บทที่ 98 จวิ่นจู่ทวงของรางวัล“เช่นนั้นก็ตกลงไปเลยเพคะในเมื่อเขาให้ของมาแบบไม่มีข้อผูกมัดเราก็รับเอาไว้เถอะ”จวิ่นจูเว่ยเว่ยเอ่ยพลางนึกถึงใบหน้าที่แสนหล่อเหลาของคุณชายฉู่อี้เทียนพลางคิดว่า นี้นางเจอสายเปย์ที่แทร่จริงเข้าแล้วกระมัง....“แล้วเจ้าต้องการส่วนแบ่งที่องค์ชายเก้าให้มาคราวนี้หรือไม่?”หยางเฟยหลงนั้นอดดีใจไม่ได้ที่นังหนูจวิ่นจู่นั้นให้เขาตอบรับของเหล่านั้นอย่างน้อยหนาวนี้ก็คงจะสามารถเพิ่มอาหารให้ราษฎรของพระองค์ได้บ้าง“เช่นนั้นก็แบ่งผ้าไหมมาให้หม่อมฉันสัก 10,000 พับก็แล้ว พวกข้าว เกลือ ธัญพืชข้าไม่ต้องการเพคะให้พระองค์ไปเลย รวมทั้งเงินตำลึงและของอื่นๆ พระองค์นำไปแจกจ่ายได้เลยเพคะ”นางใจกว้างอยู่แล้ว จะอยากได้ทำไม นางมีของเหล่านั้นมากเท่าที่ต้องการอยู่แล้ว ให้ฮ่องเต้เอาไปแจกประชาชนเถิด“จริงหรือ!! ดี ดี ดี เช่นนั้นผ้าไหมนี้ข้าจะได้แบ่งไปให้ฮองเฮาเอาไปแจกบรรดาสนมของข้าบ้าง เฮ้ออ พวกนางลำบากกับข้ามากแล้วจริงๆ”หยางเฟยหลงพูดเหมือนบ่นกับตัวเอง จากนั้นเขาก็ยกไวน์ขึ้นจิบอีกครั้งเมื่อแบ่งของที่ได้เป็นค่านายหน้ามาแล้ว จวิ่นจู่ก็เอ่ยขึ้นมาว่า“ฮ่องเต้เพคะ คือว่าหม่อมฉันว่าจะถามหลายครั้
บทที่ 99 คนอย่างข้าเงินซื้อไม่ได้หรอกนะ… (หากไม่มากพอ)“จวิ่นจู่พะยะค่ะ คือว่าองค์ชายเก้า... เออ คุณชายฉู่อยากจะสนทนากับจวิ่นจู่สักเล็กน้อยไม่ทราบว่าท่านพอจะมีเวลาหรือไม่พะยะค่ะ”จวิ่นจู่เว่ยเว่ยเงยหน้าจากหนังสือแพทย์ที่นางอ่านอยู่เมื่อได้ยินเสียงเรียก“องค์ชายเก้าต้องการคุยกับข้าเช่นนั้นหรือ ท่านทราบหรือไม่ว่าเรื่องอะไร?” นางมองไปที่ท่านแม่ทัพหลีชิงที่ตอนนี้กำลังก้มศีรษะและเอ่ยกับนางอยู่“เออ จวิ่นจู่ไปถึงก็จะทราบเอ่ยพะยะค่ะ” ในขณะที่เขากำลังพูดอยู่นั้นท่านแม่ก็เดินมาพอดี จวิ่นจู่จึงได้ให้ท่านแม่ของนางเดินไปกับนางด้วยตอนนี้อาการขององค์ชายเก้านั้นถือได้ว่าหายสนิทแล้ว ทั้งบาดแผลและพิษแมงป่องก็ถูกขับออกมาหมดแล้ว ตอนนี้เขาเพียงพักฟื้นอยู่ที่นี่เพื่อรอวันที่จะกลับไปที่แคว้นต้าเจียงนั้นเอง จวิ่นจู่จึงได้ย้ายเขาไปพักที่เรือนพักฟื้นคนป่วยที่นางและท่านแม่ได้สร้างเอาไว้ แทนที่จะให้อยู่ในจวน ถึงแม้ตอนแรกองค์ชายเก้าไม่อยากจะย้ายแต่ว่าเขาก็ไม่อาจจะสู้ท่านหมอน้อยของเขาได้ จึงได้ย้ายสำมะโนครัวไปปักหลักที่เรือนพักฟื้นแทน แต่ว่าช่วงกลางวันก็ยังอุตส่าห์เดินมาที่สวนของจวนเฟิงอยู่ดีในตอนนี้ทางท่านตาไ
