"อะไรนะคะแม่ แม่กับเจ้าสัวจะไปปฏิบัติธรรมอาทิตย์หน้านี้หรอคะ แล้วไปกี่วันคะแม่"
หญิงสาวได้รับรู้ข่าวจากแม่ว่าท่านเจ้าสัวอยากไปพักผ่อน จึงชวนกันไปปฏิธรรมที่วัดป่าแห่งหนึ่ง แล้วหลังจากนี้เธอจะต้องทำยังไงดี เพราะพี่วายุก็ไปราชการต่างจังหวัด บ้านหลังนี้ก็เหลือแค่เธอกับวาทิตย์ ความหวาดหวั่นเข้าเกาะกุมหัวใจดวงน้อย แต่จะโวยวายให้ผู้เป็นแม่เป็นกังวลก็คงไม่ได้ เธอไม่อยากสร้างปัญหาให้แม่ไม่สบายใจ
"ท่านเจ้าสัวอยากไปพักผ่อนซักสัปดาห์นึง ลูกอยู่บ้านคนเดียวได้ใช่มั้ยจ้ะ "
คุณเดือนเพ็ญเห็นแววตากังวลของลูกสาวก็อดห่วงไม่ได้
"แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ หนูอยู่ได้สบายอยู่แล้วค่ะ" เธอรีบพูดขึ้นเพื่อให้แม่คลายกังวล ยังไงซะแค่สัปดาห์เดียว พี่วาทิตย์เองก็คงไม่ค่อยอยู่บ้านหรอกมั้ง อาจนัดสาวไปสนุกกันที่คอนโดก็เป็นได้ แต่ถึงยังไงเธอก็ต้องหาทางเลี่ยงชายหนุ่มให้ได้มากที่สุดอยู่ดี
ด้านชายหนุ่มที่เป็นตัวปัญหาของนับดาวนั้น เมื่อรู้ว่าพ่อของตัวเองจะไปปฏิบัติธรรมต่างจังหวัด ก็จงใจพูดจากระทบกระแทกแดกดันหญิงสาว เมื่อต้องนั่งทานข้าวร่วมโต๊ะกันในตอนเย็นก่อนที่ท่านเจ้าสัวจะออกเดินทางในวันรุ่งขึ้น
"คุณพ่อไม่ต้อห่วงผมหรอกครับ ห่วงลูกเลี้ยงของคุณพ่อดีกว่า แมวไม่อยู่ หนูคงร่าเริงละสิทีนี้ จะนัดเจอกับใครคงทางสะดวกเค้าล่ะครับ "
"เจ้าทิตย์ทำไมว่าน้องอย่างนี้ แกนี่มันจริงๆเลยเชียว" ท่านเจ้าสัวอดไม่ได้ที่จะต่อว่าลูกชาย ในความปากคอเราะร้าย
"ก็มันเรื่องจริงนี่ครับ ทุกวันนี้ที่ไปเรียนเคยไปถึงมหาวิทยาลัยบ้างรึเปล่าก็ไม่รู้"
ชายหนุ่มยังคงมั่นใจในความคิดของตัวเองว่าหญิงสาวที่นั่งทานข้าวฝั่งตรงข้ามจะเป็นอย่างที่เขาคิด
"จะพูดจาอะไรเกรงใจคุณเดือนกับหนูดาวเค้าบ้าง พ่อรู้จักหนูดาวเค้าดี เค้าไม่ได้เป็นแบบที่แกคิดหรอกนะเจ้าทิตย์ "
เจ้าสัวเอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยความอ่อนใจทั้งยังสงสารนับดาวที่นั่งก้มหน้าหลบสายตาทุกคน หญิงสาวต้องกล้ำกลืนฝืนทนร่วมโต๊ะกับทุกคนในบ้าน เพราะถ้าจะลุกพรวดพราดออกไปก็เกรงใจท่านเจ้าสัว ดังนั้นกว่าจะสิ้นสุดเวลาอาหารค่ำ เธอจึงต้องทนฟังคำพูดจาร้ายๆจากชายหนุ่มที่ใครๆก็บอกว่าเจ้าคารม เจ้าเสน่ห์ แต่เธอยังไม่เคยพบเจอด้านนั้นของเขาเลย
ในวันรุ่นขึ้นหลังจากท่านเจ้าสัวและแม่เดือนเพ็ญออกเดินทางตั้งแต่ก่อนรุ่งสาง นับดาวเองก็จงใจรีบออกจากบ้านตั้งแต่เช้าเพื่อไปมหาวิทยาลัย เพราะไม่อยากต้องพบเจอกับคนปากร้าย ใจร้าย แต่ด้วยความเป็นห่วงเรื่องอาหารการกินของเขา เธอจึงแอบเข้าครัวไปต้มโจ๊กไว้ให้เขาเป็นอาหารเช้า โชคดีที่วันนี้วาทิตย์ไม่ได้ลงจากห้องมาในตอนที่เธออยู่ในครัว เธอจึงรู้สึกปลอดภัยไปได้อีกวัน
"ดาว เย็นนี้ว่างมั้ย ไปเดินห้างกันดีกว่า" จ๊ะจ๋าเพื่อสนิทของเธอที่มหาลัยเดินมาพร้อมกับนาวิน ชายหนุ่มที่แอบชอบนับดาวมาตั้งแต่ปีหนึ่ง แต่นับดาวกลับรู้สึกเพียงแค่เพื่อน นาวินก็ยอมรับแต่ก็ยังแอบหวังอยู่ลึกๆว่าซักวันนับดาวจะหันมาชอบเขาบ้าง
