ก่อนที่สือไท่จะได้อ้าปากพูดก็โดนผู้เป็นแม่ใหญ่ชิงพูดตัดหน้าไปเสียก่อน"ข้าว่าก่อนที่จะสั่งอาหารเรามาเปิดร้านอย่างเป็นทางการเพื่อเรียกแขกเหรื่อกันก่อนดีหรือไม่"แปะ แปะ!!สืออิงตบมือเรียกคนงานที่รออยู่ด้านหน้าประตูสองสามคน พอได้ยินเสียงสัญญาณ คนงานก็ลงมือเอาป้ายไม้ยึดติดหน้าบ้านของหลี่หลิว และประดับโคมแดงติดม่านจนเสร็จถึงได้เรียกทุกคนมายืนออกันหน้าบ้าน"ว้าวมีป้ายหน้าบ้านเราด้วยขอรับพี่รอง สวยมากเลยขอรับ"หลี่เฉินเจ้าจอมจุ้นเดินไปสำรวจป้ายที่พึ่งทำเสร็จเขาจับโน่นดึงนี่อย่างสงสัยว่ามันทำได้เช่นไร จนท่านแม่ต้องรีบดึงเขากลับมากลัวจะทำให้เสียงาน ซึ่งป้ายร้านถูกเขียนว่าร้านนั่งกินอย่างที่หลี่หลิวเคยบอกสือไท่ไว้"เอาล่ะ ๆ ทีนี้ก็ให้เจ้าของร้านจุดประทัดเพื่อให้กิจการรุ่งเรือง"สือหานพูดจบคนทั้งบ้านมองไปที่หลี่หลิวโดยไม่ได้นัดหมาย นางจึงเดินอุ้ยอ้ายออกไปแล้วรับเอาไม้ไผ่ด้ามยาวที่จุดไฟไว้ด้านบนเพื่อสะดวกในการจุดประทัดสือหานเห็นเด็กน้อยเดินนำออกมา ก็อดที่จะตกใจไม่ได้ เด็กน้อยผู้นี้ได้รับความไว้วางใจจากครอบครัวมากมายเช่นนี้เชียวหรือ เพื่อนสนิทอย่างจางลี่เจิน และซ่งเจ้าเจียก็หันไปมองหน้าสือหานอย่า
"ถ้าไปช้ากว่านี้คงได้ยืนรออยู่ด้านหน้านั่นนานเป็นแน่ ดีที่ข้ารีบตามท่านหานไปไม่เช่นนั้นขาของข้าได้บวมเพราะยืนนานเกินไปเป็นแน่เลยเจ้าค่ะ"ป๋ายฮ่าวเยว่ที่กลับถึงบ้านก็พูดถึงแต่อาหารที่นางได้กินเข้าไปว่ามันรสเลิศเพียงไหน ป๋ายเค่อได้แต่พยักยอมรับว่ามันอร่อยมากแต่หากต้องไปกินเช่นนั้นทุกวันเขาคงต้องขยันทำงานให้มากกว่านี้ แถมยังต้องรับงานสานตะกร้าที่เขาไม่อยากทำอีกแล้วกลับมาทำอีกครา"ท่านพ่อพรุ่งนี้ท่านไม่ได้จองคิวเอาไว้ เช่นนั้นพวกเราควรไปลงนาเก็บพวกหอยปูกุ้งออกจากนาดีหรือไม่ขอรับ""ดี ๆ นั่นเป็นสิ่งที่ควรทำ" ป๋ายเค่อรีบตอบป๋ายรุ่ยฉีบุตรชายของตนไป หากวันพรุ่งนี้พวกเขาไม่ไปลงทุ่งนา มีหวังภรรยาอันเป็นที่รักคงจะชวนเขาไปร้านนั่งกินอย่างแน่นอน ป๋ายฮ่าวเยว่ได้แต่ทำเสียงฮึดฮัดแล้วเดินเข้าบ้านไป ส่วนกลุ่มที่ไปด้วยวันนี้ต่างยิ้มอย่างพอใจถึงอาหารจะแพงไปแต่ว่าหากไปกินหลายคน และช่วยกันออกเช่นวันนี้ก็ใช่ว่าจะแพงเกินไป แถมรสชาติที่ยังติดอยู่ตรงลิ้นยิ่งทำให้คนอยากกลับไปกินอีกสักครั้ง เรียกได้ว่าเป็นอาหารที่อร่อย และราคาจับต้องได้"เอาล่ะนี่ก็มืดมากแล้ววันนี้ข้าขอตัวไปอาบน้ำอาบท่าก่อนพรุ่งนี้ยังมีงานแต่เช้