บทที่ 100 หากว่าท่านสามารถขอพรได้หนึ่งข้อท่านจะขอสิ่งใด?“ข้าจะต้องได้ไปกับเจ้าด้วย! ข้าไม่ยอมให้เจ้าไปเสี่ยงคนเดียวหรอกนะ”หวังหย่งเล่อที่ตอนนี้หายดีและผมก็เริ่มยาวแล้ว ได้รู้มาว่าอีก 2วันข้างหน้าเฟิงมิ่งจูภรรยาที่รักของเขาจะเดินไปที่แคว้นต้าเจียงกับองค์ชายเก้า เขาก็พูดขึ้นมาในทันที“ท่านจะไปทำไม ท่านไม่มีวิทยายุทธ์ด้วยซ้ำ ท่านไปก็เป็นตัวถ่วงของพวกข้ามากกว่า”ท่านแม่ก็ไม่รักษาน้ำใจท่านพ่อเลย นางจัดเต็มมาก ทำให้ตอนนี้หวังหย่งเล่อต้องหันมาขอความช่วยเหลือจากลูกสาวจวิ่นจู่ของเขาอีกครั้ง“ลูกพ่อเจ้าช่วยพูดกับท่านแม่ของเข้าหน่อยเถอะ พ่ออยากจะไปด้วย พ่อเป็นห่วงท่านแม่ของเจ้าน่ะหากจะให้นางไปที่แคว้นนั้นคนเดียว นะ นะ ช่วยพ่อพูดหน่อยอีกอย่างนางเป็นหญิงจะให้ไปต่างแคว้นคนเดียวได้อย่างไรกัน”ท่านพ่อคิดพยายามหาเหตุผลมากมายมาโน้มน้าวให้ลูกสาวช่วยพูดให้เขาไปด้วยให้ได้“ไม่ต้องเลย! ไม่ต้องเลย เรื่องใหญ่แบบนี้เจ้าทำไม่ได้หรอกเจ้าพาเจ้ารองไปโรงเรียนโน้น ไม่ใช่ว่าโรงเรียนของลูกจะเปิดแล้วมิใช่รึ วิชาอะไรก็ไม่มียังอยากจะไปเกะกะข้าอีก”ท่านแม่บ่นเสียงดังให้ได้ยินกันทุกคน ถึงความสามารถที่ไม่ค่อยมีของท่านพ่อ
บทที่ 101 ทุกอย่างต้องใช้เงินหนึ่งเดือนผ่านไปไวเหมือนโกหก ลมหนาวและหิมะยังคงพัดกระหน่ำแคว้นต้าหมิง เพราะหิมะตกหนักหลายพื้นที่ และด้วยเหตุนี้ถนนหลายสายจึงถูกปิด โชคยังดีที่ขบวนตัวแทนขององค์ฮ่องเต้นั้นได้เดินทางไปช่วยเหลือประชาชนตั้งแต่ 2 เดือนก่อนทำให้ตอนนี้ถึงแม้ว่าจะหนาวเหน็บเพียงไหนแต่ว่าในครัวของพวกเขาก็ยังคงมีอาหารผ้าห่มที่เป็นของพระราชทานจากองค์ฮ่องเต้ของพวกเขา ทำให้พอจะอุ่นท้องไปได้ในแต่ละวัน ชาวบ้านต่างมองไปที่หิมะที่ตกกระหน่ำอย่างไม่มีท่าทีว่าจะหยุดลงเลยพลางคิดว่า ฤดูหนาวปีนี้ค่อนข้างหนาวกว่าปกติมาก ว่ากันว่าหิมะตกเป็นสัญญาณบอกว่าเป็นปีที่อุดมสมบูรณ์ แต่ถ้าหากว่าหิมะตกหนักมากเกินไปก็จะกลายเป็นหายนะ พวกเขาเงยหน้ามองไปที่ท้องฟ้าที่มืดอึมครึมไปทั่ว มองไปทางไหนก็เห็นเพียงสีขาวของหิมะ พวกเขาต่างก็เฝ้ารอให้ฤดูหนาวในครั้งนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็วทีณ จวนเฟิงจวิ่นจู่เว่ยเว่ยนั้นนั่งอยู่ในสวนมุมโปรดของนาง พลางคิดถึงเหตุการณ์ต่างๆ มากมายที่เกิดขึ้นตั้งแต่นางทะลุมิติมาอยู่ในยุคโบราณและได้มาอยู่ในยุคของราชวงค์ต้าหมิงแห่งนี้ ตั้งแต่การทำให้ชีวิตครอบครัวของนางดีขึ้น การที่ได้ทราบว่าท่านแม่เป็
บทที่ 102 อะไรที่ใช้เงินแก้ปัญหาได้ นั้นไม่เรียกว่าปัญหา“ต้าหมิงจะเกิดโรคระบาดครั้งใหญ่เช่นนั้นรึ!!”