เทียนเหมินเหรอ?จู่ ๆ หลี่ชิงเฟิงก็คิดถึงสองคนที่เขาจัดการไปก่อนหน้านี้ พวกนั้นก็บอกว่ามาจากเทียนเหมินเหมือนกันตอนนั้นเขาไม่ได้สนใจจริง ๆ ถ้าคนคนนี้ไม่เอ่ยถึงมันอีก เขาคงจะลืมมันไปแล้ว“เป็นฝีมือพวกแก?” หลี่ชิงเฟิงถามอย่างเย็นชาชายในโทรศัพท์ยิ้ม "พี่น้องเทียนเหมินของเรา แกจะลงมือก็ทำอะไรก็ได้เหรอ นี่คือผลลัพธ์"หลี่ชิงเฟิงหัวเราะเบา ๆ "แกโทรมาหาฉันไม่น่าจะแค่อวดพลังต่อหน้าฉันหรอกใช่ไหม? พูดมาเถอะ แกคิดจะทำอะไร?"“ดูเหมือนแกก็ไม่ได้โง่นี่ ไม่มีอะไร ฉันแค่อยากคุยกับแก”“โอเค ที่ไหนล่ะ”“หอแปดเซียน”“ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”หลี่ชิงเฟิงวางโทรศัพท์มือถือ สวมเสื้อคลุมและออกจากออฟฟิศครั้งนี้เขาไม่ได้เรียกหาใครเลย แค่อยากจัดการให้มันจบเร็ว ๆ เพราะทุกครั้งที่จะก้าวไปข้างหน้าก็มักจะมีเรื่องบ้า ๆ พวกนี้มาคอยขวางทางอยู่เสมอ เขารำคาญมากแล้วหลี่ชิงเฟิงขี่จักรยานไฟฟ้า ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเขาก็มาถึงหอแปดเซียนทันทีที่เขาเข้าไปในประตู ชายชุดดำสองคนก็เข้ามาล้อมเขาไว้ ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "คุณก็คือหลี่ชิงเฟิง?"“นำทางไป” หลี่ชิงเฟิงรำคาญใจเล็กน้อยทั้งสองคนพาเขาไปที่ห้องส่วนตัวบนชั้นสอง เปิดประตูแล้วเดิน
“แกคิดว่าพวกเราเทียนเหมินล้วนเป็นพวกขี้เมาหยำเปเหรอ? ฉันจะบอกแกนะ ในเทียนเหมินคนที่เก่งพอ ๆ กับฉันมีนับหมื่นคน!”“ฉันขอเตือนแก อย่ารนหาที่ตายจะดีกว่า! คิดจะฆ่าแก สำหรับฉันใช้แค่นิ้วเดียวก็เพียงพอแล้ว!”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ หลี่ชิงเฟิงก็เงียบไปครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วก้มดูนาฬิกา "เอาล่ะ แกพูดจบแล้ว ถึงตาฉันแล้ว"“ฉันมีทางเลือกให้แกสองทาง ทางแรก จัดการกับเรื่องที่แกเพิ่งก่อขึ้นซะ ทางที่สอง ชดใช้ให้กับหญิงชราที่แขวนคอตายด้วยชีวิตของแก”หลี่ชิงเฟิงพูดอย่างใจเย็น“แกอยากตายมากใช่ไหม!”ดวงตาของชายคนนั้นเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เขายกกำปั้นขึ้นชกไปที่หัวของหลี่ชิงเฟิง!หลี่ชิงเฟิงโบกมือของเขา คว้าข้อมือของชายคนนั้นไว้ในชั่วพริบตา! การเคลื่อนไหวนั้นเร็วมากจนชายคนนั้นไม่ทันตอบสนองด้วยซ้ำ!มือของหลี่ชิงเฟิงบีบข้อมือของเขาแน่น ปลายนิ้วกดลงบนเส้นชีพจร! และในชั่วพริบตาชายคนนั้นก็รู้สึกว่าการเต้นของหัวใจเขาผิดปกติเล็กน้อย มันอึดอัดและรู้สึกแย่มาก!เขาไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะเป็นเหมือนลูกไก่ในกำมือของหลี่ชิงเฟิง ปล่อยให้เขาบงการยังไงก็ได้ ไม่มีทางสู้กลับแม้แต่น้อย!“มัวยืนมองหาพระแสงอะไ