"ข้าเคยไปครั้งหนึ่ง หากเจ้าอยากไปจริง ๆ ข้าก็สามารถนำทางให้เจ้าได้"ป๋ายรุ่ยฉีที่นั่งอยู่กับผู้เป็นบิดาตอบหลี่หลิวที่มาถามท่านผู้นำชุมชนว่าพอมีใครที่จะสามารถนำทางนางไปที่เทียนจวินได้บ้าง ทำให้เขารีบคว้าโอกาสนั้นไว้ เมื่อรู้ว่านางกับนายน้อยสือไม่ได้เกี่ยวข้องอันใดกัน"ตอนแรกนายน้อยสือไท่บอกพวกเราว่า....""เขาแค่พูดไปเพราะไม่อยากให้เรื่องมันวุ่นวาย มีแต่ข้าที่เป็นฝ่ายเสียหาย ข้าแค่เคยช่วยชีวิตเขาไว้จึงเออออไปตามเขาเพราะอยากให้ทุกอย่างมันสงบลงโดยเร็วก็เท่านั้น ข้าต้องขออภัยท่านผู้นำด้วยที่โกหกท่านไป แต่ที่แปลงนั้นเราทำสัญญาเช่าซื้อกันอย่างถูกต้องแล้ว ดังนั้นตอนนี้ท่านคงวางใจได้แล้วใช่หรือไม่""แน่นอนหากเป็นพวกเจ้าที่เข้ามาเพื่อทำค้าขายมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใดอยู่แล้ว"ป๋ายเค่อตอบยิ้ม ๆ แม่นางตัวเล็กเพียงแค่นี้กับพูดจาได้ฉะฉาน แถมยังรู้จักพลิกแพลงคำ และนำมาใช้ได้อย่างดี มิน่าล่ะถึงไปถูกตาต้องใจคุณชายสือเข้าได้ แถมบุตรชายข้ายังดูดีใจจนออกนอกหน้า ถึงเขาจะยังนิ่งเฉยแต่ข้าก็รู้ดีว่าเขากำลังตื่นเต้นที่จะได้ไปเทียนจวินกับแม่นางน้อยผู้นี้"แล้วเรื่องคน""ได้แน่นอน ข้าจะให้ป๋ายรุ่ยไป และจะให้บุตรช
เช้าวันรุ่งขึ้นสือไท่ออกจากบ้านไปพร้อมกับเว่ยหนิง และพ่อครัวทั้งสาม พ่อครัวทั้งสามคนของเขาไม่ได้แต่งกายอย่างประณีตเช่นวันวานอีกแล้ว พวกเขาสวมใส่เสื้อผ้าสบายตัว และดูกระฉับกระเฉงเป็นอย่างมาก ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเตรียมความพร้อมมาอย่างดิบดีเลยทีเดียว"พวกท่านมาทำไมหรือเจ้าคะ" หลี่หลิวที่พาเจ้าเสี่ยวหวงกับเจ้าเสี่ยวเฮยมาเดินเล่นรอบบ้านถามขึ้น เมื่อพบว่าสือไท่ และพ่อครัวมาที่บ้านของนางตั้งแต่แสงแดดยังไม่กระทบเส้นขอบฟ้า"ข้ามาช่วยเจ้าทำแปลงผัก เพราะเมื่อวานนี้ข้าไม่ได้มาช่วยเลยอยากจะใช้โอกาสในวันนี้เพื่อทำทดแทน" สือไท่กล่าวพร้อมรอยยิ้มประดับบนใบหน้างดงามดั่งแสงอรุณยามเช้าที่สดใส"ส่วนพวกข้าตามนายน้อยมาช่วยทำงานขอรับ" พ่อครัววัยสามสิบปีนามจิ้นเล่อกล่าวตอบไป เมื่อเห็นแม่นางน้อยมองมาทางตนจิ้นเล่อ และผู้ช่วยทั้งสี่ของเขาตื่นตั้งแต่ยามอิ๋น เพื่อที่จะทำครัวที่บ้านนายท่านของตนให้เสร็จ ก่อนที่จะรีบเร่งแต่งตัวติดสอยห้อยตามนายน้อยมาอย่างทุลักทุเล"ข้าไม่ได้บอกพวกท่านไปแล้วหรือ ว่าข้ามีผู้ช่วยครบแล้ว"หลี่หลิวรู้ทันทีว่าพวกเขามาด้วยจุดประสงค์อันใดจึงพูดตัดบทไป แค่สือไท่ที่คิดจะมาก็มาคิดจะไปก็ไปยังไม่พ
