คฤหาสบดินทร์บริรักษ์ ในวันซึ่งเด็กน้อยนับดาว ที่ตอนนั้นมีอายุเพียง 8 ขวบ ติดสอยห้อยตามแม่เดือนเพ็ญ ต้องมาอาศัยอยู่ร่วมชายคาเดียวกับ วาทิตย์และวายุเด็กหนุ่มลูกชายมหาเศรษฐี พ่อม่าย เธอรู้แค่ว่าแม่จะมาทำงานที่นี่ เด็กน้อยกำพร้าพ่อระเห็จตามแม่ซึ่งทำงานเป็นแม่บ้าน ไปตามที่ต่างๆจนวันนึงเมื่อแม่บังเอิญได้พบกับเจ้าสัวคณิน ท่านทั้งสองได้พบรักกันในวัยที่ล่วงเลย ทำให้เด็กน้อยได้เข้ามาอยู่ ณ ที่แห่งนี้
วาทิตย์และวายุ สองหนุ่มน้อยในวันวานรู้สึกเอ็นดูเด็กน้อยตากลมโต ริมผีปากชมพูจิ้มลิ้มที่คอยส่งยิ้มและพูดคุยเจื้อยแจ้วอยู่ข้างๆแม่บ้านอย่างคุณเดือนเพ็ญ จนวันนึงที่วาทิตย์ได้รับรู้ความจริงว่า คุณเดือนเพ็ญแม่บ้านคนนี้ ที่จริงแล้วคือ ภรรยาลับๆของท่านเจ้าสัวผู้เป็นบิดา ทำให้ความรู้สึกเอ็นดูของวาทิตย์ที่มีต่อนับดาว กลับกลายเป็นความเกลียดชังมาแทนที่
"คุณพ่อว่าไงนะครับ คุณน้าเดือนเพ็ญเป็นเมียใหม่พ่องั้นหรอ แล้วแม่ผมล่ะ พ่อเอาแม่ไปไว้ที่ไหน" เด็กชายวาทิตย์ในวัย 15 ปีต่อว่าผู้เป็นบิดาด้วยสายตาผิดหวัง
"แม่แกก็ตายไปตั้งหลายปีแล้วนะเจ้าทิตย์ แกจะไม่ให้ฉันมีความสุขบ้างเลยรึไง" เจ้าสัวคณินพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ
"แต่พ่อไม่จำเป็นต้องเอาแม่บ้านมาทำเมียนี่ครับ" เด็กชายกล่าวหาอย่างไม่พอใจ
"แล้วคุณเดือนเค้าไม่ดีตรงไหน เค้าดูแลพ่อ ดูแลบ้าน ดูแล้วพวกแกไม่ขาดตกบกพร่องตรงไหนเลย" เจ้าสัวพูดกับลูกชายหัวดื้อ ไม่ยอมใคร เขารู้ว่านิสัยดื้อรั้นนี้เหมือนตัวเอง แต่ไม่คิดว่าลูกชายตัวดีจะโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงขนาดนี้
" ถ้าพ่อจะให้สองคนนั้นอยู่บ้านหลังนี้ ผมคงอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้วล่ะครับ ผมจะไปเรียนต่อเมืองนอก " พูดจบเด็กหนุ่มก็หันหลังเดินออกจากห้องรับแขก ก่อนจะปะทะสายตาเข้ากับดวงตาใสแจ๋วที่แอบมองมาจากกรอบประตู เด็กหนุ่มแกล้งเดินเข้าไปไกล้ และเดินชนกระแทกร่างอวบปุ๊กลุกของเด็กหญิงนับดาว จนลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้ากับพื้น ก่อนหันมาพูดด้วยแววตาโกรธเกรี้ยว "เกะกะ" เด็กน้อยแววตาใสซื่อไม่เข้าใจว่าทำไมเด็กหนุ่มถึงทำแบบนี้ และไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น
หลังจากวันนั้นเด็กหนุ่มก็ทำตัวห่างเหิน หากมีโอกาสได้พบเจอหรือพูดคุย ก็มักจะเป็นคำพูดประชดประชัน และสีหน้ารังเกียจที่แสดงออกอย่างเปิดเผย แต่นับดาวก็ยังคงชอบที่จะพบเจอ พูดคุยกับพี่วาทิตย์ของเธออยู่ดี แววตาที่แสดงออกชัดเจนว่าชอบเขานั้น วาทิตย์ก็รู้ดีและนั่นยิ่งทำให้เขารังเกียจเธอและแม่ของเธอยิ่งขึ้นไปอีก
"หวังว่าเราคงไม่ต้องเจอกันอีกนะ ยัยเด็กกาฝาก" นี่คือคำพูดสุดท้ายที่เด็กหนุมพูดกับนับดาว ก่อนที่จะเดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศ หลังจากนั้นเธอก็ไม่ได้เจอเขาอีกเลย
11 ปีผ่านไป
