บทที่ 14 อยากรู้อนาคตให้อ่านหนังสือ (พิมพ์)
หยางซีซีเอนหลังพิงหัวเตียงไม้เก่าๆ ความคิดของเธอวนเวียนอยู่กับคำพูดของหยางซีซีคนนั้น...น้องสาวที่ถูกทิ้งให้อยู่ในเงาของการใช้แรงงานอย่างทารุณของบ้านป้าและลุง
"น้องสาวถูกรังแกอยู่ที่ปักกิ่งอย่างนั้นหรือ..."
หยางซีซีพึมพำเบาๆ ดวงตาของเธอหรี่ลงราวกับกำลังมองทะลุผ่านกาลเวลาและระยะทางไปยังอีกฟากหนึ่งของประเทศความทรงจำเกี่ยวกับน้องสาวของร่างนี้ผุดขึ้นมาในหัว เธอจำได้ว่าลุงป้าที่ส่งเธอมาทำงานใช้แรงงานแทนลูกลูกของตัวเองเป็นคนอย่างไร คนแบบนี้ย่อมไม่มีทางปฏิบัติต่อน้องสาวของร่างนี้ด้วยความเมตตาแน่ๆ และการที่วิญญาณของหยางซีซีคนนั้นต้องมาปรากฏตัวต่อหน้าเธอเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์ของน้องสาวต้องเลวร้ายมาก
"แต่จะทำยังไงดีล่ะ..."
หยางซีซีครุ่นคิดหนัก ปักกิ่งอยู่ไกลจากที่นี่มากแค่ไหนกันแน่ เธอเองก็ไม่เคยไปมาก่อน ในขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่บนโต๊ะพาดหัวมีคำว่า
"ปักกิ่ง"
เธออ่านคำนี้ออกมาเบาๆ ดวงตาของเธอเป็นประกายขึ้นมาเล็กน้อย
ทันใดนั้นเอง เธอก็นึกขึ้นได้ว่าเธอสามารถที่จะเห็นอนาคตของคนและสิ่งของได้เพียงแค่สัมผัส หยางซีซีมองดูหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ซึ่งเป็นถูกส่งมาจากปักกิ่ง ดังนั้นเธอจึงเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมา หยางซีซีจ้องมองหนังสือพิมพ์ในมือสีหน้าและแววตาของเธอนิ่งสงบ เธอรู้ดีว่าในมือของเธอนั้นคือกุญแจไขไปสู่อนาคตที่ยังไม่เกิดขึ้น ด้วยพลังของหัตถ์เทวะที่สืบทอดมาจากอาจารย์ เธอสามารถมองเห็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นได้ เพียงแค่สัมผัสสิ่งของชิ้นนั้น
"ว่ากันว่าอยากรู้อนาคตให้อ่านหนังสือ" หยางซีซีอยากรู้อนาคตเช่นกันดังนั้นเธอจึงได้ หยิบ หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ขึ้นมาเธอจะ ‘ดู’ อนาคตของประเทศนี้ผ่านหนังสือพิมพ์เล่มนี้นั้นเอง เธอจะใช้พลังของตนเองเพื่อดูอนาคตของประเทศจีนผ่านหนังสือพิมพ์เล่มนี้
เธอค่อยๆ เอื้อมมือไปสัมผัสหน้าหนังสือพิมพ์ จากนั้นพลังของฝ่ามือหัตถ์เทวะก็ถูกท่าเทไปที่ปลายนิ้วเรียว ที่กำลังลูบไล้ปัดผ่าน ไปตามตัวอักษรแต่ละตัวราวกับกำลังปลุกให้ตัวหนังสือเหล่านั้นมีชีวิตชีวาขึ้นมา ทันใดนั้นเอง ภาพและตัวอักษรต่างๆ เริ่มเบลอและเคลื่อนไหวราวกับภาพยนตร์ฉายสโลว์โมชั่น ตัวอักษรเหล่านี้ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป วันเวลาไล่ขึ้นไปเรื่อยๆจาก วันที่ 19 ธันวาคม ปี 1975 ที่เป็นวันที่ตีพิมพ์หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ กลายเป็น
วันที่ 19 มกราคม ปี 1976….
วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 1976
วันที 19 มีนาคม 1976…..