เมื่อถึงเขตชานเมืองริมทะเลของเทียนจวิน หลี่หลิวได้พบว่ามีชาวบ้านน้อยใหญ่หาของทะเลมาวางขายกันเกลื่อนกลาดอย่างเช่นปลาชนิดต่าง ๆ ทว่าไม่มีปลาหมึกหรือกุ้งปู ซึ่งระหว่างทางผู้นำชุมชนอย่างป๋ายเค่อได้บอกกล่าวกับนางแล้วว่า คนส่วนมากที่นำหอยนางรมมากินสดกัน เพราะมันสามารถเพิ่มกำลังวังชาได้ดีแต่ก็มีคนเพียงส่วนน้อยที่นิยมกินกัน หลี่หลิวจึงพอเข้าใจว่าคนที่นี่ยังไม่ได้ลิ้มลองเมนูอาหารอีกมาก เมื่อหลี่หลิวลงจากรถม้านางก็เดินตรงไปที่ร้านขายหอยนางรม และถามไถ่ตกลงเรื่องราคากันจนเสร็จสิ้นจึงกวักมือเรียกป๋ายรุ่ยฉี เพื่อให้นำรถม้ามาใส่หอยนางรมที่มีน้ำหนักมากกว่าห้ากิโล จากนั้นพ่อค้าก็ยกตะกร้าขึ้นหลังรถม้าให้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม หลี่หลิวกล่าวคำขอบคุณสำหรับข้อมูลที่นางได้มา ทำให้นางมีรอยยิ้มอย่างผ่อนคลายประดับบนใบหน้าดวงเล็ก ๆ ต่างจากสีหน้าของป๋ายเค่อที่ถูกพ่อค้าแอบมองจนเขาหน้าแดง พ่อค้าคงไม่ได้คิดว่าท่านผู้นำจะกินมันเข้าไปหรอกใช่ไหม"พี่รอง ท่านดูแม่น้ำสีฟ้าครามนั่นสิขอรับ มันงดงามเหลือเกินข้าเห็นคลื่นลมพัดมาแล้วน้ำก็ยกตัวขึ้นสูงตามแรงลมก่อนจะพัดมาเป็นระลอกคลื่นหลาย ๆ อันทั้งน้อยใหญ่เต็มไปหมดเลยขอรับ มันช่างน
แสงตะวันนอกหน้าต่างสาดส่องเล็ดลอดเข้ามาในเช้าของวันใหม่ ทำให้ป๋ายเค่อรีบปลุกภรรยาของเขาให้ตื่น ส่วนตนเองรีบลุกขึ้นนั่งหย่อนขาลงเตียงนอนแล้วสวมใส่รองเท้า เขารีบไปล้างหน้าล้างตาที่อ่างน้ำ น้ำในยามเช้าช่างเย็นนักทำให้เขาสะดุ้งทุกทีที่มันสัมผัสโดนใบหน้า แต่มันก็ช่วยให้เขาสดชื่นได้เป็นอย่างดีได้เช่นกัน เมื่อเห็นว่าภรรยาลุกขึ้นมาแล้วกำลังสวมใส่รองเท้า เขาก็ไปผลัดเปลี่ยนชุดแล้วนั่งรอภรรยาตนแต่งกายจนเสร็จถึงพากันไปเคาะเรียกห้องข้าง ๆ ทว่ากลับไม่มีเสียงตอบรับ จึงเปิดประตูเข้าไปแล้วก็พบเพียงข้าวของ จึงคาดการณ์ไว้ว่าพวกเด็ก ๆ คงลงไปวิ่งเล่นจับหอยปูปลายามเช้ากัน ป๋ายเค่อจึงชวนภรรยาถอดรองเท้าพับขากางเกง แล้วไปเดินเล่นริมชายหาดคิก คิก ฮ่า ๆ ๆเสียงหัวเราะสดใสร่าเริงของตัวเจ้าเล็กกับหลี่หลิว และป๋ายรุ่ยฉีดึงดูดสายตาของป๋ายเค่อ และภรรยาได้เป็นอย่างดี สองสามีภรรยามองไปเห็นพวกเขาปั้นดินทราย และเขียนอะไรบางอย่างอย่างสนุกสนาน"น่าจะได้แล้วนะ ไปเร็วมันขึ้นมากันแล้ว"หลี่หลิวมองไปที่พื้นทรายที่นางตามโรยเกลือไว้ตามที่ต่าง ๆ และตอนนี้มันก็มีแท่ง ๆ โผล่หัวอวบอ้วนขึ้นมาโชว์ตัวเต็มไปหมด ทั้งสามคนช่วยกันดึงพวกม
ฮี่ ฮี่ ฮี่!!ม้าของหนานจ้านเห็นเสี่ยวเฮยกับเสี่ยวหวงได้กินอาหารเสริมที่มีกลิ่นหอม และเย้ายวนใจทำให้พวกมันร้องขอหลี่หลิวจนน้ำตาไหล หลี่หลิวเห็นพวกมันร้องไห้ก็อดที่จะสงสารพวกมันไม่ได้ จึงมอบผักกาดขาวให้พวกมันไปคนล่ะหัว และยังเติมน้ำในถังไม้ให้พวกมันอีกนิดหน่อย พวกมันเลียมือหลี่หลิวเป็นการขอบคุณ หลี่หลิวจึงลูบหัวพวกมัน และบอกว่ากินเถอะตอนเดินทางจะได้ไม่เหนื่อยง่าย หลังจากให้อาหารม้าเสร็จนางเดินไปเอาน้ำในมิติออกมาพรม และราดใส่พวกหอยรวมทั้งสาหร่ายเพื่อให้พวกมันกลับมาสดชื่นอีกครั้งหลี่หลิวเพิ่มน้ำในตุ่มหลังรถม้าของตนให้ถึงครึ่งตุ่มตามเดิม เพราะระหว่างทางต้องใช้น้ำเพื่อดื่มกินอีกกว่าค่อนวันเลยทีเดียว เมื่อนางจัดที่นั่งเสร็จลุงป๋าย และครอบครัวรวมทั้งน้องชายกับบ้านหนานก็พากันออกมาเตรียมตัวเพื่อที่จะเดินทาง"ท่านพ่อม้าของเราร้องไห้ขอรับ มันเจ็บตรงไหนหรือไม่" หนานกงบุตรชายคนที่สองของหนานจ้าน เขาเป็นผู้ที่รักม้าเป็นชีวิตจิตใจเอ่ยบอกผู้เป็นบิดาด้วยใบหน้าหม่นหมอง หลี่หลิวเห็นเข้าจึงได้ร้องบอกว่าพวกมันหิวน้ำ ด้วยกลัวว่าพวกเขาจะคิดมาก และไม่ไปส่งของให้นางตามที่รับปากกันเอาไว้ นางจึงรีบบอกพวกเขาไป"
สือไท่ที่นั่งก้มหน้าก้มตามีรอยยิ้มเปื้อนบนใบหน้าอันหล่อเหลา หากใครได้มาเห็นเข้าคาดว่าหัวใจดวงน้อย ๆ คงฟูฟ่องขึ้นมาอย่างแน่นอนกลิ่นอายของท้องทะเลโชยมา ทำให้เขารู้สึกตัว และเงยหน้าขึ้นหันไปมองตะกร้าที่มีหอย และผักสีเขียวทั้งเจ็ดตะกร้าด้วยความสนใจ"นี่หน่ะหรือ คือหอยนางรมที่นางต้องการ" สือไท่ลุกขึ้นยืนตัวตรงอย่างสง่าผ่าเผย หลังจากที่พอใจกับคำตอบของแม่นางน้อยแล้วเขาเดินไปหยิบหอยที่มีหน้าตาไม่ซ้ำแบบกันมาเพ่งมองมันแล้วครุ่นคิด โตมาจนป่านนี้แต่ข้าก็ยังไม่เคยได้สัมผัสกับหอยพวกนี้เลยสักครั้ง แต่เขาเคยได้ยินมาแต่ว่าหอยนางรมจะช่วยกระตุ้นความเป็นชายได้เป็นอย่างดี แต่เขาก็เพียงแค่ได้ยินมาเพียงเท่านั้น ดูจากรูปร่างแล้วหอยที่มีเปลือกหนา และใหญ่เท่าฝ่ามือพวกนี้น่าจะเป็นหอยนางรม ส่วนอีกอย่างไม่รู้ว่าเป็นหอยชนิดใด แล้วยังมีอันที่หน้าตาเหมือนอุ้งเท้าของเต่านั่นอีก ไม่รู้ว่านางคิดจะทำอันใดกันแน่"อีกสองอาทิตย์ข้าจะไปที่นั่นอีกครั้ง ข้าต้องไปจ้างวานพวกท่านอีกครั้งอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ" เสียงหวานสดใสดังมาจากทางหน้าบ้านทำให้สือไท่ยิ้มบาง ๆ อีกสองอาทิตย์สินะข้าต้องเตรียมรถม้าไว้ให้พร้อมเสียแล้วล่ะสือไท่เดินไป
"อ้าว....ยัยลูกคนนี้หนิ ถ้าไม่สบายทำไมไม่เข้าไปนอนในห้องนอนล่ะเนี่ย" หมิงหลิวมองไปที่ลูกสาวที่หลับไปทั้งแบบนั้น รองเท้าก็ยังไม่ได้เปลี่ยนเลยแท้ ๆ สงสัยเสี่ยวเหมยจะถูกหัวหน้ากดดันมาอีกสิท่า เห้อ...สมัยนี้ทำงานมันไม่ง่ายเลยจริง ๆ"แม่บอกแล้วว่าให้หาผู้ชายดี ๆ สักคนมาคอยดูแล ถ้าไปดูตัวตามที่แม่บอกแต่แรกคงจะไม่เป็นแบบนี้ ป่านนี้คงยิ้มหน้าบานเท่ากระด้งไม่ก็ออกไปเดทดูหนังผ่อนคลายแล้วซักหน่อยก็ยังดี" หมิงหลิวบ่นให้ลูกสาวหัวรั้นพร้อมทั้งเดินไปเอาผ้าห่มมาห่มตัวให้เสี่ยวเหมยวันนี้เป็นวันหยุดของเสี่ยวเหมยว่าแต่เสี่ยวเหมยไปไหนมากันแน่นะ ไหนว่าจะไปหาเพื่อนแล้วไหงถึงได้กลับมาอยู่ในสภาพแบบนี้กันหมิงหลิวส่ายหัวไปมาเบา