หลี่ชิงเฟิงขมวดคิ้ว "มีอะไรอีกล่ะ"เจิ้งเซียวพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "ลูกชายคนโตของหญิงชรากลับมาแล้วครับ บอกว่าจะไปที่สถานีโทรทัศน์และเปิดโปงพวกเรา!"เรื่องแบบนี้ ถ้าถูกนักข่าวพวกนั้นรู้เข้า ต่อให้พวกเขามีเหตุผลก็อธิบายได้ไม่ชัดเจนแล้วนี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก“คุณรอก่อน ผมจะกลับไปเดี๋ยวนี้”สิ้นคำพูดนี้ หลี่ชิงเฟิงก็บิดจักรยานไฟฟ้า ตรงไปยังที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว...สิบนาทีต่อมา หลี่ชิงเฟิงก็มาถึงหน้าประตูบ้านที่เกิดเหตุ ที่นี่เป็นอาคารเก่าแก่สองชั้นที่มีประวัติยาวนานอย่างน้อยก็สามสิบปีแล้วทันทีที่เขามาถึงที่นี่ เขาก็เห็นความวุ่นวายที่เกิดขึ้นหน้าประตู เจิ้งเซียวและคนของเขากำลังโต้เถียงกับชายวัยกลางคนคนหนึ่งชายคนนี้สวมเสื้อกั๊กสีขาว ร่างกายดูกำยำ และมีสีหน้าดุร้ายมาก เขาตะโกนดังลั่นว่า “พวกแกทำอะไร! คิดจะฆ่าฉันด้วยรึไง! ไสหัวไปจากที่นี่ให้หมด!"ชายคนนี้มีแรงเยอะมาก บวกกับตอนนี้อยู่ในอารมณ์เคียดแค้น คนหกเจ็ดคนจึงไม่สามารถรั้งเขาไว้ได้เลย เขาสลัดหลุดพ้นอย่างรวดเร็วขณะที่เขากำลังจะขึ้นรถและจากไป ทันใดนั้นก็รู้สึกว่ามีมือข้างหนึ่งกดลงที่ไหล่ของเขา เสียงของหลี่ชิงเฟิงดังขึ้นเบา ๆ ว่า "พี่ช
เห็นได้ว่าทั้งสองคนกำลังจะทะเลาะกันเวลานี้หลี่ชิงเฟิงก็ตระหนักได้แล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติ ในนี้จะต้องมีใครคนใดคนหนึ่งโกหกแน่นอน “อย่าเพิ่งทะเลาะกันเลยครับ”หลี่ชิงเฟิงหยุดทุกคนและพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา "ทะเลาะกันตรงนี้ออกจะหยาบคายเกินไปหน่อย คุณครับ ในเมื่อหญิงชราก็จากไปแล้ว ตอนนี้พูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์แล้ว ตรงไปตรงมาเลยละกัน พวกคุณต้องการเท่าไร?"พี่ใหญ่หวังโบกมือ “นี่ไม่เกี่ยวกับเรื่องเงิน! สิ่งที่ฉันต้องการคือความยุติธรรม! ฉัน…”“ยี่สิบล้าน!”ก่อนที่พี่ใหญ่หวังจะพูดจบ เสี่ยวหวังก็ขัดจังหวะเขาและพูดเสียงดังว่า "ยี่สิบล้าน! ขาดไปแค่สตางค์เดียวก็ไม่ได้!"ในห้องเงียบกริบทันที...ไม่ต้องพูดถึงหลี่ชิงเฟิงและคนอื่น ๆ แม้แต่พี่ใหญ่หวังเองก็มองไปที่น้องชายของเขาด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อยี่สิบล้าน มันเกินจริงเกินไป!“น้องชาย! แกพูดเรื่องไร้สาระอะไร!” พี่ใหญ่หวังตวาดเขาเสียงต่ำเสี่ยวหวังไม่สนใจ ดวงตาจับจ้องไปที่หลี่ชิงเฟิง “ยี่สิบล้าน! ถ้าขาดไปแค่สตางค์เดียว! ฉันจะไปสถานีโทรทัศน์แล้วเปิดโปงพวกคุณทันที!"หลี่ชิงเฟิงจ้องเขาด้วยดวงตาที่เย็นชาเล็กน้อย“คุณเสี่ยวหวัง คุณรู้ไหมว่ายี่สิบล้านมันหมา
