คำพูดของเขาทำให้พิมพ์ใจเงยหน้ามองเขาอีกครั้ง สายตาคู่สวยที่เคยอ่อนโยนอ่อนหวาน แปรเปลี่ยนสายตาที่มีแต่ความเกลียดชังอารัญไม่สนใจสายตาคู่นั้น เขาเดินออกจากห้อง ปล่อยให้พิมพ์ใจอยู่ในห้องทำงานเพียงลำพังพิมพ์ใจมองบานประตูที่ปิดลง เธอนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นครู่ใหญ่ ลำพังเธอเพียงคนเดียว คงไม่สามารถพาตัวเองหนีไปจากเขาได้ เธอคงต้องขอความช่วยเหลือจากใครสักคน ใครคนนั้นที่สามารถพาเธอออกจากห้องทำงานของเขาได้ โดยที่ไม่มีใครกล้าเข้ามาขัดขวาง แม้แต่ผู้ชายใจร้ายคนนั้น16 เมื่อเธอหายไปพิมพ์ใจกำโทรศัพท์ในมือไว้แน่น เธอโทรหาคุณแม่ราณี 2 ครั้งแล้ว แต่ท่านไม่รับสาย ท่านอาจจะติดธุระ หรือไม่ก็คงกำลังจะพูดคุยอยู่กับใครสักคน เธอจึงนั่งรอ และหวังว่าท่านจะโทรกลับมา เธอต้องการความช่วยเหลือจากท่านเสียงเอะอะโวยวายที่หน้าประตู ก่อนที่บานประตูจะถูกเปิดออก ทำให้พิมพ์ใจเงยหน้าขึ้น เธอมองไปที่ประตู เจ้าของเสียงเอะอะโวยวาย ก็คือวาสินี หญิงสาวต่อว่าต่อขานเลขาที่หน้าห้องด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด“ฉันจะนั่งรอคุณรัญในห้องนี้ ถ้าไม่อยากให้ฉันนั่งรอในนี้ ก็ไปเรียก รปภ. มาลากฉันออกไป”คุณเลขาซึ่งเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ก้มหน้าหลบสายต
เมื่อไปถึงห้องพยาบาล คุณพยาบาลรีบพาพิมพ์ใจไปล้างหน้า และใช้ผ้าชุบน้ำซับบริเวณที่เปื้อนด้วยน้ำเย็นพิมพ์ใจต้องถอดชุดเดรสที่เปื้อนออก และเปลี่ยนมาใส่เสื้อคลุมของห้องพยาบาลแทนหลังจากจัดการรอยเปื้อนบนหน้าและเนื้อตัวหมดแล้ว คุณพยาบาลพาพิมพ์ใจเข้าไปในห้องตรวจ เพื่อตรวจอาการเบื้องต้น และทำความสะอาดแผลให้อีกครั้ง ก่อนจะทายาให้ด้วย โชคดีที่น้ำร้อนไม่มาก จึงไม่น่าเป็นกังวลเท่าไร แต่ผิวเนียนก็เป็นรอยแดง“ดูจากรอยแดงแล้ว ไม่น่าจะเป็นอะไรมากนะคะ แต่รอพบคุณหมอหน่อยดีกว่าค่ะ อีกประมาณสิบนาทีคุณหมอก็จะเข้ามาแล้วค่ะ”“ค่ะ ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะพี่พยาบาล”คุณพยาบาลยิ้มให้พิมพ์ใจ ก่อนจะปล่อยให้หญิงสาวนั่งรอคุณหมออยู่ในห้อง ส่วนเธอก็ออกไปจัดการเอกสารข้างนอกคุณเลขาที่พาพิมพ์ใจมาที่ห้องพยาบาล ขอตัวขึ้นไปทำงานต่อแล้ว ในตอนที่คุณเลขาขึ้นไปถึงหน้าห้องท่านประธานบริษัท คนของอารัญที่ได้รับหน้าที่มาเฝ้าพิมพ์ใจก็รีบเอ่ยถามว่า“คุณพิมพ์อยู่ไหน ทำไมไม่ขึ้นมาด้วยกัน”“คุณพิมพ์รอคุณหมอมาตรวจค่ะ ดิฉันรีบขึ้นมาทำงานที่ทำค้างไว้” คุณเลขาบอกแล้วเดินไปนั่งลงที่โต๊ะทำงานของตนเพราะรับคำสั่งจากเจ้านาย ให้จับตามองพิมพ์ใจไว้ตลอ