วัน เดือน ปี ที่อยู่ในหนังสือพิมพ์ไหลผ่านตาของหยางซีซีอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งเหตุการณ์ที่พาดหัวข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เช่นกัน สายตาของหยางซีซีกวาดผ่านเรื่องราวและข้อความอย่างรวดเร็วเช่นกันเธอไม่พลาดสักข้อความที่หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ได้ลง ความเร็วของการไหลของหน้าหนังสือพิมพ์นั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงเดือน กันยายน ปี 1976 ข่าวใหญ่ที่พาดหัวข่าวของหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ทำให้หยางซีซีจำเป็นต้องหยุดอ่านทันที สิ่งที่เธอมองเห็นในพาดหัวข่าวของหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีก 9 เดือนข้างหน้านั้นก็คือ ...
“การอสัญกรรมของท่านผู้นำของประเทศ”
หยางซีซีรีบหยุดและเข้าไปดู รายละเอียดของข่าวที่พาดหัวข่าวทันที ทันใดนั้นภาพเหตุการณ์ต่างๆ ก็พรั่งพรูเข้ามาผ่านสายตาของเธออย่างรวดเร็ว เห็นภาพผู้นำประเทศนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล ใบหน้าซีดเซียวและเต็มไปด้วยท่อต่างๆ รายล้อม ภาพเหล่านี้ชัดเจนราวกับภาพยนตร์ที่ฉายอยู่ตรงหน้า บนท้องถนนเธอเห็นฝูงชนมหาศาลกำลังเดินขบวนไปตามท้องถนน พร้อมกับป้ายประท้วง พวกเขาตะโกนเรียกร้องเสรีภาพและความเท่าเทียมกัน เสียงโห่ร้องดังกึกก้องไปทั่วเมือง ทำให้เธอรู้สึกถึงความร้ายแรงและความวุ่นวายของประเทศที่กำลังจะเกิดขึ้น เธอเห็นเหตุการณ์ที่จัตุรัสเทียนอันเหมินที่เป็นเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญและน่าเศร้าของจีน เหตุการณ์นี้เริ่มต้นจากการประท้วงของนักศึกษาและประชาชนที่เรียกร้องประชาธิปไตยและการปฏิรูปต่างๆ ประชาชนและทหารปะทะกันจนเกิดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินมากมาย
หยางซีซีมองจ้องที่ข่าวนี้ด้วยความตกใจ ผู้นำประเทศถึงแก่อสัญกรรมนั้นจึงได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในประเทศอย่างมากมาย จากนั้นภาพการพาดหัวข่าวก็เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ อย่างรวดเร็ว จากนั้นเธอก็เริ่มดูเหตุการณ์อื่นๆ ต่อทันที เหตุการณ์มากมายเกิดขึ้นทั้ง น้ำท่วม ภัยพิบัติ ภัยแล้ง การปล้นฆ่า การเสียชีวิตของบุคคลนั้น บุคคลนี้ การสังหารคนที่คอรัปชั่นประเทศมีให้เห็นบ่อยมาก การทะลายแก๊งต่างๆ การค้าขายสินค้าแปลกใหม่เริ่มเข้ามาเรื่อยๆ ภาพวันเดือนยังคงไหล ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเธอเห็นตัวหนังสือพาดหัวข่าวขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าชัดเจนราวกับถูกขีดเขียนด้วยแสงไฟนีออน
"จีนก้าวสู่ยุคทองของเทคโนโลยี"
"เศรษฐกิจจีนเติบโตอย่างก้าวกระโดด"
"โครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัยครอบคลุมทั่วประเทศ"
