อารัญรู้ว่าแม่พูดจริง แม่ของเขาเป็นผู้หญิงเก่งและแกร่ง ทั้งยังมีเพื่อนของพ่อคอยยื่นมือช่วยเหลืออยู่ลับ ๆ กับการที่ท่านจะพาพิมพ์ใจไปซ่อนจากเขา ไม่ใช่เรื่องยากเลย ดังนั้น แม้เขาจะรู้ว่าพิมพ์ใจพักอยู่ที่ไหน แต่เขาก็ไม่ไปหาเธอวันสุดท้ายของงานศพ ก่อนจะมีพิธีฌาปนกิจในช่วงบ่าย ทนายของคุณมานะชัยมาพูดคุยกับพิมพ์ใจในงาน“สวัสดีค่ะคุณอานิพนธ์”พิมพ์ใจรู้จักทนายคนนี้ เพราะเขาเข้าออกในบ้านเธอบ่อย เขาเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายของคุณพ่อคุณแม่“สวัสดีครับหนูพิมพ์ อาขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ”พิมพ์ใจยิ้มเศร้า “ขอบคุณค่ะ”“อามีเรื่องอยากจะบอกหนูพิมพ์”“ค่ะ”ไม่ว่าจะมีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นอีก พิมพ์ใจคิดว่า มันไม่มีอะไรหนักหนาสาหัสเท่ากับสิ่งที่เธอต้องเผชิญอยู่ในตอนนี้แล้ว“หนูพิมพ์คงทราบแล้วว่า ทรัพย์สินต่าง ๆ ของคุณมานะชัยและคุณพิมพ์พรจะถูกอายัดไว้”“ค่ะ พิมพ์ทราบแล้ว”“แต่มีสิ่งหนึ่งที่พวกเขาไม่สามารถยึดได้ และมันเป็นผลประโยชน์ที่หนูพิมพ์จะได้รับตามกฎหมาย”พิมพ์ใจมองหน้าทนายนิพนธ์อย่างไม่เข้าใจ ผู้สูงวัยยิ้มเอ็นดู เพราะเป็นคนสนิท เป็นที่ปรึกษาของคุณมานะชัยมานาน เขาจึงรู้จักและคุ้นเคยกับสมาชิกในครอบครัว
พิมพ์ใจมองหน้าผู้สูงวัยอย่างชั่งใจ เธอซาบซึ้งในน้ำใจที่คุณแม่ราณีมอบให้ เธอรู้ว่าท่านพูดจริง และทำได้จริงอย่างที่พูด ก็ดูอย่างคอนโดที่ท่านให้เธอพักอาศัย ท่านบอกว่าจะไม่ให้ใครไปยุ่งไปกวนใจเธอ ก็ไม่มีใครไปกวนใจเธอเลยอย่างที่ท่านรับปากไว้ ทว่าเธอไม่อยากเกี่ยวข้องกับคนใจร้ายแล้ว เธอถือว่าเธอได้ชดใช้ทุกอย่างให้เขาหมดสิ้นแล้ว เขากับเธอไม่ควรมีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแต่คุณแม่ราณีคือผู้มีพระคุณ เธอไม่อยากทำให้ท่านเสียน้ำใจ หญิงสาวจึงยิ้มอ่อนบาง และบอกกับท่านว่า“ค่ะ ถ้าพิมพ์มีปัญหา หรือต้องการความช่วยเหลือ พิมพ์จะติดต่อคุณแม่เป็นคนแรกค่ะ”คุณราณีพยักหน้ารับยิ้ม ๆ ท่านยื่นมือออกไปลูบศีรษะเล็กเบา ๆพิมพ์ใจมองกลับไปทางที่สายน้ำกำลังพัดพากลีบดอกไม้และเถ้าอังคารของคุณพ่อกับคุณแม่ลอยห่างเธอออกไป น้ำตาเอ่อคลอเต็มหน่วยตาอีกครั้งเธอไม่เหลือใครแล้วจริง ๆอารัญมองหญิงสาวตลอดเวลา แต่เธอไม่มองมาทางเขาเลย เขาคิดว่า เขาปล่อยให้เธอไปอยู่ห่างไกลสายตานานเกินไปแล้ว เขาทำตามที่แม่เขาสั่งไว้ว่า ห้ามไปรบกวนเธอ แต่หลังจากวันนี้ หลังจากที่พิมพ์ใจส่งคุณพ่อคุณแม่ของเธอเดินทางไกลเรียบร้อยแล้ว เขาจะไม่ปล่อยให้เธอไปไหน เธ
ในตอนที่พิมพ์ใจเดินผ่านล็อบบี้ เพื่อจะไปขึ้นลิฟต์ ก็มีผู้หญิงเดินมาขวางทางเธอไว้ พิมพ์ใจขมวดคิ้ว มองหน้าคนตรงหน้าด้วยความแปลกใจ และเธอรู้สึกคุ้นหน้าของผู้หญิงคนนี้มาก“ฉัน…วาสินี เป็นว่าที่คู่หมั้นของคุณรัญ”พิมพ์ใจจำได้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร“คุณวาสินีมีธุระอะไรกับพิมพ์หรือคะ”“ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ”“ถ้าเป็นเรื่องของคุณรัญ พิมพ์ไม่มีอะไรจะคุยกับคุณค่ะ เพราะพิมพ์กับคุณรัญไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว”“แต่เท่าที่ฉันเห็น มันไม่ใช่แบบนั้น ก็ขนาดงานศพของพ่อกับแม่เธอ รัญเขายังจัดการให้เธอทุกอย่าง”“มันจบแล้วค่ะ พิมพ์จะไม่ติดต่อคุณรัญอีกแล้ว”“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดี”วาสินีกวาดสายตามองพิมพ์ใจตั้งแต่หัวจรดเท้า สายตาของเธอเต็มไปด้วยความดูถูกและเย้ยหยัน“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว พิมพ์ขอตัวก่อนนะคะ” พิมพ์ใจหมุนตัวหันหลังให้วาสินี แต่ยังไม่ทันได้ก้าวไปไหน วาสินีก็จับข้อมือเธอดึงรั้งเอาไว้พิมพ์ใจหันมองวาสินี เธอจึงได้เห็นว่า หญิงสาวมองเธอด้วยสายตาเคืองขุ่น“อย่าติดต่อกับรัญอีก ถ้าเป็นไปได้ เธอควรย้ายออกไปจากคอนโดนี้ซะ เพราะที่นี่เป็นของคุณแม่ราณี แบบนี้ก็เท่ากับว่า เธอก็ยังพัวพันกับรัญอยู่ดี”วาสินีร
อารัญแย่งกระเป๋าในมือของหญิงสาวมาถือไว้ วงแขนอีกข้างกอดรัดเอวบางไว้แน่น เขาพาเธอเดินไปยังรถของเขาพิมพ์ใจพยายามดิ้นรนขัดขืน แต่ก็ไม่อาจต้านทานแรงของเขาได้ กระทั่งเธอถูกลากมาถึงรถตู้คันหรู ซึ่งคนของเขาเปิดประตูรถไว้รอก่อนแล้ว อารัญใช้กำลังที่มีมากกว่า บังคับพาเธอขึ้นไปนั่งบนรถกับเขาจนได้เมื่อขึ้นมานั่งอยู่บนรถตู้กับเขา พิมพ์ใจกำสองมือแน่น เธอนั่งเงียบไปตลอดทาง และคนที่จับตัวเธอมาก็เงียบ เขาไม่พูดอะไรสักคำพิมพ์ใจรู้ตัวว่า เธอสู้แรงเขาไม่ได้ เพราะฉะนั้น เธอต้องใช้สติ ต้องคิดให้ดี ไตร่ตรองให้รอบคอบเมื่อคนขับรถขับรถตู้พาทั้งสองมาถึงคอนโดของอารัญ ชายหนุ่มพาเธอลงจากรถ และพาเธอขึ้นไปยังห้องของเขาทันที มือแข็งแรงจับกุมมือบางไว้แน่น เขาไม่หันมองหน้าเธอด้วยซ้ำ เขาเดินเร็วมาก จนคนตัวเล็กต้องซอยเท้าเร็วจนเกือบเป็นวิ่ง เพื่อจะเดินตามเขาให้ทัน ไม่อย่างนั้นเธออาจจะหกล้มได้กระทั่งเข้ามาอยู่ในห้องด้วยกัน เขาโยนกระเป๋าของเธอลงบนพื้น กอดอก และยืนขวางประตูไว้ ตาคมดุมองเธอด้วยความไม่พอใจพิมพ์ใจไม่อยากพูดคุยอะไรกับเขา เพราะรู้ดีว่า พูดอะไรไปเขาก็ไม่ฟัง เขามันคนเอาแต่ใจ ไม่เคยคิดถึงหัวจิตหัวใจของเธอบ้าง