อารัญหลุบตามองหญิงสาวด้วยสายตาว่างเปล่า ดูเหมือนว่าวาสินีจะไม่ยอมรับในสิ่งที่เขาเคยบอกไปก่อนหน้านี้“ผมจะบอกคุณอีกครั้งนะคุณวาสินี ระหว่างเราไม่มีทางเป็นไปได้ อย่ามาก่อเรื่องวุ่นวายที่นี่อีก ไม่อย่างนั้น ผมจะบอก รปภ. ให้จับคุณโยนออกไปจากตึกนี้” อารัญจับมือบางของวาสินีออกจากแขน แล้วขยับออกห่างเธอวาสินีอ้าปากค้าง“แค่ว่ามาชวนคุณไปกินข้าวด้วยเท่านั้น ทำไมถึงต้องว่ากันแรง ๆ แบบนี้ด้วยคะ”อารัญจ้องหน้าคนโกหก คนไม่ยอมรับว่าตัวเองก่อเรื่องวุ่นวาย และทำผิดร้ายแรง“คุณทำร้ายคนของผม”วาสินียิ้มเยาะ“ก็มันปากดี โดนแค่นี้ยังน้อยไป ทำไมหรือคะ มันฟ้องคุณ มันบอกคุณให้มาต่อว่าวาเหรอคะ”อารัญขบกรามแน่น เขาจ้องหน้าวาสินีด้วยความโกรธ“อย่ามาที่นี่อีก ผมไม่ต้อนรับคุณ เราสองคนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป อย่าให้ผมต้องบอกเป็นครั้งที่สอง ไม่เช่นนั้น บริษัทของคุณมีปัญหาแน่นอน ผมเป็นคนพูดจริงทำจริง คุณก็รู้ดี”คำขู่ของอารัญทำให้วาสินีเม้มปากแน่น เธอรู้ว่าเขาพูดจริงทำจริง และทำแบบนั้นได้แน่นอน มีข่าวลือหนาหูว่า ที่บริษัทของคุณมานะชัยแพ้โครงการประมูลล่าสุด ก็เพราะอารัญเป็นคนจัดการทุกอย่าง มีข่าววงในที่รู้กัน
พอได้อยู่คนเดียวหลังจากผ่านเหตุการณ์มามากมาย ได้คิดไตร่ตรองถึงเรื่องราวต่าง ๆ และได้ทบทวนหัวใจตัวเอง พิมพ์ใจก็พบว่า เธอไม่เคยเลิกรักเขาเลย และไม่รู้ว่าจะเลิกรักได้ไหม หัวใจดวงน้อยยังมีเขาครอบครองอยู่เต็มทุกห้องใจ แต่ความรักที่มาพร้อมกับความเจ็บปวด ทำให้เธอต้องพาตัวเองออกมาทั้งรัก ทั้งเจ็บปวด มันทรมานเกินไปพิมพ์ใจเคยคิดว่า การอยู่ให้ห่างเขา การไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา สักวัน เธออาจลืมเขาได้ แต่ตอนนี้ เธอไม่รู้ว่า สิ่งที่เธอคิด มันจะเป็นไปได้ไหมเพราะแม้จะไม่ได้อยู่ใกล้เขาแล้ว แม้ไม่ได้เจอะเจอหน้ากัน ทว่าในท้องของเธอตอนนี้ มีตัวแทนของเขากำลังเติบโตขึ้นทุกทุกวันตอนที่ได้ยินคุณหมอบอกว่า “คนไข้ตั้งครรภ์ประมาณหกสัปดาห์แล้วนะครับ” พิมพ์ใจชาวาบไปทั้งตัว หวาดหวั่นและตื่นกลัว เธอต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ในการควบคุมสติ แต่ในความรู้สึกทั้งหลายทั้งมวลที่ตีรวนกันในหัว ไม่มีแม้เศษเสี้ยวความคิดที่จะทำร้ายเลือดเนื้อเชื้อไขของเธอและเขา“แม่จะเลี้ยงหนูเองนะคะ เราอยู่กันสองคนแม่ลูกก็ได้เนอะ”ก็ในเมื่อคนเคยรักไม่ได้รักเธอแล้ว การอยู่ด้วยกันก็อาจจะทำให้เจ็บปวดมากกว่ามีความสุข เธอไม่อยากให้ลูกอยู่ในความสั