คำเหล่านี้กระแทกเข้าใส่สายตาอันคมกริบของเธอทันที หยางซีซีรู้สึกถึงความตื่นเต้นและหวาดหวั่นผสมปนกันไป เธอเห็นภาพของประเทศจีนที่กำลังก้าวกระโดดไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยผุดขึ้นมากมาย เมืองใหญ่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว และมีโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเกิดขึ้นทั่วประเทศ แต่ภาพยังไม่จบเพียงเท่านั้น ยิ่งภาพเคลื่อนไหวไปเรื่อยๆ หยางซีซีก็ยิ่งตระหนักถึงศักยภาพอันยิ่งใหญ่ของประเทศจีน เธอเห็นภาพของผู้คนที่มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีการศึกษาที่ทันสมัย และมีโอกาสทางเศรษฐกิจที่มากขึ้น การเข้ามาของบริษัทระดับโลกมากมาย ซึ่งบริษัทเหล่านั้นมาพร้อมการลงทุน เธอเห็นพื้นที่ว่างเปล่าหลายแห่งถูกพัฒนาเป็นย่านธุรกิจที่ทันสมัย อาคารสูงระฟ้าผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด และถนนหนทางก็ขยายกว้างขึ้น
ความรู้สึกตื่นเต้นและตื่นตาตื่นใจผสมปนกันอยู่ในใจของเธอ หากเธอสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์ได้ เธอจะสามารถสร้างความมั่งคั่งให้กับครอบครัวได้อย่างมหาศาล
และภาพสุดท้ายที่เธอเห็นก่อนที่จะยกมือออกจากหนังสือพิมพ์ฉบับนั้น คือภาพของประเทศจีนที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงและผู้คนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นจนติดอันดับโลกนั้นคือ ซึ่งนั้นคือในอีก 40 ปีข้างหน้านั้นเองเมื่อภาพในหัวเริ่มเลือนรางลง หยางซีซีก็ค่อยๆ ดึงสติกลับมา เธอวางหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะอย่างแผ่วเบา รอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ การได้เห็นอนาคตของประเทศชาติที่กำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทำให้เธอรู้สึกทั้งตื่นเต้นและกังวลใจในเวลาเดียวกัน
"ฉันต้องทำอะไรสักอย่าง"
หยางซีซีพูดกับตัวเองเบาๆ ตอนนี้เธอได้รู้แน่แล้วว่าประเทศจะเกิดการเปลี่ยนแปลงภายในไม่ช้านี้และเธอจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมด้วย ตอนนี้สิ่งที่เธอต้องการมากที่สุดคือเงิน เงิน และต้องเป็นเงินจำนวนมากด้วย เพราะว่าเท่าที่เธอเห็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตนั้น มีหลายพื้นที่จะมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วและราคาของพื้นที่ก็จะพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว เริ่มจากพื้นที่ที่ทางการจะทำการเวณคืน นั้นคือหากว่าเธอต้องการเงินจำนวนมากและรวดเร็วเธอจำเป็นจะต้องเป็นเจ้าของพื้นเหล่านั้น หยางซีซีเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างพลางคิดถึงอนาคตที่เธอเพิ่งได้เห็นไป สายตาของเธอจับจ้องไปยังพื้นที่ว่างเปล่าใกล้ๆ กับหมู่บ้านที่เธออาศัยอยู่ เธอนึกถึงภาพตึกสูงระฟ้า โรงงาน และถนนหนทางที่คึกคักผุดขึ้นมาทดแทนพื้นที่ว่างเปล่าเหล่านั้น
