ในระหว่างที่คนงานหั่นของที่พึ่งซื้อมา หลี่หลิวก็บอกคนงานผู้ชายยกเตาที่นางซื้อมาเก็บไว้ ออกมาวางเรียงด้านนอกห้าเตาพร้อมกับก่อไฟ หลี่หลิวนำหม้อใบใหญ่สุดออกมาห้าใบแล้วให้คนงานยกหม้อขึ้นไปตั้งหลังจากก่อไฟแล้ว นางสั่งคนงานให้เติมน้ำไปมากกว่าครึ่งหม้อ พอน้ำเดือดก็ใส่เกลือลงไปตามด้วยเนื้อหอยนางรม และเห็ดหอม กลิ่นหอมสดชื่นของทะเล และเห็ดหอมลอยโชยมาตามลมเบา ๆ ช่างเป็นกลิ่นที่ลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อ พอต้มไปจนหอยนางรมสุกดีเห็ดหอมก็เริ่มได้ที่นางจึงบอกคนงานยกหม้อลงจากเตา กลุ่มคนงานผู้หญิงก็หั่นหอมใหญ่ และขิงเสร็จแล้ว หลี่หลิวออกคำสั่งให้ตั้งกระทะใหญ่ที่สุดห้ากระทะแล้วใส่น้ำมันลงไปเล็กน้อย ใส่ขิงที่หั่นบางลงไปผัดก่อนตามด้วยหอมใหญ่ นางให้คนงานผัดจนหอมใหญ่เริ่มสุกเกรียมดีแล้ว หลี่หลิวจึงค่อยตามใส่ซอสถั่วเหลืองทีล่ะกระทะแล้วให้คนงานหญิงตักหอยนางรม และเห็ดหอมที่ต้มสุกลงมาผัดโดยใส่น้ำต้มลงไปด้วยทีล่ะไม่มาก เมื่อผัดจนกลิ่นหอมกรุ่นเติมน้ำที่ต้มหอยลงเพิ่มไปอีก พอเดือดแล้วชิมรสชาติจากนั้นก็ปรุงด้วยซอสให้ได้รสที่นางต้องการอีกครั้ง ก่อนจะยกกระทะลงจากเตาหลี่หง หวังลู่ และสองพี่น้องของนางได้แต่นั่งมองหลี่หลิวที
พอคนงานกลับกันหมดบ้านหลี่ก็เช็ดล้างเนื้อตัวพากันเข้านอน ส่วนหลี่หลิวที่ยังไม่ทันได้ขึ้นบ้านก็แอบเก็บซอสหอยนางรมเข้าไปเก็บในมิติ ถึงแม้ว่าจะเก็บไว้ข้างนอกจะไม่เน่าเสียเพราะสภาพอากาศที่ค่อนข้างเย็น แต่นางก็รู้สึกไม่ปลอดภัยเหมือนเก็บไว้ในมิติของตน สาหร่ายที่เหลือมากกว่าครึ่งตะกร้าถูกนางเก็บเข้ามิติ และเอาไปแช่น้ำทะเลไว้พอสาหร่ายถูกน้ำทะเลที่มีน้ำวิเศษผสมอยู่ก็กลับมาสดชื่นกันอีกครั้ง พอเห็นกองหอยนางรมที่ยังเหลืออยู่มากนางก็คิดเมนูใหม่ของวันพรุ่งนี้ได้โดยทันที"ข้าจะทำหอยนางรมทรงเครื่องในเมนูเด็ดของวันพรุ่งนี้ ดีจริง ๆ ที่ข้าไม่เอาพวกเจ้าออกไปทำซอสจนหมดเสียก่อน"หลี่หลิวออกจากมิติแล้วเป่าเชิงเทียนตรงบันไดชั้นบน นางเดินผ่านห้องท่านพ่อได้ยินเสียงพูดคุยกันเรื่องบ้านใหญ่ทำให้นางเกิดความหงุดหงิดขึ้นไม่น้อย หากเป็นตามที่พี่ชายเคยบอกไว้ล่ะก็ คนเดียวที่จะจัดการท่านย่าได้คงหนีไม้พ้นท่านปู่ หลี่หลิวเดินผ่านห้องสองห้องไปแล้วเข้าห้องนอนของตนดับเทียนแล้วดึงผ้าห่มคลุมร่างบาง นางนอนหงายยกขาชันเข่ามือที่อยู่นอกผ้าห่มวางผสานกันตรงหน้าอกอย่างพอดี"ในเมื่อพ่อของเจ้า ยังคิดเรื่องพวกนี้อยู่ งั้นข้าจะจัดการเรื่