ๆ อย่างไม่เข้าใจ ถึงแบบนั้นแต่เธอก็เดินเข้าครัวไปต้มโจ๊กไว้รอให้หมิงเหมยที่เป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของเธอ"หมิงหลิวเอ้ย ทำไมเสี่ยวเหมยของเราถึงตัวร้อนแบบนี้ล่ะ"เสียงแหบชราของย่าหมิงดังมาจากห้องรับแขก ทำให้หมิงหลิวที่ทำโจ๊กอยู่ทำหน้างุนงง เมื่อกี้เสี่ยวเหมยยังไม่มีไข้นี่นาแล้วจู่ ๆ มีไข้ขึ้นมาเฉยเลยงั้นเหรอ หมิงหลิวปิดเตาเมื่อต้มโจ๊กเสร็จแล้วเธอก็เดินออกมาดู เห็นย่าหมิงกำลังเช็ดตัวให้เ
หลังจากวันที่สืออิงคลอดบุตร สือไท่ก็พาบ้านหลี่แวะไปเยี่ยมเยียนอยู่หลายครั้ง จนหลี่หลิวที่ไม่ค่อยไปไหนนักก็มักไปติดอยู่กับบ้านนั้นเข้าเสียแล้ว"วันนี้เจ้าจะไปหาสือต้าเหนิงอีกแล้วรึ ไหนเจ้าบอกว่าวันนี้จะทำสบู่ หรือว่าเจ้าเปลี่ยนใจไม่ทำแล้ว" หลี่จงเดินมารดน้ำผักยามเช้าแล้วถามไถ่ผู้เป็นน้องสาวขึ้นอย่างสงสัย"ข้าไปแค่ครู่เดียวเท่านั้น เดี๋ยวช่วงสายหน่อยข้าก็จะกลับมาทำงานเช่นเดิม""ในเมื่อเจ้าชอบเด็กถึงเพียงนี้ เหตุใดเจ้าจึงไม่มีให้เขาสักคนล่ะ""นี่ พี่ใหญ่...ข้าชอบเด็กก็จริง แต่ข้าก็ยังไม่อยากมีในเร็ว ๆ นี้หรอกนะ ข้ายังไม่พร้อมน่ะ""งั้นเจ้าก็อยู่บ้านบ้างสิ งานโรงเตี๊ยมเจ้าก็แทบจะโยนมาให้ข้าหมดแล้ว เจ้าหนิมันจริง ๆ เลยนะ""จะให้ข้าทำเช่นไรได้ เจ้าตัวเล็กนั่นน่ารักขนาดนั้น แถมแก้มน้อย ๆ ก็น่าหยิกน่าชังยิ่งนัก""น้องรอง...ข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อน นั่นไม่ใช่เจ้าเล็กของเรานะ ห้ามแม้แต่จะคิดที่จะไปหยิกแก้มเขาเชียวล่ะ""ข้ารู้หรอกน่า ชิ...ข้าล่ะเกลียดท่านจริง ๆ" หลี่จงส่ายหัว และยิ้มน้อย ๆ แล้วส่งเสียงหัวเราะเบาๆ ในลำคออย่างรู้ทัน นางชอบหยิกแก้มนุ่ม ๆ ของเด็กเป็นที่สุด มีหรือข้าจะไม่รู้"เอาล่ะ หาก
ณ บ้านสือ....ยามอู่ ช่วงสิบเอ็ดโมงเช้าจนถึงเกือบบ่ายโมง"เร็วหน่อย ๆ นายหญิงจะคลอดแล้ว" ลุงชิงหัวพ่อบ้านวัยสี่สิบเอ็ดปีสามีของป้าชิงหร่วน ส่งเสียงบอกสาวใช้ในเรือนให้รีบไปเตรียมข้าวของตามที่หมอตำแยบอก"นายท่านขอรับ เดี๋ยวข้าส่งคนไปบอกนายน้อยดีหรือไม่ขอรับ"ลุงชิงหัวถามนายท่านของตนที่เดินวนไปมาอยู่หน้าห้องนอนหลายรอบอย่างตื่นเต้น"จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร เขาพึ่งเข้าห้องหอไปเมื่อคืน แถมดูจากสภาพของเขาแล้วตอนนี้คงยังเมาค้างอยู่อย่างแน่นอน" ใบหน้าของสือหานปรากฎแววของความอดรนทนไม่ไหวขึ้นมาจาง ๆ"แต่อย่างน้อย เราควรไปแจ้งข่าวให้นายน้อยทราบสักหน่อยนะขอรับ" ลุงชิงหัวกล่าวทักท้วงนายท่านสือหานด้วยความห่วงใย"ข้าคิดว่าหากนายน้อยรู้เรื่องไม่ว่าจะเป็นเช่นไรเขาจะต้องรีบบึ่งมาที่นี่อย่างแน่นอนขอรับ""เอาตามที่ท่านเห็นสมควรเถอะ แค่นี้ข้าก็ร้อนใจจะแย่อยู่แล้ว"สือหานที่ได้ยินเสียงกรีดร้องของภรรยาดังออกมาจากด้านในเป็นพัก ๆ ทำให้เขาปวดใจจนยากที่จะอธิบาย ในตอนนี้เขาก็ไม่มีกระจิตกะใจไปสนใจเรื่องอื่นอีกแล้ว เขาได้แต่เดินวนเวียนไปมาอยู่หน้าห้องนอนอย่างร้อนใจ ใบหน้าของสือหานในยามนี้ปราศจากรอยยิ้มอันอบอุ่นมีแต่ค