"อืม...ได้สิจ๋ายังไงเย็นนี้แม่เราก็ไม่อยู่บ้าน งั้นวันนี้เราไปเดินเล่นที่ห้างกันนะ" นับดาวเองก็ไม่อยากกลับบ้านเร็วเพราะกลัวจะกลับไปเจอวาทิตย์ จึงตกปากรับคำกับเพื่อน เมื่อถึงเวลาเลิกเรียน ทั้งสามคนก็นั่งรถของชายหนุ่มคนเดียวในกลุ่ม ไปห้างที่อยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย นาวินอาสาขับรถพาสองสาวไปเดินห้าง ทั้งสามแวะกินอาหาร ช้อปปิ้งและตบท้ายด้วยการเข้าดูหนังในโรงภาพยนตร์ รู้ตัวอีกที กว่าจะกลับออกมาก็มืดค่ำ
"ตายแล้วจ๋า นี่มัน4ทุ่มแล้วหรอ เราดูหนังกันเพลินเชียว" เมื่อออกจากโรงหนังนับดาวจึงรู้ว่าพวกตนใช้เวลาในการดูหนังนานเกือบ2ชั่วโมง
"นั่นนะสิดาว งั้นเดี๋ยวจ๋านั่งแท็กซี่กลับ ส่วนวินบ้านอยู่ทางเดียวกับดาว ช่วยไปส่งดาวที่บ้านหน่อยนะ" จ๊ะจ๋าวางแผนเสร็จสรรพก็บอกให้นาวินไปส่งนับดาวกลับบ้าน
"ไม่มีปัญหาครับคุณผู้หญิง กระผมจะส่งคุณหนูนับดาวให้กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย สบายใจหายห่วงได้เลยครับผ้ม" นาวินพูดอย่างทะเล้น ด้วยนิสัยนี้เองที่นับดาวไม่รู้สึกอึดอัดแม้นาวินจะชอบตัวเอง แต่นาวินก็ไม่เคยล้ำเส้น และยังเป็นเพื่อนที่ดีเสมอมา
"ขอบใจมากนะวิน งั้นเราแยกย้ายกันดีกว่านะ เจอกันพรุ่งนี้นะจ๋า " นับดาวโบกมือลาจ๊ะจ๋า แล้วแยกตัวมาที่ลานจอดรถกับนาวิน
" ท่านเจ้าสัวกับคุณแม่สบายดีนะดาว" นาวินเอ่ยขณะที่ขับรถฝ่าการจราจรคับคั่งของเมืองกรุง
"ก็สบายดีจ้ะวิน ตอนนี้ก็ไปปฏิบัติธรรมกันหน่ะ" นับดาวตอบ นาวินรู้จักคุ้นเคยกับบ้านของเธอ เพราะบ้านเขาอยู่ถัดไปอีกแค่ไม่กี่ซอย นาวินจึงแวะเวียนมาหานับดาวที่บ้านเป็นประจำ
"งั้นแบบนี้ดาวก็อยู่บ้านคนเดียวนะสิ"
"พี่วาทิตย์เค้ากลับมาจากต่างประเทศได้ซักพักแล้วจ้ะ" นับดาวตอบนาวินเสียงอ้อมแอ้ม
"พี่วาทิตย์ คนที่ดาวเคยบอกว่าเค้าไม่ชอบดาวกับแม่เดือนนะหรอ"
"อื้อ ใช่"
"งั้นถ้าดาวมีอะไรให้วินช่วย ดาวบอกได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ"
นาวินรู้ดีว่านับดาวนั้นขี้เกรงใจ และขี้สงสาร หญิงสาวไม่ได้มีดีแค่หน้าตา แต่ยังมีจิตใจอ่อนโยนอีกด้วย
กว่าทั้งสองจะกลับมาถึงบ้านนับดาวเวลาก็ล่วงเลยไปเกือบเที่ยงคืน เพราะการจราจรที่ไม่ได้เบาบางลงซักเท่าไหร่ แถมยังมีฝนพรำตลอดเส้นทางทำให้การเดินทางล่าช้ายิ่งขึ้น
"ขอบใจมากนะวิน ขับรถดีๆล่ะ เจอกันพรุ่งนี้นะ"
"ดาวก็เข้าบ้าน ดีๆนะ ฝนยังตกอยู่รีบอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า เดี๋ยวจะไม่สบาย"
นับดาวโบกมือลานาวินและรีบพาตัวเองเข้าบ้าน โดยที่ไม่ทันสังเกตุเลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งมองลงมาจากห้องนอนชั้นบนคฤหาส จนเมื่อเธอวิ่งหลบฝนมาถึงตัวคฤหาสนั่นเอง ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของสายตาคม ก็ลงมายืนกอดอกต้อนรับเธออยู่หน้าบ้านแล้ว
" ดึกดื่นเที่ยงคืน ผู้ชายมาส่งถึงหน้าบ้าน เสร็จกันไปกี่น้ำแล้วล่ะ ถึงกลับมาส่งกันได้" เพียงประโยคแรกของวัน คำทักทายของเขาก็ทำให้หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ
"ดาวเหนื่อยของตัวกลับไปพักก่อนนะคะ"นับดาวไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับวาทิตย์ เพราะเธอรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว เหมือนจะเป็นไข้
"เดี๋ยวสิ ไหนเธอบอกถ้าฉันอยากใช้บริการก็ขอให้บอก ตอนนี้ไงฉันเองก็กำลังเหงาๆ ไม่ได้ออกไปเจอคู่ขาตั้งหลายวันแล้ว ไอ้หมอนั่นมันให้เธอเท่าไหร่ เดี๋ยวฉันจะจ่ายให้สองเท่าเลย " ไม่พูดเปล่าชายหนุ่มฉุดแขนของนับดาวให้เดินตามเข้าไปในคฤหาสน์
"เล่นกันไปหลายท่าละสิถึงอ่อนเพลียกลับมาขนาดนี้"
"ปล่อยดาวนะคุณวาทิตย์ ปล่อย บอกให้ปล่อย"
นับดาวพยายามสะบัดข้อมือให้หลุดพ้นจากคนใจร้าย แต่เรี่ยวแรงของเธอสู้เขาไม่ได้ ทำให้ตัวเองต้องถูกฉุดกระชากลากถูไปจนถึงบันไดชั้นบนที่ซึ่งเป็นห้องนอนของเขากับท่านเจ้าสัว
"ทำเป็นสะดีดสะดิ้ง เหมือนคนไม่เคยไปได้ ร่านๆแบบเธอคงไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรให้มันมากนักหรอกมั้ง" ชายหนุ่มที่คิดอยากสั่งสอนแม่ตัวดีที่กลับบ้านค่ำมืด ว่ามันอันตรายแต่พอเห็นท่าทางรังเกียจเขาของหญิงสาว เลยทำให้เขาอยากเอาชนะหล่อน เมื่อมาถึงหน้าห้องนอนของเขา ชายหนุ่มก็เปิดประตูพร้อมกับกระชากแขนของหญิงสาวให้ตามเข้าไป จากนั้นจึงผลักประตูปิดลงพร้อมกับกดล็อกแน่นหนา
"คุณวาทิตย์จะทำอะไรดาวคะ ปล่อยดาวไปเถอะนะ ดาวขอร้อง " หญิงสาวเริ่มเห็นเค้าลางของหายนะที่กำลังจะเกิด เขายืนขวางหน้าประตูไว้ และดูเหมือนว่าเธอจะหนีเขาไม่พ้นเป็นแน่
"ก็ทำอย่างที่เธอเคยเสนอไง ส่วนราคาฉันไม่เกี่ยงหรอกนะ ของมือสองอย่างเธอ จะแสดงละครอัพค่าตัวก็เอาเลย มันดูตื่นเต้นดีเหมือนกัน" พูดจบชายหนุ่มก็ย่างสามขุมเข้าใกล้ร่างแน่งน้อยที่ยืนตัวสั่นระริก เพราะเสื้อผ้านักศึกษาที่เปียกปอนทำให้ชุดขาวบางส่วนแนบไปกับผิวขาวอมชมพู โดยเฉพาะบริเวณอกอวบที่มีบราเซียสีชมพูหวานแหว๋วเกาะอยู่
"ดาวขอโทษนะคะ คุณวาทิตย์ปล่อยดาวไปเถอะนะ ดาวขอร้อง"หญิงสาวยกมือขึ้นอ้อนวอนแต่เหมือนชายหนุ่มจะรู้สึกสนุกกับการที่เห็นคนตรงหน้าหวาดกลัว
"มันสายไปแล้วนับดาว ฉันให้โอกาสเธอมาหลายปี ให้เธอออกไปจากครอบครัวของฉัน แต่เธอก็ยังหน้าด้าน หน้าทนไม่ยอมไป วันนี้ฉันขอคิดราคาที่พ่อฉันเลี้ยงดูเธอกับแม่ก็แล้วกัน" พูดจบชายหนุ่มก็รั้งตัวหญิงสาวเข้ามาปะทะกายหนา
กรี้ดดดดด.....
****สวัสดีค่าาา รี้ดที่น่ารัก ฝากคอมเม้นต์ เป็นกำลังใจให้ไรท์หน้าใหม่คนนี้ด้วยน๊าาาา สามารถติชมกันได้ ไร้ท์พร้อมปรับปรุงแก้ไขค่ะ
กรี้ดดดดดดดดหญิงสาวกรีดร้องออกมาเมื่อถูกมือหนากระชากเข้าไปปะทะอกแกร่ง มืออีกข้างของวาทิตย์จับปลายคางของหล่อน บังคับให้สาวน้อยแหงนหน้ารับจูบของเขา จูบหวานๆที่เขาเฝ้าคิดถึง ชายหนุ่มบดจูบราวกับคนหิวโหย ยังคงหวานเหมือนเดิมสินะ แต่ปากนี้ผ่านใครมาแล้วกี่คนก็ไม่รู้ จากจูบดูดดื่มในตอนแรก จึงแปรเปลี่ยนตามแรงอารมณ์ของชายหนุ่ม มือข้างหนึ่งของเขาล็อคข้อมือบอบบางของหญิงสาวให้หยุดการทุบตี ส่วนมืออีกข้างก็ยกขึ้นบีบเค้นเต้าเต่งภายใต้ชุดชั้นใน นับดาวเหมือนคนสติหลุดลอย จากการต่อต้านขัดขืนเริ่มเปลี่ยนเป็นให้ความร่วมมือ เมื่อความรู้สึกประหลาดบางอย่างพุ่งเข้าจู่โจม ความวูบวาบในช่องท้องนี่มันคืออะไรกัน