ในห้องครัวมีเสียงหัวเราะคิกคักดังออกมาเป็นระยะ ๆ หลี่หลิวทำเมนูง่าย ๆ สามสี่อย่างพร้อมทั้งกับแกล้มอีกสองสามอย่าง หลี่หลิวมีผู้ช่วยอย่างหวังลู่ และสืออิงคอยหยิบจับสิ่งของให้ตามที่นางต้องการ นางจึงทำอาหารได้อย่างคล่องมือ และรวดเร็ว"หลี่หลิวแม่ใหญ่ว่าเจ้าควรมีผู้ช่วยซักคนนะ อย่างพ่อครัวที่บ้านของเราเขาจะเป็นมือเป็นเท้าให้เจ้าได้อย่างดีเลยล่ะ ต่อไปหากเจ้าไปไหนมาไหนก็จะสะดวกสบายมากขึ้นเจ้าคิดเห็นเช่นไร"สืออิงมองร่างน้อย ๆ ที่จับกระทะควงตะหลิวอย่างมั่นคง อีกทั้งยังมีรอยยิ้มที่ร่าเริงประดับอยู่บนใบหน้าเสมอ ในเมื่อนางมาเป็นคู่หมายของบุตรชายตนแล้ว สืออิงก็อยากให้นางได้พักผ่อนมากกว่านี้ ดูจากมือน้อย ๆ ที่ควรนุ่มนิ่มนั้นมันกลับสากเหมือนผ่านสมรภูมิรบมาอย่างยากลำบาก นางเห็นเช่นนั้นก็อดห่วงใย และเอ็นดูนางไม่ได้"หากท่านว่าเช่นนั้นก็ได้เจ้าค่ะ" หลี่หลิวตอบรับไป ยังไงซะในภายภาคหน้าร้านนั่งกินของข้าจะต้องใหญ่ขึ้นมาก หากได้พ่อครัวที่คล่องตัว และรู้งานมาช่วยก็จะดีไม่น้อย ส่วนข้าแค่ให้ท่านแม่คอยคุมงานให้ก็ได้แล้ว"เช่นนั้นก็ดี ต่อไปเจ้าจะได้ไม่ต้องทำงานจนเหน็ดเหนื่อยอีก ข้าล่ะกังวลว่าเจ้าจะทำแต่งานจนลื
เที่ยงวันเมื่อได้คนงานตามที่ต้องการหลี่จงจึงขอตัวกลับบ้าน สืออิงสงสัยว่านางต้องการคนงานชายไปทำอะไรจึงได้ขอตามไปดูด้วย ขากลับหลี่จงก็ควบม้านำทางรถม้าของสือไท่ และรถเกวียนของคนงานจนมาถึงบ้านที่มีคนนับไม่ถ้วนนั่งกินข้าวกันอย่างเอร็ดอร่อย ลูกค้าพากันให้ความสนใจว่าบ้านหลี่จะทำอันใดกัน แต่ก็ต้องยอมรับว่ารสชาติของอาหารมันเชิญชวนให้น่าสนใจมากกว่า พวกเขาจึงพากันรีบกินอาหารก่อนที่จะถึงเวลาที่ทางร้านกำหนดไว้"แม่ใหญ่" หลี่หลิวที่กำลังจะเรียกเจ้าเล็ก แต่สายตาของนางก็หันไปพบแม่ของสือไท่เข้าเสียก่อน นางจึงได้กล่าวทักทายท่านไปตามมารยาท"ข้าเพียงแค่แวะมาเที่ยวเล่นเพียงเท่านั้น และข้าก็ไม่ได้มาหาเจ้าเป็นเวลาสองอาทิตย์แล้วด้วย ว่าแต่เจ้าจะทำอะไรงั้นรึ หากมีอะไรให้แม่ใหญ่ช่วยก็บอกได้เลยนะ"สืออิงเดินอุ้ยอ้ายมาหาหลี่หลิว และสวมกอดนาง ก่อนที่จะถามไถ่ว่านางต้องการทำอันใด"ข้าอยากทำบ่อปูนแล้วมุงหลังคาด้วยกระเบื้อง เพื่อเอาไว้ใส่กุ้ง และปูเจ้าค่ะ"สือไท่ยิ้มน้อย ๆ ให้นางแล้วหันไปคุยกับหลี่เฉิน เพราะเขาเอาแต่ชวนพี่สือไท่ของเขาเข้าไปที่ใต้ถุนบ้านเพื่อหาของกิน"ท่านไปหาอะไรกินก่อนเถอะเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าจะสั่งงานพว