จากเด็กน้อยนับดาวในวันนั้น สู่สาวน้อยที่น่ารักสดใส สวยงามราวกับกุหลาบแรกแย้ม ดวงตากลมโตขนตาแพหนางอนธรรมชาติ ดวงตาสดใสยังคงเปล่งประกายเจิดจ้า วาวระยับ จมูกโด่งรั้น ปากอิ่มชมพูจิ้มลิ้มทำให้โครงหน้าหวานรูปไข่สวยเด่นสะดุดตาคนมองทุกครั้ง "แม่จ๋าวันนี้ทำกับข้าวอะไรคะ" สาวน้อยรูปร่างบอบบาง เดินเข้ามาในครัวของคฤหาสหลังใหญ่ เข้ามากอดเอวท้วมของผู้เป็นมารดา
"แม่ทำแกงเทโพของโปรดท่านเจ้าสัวเค้านะลูก แล้วเป็นไงเรียนกลับมาเหนื่อยๆทำไมไม่ไปพักก่อน" คุณเดือนเพ็ญหันมาตอบลูกสาวคนเดียวของหล่อน ตอนนี้ลูกสาวคนสวยที่ได้รับความเมตตาจากท่านเจ้าสัวส่งเสียเลี้ยงดู จนได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัย ทำให้ทั้งคุณเเดือนเพ็ญและนับดาวต่างรักและเคารพท่านเจ้าสัวเป็นอย่างมาก
"อ้อ...วันนี้พี่วายุจะกลับมาทานข้าวเย็นที่บ้านด้วยนะลูก เราก็เข้าไปทักทายพี่เค้าหน่อยละกัน"
คุณเดือนเพ็ญซึ่งนึกขึ้นได้ว่าลูกชายอีกคนของท่านเจ้าสัว ซึ่งรับราชการตำรวจจะแวะเข้ามาทานข้าวที่บ้านด้วยจึงบอกแก่ลูกสาว วายุเข้าใจเหตุผลที่ผู้เป็นพ่อรับเธอและลูกมาดูแล เขาโตเป็นผู้ใหญ่มากพอที่จะเข้าใจความเป็นไปของชีวิต จึงยังคงเคารพคุณเดือนเพ็ญและเอ็นดูนับดาวเหมือนน้องสาวเสมอมา
" ได้ค่ะแม่ ดาวก็อยากเจอพี่ยุเหมือนกันค่ะ ไปทำงานตั้งไกลนานๆจะได้กลับมาทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตา งั้นเดี๋ยวดาวช่วยยกกับข้าวไปตั้งโต๊ะนะคะ" หญิงสาวยิ้มรับและช่วยยกสำรับไปจัดเตรียมสำหรับมื้อค่ำ
"ผมได้ข่าวว่าอาทิตย์หน้า เจ้าวาทิตย์จะกลับมาไทยแล้วนะคุณเดือน" เจ้าสัวคณินหันไปบอกคุณเดือนเพ็ญด้วยน้ำเสียงเป็นกังวนเล็กน้อย เพราะรู้ดีว่าเจ้าลูกชายตัวดีหัวดื้อแค่ไหน
"ดีเหมือนกันนะคะ ครอบครัวจะได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา คุณวาทิตย์ก็ไปอยู่ต่างประเทศซะนาน ไม่รู้ว่าจะคุ้นชินกับอาหารบ้านเรามั้ยนะคะ "
คุณเดือนเพ็ญตอบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ ถึงแม้ว่ารู้ดีว่าวาทิตย์นั้นไม่ชอบตัวเองและลูก แต่เวลาก็ล่วงเลยมาหลายปี ชายหนุ่มคงใจอ่อนลงแล้ว
"งั้นต่อไปนี้ พ่อก็วางมือจากธุรกิจแล้วให้เจ้าทิตย์เข้ามาดูแลต่อได้แล้วสินะครับ " วายุพี่ชายที่ไม่อยากรับช่วงต่อธุรกิจของพ่อ แต่ชอบทำงานที่รักอย่างการเป็นตำรวจก็รู้สึกยินดีที่พ่อจะได้พักเหนื่อยและวางมือจากธุรกิจได้ซักที
" ก็ถ้าแกไม่หัวดื้อไปเป็นตำรวจ ป่านนี้ฉันคงได้นอนอยู่บ้านเป็นตาแก่สบายๆไปแล้วนะสิ" ท่านเจ้าสัวพูดติดตลก จนทำให้ทุกคนบนโต๊ะอาหารพลอยยิ้มไปด้วย ยกเว้นนับดาว ความรู้สึกอึดอัดเคร่งเครียดจากการที่รู้ว่าวาทิตย์กำลังจะกลับมาจากต่างประเทศทำให้ความเจริญอาหารของเธอติดลบ จากที่ไม่เคยเข้าใจในการแสดงออกของเด็กชายวาทิตย์ในตอนนั้น แต่ตอนนี้หญิงสาวเข้าใจมันเป็นอย่างดีแล้วว่า วาทิตย์นั้นเกลียดเธอกับแม่มากแค่ไหน แล้วถ้าเขากลับมาเธอก็ไม่รู้ว่าจะหลบหน้าเขาได้ยังไงในเมื่อยังอาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน เธอยังจำคำพูดสุดท้ายของเขาได้เป็นอย่างดี ก่อนที่เขาจะเดินทางไปต่างประเทศ
