เจ้าของวันเกิด คุณนายผู้เฒ่านั่งเป็นประธานนั่งรับของขวัญและคำอวยพร สิ่งที่สำคัญจุดเด่นในงานย่อมเป็นของการปะชันการมอบของขวัญวันเกิด ในบุคคลยิ่งใหญ่เหล่านี้สิ่งของที่มอบย่อมไม่ใช่แค่ราคาแต่หมายถึงความล้ำค่าและหายาก
“ท่านย่า ของขวัญวันเกิดเล็กๆ จากหลานค่ะ”
อี้เฟยหลิงแม้ไม่สันทัดเรื่องภาพวาดเท่าไรนัก แต่เธอเป็นลูกคุณหนูที่มีรสนิยมพอสมควร เธอจึงค่อนข้างมั่นใจว่าภาพนี้คุณย่าต้องชอบ แต่เธอกลับประเมินความชอบในระดับที่ต่ำจนเกินไป
“ฮืม…เป็นภาพที่สวยมาก หลิงหลิงหลานช่างหาของขวัญถูกใจย่า บอกย่ามาสิ ไปได้จากไหนมา ท่านอาจารย์จากมหาวิทยาลัยที่ไหน ย่าอยากได้อีก”
ย่าอี้สอบถามอย่างกระตือรือร้น ภาพวาดที่อี้เฟยหลิงมอบให้คล้ายจะใช้เทคนิคการวาดที่ดูค่อนข้างโบราณ มีมนต์ขลังซ่อนความรู้สึกโรแมนติกอ่อนโยนและอบอุ่น แม้จิตรกรสมัยนี้จะมีฝีมือมากแต่กลับไม่สามารถสื่อความหมายสมัยเก่าๆ ได้อารมณ์เช่นนี้
พอเห็นแววตาที่ฉายความความพอใจของท่านย่าที่จะมีให้เห็นไม่ค่อยจะบ่อยครั้ง อี้เฟยหลิงย่อมยินดีปลื้มใจแต่เธอไม่สามารถบอกคุณย่าได้จริงๆ ว่าซื้อมาจากสาวงามคนหนึ่งจากลานวัฒธรรมเท่านั้น
ท่าทีอ้ำอึ้งของหลานกลายเป็นว่าผู้เป็นย่าเข้าใจ หลิงหลิงไม่อยากบอกกล่าวเพราะมีคนอยู่มาก อาจจะไปก่อกวนท่านอาจารย์ผู้วาดภาพได้ เช่นนั้น…ไว้ค่อยสอบถามอีกที
“คุณท่านค่ะ ภาพวาดนั้นขอพวกเราดูบ้างสิค่ะ”
หลายคนในนี้ ล้วนเป็นผู้ชื่นชอบงานศิลปะ พอได้เห็นภาพวาดนั้น แต่ละคนก็ล้วนตกตะลึง เป็นภาพวาดที่ทรงคุณค่ามาก ผู้วาดได้สลักชื่อลงบนขอบล่างภาพมุมขวา
“ไป๋หรง”
ทุกคนต่างทำหน้าฉงนสลับมองหน้าตากันไปมา หวังจะมีใครสักคนที่รู้จัก
ทว่าสายทุกคนล้วนตอบเป็นเสียงเดียวกัน
ใครกัน? ทำไมไม่คุ้นหน้าหรือคุ้นชื่อ
อี้เฟยหยาง
พี่ชายของอี้เฟยหลิงผู้เป็นประธานบริษัทยักษ์ของตระกูลอี้ หล่อเหล่าแต่ดูร้ายๆ เป็นขวัญใจสาวๆ แม้ไม่ได้เป็นดาราก็มีข่าวของเขาออกหน้าสื่อบันเทิงอยู่เป็นประจำ ดาราสาวคนไหนมีข่าวซุบซิบร่วมกับอี้เฟยหยางล้วนโด่งดังชั่วข้ามคืน เขาแอบจ้องมองของขวัญที่น้องสาวตัวดีจัดหามาแล้วยังข้ามหน้าข้ามตาพี่ชายอีกชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจที่น้องสาวมีภาพวาดของอาจารย์ท่านนี้ เมื่อวานนี้เขาเองได้เห็นภาพของอาจารย์ลึกลับผู้นี้เมื่อไปห้องประชุมคณะกรรมการบริษัทย่อย โชคดีที่ได้สอบถามได้ความว่า ขโมยมาจากห้องของบุตรสาว ที่ต้องขโมยมาเพราะคิดว่าบุตรสาวจะไม่ยอมให้ ตอนนั้นติดงานพัวพันทำให้เรื่องนี้ไม่ได้ความใดต่อ ไม่คาดคิดว่าจะมาเจออีกในวันนี้
ณ ร้านคาเฟ่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง
“น้องคะ พี่ขอพบผู้จัดการร้านไม่ทราบว่าจะได้ไหม”
พนักงานชำเลืองมองลูกค้าที่เอ่ยขอผู้จัดการร้าน เธอเป็นหญิงสาววัยกลางคนการแต่งกายและบุคลิกไม่ธรรมดา ใบหน้าดูและน้ำเสียงที่เอ่ยล้วนดูจริงจัง ทำให้พนักงานรู้สึกร้อน ๆ หนาวๆ เกรงว่าตนเองจะบริการผิดพลาดจึงรีบพูดถึง
“หากทางร้านบริการผิดพลาดอย่างไรต้องขออภัยด้วยนะคะ ดิฉันจะรีบไปตามผู้จัดการโปรดรอสักครู่ค่ะ”
เห็นสีหน้าตื่นตระหนกของพนักงาน หญิงสาวผู้นั้นก็พลันได้สติ ใบหน้าจึงผ่อนคลายยิ้มละมุน