ทั้งห้าเสียงเอ่ยขึ้นมาพร้อมกัน สามเสียงแรกเป็นของท่านพ่อท่านแม่และฮ่องเต้ใหม่แคว้นต้าเจียง ส่วนอีกสองเสียงนั้นเป็นของท่านปู่และฮ่องเต้คนยากจนของแคว้นต้าหมิงที่ทั้งสองบังเอิญเดินเข้ามาได้ยินตอนที่นางพูดถึงการที่จะเกิดโรคระบาดทั้งใหญ่ในต้าหมิงพอดี“เจ้าหนูจวิ่นจู่เจ้าอย่าทำเป็นพูดเล่นเช่นนี้นะ นี้มันเรื่องใหญ่มากนะ”เป็นฮ่องเต้คนยากที่เอ่ยขึ้นมาน้ำเสียงของเขาติดจะสั่นและร้อนรนเล็กน้อย ถึงแม้ว่าการมาที่จวนเฟิงบ่อยๆ ประหนึ่งจวนเฟิงคือตำหนักของตัวเองของเขาจะเป็นเรื่องปกติไปแล้วสำหรับคนจวนเฟิง แต่ว่าพวกเขาก็ยังคงตกใจทุกครั้งที่มาฮ่องเต้หยางเฟยหลงมา พวกเขาทั้งหมดต่างก็ลุกขึ้นและถวายบังคมให้กับองค์ฮ่องเต้ผู้มาใหม่และมาเอง...“นั่ง นั่ง นั่งพวกเจ้าไม่ต้องมากพิธี ทำตัวตามสบาย มา มาพูดเรื่องโรคระบายนี้ให้จบเถิด มันอะไรกันแน่ จวิ่นจู่เจ้าบอกข้ามาซิ”ตอนนี้เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแล้ว เขาพุ่งมาข้างจวิ่นจู่และแทรกเข้ามานั่งตรงเก้าอี้ของฉู่อี้เทียนและหันมองหน้าเขาเหมือนจะบอกให้ฮ่องเต้องค์ใหม่ของต้าเจี
บทที่ 103 ข้อตกลงความร่วมมือของทั้งสองแคว้น“เช่นนั้นพวกเรามาทำความตกลงกันเถิดพะยะค่ะ”เป็นฮ่องเต้องค์ใหม่เอ่ยขึ้นมา“ได้เช่นนั้นพวกเรามาทำความตกลงกัน”ฮ่องเต้คนยากจนตอบรับทันที“ในข้อที่จวิ่นจู่เสนอมานั้นข้าเห็นด้วยทุกประการรวมทั้งเรื่องการสร้างโรงพยาบาลและสถานพยาบาลให้ทั่วแคว้น แต่พวกท่านก็ทราบว่าแคว้นของข้านั้น ยิ่งใหญ่และร่ำรวยมาก (ยังจะย้ำอีกนะ) หากว่าการจะสร้างโรงพยาบาลมากมายจำเป็นจะต้องใช้เวลาพอสมควรและควรมีผู้ที่ดำเนินการที่มีความสามารถและเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ข้าขอเสนอว่าข้าต้องการจวิ่นจู่เว่ยเว่ยเป็นผู้ดำเนินงานเองและย้ายไปอยู่ที่แคว้นต้าเจียงของข้า เพื่อว่าจะได้สะดวก ส่วนแคว้นของพระองค์ที่ไม่ใหญ่มากนั้นข้าคิดว่าคงจะใช้เวลาไม่นานในการก่อสร้างหรอกตกลงหรือไม่พะยะค่ะ”ได้ทีเอาใหญ่เลย ฮ่องเต้องค์ใหม่ของแคว้นต้าเจียงเอ่ยข้อเสนอขึ้นมาทันที“ท่านจะให้จวิ่นจู่ของพวกข้าไปในอยู่ที่แคว้นของท่านในฐานะของอะไร นางเป็นหญิงท่านอยากจะให้ไปก็ไปได้เช่นนั้นรึ?”ฮ่องเต้คนยากในเมื่อสู้ความจริงที่ว่าเขารวยกว่าไม่ได้ เขาก็ยกสิ่งที่แคว้นนั้นไม่มีและต้องการมากที่สุดเข้าสู้ (ไม่ถามเจ้าตัวเขาเลยนะ เพคะ)
บทที่ 104 คำสัญญาของสองเราคืนวันนั้นเมื่อคิดว่าทุกคนหลับหมดแล้วฉู่อี้เทียนก็เดินมาที่ห้องของจวิ่นจู่และเคาะประตูหน้าห้องของนางเบาๆ เมื่อจวิ่นจู่เปิดประตูทั้งสองก็เดินออกไปคุยกันที่สวน ถ้วยน้ำชาสองถ้วยถูกนำออกมาโดยการดีดนิ้วเพียงครั้งเดียวจากนาง ควันสีเทาลอยขึ้นมาในอากาศพร้อมกลิ่นหอมของชาชั้นเลิศ นางนั่งลงและเผยมือไปที่เก้าอี้ตรงกันข้าม“เชิญเพคะ”เมื่อทั้งคู่นั่งเรียบร้อยจวิ่นจู่ก็เอ่ยขึ้นมา“พระองค์มีอะไรจะปรึกษากับหม่อมฉันหรือเพคะถึงได้มาเคาะประตูเรียกดึกๆ ดื่นๆ เช่นนี้”ฉู่อี้เทียนนั่งลงตรงกันข้ามกับจวิ่นจู่ที่กำลังจะกลายเป็นคู่หมั้นของเขาในไม่ช้า“จวิ่นจู่ ข้าเพียงต้องการจะสนทนากับท่านสองต่อสองโดยไม่มีบุคคลที่สามเท่านั้นเอง”ฉู่อี้เทียนเอ่ยขึ้นมาพลางยกชาขึ้นมาจิบและจ้องมองใบหน้าที่สวยงามราวกับภาพฝันของนางพลางคิดว่าหากว่าพวกเขาทั้งสองมีลูก ลูกๆ ของพวกเขาจะต้องสวยงามน่ารักกันทุกคนแน่นอน จวิ่นจู่มองไปที่ด้านหลังของเขาที่เก้าอี้ใต้ต้นไม้ที่ตอนนี้มีท่านตาผีหมอเย่หรืออีกตำแหน่งหนึ่งก็คือลูกศิษย์หมายเลขที่สองของนาง นั่งจิบไวน์ขาวพลางอ่านหนังสืออยู่ เขาเหลือบตาขึ้นมาสบตากับหลานสาวเพียงเล
บทที่ 105 คนที่ควรจะมาก็ต้องมา“เจ้ารู้ว่านางอยู่ที่ใดเช่นนั้นรึ?” เหลียนฟงเงยหน้ามองภูติขาว ดวงตาของเขาแฝงความโหดเหี้ยมเอาไว้หลายส่วนตอนนี้เขาตั้งตัวเองเป็น หัวหน้าสำนักพลังจิตพยัคฆ์ทมิฬที่เป็นพลังจิตสายมืดเท่านั้นที่พวกเขามุ่งฝึกฝน ในส่วนของลูกศิษย์ในสำนักส่วนหนึ่งเป็นคนของพรรคมารที่มาช่วยเขาทำลายสำนักเฟิงหวงเมื่อหลายปีก่อน หลังจากเหตุการณ์การทำลายล้างสำนักเฟิงหวง เหลียนฟงได้เปลี่ยนชื่อสำนักเพื่อลบรอยอดีตให้หมด และประกาศจุดยืนของเขาอย่างชัดเจนด้วยการตั้งชื่อขึ้นมาใหม่นั้นคือ สำนักพยัคฆ์ทมิฬที่เต็มไปด้วยลูกศิษย์ที่โหดเหี้ยมไร้ความปราณีพวกเขารับงานสกปรกทุกประเภท ทั้งจากในยุทธภพ และจากผู้ที่มั่งคั่งต้องการจ้างวานพวกเขา ชื่อเสียงของเหลียนฟง โด่งดังไปทั่ว เขาฝึกฝนพลังจิตด้านมืดจนแกร่งกล้า กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาถรรพ์และเวทมนตร์ชั่วร้ายภายใต้การนำพาของเหลียนฟง สำนักพยัคฆ์ทมิฬรุ่งเรืองขึ้นอย่างรวดเร็วเหล่าลูกศิษย์คนเลวของเขามีจำนวนมากถึง 200 คน แต่ความรุ่งเรืองนี้มาพร้อมกับความชั่วร้าย เหลียนฟงใช้พลังของเขาเพื่อกดขี่ ทำร้าย และเอาเปรียบผู้อื่นเขาไม่สนความดี ความชั่ว เขามุ่งมั่นเพียงอย
ตอนพิเศษ บทส่งท้าย ท่านราชครูหวังหย่งเล่อหลังพิธีแต่งงานของคุณชายหวังหย่งเล่อและเฟิงมิ่งจู่ผ่านมา 6 เดือน ตอนนี้อีกไม่กี่วันก็จะเป็นวันปีใหม่เช้าวันที่หนาวเหน็บหิมะตกโปรยปรายบรรยากาศเหมาะสมกับการเฉลิมฉลองเป็นอย่างยิ่งและอีก 2 วันก็จะถึงวันปีใหม่แล้ว จวนเฟิงตอนนี้ถือได้ว่าคึกคักขึ้นมาไม่น้อย เพราะตั้งแต่ที่เฟิงฮองเฮาแต่งออกไปที่แคว้นต้าเจียง บรรดาคนไข้ต่างๆ ก็ลดลงมากทำให้จวนเฟิงไม่ค่อยได้รับแขกที่เป็นคนไข้อีกแล้ว แต่ทว่าบ้านพักฟื้นนั้นกลับไม่เคยว่างเลยก็ว่าได้ มันถูกจองเต็มกันข้ามปีกันเลยทีเดียว จนเฟิงฮองเฮานั้นชักจะสงสัยแล้วว่าที่นางทำนั้นคือ บ้านพักตากอากาศหรือสถานพักฟื้นสำหรับคนป่วยกันแน่ ส่วนเรื่องความวุ่นวายที่เริ่มกลับมาที่จวนเฟิงอีกครั้งนั้นมาจากสาเหตุนี้เรื่องแรกคือท่านหวังหย่งเล่อที่มีศักดิ์เป็นพ่อต่อขององค์ฮ่องเต้แคว้นต้าเจียง ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นราชครูของไท่จื่อของแคว้นต้าหมิงนั้นเอง เขาได้กลายเป็นขุนนางใหญ่ของต้าหมิงมีหน้าที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ที่เขามีให้กับองค์ไท่จื่อ โดยเฉพาะด้านวรยุทธ์ที่สูงส่งของเขาและกาพย์กลอน แต่ในด้านการเข้าสังคมนั้นองค์ฮ่องเต้หยางเฟยหล
บทที่ 116 ตอนพิเศษ...คืนเข้าหอมีค่าดั่งทองพันชั่ง (ท่านพ่อท่านแม่)ภายในห้องหอที่ประดับประดาด้วยดอกไม้สีชมพูอ่อนระเรื่อ แสงเทียนระยิบระยับส่องกระทบกับผนังสีทองอร่าม กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้และน้ำมันหอมระเหยอบอวลไปทั่วห้องเฟิงมิ่งจู่นั่งก้มอยู่บนเตียงที่ประดับตกแต่งเอาไว้อย่างประณีตสวยงามสมกับเป็นเตียงของบ่าวสาว สีแดงที่ตัดเย็บอย่างประณีตและสวยงามอลังการสมกับเป็นชุดแต่งงานของคู่รักคู่ครองที่เคยอยู่ร่วมกันมานานปี นางกำลังรอให้เจ้าบ่าว หวังหย่งเล่อของนางที่ตอนนี้กำลังยกดื่มสุราอยู่กับเหล่าขุนนาง ญาติพี่น้องและเพื่อนฝูงเดินเข้ามา ในขณะนั้นข้างกายของเฟิงมิ่งจู่นั้นมีบ่าวรับใช่ขั้นหนึ่งที่หวังฮูหยินส่งมาเพื่อดูแลและแนะนำพิธีการต่างๆ อยู่ต้องทราบว่าก่อนหน้านี้ที่ทั้งสองแต่งงานกันนั้นพวกเขาทำด้วยความรีบร้อนและไม่ได้มีพิธีการใดๆ เลยนอกจากกราบไหว้ฟ้าดินกันสองคน เพราะครอบครัวจ้าวนั้นไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานของพวกเขา มาตอนนี้หวังหย่งเล่อนั้นต้องการที่จะทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามประเพณีทั้งหมดไม่ให้ขาดแม้แต่ขั้นตอนเดียว เขาบอกกับทุกคนว่านี่เป็นวิธีการบอกรักและให้เกียรติฮูหยินของเขาอย่างหนึ่ง ซึ่งทุก
บทที่ 114 ตอนพิเศษ 3 คิดถึงเหลือเกิน..ที่รักของข้าหลังพิธีแต่งงานอันยิ่งใหญ่ของทั้งสองแคว้นผ่านไปชีวิตผู้คนทั้งสองแคว้นต่างก็อยู่กันอย่างปรกติสุข เพราะทั้งสองแคว้นนั้นต่างก็ช่วยเหลือและพึ่งพาอาศัยกัน ตอนนี้ราคาของเกลือและน้ำตาลนั้นลดลงมาเป็นอย่างมากแล้ว เพราะการผลิตที่เข้มงวดและเพิ่มกำลังออกมาเต็มที่ เพื่อให้ประชาชนของทั้งสองแคว้นได้มีสินค้าที่ดีและมีคุณภาพและราคายุติธรรมออกมาขาย ประชาชนจึงพออกพอใจการบริหารและดูแลพวกเขามาก ตอนนี้ไม่ว่าจะไปทางไหนก็มีแต่คนยกย่องสรรเสริญฮ่องเต้และราชวงค์ ไม่ว่าพวกเขาเดินทางไปทางไหนผู้คนก็จะทรงพระเจริญไปทั่ว เหล่าราชวงค์ พระสนมนางในต่างก็มีความสุขกันทั่วหน้าด้วยเช่นกัน เพราะว่าตอนนี้การเงิน การทอง และเบี้ยหวัดของพวกนางนั้นฮ่องเต็ได้เพิ่มให้มาขึ้นแล้ว ตอนนี้พวกนางสามารถซื้อครีม ซื้อกระเป๋ารองเท้าตามแบบเว่ยฮองเฮาได้แล้วไม่ว่านางจะออกแบบสิ่งที่เว่ยฮองเฮาเรียกว่า คอลเลกชั่น ออกมากี่คอลเลกชั่นพวกนางก็สามารถสั่งซื้อได้ทันที ความสุขจึงได้เกิดขึ้นภายในวังมังกรของฮ่องเต้หยางเฟยหลงแล้วแต่ทว่าสิ่งเหล่านั้นหาได้เกิดขึ้นกับวังหลงหว่างฝู่ ของชินอ๋องอย่างสิ้นเชิง เวล