หวังว่าเราคงไม่ต้องเจอกันอีกนะ ยัยเด็กกาฝาก
และแล้ววันที่ชายหนุ่มเดินทางกลับ ก็มาถึง
"เป็นยังไงเจ้าลูกชายตัวดี ไปอยู่ต่างประเทศตั้งนานไม่คิดจะกลับมาเยี่ยมพ่อตัวเองเลยรึไง" ท่านเจ้าสัวออกมารอต้อนรับเจ้าลูกชายหน้าคฤหาส เมื่อเห็นชายหนุ่มลงจากรถเก๋งคันหรูที่ส่งไปรับจากสนามบิน
"ก็พ่อมีคนดูแลอยู่แล้วนี่ครับ ผมคงไม่จำเป็น " ชายหนุ่มยกมือไหว้ผู้เป็นบิดา เขาส่ายสายตามองไปรอบคฤหาสหลังโตที่ยังคงสวยงามไม่เปลี่ยนแปลง แต่ก็เห็นเพียงผู้เป็นพ่อ กับแม่บ้านที่มายืนรอต้อนรับเขาเท่านั้น
"มองหาใคร อย่าบอกนะว่ามองหาหนูดาวเค้าหนะ" สายตาของผู้เป็นพ่อจ้องมองลูกชายที่โตเป็นหนุ่ม พร้อมกับพูดหยอกพลางยิ้ม
" ผมจะไปมองหายัยเด็กนั่นทำไมกันครับ " เขาเลี่ยงที่จะตอบบิดา จึงเดินเข้าไปในตัวบ้าน เขารับรู้มาตลอดว่าสองแม่ลูกนั่น ยังอาศัยและดูแลรับใช้พ่อเขามาตลอดหลายปี แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกที่ว่ายัยเด็กกาฝากคนนั้น จะไม่ใช่เด็กกาฝากเปลี่ยนไป
"คุณน้าเดือนเพ็ญจัดโต๊ะอาหารไว้ให้แกเรียบร้อยแล้ว ขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วค่อยลงมาทานข้าวก็แล้วกัน ห้องเดิมของแกน้าเค้าก็ดูแลทำความสะอาดให้เหมือนเดิมตลอดนะ " ท่านเจ้าสัวพูดกับบุตรชาย เพื่อหวังว่าความดีของคุณเดือนเพ็จจะทำให้อคติในใจของเขาลดน้อยลงบ้าง
หญิงสาวในชุดนักศึกษา สวมกระโปรงพลีทยาวคลุมเข่าเดินเข้ามาในรั้วคฤหาสในตอนค่ำ เพราะวันนี้ที่มหาวิทยาลัยมีกิจกรรมเตรียมค่ายจิตอาสา เธอจึงต้องอยู่เตรียมการเพื่อจัดกิจกรรม รสมรุ่นในการไปทำจิตอาสาในพื้นที่ห่างไกล ด้วยเพราะรักการสอนทำให้เธอตัดสินใจเรียนครู ซึ่งเป็นอาชีพที่เธอใฝ่ฝัน การได้สอนเด็กยากไร้ในถิ่นธุรกันดารคือปณิธานที่เธอเคยวาดไว้ หญิงสาวเดินเลาะสนามหญ้าซึ่งปลูกไม้ดอกส่งกลิ่นหอมฟุ้งด้วยจิตใจที่เหม่อลอย จนไม่ทันได้เห็นว่ามีสายตาแหลมคมราวกับเหนี่ยวจ้องจับเหยื่อจ้องมองเธอมาจากโต๊ะม้าหินที่วางอยู่ในซุ้มกุหลาบอีกฝั่งหนึ่ง สายตาเฉี่ยวคมของชายหนุ่มรูปงาม มองสำรวจสาวน้อยในชุดนักศึกษาสีขาวกระโปรงพลีทสีดำ ใบหน้ารูปไข่ที่ก้มหน้าน้อยๆ นัยตากลมโตที่ดูมีความกังวนไม่สดใส แน่สิเขารู้ได้ทันทีว่านี่คือยัยเด็กกาฝากคนนั้น ปากอิ่มสีชมพูระเรื่อ เม้มเข้าหากัน หน้าอกครัดเคร่งในชุดนักศึกษาตัวบาง เมื่อโดนแสงไฟสะท้อนก็แทบจะทะลุจนเห็นเนื้อหนังข้างในหมดแล้ว หึ ยังไม่ทันจบมหาลัยเธอก็แต่งชุดยั่วคนไปทั่วแล้วสินะ ชายหนุ่มคิดอย่างอคติ ผู้หญิงอย่างเธอ ก็คงไม่ต่างจากแม่ที่จ้องจะจับผู้ชายรวย จะได้เกาะกินส