หญิงสาวไม่เคยรู้จักมันมาก่อน เกิดมาจนอายุ 19 ปี เธอก็ไม่เคยมีแฟนหรือคนรัก เพราะเฝ้ารอคนตรงหน้าคนนี้ คนที่กำลังจู่โจมราวกับเสือหิวกระหาย "อือ อื้ออออ ยะ อย่าค่ะ"เสียงแผ่วเบาที่เอ่ยขึ้น หลังจากที่ชายหนุ่มถอนจูบ เพื่อค้นหาเป้าหมายที่น่าสนใจมากกว่า "อืมม หอมมาก หวานมาก เธอนี่มันแมวยั่วสวาทจริงๆเลยนะ" ชายหนุ่มซุกไซร้ซอกคอเพื่อสูดดมกลิ่นหอมจากกายสาว กลิ่นหอมอ่อนๆที่ไม่ได้หอมฉุนเหมือนน้ำหอมราคาแพงที่สาวๆบางคนของ
แท่งร้อนเริ่มขยับเคลื่อนไหว ส่งผลให้หญิงสาวผวาโอบกอดชายหนุ่ม สองขาเรียวยกขึ้นโอบรัดเอวสอบ "อ๊าาา อือออ เสียววดาวเสียว" เสียงหวานร้องครางผะแผ่ว ขณะที่ชายหนุ่มถอดถอนแท่งยาวกลางกาย แล้วจึงตอกอัดเข้าไปใหม่ ความคับแน่นของช่องทางรักทำให้ชายหนุ่ม ต้องคำรามออกมา"อ่าา น้องดาวทำไมแน่นอย่างนี้ ตอดพี่ไม่หยุดเลย เอามันจริงๆ" พูดพลางก็เคลื่อนสะโพกสอบเข้าออกรัวเร็ว ความเสียวแล่นพลุ่งพล่าน จนสุดจะกลั้น"อ้าาายย พี่ทิตย์อย่าค่ะ อย่าบี้น้องแบบนั้น น้องเสียว ฮือออ " ชายหนุ่มตอกอัดแท่งร้อน พร้อมกับใช้นิ้วมือบดบี้ลงบนติ่งเสียว จนทำให้กายสาว แอ่นอก ยกสะโพกผายรองรับแรงกระแทกที่ระรัวเร็วปึก ปึก ปึก เสียงเนื้อกระทบเนื้อ เสียงกรีดร้องระงม เสียงคำรามผสมปนเปกึกก้องไปทั่วห้องนอนที่เปลี่ยนเป็นทะเลสวาท "น้องดาว พี่จะไม่ไหวแล้วว อืออ อืม""อึก อึก อ๊าาา อ๊ายยยยยย "สายธารอุ่นพุ่งเข้าใส่ช่องทางรักคับแน่น ร่างสองร่างกระตุกเกร็ง เหงื่อท่วมตัวแม้ในห้องจะเปิดแอร์เย็นฉ่ำ ชายหนุ่มฟุบหน้าซบบนอกอวบ เสียงหายใจหอบถี่ ใบหูของชายหนุ่มที่แนบอยู่ตรงจุดของหัวใจ ได้ยินเสียงหัวใจของหญิงสาวเต้นระรัว ความสุขล้นเกิดขึ้นในหัวใจ ความร
ครืดดดดดดดด ครืดดดดดด ครืดดดดดดดเสียงโทรศัพท์ที่สั่นระรัวอยู่ภายในกระเป๋าสะพาย ส่งเสียงรบกวนการหลับไหลของสองหนุ่มสาวบนเตียงนอนขนาดคิงไซส์ วาทิตย์ลืมตาตื่น ลุกขึ้นคว้าโทรศัพท์ตรงโต๊ะข้างเตียงมาดู ปรากฏว่าไม่ใช่โทรศัพท์เครื่องของเขาที่ส่งเสียงดังรบกวนการพักผ่อน แต่เป็นโทรศัพท์ของหญิงสาวข้างกายซึ่งยังคงหลับไหลไม่ได้สติ ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นถือวิสาสะหยิบขึ้นมาดู~นาวิน~ ภาพหน้าจอฉายชื่อของคนที่โทรเข้ามารบกวนการพักผ่อน ด้วยความอยากรู้ชายหนุ่มจึงกดรับสายทันที"ฮัลโหล...ดาว ไปมหาลัยรึยัง วินกำลังออกไป เดี๋ยววินไปรับนะ" เสียงปลายสายเป็นเสียงชายหนุ่มที่เรียกนับดาวด้วยความสนิทสนม ไอ้หมอนี่เป็นใคร โทรหาเมียชาบ้านแต่เช้า หรือจะเป็นคนที่มาส่งนับดาวเมื่อคืน".......""ฮัลโหล ดาวได้ยินที่วินพูดรึเปล่า" ปลายสายยังคงเรียกหญิงสาว"นับดาวยังไม่ตื่น" เสียงเข้มของวาทิตย์ตอบกลับไป"นั่นใครพูดสาย แล้วดาวอยู่ไหน ฮัลโหล ฮัลโหล" ตู๊ดดด ตู๊ดดด ตู๊ดดดชายหนุ่มถือวิสาสะกดวางสายโดยที่ไม่ฟังคนปลายสายพูด ก่อนจะลุกขึ้นไปยืนมองหญิงสาวที่ยังคงหลับ เสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ฝ่ายนาวินแม้จะยังสงสัยว่าใครเป็นคนถือวิสาสะ