“ไม่ต้องรีบค่ะ พี่มีเรื่องอยากจะสอบถามเกี่ยวกับภาพวาด ภาพนั้นสักเล็กน้อย ไม่มีเรื่องแบบที่หนูกังวลหรอก”
“ค่ะลูกค้า โปรดรอสักครู่นะคะ”
บ้านครอบครัวฉี
“อะไรนะคะพ่อ พ่อขายภาพวาดของหนูได้เงิน 500,000 หยวนหรอ”
บุตรสาวเอ่ยถามบิดาด้วยน้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อ
“จริงสิ … นี่ส่วนแบ่งของแก” ผู้เป็นบิดาวางเงิน 100,000 ให้บุตรสาวด้วยท่าทางเป็นคนใจกว้าง
“อะไรกันพ่อ อย่างน้อยก็ต้องคนละ 250,000 สิ”
“ถ้าแกอยากได้อีก แกไปซื้อภาพวาดมาอีก นี่ฉันให้แกเลย 300,000 หยวน”
“พ่อ…..ฉันไม่ได้โกหก ฉันซื้อมาจากลานวัฒนธรรมด้วยราคา 3,000 หยวนจริงๆ” บุตรสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงจนใจเพราะบิดาไม่ยอมเชื่อเธอสักที คิดว่าเธอมีเพื่อนที่สามารถซื้อภาพวาดเป็นการส่วนตัวได้ หลายวันมานี้เธอเองก็ไปที่ลานวัฒนธรรมทุกวัน ทั้งนั่งรอและเดินไปทั่วบริเวณก็ไม่เจอพี่สาวแสนสวยคนที่มาขายภาพวาดคนนั้นได้ เด็กสาวเหม่อลอยไปชั่วขณะ หรือพี่สาวคนนั้นจะเป็นเทพธิดานะ มาให้โชคและเงินทองเพราะหากเดาไม่ผิด จากสีหน้าของบิดาไม่เพียงแค่ได้เงินจากการขายภาพพ่อน่าจะได้รับการชื่นชมจากคนซื้อด้วย
ภายในไม่กี่วัน ภาพวาดของไป๋หรงก็เปลี่ยนมือไปหลายทอด ราคาขายต่อก็กลายเป็นหลักล้านเรียบร้อย ทว่าเจ้าของภาพกลับไม่มีเวลาวาดภาพช่วงนี้ หลังละครออนแอร์ผู้คนต่างพูดถึงเธอทำให้เกิดเป็นกระแสนางร้ายเกิดใหม่อย่างไป๋หรง ผู้จัดละครจึงติดต่อให้เธอออกงานร่วมโปรโมทกับดาราดังคนอื่นๆ ตลอดช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไป๋หรงกลับไม่รู้เลยว่าตอนนี้
มีผู้คนจำนวนหนึ่งมาดักรอเธอที่ลานวัฒนธรรม หนึ่งในนั้นมีคนของอี้เฟยหยางด้วย
ณ ร้านฟอเรสเต้ คาเฟ่ขนาดใหญ่ ติดกับรั้วโรงเรียนเอกชนชื่อดัง กิจกรรมปกติหลังเลิกเรียนของเด็กสาววัย 14-15 ย่อมเป็นการนั่งดื่มนม เค้กและขนมหวานอี้เฟยหลิงกับเพื่อนล้วนนัดมาเจอกันที่นี้เป็นประจำ“นี้!! พวกเธอดู นางร้ายไป๋หรง ช่วงนี้กระแสมาแรงมากเลยนะ”“เป็นเพราะมีข่าวกับพี่ชายอี้เฟยหลิงหรอ” “บ้าไม่ใช่ เราก็บอกไม่ได้เหมือนกัน ว่าทำไมอยู่เฉยๆ ก็ดูโดดเด่นขึ้นมา”“มีด้วยหรอ ไม่ใช่ว่า…”คริๆ เสียงหัวเราะกระซิกกระซาบกันก็ดังแว่วขึ้นจุดเว้นวรรคไม่เอ่ยถึงจุดนั้นหลายคนก็ต่างเข้าใจตรงกัน เพราะพวกเธอล้วนเป็นทายาทตระกูลใหญ่ อะไรที่ไม่เป็นข่าวล้วนรู้หมด วงการบันเทิงและธุรกิจหลายอย่างมันก็มีด้านเทาๆ หรือเกือบจะมืดดำด้วยซ้ำ ดาราดังๆ หลายคนต่างเอาตัวเข้าแลกเพื่อให้ได้งานและมีตัวตนพื้นที่สื่อ “พวกเธออย่าคิดไปเชียว …ฉันก็สงสัยข้อนี้ แต่ลองสืบแล้วไม่มี เขาโดดเด่นจริงๆ นะแก ยิ่งเป็นวีดีโอตอนออกเกมโชว์แบบว่า เหมือนนางพญาเลยอ่ะ”“เวอร์ไปแระแก ไหนๆ มาดูสิ” อี้เฟยหลิงพูดขึ้นพร้อมชะโงกหน้าไปดูภาพดารานางร้ายคนนั้น ปกติเธอไม่ได้สนใจดาราเท่าไรเมื่อเพื่อนให้ความสนใจ จึงได้เหลือบตาไปมองร่วมด้วยพี่สาว