หลังจากหนีพ้นจากคนใจร้าย หญิงสาวก็ปรี่ไปหาผู้เป็นแม่ กลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้มที่ดูอ่อนล้า จนผู้เป็นแม่เอ่ยทัก" เหนื่อยมั้ยลูก แม่เตรียมกับข้าวไว้ให้แล้วมากินข้าวก่อนนะ" หญิงสาวเดินเข้าไปกอดอ้อนแม่อย่างที่เคยทำ คุณเดือนเพ็ญรู้ดีว่าลูกสาวกังวลเรื่องอะไร และเธอก็รู้ดีว่าลูกสาวของเธอนั้น เข้มแข็งมากพอที่จะก้าวผ่านเรื่องต่างๆไปได้"หิวจังเลยค่ะแม่" หญิงสาวอ้อนผู้เป็นแม่ ก่อนจะเอื้อมไปเปิดดูแกงในหม้อที่ส่งกลิ่นหอมฉุย "งั้นกินข้าวให้อิ่ม แล้วกลับไปนอนพักนะลูก แม่จะอยู่ทำความสะอาดในครัวอีกแปบก็กลับไปแล้วเหมือนกัน ว่าแต่คุณวาทิตย์กลับมาแล้วได้เจอกันรึยังล่ะลูก"เธอไม่อยากจะบอกว่าได้เจอและพูดคุยอะไรกันบ้างจึงทำแค่พยักหน้า และก้มหน้าก้มตาทานข้าวในจาน หญิงสาวรู้สึกเหนื่อยล้าเกินกว่าจะพูดหรือทำอะไร เธออยากให้เรื่องนี้เป็นแค่ความฝัน ที่ตื่นขึ้นมาก็พบว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง เช้าวันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ หญิงสาวตั้งใจจะออกมาเดินเล่นที่สนามหญ้าเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า แต่ก็ไม่คิดว่าวาทิตย์จะตื่นเช้าออกมาเดินเล่นด้วยเหมือนกัน" เธอกับแม่เธอนี่มันเหมือนเห็บ หมัดที่เกาะครอบครัวฉันไม่ไปไหนเ
"อะไรนะคะแม่ แม่กับเจ้าสัวจะไปปฏิบัติธรรมอาทิตย์หน้านี้หรอคะ แล้วไปกี่วันคะแม่"หญิงสาวได้รับรู้ข่าวจากแม่ว่าท่านเจ้าสัวอยากไปพักผ่อน จึงชวนกันไปปฏิธรรมที่วัดป่าแห่งหนึ่ง แล้วหลังจากนี้เธอจะต้องทำยังไงดี เพราะพี่วายุก็ไปราชการต่างจังหวัด บ้านหลังนี้ก็เหลือแค่เธอกับวาทิตย์ ความหวาดหวั่นเข้าเกาะกุมหัวใจดวงน้อย แต่จะโวยวายให้ผู้เป็นแม่เป็นกังวลก็คงไม่ได้ เธอไม่อยากสร้างปัญหาให้แม่ไม่สบายใจ"ท่านเจ้าสัวอยากไปพักผ่อนซักสัปดาห์นึง ลูกอยู่บ้านคนเดียวได้ใช่มั้ยจ้ะ "คุณเดือนเพ็ญเห็นแววตากังวลของลูกสาวก็อดห่วงไม่ได้"แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ หนูอยู่ได้สบายอยู่แล้วค่ะ" เธอรีบพูดขึ้นเพื่อให้แม่คลายกังวล ยังไงซะแค่สัปดาห์เดียว พี่วาทิตย์เองก็คงไม่ค่อยอยู่บ้านหรอกมั้ง อาจนัดสาวไปสนุกกันที่คอนโดก็เป็นได้ แต่ถึงยังไงเธอก็ต้องหาทางเลี่ยงชายหนุ่มให้ได้มากที่สุดอยู่ดีด้านชายหนุ่มที่เป็นตัวปัญหาของนับดาวนั้น เมื่อรู้ว่าพ่อของตัวเองจะไปปฏิบัติธรรมต่างจังหวัด ก็จงใจพูดจากระทบกระแทกแดกดันหญิงสาว เมื่อต้องนั่งทานข้าวร่วมโต๊ะกันในตอนเย็นก่อนที่ท่านเจ้าสัวจะออกเดินทางในวันรุ่งขึ้น"คุณพ่อไม่ต้อห่วงผมหรอกครับ ห่วงล
กรี้ดดดดดดดดหญิงสาวกรีดร้องออกมาเมื่อถูกมือหนากระชากเข้าไปปะทะอกแกร่ง มืออีกข้างของวาทิตย์จับปลายคางของหล่อน บังคับให้สาวน้อยแหงนหน้ารับจูบของเขา จูบหวานๆที่เขาเฝ้าคิดถึง ชายหนุ่มบดจูบราวกับคนหิวโหย ยังคงหวานเหมือนเดิมสินะ แต่ปากนี้ผ่านใครมาแล้วกี่คนก็ไม่รู้ จากจูบดูดดื่มในตอนแรก จึงแปรเปลี่ยนตามแรงอารมณ์ของชายหนุ่ม มือข้างหนึ่งของเขาล็อคข้อมือบอบบางของหญิงสาวให้หยุดการทุบตี ส่วนมืออีกข้างก็ยกขึ้นบีบเค้นเต้าเต่งภายใต้ชุดชั้นใน นับดาวเหมือนคนสติหลุดลอย จากการต่อต้านขัดขืนเริ่มเปลี่ยนเป็นให้ความร่วมมือ เมื่อความรู้สึกประหลาดบางอย่างพุ่งเข้าจู่โจม ความวูบวาบในช่องท้องนี่มันคืออะไรกัน หญิงสาวไม่เคยรู้จักมันมาก่อน เกิดมาจนอายุ 19 ปี เธอก็ไม่เคยมีแฟนหรือคนรัก เพราะเฝ้ารอคนตรงหน้าคนนี้ คนที่กำลังจู่โจมราวกับเสือหิวกระหาย "อือ อื้ออออ ยะ อย่าค่ะ"เสียงแผ่วเบาที่เอ่ยขึ้น หลังจากที่ชายหนุ่มถอนจูบ เพื่อค้นหาเป้าหมายที่น่าสนใจมากกว่า "อืมม หอมมาก หวานมาก เธอนี่มันแมวยั่วสวาทจริงๆเลยนะ" ชายหนุ่มซุกไซร้ซอกคอเพื่อสูดดมกลิ่นหอมจากกายสาว กลิ่นหอมอ่อนๆที่ไม่ได้หอมฉุนเหมือนน้ำหอมราคาแพงที่สาวๆบางคนของ
แท่งร้อนเริ่มขยับเคลื่อนไหว ส่งผลให้หญิงสาวผวาโอบกอดชายหนุ่ม สองขาเรียวยกขึ้นโอบรัดเอวสอบ "อ๊าาา อือออ เสียววดาวเสียว" เสียงหวานร้องครางผะแผ่ว ขณะที่ชายหนุ่มถอดถอนแท่งยาวกลางกาย แล้วจึงตอกอัดเข้าไปใหม่ ความคับแน่นของช่องทางรักทำให้ชายหนุ่ม ต้องคำรามออกมา"อ่าา น้องดาวทำไมแน่นอย่างนี้ ตอดพี่ไม่หยุดเลย เอามันจริงๆ" พูดพลางก็เคลื่อนสะโพกสอบเข้าออกรัวเร็ว ความเสียวแล่นพลุ่งพล่าน จนสุดจะกลั้น"อ้าาายย พี่ทิตย์อย่าค่ะ อย่าบี้น้องแบบนั้น น้องเสียว ฮือออ " ชายหนุ่มตอกอัดแท่งร้อน พร้อมกับใช้นิ้วมือบดบี้ลงบนติ่งเสียว จนทำให้กายสาว แอ่นอก ยกสะโพกผายรองรับแรงกระแทกที่ระรัวเร็วปึก ปึก ปึก เสียงเนื้อกระทบเนื้อ เสียงกรีดร้องระงม เสียงคำรามผสมปนเปกึกก้องไปทั่วห้องนอนที่เปลี่ยนเป็นทะเลสวาท "น้องดาว พี่จะไม่ไหวแล้วว อืออ อืม""อึก อึก อ๊าาา อ๊ายยยยยย "สายธารอุ่นพุ่งเข้าใส่ช่องทางรักคับแน่น ร่างสองร่างกระตุกเกร็ง เหงื่อท่วมตัวแม้ในห้องจะเปิดแอร์เย็นฉ่ำ ชายหนุ่มฟุบหน้าซบบนอกอวบ เสียงหายใจหอบถี่ ใบหูของชายหนุ่มที่แนบอยู่ตรงจุดของหัวใจ ได้ยินเสียงหัวใจของหญิงสาวเต้นระรัว ความสุขล้นเกิดขึ้นในหัวใจ ความร
ครืดดดดดดดด ครืดดดดดด ครืดดดดดดดเสียงโทรศัพท์ที่สั่นระรัวอยู่ภายในกระเป๋าสะพาย ส่งเสียงรบกวนการหลับไหลของสองหนุ่มสาวบนเตียงนอนขนาดคิงไซส์ วาทิตย์ลืมตาตื่น ลุกขึ้นคว้าโทรศัพท์ตรงโต๊ะข้างเตียงมาดู ปรากฏว่าไม่ใช่โทรศัพท์เครื่องของเขาที่ส่งเสียงดังรบกวนการพักผ่อน แต่เป็นโทรศัพท์ของหญิงสาวข้างกายซึ่งยังคงหลับไหลไม่ได้สติ ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นถือวิสาสะหยิบขึ้นมาดู~นาวิน~ ภาพหน้าจอฉายชื่อของคนที่โทรเข้ามารบกวนการพักผ่อน ด้วยความอยากรู้ชายหนุ่มจึงกดรับสายทันที"ฮัลโหล...ดาว ไปมหาลัยรึยัง วินกำลังออกไป เดี๋ยววินไปรับนะ" เสียงปลายสายเป็นเสียงชายหนุ่มที่เรียกนับดาวด้วยความสนิทสนม ไอ้หมอนี่เป็นใคร โทรหาเมียชาบ้านแต่เช้า หรือจะเป็นคนที่มาส่งนับดาวเมื่อคืน".......""ฮัลโหล ดาวได้ยินที่วินพูดรึเปล่า" ปลายสายยังคงเรียกหญิงสาว"นับดาวยังไม่ตื่น" เสียงเข้มของวาทิตย์ตอบกลับไป"นั่นใครพูดสาย แล้วดาวอยู่ไหน ฮัลโหล ฮัลโหล" ตู๊ดดด ตู๊ดดด ตู๊ดดดชายหนุ่มถือวิสาสะกดวางสายโดยที่ไม่ฟังคนปลายสายพูด ก่อนจะลุกขึ้นไปยืนมองหญิงสาวที่ยังคงหลับ เสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ฝ่ายนาวินแม้จะยังสงสัยว่าใครเป็นคนถือวิสาสะ
