ครืดดดดดดดด ครืดดดดดด ครืดดดดดดดเสียงโทรศัพท์ที่สั่นระรัวอยู่ภายในกระเป๋าสะพาย ส่งเสียงรบกวนการหลับไหลของสองหนุ่มสาวบนเตียงนอนขนาดคิงไซส์ วาทิตย์ลืมตาตื่น ลุกขึ้นคว้าโทรศัพท์ตรงโต๊ะข้างเตียงมาดู ปรากฏว่าไม่ใช่โทรศัพท์เครื่องของเขาที่ส่งเสียงดังรบกวนการพักผ่อน แต่เป็นโทรศัพท์ของหญิงสาวข้างกายซึ่งยังคงหลับไหลไม่ได้สติ ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นถือวิสาสะหยิบขึ้นมาดู~นาวิน~ ภาพหน้าจอฉายชื่อของคนที่โทรเข้ามารบกวนการพักผ่อน ด้วยความอยากรู้ชายหนุ่มจึงกดรับสายทันที"ฮัลโหล...ดาว ไปมหาลัยรึยัง วินกำลังออกไป เดี๋ยววินไปรับนะ" เสียงปลายสายเป็นเสียงชายหนุ่มที่เรียกนับดาวด้วยความสนิทสนม ไอ้หมอนี่เป็นใคร โทรหาเมียชาบ้านแต่เช้า หรือจะเป็นคนที่มาส่งนับดาวเมื่อคืน".......""ฮัลโหล ดาวได้ยินที่วินพูดรึเปล่า" ปลายสายยังคงเรียกหญิงสาว"นับดาวยังไม่ตื่น" เสียงเข้มของวาทิตย์ตอบกลับไป"นั่นใครพูดสาย แล้วดาวอยู่ไหน ฮัลโหล ฮัลโหล" ตู๊ดดด ตู๊ดดด ตู๊ดดดชายหนุ่มถือวิสาสะกดวางสายโดยที่ไม่ฟังคนปลายสายพูด ก่อนจะลุกขึ้นไปยืนมองหญิงสาวที่ยังคงหลับ เสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ฝ่ายนาวินแม้จะยังสงสัยว่าใครเป็นคนถือวิสาสะ
เสียงเบรครถดังเอี้ยดดด!!! ตามมาด้วยเสียงดุๆ"จะไปไหน ยัยตัวแสบ!!!!!"หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็นว่าเป็นใคร ก่อนที่จะรีบจ้ำอ้าวหนี โดยไม่คิดหันกลับไปมองคนตัวโตที่เปิดประตูรถตามลงมา"หยุดเดี๋ยวนี้นะนับดาว " ชายหนุ่มคว้าแขนของหญิงสาว ก่อนกระชากเบาๆ เขารู้สึกหงุดหงิดมาก เมื่อรู้ว่าหญิงสาวแอบหนีกลับห้อง เพราะเขาสามารถเปิดกล้องวงจรปิดดูความเคลื่อนไหวต่างๆภายในบ้านได้ทั้งหมด ยิ่งเมื่อรู้ว่าแม่ตัวดีกำลังจะหนีออกจากบ้าน ชายหนุ่มก็เร่งสรุปการประชุม ก่อนจะบึ่งรถมาทันเห็นแม่สาวน้อยตัวดีหอบกระเป๋าเดินหนีเขาไปที่อื่น"คุณวาทิตย์ปล่อยดาวนะคะ ดาวจะไปหาเพื่อน" หญิงสาวใช้เรี่ยวแรงที่มีสะบัดข้อมือให้หลุดจากการเกาะกุม"เพื่อนที่ชื่อนาวินนะหรือ ไอ้หมอนั่นมันเป็นใคร ถึงอยากไปหามันจนตัวสั่น" เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด "วินจะเป็นใคร ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณนี่ ปล่อย" นับดาวยังคงดิ้นรนสะบันมือจากการเกาะกุมของเขา ชื่อที่เอ่ยอย่างสนิทสนมของนับดาวกับผู้ชายที่ชื่อนาวิน ยิ่งส่งผลให้วาทิตย์หงุดหงิดขึ้นอีกเท่าตัว"ดื้อนักนะนับดาว ไม่อยากอยู่บ้านใช่มั้ย ได้งั้นเปลี่ยนบรรยากาศไปเอากันที่อื่นก็ได้ " พูดจบชายหนุ่มก็ฉุดร