"ฉันต้องการเงินจำนวนมาก ฉันต้องทำอะไรสักอย่าง แต่จะทำอะไรดีนะถึงจะได้เงินเร็วและเยอะด้วย"
หยางซีซีครุ่นคิดหนัก การจะซื้อที่ดินจำนวนมากในช่วงเวลานี้เป็นเรื่องที่ยากลำบาก เพราะต้องใช้เงินทุนจำนวนมหาศาล และที่สำคัญคือข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนาเมืองในอนาคตยังไม่มีการเปิดเผยออกมาอย่างเป็นทางการ เท่าที่เธอจำได้จากหนังสือพิมพ์เมื่อสักครู่การซื้อขายในตอนนี้ยังไม่เริ่มขึ้น ซึ่งอาจจะถือว่าเป็นโอกาสที่ดีให้เธอได้หาเงินอีกสักพักหนึ่ง แต่ว่า …ทำอย่างไรถึงจะหาเงินก้อนใหญ่ได้นะ และหากได้เงินก้อนใหญ่มาเธอจะไปที่ปักกิ่งจัดการเรื่องน้องสาวและดูลู่ทางในการจับจองพื้นที่แถวนั้นก่อนใครเลย…
หยางซีซีเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ดวงตาคู่สวยจับจ้องไปยังแสงไฟที่ส่องสว่างอยู่ไกลๆ เป็นประกายระยิบระยับราวกับดวงดาว เธอเห็นภาพของครอบครัวที่กำลังยุ่งอยู่กับการเก็บเกี่ยวผลไม้ เหล่าพ่อแม่พี่น้องต่างช่วยกันเก็บองุ่นและสตอเบอร์รี่อย่างขะมักเขม้น
"อ้อ สตอเบอร์รี่กับองุ่นเก็บได้แล้วนี่นา"
หยางซีซีพึมพำเบาๆ รอยยิ้มบางๆ ผุดขึ้นบนใบหน้า แต่แล้วความคิดก็เปลี่ยนไปเมื่อนึกถึงปัญหาเรื่องเงินที่กำลังเผชิญอยู่ เธอหันกลับมามองมือของตัวเอง ฝ่ามือเรียวบางที่ซ่อนพลังอันยิ่งใหญ่เอาไว้
"ถ้าอยากได้เงินก้อนโตเร็วๆ คงต้องพึ่งพาพลังของหัตถ์เทวะแล้วล่ะนะ"
หยางซีซีกระซิบกับตัวเองอย่างมั่นใจ ดวงตาของเธอเปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่น
****เงิน เงิน เงิน ต้องการเงิน น้องก็ต้องไปช่วยเงินก็ต้องหาฮองเฮามีงานหนักรออยู่ 5555 ****
บทที่ 15 เตรียมตัวเดินทางไปปักกิ่ง "ถ้าอยากได้เงินก้อนโตเร็วๆ คงต้องพึ่งพาพลังของหัตถ์เทวะแล้วล่ะนะ"หยางซีซีกระซิบกับตัวเองอย่างมั่นใจ ดวงตาของเธอเปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่นค่ำวันนั้นหยางซีซีได้บอกกับพ่อสามีว่าเธอต้องการที่จะเดินทางไปปักกิ่ง ให้คุณพ่อช่วยไปขอใบออกนอกพื้นที่ให้เธอด้วย โดยเธอจะออกเดินทางในอีก 3วันข้างหน้า คุณแม่หยางเมื่อได้ยินว่าลูกสะใภ้สามต้องการจะเดินทางกลับบ้านจึงได้ถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อหยางซีซีจึงได้บอกกับคุณแม่หยางว่าเธอเคยสัญญากับน้องสาวเอาไว้ว่าหากตั้งตัวได้จะไปรับมาอยู่ด้วย ดังนั้นเธอคิดว่าตอนนี้น่าจะถึงเวลาแล้ว และไม่ให้คุณแม่หยางเป็นห่วงหากว่าน้องเธอมาอยู่ด้วยเธอจะหาบ้านเช่าให้น้องเธออยู่เองเพราะว่าบ้านนี้ก็ทั้งเล็กและแคบ หากว่ามีเพิ่มมาอีกคนน่าจะอยู่กันลำบาก เมื่อคิดถึงตรงนี้หยางซีซีจึงได้เอ่ยกับคุณพ่อหยางว่า"คุณพ่อคะ หากว่าพวกเราต้องการจะสร้างบ้านใหม่จะทำได้หรือเปล่าคะ เพราะว่าบ้านเราก็เก่าและคับแคบมากแล้ว หากว่าขยับขยายออกไปหน่อยก็น่าจะดี”“ความจริงแม่ก็คิดอยู่เหมือนกันนะ เอาอย่างนี้ตาเฒ่าตอนที่ไปทำหนังสือของออกนอกพื้นที่กับหัวหน้าก็ลองถามเรื่องการจั