คฤหาสบดินทร์บริรักษ์ ในวันซึ่งเด็กน้อยนับดาว ที่ตอนนั้นมีอายุเพียง 8 ขวบ ติดสอยห้อยตามแม่เดือนเพ็ญ ต้องมาอาศัยอยู่ร่วมชายคาเดียวกับ วาทิตย์และวายุเด็กหนุ่มลูกชายมหาเศรษฐี พ่อม่าย เธอรู้แค่ว่าแม่จะมาทำงานที่นี่ เด็กน้อยกำพร้าพ่อระเห็จตามแม่ซึ่งทำงานเป็นแม่บ้าน ไปตามที่ต่างๆจนวันนึงเมื่อแม่บังเอิญได้พบกับเจ้าสัวคณิน ท่านทั้งสองได้พบรักกันในวัยที่ล่วงเลย ทำให้เด็กน้อยได้เข้ามาอยู่ ณ ที่แห่งนี้ วาทิตย์และวายุ สองหนุ่มน้อยในวันวานรู้สึกเอ็นดูเด็กน้อยตากลมโต ริมผีปากชมพูจิ้มลิ้มที่คอยส่งยิ้มและพูดคุยเจื้อยแจ้วอยู่ข้างๆแม่บ้านอย่างคุณเดือนเพ็ญ จนวันนึงที่วาทิตย์ได้รับรู้ความจริงว่า คุณเดือนเพ็ญแม่บ้านคนนี้ ที่จริงแล้วคือ ภรรยาลับๆของท่านเจ้าสัวผู้เป็นบิดา ทำให้ความรู้สึกเอ็นดูของวาทิตย์ที่มีต่อนับดาว กลับกลายเป็นความเกลียดชังมาแทนที่ "คุณพ่อว่าไงนะครับ คุณน้าเดือนเพ็ญเป็นเมียใหม่พ่องั้นหรอ แล้วแม่ผมล่ะ พ่อเอาแม่ไปไว้ที่ไหน" เด็กชายวาทิตย์ในวัย 15 ปีต่อว่าผู้เป็นบิดาด้วยสายตาผิดหวัง "แม่แกก็ตายไปตั้งหลายปีแล้วนะเจ้าทิตย์ แกจะไม่ให้ฉันมีความสุขบ้างเลยรึไง" เจ้าสัวคณินพูดด้วยน้ำเส
หญิงสาวในชุดนักศึกษา สวมกระโปรงพลีทยาวคลุมเข่าเดินเข้ามาในรั้วคฤหาสในตอนค่ำ เพราะวันนี้ที่มหาวิทยาลัยมีกิจกรรมเตรียมค่ายจิตอาสา เธอจึงต้องอยู่เตรียมการเพื่อจัดกิจกรรม รสมรุ่นในการไปทำจิตอาสาในพื้นที่ห่างไกล ด้วยเพราะรักการสอนทำให้เธอตัดสินใจเรียนครู ซึ่งเป็นอาชีพที่เธอใฝ่ฝัน การได้สอนเด็กยากไร้ในถิ่นธุรกันดารคือปณิธานที่เธอเคยวาดไว้ หญิงสาวเดินเลาะสนามหญ้าซึ่งปลูกไม้ดอกส่งกลิ่นหอมฟุ้งด้วยจิตใจที่เหม่อลอย จนไม่ทันได้เห็นว่ามีสายตาแหลมคมราวกับเหนี่ยวจ้องจับเหยื่อจ้องมองเธอมาจากโต๊ะม้าหินที่วางอยู่ในซุ้มกุหลาบอีกฝั่งหนึ่ง สายตาเฉี่ยวคมของชายหนุ่มรูปงาม มองสำรวจสาวน้อยในชุดนักศึกษาสีขาวกระโปรงพลีทสีดำ ใบหน้ารูปไข่ที่ก้มหน้าน้อยๆ นัยตากลมโตที่ดูมีความกังวนไม่สดใส แน่สิเขารู้ได้ทันทีว่านี่คือยัยเด็กกาฝากคนนั้น ปากอิ่มสีชมพูระเรื่อ เม้มเข้าหากัน หน้าอกครัดเคร่งในชุดนักศึกษาตัวบาง เมื่อโดนแสงไฟสะท้อนก็แทบจะทะลุจนเห็นเนื้อหนังข้างในหมดแล้ว หึ ยังไม่ทันจบมหาลัยเธอก็แต่งชุดยั่วคนไปทั่วแล้วสินะ ชายหนุ่มคิดอย่างอคติ ผู้หญิงอย่างเธอ ก็คงไม่ต่างจากแม่ที่จ้องจะจับผู้ชายรวย จะได้เกาะกินส
หลังจากหนีพ้นจากคนใจร้าย หญิงสาวก็ปรี่ไปหาผู้เป็นแม่ กลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้มที่ดูอ่อนล้า จนผู้เป็นแม่เอ่ยทัก" เหนื่อยมั้ยลูก แม่เตรียมกับข้าวไว้ให้แล้วมากินข้าวก่อนนะ" หญิงสาวเดินเข้าไปกอดอ้อนแม่อย่างที่เคยทำ คุณเดือนเพ็ญรู้ดีว่าลูกสาวกังวลเรื่องอะไร และเธอก็รู้ดีว่าลูกสาวของเธอนั้น เข้มแข็งมากพอที่จะก้าวผ่านเรื่องต่างๆไปได้"หิวจังเลยค่ะแม่" หญิงสาวอ้อนผู้เป็นแม่ ก่อนจะเอื้อมไปเปิดดูแกงในหม้อที่ส่งกลิ่นหอมฉุย "งั้นกินข้าวให้อิ่ม แล้วกลับไปนอนพักนะลูก แม่จะอยู่ทำความสะอาดในครัวอีกแปบก็กลับไปแล้วเหมือนกัน ว่าแต่คุณวาทิตย์กลับมาแล้วได้เจอกันรึยังล่ะลูก"เธอไม่อยากจะบอกว่าได้เจอและพูดคุยอะไรกันบ้างจึงทำแค่พยักหน้า