ยามไฮ่ สี่ทุ่มโดยประมาณ...."ท่านพี่… ข้าว่าน่าจะได้เวลาแล้วนะเจ้าคะ"สืออิงเรียกสามีของตนที่กำลังติดลมดื่มด่ำสุรากับเพื่อนฝูงจนลืมเวลาไป"ถึงเวลาแล้วรึ?" สือหานที่ใบหน้าแดงก่ำวางจอกสุราลง แล้วหันมาถามสืออิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ โดยมีป้าชิงหร่วนคอยนวดขาให้นางเพื่อคลายความเมื่อยล้า"เจ้าค่ะ นี่ก็ดึกมากแล้ว หากรอนานกว่านี้อีก เจ้าลูกชายของท่านพี่คงหมดสภาพไปแล้วอย่างแน่นอน" สืออิงหันหน้าไปทางสือไท่ที่ร่ำสุรามงคลกับเพื่อนพ้อง จนตอนนี้เขาดูเมามายแถมสนุกสนานจนลืมไปแล้วว่าตนกำลังทำอะไรอยู่"เว่ยหนิง..."สือหานเรียกเว่ยหนิงที่อยู่โต๊ะข้าง ๆ ที่เขาดื่มสุราไปเพียงเล็กน้อยแต่พอควร และคุยเล่นกับจางปิงกับครอบครัวอย่างสนุกสนาน ดูท่าทางแล้วพอถึงเวลาจริงจังกับเป็นเว่ยหนิงที่พึ่งพาได้มากที่สุด"เดี๋ยวพ่อมานะ เจ้าอยู่กับท่านแม่ และเล่นกับพี่ชายไปก่อน""ขอรับท่านพ่อ" เสียงเล็ก ๆ ของเด็กวัยสองขวบ ตอบรับผู้เป็นบิดา และหันไปเล่นกับพี่ชายที่เป็นบุตรชายของจางปิงต่อ เว่ยหนิงใช้มืออันหนาใหญ่ ยีหัวบุตรชายเบา ๆ แล้วลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะของนายท่านสือหาน"นายท่าน"เว่ยหนิงลุกขึ้นยืนเต็มตัว เขาก้าวขาเพียงเล็กน้อยก็มาถึง
"ตั้งใจทำงานกันหน่อย อีกเดี๋ยวพอลูกค้าเริ่มมาแล้วจะวุ่นวายกันไปใหญ่ ตรงนั้นน่ะดึงผ้าให้ตึงกว่านี้อีกหน่อยมันหย่อนจนเกินงามไปแล้ว" สืออิงที่นั่งเก้าอี้ใช้พัดที่ยังไม่กางออกชี้สั่งงานคนงานของตน และแม่บ้านที่นำมาด้วยให้ช่วยกันเร่งมือตั้งแต่เช้าตรู่ยิ่งนางได้เห็นท่าทีของสือไท่ว่าเขามีความสุขมากแค่ไหนในตอนที่เขากลับไปถึงบ้าน นางยิ่งมีความกระตือรือร้นมากยิ่งขึ้น และยังหวังลึก ๆ ในใจว่านางยังจะทนไหวจนกว่าสือไท่จะตบแต่งจนเสร็จ สืออิงคอยบอกทารกในครรภ์อยู่เสมอว่าให้อดทนรอจนกว่าจะเสร็จงานแต่งของพี่ชายจึงค่อยออกมาพบเจอกัน เพราะนางอยากให้งานแต่งของสือไท่ครบถ้วนสมบูรณ์ไม่มีที่ติ นางจึงต้องลากร่างกายที่เหมือนจะพร้อมคลอดทุกเมื่อออกมาเร่งจัดแจงทุกอย่างให้เรียบร้อย"พี่สืออิง ท่านไม่ต้องเร่งรีบไป ข้ารู้ว่าท่านอยากอยู่รอดูวันนั้นของสือไท่ด้วยตาของท่านเอง แต่หากท่านฝืนตัวเองมากเกินไปตัวท่านเองนั่นแหละจะลำบาก ดูเอาเถอะทั้งสือไท่ และหลี่หลิวต่างมาคอยดูแลคุมงานอย่างใกล้ชิดถึงเพียงนี้ ท่านก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเถอะที่จะคอยตรวจตราพวกเขาอีกที"หลี่ลู่เห็นพี่สืออิงมานั่งคอยสอดส่องอย่างใกล้ชิด และออกคำสั่ง