คำพูดของเขาทำให้พิมพ์ใจเงยหน้ามองเขาอีกครั้ง สายตาคู่สวยที่เคยอ่อนโยนอ่อนหวาน แปรเปลี่ยนสายตาที่มีแต่ความเกลียดชังอารัญไม่สนใจสายตาคู่นั้น เขาเดินออกจากห้อง ปล่อยให้พิมพ์ใจอยู่ในห้องทำงานเพียงลำพังพิมพ์ใจมองบานประตูที่ปิดลง เธอนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นครู่ใหญ่ ลำพังเธอเพียงคนเดียว คงไม่สามารถพาตัวเองหนีไปจากเขาได้ เธอคงต้องขอความช่วยเหลือจากใครสักคน ใครคนนั้นที่สามารถพาเธอออกจากห้องทำงานของเขาได้ โดยที่ไม่มีใครกล้าเข้ามาขัดขวาง แม้แต่ผู้ชายใจร้ายคนนั้น16 เมื่อเธอหายไปพิมพ์ใจกำโทรศัพท์ในมือไว้แน่น เธอโทรหาคุณแม่ราณี 2 ครั้งแล้ว แต่ท่านไม่รับสาย ท่านอาจจะติดธุระ หรือไม่ก็คงกำลังจะพูดคุยอยู่กับใครสักคน เธอจึงนั่งรอ และหวังว่าท่านจะโทรกลับมา เธอต้องการความช่วยเหลือจากท่านเสียงเอะอะโวยวายที่หน้าประตู ก่อนที่บานประตูจะถูกเปิดออก ทำให้พิมพ์ใจเงยหน้าขึ้น เธอมองไปที่ประตู เจ้าของเสียงเอะอะโวยวาย ก็คือวาสินี หญิงสาวต่อว่าต่อขานเลขาที่หน้าห้องด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด“ฉันจะนั่งรอคุณรัญในห้องนี้ ถ้าไม่อยากให้ฉันนั่งรอในนี้ ก็ไปเรียก รปภ. มาลากฉันออกไป”คุณเลขาซึ่งเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ก้มหน้าหลบสายต
เมื่อไปถึงห้องพยาบาล คุณพยาบาลรีบพาพิมพ์ใจไปล้างหน้า และใช้ผ้าชุบน้ำซับบริเวณที่เปื้อนด้วยน้ำเย็นพิมพ์ใจต้องถอดชุดเดรสที่เปื้อนออก และเปลี่ยนมาใส่เสื้อคลุมของห้องพยาบาลแทนหลังจากจัดการรอยเปื้อนบนหน้าและเนื้อตัวหมดแล้ว คุณพยาบาลพาพิมพ์ใจเข้าไปในห้องตรวจ เพื่อตรวจอาการเบื้องต้น และทำความสะอาดแผลให้อีกครั้ง ก่อนจะทายาให้ด้วย โชคดีที่น้ำร้อนไม่มาก จึงไม่น่าเป็นกังวลเท่าไร แต่ผิวเนียนก็เป็นรอยแดง“ดูจากรอยแดงแล้ว ไม่น่าจะเป็นอะไรมากนะคะ แต่รอพบคุณหมอหน่อยดีกว่าค่ะ อีกประมาณสิบนาทีคุณหมอก็จะเข้ามาแล้วค่ะ”“ค่ะ ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะพี่พยาบาล”คุณพยาบาลยิ้มให้พิมพ์ใจ ก่อนจะปล่อยให้หญิงสาวนั่งรอคุณหมออยู่ในห้อง ส่วนเธอก็ออกไปจัดการเอกสารข้างนอกคุณเลขาที่พาพิมพ์ใจมาที่ห้องพยาบาล ขอตัวขึ้นไปทำงานต่อแล้ว ในตอนที่คุณเลขาขึ้นไปถึงหน้าห้องท่านประธานบริษัท คนของอารัญที่ได้รับหน้าที่มาเฝ้าพิมพ์ใจก็รีบเอ่ยถามว่า“คุณพิมพ์อยู่ไหน ทำไมไม่ขึ้นมาด้วยกัน”“คุณพิมพ์รอคุณหมอมาตรวจค่ะ ดิฉันรีบขึ้นมาทำงานที่ทำค้างไว้” คุณเลขาบอกแล้วเดินไปนั่งลงที่โต๊ะทำงานของตนเพราะรับคำสั่งจากเจ้านาย ให้จับตามองพิมพ์ใจไว้ตลอ