ในคืนนั้น หลี่ชิงเฟิงกลับไปที่บ้านและบอกเซี่ยเซียนอินเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเซี่ยเซียนอินได้ฟังเรื่องนี้ ปฏิกิริยาของเธอก็รุนแรงยิ่งกว่าของหลี่ชิงเฟิงซะอีก เธอลุกพรวดขึ้น ตะโกนด้วยเสียงดังว่า "ยี่สิบล้าน? พวกเขากำลังปล้นเงินกันชัด ๆ!"หลี่ชิงเฟิงยิ้มอย่างขมขื่น "คุณพูดถูกแล้ว ตอนนี้ก็คือการปล้นเงิน ไอ้เด็กนั่นยังพูดด้วยว่าถ้าเราไม่ให้เงินเขา เขาจะเปิดโปงพวกเรา"คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าปฏิกิริยาของเซี่ยเซียนอินในครั้งนี้จะแข็งกร้าวยิ่งกว่าเขาเสียอีก เธอโบกมือแล้วพูดว่า "เปิดโปงก็เปิดโปงไปสิ! พวกเราทำทุกอย่างอย่างถูกต้องตรงไปตรงมา ไม่กลัวข้อกล่าวหาหรอก!"เมื่อเห็นท่าทางโกรธของเธอ หลี่ชิงเฟิงก็รู้สึกว่ามันน่ารักอย่างอธิบายไม่ถูก เขาหัวเราะเบา ๆ พูดว่า "ไม่ว่าบทสรุปจะออกมาเป็นยังไง หลังจากเรื่องแดง มันจะส่งผลกระทบต่อเราแน่นอน เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมเถอะครับ"แต่คำพูดของเขายังไม่ทันพูดจบ กริ่งประตูก็ดังขึ้นเป็นชุด...เซี่ยเซียนอินเดินไปเปิดประตู ก็เห็นเซี่ยหมิงจื้อเดินเข้ามาด้วยความโกรธเมื่อเข้ามาในห้อง เขาก็อดไม่ได้ชี้ไปที่หลี่ชิงเฟิงและตวาดว่า “ไอ้ขยะ! แกทำเรื่องดี ๆ อะไ
เมื่อเสี่ยวหวังได้ยินแช่นนี้เข้าก็หน้าเปลี่ยนสี "ทำไมฉันจะต้องมอบให้แก? ทำไมฉันจะต้องมอบให้แกด้วยเล่า!" หลี่ชิงเฟิงยิ้มจาง ๆ พลางกล่าวว่า "อย่าร้อนใจไป ผมพอรู้จักกับพวกมืออาชีพอยู่บ้าง อีกอย่างผมก็อยากหาสาเหตุการตายของคุณย่าด้วย" "ไม่มีทางเสียหรอก! อีกไม่นานคุณย่าของฉันก็จะถูกส่งไปประกอบพิธีฌาปนกิจแล้ว! ฉันไม่มีทางมอบให้แกแน่!" หลี่ชิงเฟิงเป็นใครกัน? เขาพบเจอผู้คนมานับไม่ถ้วน หากดูจากท่าทีตอบสนองของเสี่ยวหวัง เขาก็สามารถยืนยันได้ว่าสาเหตุการเสียชีวิตของคุณย่าต้องมีอะไรผิดปกติเป็นแน่! "คุณหวัง ทำไมคุณต้องร้อนใจขนาดนั้นด้วยล่ะ? หรือว่าสาเหตุการเสียชีวิตของคุณย่าจะมีอะไรผิดปกติ?" หลี่ชิงเฟิงถามพร้อมยิ้มให้ เสี่ยวหวังพลันโมโหขึ้นมาทันที! เขาจึงตบโต๊ะแล้วลุกขึ้น "แกหมายความว่ายังไง! คุณย่าจะมีปัญหาอะไรได้? แกหมายความว่าฉันฆ่าคุณย่าแล้วรีดไถเงินจากแกงั้นเหรอ?" หลี่ชิงเฟิงแบมือพลางกล่าวว่า "ผมไม่ได้พูดนะ เป็นคุณพูดเองล้วน ๆ เลย" เสี่ยวหวังพลันตระหนักได้ว่าตนเองน่าจะพูดมากเกินไปแล้ว จากนั้นบรรยากาศก็พลันตึงเครียดขึ้นมาทันที... ในตอนนี้เอง รถของสถานฌาปนกิจก็มาจอดอยู่ข้างนอก พี
เมื่อเสี่ยวหวังได้ยินคำพูดของหลี่ชิงเฟิง เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา "แกมันเศษสวะจริง ๆ คิดว่าตัวเองกำลังถ่ายหนังอยู่หรือไง? ไสหัวไปจากที่นี่ซะ!" หลังจากเขาพูดจบก็หยิบบัตรเครดิตแล้วเดินออกไปด้วยท่าทีเบิกบานใจ ไม่ถึงสิบนาที เสี่ยวหวังก็พบธนาคารแห่งหนึ่งแล้วเดินเข้าไป เมื่อเขามาถึงแผนกต้อนรับก็แสดงบัตรของตัวเอง "ช่วยตรวจสอบยอดเงินในบัตรใบนี้ให้ทีครับ!" พอพนักงานธนาคารรับบัตรมาก็ถึงกับตะลึงงัน