ช่วงบ่ายขบวนรถลากก็มาถึงเทียนจวินเป็นที่เรียบร้อย เจ้าเล็กคอยส่งเสียงบอกตลอดทางว่าข้าจะพาพี่สือไท่ และพี่ใหญ่ไปเดินเล่น และหาหมึกสายตรงนั้น จากนั้นก็จะพาไปดึงหอยหลอดตรงนี้ ทำให้หลี่จงที่นั่งนิ่งมาตลอดทางเริ่มจะสนอกสนใจจนลืมไปว่าตนไม่ชอบสือไท่อยู่ พอถึงที่พักสือไท่กับหลี่จงก็ได้พักห้องเดียว หลี่หลิวพักกับน้องเล็ก สือหาน และภรรยาก็พักอีกห้อง ทั้งสามห้องมีหน้าต่างปิดพอเปิดออกมาก็มองเห็นทะเลได้อย่างชัดเจน ส่วนผู้ติดตาม และคนงานที่นำมาอีกแปดคนต่างได้พักห้องอีกฝั่งซ่าส์ ซ่าส์เสียงน้ำทะเลดังมาตามจังหวะของคลื่นลม หลี่จงกับสือไท่ถือถังไม้คนล่ะถังเดินตามหลี่หลิวกับหลี่เฉินไปที่โขดหิน เจ้าเล็กอาสาพาพี่ชายกับสือไท่ไปทำความรู้จักกับหมึกสาย และกุ้งมังกรที่มีหนวดยาวหลายสี ทั้งปูอลาสก้าที่หลบอยู่ตามมุมต่าง ๆ ทั้งสี่คนสนุกกับการจับกุ้งปูพอคลื่นทะเลซัดมาทีพวกเขาก็เอาตัวหลบโขดหินอย่างระมัดระวัง ยังดีที่บริเวณโขดหินมีน้ำขังอยู่เพียงเล็กน้อย และไม่สูงถึงเข่าจึงทำให้พวกเขาเดินหาสมบัติทะเลได้อย่างสะดวกพอได้พวกหมึกกุ้งเยอะพอแล้วหลี่หลิวก็เดินตรงไปยังจุดเดิมที่ห้าคนพ่อลูกเคยเอาปลาทะเลมาวางขายอยู่ พอพวกเขาเ
"สาวน้อยให้ข้าช่วยดีกว่า เจ้าต้องการกินอาหารแบบไหนสามารถบอกข้ามาได้เลย"พ่อครัวที่ได้รับข่าวมาจากเสี่ยวเอ้อว่ามีแม่นางน้อยผู้หนึ่งมาขอใช้ครัวของพวกเขาเพื่อที่จะทำอาหาร พอเหล่าเจิ้นเดินออกจากห้องครัวมาก็พบว่าเป็นเพียงเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น เขาจึงถามนางด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่านางต้องการจะกินอาหารแบบไหนเขาจะได้รีบทำให้"ข้าขอทำเองได้ไหมเจ้าคะ" หลี่หลิวทำตาปริบ ๆ อ้อนวอนพ่อครัวที่มีผ้าคล้องคอไว้ซับเหงื่อ แถมข้าง ๆ ตัวนางยังมีถังปลาหมึกที่มีความยาวมากกว่าสองคืบที่พันกันยั้วเยี้ยอย่างสยดสยอง ไม่ว่าใครที่ได้พบเห็นก็พากันขนลุกขนชัน และพากันถอยหนีออกห่างจากนางกันทั้งนั้น"สาวน้อยข้าให้เจ้าทำไม่ได้จริง ๆ ทำเช่นไรดี นี่เสี่ยวเอ้อแม่นางน้อยผู้นี้อยู่ห้องไหนรีบไปตามครอบครัวนางมาเถอะ" เหล่าเจิ้นพ่อครัวหนุ่มใหญ่วัยสามสิบปียังคงยิ้มแย้ม แล้วบอกหลี่หลิวว่านางไม่สามารถเข้าครัวได้ แถมยังบอกให้เสี่ยวเอ้อไปตามครอบครัวที่มากับนางให้มารับตัวนางกลับไป เด็กทุกวันนี้กล้าจับสัตว์น้ำที่แปลก ๆ แบบนี้มาเพื่อที่จะทำอาหารได้เช่นไรกัน เหล่าเจิ้นยังคงรอยยิ้มอ่อนโยนและถามไถ่ว่านางจับตัวอะไรมาแล้วถามนางว่าไม่กลัวมันรึ"พี
หลี่หลิวเป่าเชิงเทียนที่โต๊ะนั่งข้างมุมห้องแล้วค่อย ๆ เดินช้า ๆ นางยื่นมือน้อย ๆ คลำทางในความมืดเดินไปข้างหน้าเพื่อคว้าหาเตียงนอน พอมาถึงเตียงที่น้องเล็กนอนอยู่นางก็นั่งลงถอดรองเท้าปีนขึ้นไปนอนด้านในแล้วดึงเอาห่มผ้าที่อบอุ่นมาคลุมกาย อากาศเย็นลงมากในตอนกลางคืนดีหน่อยที่ผ้าห่มที่นี่ค่อนข้างหนาจึงไม่ส่งผลกระทบอะไรมากนัก หลี่หลิวขยับเขยื้อนตัวให้อยู่ในท่าที่สบายแล้วดึงเอาผ้าขึ้นมาปิดจนถึงจมูกแล้วหลับไปวันถัดมา...ครอบครัวหนานจ้านตื่นขึ้นแต่เช้ากินน้ำแกงปลากับข้าวสวยร้อน ๆ ทำให้ท้องของพวกเขาอบอุ่น และมีพลังเป็นอย่างมาก ต้องขอบคุณแม่นางน้อยที่ทำให้พวกเขาได้กินอิ่มนอนหลับสบายเช่นนี้ เมื่อกินอิ่มหนานจ้านก็บอกบุตรชายคนโตให้ไปเตรียมรถลากคันเก่าออกมา พร้อมเจ้าม้าสองตัวที่หนานกงจูงมาอย่างเชื่อฟัง"พรุ่งนี้พวกเจ้าจะได้วิ่งไปที่เมืองหลวงอีกครั้งพวกเจ้าดีใจใช่ไหม" หนานกงคุยกับม้าแสนรักของเขาพร้อมกับช่วยพี่ชายเขาใส่อุปกรณ์เกวียนลากให้กับพวกมัน"ท่านพ่อถ้าเราซื้อเกวียนลากมาใหม่คงจะดีไม่น้อย" หนานอี้เฟยแฝดผู้น้องเอ่ยขึ้น เมื่อมองไปที่รถม้าคันเก่าของพวกเขา"พ่อคิดว่ามันยังใช้งานหนักได้ดีอยู่ และอีกอย่
หลังจากจบมื้อค่ำแล้วทุกคนต่างแยกย้ายกันเข้านอน พอถึงห้องพักหลี่เฉินเอาแต่ถามพี่รองของเขาว่าทำไมพี่รองถึงต้องให้สูตรอาหารกับพวกเขาด้วย ทำไมพี่รองถึงไม่บอกปัดพวกเขาไป จนนางต้องบอกให้เขาหลับตานอนในตอนที่แสงเทียนดับลงแล้ว เด็กคนนี้กลายเป็นคนรู้เท่าทันคนไปเสียแล้ว ข้าจะดีใจหรือเสียใจดีที่เขาเริ่มฉลาดแล้วยังรู้จักเจรจาต่อรองกับข้าเช่นนี้ หลี่หลิวยิ้มบางแล้วกระชับผ้าห่มให้น้องชายตัวอวบของนาง นับวันเขายิ่งจ้ำม่ำขึ้นจนนางต้องคอยบอกว่าหากเขาอ้วนแล้วจะไม่หล่อ จนเจ้าเด็กน้อยต้องคอยห้ามปากตัวเองเพราะสายตาของนางคอยห้ามปรามเขาเอาไว้ ข้าคงต้องหาเมนูที่กินได้เรื่อย ๆ แต่ก็ไม่ทำให้อ้วนมาไว้รองรับพุงน้อย ๆ ของเขาแล้วล่ะ หากวันหนึ่งเขาเกิดหิวมาก ๆ และห้ามตัวเองไม่อยู่ขึ้นมา คงได้แต่เข็นเจ้าก้อนกลม ๆ ไปไหนมาไหนด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้เป็นแน่บ้านหนานจ้านพากันตื่นแต่เช้า และขนข้าวของที่เหลืออยู่ขึ้นเกวียนลาก ก่อนจะมุ่งหน้าออกจากบ้านด้วยการจ้างวานของกลุ่มรถลากที่ตื่นมาทำงานตั้งแต่เช้า ครอบครัวตี้อันหนิง และเหล่าเจิ้นก็ออกมารวมตัวกันที่หน้าโรงเตี๊ยมด้วยเช่นกัน ตี้อันหนิงมองผู้คนอีกเจ็ดคนที่มายืนออรวมกันอย่างรอค
"อ้าว....ยัยลูกคนนี้หนิ ถ้าไม่สบายทำไมไม่เข้าไปนอนในห้องนอนล่ะเนี่ย" หมิงหลิวมองไปที่ลูกสาวที่หลับไปทั้งแบบนั้น รองเท้าก็ยังไม่ได้เปลี่ยนเลยแท้ ๆ สงสัยเสี่ยวเหมยจะถูกหัวหน้ากดดันมาอีกสิท่า เห้อ...สมัยนี้ทำงานมันไม่ง่ายเลยจริง ๆ"แม่บอกแล้วว่าให้หาผู้ชายดี ๆ สักคนมาคอยดูแล ถ้าไปดูตัวตามที่แม่บอกแต่แรกคงจะไม่เป็นแบบนี้ ป่านนี้คงยิ้มหน้าบานเท่ากระด้งไม่ก็ออกไปเดทดูหนังผ่อนคลายแล้วซักหน่อยก็ยังดี" หมิงหลิวบ่นให้ลูกสาวหัวรั้นพร้อมทั้งเดินไปเอาผ้าห่มมาห่มตัวให้เสี่ยวเหมยวันนี้เป็นวันหยุดของเสี่ยวเหมยว่าแต่เสี่ยวเหมยไปไหนมากันแน่นะ ไหนว่าจะไปหาเพื่อนแล้วไหงถึงได้กลับมาอยู่ในสภาพแบบนี้กันหมิงหลิวส่ายหัวไปมาเบา