บทที่ 16 การค้าใหญ่กำลังมาการขายของครอบครัวหยางเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและพวกเขาวุ่นวายอยู่จนเวลาผ่านไปเกือบ 2 ชั่วโมงเนื้อที่เตรียมมาใกล้จะหมดแล้ว ส่วนผลไม้นั้นเหลือเพียง 2 กล่องที่หยางซีซีเก็บเอาไว้ไม่อย่างนั้นก็หมดตั้งแต่ครั้งชั่วโมงแรกแล้ว เมื่อความชุลมุนลดลงหยางซีซีก็มองไปที่แผงของคุณตาและหลานชายที่เธอซื้อทองคำไปเมื่อวาน ซึ่งพวกเขาก็นั่งยิ้มแฉ่งมองมาที่เธอทันที….หยางซีซีเดินไปหาทั้งสองคนก่อนจะถามว่าได้เตรียมของมาให้เธอหรือไม่ สองตาหลานพยักเบาๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า“แม่หนู ทำไมไม่ไปที่บ้านของผมหล่ะที่นั่นผมยังมีอีก 2 หีบใหญ่เลยนะ และก็..และก็ญาติของผมพอรู้ว่ามีคนสนใจของพวกนี้พวกเขาก็อยากจะขายและแลกเปลี่ยนด้วยเหมือนกัน” คุณตาเห็นว่าตอนนี้เนื้อที่พวกเธอขายยังเหลืออยู่ประมาณ 50 กว่าชั่งเขาจึงได้เอ่ยขึ้นมาเขาก็กลัวเนื้อจะหมดเหมือนกันหยางซีซีนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินกลับไปที่พี่รองและพี่สะใภ้รองเธอกระซิบ 2-3 ประโยคพวกเขาพยักหน้าและช่วยกันเก็บแผงทันที จากนั้นพวกเขาต่างก็พากันเดินออกไป โดยในขณะที่เธอกำลังเดินผ่านคนของตลาดมืดนั้นพวกเขาต่างก็มองจ้องมาที่ตะกร้าใบเก่าที่พวกหยางจิ้งแบกอยู
บทที่ 17 การค้ากับแก๊งมังกรขาวหยางจิ้งแจ้งความต้องการตามที่หยางซีซีบอกทันทีซึ่งเฉียงจงเมื่อรู้ว่าพวกเขามีเนื้อมากพอที่จะจัดส่งและยังจะจัดส่งให้เป็นตัวก็ดีใจมาก ต้องทราบว่าตอนนี้อากาศหนาวจัดเนื้อหายากมากจริงๆ บางตลาดแทบจะไม่มีเนื้อขายแล้ว และหากว่าได้มาเป็นตัวพวกเขายังสามารถขายกระดูกและพวกเครื่องในและหัวของมันได้“ตกลง”เฉียงจงมองพวกเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า“พวกคุณคงจะพอมีข้อมูลมาบ้างว่าตลาดที่พวกคุณขายของอยู่นั้นเป็นของใคร ฉันเฉียงจงเป็นผู้จัดการดูแลตลาดนี้ และอีก2 -3 แห่งอย่างที่บอกไป” เฉียงจงเอ่ยขึ้นมา จากนั้นก็มองจ้องไปที่ทั้งสามคนเหมือนจะเป็นการข่มขวัญอย่างไรอย่างนั้น ก่อนจะเอ่ยต่อว่า“ผมชื่อหยางจิ้งนี้ภรรยาของผม หยางฟู่เหยาและก็น้องสะใภ้ของผม หยางซีซี" หยางจิ้ง เพิ่งจะมีโอกาสได้แนะนำตัวเอง เอ่ยตอบ“ตลาดมืดแห่งนี้มันเป็นของแก๊งมังกรขาว และการทำการค้ากับแก๊งมังกรขาวนั้น....พวกคุณคงจะรู้ว่าหากมาล้อเล่นหรือผิดสัญญากับแก๊งมังกรขาวนั้น...ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร” เมื่อพูดเสร็จเขาก็หยิบตะเกียบขึ้นหนึ่งอันและหักมันแรงๆ ต่อหน้าคนทั้งสาม เหมือนจะเป็นการข่มพวกของหยางซีซีนั้นเอง ว่