“ค่ะ” พิมพ์ใจยิ้มและพยักหน้าน้อย ๆ “พิมพ์นะคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”แม้จะระวังตัว แต่เธอก็ไม่เสียมารยาท เขาแนะนำตัวกับเธอแล้ว เธอก็ควรจะแนะนำตัวกับเขาบ้าง“ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณพิมพ์”ไม้สักเป็นผู้ชายรูปร่างสูง ดูเป็นคนสุขภาพดี เขามีผิวขาว และใบหน้าจัดว่าดูดีเลยทีเดียว“ค่ะ พิมพ์รดน้ำเสร็จแล้ว ขอตัวก่อนนะคะ” พิมพ์ใจลากสายยางกลับเข้ามาในบ้าน เธอปิดล็อกประตูรั้ว แล้วเดินไปปิดก๊อกน้ำที่อยู่ข้างกำแพง ก่อนจะเดินกลับเข้าบ้านไป โดยไม่เหลียวหลังกลับไปมองเพื่อนบ้านที่อยู่ตรงข้ามกันอีกเลยไม้สักถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขายิ้มเต็มใบหน้า เขาเฝ้ามองเธอตั้งแต่วันแรกที่เธอมาอยู่ที่นี่แล้ว เขาไม่รู้ว่าบ้านหลังนี้เป็นของใคร เพราะว่าปกติแล้วไม่มีใครอาศัยอยู่เลย แต่ก็มีบริษัททำความสะอาดเข้ามาทำความสะอาดทุกสัปดาห์ บ้านจึงเรียบร้อยน่าอยู่ตลอดเวลา“พิมพ์…” ชายหนุ่มรำพึงชื่อหญิงสาว แล้วยิ้มกว้างกว่าเดิม“คิดยังไงถึงกลับมานอนบ้านตั้งสองสัปดาห์แล้ว”คุณราณีเอ่ยถามบุตรชายในตอนที่เขาเดินเข้ามาในห้องโถงของบ้านอารัญนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกับมารดา เขาหันไปมองหน้าท่าน ใบหน้าติดบึ้งตึงเล็กน้อย สายตาก็มองผู้เป็นแม่อย่างจ
อารัญไม่รู้ว่าเขาต้องรู้สึกยังไงดี ควรจะตื่นเต้น ยินดี หรือเป็นห่วงที่เธอไปอยู่ลำพัง เขารู้แต่ว่า ไอ้ที่บอกว่าอยากให้น้องกลับมาชดใช้...ความคิดนี้มันหายไปทันทีที่ได้รับรู้เรื่องสำคัญที่แม่เพิ่งบอก ตอนนี้ ไม่มีความคิดแบบนั้นอยู่ในหัวเขาสักนิดคุณราณียิ้มอ่อนโยน“ใครบอกว่าแม่จะปล่อยน้องไป ไม่ว่าหนูพิมพ์จะไปอยู่ที่ไหน ไม่ว่าจะทำอะไร แม่รู้ทุกความเคลื่อนไหว ทุกฝีก้าว แม่ทำเพื่อความปลอดภัยของพิมพ์ ไปอยู่คนเดียวแบบนั้น หากเกิดอะไรขึ้น ก็จะได้ช่วยเหลือได้ทัน”“งั้นคุณแม่ก็บอกผมมาสิครับ ว่าพิมพ์อยู่ที่ไหน”“รัญบอกแม่มาก่อนสิว่า รัญจะไปหาน้องเพื่ออะไร”อารัญมองสบตามารดา แววตาจริงจังแน่วแน่“ผมรักพิมพ์ครับ และผมจะไม่มีวันทำร้ายเธออีกเด็ดขาด คนที่ต้องชดใช้ไม่ใช่พิมพ์ แต่เป็นผมต่างหาก ผมต้องรับผิดชอบ ต้องชดใช้ให้เธอตลอดชีวิต”18 พี่มาง้อนะครับ“ออกไป ! ไสหัวไปไกล ๆ เลยนะ ระหว่างเราไม่มีอะไรต้องพูดกันแล้ว เรื่องของเรามันจบไปแล้ว ฉันไม่รักคุณแล้ว”อารัญตาเบิกกว้าง ยืนนิ่งตะลึงงัน เขาไม่คิดว่า ผู้หญิงตัวเล็กอ่อนหวานอย่างพิมพ์ใจ จะกลายเป็นคนเกรี้ยวกราดได้ขนาดนี้ เขารู้สึกราวกับว่า ผู้หญิงที่เท้าสะเอว