เธอไม่เคยเห็นบัตรเครดิตหน้าตาแปลกประหลาดเช่นนั้นมาก่อน ดังนั้นจึงลองรูดดูที่เครื่อง แน่นอนว่าคอมพิวเตอร์ย่อมต้องแสดงยอดเงินออกมา แต่หลังจากมองข้อมูลบนคอมพิวเตอร์แล้วหันมามอง พนักงานธนาคารก็หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย! ตอนนี้เสี่ยวหวังกำลังผิวปากพลางรู้สึกมีความสุขและวาดฝันถึงชีวิตของตัวเองหลังจากกลายเป็นเศรษฐี แต่เขากลับไม่ทันสังเกตเลยว่าพนักงานธนาคารชักจะมีสีหน้าที่ไม่น่ามองยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ "คะ...คุณ..." "บัตรของผมมีอะไรผิดปกติงั้นเหรอ..." คำพูดของพนักงานธนาคารฉุดเสี่ยวหวังให้กลับคืนสู่ความเป็นจริง จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว "อะไรกัน? ไม่มีเงินอยู่ในบัตรเหรอ?" พนักงานธนาคารส่ายหน้า "มี
"คุณตำรวจ! บัตรใบนี้ไม่ใช่ของผม! มีคนให้บัตรใบนี้กับผมมา! มีคนมอบให้ผมจริง ๆ นะ! ไปหามันสิครับ!" "เอาล่ะ คนที่มอบบัตรใบนี้ให้คุณชื่อว่าอะไรล่ะ?" "มันชื่อว่าหลี่ชิงเฟิงและมาจากเทียนชื่อกรุ๊ป! ไม่เกี่ยวอะไรกับผมจริง ๆ นะครับ!" "เอาล่ะ รออยู่ตรงนี้แหละ" หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองนายพูดจบก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไป... ต่อมาอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ประตูก็เปิดอีกครั้ง คราวนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจพาหลี่ชิงเฟิงเข้ามา "ไอ้สารเลวเอ๊ย! แกหลอกฉัน!" เมื่อเสี่ยวหวังเห็นหลี่ชิงเฟิงก็รู้สึกโกรธมากเสียจนพุ่งเข้ามาเล่นงานเขา! เป็นผลทำให้โดนเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองนายทุ่มลงกับพื้นทันที! "แกกล้าลงไม้ลงมือกับเทพสงครามงั้นเหรอ? เชื่อไหมว่าฉันฆ่าแกเดี๋ยวนี้เลยก็ได้น่ะ!" เปรี้ยง! ราวกับว่ามีสายฟ้าฟาดใส่หัวของเสี่ยวหวัง! เทพสงคราม? หลี่ชิงเฟิงคือเทพสงครามงั้นรึ? "คุณเข้าใจผิดหรือเปล่า? มันจะเป็นเทพสงครามไปได้ยังไงกัน? คุณตรวจสอบดูแล้วหรือยัง? มันก็แค่เขยไร้ประโยชน์เท่านั้น!" เสี่ยวหวังหัวเราะ แต่พวกเขาทั้งสามคนกลับไม่มีวี่แววว่าจะตลกขบขันเลยสักนิด ความหนาวเหน็บที่กำลังกัดกินโอบล้อมร่างของเ
"พ่อไม่ไปนะ!" จู่ ๆ เซี่ยเทาก็แผดเสียงร้องพลางกระโดดข้ามโซฟาแล้ววิ่งไปที่ประตูหลัง! เจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายตอบสนองว่องไว! เพียงก้าวเดียวก็ประชิดตัวพลางจับเขากดลงกับพื้นแล้วบังคับสวมกุญแจมือ สิบนาทีต่อมา ภายในห้องสอบสวน เสี่ยวอิ๋งนั่งหน้าเครียดอยู่ตรงนั้นพร้อมด้วยความคิดมากมาย ตำรวจที่อยู่ฝั่งตรงข้ามดูวิดีโอแล้วถามว่า "เท่าที่พวกเราทราบมา คนที่อยู่ในวิดีโอคือเซี่ยเทาพ่อของคุณ ตอนนี้เขาอยู่ห้องข้าง ๆ คุณจะอธิบายสิ่งที่เขาพูดว่ายังไงล่ะ?" เสี่ยวอิ๋งสูดลมหายใจลึก