ครืดดดดดดดด ครืดดดดดด ครืดดดดดดดเสียงโทรศัพท์ที่สั่นระรัวอยู่ภายในกระเป๋าสะพาย ส่งเสียงรบกวนการหลับไหลของสองหนุ่มสาวบนเตียงนอนขนาดคิงไซส์ วาทิตย์ลืมตาตื่น ลุกขึ้นคว้าโทรศัพท์ตรงโต๊ะข้างเตียงมาดู ปรากฏว่าไม่ใช่โทรศัพท์เครื่องของเขาที่ส่งเสียงดังรบกวนการพักผ่อน แต่เป็นโทรศัพท์ของหญิงสาวข้างกายซึ่งยังคงหลับไหลไม่ได้สติ ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นถือวิสาสะหยิบขึ้นมาดู~นาวิน~ ภาพหน้าจอฉายชื่อของคนที่โทรเข้ามารบกวนการพักผ่อน ด้วยความอยากรู้ชายหนุ่มจึงกดรับสายทันที"ฮัลโหล...ดาว ไปมหาลัยรึยัง วินกำลังออกไป เดี๋ยววินไปรับนะ" เสียงปลายสายเป็นเสียงชายหนุ่มที่เรียกนับดาวด้วยความสนิทสนม ไอ้หมอนี่เป็นใคร โทรหาเมียชาบ้านแต่เช้า หรือจะเป็นคนที่มาส่งนับดาวเมื่อคืน".......""ฮัลโหล ดาวได้ยินที่วินพูดรึเปล่า" ปลายสายยังคงเรียกหญิงสาว"นับดาวยังไม่ตื่น" เสียงเข้มของวาทิตย์ตอบกลับไป"นั่นใครพูดสาย แล้วดาวอยู่ไหน ฮัลโหล ฮัลโหล" ตู๊ดดด ตู๊ดดด ตู๊ดดดชายหนุ่มถือวิสาสะกดวางสายโดยที่ไม่ฟังคนปลายสายพูด ก่อนจะลุกขึ้นไปยืนมองหญิงสาวที่ยังคงหลับ เสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ฝ่ายนาวินแม้จะยังสงสัยว่าใครเป็นคนถือวิสาสะ
แท่งร้อนเริ่มขยับเคลื่อนไหว ส่งผลให้หญิงสาวผวาโอบกอดชายหนุ่ม สองขาเรียวยกขึ้นโอบรัดเอวสอบ "อ๊าาา อือออ เสียววดาวเสียว" เสียงหวานร้องครางผะแผ่ว ขณะที่ชายหนุ่มถอดถอนแท่งยาวกลางกาย แล้วจึงตอกอัดเข้าไปใหม่ ความคับแน่นของช่องทางรักทำให้ชายหนุ่ม ต้องคำรามออกมา"อ่าา น้องดาวทำไมแน่นอย่างนี้ ตอดพี่ไม่หยุดเลย เอามันจริงๆ" พูดพลางก็เคลื่อนสะโพกสอบเข้าออกรัวเร็ว ความเสียวแล่นพลุ่งพล่าน จนสุดจะกลั้น"อ้าาายย พี่ทิตย์อย่าค่ะ อย่าบี้น้องแบบนั้น น้องเสียว ฮือออ " ชายหนุ่มตอกอัดแท่งร้อน พร้อมกับใช้นิ้วมือบดบี้ลงบนติ่งเสียว จนทำให้กายสาว แอ่นอก ยกสะโพกผายรองรับแรงกระแทกที่ระรัวเร็วปึก ปึก ปึก เสียงเนื้อกระทบเนื้อ เสียงกรีดร้องระงม เสียงคำรามผสมปนเปกึกก้องไปทั่วห้องนอนที่เปลี่ยนเป็นทะเลสวาท "น้องดาว พี่จะไม่ไหวแล้วว อืออ อืม""อึก อึก อ๊าาา อ๊ายยยยยย "สายธารอุ่นพุ่งเข้าใส่ช่องทางรักคับแน่น ร่างสองร่างกระตุกเกร็ง เหงื่อท่วมตัวแม้ในห้องจะเปิดแอร์เย็นฉ่ำ ชายหนุ่มฟุบหน้าซบบนอกอวบ เสียงหายใจหอบถี่ ใบหูของชายหนุ่มที่แนบอยู่ตรงจุดของหัวใจ ได้ยินเสียงหัวใจของหญิงสาวเต้นระรัว ความสุขล้นเกิดขึ้นในหัวใจ ความร