เมื่อได้ยินเสียงหัวใจตัวเองบอกว่าจะหยุดไว้ที่ผู้หญิงคนนี้ อี้เฟยหลิงก็เกิดอาการต่อต้านทันที จะเป็นไปได้อย่างไร เพียงแค่เจอกันครั้งแรก จะมีความรู้สึกเช่นนั้นทุกคนต่างเห็นท่าทางของอี้เฟยหยางตะลึงความสวยของไป๋หรงต่างก็โอดครวญเสียใจ วันนี้ผู้หญิงที่โชคดีคนนั้นคือ ไป๋หรง แน่นอน ไม่ผิดจากที่ทุกคนคาดการณ์ ไป๋หรงเมื่อเดินออกมาจากในงาน ก็เจออี้เฟยหยางยืนรอเด่นพร้อมบอดี้การ์ด 4 หนุ่ม ประกบซ้ายขวาอย่างละ 2 คนซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของอี้เฟยหยางอยู่แล้ว เขาจะปรากฏกายพร้อม บอดี้การ์ด 4 หนุ่มหล่อไปไหนมาไหนตลอด ทำให้เขากลายเป็นจุดเด่นผู้คนให้ความสนใจ วันนี้เขายังคงใส่สูทดำ เปิดกระดุม 2 เม็ดเช่นเคย ผู้หญิงล้วนอ่อนระทวยเมื่อได้เจอซิกแพคอันขาวๆของเขาไป๋หรงเมื่อเจอชายหนุ่มผู้มั่งคั่งอวดรัศมีความร่ำรวยเช่นนี้ เธอเองก็ชะงักตกตะลึง และเริ่มกังวลถึงสติปัญญาของตนเองเหตุใด เมื่อก่อนก็เป็นหนึ่งในหญิงสาวที่เคยฝันคะนึง หลงใหลผู้ชายคนนี้ เพียงเสี้ยวนาทีเธอก็เข้าใจ เพราะในความทรงจำของเธอ ฮองเต้ เธอก็เคยกลืนกินมาแล้ว อี้เฟยหยางจึงกลายเป็นบุคคลธรรมดาสามัญไปชายหนุ่มไม่ล่วงรู้ความคิดหญิงสาว เ
"ผมขอเลขบัญชี จะดำเนินการโอนให้ตอนนี้เลย"เสียงพูดของอี้เฟยหยางดึงสติไป๋หรงให้กลับคืนมา “ได้ค่ะ” ติ้ง ติ้ง ยอดเงินแจ้งเข้าบัญชี 100 ล้านหยวน การซื้อขายเรียบร้อย ไป๋หรงส่งมอบภาพให้ทันทีอี้เฟยหยาง หันไปรอบ ๆ บริเวณ ที่นี้เป็นห้องรับรองของคอนโด ชายหนุ่มยิ้มอย่างขำ เขาเจรจาซื้อของมูลค่าในสถานที่เช่นนี้ เขาส่ายๆ หน้าเบา ๆ รับภาพวาดจากหญิงสาวส่ง ให้คนนำไปเก็บจากนั้นก็หันหน้ามาคุยกับไป๋หรง“คุณไป๋หรง ตอนนี้เราก็เป็นคู่ค้าทำธุรกิจร่วมกันกันแล้ว ไปทานข้าวด้วยกันหน่อยดีไหมครับ”เจรจาพูดคุย เป็นเรื่องปกติในการทานข้าวกันในวงการธุรกิจ หากมองอย่างเป็นกลาง อี้เฟยหยางก็ไม่ได้ทำอะไรที่ดูเสียหาย ถ้าปฏิเสธจะเสียมารยาทไป“ตกลงค่ะ ฉันขอเป็นคนเลี้ยงคุณนะคะ”มิติใหม่ของอี้เฟยหยาง ให้หญิงสาวเลี้ยง“ยินดีอย่างยิ่งเลยครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอเลือกร้านเองนะครับ”“ได้ค่ะ”เมื่อไป๋หรงตอบตกลง อี้เฟยหยางจึงโค้งตัว เชื้อเชิญไป๋หรงขึ้นรถไปกับเขา หญิงสาวก้าวเดินอย่างมั่นคง แววตานิ่ง ทำให้ไม่เห็นความสั่นไหวในใจแต่อย่างไรบนโต๊ะอาหาร ไร้การพูดคุยทุกอย่างเงียบงัน บรรยากาศคล้ายมีการสอบสวนบางอย่างมากกว่า
กรี๊ง กริ๊ง เสียงโทรศัพท์ดังอยู่นานสองนานไป๋หรงก็ยังไม่มีท่าทีจะรับ หญิงสาวใช้มือควานหาโทรศัพท์มือถือที่วางบนโต๊ะข้างเคียง ชั่วขณะหลังจากหยิบมือถือขึ้นมาดูหญิงสาวกะพริบตาปรือ ๆ พยายามมองให้เห็นผู้ใดกันที่โทรหาเช้ายิ่งนัก“แม่” แม่โทรมาเช่นนี้คงไม่พ้นเรื่องเงิน ไป๋หรงหลับตาเตรียมใจตั้งสติ ก่อนที่กดรับสาย “แม่..ว่าไง” แม้ไป๋หรงจะเปลี่ยนไปทว่าเธอยังใช้น้ำเสียงเช่นเดิมปกติที่คุยกับแม่“แหม๋…กว่าจะรับนะแก ฉันดูทีวีเห็นตอนนี้แกควงไฮโซนิ ชีวิตคงสุขสบายแล้วสินะ” ไม่ผิดจากที่คาดการณ์ แม่ยังคงใช้น้ำเสียงกระแหนะกระแหนของแม่ฉินฟางยังคงเช่นเดิม และนี่ก็คือฉินฟางแม่แท้ๆ ของไป๋หรง“แม่จะเอาเท่าไร” เมื่อได้ไตร่ตรองที่ผ่านาแม่ล้วนลำบากจริงถึงได้โทรมากวน ก่อนหน้าเป็นยังเด็กมองอะไรแคบและเธอก็ใจแคบจึงไม่ได้มองเห็นความหวังดีของแม่ “น้องแกจะเปิดเทอม พอดีที่ช่วงนี้… //ฉันจะโอนให้แม่ 10,000 หยวนพอไหม" ไป๋หรงไม่อยากฟังคำอธิบายจากแม่เท่าไร ยิ่งฟังยิ่งรับรู้ถึงความลำบากและเธอก็เข้าใจว่าคงไม่มีใครใคร่อยากจะบรรยายเหตุผลเหล่านี้เท่าไรนัก“แหม๋แกรวยแล้วสินะ 5,000 หยวนก็พอ ฉันก็มีมือมีตี