ๆ อย่างไม่เข้าใจ ถึงแบบนั้นแต่เธอก็เดินเข้าครัวไปต้มโจ๊กไว้รอให้หมิงเหมยที่เป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของเธอ"หมิงหลิวเอ้ย ทำไมเสี่ยวเหมยของเราถึงตัวร้อนแบบนี้ล่ะ"เสียงแหบชราของย่าหมิงดังมาจากห้องรับแขก ทำให้หมิงหลิวที่ทำโจ๊กอยู่ทำหน้างุนงง เมื่อกี้เสี่ยวเหมยยังไม่มีไข้นี่นาแล้วจู่ ๆ มีไข้ขึ้นมาเฉยเลยงั้นเหรอ หมิงหลิวปิดเตาเมื่อต้มโจ๊กเสร็จแล้วเธอก็เดินออกมาดู เห็นย่าหมิงกำลังเช็ดตัวให้เ
หลังจากวันที่สืออิงคลอดบุตร สือไท่ก็พาบ้านหลี่แวะไปเยี่ยมเยียนอยู่หลายครั้ง จนหลี่หลิวที่ไม่ค่อยไปไหนนักก็มักไปติดอยู่กับบ้านนั้นเข้าเสียแล้ว"วันนี้เจ้าจะไปหาสือต้าเหนิงอีกแล้วรึ ไหนเจ้าบอกว่าวันนี้จะทำสบู่ หรือว่าเจ้าเปลี่ยนใจไม่ทำแล้ว" หลี่จงเดินมารดน้ำผักยามเช้าแล้วถามไถ่ผู้เป็นน้องสาวขึ้นอย่างสงสัย"ข้าไปแค่ครู่เดียวเท่านั้น เดี๋ยวช่วงสายหน่อยข้าก็จะกลับมาทำงานเช่นเดิม""ในเมื่อเจ้าชอบเด็กถึงเพียงนี้ เหตุใดเจ้าจึงไม่มีให้เขาสักคนล่ะ""นี่ พี่ใหญ่...ข้าชอบเด็กก็จริง แต่ข้าก็ยังไม่อยากมีในเร็ว ๆ นี้หรอกนะ ข้ายังไม่พร้อมน่ะ""งั้นเจ้าก็อยู่บ้านบ้างสิ งานโรงเตี๊ยมเจ้าก็แทบจะโยนมาให้ข้าหมดแล้ว เจ้าหนิมันจริง ๆ เลยนะ""จะให้ข้าทำเช่นไรได้ เจ้าตัวเล็กนั่นน่ารักขนาดนั้น แถมแก้มน้อย ๆ ก็น่าหยิกน่าชังยิ่งนัก""น้องรอง...ข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อน นั่นไม่ใช่เจ้าเล็กของเรานะ ห้ามแม้แต่จะคิดที่จะไปหยิกแก้มเขาเชียวล่ะ""ข้ารู้หรอกน่า ชิ...ข้าล่ะเกลียดท่านจริง ๆ" หลี่จงส่ายหัว และยิ้มน้อย ๆ แล้วส่งเสียงหัวเราะเบาๆ ในลำคออย่างรู้ทัน นางชอบหยิกแก้มนุ่ม ๆ ของเด็กเป็นที่สุด มีหรือข้าจะไม่รู้"เอาล่ะ หาก
ณ บ้านสือ....ยามอู่ ช่วงสิบเอ็ดโมงเช้าจนถึงเกือบบ่ายโมง"เร็วหน่อย ๆ นายหญิงจะคลอดแล้ว" ลุงชิงหัวพ่อบ้านวัยสี่สิบเอ็ดปีสามีของป้าชิงหร่วน ส่งเสียงบอกสาวใช้ในเรือนให้รีบไปเตรียมข้าวของตามที่หมอตำแยบอก"นายท่านขอรับ เดี๋ยวข้าส่งคนไปบอกนายน้อยดีหรือไม่ขอรับ"ลุงชิงหัวถามนายท่านของตนที่เดินวนไปมาอยู่หน้าห้องนอนหลายรอบอย่างตื่นเต้น"จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร เขาพึ่งเข้าห้องหอไปเมื่อคืน แถมดูจากสภาพของเขาแล้วตอนนี้คงยังเมาค้างอยู่อย่างแน่นอน" ใบหน้าของสือหานปรากฎแววของความอดรนทนไม่ไหวขึ้นมาจาง ๆ"แต่อย่างน้อย เราควรไปแจ้งข่าวให้นายน้อยทราบสักหน่อยนะขอรับ" ลุงชิงหัวกล่าวทักท้วงนายท่านสือหานด้วยความห่วงใย"ข้าคิดว่าหากนายน้อยรู้เรื่องไม่ว่าจะเป็นเช่นไรเขาจะต้องรีบบึ่งมาที่นี่อย่างแน่นอนขอรับ""เอาตามที่ท่านเห็นสมควรเถอะ แค่นี้ข้าก็ร้อนใจจะแย่อยู่แล้ว"สือหานที่ได้ยินเสียงกรีดร้องของภรรยาดังออกมาจากด้านในเป็นพัก ๆ ทำให้เขาปวดใจจนยากที่จะอธิบาย ในตอนนี้เขาก็ไม่มีกระจิตกะใจไปสนใจเรื่องอื่นอีกแล้ว เขาได้แต่เดินวนเวียนไปมาอยู่หน้าห้องนอนอย่างร้อนใจ ใบหน้าของสือหานในยามนี้ปราศจากรอยยิ้มอันอบอุ่นมีแต่ค