กรี้ดดดดดดดดหญิงสาวกรีดร้องออกมาเมื่อถูกมือหนากระชากเข้าไปปะทะอกแกร่ง มืออีกข้างของวาทิตย์จับปลายคางของหล่อน บังคับให้สาวน้อยแหงนหน้ารับจูบของเขา จูบหวานๆที่เขาเฝ้าคิดถึง ชายหนุ่มบดจูบราวกับคนหิวโหย ยังคงหวานเหมือนเดิมสินะ แต่ปากนี้ผ่านใครมาแล้วกี่คนก็ไม่รู้ จากจูบดูดดื่มในตอนแรก จึงแปรเปลี่ยนตามแรงอารมณ์ของชายหนุ่ม มือข้างหนึ่งของเขาล็อคข้อมือบอบบางของหญิงสาวให้หยุดการทุบตี ส่วนมืออีกข้างก็ยกขึ้นบีบเค้นเต้าเต่งภายใต้ชุดชั้นใน นับดาวเหมือนคนสติหลุดลอย จากการต่อต้านขัดขืนเริ่มเปลี่ยนเป็นให้ความร่วมมือ เมื่อความรู้สึกประหลาดบางอย่างพุ่งเข้าจู่โจม ความวูบวาบในช่องท้องนี่มันคืออะไรกัน หญิงสาวไม่เคยรู้จักมันมาก่อน เกิดมาจนอายุ 19 ปี เธอก็ไม่เคยมีแฟนหรือคนรัก เพราะเฝ้ารอคนตรงหน้าคนนี้ คนที่กำลังจู่โจมราวกับเสือหิวกระหาย "อือ อื้ออออ ยะ อย่าค่ะ"เสียงแผ่วเบาที่เอ่ยขึ้น หลังจากที่ชายหนุ่มถอนจูบ เพื่อค้นหาเป้าหมายที่น่าสนใจมากกว่า "อืมม หอมมาก หวานมาก เธอนี่มันแมวยั่วสวาทจริงๆเลยนะ" ชายหนุ่มซุกไซร้ซอกคอเพื่อสูดดมกลิ่นหอมจากกายสาว กลิ่นหอมอ่อนๆที่ไม่ได้หอมฉุนเหมือนน้ำหอมราคาแพงที่สาวๆบางคนของ
"อะไรนะคะแม่ แม่กับเจ้าสัวจะไปปฏิบัติธรรมอาทิตย์หน้านี้หรอคะ แล้วไปกี่วันคะแม่"หญิงสาวได้รับรู้ข่าวจากแม่ว่าท่านเจ้าสัวอยากไปพักผ่อน จึงชวนกันไปปฏิธรรมที่วัดป่าแห่งหนึ่ง แล้วหลังจากนี้เธอจะต้องทำยังไงดี เพราะพี่วายุก็ไปราชการต่างจังหวัด บ้านหลังนี้ก็เหลือแค่เธอกับวาทิตย์ ความหวาดหวั่นเข้าเกาะกุมหัวใจดวงน้อย แต่จะโวยวายให้ผู้เป็นแม่เป็นกังวลก็คงไม่ได้ เธอไม่อยากสร้างปัญหาให้แม่ไม่สบายใจ"ท่านเจ้าสัวอยากไปพักผ่อนซักสัปดาห์นึง ลูกอยู่บ้านคนเดียวได้ใช่มั้ยจ้ะ "คุณเดือนเพ็ญเห็นแววตากังวลของลูกสาวก็อดห่วงไม่ได้"แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ หนูอยู่ได้สบายอยู่แล้วค่ะ" เธอรีบพูดขึ้นเพื่อให้แม่คลายกังวล ยังไงซะแค่สัปดาห์เดียว พี่วาทิตย์เองก็คงไม่ค่อยอยู่บ้านหรอกมั้ง อาจนัดสาวไปสนุกกันที่คอนโดก็เป็นได้ แต่ถึงยังไงเธอก็ต้องหาทางเลี่ยงชายหนุ่มให้ได้มากที่สุดอยู่ดีด้านชายหนุ่มที่เป็นตัวปัญหาของนับดาวนั้น เมื่อรู้ว่าพ่อของตัวเองจะไปปฏิบัติธรรมต่างจังหวัด ก็จงใจพูดจากระทบกระแทกแดกดันหญิงสาว เมื่อต้องนั่งทานข้าวร่วมโต๊ะกันในตอนเย็นก่อนที่ท่านเจ้าสัวจะออกเดินทางในวันรุ่งขึ้น"คุณพ่อไม่ต้อห่วงผมหรอกครับ ห่วงล
หลังจากหนีพ้นจากคนใจร้าย หญิงสาวก็ปรี่ไปหาผู้เป็นแม่ กลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้มที่ดูอ่อนล้า จนผู้เป็นแม่เอ่ยทัก" เหนื่อยมั้ยลูก แม่เตรียมกับข้าวไว้ให้แล้วมากินข้าวก่อนนะ" หญิงสาวเดินเข้าไปกอดอ้อนแม่อย่างที่เคยทำ คุณเดือนเพ็ญรู้ดีว่าลูกสาวกังวลเรื่องอะไร และเธอก็รู้ดีว่าลูกสาวของเธอนั้น เข้มแข็งมากพอที่จะก้าวผ่านเรื่องต่างๆไปได้"หิวจังเลยค่ะแม่" หญิงสาวอ้อนผู้เป็นแม่ ก่อนจะเอื้อมไปเปิดดูแกงในหม้อที่ส่งกลิ่นหอมฉุย "งั้นกินข้าวให้อิ่ม แล้วกลับไปนอนพักนะลูก แม่จะอยู่ทำความสะอาดในครัวอีกแปบก็กลับไปแล้วเหมือนกัน ว่าแต่คุณวาทิตย์กลับมาแล้วได้เจอกันรึยังล่ะลูก"เธอไม่อยากจะบอกว่าได้เจอและพูดคุยอะไรกันบ้างจึงทำแค่พยักหน้า