หลังจากจบกิจกรรมเข้าจังหวะในรถคันหรู หญิงสาวก็นั่งเงียบมาตลอดทาง จากที่นัดแนะกับเพื่อนสาวว่าขอไปนอนด้วย ก็ต้องบอกยกเลิกกลางคัน เพราะคนตัวโตเอาแต่ใจไม่ยอมปล่อยเธอกลับไปง่ายๆ ส่วนฝั่งแม่เอง นับดาวก็โทรหาให้แม่คลายกังวลว่าเธอสบายดี รถคันหรูวิ่งออกจากตัวเมืองมุ่งหน้าสู่บ้านพักตากอากาศชายทะเล ชายหนุ่มเจ้าของรถหรู ขับรถอย่างอารมณ์ดี ปากก็ฮัมเพลงคลอเสียงเพลงจากวิทยุ กว่าจะถึงบ้านพักตากอากาศ สาวน้อยข้างๆก็หลับคอพับคออ่อนไปซะแล้ว เมื่อเห็นเจ้าของร่างเล็กหลับอย่างสบายอุรา เขาจึงช้อนร่างบางอุ้มขึ้นแนบอก จากนั้นจึงพาเธอขึ้นไปยังชั้น2 ของตัวบ้าน ที่เขาสั่งให้คนสวนกับแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดไว้เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นห้องนอนของเขาจึงถูกปูผ้าสีขาวสะอาดไว้เป็นอย่างดี วาทิตย์วางร่างของนับดาวลงบนเตียงแล้วจึงเดินออกไปที่ระเบียงของห้อง บ้านพักหลังนี้เขาเคยมาเที่ยวเล่นสมัยยังเป็นเด็ก กับท่านเจ้าสัว คุณแม่ และพี่วายุ ชายหาดส่วนตัวที่เงียบสงบ ยังคงสภาพเดิมไม่เปลี่ยนแปลง บ้านหนังนี้เป็นบ้านไม้สีขาวสองชั้น รอบบ้านมีบานหน้าต่างซึ่งเปิดรับลมจากทะเลได้ทุกทิศทาง บรรยากาศที่นี่ ชวนให้ผ่อนคลายทั้งใจและกายได้เป็นอย่า
หลังจากส่งนับดาวขึ้นสวรรค์ไปครั้งนึงแล้ว วาทิตย์ที่กลัวหญิงสาวจะเป็นไข้อีกครั้งจึงชวนกันกลับไปที่บ้านพักตากอากาศ "เริ่มดึกแล้วเราเข้าบ้านกันก่อนดีกว่านะ""ก็ดีเหมือนกันค่ะพี่วาทิตย์ ดาวก็ชักจะหนาวแล้วเหมือนกันค่ะ"แต่พี่ไม่ให้น้องดาวเดินกลับหรอกนะ"วาทิตย์ไม่พูดเปล่า เขาลุกขึ้นเต็มความสูง จนสิ่งนั้นผงาดสู้ฟ้ายามราตรี นับดาวเขินจนใบหน้าแดงก่ำ ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะก้มหยิบผ้าชิ้นน้อยขึ้นมาปกปิดเรือยกาย แต่วาทิตย์กลับช้อนตัวหญิงสาว ในท่าลิงอุ้มแตง กดสะโพกขาวลงบนอาวุธยักษ์ของตัวเอง"อ้าายย พี่วาทิตย์ทำอะไรแบบนี้คะ"หญิงสาวเกี่ยวเรียวขาเข้ากับสะโพกสอบ สองมือโอบรอบลำคอชายหนุ่ม ทั้งหวาดเสียวที่กลัวตก แถมยังเสียวที่แท่งร้อนผลุบหายเข้าไปในกลีบดอกไม้งามของตัวเองอีกด้วย"ซี้ดดด เสียวดีจัง เดี๋ยวพี่จะทำให้น้องเสียวจนลืมไม่ลงเลยล่ะ"ชายหนุ่มซี้ดปากเมื่อรู้สึกถึงการขมิบตอดของช่องทางคับแน่น อาจเพราะความตื่นเต้นทำให้หญิงสาวตอดรัดรุนแรงเหลือเกิน"อ๊าาาา พี่ทิตย์ดาวจะตกมั้ยคะ อื้ออออ เสียวจังเลยค่ะ""ไม่ต้องกลัวนะคะ พี่ไม่ทำน้องตกแน่นอน"แล้วชายหนุ่มก็เริ่มก้าวเดิน ความตื่นเต้น เสียวสยิวทุกก้าวที่ขยับ