อารัญหลุบตามองหญิงสาวด้วยสายตาว่างเปล่า ดูเหมือนว่าวาสินีจะไม่ยอมรับในสิ่งที่เขาเคยบอกไปก่อนหน้านี้“ผมจะบอกคุณอีกครั้งนะคุณวาสินี ระหว่างเราไม่มีทางเป็นไปได้ อย่ามาก่อเรื่องวุ่นวายที่นี่อีก ไม่อย่างนั้น ผมจะบอก รปภ. ให้จับคุณโยนออกไปจากตึกนี้” อารัญจับมือบางของวาสินีออกจากแขน แล้วขยับออกห่างเธอวาสินีอ้าปากค้าง“แค่ว่ามาชวนคุณไปกินข้าวด้วยเท่านั้น ทำไมถึงต้องว่ากันแรง ๆ แบบนี้ด้วยคะ”อารัญจ้องหน้าคนโกหก คนไม่ยอมรับว่าตัวเองก่อเรื่องวุ่นวาย และทำผิดร้ายแรง“คุณทำร้ายคนของผม”วาสินียิ้มเยาะ“ก็มันปากดี โดนแค่นี้ยังน้อยไป ทำไมหรือคะ มันฟ้องคุณ มันบอกคุณให้มาต่อว่าวาเหรอคะ”อารัญขบกรามแน่น เขาจ้องหน้าวาสินีด้วยความโกรธ“อย่ามาที่นี่อีก ผมไม่ต้อนรับคุณ เราสองคนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป อย่าให้ผมต้องบอกเป็นครั้งที่สอง ไม่เช่นนั้น บริษัทของคุณมีปัญหาแน่นอน ผมเป็นคนพูดจริงทำจริง คุณก็รู้ดี”คำขู่ของอารัญทำให้วาสินีเม้มปากแน่น เธอรู้ว่าเขาพูดจริงทำจริง และทำแบบนั้นได้แน่นอน มีข่าวลือหนาหูว่า ที่บริษัทของคุณมานะชัยแพ้โครงการประมูลล่าสุด ก็เพราะอารัญเป็นคนจัดการทุกอย่าง มีข่าววงในที่รู้กัน
พอได้อยู่คนเดียวหลังจากผ่านเหตุการณ์มามากมาย ได้คิดไตร่ตรองถึงเรื่องราวต่าง ๆ และได้ทบทวนหัวใจตัวเอง พิมพ์ใจก็พบว่า เธอไม่เคยเลิกรักเขาเลย และไม่รู้ว่าจะเลิกรักได้ไหม หัวใจดวงน้อยยังมีเขาครอบครองอยู่เต็มทุกห้องใจ แต่ความรักที่มาพร้อมกับความเจ็บปวด ทำให้เธอต้องพาตัวเองออกมาทั้งรัก ทั้งเจ็บปวด มันทรมานเกินไปพิมพ์ใจเคยคิดว่า การอยู่ให้ห่างเขา การไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา สักวัน เธออาจลืมเขาได้ แต่ตอนนี้ เธอไม่รู้ว่า สิ่งที่เธอคิด มันจะเป็นไปได้ไหมเพราะแม้จะไม่ได้อยู่ใกล้เขาแล้ว แม้ไม่ได้เจอะเจอหน้ากัน ทว่าในท้องของเธอตอนนี้ มีตัวแทนของเขากำลังเติบโตขึ้นทุกทุกวันตอนที่ได้ยินคุณหมอบอกว่า “คนไข้ตั้งครรภ์ประมาณหกสัปดาห์แล้วนะครับ” พิมพ์ใจชาวาบไปทั้งตัว หวาดหวั่นและตื่นกลัว เธอต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ในการควบคุมสติ แต่ในความรู้สึกทั้งหลายทั้งมวลที่ตีรวนกันในหัว ไม่มีแม้เศษเสี้ยวความคิดที่จะทำร้ายเลือดเนื้อเชื้อไขของเธอและเขา“แม่จะเลี้ยงหนูเองนะคะ เราอยู่กันสองคนแม่ลูกก็ได้เนอะ”ก็ในเมื่อคนเคยรักไม่ได้รักเธอแล้ว การอยู่ด้วยกันก็อาจจะทำให้เจ็บปวดมากกว่ามีความสุข เธอไม่อยากให้ลูกอยู่ในความสั
อารัญไม่สนใจข่าวพวกนั้นหรอก เพราะคนอื่นไม่ได้มาใช้ชีวิตร่วมกับเขากับพิมพ์ใจ แค่ครอบครัวของเราเข้าใจและยอมรับกัน รักและเข้าใจกัน เขาก็ไม่เห็นต้องแคร์คนอื่นเลยเขาแคร์เฉพาะคนที่ยืนข้างกายเขาในตอนนี้ต่างหาก เขาอยากให้เธอมีความสุขในทุกวัน ไม่อยากให้ใครหรืออะไรมาทำให้เธอทุกข์ร้อนใจสักนิด ดังนั้น เมื่อเห็นว่ามีสายตาหลายคู่จับจ้องมาที่เขากับภรรยา อารัญก็กอดเอวบางรั้งเธอมาแนบชิดอย่างปกป้องหวงแหน“ซื้อไว้สักยูนิตดีมั้ยครับ เอาไว้แอบหนีเจ้าพอร์ชไปจู๋จี๋กันสองต่อสอง” อารัญกระซิบถามยิ้ม ๆพิมพ์ใจหันขวับไปมองสบตาสามี เธอขึงตาใส่คนหื่น“พี่รัญ หน้าไม่อาย”“อายทำไมล่ะครับ พี่ชอบ” อารัญบอกพลางทำทีเหลือบตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะกระซิบบอกเมียว่า“วิวห้องมุมดีมากเลยนะครับ จัดที่ระเบียงน่าจะฟินมาก โอ๊ย !”