ยามไฮ่ สี่ทุ่มโดยประมาณ...."ท่านพี่… ข้าว่าน่าจะได้เวลาแล้วนะเจ้าคะ"สืออิงเรียกสามีของตนที่กำลังติดลมดื่มด่ำสุรากับเพื่อนฝูงจนลืมเวลาไป"ถึงเวลาแล้วรึ?" สือหานที่ใบหน้าแดงก่ำวางจอกสุราลง แล้วหันมาถามสืออิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ โดยมีป้าชิงหร่วนคอยนวดขาให้นางเพื่อคลายความเมื่อยล้า"เจ้าค่ะ นี่ก็ดึกมากแล้ว หากรอนานกว่านี้อีก เจ้าลูกชายของท่านพี่คงหมดสภาพไปแล้วอย่างแน่นอน" สืออิงหันหน้าไปทางสือไท่ที่ร่ำสุรามงคลกับเพื่อนพ้อง จนตอนนี้เขาดูเมามายแถมสนุกสนานจนลืมไปแล้วว่าตนกำลังทำอะไรอยู่"เว่ยหนิง..."สือหานเรียกเว่ยหนิงที่อยู่โต๊ะข้าง ๆ ที่เขาดื่มสุราไปเพียงเล็กน้อยแต่พอควร และคุยเล่นกับจางปิงกับครอบครัวอย่างสนุกสนาน ดูท่าทางแล้วพอถึงเวลาจริงจังกับเป็นเว่ยหนิงที่พึ่งพาได้มากที่สุด"เดี๋ยวพ่อมานะ เจ้าอยู่กับท่านแม่ และเล่นกับพี่ชายไปก่อน""ขอรับท่านพ่อ" เสียงเล็ก ๆ ของเด็กวัยสองขวบ ตอบรับผู้เป็นบิดา และหันไปเล่นกับพี่ชายที่เป็นบุตรชายของจางปิงต่อ เว่ยหนิงใช้มืออันหนาใหญ่ ยีหัวบุตรชายเบา ๆ แล้วลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะของนายท่านสือหาน"นายท่าน"เว่ยหนิงลุกขึ้นยืนเต็มตัว เขาก้าวขาเพียงเล็กน้อยก็มาถึง
"ตั้งใจทำงานกันหน่อย อีกเดี๋ยวพอลูกค้าเริ่มมาแล้วจะวุ่นวายกันไปใหญ่ ตรงนั้นน่ะดึงผ้าให้ตึงกว่านี้อีกหน่อยมันหย่อนจนเกินงามไปแล้ว" สืออิงที่นั่งเก้าอี้ใช้พัดที่ยังไม่กางออกชี้สั่งงานคนงานของตน และแม่บ้านที่นำมาด้วยให้ช่วยกันเร่งมือตั้งแต่เช้าตรู่ยิ่งนางได้เห็นท่าทีของสือไท่ว่าเขามีความสุขมากแค่ไหนในตอนที่เขากลับไปถึงบ้าน นางยิ่งมีความกระตือรือร้นมากยิ่งขึ้น และยังหวังลึก ๆ ในใจว่านางยังจะทนไหวจนกว่าสือไท่จะตบแต่งจนเสร็จ สืออิงคอยบอกทารกในครรภ์อยู่เสมอว่าให้อดทนรอจนกว่าจะเสร็จงานแต่งของพี่ชายจึงค่อยออกมาพบเจอกัน เพราะนางอยากให้งานแต่งของสือไท่ครบถ้วนสมบูรณ์ไม่มีที่ติ นางจึงต้องลากร่างกายที่เหมือนจะพร้อมคลอดทุกเมื่อออกมาเร่งจัดแจงทุกอย่างให้เรียบร้อย"พี่สืออิง ท่านไม่ต้องเร่งรีบไป ข้ารู้ว่าท่านอยากอยู่รอดูวันนั้นของสือไท่ด้วยตาของท่านเอง แต่หากท่านฝืนตัวเองมากเกินไปตัวท่านเองนั่นแหละจะลำบาก ดูเอาเถอะทั้งสือไท่ และหลี่หลิวต่างมาคอยดูแลคุมงานอย่างใกล้ชิดถึงเพียงนี้ ท่านก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเถอะที่จะคอยตรวจตราพวกเขาอีกที"หลี่ลู่เห็นพี่สืออิงมานั่งคอยสอดส่องอย่างใกล้ชิด และออกคำสั่ง
