขมวดคิ้วสงสัย “ไม่ได้ครับ คุณชาย ใส่เนื้อแบบนั้นไม่ได้มันจะคาว” อี้เฟยหยางได้ยินแบบนั้นก็หยิบเนื้อชิ้นนั้นทิ้งทันที“แค่ใส่ก็ต้องมีวิธีด้วย” อี้เฟยหยางเริ่มมีเหงื่อที่หน้าผาก เขาเหนื่อยตั้งแต่จับมีดแล้วนะ“ครับ ต้องรอน้ำเดือนสักหน่อย เนื้อสุกแล้วลดไฟลงแล้วค่อยปรุง” เสียงสนทนายังดังแว่วไม่หยุด “คุณชายกำลังเรียนทำอาหารค่ะ” แม่บ้านตอบอี้เฟยหลิง แม้คุณหนูไม่ได้ถามเธอก็พอเดาได้“พี่ชายหยาง เนี้ยนะ!” อี้เฟยหลิงอุทานแปลกใจ เธอไม่ได้เดินเข้าไปดู เพราะวันนี้มีเอกสารหลายอย่างต้องตรวจ“คุณหนู งานของฝ่ายบุคคลค่ะ เสนอพิจารณาโบนัสของพนักงาน”อี้เฟยหลิง รับเอกสารมาตรวจดูและเงยหน้าดูเอกสารบนโต๊ะทำให้เธอรู้สึกว่าทำไมพี่ชายเธอว่างจัง ท่านย่าอี้กำลังพรวนดินดูแลสวนดอกไม้ หันมาเอ่ยถามเลขาส่วนตัวของหลานชาย“เราใช่ไหม เป็นคนไปสอนอาจารย์ไป๋หรง” ท่านย่าอี้สะดวกเรียกไป๋หรงแบบนี้เธอยกย่องคนในด้านฝีมือทางด้านศิลปะ “ครับท่าน” อูจิ้งตอบรับอย่างนอบน้อบ“เป็นอย่างไรบ้าง” “ฉลาดมีไหวพริบ เหมือนคน