“พิมพ์ !”โครม !!!เพราะฝันร้าย จึงทำให้อารัญดิ้นไปมาจนสะดุ้งตื่น เขาตกจากเปลที่นอนอยู่ ร่างสูงกำยำตกลงกระทบพื้น ใบหน้าหล่อเหลาบิดเบ้ เพราะเจ็บและจุกไม่ใช่น้อยอารัญขยับตัวลุกขึ้นนั่ง รู้สึกเจ็บตรงบั้นท้าย เขามองไปรอบกาย ก็เห็นว่ายังมืดอยู่ ชายหนุ่มจึงยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู ก็พบว่านี่เพิ่งเวลา 4.00 น.คนสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้าย ถอนหายใจอย่างโล่ง เมื่อรู้ว่ามันเป็นเพียงแค่ความฝัน เขายกมือขึ้นจับที่หน้าตัวเอง ก็พบว่ามีน้ำตาไหลออกมาจริง ๆอารัญเช็ดน้ำตาบนใบหน้า พร้อมทั้งสูดน้ำมูกสองที หัวใจยังเต้นแรง และรู้สึกวูบโหวงในอก เขาหันไปมองประตูบ้านหลังเล็กที่ยังคงปิดสนิท ก่อนจะหันกลับไปมองบ้านที่อยู่หลังตรงกันข้ามกัน บ้านไอ้หอกหักนั่น ไอ้ตัวโกงที่คิดจะมาแย่งเมียของเขาไป เขาไม่มีวันยอมหรอกพิมพ์ใจเป็นเมียเขา ลูกในท้องของเธอก็เป็นลูกของเขา เขาจะสู้จนสุดใจ จะง้อจนกว่าเธอจะยอมคืนดี จะปักหลักอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหนอารัญเกาะเสาที่ใช้ผูกเปลเพื่อพยุงตัวลุกขึ้นยืน เขาบิดกายไปมาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะนั่งลงบนเปลอีกครั้ง มองไปรอบกายอย่างสำรวจตรวจตรา แล้วจึงนอนเหยียดยาวในเปลเขานอนรอเวลา รอให้ถึงรุ่งเช้า รอให้ถึงเวลา
“พี่ขอโทษ ยกโทษให้พี่ได้ไหมครับ พี่อยากชดใช้ในสิ่งที่พี่ทำลงไป”“เราสองคนชดใช้ให้กันเพียงพอแล้วค่ะ คุณรัญไม่ต้องมาชดใช้อะไรให้พิมพ์เลย ระหว่างเราไม่มีอะไรติดค้างกันแล้วค่ะ”อารัญจ้องมองดวงตาคู่สวย ในนั้นมีแววมุ่งมั่นและแน่วแน่ ไม่มีความอ่อนแออ่อนไหวในดวงตาของเธอเลย“พิมพ์ให้โอกาสพี่สักครั้งได้มั้ยครับ”พิมพ์ใจถอนหายใจเฮือกใหญ่ เธอมองสบตาเขาอย่างไม่กลัวเกรง“ให้โอกาส เพื่อให้คุณรัญทำร้ายพิมพ์อีกน่ะเหรอคะ”“พี่ไม่มีวันทำแบบนั้นอีกเด็ดขาด พี่ไม่มีวันทำให้พิมพ์เสียใจอีก”พิมพ์ใจยิ้มบาง“กลับไปเถอะค่ะ เราไม่ควรติดต่อกันอีก ปล่อยให้เรื่องทุกอย่างมันเลือนหายไปตามกาลเวลา สักวันเราสองคนก็จะลืมกันและกันได้เอง”“ไม่ พี่จะไม่ไปไหน จนกว่าพิมพ์จะยกโทษให้พี่”“ก็แล้วแต่คุณรัญนะคะ แต่พิมพ์ไม่อนุญาตให้เข้ามาในบ้าน ถ้าคุณรัญใช้กำลังบังคับพิมพ์ พิมพ์จะฟ้องคุณแม่ราณี และถ้าพิมพ์ไปจากที่นี่ได้อีกครั้ง พิมพ์จะไปให้ไกล จะไม่รับความช่วยเหลือจากใครอีกแล้ว และคุณรัญจะไม่มีวันตามหาพิมพ์เจอแน่นอน”“พี่ไม่เข้าไปในบ้านก็ได้ แต่พี่ขอนอนนอกบ้านได้มั้ยครับ”พิมพ์ใจไม่ตอบรับ ไม่ปฏิเสธ หญิงสาวก้าวถอยหลังผ่านประตูเข้าไป
อารัญไม่สนใจข่าวพวกนั้นหรอก เพราะคนอื่นไม่ได้มาใช้ชีวิตร่วมกับเขากับพิมพ์ใจ แค่ครอบครัวของเราเข้าใจและยอมรับกัน รักและเข้าใจกัน เขาก็ไม่เห็นต้องแคร์คนอื่นเลยเขาแคร์เฉพาะคนที่ยืนข้างกายเขาในตอนนี้ต่างหาก เขาอยากให้เธอมีความสุขในทุกวัน ไม่อยากให้ใครหรืออะไรมาทำให้เธอทุกข์ร้อนใจสักนิด ดังนั้น เมื่อเห็นว่ามีสายตาหลายคู่จับจ้องมาที่เขากับภรรยา อารัญก็กอดเอวบางรั้งเธอมาแนบชิดอย่างปกป้องหวงแหน“ซื้อไว้สักยูนิตดีมั้ยครับ เอาไว้แอบหนีเจ้าพอร์ชไปจู๋จี๋กันสองต่อสอง” อารัญกระซิบถามยิ้ม ๆพิมพ์ใจหันขวับไปมองสบตาสามี เธอขึงตาใส่คนหื่น“พี่รัญ หน้าไม่อาย”“อายทำไมล่ะครับ พี่ชอบ” อารัญบอกพลางทำทีเหลือบตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะกระซิบบอกเมียว่า“วิวห้องมุมดีมากเลยนะครับ จัดที่ระเบียงน่าจะฟินมาก โอ๊ย !”