หลังจากสร้างบ้านที่ท้ายสวนเสร็จหลี่หลิวก็พยุงท่านแม่ใหญ่อย่างสืออิงที่ท้องโตเต็มที่เดินตรวจตราดูความเรียบร้อยจนนางพอใจ หลี่ลู่เดินข้าง ๆ ตามมาพร้อมกับสือหาน และสือไท่ ก่อนจะพูดคุยเรื่องการจัดงานแต่งในอีกไม่กี่สิบวันข้างหน้าด้วยความกระตือรือร้น"เรื่องของแม่นางกงซูหนิงก็จบลงด้วยดี ต่อไปนี้ก็คงไม่มีอะไรมาคอยกวนใจหลี่หลิวอีกแล้วล่ะ" สือหานกล่าวพร้อมกับมองบ้านหลังที่ไม่เล็ก และไม่ใหญ่จนเกินไปอย่างพอใจ หลี่หลิวสร้างบ้านได้น่าอยู่ถึงเพียงนี้เชียวรึ ถึงข้าวจะของยังจัดการไม่เรียบร้อยดีเท่าไหร่นักแต่โดยรวมแล้วดูลงตัวเป็นอย่างมาก ถึงมันจะเรียบง่ายแต่ก็ดูเรียบหรูอย่างบอกไม่ถูก ไม่คิดเลยว่าบ้านธรรมดาหลังหนึ่งแต่ด้านในจะสามารถดูดีได้ถึงเพียงนี้"ตรงนี้ข้าจะเอาไว้ต้อนรับแขกเจ้าค่ะ"เมื่อเดินออกมาจากตัวบ้านที่สร้างเป็นเรือนหอ หลี่หลิวก็หันมาบอกว่าชายคาที่ยื่นออกไปนี้นางเตรียมไว้สำหรับรองรับแขก เพื่อว่าพวกท่านทั้งหมดมาเยี่ยมเยือนก็จะได้มานั่งพักชมวิวตรงจุดนี้ มันมีโต๊ะไม้ยาวที่สามารถรองรับผู้คนได้กว่าแปดถึงสิบคน ซึ่งหลี่หลิวมองเห็นว่าในอนาคตอาจจำเป็นต้องได้ใช้มันอย่างแน่นอน"เจ้าออกแบบบ้านหลังนี้ด้วย
"เจ้าอยากมาเป็นนางคณิกาที่นี่งั้นหรือ""ใช่เจ้าค่ะ"นายหญิงแห่งหอคณิกามองไปที่ใบหน้าเปื้อนยิ้มของนางแล้วก็ต้องตกใจ แม่นางผู้นี้คือบุตรสาวของนายท่านกงเหวินผู้ที่เคยมีชื่อเสียงกว้างขวาง ถึงแม่นางกงจะงดงามไม่น้อยแต่ข้าก็ไม่สามารถรับคนที่มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เช่นนี้เข้ามาเพื่อทำให้หอคณิกาของข้าแปดเปื้อนได้ ถึงจะเสียดายใบหน้าที่งดงามของนางอยู่ไม่น้อยก็ตาม การไม่เข้าไปยุ่งกับคนเช่นนี้นั้นย่อมดีกว่าอย่างแน่นอน"ข้าดูจากใบหน้าของเจ้าก็พอใช้ได้ แต่ตอนนี้ข้ายังไม่รับนางคณิกาเพิ่มหรอกนะเจ้ากลับไปเสียเถอะ""ทำไมล่ะเจ้าคะข้า...ข้าสามารถเต้นรำ หรือทำงานอะไรก็ได้นะเจ้าคะ""เด็ก ๆ ส่งนางออกไปที""ขอรับนายหญิง""ไม่ต้อง ข้าออกไปเองได้"เมื่อกงซูหนิงเห็นชายหนุ่มที่มีใบหน้าโหดเหี้ยมน่ากลัวเดินมาทางนาง นางที่นั่งคุกเข่าอยู่เมื่อครู่เพื่อที่จะอ้อนวอนนายหญิงจึงรีบลุกขึ้นเชิดหน้าหยิ่งทะนงตน กระทืบเท้าไปหนึ่งทีอย่างไม่พอใจแล้วหันหลังเดินออกไปจากหอคณิกาทันที"นายหญิงเจ้าคะ ท่านไม่เสียดายนางรึเจ้าคะ นานมากแล้วนะที่หอคณิกาของเราไม่มีนางคณิกาใหม่ ๆ มาบ้างเลย""เจ้าดูเอาเถอะ กิริยาเช่นนี้มีหรือจะรับแขกได้ หากรับมานา