ภาพควงกับหนุ่มธุรกิจชื่อดังอี้เฟยหยาง คำค้นหา “ไป๋หรง” มีมากกว่า 10 ล้านคำค้น เกิดเป็นกระแสโด่งดังเพียงชั่วข้ามคืน แถบยังติดอันดับการค้นหาเป็นอันดับหนึ่งติดต่อกันเป็นหลายสัปดาห์ ไป๋หรงกลายนางร้ายที่กำลังโด่งดังยิ่งกว่านางเอกแนวหน้า โฆษณาติดต่อเข้ามาเป็นจำนวนมากสื่อต่างพยายามเสนอข่าว จากงานฉากในละครหรือแม้กระทั่งข่าวเล็ก ๆ น้อย ๆ พอเดินไปไหนมาไหน จึงมีคนขอถ่ายรูปเต็มไปหมด ไป๋หรงยินดีกับผลตอบรับในครั้งนี้มากเพราะทุกอย่างย่อมอยู่ในแผนแต่ตอนนี้เธอจึงตัดสินใจใหม่ ซื้อรถก่อนจะได้ใช้ในการเดินทางไป๋หรงคนเก่าไม่มีความรู้อะไรเลย ไป๋หรงจึงตัดสินใจโทรหาเฟย เฟย“สะดวกสิคะคุณน้อง ตอนแรกพี่ว่าจะโทรแจ้งเรื่องงานโฆษณาตัวใหม่ เห็นว่าวันนี้เป็นวันหยุดเลยไม่อยากรบกวน อย่างนี้ดีไหมคะ เราไปซื้อรถและคุยรายละเอียดกันไปด้วยเลย”“ได้ค่ะพี่ ฉันรอที่คอนโดนะคะ” ไป๋หรงไม่ได้มีอคติอะไรกับพี่เฟยเฟย เธอชอบคนที่กระตือรือร้นด้วยผลประโยชน์ค่อยคุยกันง่าย ชัดเจนดี รอไม่นานเพียง 30 นาที เฟย เฟย ก็มารับไป๋หรงที่คอนโด"เป็นงานแอมบาสเดอร์แบรนด์เสื้อผ้า MASA ค่ะ เขาเสนอตัวเลขมา 7 หลักเงื่อนไขสัญญาค่อนข้างละเอี
“นางร้ายไป๋หรงไปเที่ยวทะเลกับใคร??” เกิดกระทู้เรียกกระแสคุยกัน ผู้คนต่างคาดเดา เรื่องนี้ไม่มีทางผิดพลาด แน่นอนว่าต้องไปกับอี้เฟยหยางไป๋หรงยังคงไม่รู้เรื่องราวใด ๆ เฟย เฟย เองก็ไม่ได้โทรสอบถาม เธอลางสังหรณ์บอวว่าเรื่องนี้เธอถอยห่างจะดีกว่า ส่วนคนที่น่าสงสารที่สุด ย่อมเป็น อี้เฟยหยางผู้ตกเป็นผู้มีข่าวกับ ไป๋หรงมา 2-3 วันนี้ ชายหนุ่มกลับไม่เจอหน้าหญิงสาวคนนั้นมาตั้งแต่วันนั้น วันที่ไปทานข้าวด้วยกัน และหากเดาไม่ผิดวันนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขารอการติดต่อกลับจากหญิงสาวทุกวัน จากที่เขาทิ้งนามบัตรไว้ให้สถานการณ์เงียบกลับแบบนี้ เขาค่อนข้างจะสับสน “ทำไมข่าวออกมาว่าผมซื้อรถให้ไป๋หรง” ชายหนุ่มเอ่ยถามบอดี้การ์ด “นักข่าวกับเหล่าแฟนคลับท่าน คาดเดาเองครับ” "คาดเดาได้เป็นเรื่องเป็นราว แล้วนี่ไป๋หรงไปเที่ยวทะเลกับใคร” ขายภาพได้ตั้ง 100 ล้าน จะซื้อรถราคา 13 ล้าน อี้เฟยหยางย่อมไม่แปลกใจ ทว่าอย่างไรก็ต้องสืบข่าวนางร้ายคนนี้สักหน่อยหรือคบคนอื่นอยู่ ใครกันที่กล้ายุ่งกับผู้หญิงที่เขาต้องตาเลขาส่วนตัวกลับมาในเวลาไม่ถึง 10 นาที“ไม่มีครับท่าน เธอไปคนเดียว” สิ้นคำตอบ อี้เฟยหย
นางร้ายไป๋หรงต้องเป็นของเขาอี้เฟยหยางตั้งใจตั้งมั่น เขาไม่เคยได้รู้สึกตื่นเต้นเช่นนี้มาก่อน ความรู้สึกที่ตัวเองกำลังจะเป็นผู้ล่า ทำให้เลือดในกายของเขาพุ่งกระฉูด ภายในใจฮึกเหิมทะนงตัวว่าอย่างไรศึกครั้งนี้เขาต้องเป็นผู้ชนะ “คุณอี้เฟยหยางคะ” เสียงใสๆเนิบๆ เอ่ยเรียกอย่างอ่อนโยนดวงตาเป็นประกายวิบวับ “ครับ โทษทีครับพอดีบรรยากาศดีผมเลยคิดเยอะไปหน่อย” “เอ่อค่ะ แสงเริ่มหมดแล้ว เรากลับกันดีกว่าค่ะ” พอเห็นแววตาและท่าทางของอี้เฟยหยาง ไป๋หรงเริ่มมีความกังวลระวังไว้หน่อยเป็นดี ท่าทางแสนจะกรุ้มกริ่มแม้จะพยายามเก็บอาการก็ดูออกง่ายว่าเสแสร้งจอมปลอม “ผมได้จัดเตรียมโต๊ะไว้แล้ว หิวหรือยังครับ" ชายหนุ่มยังไม่อยากแยกกับหญิงสาวตอนนี้เลย “จัดที่ไหนคะ” ไป๋หรงรู้สึกว่าหากรู้สถานที่ก่อนน่าจะดีกว่าเผื่อได้ตัดสินใจใหม่“ริมหาดหน้าโรงแรมครับ” จุดนั้นมุมสวยสุดอี้เฟยหยางตั้งใจสร้างความประทับให้หญิงสาวให้มากที่ แววที่ส่งมาทำให้ไป๋หรงมั่นใจว่าอี้เฟยหยางมีศักดิ์ศรีและความมั่นใจ คงไม่ทำอะไรที่ต่ำทราบ “ดีจังเลยค่ะ บรรยากาศแบบนี้ทานข้าวริมหาดยามเย็นต้องโรแมนติกมากๆเลย” ยิ้มหวานละลายไปจ
การซื้อบ้านไป๋หรงไม่ได้คิดไว้ในแผนมันไม่ใช่ว่าเกินฝัน ทว่ามันมาเร็วมากจนเกินไป บางจังหวะเวลาก็ค่อนข้างยากที่จะเชื่อ หญิงสาวหยิบมือถือขึ้นมาเช็คยอดเงินในบัญชีใหม่อีกครั้ง เมื่อเห็นว่ายอด 100 ล้านหยวนมีเข้ามาในบัญชีจริง เธอก็ลอบถอนหายใจยาว ยาว วนกลับมาคิดเรื่องบ้านต่อ เธอไม่มีความรู้ในเรื่องการซื้อบ้านเลย เธอลองค้นใน google สำหรับบ้านจัดสรรใหม่หลังเล็ก ๆ เริ่มต้นที่ 4-5 ล้านหยวนก็พอมีบ้าน แต่บรรยากาศยังไม่ทำให้พอใจเท่าไร อย่างไรก็ต้องไตร่ตรองให้ดีพรุ่งนี้หลังจากพิธีบวงสรวงละครเรื่อง “จอมนางแห่งวังหลวง” เธอจะลองเสี่ยงโชคขับรถตะเวนลองดูก่อน เห็นภาพไม่สู้ไปชมบรรยากาศจริง ๆ หลังจากที่เริ่มโด่งดัง ไป๋หรงก็เริ่มเลือกบทที่จะแสดงมากขึ้น ในเรื่องนี้เธอรับบทเป็นฮองเฮานางร้ายที่มีอำนาจล้นวังหลัง ด้วยภูมิหลังของตระกูลกองทัพ แม้กระทั่งฮองเต้ยังต้องยั้งวาจาเวลาพูดคุย เป็นบทที่ถูกจริตไป๋หรงเป็นอย่างมาก ไม่มีอะไรจะโชคดีขนาดนี้อีกแล้วหลังจากพักผ่อนได้สักหน่อย ไป๋หรงก็หยิบชุดเดรสแดงลายพื้นธรรมดาออกมาจากตู้ เมื่อชาติที่แล้วนอกจากฝีมือการวาดภาพฝีมือปักเธอก็ถือว่าเป็นอันดับหนึ่งของเ
ตอนที่ 61 ฉันอยู่ตรงนี้ก็ดีอยู่แล้วความลำบากนี้ใจนี้ไม่ใช่ของเธอ แต่เป็นของคุณลุง“พวกท่านตัดสินใจอย่างไร”“เราไม่คิดอะไรแล้ว ในเมื่อหนูเป็นลูกเป็นทายาทของไป๋หรง ปู่กับย่าก็ให้หนูตัดสินใจ เรื่องต่อจากนี้พวกเราไม่เกี่ยวข้องแล้ว”ให้มันได้อย่างนี้ ไป๋หรงรู้สึกเบื่อหน่าย เธอไม่เข้าใจเลยความจริงแล้วเธอไปเกี่ยวอะไรด้วย“ในเมื่อตอนนี้คุณซ่งเฟยซูไม่อยู่ เรื่องนี้ก็พักเก็บไว้ก่อน ฉันคิดว่าให้ทุกคนได้ไตร่ตรองกันให้รอบคอบ”อย่างไรก็ต้องนึกถึงเด็ก ๆ ทั้ง 3 คน“แล้วหลานจะไม่กลับเข้าตระกูลหรือ”ทั้งสองผู้อาวุโสจากตระกูลจ้าวรับรู้ได้ถึงความเย็นชาของไป๋หรง ถึงได้เอ่ยคำถามนี้“ฉันอยู่ตรงนี้ มีความสุขดีอยู่แล้ว”เธอจะทำตัวเองให้สูงส่งด้วยตัวของเธอเอง เธออยากจะพิสูจน์ความสามารถของตนเอง ชาติที่แล้วเธอโดนปรามาสว่าเป็นเพราะมีตระกูลหนุนหลังเธอถึงได้เป็นฮองเฮา ไม่ใช่ว่าเธอไม่ได้ทำอะไรเธอทำอะไรไม่ได้ต่างหาก ชาตินี้เธอก็อยากใช้ชีวิตให้เต็มที่โดยที่ไม่มีต้องมีตระกูลหรือคนในตระกูลมาวุ่นวาย จะดีจะร้ายก็ให้มันเป็นไปอย่างนั้น“ได้ แต่หลานอย่าลืมตระกูลจ้าวพร้อมรับหลานกลับเข้าตระกูล ไม่ว่าจะเกิดอะไ