คนคิดหื่นกลางวันแสก ๆ โดนเมียหยิกจนต้องร้องโอดโอยเบา ๆ กระนั้นคนถูกเมียหยิกก็ยังยิ้มกรุ้มกริ่มได้การโอบกอดเมียไว้แนบกายตลอดเวลา การส่งสายตาหวานเชื่อมมองกัน และการพูดคุยหัวร่อต่อกระซิกของสามีภรรยา ทำให้คนที่มองพวกเขาตั้งแต่เดินเข้ามาในงานหมั่นไส้วาสินีก็มางานนี้เช่นกัน พอเห็นภาพสวีตของสองคนนั้นแล้วก็อดไม่ได้
เมื่อห้วงเวลาแสนเสียวเบาบาง พิมพ์ใจก็นอนหอบหายใจแรงจนทรวงอกสะท้านขึ้นลงอารัญดูดเนื้อนวลเต็มปาก เขาดื่มด่ำกับความหวานละมุนอย่างพอใจ ก่อนจะไล้เลียไปทั่วทุกซอกหลืบความสาว แล้วจึงค่อย ๆ เลื่อนใบหน้าขึ้นมา เขาพรมจูบเนินเนื้ออวบอูมนวลเนียนไร้พุ่มไหม ก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนใบหน้าขึ้นมา เพื่อจูบสลับกับไล้เลียผิวเนียนจากหน้าท้องแบนราบ ขึ้นมาถึงชายโครง ก่อนจะเข้าครอบครองทรวงอกอวบอิ่มด้วยปากร้อนผ้าว ดูดดึง ไล้เลีย จนเมียครางหวิวในลำคอ และเริ่มมีอารมณ์อยากขึ้นมาอีกครั้ง“พิมพ์จ๋า...ขึ้นให้พี่นะครับ”อารัญกระซิบอ้อนเสียงแตกพร่าพิมพ์ใจลืมตาขึ้นสบตาคมเข้ม หญิงสาวผลักอกกว้างเบา ๆ สามีของเธอก็เอนกายลงนอนหงายอย่างเต็มใจอารัญนอนมองเมียป่ายขาคร่อมตัวเขา แล้วหยัดกาย นั่งคุกเข่าคร่อมอยู่ตรงกลางหว่างขา เธอล้วงมือลงจับหัวมนทู่เอามันไปถูไถกลางกลีบเนื้ออ่อนนุ่ม“ซี้ด ! พิมพ์จ๋า...”อารัญครางเสียว แล้วกัดฟันแน่น เขายื่นมือไปจับเอวบางไว้หลวม ๆ มองใบหน้าเมียอย่างแสนรัก แสนเสน่หา อารัญกลั้นหายใจ ในตอนที่เมียจับหัวอวบใหญ่กดลงตรงปากทางแอ่งอุ่นนุ่มลื่น และพอเธอโน้มตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย กดสองมือลงบนอกกว้าง แล้วขย่มลงมา
“พี่รัญ...พอแล้ว” พิมพ์ใจทั้งดิ้น ทั้งขำ เธอทุบบ่ากว้างไปหนึ่งที คนขี้แกล้งจึงหยุดอารัญทาบทับตัวเองลงบนเรือนกายเนียนนุ่ม เขาสอดแขนลงใต้แผ่นหลังบาง กกกอดเธอไว้เต็มอ้อมอก และซุกหน้าอยู่ซอกคอหอมกรุ่น“เฮ้อ ! รู้สึกดีจังเลย พี่อยากกอดพิมพ์ไว้แบบนี้ตลอดไป”พิมพ์ใจยิ้มอ่อนหวาน เธอยกแขนขึ้นกอดเขาไว้เต็มวงแขน ตัวเขาใหญ่โตกว่าเธอมาก พอถูกเขาทาบทับและกอดไว้แน่น ๆ แบบนี้ เธอรู้สึกหนักอยู่เหมือนกัน แต่ความรู้สึกอบอุ่นไปทั้งตัวทั้งใจมันมากกว่า“งั้นก็กอดอย่างนี้ไปจนถึงเช้าเลยดีมั้ยคะ”ทำไมจะไม่รู้ว่า สามีอยากทำมากกว่ากอด เพราะตอนนี้ ความเป็นชายของเขาแข็งคึกแนบอยู่กับต้นขาของเธอคนอยากทำมากกว่ากอดรีบพลิกตัวลงนอนหงาย โดยกอดรัดเมียให้มานอนเกยก่ายอยู่บนตัวเขาแทน“อยากทำมากกว่ากอด แต่วันนี้เหนื่อยจังเลยครับ พิมพ์จ๋า พิมพ์ที่รัก ทำให้พี่หน่อยนะครับ”พิมพ์ใจยิ้มอย่างรู้ทัน หญิงสาวลุกขึ้นนั่งคร่อมหน้าท้องแกร่ง เธอไขว้มือลงจับชายกระโปรงชุดนอนแล้วดึงออกทางศีรษะเธอไม่ได้ใส่ชุดชั้นใน ดังนั้น สิ่งที่อารัญเห็นตอนนี้คือ เรือนร่างขาวนวลล้อแสงไฟ กับเต้านมอวบใหญ่ของคุณแม่ลูกหนึ่งแม้น้องพอร์ชจะเลิกกินนมแม่ไปแล้ว
พอได้ไอติมถ้วยเล็กมาแล้ว อารัญก็พาลูกชายไปนั่งรอที่ม้านั่งตัวยาวซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับร้านขนม เขานั่งหันหลังให้ร้าน ใช้ตัวบังลูกชายที่นั่งอยู่บนตัก ป้อนไอติมให้ลูกกินอย่างระมัดระวัง เพราะกลัวว่าจะเลอะ แล้วแม่พิมพ์จะจับได้คุณพ่อรัญยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่เห็นลูกกินอย่างมีความสุข พอลูกชายกินไอติมจนหมดถ้วย เขาจึงเอ่ยถามว่า“อร่อยมั้ยครับ”“อะหย่อยฮับ” น้องพอร์ชเงยหน้าขึ้นมาตอบและยิ้มหวานให้คุณพ่อ“เปื้อนขนาดนี้ เช็ดปากให้ลูกหน่อยมั้ยคะ”เสียงดุ ๆ มาพร้อมกับทิชชูเปียกยื่นมาตรงหน้าคุณพ่อคนตามใจลูกถึงกับใจหายวาบ เขาเงยหน้ามองคุณแม่หน้าหวานแต่ตาดุ แล้วยิ้มแหยให้เธอ“พิมพ์บอกแล้วว่า ช่วงนี้ น้องพอร์ชต้องงดไอติมและเครื่องดื่มเย็น”“กะ...ก็ลูกอยากกิน” ไม่รู้จะเถียงยังไง และก็ไม่รู้จะเอาเหตุผลใดไปเถียงพิมพ์ใจถอนหายใจแรง หญิงสาวเช็ดปากเช็ดแก้มเลอะไอติมของลูกชาย“กลับบ้านกันได้แล้วค่ะ วันนี้ต้องมีคนโดนทำโทษแน่นอน”พิมพ์ใจพูดพร้อมกับส่งสายตาดุให้สามี ก่อนจะหันไปมองลูกชาย แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากอะไร เจ้าเด็กหัวหมอก็พูดเสียงอ่อนเสียงหวาน“จุนแม่ฮับ จุนแม่คนฉวย จุนแม่ใจดี๊ดีของพอร์ช”พิมพ์ใจถึงกับส่ายหน้ากับ
พิมพ์ใจเดินเข้าไปหยุดอยู่ข้างเก้าอี้ที่สองพ่อลูกนั่งอยู่ เธอยื่นสองมือไปหาลูกชาย เพื่อจะอุ้มไปนั่งรอคุณพ่อที่โซฟา“ไม่อาว...พอร์ชจะอยู่กับจุนพ่อ” เจ้าหนูหันหน้าเข้าหาคุณพ่อ แขนเล็กป้อมกอดลำคอแกร่งไว้แน่น ซุกหน้ากับบ่ากว้าง ไม่ยอมไปหาคุณแม่อารัญกอดลูกชายไว้ด้วยวงแขนข้างหนึ่ง มืออีกข้างลูบศีรษะอย่างรักใคร่เอ็นดูสุดหัวใจ“พี่รัญคะ ส่งลูกมาให้พิมพ์เถอะค่ะ พี่รัญจะได้ทำงาน”“ไม่เป็นไรครับ อีกนิดเดียวก็เสร็จแล้ว พี่อุ้มลูกไว้เอง พิมพ์ไปนั่งรอที่โซฟาเถอะ”พิมพ์ใจถอนหายใจบางเบา พลางคิดในใจว่า ดื้อทั้งพ่อทั้งลูกเลย แต่เธอก็ยอมเดินไปนั่งรอที่โซฟาแต่โดยดี“คุณแม่ไปแล้วครับ”คุณพ่อกระซิบกระซาบบอก น้องพอร์ชจึงค่อย ๆ เหลียวหลังไปมอง พอเห็นว่าคุณแม่ไปนั่งอยู่ตั้งไกลแล้ว