และก้มหน้าก้มตาทานข้าวในจาน หญิงสาวรู้สึกเหนื่อยล้าเกินกว่าจะพูดหรือทำอะไร เธออยากให้เรื่องนี้เป็นแค่ความฝัน ที่ตื่นขึ้นมาก็พบว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง เช้าวันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ หญิงสาวตั้งใจจะออกมาเดินเล่นที่สนามหญ้าเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า แต่ก็ไม่คิดว่าวาทิตย์จะตื่นเช้าออกมาเดินเล่นด้วยเหมือนกัน" เธอกับแม่เธอนี่มันเหมือนเห็บ หมัดที่เกาะครอบครัวฉันไม่ไปไหนเ
ครืดดดดดดดด ครืดดดดดด ครืดดดดดดดเสียงโทรศัพท์ที่สั่นระรัวอยู่ภายในกระเป๋าสะพาย ส่งเสียงรบกวนการหลับไหลของสองหนุ่มสาวบนเตียงนอนขนาดคิงไซส์ วาทิตย์ลืมตาตื่น ลุกขึ้นคว้าโทรศัพท์ตรงโต๊ะข้างเตียงมาดู ปรากฏว่าไม่ใช่โทรศัพท์เครื่องของเขาที่ส่งเสียงดังรบกวนการพักผ่อน แต่เป็นโทรศัพท์ของหญิงสาวข้างกายซึ่งยังคงหลับไหลไม่ได้สติ ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นถือวิสาสะหยิบขึ้นมาดู~นาวิน~ ภาพหน้าจอฉายชื่อของคนที่โทรเข้ามารบกวนการพักผ่อน ด้วยความอยากรู้ชายหนุ่มจึงกดรับสายทันที"ฮัลโหล...ดาว ไปมหาลัยรึยัง วินกำลังออกไป เดี๋ยววินไปรับนะ" เสียงปลายสายเป็นเสียงชายหนุ่มที่เรียกนับดาวด้วยความสนิทสนม ไอ้หมอนี่เป็นใคร โทรหาเมียชาบ้านแต่เช้า หรือจะเป็นคนที่มาส่งนับดาวเมื่อคืน".......""ฮัลโหล ดาวได้ยินที่วินพูดรึเปล่า" ปลายสายยังคงเรียกหญิงสาว"นับดาวยังไม่ตื่น" เสียงเข้มของวาทิตย์ตอบกลับไป"นั่นใครพูดสาย แล้วดาวอยู่ไหน ฮัลโหล ฮัลโหล" ตู๊ดดด ตู๊ดดด ตู๊ดดดชายหนุ่มถือวิสาสะกดวางสายโดยที่ไม่ฟังคนปลายสายพูด ก่อนจะลุกขึ้นไปยืนมองหญิงสาวที่ยังคงหลับ เสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ฝ่ายนาวินแม้จะยังสงสัยว่าใครเป็นคนถือวิสาสะ
แท่งร้อนเริ่มขยับเคลื่อนไหว ส่งผลให้หญิงสาวผวาโอบกอดชายหนุ่ม สองขาเรียวยกขึ้นโอบรัดเอวสอบ "อ๊าาา อือออ เสียววดาวเสียว" เสียงหวานร้องครางผะแผ่ว ขณะที่ชายหนุ่มถอดถอนแท่งยาวกลางกาย แล้วจึงตอกอัดเข้าไปใหม่ ความคับแน่นของช่องทางรักทำให้ชายหนุ่ม ต้องคำรามออกมา"อ่าา น้องดาวทำไมแน่นอย่างนี้ ตอดพี่ไม่หยุดเลย เอามันจริงๆ" พูดพลางก็เคลื่อนสะโพกสอบเข้าออกรัวเร็ว ความเสียวแล่นพลุ่งพล่าน จนสุดจะกลั้น"อ้าาายย พี่ทิตย์อย่าค่ะ อย่าบี้น้องแบบนั้น น้องเสียว ฮือออ " ชายหนุ่มตอกอัดแท่งร้อน พร้อมกับใช้นิ้วมือบดบี้ลงบนติ่งเสียว จนทำให้กายสาว แอ่นอก ยกสะโพกผายรองรับแรงกระแทกที่ระรัวเร็วปึก ปึก ปึก เสียงเนื้อกระทบเนื้อ เสียงกรีดร้องระงม เสียงคำรามผสมปนเปกึกก้องไปทั่วห้องนอนที่เปลี่ยนเป็นทะเลสวาท "น้องดาว พี่จะไม่ไหวแล้วว อืออ อืม""อึก อึก อ๊าาา อ๊ายยยยยย "สายธารอุ่นพุ่งเข้าใส่ช่องทางรักคับแน่น ร่างสองร่างกระตุกเกร็ง เหงื่อท่วมตัวแม้ในห้องจะเปิดแอร์เย็นฉ่ำ ชายหนุ่มฟุบหน้าซบบนอกอวบ เสียงหายใจหอบถี่ ใบหูของชายหนุ่มที่แนบอยู่ตรงจุดของหัวใจ ได้ยินเสียงหัวใจของหญิงสาวเต้นระรัว ความสุขล้นเกิดขึ้นในหัวใจ ความร