ตอนที่ 60 ขอโทษที่รบกวนใจคุณซ่งจวินฟื้นขึ้นมาได้หลายชั่วโมงแล้ว สิ่งที่เขารับรู้ได้ตอนนี้เขาถูกควบคุมตัว“คุณอา ผมขอโทรศัพท์”เขาอยากรู้เรื่องราวสถานการณ์ตอนนี้“ไว้เราหายดีแล้วอาจะให้เราจัดการเองตอนนี้อาขอให้พักก่อนได้ไหม”ซ่งเจิ้นให้เหตุผลที่เหมาะสมที่สุดแล้ว“เมื่อไร”“ตามที่หมอบอก 2-3 วัน ไม่ต้องเป็นห่วงทุกอย่างเรียบร้อยมีแค่หลานของอาที่บาดเจ็บ”พอเอ่ยเสร็จซ่งเจิ้นก็พยักหน้าให้หมอฉีดยานอนหลับ รออีก 2-3 วัน หลังจากน้องสาวเขาเดินทางไปต่างประเทศทุกอย่างจะเรียบร้อยซ่งจวินออกจากโรงพยาบาลหลักฐานอะไรก็ไม่มีเหลือแล้วไป๋หรงไม่ได้ติดต่อ จ้าวไป๋ตงเธอรู้ว่าอีกสักหน่อยคุณลุงคนนี้ต้องติดต่อมา โชคดีที่เธอพึ่งถ่ายละครเสร็จทีมตัดต่อยังไม่เรียบร้อยทำให้ยังไม่ถึงช่วงที่ต้องโปรโมทละครและไม่ได้รับงานอย่างอื่น ยังพอมีเวลาได้หายใจ แต่ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่ออกไปไหนเลย“ลูกจะไปไหน”ฉินฟางเอ่ยถามไป๋หรงอย่างตกใจ เธอยังไม่อยากให้ลูกสาวออกไปไหนทั้งนั้น“ฉันจะออกไปเรียนภาษาค่ะ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงตอนนี้น่าจะมีคนคุ้มครองหนูอยู่แล้ว”ไป๋หรงไม่ได้ตกใจกลัว ชาติที่แล้วเธอโดนลอบวางยาพิษไม่รู้กี่ครั้ง ชาตินี
ตอนที่ 59 ทำความรู้จักกันซ่งเฟยซูกลับถึงบ้านก็เจอจ้าวไป๋ตงกำลังนั่งเล่นกับบุตรสาวอยู่เธอเดินเข้าไปร่วมวงอย่างปกติ “ฉันไปหาพี่ชายมา ตั้งใจว่าจะไปเยี่ยมซ่งจวินแต่เห็นว่าปลอดภัยแล้วจึงกลับบ้านมา”“คุณเป็นคนตระกูลจ้าวแล้ว ไม่ควรไปวุ่นวายเรื่องราวในตระกูลซ่งอีก” จ้าวไป๋ตงเอ่ยขึ้นพยายามเก็บซ่อนความคิดในใจ“ทราบแล้วค่ะ ต่อไปฉันจะระวังตัว”จ้าวไป๋ตงไม่ได้เอ่ยเกินจริง หากจะไปเยี่ยมก็ควรรอไปพร้อมกันไม่ใช่แอบไปเช่นนี้ มันไม่ใช่การไปหาสู่กันปกติ ถึงแม้ซ่งเฟยซูไม่ได้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์แต่การเข้าไปสอบถามเช่นนี้ก็ถือว่าเกินสิ่งที่คนแซ่อื่นจะกระทำเมื่อเห็นสีหน้าภรรยาสลดลงก็ใจอ่อนลง“ช่างเถอะ คุณอาจจะตกใจ" จ้าวไป๋ตงมีเปลี่ยนเป็นเสียงนุ่มนวลขึ้น ทว่าซ่งเฟยซูก็ตัดสินใจบางอย่าง“ฉันว่าจะไปหาลูกอี้ถัง แต่พอมีเรื่องอาจจะไม่ไปแล้วค่ะ” ซ่งเฟยซูบอกแผนการของตัวเอง มาคิดดูแล้วเธอควรจะไปต่างประเทศ“ไปเถอะ เรื่องนี้ผมจะจัดการเองลูกอาจจะรอคุณอยู่”จ้าวไป๋ตงเอ่ยอนุญาต เขาก็เป็นห่วงลูกชายเหมือนกันมีมารดาไปอยู่ด้วยน่าจะดี“หนูไปด้วยได้ไหมคะ ฟางฟางคิดถึงพี่ชาย” จ้าวเย่วฟางเอ่ยถามขึ้นเสียงใ
ตอนที่ 58 ตอนนี้ความปลอดภัยต้องมาก่อน“ตามเธอไป” จ้าวไป๋ตงสั่งลูกน้องให้เฝ้าดูภรรยาตัวเอง ไม่นานก็เห็นถึงความผิดปกติ อาซ่งเจิ้น นั่งหน้าเครียดท่ามกลางเหล่าบอดี้การ์ด เขาไม่อยากเชื่อสิ่งที่สืบมาได้ กริ๊ง กริ๊ง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เมื่อชำเลืองดูหมายเลขก็บอกได้ว่าสิ่งที่กังวลจะเป็นจริง“มาหาฉันที่บริษัท เรามีเรื่องต้องคุยกัน” ซ่งเฟยซู เมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานของพี่ชายซ่งเฟยซูก็เอ่ยถามทันที“หลานเป็นอย่างไรบ้าง”“ปลอดภัยดี”ซ่งเจิ้นตอบเสียงเรียบ“ทำไมต้องทำแบบนี้!!” เสียงคุกคามกดดัน ทำให้ซ่งเฟยซูตกใจรีบโผล่เข้าไปกอดพี่ชาย“ฉันไม่ได้ตั้งใจทำร้ายหลานนะ เพราะนังนั่นต่างหาก หากไม่มีมัน..ใช่แล้ว...มันควรตาย ตาย ไปซะ”“หยุดนะ ซูเออร์” ซ่งเจิ้น ปิดข่มอารมณ์จนปานนี้น้องสาวของเขายังไม่สำนึกผิด“ฉันไม่หยุด” ซ่งเฟยซูกรีดร้องโวยวาย“พี่สั่งให้เธอหยุด!!” เป็นซ่งเจิ้นที่ตวาดเสียงอย่างแรง ซ่งเฟยซูโดนเสียงพี่ชายตวาด ตกใจ นั่งลงโซฟาร่างกายสั่นเทาความกลัวที่แอบเก็บซ่อนไว้เผยออกมา จริงแล้วเธอกลัวพี่ชายมาก“ทำไมยังทำแบบนี้อีก” พอเห็นน้องสาวตัวสั่น จิต