คนคิดหื่นกลางวันแสก ๆ โดนเมียหยิกจนต้องร้องโอดโอยเบา ๆ กระนั้นคนถูกเมียหยิกก็ยังยิ้มกรุ้มกริ่มได้การโอบกอดเมียไว้แนบกายตลอดเวลา การส่งสายตาหวานเชื่อมมองกัน และการพูดคุยหัวร่อต่อกระซิกของสามีภรรยา ทำให้คนที่มองพวกเขาตั้งแต่เดินเข้ามาในงานหมั่นไส้วาสินีก็มางานนี้เช่นกัน พอเห็นภาพสวีตของสองคนนั้นแล้วก็อดไม่ได้
เมื่อห้วงเวลาแสนเสียวเบาบาง พิมพ์ใจก็นอนหอบหายใจแรงจนทรวงอกสะท้านขึ้นลงอารัญดูดเนื้อนวลเต็มปาก เขาดื่มด่ำกับความหวานละมุนอย่างพอใจ ก่อนจะไล้เลียไปทั่วทุกซอกหลืบความสาว แล้วจึงค่อย ๆ เลื่อนใบหน้าขึ้นมา เขาพรมจูบเนินเนื้ออวบอูมนวลเนียนไร้พุ่มไหม ก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนใบหน้าขึ้นมา เพื่อจูบสลับกับไล้เลียผิวเนียนจากหน้าท้องแบนราบ ขึ้นมาถึงชายโครง ก่อนจะเข้าครอบครองทรวงอกอวบอิ่มด้วยปากร้อนผ้าว ดูดดึง ไล้เลีย จนเมียครางหวิวในลำคอ และเริ่มมีอารมณ์อยากขึ้นมาอีกครั้ง“พิมพ์จ๋า...ขึ้นให้พี่นะครับ”อารัญกระซิบอ้อนเสียงแตกพร่าพิมพ์ใจลืมตาขึ้นสบตาคมเข้ม หญิงสาวผลักอกกว้างเบา ๆ สามีของเธอก็เอนกายลงนอนหงายอย่างเต็มใจอารัญนอนมองเมียป่ายขาคร่อมตัวเขา แล้วหยัดกาย นั่งคุกเข่าคร่อมอยู่ตรงกลางหว่างขา เธอล้วงมือลงจับหัวมนทู่เอามันไปถูไถกลางกลีบเนื้ออ่อนนุ่ม“ซี้ด ! พิมพ์จ๋า...”อารัญครางเสียว แล้วกัดฟันแน่น เขายื่นมือไปจับเอวบางไว้หลวม ๆ มองใบหน้าเมียอย่างแสนรัก แสนเสน่หา อารัญกลั้นหายใจ ในตอนที่เมียจับหัวอวบใหญ่กดลงตรงปากทางแอ่งอุ่นนุ่มลื่น และพอเธอโน้มตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย กดสองมือลงบนอกกว้าง แล้วขย่มลงมา
“พี่รัญ...พอแล้ว” พิมพ์ใจทั้งดิ้น ทั้งขำ เธอทุบบ่ากว้างไปหนึ่งที คนขี้แกล้งจึงหยุดอารัญทาบทับตัวเองลงบนเรือนกายเนียนนุ่ม เขาสอดแขนลงใต้แผ่นหลังบาง กกกอดเธอไว้เต็มอ้อมอก และซุกหน้าอยู่ซอกคอหอมกรุ่น“เฮ้อ ! รู้สึกดีจังเลย พี่อยากกอดพิมพ์ไว้แบบนี้ตลอดไป”พิมพ์ใจยิ้มอ่อนหวาน เธอยกแขนขึ้นกอดเขาไว้เต็มวงแขน ตัวเขาใหญ่โตกว่าเธอมาก พอถูกเขาทาบทับและกอดไว้แน่น ๆ แบบนี้ เธอรู้สึกหนักอยู่เหมือนกัน แต่ความรู้สึกอบอุ่นไปทั้งตัวทั้งใจมันมากกว่า“งั้นก็กอดอย่างนี้ไปจนถึงเช้าเลยดีมั้ยคะ”ทำไมจะไม่รู้ว่า สามีอยากทำมากกว่ากอด เพราะตอนนี้ ความเป็นชายของเขาแข็งคึกแนบอยู่กับต้นขาของเธอคนอยากทำมากกว่ากอดรีบพลิกตัวลงนอนหงาย โดยกอดรัดเมียให้มานอนเกยก่ายอยู่บนตัวเขาแทน“อยากทำมากกว่ากอด แต่วันนี้เหนื่อยจังเลยครับ พิมพ์จ๋า พิมพ์ที่รัก ทำให้พี่หน่อยนะครับ”พิมพ์ใจยิ้มอย่างรู้ทัน หญิงสาวลุกขึ้นนั่งคร่อมหน้าท้องแกร่ง เธอไขว้มือลงจับชายกระโปรงชุดนอนแล้วดึงออกทางศีรษะเธอไม่ได้ใส่ชุดชั้นใน ดังนั้น สิ่งที่อารัญเห็นตอนนี้คือ เรือนร่างขาวนวลล้อแสงไฟ กับเต้านมอวบใหญ่ของคุณแม่ลูกหนึ่งแม้น้องพอร์ชจะเลิกกินนมแม่ไปแล้ว
พอได้ไอติมถ้วยเล็กมาแล้ว อารัญก็พาลูกชายไปนั่งรอที่ม้านั่งตัวยาวซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับร้านขนม เขานั่งหันหลังให้ร้าน ใช้ตัวบังลูกชายที่นั่งอยู่บนตัก ป้อนไอติมให้ลูกกินอย่างระมัดระวัง เพราะกลัวว่าจะเลอะ แล้วแม่พิมพ์จะจับได้คุณพ่อรัญยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่เห็นลูกกินอย่างมีความสุข พอลูกชายกินไอติมจนหมดถ้วย เขาจึงเอ่ยถามว่า“อร่อยมั้ยครับ”“อะหย่อยฮับ” น้องพอร์ชเงยหน้าขึ้นมาตอบและยิ้มหวานให้คุณพ่อ“เปื้อนขนาดนี้ เช็ดปากให้ลูกหน่อยมั้ยคะ”เสียงดุ ๆ มาพร้อมกับทิชชูเปียกยื่นมาตรงหน้าคุณพ่อคนตามใจลูกถึงกับใจหายวาบ เขาเงยหน้ามองคุณแม่หน้าหวานแต่ตาดุ แล้วยิ้มแหยให้เธอ“พิมพ์บอกแล้วว่า ช่วงนี้ น้องพอร์ชต้องงดไอติมและเครื่องดื่มเย็น”“กะ...ก็ลูกอยากกิน” ไม่รู้จะเถียงยังไง และก็ไม่รู้จะเอาเหตุผลใดไปเถียงพิมพ์ใจถอนหายใจแรง หญิงสาวเช็ดปากเช็ดแก้มเลอะไอติมของลูกชาย“กลับบ้านกันได้แล้วค่ะ วันนี้ต้องมีคนโดนทำโทษแน่นอน”พิมพ์ใจพูดพร้อมกับส่งสายตาดุให้สามี ก่อนจะหันไปมองลูกชาย แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากอะไร เจ้าเด็กหัวหมอก็พูดเสียงอ่อนเสียงหวาน“จุนแม่ฮับ จุนแม่คนฉวย จุนแม่ใจดี๊ดีของพอร์ช”พิมพ์ใจถึงกับส่ายหน้ากับ
พิมพ์ใจเดินเข้าไปหยุดอยู่ข้างเก้าอี้ที่สองพ่อลูกนั่งอยู่ เธอยื่นสองมือไปหาลูกชาย เพื่อจะอุ้มไปนั่งรอคุณพ่อที่โซฟา“ไม่อาว...พอร์ชจะอยู่กับจุนพ่อ” เจ้าหนูหันหน้าเข้าหาคุณพ่อ แขนเล็กป้อมกอดลำคอแกร่งไว้แน่น ซุกหน้ากับบ่ากว้าง ไม่ยอมไปหาคุณแม่อารัญกอดลูกชายไว้ด้วยวงแขนข้างหนึ่ง มืออีกข้างลูบศีรษะอย่างรักใคร่เอ็นดูสุดหัวใจ“พี่รัญคะ ส่งลูกมาให้พิมพ์เถอะค่ะ พี่รัญจะได้ทำงาน”“ไม่เป็นไรครับ อีกนิดเดียวก็เสร็จแล้ว พี่อุ้มลูกไว้เอง พิมพ์ไปนั่งรอที่โซฟาเถอะ”พิมพ์ใจถอนหายใจบางเบา พลางคิดในใจว่า ดื้อทั้งพ่อทั้งลูกเลย แต่เธอก็ยอมเดินไปนั่งรอที่โซฟาแต่โดยดี“คุณแม่ไปแล้วครับ”คุณพ่อกระซิบกระซาบบอก น้องพอร์ชจึงค่อย ๆ เหลียวหลังไปมอง พอเห็นว่าคุณแม่ไปนั่งอยู่ตั้งไกลแล้ว