หลังจากสร้างบ้านที่ท้ายสวนเสร็จหลี่หลิวก็พยุงท่านแม่ใหญ่อย่างสืออิงที่ท้องโตเต็มที่เดินตรวจตราดูความเรียบร้อยจนนางพอใจ หลี่ลู่เดินข้าง ๆ ตามมาพร้อมกับสือหาน และสือไท่ ก่อนจะพูดคุยเรื่องการจัดงานแต่งในอีกไม่กี่สิบวันข้างหน้าด้วยความกระตือรือร้น"เรื่องของแม่นางกงซูหนิงก็จบลงด้วยดี ต่อไปนี้ก็คงไม่มีอะไรมาคอยกวนใจหลี่หลิวอีกแล้วล่ะ" สือหานกล่าวพร้อมกับมองบ้านหลังที่ไม่เล็ก และไม่ใหญ่จนเกินไปอย่างพอใจ หลี่หลิวสร้างบ้านได้น่าอยู่ถึงเพียงนี้เชียวรึ ถึงข้าวจะของยังจัดการไม่เรียบร้อยดีเท่าไหร่นักแต่โดยรวมแล้วดูลงตัวเป็นอย่างมาก ถึงมันจะเรียบง่ายแต่ก็ดูเรียบหรูอย่างบอกไม่ถูก ไม่คิดเลยว่าบ้านธรรมดาหลังหนึ่งแต่ด้านในจะสามารถดูดีได้ถึงเพียงนี้"ตรงนี้ข้าจะเอาไว้ต้อนรับแขกเจ้าค่ะ"เมื่อเดินออกมาจากตัวบ้านที่สร้างเป็นเรือนหอ หลี่หลิวก็หันมาบอกว่าชายคาที่ยื่นออกไปนี้นางเตรียมไว้สำหรับรองรับแขก เพื่อว่าพวกท่านทั้งหมดมาเยี่ยมเยือนก็จะได้มานั่งพักชมวิวตรงจุดนี้ มันมีโต๊ะไม้ยาวที่สามารถรองรับผู้คนได้กว่าแปดถึงสิบคน ซึ่งหลี่หลิวมองเห็นว่าในอนาคตอาจจำเป็นต้องได้ใช้มันอย่างแน่นอน"เจ้าออกแบบบ้านหลังนี้ด้วย
"เจ้าอยากมาเป็นนางคณิกาที่นี่งั้นหรือ""ใช่เจ้าค่ะ"นายหญิงแห่งหอคณิกามองไปที่ใบหน้าเปื้อนยิ้มของนางแล้วก็ต้องตกใจ แม่นางผู้นี้คือบุตรสาวของนายท่านกงเหวินผู้ที่เคยมีชื่อเสียงกว้างขวาง ถึงแม่นางกงจะงดงามไม่น้อยแต่ข้าก็ไม่สามารถรับคนที่มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เช่นนี้เข้ามาเพื่อทำให้หอคณิกาของข้าแปดเปื้อนได้ ถึงจะเสียดายใบหน้าที่งดงามของนางอยู่ไม่น้อยก็ตาม การไม่เข้าไปยุ่งกับคนเช่นนี้นั้นย่อมดีกว่าอย่างแน่นอน"ข้าดูจากใบหน้าของเจ้าก็พอใช้ได้ แต่ตอนนี้ข้ายังไม่รับนางคณิกาเพิ่มหรอกนะเจ้ากลับไปเสียเถอะ""ทำไมล่ะเจ้าคะข้า...ข้าสามารถเต้นรำ หรือทำงานอะไรก็ได้นะเจ้าคะ""เด็ก ๆ ส่งนางออกไปที""ขอรับนายหญิง""ไม่ต้อง ข้าออกไปเองได้"เมื่อกงซูหนิงเห็นชายหนุ่มที่มีใบหน้าโหดเหี้ยมน่ากลัวเดินมาทางนาง นางที่นั่งคุกเข่าอยู่เมื่อครู่เพื่อที่จะอ้อนวอนนายหญิงจึงรีบลุกขึ้นเชิดหน้าหยิ่งทะนงตน กระทืบเท้าไปหนึ่งทีอย่างไม่พอใจแล้วหันหลังเดินออกไปจากหอคณิกาทันที"นายหญิงเจ้าคะ ท่านไม่เสียดายนางรึเจ้าคะ นานมากแล้วนะที่หอคณิกาของเราไม่มีนางคณิกาใหม่ ๆ มาบ้างเลย""เจ้าดูเอาเถอะ กิริยาเช่นนี้มีหรือจะรับแขกได้ หากรับมานา