เด็กชายก็ยิ้มพอใจ เขาขยับตัวนั่งลงบนตักของคุณพ่อ พิงหลังกับอกอบอุ่นที่เขาชื่นชอบอารัญสอดแขนลงใต้รักแร้คนตัวเล็ก โอบกอดลูกไว้ด้วยแขนข้างหนึ่ง มืออีกข้างก็ตรวจงาน เซ็นเอกสารไปเรื่อย ๆน้องพอร์ชนั่งนิ่ง ไม่ดื้อ ไม่ซน นั่งรอคุณพ่อทำงานอย่างเรียบร้อยครู่เดียวอารัญก็ทำงานเสร็จ เขาจึงอุ้มลูก ลุกขึ้นจากเก้าอี้ และพาเดินไปหาคุณมาที่นั่งอ่า
พอพูดถึงบ้านตัวเอง ใบหน้าของพิมพ์ใจก็หม่นเศร้าลง หญิงสาวมองไปนอกหน้าต่างรถ ถนนเส้นนี้เป็นเส้นที่เธอคุ้นเคย และรถก็กำลังเคลื่อนเข้าใกล้บ้านที่เคยเป็นของครอบครัวเธอ เธออยากเห็นอีกสักครั้ง อยากเห็นบ้านที่เธอเคยพักพิง ที่ที่เคยมีคุณพ่อคุณแม่อยู่ด้วยกัน...อยากเห็นก่อนที่มันจะถูกขายไปเป็นของคนอื่นอารัญกระชับมือนุ่มที่กุมอยู่ เขามองใบหน้าด้านข้างของพิมพ์ใจ เธอกำลังมองออกไปนอกหน้าต่างรถ เขารู้ว่าเธอรอดูตอนที่รถขับผ่านบ้านของเธอ แต่เขาจะไม่ให้รถขับผ่านไปเฉย ๆ เขาจะให้คนขับรถจอด เพื่อเธอจะได้ลงไปดูบ้านหลังเดิมของเธอได้ชัด ๆพิมพ์ใจย่นหัวคิ้วเข้าหากันด้วยความแปลกใจ เมื่อรถตู้จอดที่หน้าประตูรั้วบ้านที่ถูกปิด และมีโซ่กับแม่กุญแจอันใหญ่คล้องไว้ หญิงสาวหันไปมองหน้าคนที่นั่งอยู่ข้างเธออารัญยิ้มอ่อนหวาน ก่อนจะบอกเธอว่า“ลงไปดูใกล้ ๆ มั้ยครับ”“ลงไปดูได้เหรอคะ”เพราะที่ประตูรั้วบ้านมีแผ่นป้ายปิดประกาศเอาไว้ว่า เป็นทรัพย์ของธนาคารแห่งหนึ่ง พิมพ์ใจจึงไม่แน่ใจว่า เธอจะเข้าไปดูใกล้ ๆ ได้จริงเหรอ“ได้สิครับ มาเถอะ พี่พาไปเอง”เมื่อคนขับรถเปิดประตูด้านข้างรถ อารัญลงจากรถก่อน แล้วหันมาประคองคุณแม่ท้องคนสวย
พิมพ์ใจตื่นนานแล้ว แต่เธอยังคงนอนอยู่ท่าเดิม นอนอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่นของคนตัวโตหญิงสาวนอนมองหน้าเขาอยู่ครู่ใหญ่ คนที่เหน็ดเหนื่อยจากการทำงานจึงลืมตาขึ้น พอเห็นว่าคนที่เขากกกอดไว้ตื่นก่อนแล้ว เขาก็ยิ้มหวาน แล้วหลับตาลงอีกครั้ง พร้อมกับกระชับวงแขนโอบกอดคุณแม่ตัวเล็กไว้เต็มอ้อมอก“ฮื้อ ! พี่รัญขา ตื่นได้แล้วค่ะ วันนี้มีประชุมนะคะ”คนที่ต้องประชุมถอนหายใจเฮือกใหญ่ และบ่นทั้งที่ยังหลับตาอยู่ว่า“พี่ว่า พี่เปลี่ยนอาชีพไปเป็นชาวสวนดีไหม เราสองคนจะได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลา ตอนเช้ากินข้าวด้วยกัน ตอนสายก็เข้าสวน พี่ดูแลสวนดูแลต้นไม้ ส่วนพิมพ์ก็นั่งใกล้ ๆ คอยเป็นกำลังใจให้พี่ พอกลางวันก็กินข้าวปิ่นโตฝีมือเมีย ตกเย็นก็เดินจูงมือกันกลับบ้าน อาบน้ำ แล้วก็เข้านอนพร้อมกัน แต่เป็นประธานบริษัทเนี่ย ไม่ได้เข้านอนพร้อมเมียเลย พี่กลับถึงบ้านทีไร พิมพ์ก็หลับก่อนทุกที”พิมพ์ใจลูบแก้มท่านประธานบริษัท เธอยิ้มหวานให้กำลังใจเขา“เป็นประธานบริษัทก็กินข้าวปิ่นโตฝีมือเมียได้นะคะ วันนี้พิมพ์จะทำกับข้าว และเอาปิ่นโตมื้อกลางวันไปให้ที่บริษัทนะคะ พอเรากินข้าวเที่ยงด้วยกันเสร็จ จากนั้นพิมพ์ก็จะนั่งให้กำลังใจพี่รัญอยู่ในห้อ