ตอนที่ 57 ทำไมใส่ใจได้ขนาดนั้นโรงพยาบาลซ่งจวินโดนนำส่งโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว และเข้ารับการผ่าตัดทันที แม้หมอจะบอกว่ากระสุนไม่โดนจุดสำคัญ ไป๋หรงก็นั่งหน้าซีดใจสั่น เธอพยายามหลีกเลี่ยงผู้ชายคนนี้มาตลอด สุดท้ายก็ยังหลีกเลี่ยงความสัมพันธ์ไม่ได้อี้เฟยหยางนั่งอยู่เคียงข้างหญิงสาว ความรู้สึกเป็นห่วงของไป๋หรงที่มีต่อซ่งจวินเอ่อล้นออกมามากมายผ่านทั้งแววตาและท่าทาง เขามั่นใจว่าไป๋หรงมีซ่งจวินอยู่ในใจ “เขาจะปลอดภัยครับ” อี้เฟยหยางเอ่ยปลอบใจหญิงสาว ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะมาอยู่จุดนี้ได้จุดที่ส่งคนที่รักสุดหัวใจ ให้ผู้ชายอีกคน “ค่ะ” ไป๋หรงก็เชื่อเช่นนั้น ผู้ชายคนนี้เขาแกร่งมาแต่ไหนแต่ไร เขาไม่เคยเป็นอะไรไปง่ายๆทุกอย่างเขาล้วนฝ่าฟันผ่านไปได้ ฉันรู้จักเขาดี “พี่ชาย” เสียงอี้เฟยหลิงเอ่ยเรียกอี้เฟยหยางแผ่วเบา เธอเดินเข้าไปนั่งข้างกายไป๋หรงและกุมมือหญิงสาวไว้ อี้เฟยหลิงชำเลืองตาดูสีหน้าไป๋หรง ใบหน้าซีดเซียวแฝงความตื่นตระหนก แม้จะไม่เสียอาการทว่าเท่านี้ก็มากพอสำหรับไป๋หรงพี่ไป๋หรงชอบพี่ซ่งจวินหรือนี่ ทำไมไม่มีท่าทีมาก่อน ความรักช่างน่ากลัวเหลือเกิน ฉันไม่อยากมี
ตอนที่ 56 ความสัญญาในอดีตคอมเมนต์เริ่มต้นจุดประกายให้คนโจมตีผู้ไม่หวังดี คนเริ่มเห็นด้วยมากขึ้น มากขึ้น จนเกิดแคปชั่น กระทู้มากมายโจมมีคนผู้นั้น#คนแบบไหนถึงอิจฉาไป๋หรง#ใครๆก็ต้องอยากได้ดี#ไม่อิจฉานะคะ“คนบางคนไม่ยอมพัฒนาตัวเองคอยแต่อิจฉาคนอื่น” “วงการนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว”“รอชมผลงานนะคะ”“ไป๋หรงสู้ๆ ค่ะ คุณทำดีแล้ว”“เน้นผลงานค่ะ”ฯลฯอี้หลิงซือนั่งหน้าบึงตึงในใจเคียดแค้น บ่นพึมพำ“ใคร ใครว่าฉันอิจฉา ทำไมคนระดับฉัน คนอย่างฉันทำไมต้องไปอิจฉาดาราด้วย ฉันแค่อยากให้ทุกคนเห็นว่า กาตัวนี้ทะเยอทะยานแค่ไหน”อี้เฟยเยี่ยเห็นสีหน้าภรรยาก็พอรู้แล้วว่าคงโดนโต้ตอบกลับมา “ผมเตือนคุณแล้ว” ยิ่งได้ยินเสียงซ้ำเติมจากสามี อี้หลิงซือยิ่งโมโห“คุณ!!”ไม่รอให้ภรรยาวีนใส่ อี้เฟยเยี่ยก็ลุกเดินหนีทันทีพอดีที่อี้เฟยหลิงโทรมา“เป็นอย่างไรบ้างลูก” อี้เฟยเยี่ยรับสายลูกสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“พ่อขา เมื่อไรจะกลับมา” อี้เฟยหลิงส่งเสียงออดอ้อน “น่าจะไม่เกิน 2 เดือน ถ้าหนูคิดถึงก็มาหาพ่อสิค่ะ” “หนูไม่ว่างเลย และตอนนี้ก็เปิดเทอมแล้ว” อี้เฟยหลิงเอ่ยบอกงานเธอเยอะมาก“แล้วทำไมต้องทำให้ชีวิต