ตอนที่ 113 ตอนพิเศษ2 ฮันนีมูนที่ปารีสดึกดื่นคืนหนึ่งภายใต้แสงจันทร์นวลฉายแสงระยิบระยับลงบนผิวน้ำใสของทะเลสาบหูซีอันเลื่องชื่อบรรยากาศเงียบสงบ ไร้เสียงรบกวนเหลือเพียงเสียงคลื่นกระทบฝั่งแผ่วเบาฮ่องเต้ฉู่อี้เทียนที่ทรงว่างจากภาระงานราชการพระองค์เอ่ยชวนเฟิงฮองเฮาอันเป็นที่รักกลับมาที่แคว้นต้าหมิง โดยทิ้งเหล่าองค์ชายและองค์หญิงให้กับทางแม่ยายและพ่อตาดูแล ฮ่องเต้ฉู่อี้เทียนทรงจับมือเฟิงฮองเฮาสุดที่รัก พาท่านล่องเรือไม้ลำน้อยออกสู่กลางทะเลสาบ สายลมเย็นพัดโชยมาแตะใบหน้า กลิ่นหอมของดอกไม้ป่าโชยมาตามสายลม บรรยากาศโรแมนติกโอบล้อม ฉู่อี้เทียนที่มีเฟิงฮองเฮาอิงแอบอยู่ในอ้อมแขน เขาก้มลงมองนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก ทรงเอ่ยขึ้นว่า"คืนนี้น้องหญิงช่างงดงามเหลือเกิน" ก่อนจะจุมพิตลงบนผมที่มีกลิ่นหอมของดอกกุหลาบอ่อนๆ ของนางเฟิงฮองเฮาเงยหน้าขึ้นมา นางยื่นหน้าขึ้นมาจูบที่คางของเขาเบาๆ และยิ้มอย่างอ่อนหวาน ก่อนจะเอ่ยตอบว่า“ท่านพี่ก็เช่นกัน คืนนี้ท่านดูหล่อเหลาเป็นพิเศษข้าชอบ”พูดเสร็จก็ยื่นหน้าไปจุมพิตเขาอีก 2 ทีฉู่อี้เทียนยิ้มทรงโอบไหล่เฟิงฮองเฮาเข้าไว้เขาค่อยๆ ถอนหายใจออกมาอย่างมีความสุข และ
บทที่ 113 ตอนพิเศษ 1 CPR มิใช่การจุมพิตแต่เป็นการช่วยชีวิต“เพี๊ยะ!”ใบหน้าอันหล่อเหลาของคุณชายถงเจี้ยนหลานหันไปตาแรงตบของฝ่ามือเล็กๆ นั้น เขาค่อยๆ หันหน้ากลับมาและมองมือเล็กที่ยังคงเปียกชื้นอยู่ ซึ่งตอนนี้มันแดงก่ำเพราะการใช้กำลัง และแน่นอนบนใบหน้าของเขาก็ปรากฎรอยแดงขึ้นมาทันทีเช่นกัน“เจ้า..เจ้าคนสารเลว เจ้าเป็นโจรเด็ดบุปผาหรืออย่างไรกัน ทำไมถึงได้ทำกับข้ากลางวันแสกๆเช่นนี้” เสียงเล็กหวาน แว๊ดขึ้นมาใส่เขาอีกครั้งหนึ่ง นางน่าจะตกใจจนลืมไปว่าตัวเองเพิ่งจะตกน้ำจนหมดสติไป ตอนนี้ถงเจี้ยนหลานยังคงหาเสียงของตัวเองไม่เจอและเขาก็ค่อนข้างตกใจเหมือนกันที่อยู่ๆ ก็โดนตบเช่นนี้ เขาที่เป็นถึงเจ้ากระทรวงสาธารณสุขที่ยิ่งใหญ่แห่งแคว้นต้าหมิง ช่วยชีวิตคนแล้วโดนตบ รู้ถึงไหนอายถึงนั้นจริงๆ แล้ว!!!!ย้อนไปเมื่อ หนึ่งเคอก่อนหน้านี้ ถงเจี้ยนหลานที่ปีนี้อายุอานามเข้า35ปีแล้ว แต่ว่าเขายังไม่แต่งงาน ตอนนี้เขากำลังอ่านหนังสือแพทย์ที่ท่านอาจารย์ซึ่งก็คือฮองเฮาแห่งแคว้นตาเจียงให้มา ในหนังสือแพทย์เล่มนั้นสอนเรื่องการผ่าตัดที่ซับซ้อนทำให้เขาสนใจมาก ตอนนี้คุณชายถงเจี้ยนหลานนั้นมีตำแหน่งใหญ่โตเป็นถึงเจ้ากระทรวงสาธา