คฤหาสบดินทร์บริรักษ์ ในวันซึ่งเด็กน้อยนับดาว ที่ตอนนั้นมีอายุเพียง 8 ขวบ ติดสอยห้อยตามแม่เดือนเพ็ญ ต้องมาอาศัยอยู่ร่วมชายคาเดียวกับ วาทิตย์และวายุเด็กหนุ่มลูกชายมหาเศรษฐี พ่อม่าย เธอรู้แค่ว่าแม่จะมาทำงานที่นี่ เด็กน้อยกำพร้าพ่อระเห็จตามแม่ซึ่งทำงานเป็นแม่บ้าน ไปตามที่ต่างๆจนวันนึงเมื่อแม่บังเอิญได้พบกับเจ้าสัวคณิน ท่านทั้งสองได้พบรักกันในวัยที่ล่วงเลย ทำให้เด็กน้อยได้เข้ามาอยู่ ณ ที่แห่งนี้ วาทิตย์และวายุ สองหนุ่มน้อยในวันวานรู้สึกเอ็นดูเด็กน้อยตากลมโต ริมผีปากชมพูจิ้มลิ้มที่คอยส่งยิ้มและพูดคุยเจื้อยแจ้วอยู่ข้างๆแม่บ้านอย่างคุณเดือนเพ็ญ จนวันนึงที่วาทิตย์ได้รับรู้ความจริงว่า คุณเดือนเพ็ญแม่บ้านคนนี้ ที่จริงแล้วคือ ภรรยาลับๆของท่านเจ้าสัวผู้เป็นบิดา ทำให้ความรู้สึกเอ็นดูของวาทิตย์ที่มีต่อนับดาว กลับกลายเป็นความเกลียดชังมาแทนที่ "คุณพ่อว่าไงนะครับ คุณน้าเดือนเพ็ญเป็นเมียใหม่พ่องั้นหรอ แล้วแม่ผมล่ะ พ่อเอาแม่ไปไว้ที่ไหน" เด็กชายวาทิตย์ในวัย 15 ปีต่อว่าผู้เป็นบิดาด้วยสายตาผิดหวัง "แม่แกก็ตายไปตั้งหลายปีแล้วนะเจ้าทิตย์ แกจะไม่ให้ฉันมีความสุขบ้างเลยรึไง" เจ้าสัวคณินพูดด้วยน้ำเส
หญิงสาวในชุดนักศึกษา สวมกระโปรงพลีทยาวคลุมเข่าเดินเข้ามาในรั้วคฤหาสในตอนค่ำ เพราะวันนี้ที่มหาวิทยาลัยมีกิจกรรมเตรียมค่ายจิตอาสา เธอจึงต้องอยู่เตรียมการเพื่อจัดกิจกรรม รสมรุ่นในการไปทำจิตอาสาในพื้นที่ห่างไกล ด้วยเพราะรักการสอนทำให้เธอตัดสินใจเรียนครู ซึ่งเป็นอาชีพที่เธอใฝ่ฝัน การได้สอนเด็กยากไร้ในถิ่นธุรกันดารคือปณิธานที่เธอเคยวาดไว้ หญิงสาวเดินเลาะสนามหญ้าซึ่งปลูกไม้ดอกส่งกลิ่นหอมฟุ้งด้วยจิตใจที่เหม่อลอย จนไม่ทันได้เห็นว่ามีสายตาแหลมคมราวกับเหนี่ยวจ้องจับเหยื่อจ้องมองเธอมาจากโต๊ะม้าหินที่วางอยู่ในซุ้มกุหลาบอีกฝั่งหนึ่ง สายตาเฉี่ยวคมของชายหนุ่มรูปงาม มองสำรวจสาวน้อยในชุดนักศึกษาสีขาวกระโปรงพลีทสีดำ ใบหน้ารูปไข่ที่ก้มหน้าน้อยๆ นัยตากลมโตที่ดูมีความกังวนไม่สดใส แน่สิเขารู้ได้ทันทีว่านี่คือยัยเด็กกาฝากคนนั้น ปากอิ่มสีชมพูระเรื่อ เม้มเข้าหากัน หน้าอกครัดเคร่งในชุดนักศึกษาตัวบาง เมื่อโดนแสงไฟสะท้อนก็แทบจะทะลุจนเห็นเนื้อหนังข้างในหมดแล้ว หึ ยังไม่ทันจบมหาลัยเธอก็แต่งชุดยั่วคนไปทั่วแล้วสินะ ชายหนุ่มคิดอย่างอคติ ผู้หญิงอย่างเธอ ก็คงไม่ต่างจากแม่ที่จ้องจะจับผู้ชายรวย จะได้เกาะกินส
หลังจากหนีพ้นจากคนใจร้าย หญิงสาวก็ปรี่ไปหาผู้เป็นแม่ กลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้มที่ดูอ่อนล้า จนผู้เป็นแม่เอ่ยทัก" เหนื่อยมั้ยลูก แม่เตรียมกับข้าวไว้ให้แล้วมากินข้าวก่อนนะ" หญิงสาวเดินเข้าไปกอดอ้อนแม่อย่างที่เคยทำ คุณเดือนเพ็ญรู้ดีว่าลูกสาวกังวลเรื่องอะไร และเธอก็รู้ดีว่าลูกสาวของเธอนั้น เข้มแข็งมากพอที่จะก้าวผ่านเรื่องต่างๆไปได้"หิวจังเลยค่ะแม่" หญิงสาวอ้อนผู้เป็นแม่ ก่อนจะเอื้อมไปเปิดดูแกงในหม้อที่ส่งกลิ่นหอมฉุย "งั้นกินข้าวให้อิ่ม แล้วกลับไปนอนพักนะลูก แม่จะอยู่ทำความสะอาดในครัวอีกแปบก็กลับไปแล้วเหมือนกัน ว่าแต่คุณวาทิตย์กลับมาแล้วได้เจอกันรึยังล่ะลูก"เธอไม่อยากจะบอกว่าได้เจอและพูดคุยอะไรกันบ้างจึงทำแค่พยักหน้า และก้มหน้าก้มตาทานข้าวในจาน หญิงสาวรู้สึกเหนื่อยล้าเกินกว่าจะพูดหรือทำอะไร เธออยากให้เรื่องนี้เป็นแค่ความฝัน ที่ตื่นขึ้นมาก็พบว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง เช้าวันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ หญิงสาวตั้งใจจะออกมาเดินเล่นที่สนามหญ้าเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า แต่ก็ไม่คิดว่าวาทิตย์จะตื่นเช้าออกมาเดินเล่นด้วยเหมือนกัน" เธอกับแม่เธอนี่มันเหมือนเห็บ หมัดที่เกาะครอบครัวฉันไม่ไปไหนเ
"อะไรนะคะแม่ แม่กับเจ้าสัวจะไปปฏิบัติธรรมอาทิตย์หน้านี้หรอคะ แล้วไปกี่วันคะแม่"หญิงสาวได้รับรู้ข่าวจากแม่ว่าท่านเจ้าสัวอยากไปพักผ่อน จึงชวนกันไปปฏิธรรมที่วัดป่าแห่งหนึ่ง แล้วหลังจากนี้เธอจะต้องทำยังไงดี เพราะพี่วายุก็ไปราชการต่างจังหวัด บ้านหลังนี้ก็เหลือแค่เธอกับวาทิตย์ ความหวาดหวั่นเข้าเกาะกุมหัวใจดวงน้อย แต่จะโวยวายให้ผู้เป็นแม่เป็นกังวลก็คงไม่ได้ เธอไม่อยากสร้างปัญหาให้แม่ไม่สบายใจ"ท่านเจ้าสัวอยากไปพักผ่อนซักสัปดาห์นึง ลูกอยู่บ้านคนเดียวได้ใช่มั้ยจ้ะ "คุณเดือนเพ็ญเห็นแววตากังวลของลูกสาวก็อดห่วงไม่ได้"แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ หนูอยู่ได้สบายอยู่แล้วค่ะ" เธอรีบพูดขึ้นเพื่อให้แม่คลายกังวล ยังไงซะแค่สัปดาห์เดียว พี่วาทิตย์เองก็คงไม่ค่อยอยู่บ้านหรอกมั้ง อาจนัดสาวไปสนุกกันที่คอนโดก็เป็นได้ แต่ถึงยังไงเธอก็ต้องหาทางเลี่ยงชายหนุ่มให้ได้มากที่สุดอยู่ดีด้านชายหนุ่มที่เป็นตัวปัญหาของนับดาวนั้น เมื่อรู้ว่าพ่อของตัวเองจะไปปฏิบัติธรรมต่างจังหวัด ก็จงใจพูดจากระทบกระแทกแดกดันหญิงสาว เมื่อต้องนั่งทานข้าวร่วมโต๊ะกันในตอนเย็นก่อนที่ท่านเจ้าสัวจะออกเดินทางในวันรุ่งขึ้น"คุณพ่อไม่ต้อห่วงผมหรอกครับ ห่วงล
หลังจากส่งนับดาวขึ้นสวรรค์ไปครั้งนึงแล้ว วาทิตย์ที่กลัวหญิงสาวจะเป็นไข้อีกครั้งจึงชวนกันกลับไปที่บ้านพักตากอากาศ "เริ่มดึกแล้วเราเข้าบ้านกันก่อนดีกว่านะ""ก็ดีเหมือนกันค่ะพี่วาทิตย์ ดาวก็ชักจะหนาวแล้วเหมือนกันค่ะ"แต่พี่ไม่ให้น้องดาวเดินกลับหรอกนะ"วาทิตย์ไม่พูดเปล่า เขาลุกขึ้นเต็มความสูง จนสิ่งนั้นผงาดสู้ฟ้ายามราตรี นับดาวเขินจนใบหน้าแดงก่ำ ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะก้มหยิบผ้าชิ้นน้อยขึ้นมาปกปิดเรือยกาย แต่วาทิตย์กลับช้อนตัวหญิงสาว ในท่าลิงอุ้มแตง กดสะโพกขาวลงบนอาวุธยักษ์ของตัวเอง"อ้าายย