ๆ พลางผุดรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า "ฉันไม่รู้หรอกค่ะ ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไร ทำไมคุณถึงไม่ถามเขาเองล่ะคะ?" "แน่นอนว่าพวกเราย่อมต้องถามเขาอยู่แล้ว แต่คุณเป็นลูกสาวของเขา คุณจะไม่รู้เรื่องนี้เลยเชียวเหรอ?" เซี่ยอิ่งลูบคางพลางครุ่นคิดอย่างรอบคอบแล้วจู่ ๆ ก็พูดขึ้นมาว่า "จริงด้วยสิ! ดูเหมือนเขาจะเคยบอกว่าทำความผิดร้ายแรงบางอย่างแล้วอยากจะหนีไป! ฉันถามเขาว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แต่เขาก็ไม่ยอมบอกอะไรเลยแถมยังบอกว่ายิ่งฉันรู้ให้น้อยเท่าไรก็ยิ่งดี! วันหน้าให้ฉันดูแลตัวเองให้ดี ๆ..." "พูดต่อไปสิ" "จากนั้น
"จะวิธีอะไร ฉันก็อยากลองดูทั้งนั้น!" เสี่ยวอิ๋งเอ่ยโดยไม่ลังเล "ขอเพียงคุณช่วยให้ฉันไม่ต้องติดคุก! วิธีไหนฉันก็อยากจะลองดู!" เย่เจี้ยนเหอเงยหน้ามองเธอแล้วพูดเสียงเย็นชาว่า "โยนความผิดเรื่องทั้งหมดนี้ให้พ่อของเธอแบกรับไว้!" เมื่อเสี่ยวอิ๋งได้ยินเช่นนี้ ศีรษะของเธอก็ส่งเสียงอื้ออึง! ตอนแรกสังเวยคุณย่าไปแล้ว ตอนนี้ถึงทีพ่อของเธอแล้วงั้นเหรอ? เย่เจี้ยนเหอจ้องมองเธอ "ไม่มีเวลาคิดแล้ว จะตกลงหรือจะติดคุก!" "ฉันตกลง! ฉันตกลงค่ะ! ขอเพียงคุณช่วยให้ฉันไม่ต้องติดคุก คุณอยากให้ฉันทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น!" เสี่ยว อิ๋งผงกศีรษะซ้ำไปซ้ำมา เย่เจี้ยนเหอจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า "เดี๋ยวฉันจะเรียกทนายเข้ามา พวกเขาจะบอกเธอว่าต้องพูดหรือทำอะไร จากนั้นเธอก็แค่รอให้ตำรวจเรียกตัว" เสี่ยวอิ๋งผงกศีรษะ "ฉะ...ฉันเข้าใจแล้วค่ะ" พอกลับมาถึงบ้าน เสี่ยวอิ๋งก็เจอพ่อของเธอ เมื่อทั้งสองคนสบตากัน ดวงตาของเสี่ยวอิ๋งก็ฉายแววน่าหวาดกลัว เซี่ยเทาก็รู้ได้โดยไม่ต้องคิดเลย ลูกสาวของเขารู้เรื่องแล้ว "เสี่ยวอิ๋ง พ่อทำอาหารให้ลูกกินด้วยนะ ดูสิ..." "กินบ้าอะไรเล่า!" เสี่ยวอิ๋งพลันควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ขึ้นมาทันที! เธอร
ในสถานการณ์เช่นนี้ ขืนเสี่ยวอิ๋งมัวแต่เข้าไปพัวพันคงได้จบเห่กันพอดี การเก็บเธอไว้น่าจะยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง เสี่ยวอิ๋งเองก็เป็นคนฉลาดจึงผงกศีรษะแล้ววิ่งออกทางประตูหลัง... เย่เซียวคิดจะเข้าไปขวาง แต่กลับถูกหลี่ชิงเฟิงห้ามเอาไว้ "ไม่ต้องไล่ตามหรอก วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของหวังเจิ้น อย่าทำอะไรน่าเกลียดเกินไปเท่านี้ก็พอแล้ว" เย่เซียวพยักหน้าแล้วยืนอยู่ข้างหลังโดยไม่พูดอะไรสักคำ ในตอนนี้เอง ปี้ไห่เทาก็เดินยิ้มเข้ามา "เหล่าหวัง วันนี้ฉันต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะ! ทั้ง ๆ ที่เป็นงานเลี้ยงวันเกิดดี ๆ ที่นายควรจะมีความสุขแท้ ๆ แต่กลับลงเอยแบบนี้เสียได้..." หวังเจิ้นถอนหายใจ "ช่างเถอะ" "เหล่าหวัง ตระกูลเย่ก็เป็นหนึ่งในสมาชิกหอการค้าเทียนเหมินของพวกเรา เย่เจี้ยนเหอดันพานังคนชั้นต่ำแบบนั้นมาเสียได้ กลับไปเมื่อไหร่ฉันย่อมต้องตำหนิเขาแน่! ฉันจะทำให้เขาจำให้ขึ้นใจเชียวล่ะ! เมื่อพวกเรากลับถึงเมืองหลวงเมื่อไหร่ ไห่เทาย่อมต้องมาขอขมาของแน่นอน" หวังเจิ้นโบกมือ "คุณเกรงใจเกินไปแล้ว ช่างมันเถอะ ผมไม่ถือสาหรอก" ปี้ไห่เทาพยักหน้าพลางขยิบตาให้เย่เจี้ยนเหอ จากนั้นพวกเขาสองคนก็ก้าวเดินจากไป ขณ
เสี่ยวอิ๋งโมโหจนคิดอะไรไม่ออกแล้ว เธอชี้นิ้วใส่หลี่ชิงเฟิงแล้วด่ากราดว่า "แกคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน! คู่ควรที่จะมอบของขวัญให้ฉันแล้วงั้นเหรอ?" "หุบปากไปซะ พ่อตาของแกโดนซ้อมขนาดนั้น เขยอย่างแกไม่กล้าแม้แต่จะผายลมเสียด้วยซ้ำไป! แกยังกล้ามาก่อเรื่องที่นี่อีกงั้นรึ?" "ถ้าฉันเป็นแกล่ะก็ คงได้โหม่งเสาโทรศัพท์ตายไปแล้ว!" "ไร้ยางอายสิ้นดี!" เมื่อเห็นเสี่ยวอิ๋งหน้าแดงก่ำและลำคอแข็ง หลี่ชิงเฟิงกลับยิ่งขบขันพลางกล่าวว่า "ฉันคิดว่าเธอต่างหาก มั้งที่น่าจะเป็นฝ่ายโหม่งเสาโทรศัพท์?" ทันทีที่เขาพูดจบ หน้าจอขนาดยักษ์ข้างหลังล็อบบี้ก็พลันสว่างขึ้น! หลังจากนั้นไม่กี่วินาที แสงก็สลัวลงแล้ววิดีโอก็เริ่มฉายบนหน้าจอขนาดยักษ์ เมื่อเสี่ยวอิ๋งหันหน้าไป สิ่งแรกที่เธอเห็นก็คือเซี่ยเทาที่กำลังนอนเปลือยเปล่าอยู่บนเตียง โดยมีสาวสวยอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธออยู่ข้างกาย! หึ่ง! เสี่ยวอิ๋งศีรษะจวนจะระเบิดอยู่แล้ว! เธอได้แต่ยืนนิ่งงันอยู่ตรงนั้น! มันเป็นวิดีโอที่ก่อนหน้านี้หลี่ชิงเฟิงถ่ายเอาไว้นั่นเอง! เมื่อเห็นเสี่ยวอิ๋งนิ่งงันไป หลี่ชิงเฟิงก็นิ้มแล้วพูดเสียงดังขึ้นมาว่า "ทุกท่าน ผู้ชายที่อยู่ในวิดี
เงินหลายล้านบาทไม่ได้จ่ายไปโดยไร้ประโยชน์แล้ว! ศาสตราจารย์เฒ่าโดนเขาหลอกเข้าแล้วจริง ๆ! เสี่ยวอิ๋งเองก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทันใดนั้นก็ยิ้มพลางชี้นิ้วมาที่หลี่ชิงเฟิง "ตอนนี้แกจะว่ายังไงเล่า? เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าแจกันของแกมันเป็นของปลอม!" "น่าตลกชะมัดเลย! ฉันเสนอทางออกให้ แต่แกกลับยืนกรานที่จะขุดหลุมฝังตัวเองให้ได้! ไม่มีใครห้ามแกได้เลย!" เมื่อหลี่ชิงเฟิงได้ยินเช่นนี้ก็ยิ้มจาง ๆ แล้วหันมามองศาสตราจารย์หลี่พลางพูดว่า "ศาสตราจารย์หลี่ ช่วยดูขอองผมอีกสักครั้งเถอะครับ" คาดไม่ถึงว่าศาสตราจารย์หลี่จะส่ายหน้าแล้วยิ้มพลางกล่าวว่า "ไม่ต้องดูหรอก" เซี่ยอิ่งหัวเราะพลางกล่าวว่า "แจกันใบนั้นของแกมันปลอมชัดเจนเกินไป! ศาสตราจารย์หลี่ไม่มองให้เสียสายตาหรอก!" ในยามนี้เอง ศาสตราจารย์หลี่ก็เหลือบมองเธอแล้วสายหน้า "สาวน้อย ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นสักหน่อย ฉันยังพูดไม่ทันจบเลย ถึงแม้ว่าแจกันใบนี้จะฝีมือยอดเยี่ยมจนเกือบจะสมบูรณ์แบบ แต่มันเป็นของปลอมจริง ๆ" "ส่วนแจกันของคุณหลี่ ทันทีที่เข้ามาผมก็เห็นแล้วล่ะ มันเป็นของจริง ดังนั้นผมจึงไม่ต้องตรวจดูเลย" หลังจากศาสตราจารย์หลี่พูดจบ ทั้งห้องก็เ