กรี้ดดดดดดดดหญิงสาวกรีดร้องออกมาเมื่อถูกมือหนากระชากเข้าไปปะทะอกแกร่ง มืออีกข้างของวาทิตย์จับปลายคางของหล่อน บังคับให้สาวน้อยแหงนหน้ารับจูบของเขา จูบหวานๆที่เขาเฝ้าคิดถึง ชายหนุ่มบดจูบราวกับคนหิวโหย ยังคงหวานเหมือนเดิมสินะ แต่ปากนี้ผ่านใครมาแล้วกี่คนก็ไม่รู้ จากจูบดูดดื่มในตอนแรก จึงแปรเปลี่ยนตามแรงอารมณ์ของชายหนุ่ม มือข้างหนึ่งของเขาล็อคข้อมือบอบบางของหญิงสาวให้หยุดการทุบตี ส่วนมืออีกข้างก็ยกขึ้นบีบเค้นเต้าเต่งภายใต้ชุดชั้นใน นับดาวเหมือนคนสติหลุดลอย จากการต่อต้านขัดขืนเริ่มเปลี่ยนเป็นให้ความร่วมมือ เมื่อความรู้สึกประหลาดบางอย่างพุ่งเข้าจู่โจม ความวูบวาบในช่องท้องนี่มันคืออะไรกัน หญิงสาวไม่เคยรู้จักมันมาก่อน เกิดมาจนอายุ 19 ปี เธอก็ไม่เคยมีแฟนหรือคนรัก เพราะเฝ้ารอคนตรงหน้าคนนี้ คนที่กำลังจู่โจมราวกับเสือหิวกระหาย "อือ อื้ออออ ยะ อย่าค่ะ"เสียงแผ่วเบาที่เอ่ยขึ้น หลังจากที่ชายหนุ่มถอนจูบ เพื่อค้นหาเป้าหมายที่น่าสนใจมากกว่า "อืมม หอมมาก หวานมาก เธอนี่มันแมวยั่วสวาทจริงๆเลยนะ" ชายหนุ่มซุกไซร้ซอกคอเพื่อสูดดมกลิ่นหอมจากกายสาว กลิ่นหอมอ่อนๆที่ไม่ได้หอมฉุนเหมือนน้ำหอมราคาแพงที่สาวๆบางคนของ
"อะไรนะคะแม่ แม่กับเจ้าสัวจะไปปฏิบัติธรรมอาทิตย์หน้านี้หรอคะ แล้วไปกี่วันคะแม่"หญิงสาวได้รับรู้ข่าวจากแม่ว่าท่านเจ้าสัวอยากไปพักผ่อน จึงชวนกันไปปฏิธรรมที่วัดป่าแห่งหนึ่ง แล้วหลังจากนี้เธอจะต้องทำยังไงดี เพราะพี่วายุก็ไปราชการต่างจังหวัด บ้านหลังนี้ก็เหลือแค่เธอกับวาทิตย์ ความหวาดหวั่นเข้าเกาะกุมหัวใจดวงน้อย แต่จะโวยวายให้ผู้เป็นแม่เป็นกังวลก็คงไม่ได้ เธอไม่อยากสร้างปัญหาให้แม่ไม่สบายใจ"ท่านเจ้าสัวอยากไปพักผ่อนซักสัปดาห์นึง ลูกอยู่บ้านคนเดียวได้ใช่มั้ยจ้ะ "คุณเดือนเพ็ญเห็นแววตากังวลของลูกสาวก็อดห่วงไม่ได้"แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ หนูอยู่ได้สบายอยู่แล้วค่ะ" เธอรีบพูดขึ้นเพื่อให้แม่คลายกังวล ยังไงซะแค่สัปดาห์เดียว พี่วาทิตย์เองก็คงไม่ค่อยอยู่บ้านหรอกมั้ง อาจนัดสาวไปสนุกกันที่คอนโดก็เป็นได้ แต่ถึงยังไงเธอก็ต้องหาทางเลี่ยงชายหนุ่มให้ได้มากที่สุดอยู่ดีด้านชายหนุ่มที่เป็นตัวปัญหาของนับดาวนั้น เมื่อรู้ว่าพ่อของตัวเองจะไปปฏิบัติธรรมต่างจังหวัด ก็จงใจพูดจากระทบกระแทกแดกดันหญิงสาว เมื่อต้องนั่งทานข้าวร่วมโต๊ะกันในตอนเย็นก่อนที่ท่านเจ้าสัวจะออกเดินทางในวันรุ่งขึ้น"คุณพ่อไม่ต้อห่วงผมหรอกครับ ห่วงล
หลังจากหนีพ้นจากคนใจร้าย หญิงสาวก็ปรี่ไปหาผู้เป็นแม่ กลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้มที่ดูอ่อนล้า จนผู้เป็นแม่เอ่ยทัก" เหนื่อยมั้ยลูก แม่เตรียมกับข้าวไว้ให้แล้วมากินข้าวก่อนนะ" หญิงสาวเดินเข้าไปกอดอ้อนแม่อย่างที่เคยทำ คุณเดือนเพ็ญรู้ดีว่าลูกสาวกังวลเรื่องอะไร และเธอก็รู้ดีว่าลูกสาวของเธอนั้น เข้มแข็งมากพอที่จะก้าวผ่านเรื่องต่างๆไปได้"หิวจังเลยค่ะแม่" หญิงสาวอ้อนผู้เป็นแม่ ก่อนจะเอื้อมไปเปิดดูแกงในหม้อที่ส่งกลิ่นหอมฉุย "งั้นกินข้าวให้อิ่ม แล้วกลับไปนอนพักนะลูก แม่จะอยู่ทำความสะอาดในครัวอีกแปบก็กลับไปแล้วเหมือนกัน