เด็กชายก็ยิ้มพอใจ เขาขยับตัวนั่งลงบนตักของคุณพ่อ พิงหลังกับอกอบอุ่นที่เขาชื่นชอบอารัญสอดแขนลงใต้รักแร้คนตัวเล็ก โอบกอดลูกไว้ด้วยแขนข้างหนึ่ง มืออีกข้างก็ตรวจงาน เซ็นเอกสารไปเรื่อย ๆน้องพอร์ชนั่งนิ่ง ไม่ดื้อ ไม่ซน นั่งรอคุณพ่อทำงานอย่างเรียบร้อยครู่เดียวอารัญก็ทำงานเสร็จ เขาจึงอุ้มลูก ลุกขึ้นจากเก้าอี้ และพาเดินไปหาคุณมาที่นั่งอ่า
พอพูดถึงบ้านตัวเอง ใบหน้าของพิมพ์ใจก็หม่นเศร้าลง หญิงสาวมองไปนอกหน้าต่างรถ ถนนเส้นนี้เป็นเส้นที่เธอคุ้นเคย และรถก็กำลังเคลื่อนเข้าใกล้บ้านที่เคยเป็นของครอบครัวเธอ เธออยากเห็นอีกสักครั้ง อยากเห็นบ้านที่เธอเคยพักพิง ที่ที่เคยมีคุณพ่อคุณแม่อยู่ด้วยกัน...อยากเห็นก่อนที่มันจะถูกขายไปเป็นของคนอื่นอารัญกระชับมือนุ่มที่กุมอยู่ เขามองใบหน้าด้านข้างของพิมพ์ใจ เธอกำลังมองออกไปนอกหน้าต่างรถ เขารู้ว่าเธอรอดูตอนที่รถขับผ่านบ้านของเธอ แต่เขาจะไม่ให้รถขับผ่านไปเฉย ๆ เขาจะให้คนขับรถจอด เพื่อเธอจะได้ลงไปดูบ้านหลังเดิมของเธอได้ชัด ๆพิมพ์ใจย่นหัวคิ้วเข้าหากันด้วยความแปลกใจ เมื่อรถตู้จอดที่หน้าประตูรั้วบ้านที่ถูกปิด และมีโซ่กับแม่กุญแจอันใหญ่คล้องไว้ หญิงสาวหันไปมองหน้าคนที่นั่งอยู่ข้างเธออารัญยิ้มอ่อนหวาน ก่อนจะบอกเธอว่า“ลงไปดูใกล้ ๆ มั้ยครับ”“ลงไปดูได้เหรอคะ”เพราะที่ประตูรั้วบ้านมีแผ่นป้ายปิดประกาศเอาไว้ว่า เป็นทรัพย์ของธนาคารแห่งหนึ่ง พิมพ์ใจจึงไม่แน่ใจว่า เธอจะเข้าไปดูใกล้ ๆ ได้จริงเหรอ“ได้สิครับ มาเถอะ พี่พาไปเอง”เมื่อคนขับรถเปิดประตูด้านข้างรถ อารัญลงจากรถก่อน แล้วหันมาประคองคุณแม่ท้องคนสวย
พิมพ์ใจตื่นนานแล้ว แต่เธอยังคงนอนอยู่ท่าเดิม นอนอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่นของคนตัวโตหญิงสาวนอนมองหน้าเขาอยู่ครู่ใหญ่ คนที่เหน็ดเหนื่อยจากการทำงานจึงลืมตาขึ้น พอเห็นว่าคนที่เขากกกอดไว้ตื่นก่อนแล้ว เขาก็ยิ้มหวาน แล้วหลับตาลงอีกครั้ง พร้อมกับกระชับวงแขนโอบกอดคุณแม่ตัวเล็กไว้เต็มอ้อมอก“ฮื้อ ! พี่รัญขา ตื่นได้แล้วค่ะ วันนี้มีประชุมนะคะ”คนที่ต้องประชุมถอนหายใจเฮือกใหญ่ และบ่นทั้งที่ยังหลับตาอยู่ว่า“พี่ว่า พี่เปลี่ยนอาชีพไปเป็นชาวสวนดีไหม เราสองคนจะได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลา ตอนเช้ากินข้าวด้วยกัน ตอนสายก็เข้าสวน พี่ดูแลสวนดูแลต้นไม้ ส่วนพิมพ์ก็นั่งใกล้ ๆ คอยเป็นกำลังใจให้พี่ พอกลางวันก็กินข้าวปิ่นโตฝีมือเมีย ตกเย็นก็เดินจูงมือกันกลับบ้าน อาบน้ำ แล้วก็เข้านอนพร้อมกัน แต่เป็นประธานบริษัทเนี่ย ไม่ได้เข้านอนพร้อมเมียเลย พี่กลับถึงบ้านทีไร พิมพ์ก็หลับก่อนทุกที”พิมพ์ใจลูบแก้มท่านประธานบริษัท เธอยิ้มหวานให้กำลังใจเขา“เป็นประธานบริษัทก็กินข้าวปิ่นโตฝีมือเมียได้นะคะ วันนี้พิมพ์จะทำกับข้าว และเอาปิ่นโตมื้อกลางวันไปให้ที่บริษัทนะคะ พอเรากินข้าวเที่ยงด้วยกันเสร็จ จากนั้นพิมพ์ก็จะนั่งให้กำลังใจพี่รัญอยู่ในห้อ