ไม่มีใครคาดคิดว่าหลี่ชิงเฟิงจะมีท่าทีแข็งกร้าวเช่นนั้น! ปี้ไห่เทาที่คอยสังเกตการณ์อยู่ข้าง ๆ แอบรู้สึกว่าชักไม่ได้การเสียแล้ว หลี่ชิงเฟิงคนนี้ดูไม่เหมือนเขยไร้ประโยชน์อย่างที่ข่าวร่ำลือกันเอาไว้เลยสักนิด การที่ยังสามารถสงบนิ่งได้ในภาวะคับขันเช่นนั้น มิหนำซ้ำยังพูดจาเสียคล่องปากและท่าทีเจ้าแผนการของอีกฝ่าย เขาไม่เชื่อหรอกว่าคนแบบนี้จะเป็นเขยไร้ประโยชน์ไปได้ สิ่งที่น่าสงสัยมากที่สุดคือ ต่อให้อีกฝ่ายจะก่อเรื่องเช่นนั้น แต่หวังเจิ้นที่อยู่ข้าง ๆ กลับไม่มีวี่แววที่จะโมโหเลยสักนิด พวกเขาต่างอาศัยอยู่ในเมืองหลวง เขาเองก็รู้นิสัยของหวังเจิ้น อีกฝ่ายไม่ใช่ตาเฒ่าที่นิสัยดิบดีอะไรเลย พอปี้ไห่เทานึกได้เช่นนี้ เขาก็ทอดสายตามองเย่เจี้ยนเหออีกครั้ง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายสายตาหลุกหลิกอยู่บ้าง เขาก็พอจะเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ดูเหมือนว่าแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนใบนี้จะมีบางอย่างผิดปกติจริง ๆ เสียด้วย ตอนนี้เย่เซียวยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมเจตนาสังหารอันแรงกล้า! เย่เจี้ยนเหอกับเสี่ยวอิ๋งหวาดกลัวจนไม่กล้าขยับตัวไปชั่วขณะ ไม่นานปี้ไห่เทาก็ลุกขึ้นแล้วมองหลี่ชิงเฟิงด้วยสายตาเย็นชา "ทำแบบนี้
"ฉุดเศรษฐกิจให้ดิ่งลงเหวงั้นรึ? ถ้าทุกคนทำตัวเป็นไอ้เศษสวะชอบหลอกกินข้าวนิ่มอย่างแก ประเทศชาติก็คงจะพินาศไปตั้งนานแล้ว!" "ช่างน่าหัวเราะสิ้นดี! แกมันก็แค่มดปลวกตัวหนึ่งแท้ ๆ กล้าดียังไงถึงได้มาหัวเราะเยาะใส่พวกเรา?" ในตอนนี้เอง จู่ ๆ หวังเจิ้นที่เอาแต่เงียบมาจนถึงตอนนี้ก็ตบโต๊ะ! ทุกคนพลันหุบปากฉับ! หวังเจิ้นแววตามืดมน เขาเหลือบมองทุกคนแล้วเอ่ยน้ำเสียงเย็นชาว่า "พวกคุณหมายความว่ายังไงกัน? คิดจะก่อจลาจลในงานเลี้ยงวันเกิดของผมรึไง? พวกคุณไม่เห็นแก่หน้าผมเลย! คิดจะทำอะไรกันแน่!" เมื่อหวังเจิ้นโกรธขึ้นมา แม้แต่ปี้ไห่เทาก็ยังไม่กล้าล่วงเกิน นับประสาอะไรกับพวกเขากันเล่า "เหล่าหวัง ได้โปรดใจเย็นลงก่อนเถอะ เอาแบบนี้เป็นยังไง เพื่อจะได้รู้ว่าแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนใบไหนเป็นของจริงใบไหนเป็นของปลอม คุณก็แค่เชิญผู้เชี่ยวชาญให้มาประเมินก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?" "คุณเองคร่ำหวอดอยู่ในแวดวงของเก่ามานานหลายปี เช่นนั้นก็น่าจะรู้จักผู้เชี่ยวชาญในวงการนี้เยอะอยู่บ้างใช่ไหมล่ะ?" หวังเจิ้นถอนหายใจพลางพยักหน้าแล้วพูดว่า "ก็ได้! ในเมื่อพวกคุณอยากเถียงกันดีนัก งั้นก็มาทำให้เรื่องนี้กระจ่างกันไปเลย