"ปล่อยข้านะ อย่านะ!!"เสียงร้องของหญิงสาวดังออกมาจากมุมอับของกำแพง มีชายหนุ่มน้อยใหญ่สามสี่คนที่กำลังเมามายมารุมรังแกนาง"ปล่อยลูกสาวข้าไปเถอะนะ พวกเราเป็นแค่เพียงขอทานจน ๆ เพียงเท่านั้น ได้โปรดเถอะ" ชายชราผมขาวยกมืออ้อนวอนกลุ่มคนเมาที่พยายามจะมาลวนลามบุตรสาวของตน"เจ้าอยากได้เงินไม่ใช่หรือ ไปกับพวกข้าซะสิ ข้าจะให้เงินมากมายกับเจ้าเอง"ชายร่างท้วมผิวดำคล้ำพุงป่องพยายามล่อลวงนางด้วยการถือเงินอีแปะเป็นพวง ๆ เพื่อหวังจะหลอกล่อนาง"ข้าไม่เอา ๆ ปล่อยมือข้านะ""ปล่อยข้ากับบุตรสาวของข้าไปเถอะ""ใครจะอยากได้เจ้ากันล่ะ ข้าแค่ต้องการบุตรสาวของเจ้าเพียงเท่านั้น หลีกไปให้พ้น!!!" กลุ่มชายที่เมามายผลักดันชายชราออกไปด้วยเท้า จากนั้นใช้ผ้าออกมาเช็ดปัดเสื้อผ้าออกเหมือนกับว่ามันสกปรกมาก และน่าขยะแขยง"ทำอะไรกันน่ะ"เสียงกลุ่มคนของทางการดังขึ้นมาจากด้านหลังของชายหนุ่ม ทำให้พวกเขาสบถด่า แล้วรีบเอามือปิดใบหน้าก่อนจะรีบวิ่งออกไป"ท่านลุง แม่นาง ไม่เป็นไรใช่ไหม""ข้าไม่เป็นไร ข้าขอบคุณพวกเจ้ามาก ที่เข้ามาช่วยข้ากับบุตรสาวได้ทันเวลา ขอบคุณจริง ๆ ""ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ว่าแต่พวกท่านเคยเห็นแม่นางคนหนึ่งที่รูปร่าง
"ท่านพี่ ท่านไปไหนมาหรือเจ้าคะ" เสิ่นเหนียงเหนียงถามสามีที่พึ่งกลับมาเอาตอนมืดค่ำ ยังดีที่รถม้ามีคบเพลิงจึงทำให้นางเบาใจลงมาบ้าง"ไม่มีอะไรหรอก ข้าแค่ไปช่วยคนมาน่ะ"หลี่จงมองไปทางหลี่หลิวที่ยืนอยู่ในมุมมืดเพราะว่าชายเสื้อและกระโปรงของนางเปื้อนไปด้วยเลือดมากกว่าเขาเสียอีก ยิ่งชุดที่นางสวมใส่อยู่นั้นเป็นสีอ่อนเท่าใด มันก็ยิ่งสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน เขาจึงต้องชวนเมียรักเข้าไปในบ้าน แล้วไปนั่งที่โต๊ะใหญ่ตรงที่นั่งประจำพร้อมกับกินอาหารที่นางเตรียมเอาไว้ให้ หลี่หลิวเห็นเช่นนั้นนางจึงเดินเข้ามาแล้วขอไปอาบน้ำล้างตัวเสียก่อน หลี่หลิวใช้เวลาช่วงที่ไม่มีใครสังเกตเห็นรีบเดินขึ้นบ้านไปเอาชุดมาเปลี่ยนแล้วรีบไปล้างกลิ่นคาวที่ติดตัวนางออกด้วยสบู่กลิ่นกุหลาบที่นางใช้เป็นประจำ หลี่หลิวนำชุดที่เปื้อนเลือดมาซักด้วยสบู่จนหายคาวแต่ยังคงมีรอยเลือดที่ล้างไม่ออกอยู่บ้าง หลังจากแต่งตัวด้วยชุดใหม่เรียบร้อยแล้วจึงเดินออกจากห้องน้ำมาแล้วนำชุดไปตากหลังบ้าน"ท่านรีบไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวข้าจะเอาชุดนี้ไปซักให้ มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังกันนะ" แม่นางเสิ่นถามไถ่สามีจนรู้เรื่องของแม่นางกงที่มาทำงานได้เพียงสามเดือน โดย