พี่วาทิตย์ทำอะไรแบบนี้คะ"หญิงสาวเกี่ยวเรียวขาเข้ากับสะโพกสอบ สองมือโอบรอบลำคอชายหนุ่ม ทั้งหวาดเสียวที่กลัวตก แถมยังเสียวที่แท่งร้อนผลุบหายเข้าไปในกลีบดอกไม้งามของตัวเองอีกด้วย"ซี้ดดด เสียวดีจัง เดี๋ยวพี่จะทำให้น้องเสียวจนลืมไม่ลงเลยล่ะ"ชายหนุ่มซี้ดปากเมื่อรู้สึกถึงการขมิบตอดของช่องทางคับแน่น อาจเพราะความตื่นเต้นทำให้หญิงสาวตอดรัดรุนแรงเหลือเกิน"อ๊าาาา พี่ทิตย์ดาวจะตกมั้ยคะ อื้ออออ เสียวจังเลยค่ะ""ไม่ต้องกลัวนะคะ พี่ไม่ทำน้องตกแน่นอน"แล้วชายหนุ่มก็เริ่มก้าวเดิน ความตื่นเต้น เสียวสยิวทุกก้าวที่ขยับ
หลังจากจบกิจกรรมเข้าจังหวะในรถคันหรู หญิงสาวก็นั่งเงียบมาตลอดทาง จากที่นัดแนะกับเพื่อนสาวว่าขอไปนอนด้วย ก็ต้องบอกยกเลิกกลางคัน เพราะคนตัวโตเอาแต่ใจไม่ยอมปล่อยเธอกลับไปง่ายๆ ส่วนฝั่งแม่เอง นับดาวก็โทรหาให้แม่คลายกังวลว่าเธอสบายดี รถคันหรูวิ่งออกจากตัวเมืองมุ่งหน้าสู่บ้านพักตากอากาศชายทะเล ชายหนุ่มเจ้าของรถหรู ขับรถอย่างอารมณ์ดี ปากก็ฮัมเพลงคลอเสียงเพลงจากวิทยุ กว่าจะถึงบ้านพักตากอากาศ สาวน้อยข้างๆก็หลับคอพับคออ่อนไปซะแล้ว เมื่อเห็นเจ้าของร่างเล็กหลับอย่างสบายอุรา เขาจึงช้อนร่างบางอุ้มขึ้นแนบอก จากนั้นจึงพาเธอขึ้นไปยังชั้น2 ของตัวบ้าน ที่เขาสั่งให้คนสวนกับแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดไว้เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นห้องนอนของเขาจึงถูกปูผ้าสีขาวสะอาดไว้เป็นอย่างดี วาทิตย์วางร่างของนับดาวลงบนเตียงแล้วจึงเดินออกไปที่ระเบียงของห้อง บ้านพักหลังนี้เขาเคยมาเที่ยวเล่นสมัยยังเป็นเด็ก กับท่านเจ้าสัว คุณแม่ และพี่วายุ ชายหาดส่วนตัวที่เงียบสงบ ยังคงสภาพเดิมไม่เปลี่ยนแปลง บ้านหนังนี้เป็นบ้านไม้สีขาวสองชั้น รอบบ้านมีบานหน้าต่างซึ่งเปิดรับลมจากทะเลได้ทุกทิศทาง บรรยากาศที่นี่ ชวนให้ผ่อนคลายทั้งใจและกายได้เป็นอย่า
เสียงเบรครถดังเอี้ยดดด!!! ตามมาด้วยเสียงดุๆ"จะไปไหน ยัยตัวแสบ!!!!!"หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็นว่าเป็นใคร ก่อนที่จะรีบจ้ำอ้าวหนี โดยไม่คิดหันกลับไปมองคนตัวโตที่เปิดประตูรถตามลงมา"หยุดเดี๋ยวนี้นะนับดาว " ชายหนุ่มคว้าแขนของหญิงสาว ก่อนกระชากเบาๆ เขารู้สึกหงุดหงิดมาก เมื่อรู้ว่าหญิงสาวแอบหนีกลับห้อง เพราะเขาสามารถเปิดกล้องวงจรปิดดูความเคลื่อนไหวต่างๆภายในบ้านได้ทั้งหมด ยิ่งเมื่อรู้ว่าแม่ตัวดีกำลังจะหนีออกจากบ้าน ชายหนุ่มก็เร่งสรุปการประชุม ก่อนจะบึ่งรถมาทันเห็นแม่สาวน้อยตัวดีหอบกระเป๋าเดินหนีเขาไปที่อื่น"คุณวาทิตย์ปล่อยดาวนะคะ ดาวจะไปหาเพื่อน" หญิงสาวใช้เรี่ยวแรงที่มีสะบัดข้อมือให้หลุดจากการเกาะกุม"เพื่อนที่ชื่อนาวินนะหรือ ไอ้หมอนั่นมันเป็นใคร ถึงอยากไปหามันจนตัวสั่น" เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด "วินจะเป็นใคร ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณนี่ ปล่อย" นับดาวยังคงดิ้นรนสะบันมือจากการเกาะกุมของเขา ชื่อที่เอ่ยอย่างสนิทสนมของนับดาวกับผู้ชายที่ชื่อนาวิน ยิ่งส่งผลให้วาทิตย์หงุดหงิดขึ้นอีกเท่าตัว"ดื้อนักนะนับดาว ไม่อยากอยู่บ้านใช่มั้ย ได้งั้นเปลี่ยนบรรยากาศไปเอากันที่อื่นก็ได้ " พูดจบชายหนุ่มก็ฉุดร
ครืดดดดดดดด ครืดดดดดด ครืดดดดดดดเสียงโทรศัพท์ที่สั่นระรัวอยู่ภายในกระเป๋าสะพาย ส่งเสียงรบกวนการหลับไหลของสองหนุ่มสาวบนเตียงนอนขนาดคิงไซส์ วาทิตย์ลืมตาตื่น ลุกขึ้นคว้าโทรศัพท์ตรงโต๊ะข้างเตียงมาดู ปรากฏว่าไม่ใช่โทรศัพท์เครื่องของเขาที่ส่งเสียงดังรบกวนการพักผ่อน แต่เป็นโทรศัพท์ของหญิงสาวข้างกายซึ่งยังคงหลับไหลไม่ได้สติ ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นถือวิสาสะหยิบขึ้นมาดู~นาวิน~ ภาพหน้าจอฉายชื่อของคนที่โทรเข้ามารบกวนการพักผ่อน ด้วยความอยากรู้ชายหนุ่มจึงกดรับสายทันที"ฮัลโหล...ดาว ไปมหาลัยรึยัง วินกำลังออกไป เดี๋ยววินไปรับนะ" เสียงปลายสายเป็นเสียงชายหนุ่มที่เรียกนับดาวด้วยความสนิทสนม ไอ้หมอนี่เป็นใคร โทรหาเมียชาบ้านแต่เช้า หรือจะเป็นคนที่มาส่งนับดาวเมื่อคืน".......""ฮัลโหล ดาวได้ยินที่วินพูดรึเปล่า" ปลายสายยังคงเรียกหญิงสาว"นับดาวยังไม่ตื่น" เสียงเข้มของวาทิตย์ตอบกลับไป"นั่นใครพูดสาย แล้วดาวอยู่ไหน ฮัลโหล ฮัลโหล" ตู๊ดดด ตู๊ดดด ตู๊ดดดชายหนุ่มถือวิสาสะกดวางสายโดยที่ไม่ฟังคนปลายสายพูด ก่อนจะลุกขึ้นไปยืนมองหญิงสาวที่ยังคงหลับ เสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ฝ่ายนาวินแม้จะยังสงสัยว่าใครเป็นคนถือวิสาสะ
แท่งร้อนเริ่มขยับเคลื่อนไหว ส่งผลให้หญิงสาวผวาโอบกอดชายหนุ่ม สองขาเรียวยกขึ้นโอบรัดเอวสอบ "อ๊าาา อือออ เสียววดาวเสียว" เสียงหวานร้องครางผะแผ่ว ขณะที่ชายหนุ่มถอดถอนแท่งยาวกลางกาย แล้วจึงตอกอัดเข้าไปใหม่ ความคับแน่นของช่องทางรักทำให้ชายหนุ่ม ต้องคำรามออกมา"อ่าา น้องดาวทำไมแน่นอย่างนี้ ตอดพี่ไม่หยุดเลย เอามันจริงๆ" พูดพลางก็เคลื่อนสะโพกสอบเข้าออกรัวเร็ว ความเสียวแล่นพลุ่งพล่าน จนสุดจะกลั้น"อ้าาายย พี่ทิตย์อย่าค่ะ อย่าบี้น้องแบบนั้น น้องเสียว ฮือออ " ชายหนุ่มตอกอัดแท่งร้อน พร้อมกับใช้นิ้วมือบดบี้ลงบนติ่งเสียว จนทำให้กายสาว แอ่นอก ยกสะโพกผายรองรับแรงกระแทกที่ระรัวเร็วปึก ปึก ปึก เสียงเนื้อกระทบเนื้อ เสียงกรีดร้องระงม เสียงคำรามผสมปนเปกึกก้องไปทั่วห้องนอนที่เปลี่ยนเป็นทะเลสวาท "น้องดาว พี่จะไม่ไหวแล้วว อืออ อืม""อึก อึก อ๊าาา อ๊ายยยยยย "สายธารอุ่นพุ่งเข้าใส่ช่องทางรักคับแน่น ร่างสองร่างกระตุกเกร็ง เหงื่อท่วมตัวแม้ในห้องจะเปิดแอร์เย็นฉ่ำ ชายหนุ่มฟุบหน้าซบบนอกอวบ เสียงหายใจหอบถี่ ใบหูของชายหนุ่มที่แนบอยู่ตรงจุดของหัวใจ ได้ยินเสียงหัวใจของหญิงสาวเต้นระรัว ความสุขล้นเกิดขึ้นในหัวใจ ความร