หลังจากหลี่ชิงเฟิงพูดจบ ทุกคนก็ตะลึงงันไปชั่วขณะแล้วหัวเราะลั่น! เสี่ยวอิ๋งกับเย่เจี้ยนเหอหัวเราะอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง จากนั้นพวกเขาก็ชี้นิ้วใส่หลี่ชิงเฟิงแล้วพูดว่า "แกมันขี้โม้จนไม่เลือกเวลาจริง ๆ พับผ่าสิ! ลำพังแค่คุยโวโอ้อวดต่อหน้าพ่อตาโง่ ๆ ของแกไม่พอ แต่ยังจะมาคุยโวโอ้อวดต่อหน้าพวกเราอีกงั้นเหรอ?" ปี้ไห่เทาที่อยู่อีกด้านเองก็มีสีหน้าที่เต็มไปด้วยแววดูถูกดูแคลน "ลำพังแค่พวกเราคนใดคนหนึ่งก็ผ่านโลกมามากกว่าแกถึงสิบชาติภพรวมกันเสียอีก แกกล้าพูดแบบนั้นออกมาได้ คิดว่าพวกเราโง่หรือไงกัน?" "ผ่านโลกมามาก? คุณคิดว่าตัวเองผ่านโลกมามากแล้วงั้นรึ?" หลี่ชิงเฟิงยิ้มเหยียดหยันพลางเอ่ยเสียงทุ้มลึก "วันนี้ผมจะช่วยเปิดโลกทัศน์ของคุณเองก็แล้วกัน เย่เซียว เอาของขวัญของพวกเราออกมา" เย่เซียวผงกศีรษะ จากนั้นเขาก็หยิบแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนออกมาจากกล่องแล้ววางลงต่อหน้าทุกคน ทันทีที่พวกเขาเห็นแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวน ทุกคนก็ถูกแจกันใบนั้นดึงดูดความสนใจเข้าแล้วจริง ๆ เย่เจี้ยนเหอหน้าถอดสีแล้วตรวจสอบแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนโดยละเอียดถี่ถ้วนแล้วให้รู้สึกสับสน ฝีมือช่างวิจิตรประณีตนัก!
เย่เจี้ยนเหอยิ้มเหยียดหยัน "แกคิดจะแข่งกับฉันงั้นรึ? ก็ได้ ฉันจะเอาออกมาให้แกได้เปิดหูเปิดตาก็แล้วกัน ฉันขอพนันเลยว่าชั่วชีวิตแกน่าจะได้เห็นเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นแหละ" หลังจากเย่เจี้ยนเหอพูดจบก็ดีดนิ้ว จากนั้นผู้ช่วยคนงามที่อยู่ข้างหลังก็รีบเดินเข้ามา ของขวัญของอีกฝ่ายเองก็อยู่ในกล่อง มิหนำซ้ำยังมีขนาดพอ ๆ กับของเขาอีกต่างหาก เย่เจี้ยนเหอยิ้มอวดดีแล้วพูดว่า "มหาเศรษฐีหวัง ผมได้ยินมาว่าคุณชอบสะสมของเก่ามากทีเดียว ดังนั้นผมจึงสั่งให้เพื่อนที่อยู่ต่างประเทศประมูลของสิ่งนี้มาให้คุณเป็นพิเศษ เชิญดูเอาเองเถอะครับ!" หลังจากพูดจบ ผู้ช่วยสาวก็เปิดกล่องแล้วสายตาของทุกคนก็ทอดมองมาที่มือของผู้ช่วยสาว! แจกันลายครามใบหนึ่งค่อย ๆ เผยรูปลักษณ์ที่แท้จริงออกมา! เมื่อหลี่ชิงเฟิงเห็นแจกันใบนี้ก็ถึงกับตะลึงงัน... ช่างเหมือนกับแจกันลายครามที่เขาซื้อมาไม่มีผิดเพี้ยนเลย! เขาเหลือบมองเย่เซียวที่อยู่ข้างหลังโดยไม่รู้ตัว จากนั้นเย่เซียวก็เอ่ยกระซิบข้างหูว่า "เป็นของปลอมแน่ ๆ ครับ" ในยามนี้เอง เย่เจี้ยนเหอก็หยิบแจกันขึ้นมาแล้วเดินมาอยู่ตรงหน้าทุกคนแล้วพูดเสียงดังว่า "แจกันลายครามสมัยราชวงศ์ห