และก้มหน้าก้มตาทานข้าวในจาน หญิงสาวรู้สึกเหนื่อยล้าเกินกว่าจะพูดหรือทำอะไร เธออยากให้เรื่องนี้เป็นแค่ความฝัน ที่ตื่นขึ้นมาก็พบว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง เช้าวันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ หญิงสาวตั้งใจจะออกมาเดินเล่นที่สนามหญ้าเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า แต่ก็ไม่คิดว่าวาทิตย์จะตื่นเช้าออกมาเดินเล่นด้วยเหมือนกัน" เธอกับแม่เธอนี่มันเหมือนเห็บ หมัดที่เกาะครอบครัวฉันไม่ไปไหนเ
หญิงสาวในชุดนักศึกษา สวมกระโปรงพลีทยาวคลุมเข่าเดินเข้ามาในรั้วคฤหาสในตอนค่ำ เพราะวันนี้ที่มหาวิทยาลัยมีกิจกรรมเตรียมค่ายจิตอาสา เธอจึงต้องอยู่เตรียมการเพื่อจัดกิจกรรม รสมรุ่นในการไปทำจิตอาสาในพื้นที่ห่างไกล ด้วยเพราะรักการสอนทำให้เธอตัดสินใจเรียนครู ซึ่งเป็นอาชีพที่เธอใฝ่ฝัน การได้สอนเด็กยากไร้ในถิ่นธุรกันดารคือปณิธานที่เธอเคยวาดไว้ หญิงสาวเดินเลาะสนามหญ้าซึ่งปลูกไม้ดอกส่งกลิ่นหอมฟุ้งด้วยจิตใจที่เหม่อลอย จนไม่ทันได้เห็นว่ามีสายตาแหลมคมราวกับเหนี่ยวจ้องจับเหยื่อจ้องมองเธอมาจากโต๊ะม้าหินที่วางอยู่ในซุ้มกุหลาบอีกฝั่งหนึ่ง สายตาเฉี่ยวคมของชายหนุ่มรูปงาม มองสำรวจสาวน้อยในชุดนักศึกษาสีขาวกระโปรงพลีทสีดำ ใบหน้ารูปไข่ที่ก้มหน้าน้อยๆ นัยตากลมโตที่ดูมีความกังวนไม่สดใส แน่สิเขารู้ได้ทันทีว่านี่คือยัยเด็กกาฝากคนนั้น ปากอิ่มสีชมพูระเรื่อ เม้มเข้าหากัน หน้าอกครัดเคร่งในชุดนักศึกษาตัวบาง เมื่อโดนแสงไฟสะท้อนก็แทบจะทะลุจนเห็นเนื้อหนังข้างในหมดแล้ว หึ ยังไม่ทันจบมหาลัยเธอก็แต่งชุดยั่วคนไปทั่วแล้วสินะ ชายหนุ่มคิดอย่างอคติ ผู้หญิงอย่างเธอ ก็คงไม่ต่างจากแม่ที่จ้องจะจับผู้ชายรวย จะได้เกาะกินส
คฤหาสบดินทร์บริรักษ์ ในวันซึ่งเด็กน้อยนับดาว ที่ตอนนั้นมีอายุเพียง 8 ขวบ ติดสอยห้อยตามแม่เดือนเพ็ญ ต้องมาอาศัยอยู่ร่วมชายคาเดียวกับ วาทิตย์และวายุเด็กหนุ่มลูกชายมหาเศรษฐี พ่อม่าย เธอรู้แค่ว่าแม่จะมาทำงานที่นี่ เด็กน้อยกำพร้าพ่อระเห็จตามแม่ซึ่งทำงานเป็นแม่บ้าน ไปตามที่ต่างๆจนวันนึงเมื่อแม่บังเอิญได้พบกับเจ้าสัวคณิน ท่านทั้งสองได้พบรักกันในวัยที่ล่วงเลย ทำให้เด็กน้อยได้เข้ามาอยู่ ณ ที่แห่งนี้ วาทิตย์และวายุ สองหนุ่มน้อยในวันวานรู้สึกเอ็นดูเด็กน้อยตากลมโต ริมผีปากชมพูจิ้มลิ้มที่คอยส่งยิ้มและพูดคุยเจื้อยแจ้วอยู่ข้างๆแม่บ้านอย่างคุณเดือนเพ็ญ จนวันนึงที่วาทิตย์ได้รับรู้ความจริงว่า คุณเดือนเพ็ญแม่บ้านคนนี้ ที่จริงแล้วคือ ภรรยาลับๆของท่านเจ้าสัวผู้เป็นบิดา ทำให้ความรู้สึกเอ็นดูของวาทิตย์ที่มีต่อนับดาว กลับกลายเป็นความเกลียดชังมาแทนที่ "คุณพ่อว่าไงนะครับ คุณน้าเดือนเพ็ญเป็นเมียใหม่พ่องั้นหรอ แล้วแม่ผมล่ะ พ่อเอาแม่ไปไว้ที่ไหน" เด็กชายวาทิตย์ในวัย 15 ปีต่อว่าผู้เป็นบิดาด้วยสายตาผิดหวัง "แม่แกก็ตายไปตั้งหลายปีแล้วนะเจ้าทิตย์ แกจะไม่ให้ฉันมีความสุขบ้างเลยรึไง" เจ้าสัวคณินพูดด้วยน้ำเส