กรี้ดดดดดดดดหญิงสาวกรีดร้องออกมาเมื่อถูกมือหนากระชากเข้าไปปะทะอกแกร่ง มืออีกข้างของวาทิตย์จับปลายคางของหล่อน บังคับให้สาวน้อยแหงนหน้ารับจูบของเขา จูบหวานๆที่เขาเฝ้าคิดถึง ชายหนุ่มบดจูบราวกับคนหิวโหย ยังคงหวานเหมือนเดิมสินะ แต่ปากนี้ผ่านใครมาแล้วกี่คนก็ไม่รู้ จากจูบดูดดื่มในตอนแรก จึงแปรเปลี่ยนตามแรงอารมณ์ของชายหนุ่ม มือข้างหนึ่งของเขาล็อคข้อมือบอบบางของหญิงสาวให้หยุดการทุบตี ส่วนมืออีกข้างก็ยกขึ้นบีบเค้นเต้าเต่งภายใต้ชุดชั้นใน นับดาวเหมือนคนสติหลุดลอย จากการต่อต้านขัดขืนเริ่มเปลี่ยนเป็นให้ความร่วมมือ เมื่อความรู้สึกประหลาดบางอย่างพุ่งเข้าจู่โจม ความวูบวาบในช่องท้องนี่มันคืออะไรกัน หญิงสาวไม่เคยรู้จักมันมาก่อน เกิดมาจนอายุ 19 ปี เธอก็ไม่เคยมีแฟนหรือคนรัก เพราะเฝ้ารอคนตรงหน้าคนนี้ คนที่กำลังจู่โจมราวกับเสือหิวกระหาย "อือ อื้ออออ ยะ อย่าค่ะ"เสียงแผ่วเบาที่เอ่ยขึ้น หลังจากที่ชายหนุ่มถอนจูบ เพื่อค้นหาเป้าหมายที่น่าสนใจมากกว่า "อืมม หอมมาก หวานมาก เธอนี่มันแมวยั่วสวาทจริงๆเลยนะ" ชายหนุ่มซุกไซร้ซอกคอเพื่อสูดดมกลิ่นหอมจากกายสาว กลิ่นหอมอ่อนๆที่ไม่ได้หอมฉุนเหมือนน้ำหอมราคาแพงที่สาวๆบางคนของ
"อะไรนะคะแม่ แม่กับเจ้าสัวจะไปปฏิบัติธรรมอาทิตย์หน้านี้หรอคะ แล้วไปกี่วันคะแม่"หญิงสาวได้รับรู้ข่าวจากแม่ว่าท่านเจ้าสัวอยากไปพักผ่อน จึงชวนกันไปปฏิธรรมที่วัดป่าแห่งหนึ่ง แล้วหลังจากนี้เธอจะต้องทำยังไงดี เพราะพี่วายุก็ไปราชการต่างจังหวัด บ้านหลังนี้ก็เหลือแค่เธอกับวาทิตย์ ความหวาดหวั่นเข้าเกาะกุมหัวใจดวงน้อย แต่จะโวยวายให้ผู้เป็นแม่เป็นกังวลก็คงไม่ได้ เธอไม่อยากสร้างปัญหาให้แม่ไม่สบายใจ"ท่านเจ้าสัวอยากไปพักผ่อนซักสัปดาห์นึง ลูกอยู่บ้านคนเดียวได้ใช่มั้ยจ้ะ "คุณเดือนเพ็ญเห็นแววตากังวลของลูกสาวก็อดห่วงไม่ได้"แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ หนูอยู่ได้สบายอยู่แล้วค่ะ" เธอรีบพูดขึ้นเพื่อให้แม่คลายกังวล ยังไงซะแค่สัปดาห์เดียว พี่วาทิตย์เองก็คงไม่ค่อยอยู่บ้านหรอกมั้ง อาจนัดสาวไปสนุกกันที่คอนโดก็เป็นได้ แต่ถึงยังไงเธอก็ต้องหาทางเลี่ยงชายหนุ่มให้ได้มากที่สุดอยู่ดีด้านชายหนุ่มที่เป็นตัวปัญหาของนับดาวนั้น เมื่อรู้ว่าพ่อของตัวเองจะไปปฏิบัติธรรมต่างจังหวัด ก็จงใจพูดจากระทบกระแทกแดกดันหญิงสาว เมื่อต้องนั่งทานข้าวร่วมโต๊ะกันในตอนเย็นก่อนที่ท่านเจ้าสัวจะออกเดินทางในวันรุ่งขึ้น"คุณพ่อไม่ต้อห่วงผมหรอกครับ ห่วงล