บทที่ 112 การจากลา (จบ)พิธีแต่งงานระหว่างสองแคว้น ต้าเจียงและต้าหมิง จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติ ด้วยการเฉลิมฉลองที่ยาวนานถึง 7 วัน 7 คืน ประชาชนต่างมาร่วมแสดงความยินดีอย่างล้นหลาม สร้างความชื่นมื่นทั่วทั้งแคว้นต้าเจียง นับเป็นงานสมรสที่ยิ่งใหญ่และทรงเกียรติที่สุดในยุคสมัยสามเดือนผ่านไป ภายในพระตำหนัก ฮ่องเต้ฉู่อี้เทียนในเวลานี้กำลังนอนเอนอยู่บนแท่นบรรทมอันหนานุ่มที่ฮองเฮาทรงเตรียมไว้เป็นพิเศษ ข้างกายของพระองค์มีจานมะนาวฝานบางๆ วางอยู่ ถัดจากนั้นเป็นถาดผลไม้รสเปรี้ยวหลากหลายชนิด ตั้งเรียงไว้เพื่อช่วยบรรเทาอาการอยากอาเจียนที่ฮ่องเต้กำลังประสบ ฮ่องเต้ฉู่อี้เทียนหลับตาแน่น คิ้วขมวดเป็นปม พร้อมกับอมมะนาวไว้ในปากเพื่อบรรเทาความรู้สึกคลื่นไส้ที่ไม่หายไปง่ายๆขันทีประจำพระองค์ยืนอยู่ใกล้ๆ คอยมองด้วยความเป็นห่วง แม้ว่าฮองเฮา ซึ่งเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จะตรวจและบอกไปแล้วว่านี่เป็นอาการปรกติของผู้ชายที่ "แพ้ท้องแทนเมีย" ซึ่งไม่ร้ายแรงและจะหายไปเองเมื่อเวลาผ่านไป แต่ความทุกข์ทรมานที่ฮ่องเต้ต้องเผชิญทุกครั้งที่มีอาการอยากอาเจียน ทำให้ขันทีอดที่จะรู้สึกไม่สบายใจตามไปด้วยไม่ได้ฮ่องเต้ฉู่อี้เทีย
บทที่ 111 แต่งงานด้วยความสำเร็จในการป้องกันและควบคุมโรคระบาดครั้งนี้ ฮ่องเต้หยางเฟยหลงทรงรู้สึกพอพระทัยอย่างยิ่ง พระองค์ทรงเห็นถึงความร่วมมือและความเสียสละของประชาชนที่ช่วยกันฝ่าฟันวิกฤตใหญ่หลวงนี้มาได้ ด้วยความยินดี พระองค์ทรงตกรางวัลให้กับเหล่าขุนนาง ตั้งแต่ตำแหน่งสูงสุดจนถึงคนงานเก็บขยะที่ทำงานอย่างหนัก ทุกคนได้รับการยกย่องในความพยายามและความตั้งใจบรรยากาศในเมืองเต็มไปด้วยความชื่นชมและความสุข แม้จะเพิ่งผ่านหายนะครั้งใหญ่ แต่การปลอบขวัญและการสนับสนุนจากฮ่องเต้ที่ประชาชนรัก ทำให้ทุกคนมีกำลังใจและพร้อมที่จะก้าวต่อไป อีกคนหนึ่งที่ประชาชนไม่มีทางลืมบุญคุณได้คือ จวิ่นจู่เว่ยเว่ย ผู้หญิงเก่งของแคว้นต้าหมิง นางเป็นผู้ที่นำความรู้และความสามารถมาช่วยเหลือแคว้นในยามที่ต้องการมากที่สุดตอนนี้ ครอบครัวหลายๆ ครอบครัวที่มีลูกสาว ต่างก็ปรารถนาให้ลูกหลานของตนได้เรียนแพทย์และพยาบาลเช่นเดียวกับจวิ่นจู่เว่ยเว่ย พวกเขาเห็นว่านี่เป็นวิธีที่ลูกสาวของพวกเขาจะสามารถช่วยเหลือแคว้นและชุมชนในยามที่ลำบาก เช่นเดียวกับที่จวิ่นจู่ได้ทำ สตรีในแคว้นต้าหมิงได้รับแรงบันดาลใจจากนาง ทำให้เกิดความตื่นตัวในการศึกษาและพ