"ปล่อยข้านะ อย่านะ!!"เสียงร้องของหญิงสาวดังออกมาจากมุมอับของกำแพง มีชายหนุ่มน้อยใหญ่สามสี่คนที่กำลังเมามายมารุมรังแกนาง"ปล่อยลูกสาวข้าไปเถอะนะ พวกเราเป็นแค่เพียงขอทานจน ๆ เพียงเท่านั้น ได้โปรดเถอะ" ชายชราผมขาวยกมืออ้อนวอนกลุ่มคนเมาที่พยายามจะมาลวนลามบุตรสาวของตน"เจ้าอยากได้เงินไม่ใช่หรือ ไปกับพวกข้าซะสิ ข้าจะให้เงินมากมายกับเจ้าเอง"ชายร่างท้วมผิวดำคล้ำพุงป่องพยายามล่อลวงนางด้วยการถือเงินอีแปะเป็นพวง ๆ เพื่อหวังจะหลอกล่อนาง"ข้าไม่เอา ๆ ปล่อยมือข้านะ""ปล่อยข้ากับบุตรสาวของข้าไปเถอะ""ใครจะอยากได้เจ้ากันล่ะ ข้าแค่ต้องการบุตรสาวของเจ้าเพียงเท่านั้น หลีกไปให้พ้น!!!" กลุ่มชายที่เมามายผลักดันชายชราออกไปด้วยเท้า จากนั้นใช้ผ้าออกมาเช็ดปัดเสื้อผ้าออกเหมือนกับว่ามันสกปรกมาก และน่าขยะแขยง"ทำอะไรกันน่ะ"เสียงกลุ่มคนของทางการดังขึ้นมาจากด้านหลังของชายหนุ่ม ทำให้พวกเขาสบถด่า แล้วรีบเอามือปิดใบหน้าก่อนจะรีบวิ่งออกไป"ท่านลุง แม่นาง ไม่เป็นไรใช่ไหม""ข้าไม่เป็นไร ข้าขอบคุณพวกเจ้ามาก ที่เข้ามาช่วยข้ากับบุตรสาวได้ทันเวลา ขอบคุณจริง ๆ ""ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ว่าแต่พวกท่านเคยเห็นแม่นางคนหนึ่งที่รูปร่าง
"ท่านพี่ ท่านไปไหนมาหรือเจ้าคะ" เสิ่นเหนียงเหนียงถามสามีที่พึ่งกลับมาเอาตอนมืดค่ำ ยังดีที่รถม้ามีคบเพลิงจึงทำให้นางเบาใจลงมาบ้าง"ไม่มีอะไรหรอก ข้าแค่ไปช่วยคนมาน่ะ"หลี่จงมองไปทางหลี่หลิวที่ยืนอยู่ในมุมมืดเพราะว่าชายเสื้อและกระโปรงของนางเปื้อนไปด้วยเลือดมากกว่าเขาเสียอีก ยิ่งชุดที่นางสวมใส่อยู่นั้นเป็นสีอ่อนเท่าใด มันก็ยิ่งสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน เขาจึงต้องชวนเมียรักเข้าไปในบ้าน แล้วไปนั่งที่โต๊ะใหญ่ตรงที่นั่งประจำพร้อมกับกินอาหารที่นางเตรียมเอาไว้ให้ หลี่หลิวเห็นเช่นนั้นนางจึงเดินเข้ามาแล้วขอไปอาบน้ำล้างตัวเสียก่อน หลี่หลิวใช้เวลาช่วงที่ไม่มีใครสังเกตเห็นรีบเดินขึ้นบ้านไปเอาชุดมาเปลี่ยนแล้วรีบไปล้างกลิ่นคาวที่ติดตัวนางออกด้วยสบู่กลิ่นกุหลาบที่นางใช้เป็นประจำ หลี่หลิวนำชุดที่เปื้อนเลือดมาซักด้วยสบู่จนหายคาวแต่ยังคงมีรอยเลือดที่ล้างไม่ออกอยู่บ้าง หลังจากแต่งตัวด้วยชุดใหม่เรียบร้อยแล้วจึงเดินออกจากห้องน้ำมาแล้วนำชุดไปตากหลังบ้าน"ท่านรีบไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวข้าจะเอาชุดนี้ไปซักให้ มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังกันนะ" แม่นางเสิ่นถามไถ่สามีจนรู้เรื่องของแม่นางกงที่มาทำงานได้เพียงสามเดือน โดย