หลังจากหนีพ้นจากคนใจร้าย หญิงสาวก็ปรี่ไปหาผู้เป็นแม่ กลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้มที่ดูอ่อนล้า จนผู้เป็นแม่เอ่ยทัก" เหนื่อยมั้ยลูก แม่เตรียมกับข้าวไว้ให้แล้วมากินข้าวก่อนนะ" หญิงสาวเดินเข้าไปกอดอ้อนแม่อย่างที่เคยทำ คุณเดือนเพ็ญรู้ดีว่าลูกสาวกังวลเรื่องอะไร และเธอก็รู้ดีว่าลูกสาวของเธอนั้น เข้มแข็งมากพอที่จะก้าวผ่านเรื่องต่างๆไปได้"หิวจังเลยค่ะแม่" หญิงสาวอ้อนผู้เป็นแม่ ก่อนจะเอื้อมไปเปิดดูแกงในหม้อที่ส่งกลิ่นหอมฉุย "งั้นกินข้าวให้อิ่ม แล้วกลับไปนอนพักนะลูก แม่จะอยู่ทำความสะอาดในครัวอีกแปบก็กลับไปแล้วเหมือนกัน ว่าแต่คุณวาทิตย์กลับมาแล้วได้เจอกันรึยังล่ะลูก"เธอไม่อยากจะบอกว่าได้เจอและพูดคุยอะไรกันบ้างจึงทำแค่พยักหน้า และก้มหน้าก้มตาทานข้าวในจาน หญิงสาวรู้สึกเหนื่อยล้าเกินกว่าจะพูดหรือทำอะไร เธออยากให้เรื่องนี้เป็นแค่ความฝัน ที่ตื่นขึ้นมาก็พบว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง เช้าวันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ หญิงสาวตั้งใจจะออกมาเดินเล่นที่สนามหญ้าเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า แต่ก็ไม่คิดว่าวาทิตย์จะตื่นเช้าออกมาเดินเล่นด้วยเหมือนกัน" เธอกับแม่เธอนี่มันเหมือนเห็บ หมัดที่เกาะครอบครัวฉันไม่ไปไหนเ
หญิงสาวในชุดนักศึกษา สวมกระโปรงพลีทยาวคลุมเข่าเดินเข้ามาในรั้วคฤหาสในตอนค่ำ เพราะวันนี้ที่มหาวิทยาลัยมีกิจกรรมเตรียมค่ายจิตอาสา เธอจึงต้องอยู่เตรียมการเพื่อจัดกิจกรรม รสมรุ่นในการไปทำจิตอาสาในพื้นที่ห่างไกล ด้วยเพราะรักการสอนทำให้เธอตัดสินใจเรียนครู ซึ่งเป็นอาชีพที่เธอใฝ่ฝัน การได้สอนเด็กยากไร้ในถิ่นธุรกันดารคือปณิธานที่เธอเคยวาดไว้ หญิงสาวเดินเลาะสนามหญ้าซึ่งปลูกไม้ดอกส่งกลิ่นหอมฟุ้งด้วยจิตใจที่เหม่อลอย จนไม่ทันได้เห็นว่ามีสายตาแหลมคมราวกับเหนี่ยวจ้องจับเหยื่อจ้องมองเธอมาจากโต๊ะม้าหินที่วางอยู่ในซุ้มกุหลาบอีกฝั่งหนึ่ง สายตาเฉี่ยวคมของชายหนุ่มรูปงาม มองสำรวจสาวน้อยในชุดนักศึกษาสีขาวกระโปรงพลีทสีดำ ใบหน้ารูปไข่ที่ก้มหน้าน้อยๆ นัยตากลมโตที่ดูมีความกังวนไม่สดใส แน่สิเขารู้ได้ทันทีว่านี่คือยัยเด็กกาฝากคนนั้น ปากอิ่มสีชมพูระเรื่อ เม้มเข้าหากัน หน้าอกครัดเคร่งในชุดนักศึกษาตัวบาง เมื่อโดนแสงไฟสะท้อนก็แทบจะทะลุจนเห็นเนื้อหนังข้างในหมดแล้ว หึ ยังไม่ทันจบมหาลัยเธอก็แต่งชุดยั่วคนไปทั่วแล้วสินะ ชายหนุ่มคิดอย่างอคติ ผู้หญิงอย่างเธอ ก็คงไม่ต่างจากแม่ที่จ้องจะจับผู้ชายรวย จะได้เกาะกินส