บทที่ 110 ผ่านพ้นหายนะครั้งใหญ่วันเวลาผันผ่านไปไวราวกับสายลมพัด แคว้นต้าหมิงหลังจากเผชิญหน้ากับฤดูฝนที่ยาวนานและโหดร้าย ก็ต้องพบกับภัยแล้งที่จวิ่นจู่เคยเอ่ยเตือนเอาไว้จริงๆ อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่แคว้นต้าหมิงได้เตรียมการรับมือไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ทั้งจากการให้ความช่วยเหลือจากแคว้นต้าเจียง ทำให้พวกเขาสามารถผ่านพ้นภัยแล้งนี้ไปได้ แม้ว่าจะเป็นไปอย่างทุลักทุเล แต่ก็ไม่ถึงกับสิ้นหวังประชาชนในแคว้นต้าหมิง แม้จะเผชิญอุปสรรคมากมายในปีนี้ แต่พวกเขากลับรู้สึกเต็มเปี่ยมไปด้วยความซาบซึ้งใจ เมื่อเห็นว่าฮ่องเต้ของพวกเขาไม่เคยทอดทิ้ง ไม่ว่าช่วงเวลาจะยากลำบากเพียงใด พระองค์ทรงจัดหาอาหาร น้ำดื่ม และแม้แต่แจกเงินเพื่อบรรเทาทุกข์ ช่วยให้ประชาชนสามารถผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากมาได้ด้วยการสนับสนุนและส่งเสริมอย่างต่อเนื่องจากราชสำนัก ทำให้ประชาชนในแคว้นต้าหมิงมีกำลังใจและแรงใจมากขึ้น พวกเขาตระหนักดีว่าฮ่องเต้ของพวกเขาทรงห่วงใยและคอยดูแลไม่เพียงแค่ในยามที่บ้านเมืองสงบสุข แต่ยังรวมถึงในยามที่เกิดวิกฤติอย่างนี้ด้วย ความเชื่อมั่นในผู้นำเพิ่มพูนขึ้น และประชาชนต่างพร้อมใจกันที่จะฟื้นฟูบ้านเมือง และสู้ต่อไปด้วยคว
บทที่109 ข้าต้องการเวลา“ต่อไปนี้สำนักแห่งนี้คือสำนักพลังจิตเฟิงหวง ข้าคือรองเจ้าสำนัก ส่วนเจ้าสำนักตัวจริงนั้นยังไม่มา คิดว่าอีกไม่นานนางก็คงจะว่างมาที่นี่”หวังหย่งเล่อที่ตอนนี้เดินขึ้นไปนั่งบนตำแหน่งเจ้าสำนักและพูดขึ้นมา“งานสกปรกทุกชนิดที่พวกเจ้าเคยทำให้หยุดให้หมด และเปิดรับลูกศิษย์ใหม่อีกครั้ง ส่วนพวกเจ้ามีทางเลือก เพียงหนึ่งทางเท่านั้นคือ สวามิภักดิ์ต่อข้าเพียงคนเดียว”เมื่อเขาเอ่ยเสร็จ ก็มีเสียงเล็กๆ ดังขึ้นมาจากแถวด้านหลังสุดของเหล่าศิษย์เก่าของสำนัก เอ่ยเบาๆ เหมือนคุยกันเองสองคนว่า“หากว่ามีแค่ทางเดียวจะเรียกว่าทางเลือกได้อย่างไรกัน เขาเรียกว่าบังคับ!!!”จากนั้นสายตาเกือบสิบคู่ก็พุ่งไปหาเจ้าของเสียงนั้นทันที ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเห็นด้วยที่เจ้านี่พูด แต่เจ้าจำเป็นต้องพูดออกมารึ เจ้าโง่!! สายตาประนามเหล่านั้นทำให้เจ้าคนที่พูดแทบจะเงยหน้าไม่ขึ้นเลยทีเดียว....เจ้านั้นเหมือนจะรู้ตัวว่าคิดเสียงดังไปจึงได้ค่อยๆ ก้มหน้ามองหามดหาแมลงบนพื้นอย่างแข็งขันไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาอีกเลย…“ส่วนงานที่พวกเจ้าจะรับต่อไปนั้นคืองานสำนักคุ้มภัย รับดูแลคุ้มครองสินค้าและบุคคลสำคัญของทั้งสองแคว้น และคอยช่วย