ว่าแต่คุณวาทิตย์กลับมาแล้วได้เจอกันรึยังล่ะลูก"เธอไม่อยากจะบอกว่าได้เจอและพูดคุยอะไรกันบ้างจึงทำแค่พยักหน้า และก้มหน้าก้มตาทานข้าวในจาน หญิงสาวรู้สึกเหนื่อยล้าเกินกว่าจะพูดหรือทำอะไร เธออยากให้เรื่องนี้เป็นแค่ความฝัน ที่ตื่นขึ้นมาก็พบว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง เช้าวันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ หญิงสาวตั้งใจจะออกมาเดินเล่นที่สนามหญ้าเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า แต่ก็ไม่คิดว่าวาทิตย์จะตื่นเช้าออกมาเดินเล่นด้วยเหมือนกัน" เธอกับแม่เธอนี่มันเหมือนเห็บ หมัดที่เกาะครอบครัวฉันไม่ไปไหนเ
หญิงสาวในชุดนักศึกษา สวมกระโปรงพลีทยาวคลุมเข่าเดินเข้ามาในรั้วคฤหาสในตอนค่ำ เพราะวันนี้ที่มหาวิทยาลัยมีกิจกรรมเตรียมค่ายจิตอาสา เธอจึงต้องอยู่เตรียมการเพื่อจัดกิจกรรม รสมรุ่นในการไปทำจิตอาสาในพื้นที่ห่างไกล ด้วยเพราะรักการสอนทำให้เธอตัดสินใจเรียนครู ซึ่งเป็นอาชีพที่เธอใฝ่ฝัน การได้สอนเด็กยากไร้ในถิ่นธุรกันดารคือปณิธานที่เธอเคยวาดไว้ หญิงสาวเดินเลาะสนามหญ้าซึ่งปลูกไม้ดอกส่งกลิ่นหอมฟุ้งด้วยจิตใจที่เหม่อลอย จนไม่ทันได้เห็นว่ามีสายตาแหลมคมราวกับเหนี่ยวจ้องจับเหยื่อจ้องมองเธอมาจากโต๊ะม้าหินที่วางอยู่ในซุ้มกุหลาบอีกฝั่งหนึ่ง สายตาเฉี่ยวคมของชายหนุ่มรูปงาม มองสำรวจสาวน้อยในชุดนักศึกษาสีขาวกระโปรงพลีทสีดำ ใบหน้ารูปไข่ที่ก้มหน้าน้อยๆ นัยตากลมโตที่ดูมีความกังวนไม่สดใส แน่สิเขารู้ได้ทันทีว่านี่คือยัยเด็กกาฝากคนนั้น ปากอิ่มสีชมพูระเรื่อ เม้มเข้าหากัน หน้าอกครัดเคร่งในชุดนักศึกษาตัวบาง เมื่อโดนแสงไฟสะท้อนก็แทบจะทะลุจนเห็นเนื้อหนังข้างในหมดแล้ว หึ ยังไม่ทันจบมหาลัยเธอก็แต่งชุดยั่วคนไปทั่วแล้วสินะ ชายหนุ่มคิดอย่างอคติ ผู้หญิงอย่างเธอ ก็คงไม่ต่างจากแม่ที่จ้องจะจับผู้ชายรวย จะได้เกาะกินส
คฤหาสบดินทร์บริรักษ์ ในวันซึ่งเด็กน้อยนับดาว ที่ตอนนั้นมีอายุเพียง 8 ขวบ ติดสอยห้อยตามแม่เดือนเพ็ญ ต้องมาอาศัยอยู่ร่วมชายคาเดียวกับ วาทิตย์และวายุเด็กหนุ่มลูกชายมหาเศรษฐี พ่อม่าย เธอรู้แค่ว่าแม่จะมาทำงานที่นี่ เด็กน้อยกำพร้าพ่อระเห็จตามแม่ซึ่งทำงานเป็นแม่บ้าน ไปตามที่ต่างๆจนวันนึงเมื่อแม่บังเอิญได้พบกับเจ้าสัวคณิน ท่านทั้งสองได้พบรักกันในวัยที่ล่วงเลย ทำให้เด็กน้อยได้เข้ามาอยู่ ณ ที่แห่งนี้ วาทิตย์และวายุ สองหนุ่มน้อยในวันวานรู้สึกเอ็นดูเด็กน้อยตากลมโต ริมผีปากชมพูจิ้มลิ้มที่คอยส่งยิ้มและพูดคุยเจื้อยแจ้วอยู่ข้างๆแม่บ้านอย่างคุณเดือนเพ็ญ จนวันนึงที่วาทิตย์ได้รับรู้ความจริงว่า คุณเดือนเพ็ญแม่บ้านคนนี้ ที่จริงแล้วคือ ภรรยาลับๆของท่านเจ้าสัวผู้เป็นบิดา ทำให้ความรู้สึกเอ็นดูของวาทิตย์ที่มีต่อนับดาว กลับกลายเป็นความเกลียดชังมาแทนที่ "คุณพ่อว่าไงนะครับ คุณน้าเดือนเพ็ญเป็นเมียใหม่พ่องั้นหรอ แล้วแม่ผมล่ะ พ่อเอาแม่ไปไว้ที่ไหน" เด็กชายวาทิตย์ในวัย 15 ปีต่อว่าผู้เป็นบิดาด้วยสายตาผิดหวัง "แม่แกก็ตายไปตั้งหลายปีแล้วนะเจ้าทิตย์ แกจะไม่ให้ฉันมีความสุขบ้างเลยรึไง" เจ้าสัวคณินพูดด้วยน้ำเส