ตอนที่ 55 ผู้ไม่หวังดีคนนั้น ณ ต่างประเทศอี้เฟยเยี่ยกับอี้หลิงซือ พ่อแม่ของอี้เฟยหยางกับอี้เฟยหลิงด้วยภาระของผู้นำตระกูลทำให้ต้องไปดูแลบริษัทที่พึ่งไปลงทุนที่ต่างประเทศให้มั่นคงอี้เฟยเยี่ยชำเลืองผู้เป็นภรรยา กำลังนั่งดูข่าวบันเทิงเขาเห็นว่าข่าวเกี่ยวกับดาราไป๋หรงคนนี้ ภรรยาให้ความสำคัญเป็นพิเศษ และได้ยินแว่วๆ ว่ามีข่าวคบหากับบุตรชายของเขา“คุณอย่าไปยุ่งกับเรื่องของลูกๆ เชียว”เป็นสามีภรรยากันมานาน เขาย่อมดูออกว่าตอนนี้ภรรยาของตนเองมีแผนการบางอย่าง“ไม่ได้นะคุณ ที่ผ่านมาฉันไม่เคยสนใจ ว่าแล้วเชียว สักวันหยางหยางน้อยของฉันต้องตกหลุมพลางมารยาของเหล่าพวกดาราพวกนี้”พอนึกถึงคำที่ฉีป๋านเฉินเล่าให้ฟังเธอยิ่งร้อนใจ เพราะตอนนี้ผู้หญิงคนนี้ได้เข้าบ้านไปไหว้ท่านย่าอี้และยังเข้าไปทำงานร่วมกับอี้เฟยหลิงน้อย ทั้งที่เธอวางแผนไว้อย่างดียังพลาดได้ ฝีมือผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา เด็กน้อยทั้งสองลูกของเธอยังอ่อนเยาว์เธอจะปล่อยไม่ได้เห็นสายตาของภรรยาผู้เป็นสามีจึงพูดขึ้น“คุณกำลังคิดว่าลูกๆ ของเราโง่รึ”คำถามที่ตรงไปตรงมา ทำให้อี้หลิงซือสะดุ้ง ไม่นะลูกเธอไม่ได้โง่เธอรีบบอกปัด“เปล่าสักหน่อย
ตอนที่ 54 ความรักทำให้มีพลังอี้เฟยหยางรีบขึ้นหยิบน้ำส้มคั่นสดไปให้หญิงสาวทันทีเวลาก็ล่วงเลยเที่ยงมาแล้ว ตงไป๋ตงจึงเอ่ยขึ้น “พักรับประทานเที่ยงก่อนดีไหมครับ”ไป๋หรงดื่มน้ำส้มสักพัก จึงเงยหน้า ตอบ“ดีเหมือนกันค่ะ ฉันลืมเวลาไป”ตงซูเฟยเอ่ยชวนทุกคนรับประทานอาหารที่ในสวนจัดโต๊ะใกล้เรือนกระจก บรรยากาศร่มรื่นเย็นสบาย ดอกไม้แข่งกันส่งกลิ่นหอมอบอวน“ช่วงสิ้นเดือนจะมีแกลลอรี่จัดงานแสดงภาพวาดและงานศิลปะ งานครั้งนี้ได้นำผลงานของศิลปินระดับโลกมาด้วย ผมได้นำภาพของอาจารย์เข้าร่วมโชว์ด้วย ถ้าอาจารย์ไป๋หรงสนใจลองไปดูครับ”จ้าวไป๋ตงเอ่ยบอกเจ้าของผลงาน งานนี้จะยิ่งเพิ่มชื่อเสียงในวงการมากขึ้น“ขอบคุณมากค่ะ งานนี้ฉันต้องไปให้ได้เป็นประสบการณ์ที่ดี”ไป๋หรงเองก็ยังไม่เคยศึกษางานทางด้านนี้ เธออ่อนประสบการณ์ ตอนนี้ไม่รู้จะเริ่มงานตรงไหนก่อน “อย่าพึ่งใจร้อนครับและไม่ต้องกังวล เรื่องลงทุนสถานที่ผมจะดูแลเองคุณดูแลเรื่องงานศิลปะก็พอ”คนมีความสามารถแตกต่างกัน จ้าวไป๋ตงรู้ดีว่าจะต้องใช้คนอย่างไร“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ฉันจะพยายามทำให้ดี”ในขณะที่คุยกันไป๋หรงก็สังเกตเห็นเด็กน้อยวัย 8-9 ขวบ แอบจ้องมองเ
ตอนที่ 53 ชื่อเหมือนกันเลยอี้เฟยหลิงเลิกกลับจากโรงเรียนได้ยินเสียงดังจากห้องครัวก็ขมวดคิ้วสงสัย “ไม่ได้ครับ คุณชาย ใส่เนื้อแบบนั้นไม่ได้มันจะคาว” อี้เฟยหยางได้ยินแบบนั้นก็หยิบเนื้อชิ้นนั้นทิ้งทันที“แค่ใส่ก็ต้องมีวิธีด้วย” อี้เฟยหยางเริ่มมีเหงื่อที่หน้าผาก เขาเหนื่อยตั้งแต่จับมีดแล้วนะ“ครับ ต้องรอน้ำเดือนสักหน่อย เนื้อสุกแล้วลดไฟลงแล้วค่อยปรุง” เสียงสนทนายังดังแว่วไม่หยุด “คุณชายกำลังเรียนทำอาหารค่ะ” แม่บ้านตอบอี้เฟยหลิง แม้คุณหนูไม่ได้ถามเธอก็พอเดาได้“พี่ชายหยาง เนี้ยนะ!” อี้เฟยหลิงอุทานแปลกใจ เธอไม่ได้เดินเข้าไปดู เพราะวันนี้มีเอกสารหลายอย่างต้องตรวจ“คุณหนู งานของฝ่ายบุคคลค่ะ เสนอพิจารณาโบนัสของพนักงาน”อี้เฟยหลิง รับเอกสารมาตรวจดูและเงยหน้าดูเอกสารบนโต๊ะทำให้เธอรู้สึกว่าทำไมพี่ชายเธอว่างจัง ท่านย่าอี้กำลังพรวนดินดูแลสวนดอกไม้ หันมาเอ่ยถามเลขาส่วนตัวของหลานชาย“เราใช่ไหม เป็นคนไปสอนอาจารย์ไป๋หรง” ท่านย่าอี้สะดวกเรียกไป๋หรงแบบนี้เธอยกย่องคนในด้านฝีมือทางด้านศิลปะ “ครับท่าน” อูจิ้งตอบรับอย่างนอบน้อบ“เป็นอย่างไรบ้าง” “ฉลาดมีไหวพริบ เหมือนคน