พอเมียทำให้เขาเสียว เขาก็ระบายความเสียวด้วยการบีบขยำบั้นท้ายอวบอัดสองลอนเต็มสองมือ และเมื่ออารมณ์ร้อนแรงพุ่งสูง เขาก็สอดนิ้วกลางผ่านขอบเป้ากางเกงชั้นในตัวบาง ซอกซอนสำรวจแอ่งเนื้ออุ่นลื่นชุ่มฉ่ำพิมพ์ใจเงยหน้าขึ้น ครางแว่วหวาน เธอกดหัวเข่าข้างหนึ่งลงกลางหว่างแกร่ง เท้าบางอีกข้างยืนอยู่บนพื้น เธอแอ่นก้น ยกกระดก และส่ายร่อนรับนิ้วที่ขยับเสียดสีกลางกลีบเนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ“พี่รัญ…พิมพ์จะเอา”เขาทำให้เธอเสียว กระตุ้นจนเธอร้อนฉ่าไปทั้งตัว ร่องสาวตอดกระตุก เรียกร้องหาความแข็งแกร่งมาเติมเต็มอารัญปลดเข็มขัด แกะกระดุม รูดซิป และปลดปล่อยตัวตนแข็งขึงออกมา“เอาเลย เอาพี่แรง ๆ นะครับ พี่รออยู่”สองสายตาสบประสาน ต่างคนต่างกระหายและโหยหากันและกันพิมพ์ใจขยับหันหลังให้เขา เธอรูดกางเกงชั้นนั้นในลงจนพ้นปลายเท้า แล้วจึงล้วงมือลงกลางหว่างขาแกร่ง จับแก่นกายอวบยาวรูดเบา ๆ แล้วจับตรงส่วนหัวมนทู่จี้จมตรงปากทางร่องสาวอารัญประคองเอวของภรรยาไว้ และจับจ้องมองภาพเร้าใจไม่วางตา หัวมนอวบใหญ่กำลังสอดใส่เข้าไปในร่องอุ่นอ้าว แค่ส่วนหัวจมจ่อมเข้าไป เขาก็เสียวจนต้องกัดฟัน พอพิมพ์ใจขย่มบั้นท้ายลงมา ร่องเนื้ออุ่นอ้าวดูดกลืน
“อย่าทำตาแบบนี้สิครับ พี่กลัว”“อย่างพี่รัญน่ะเหรอคะจะกลัวพิมพ์”“กลัวสิครับ พี่กลัวพิมพ์ไม่รัก กลัวพิมพ์หนีไปไกล ๆ อีก ถ้าเป็นแบบนั้น พี่ต้องใจขาดตายแน่นอน”พิมพ์ใจมองสบตาคู่คม เธอประคองใบหน้าหล่อเหลาไว้ในสองมือ“เราสัญญากันแล้วนี่คะว่า จะไม่พูดถึงเรื่องในอดีตอีก เราจะมีความสุขกับปัจจุบัน รักและหวังดีให้กันในทุก ๆ วัน พี่รัญลืมสัญญาของเราไปแล้วเหรอคะ”เพราะบางเรื่องราวในอดีตไม่น่าจดจำเท่าไรนัก แต่ก็ไม่อาจลบเลือนไปจากความทรงจำได้ หลังจากปรับความเข้าใจกันแล้ว เขาและเธอจึงสัญญากันว่า จะไม่พูดถึงเรื่องในอดีตอีก ไม่ว่าจะไม่พอใจกันมากแค่ไหน ไม่ว่าจะผิดใจกันมากเท่าไร ก็จะไม่รื้อฟื้นมันขึ้นมาอีก ปล่อยให้มันเป็นอดีตไป ให้มันอยู่แค่ในความทรงจำก็พอ“พี่ขอโทษครับ ต่อไปนี้พี่จะไม่พูดถึงอีกแล้ว”อารัญยิ้มเต็มใบหน้า ไม่ว่าเธอต้องการอะไร ไม่ว่าเธออยากให้เขาทำแบบไหน เขาก็ยอมทำให้ทั้งนั้น ยอมให้เธอคนเดียว เพราะอยากให้เธอยิ้มสดใสในทุก ๆ วัน“พิมพ์รักพี่รัญนะคะ”พิมพ์ใจยิ้มอ่อนหวาน นัยน์ตาเป็นประกายสดใส“พี่รักพิมพ์มากกว่า”“พิมพ์รักพี่รัญมากกว่าต่างหาก”อารัญหัวเราะในลำคอ“ไม่เชื่อหรอก”“จริง ๆ นะคะ”“