พอเมียทำให้เขาเสียว เขาก็ระบายความเสียวด้วยการบีบขยำบั้นท้ายอวบอัดสองลอนเต็มสองมือ และเมื่ออารมณ์ร้อนแรงพุ่งสูง เขาก็สอดนิ้วกลางผ่านขอบเป้ากางเกงชั้นในตัวบาง ซอกซอนสำรวจแอ่งเนื้ออุ่นลื่นชุ่มฉ่ำพิมพ์ใจเงยหน้าขึ้น ครางแว่วหวาน เธอกดหัวเข่าข้างหนึ่งลงกลางหว่างแกร่ง เท้าบางอีกข้างยืนอยู่บนพื้น เธอแอ่นก้น ยกกระดก และส่ายร่อนรับนิ้วที่ขยับเสียดสีกลางกลีบเนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ“พี่รัญ…พิมพ์จะเอา”เขาทำให้เธอเสียว กระตุ้นจนเธอร้อนฉ่าไปทั้งตัว ร่องสาวตอดกระตุก เรียกร้องหาความแข็งแกร่งมาเติมเต็มอารัญปลดเข็มขัด แกะกระดุม รูดซิป และปลดปล่อยตัวตนแข็งขึงออกมา“เอาเลย เอาพี่แรง ๆ นะครับ พี่รออยู่”สองสายตาสบประสาน ต่างคนต่างกระหายและโหยหากันและกันพิมพ์ใจขยับหันหลังให้เขา เธอรูดกางเกงชั้นนั้นในลงจนพ้นปลายเท้า แล้วจึงล้วงมือลงกลางหว่างขาแกร่ง จับแก่นกายอวบยาวรูดเบา ๆ แล้วจับตรงส่วนหัวมนทู่จี้จมตรงปากทางร่องสาวอารัญประคองเอวของภรรยาไว้ และจับจ้องมองภาพเร้าใจไม่วางตา หัวมนอวบใหญ่กำลังสอดใส่เข้าไปในร่องอุ่นอ้าว แค่ส่วนหัวจมจ่อมเข้าไป เขาก็เสียวจนต้องกัดฟัน พอพิมพ์ใจขย่มบั้นท้ายลงมา ร่องเนื้ออุ่นอ้าวดูดกลืน
“อย่าทำตาแบบนี้สิครับ พี่กลัว”“อย่างพี่รัญน่ะเหรอคะจะกลัวพิมพ์”“กลัวสิครับ พี่กลัวพิมพ์ไม่รัก กลัวพิมพ์หนีไปไกล ๆ อีก ถ้าเป็นแบบนั้น พี่ต้องใจขาดตายแน่นอน”พิมพ์ใจมองสบตาคู่คม เธอประคองใบหน้าหล่อเหลาไว้ในสองมือ“เราสัญญากันแล้วนี่คะว่า จะไม่พูดถึงเรื่องในอดีตอีก เราจะมีความสุขกับปัจจุบัน รักและหวังดีให้กันในทุก ๆ วัน พี่รัญลืมสัญญาของเราไปแล้วเหรอคะ”เพราะบางเรื่องราวในอดีตไม่น่าจดจำเท่าไรนัก แต่ก็ไม่อาจลบเลือนไปจากความทรงจำได้ หลังจากปรับความเข้าใจกันแล้ว เขาและเธอจึงสัญญากันว่า จะไม่พูดถึงเรื่องในอดีตอีก ไม่ว่าจะไม่พอใจกันมากแค่ไหน ไม่ว่าจะผิดใจกันมากเท่าไร ก็จะไม่รื้อฟื้นมันขึ้นมาอีก ปล่อยให้มันเป็นอดีตไป ให้มันอยู่แค่ในความทรงจำก็พอ“พี่ขอโทษครับ ต่อไปนี้พี่จะไม่พูดถึงอีกแล้ว”อารัญยิ้มเต็มใบหน้า ไม่ว่าเธอต้องการอะไร ไม่ว่าเธออยากให้เขาทำแบบไหน เขาก็ยอมทำให้ทั้งนั้น ยอมให้เธอคนเดียว เพราะอยากให้เธอยิ้มสดใสในทุก ๆ วัน“พิมพ์รักพี่รัญนะคะ”พิมพ์ใจยิ้มอ่อนหวาน นัยน์ตาเป็นประกายสดใส“พี่รักพิมพ์มากกว่า”“พิมพ์รักพี่รัญมากกว่าต่างหาก”อารัญหัวเราะในลำคอ“ไม่เชื่อหรอก”“จริง ๆ นะคะ”“