บทที่ 18 เดินทางไปปักกิ่งตอนที่กลับออกมาจากโกดังหยางจิ้งก็มีเงินก้อนใหญ่ถึง 75500 หยวนกลับออกมาด้วย หยางซีซีนั้นยิ้มอย่างพอใจ พลางคิดว่าตอนนี้พอจะมีทุนที่จะเดินไปปักกิ่งบ้างแล้ว!!!วันนั้นหลังจากที่กลับมาจากการส่งของให้กับแก๊งมังกรขาว หยางซีซีก็จัดการ ‘ปั๊ม’ หมู วัว แกะ และพืชผักผลไม้เอาไว้ให้กับครอบครัวหยางมากมาย เพราะว่าการไปครั้งนี้อาจจะใช้เวลานานหลายวัน เธอเกรงว่าแก๊งมังกรขาวจะขายของดีจัดและทำให้ของหมด ซึ่งตอนนี้เธอได้วางค่ายกลขยายพื้นที่ในสวนหลังให้กว้างขึ้นเป็น 30 ไร่เลยทีเดียวดังนั้นมันจึงเพียงพอที่จะใส่เนื้อสัตว์ และให้มีพื้นที่สำหรับปลูกผักผลไม้สำหรับเอาไว้จัดส่งแน่นอนหลังจากที่ครอบครัวพร้อมหน้ากันทานอาหารเย็น และนั่งดื่มชากันเพื่อย่อยอาหาร ตอนนี้ร่างกายของทุกคนนั้นถือว่าแข็งแรงมากทีเดียวคุณพ่อคุณแม่จากที่มีรอยตีนกามากมายบนใบหน้าตอนนี้หากว่าสังเกตุดีจะเห็นว่าตีนกาเหล่านั้นลดน้อยลงมาก ไหนจะเส้นผมที่มีเส้นสีดำแซมขึ้นมามากกว่ามีขาวแล้วเพราะทุกวัน พวกเขาต่างก็กินอาหารที่มีพลังวิญญาณเข้าไปนั้นเองหยางซีซีมองดูแต่ละคนที่ร่างกายเริ่มดีขึ้นอย่างพอใจ พี่สะใภ้สามเมื่อจัดการทำความสะอาดโ
บทที่ 19 เหตุการณ์บนรถไฟ“คุณย่า!!! คุณย่า อย่าตีหนู อย่าขายหนูเลย!!! แม่ แม่จ้าช่วยด้วย …แม่ แม่มาแล้ว"หานหรูอี้ได้ยินที่ลูกสาวของเธอพูดแบบนั้นออกมาก็ยิ่งเสียใจและร้องไห้มากขึ้นก่อนจะพยายามสงบใจและปลอบลูกของเธอว่า“ไม่เป็นไรแล้วลูก ไม่เป็นไรแล้ว พวกเราออกมาจากนรกแห่งนั้นแล้ว ฮื่อออ!!”หานหรูอี้แม่ของเด็กหญิงร้องไห้สะอึกสะอื้น กอดลูกสาวไว้แน่น พูดปลอบโยนลูกสาวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ หยางซีซีมองดูสองแม่ลูกอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะวางมือเบาๆ บนมือของหานหรูอี้ หยางซีซีอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับสองแม่ลูกสุดอนาจคู่นี้กันแน่ เธอจึงได้แตะที่ข้อมือของหานหรูอี้เพื่อมองดู ภาพเหตุการณ์ที่ปรากฏต่อหน้าราวกับภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง หานหรูอี้ในอดีตเป็นเพียงนักศึกษาสาวที่ต้องมาเผชิญกับชะตากรรมอันโหดร้ายเธอถูกวางยาและพาเธอไปโยนเข้าไปในห้องของชายหนุ่มคนหนึ่งที่เมามายไม่ได้สติเช่นกัน เธอจำต้องแต่งให้กับชายหนุ่มคนนั้นที่เธอไม่ได้รัก และต้องมาใช้ชีวิตอย่างยากลำบากและถูกรังแกในบ้านแม่สามีของเธอและต้องเผชิญหน้ากับความไม่ยอมรับจากครอบครัวสามีที่ต้องการเพียงลูกสะใภ้ที่มีฐานะทางสังคมสูงกว่าหวังเทียนซานสามีของหานหรูอี้
บทที่ 20 หานหรูอี้หยางซีซีพูดพร้อมกับให้ขวดน้ำทิพย์ไป หานหรูอี้มองไปที่หญิงสาวชาวบ้านที่หน้าตางดงามคนนี้ที่ยื่นมือเข้าช่วยเธอและลูกสาว ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าหานหรูอี้นั้นเหมือนกับว่าได้นั่งอยู่กับองค์หญิงหรือฮองเฮาเหมือนในนิยายออนไลน์ที่เธอเคยอ่านก่อนที่จะทะลุมิติมาอยู่ในร่างของหานหรูอี้คนนี้นี่เอง…..“คุณจะพักอยู่ที่ห้องนี้ก่อนก็ได้เพราะว่าพวกฉันซื้อมาแบบ 4 คน ให้ลูกสาวของคุณนอนที่ในนี้ก่อน ด้านนอกเสียงรบกวนเยอะ”เป็นพี่สาวอีกคนที่นั่งอยู่ข้างชายร่างสูงใหญ่ที่เสนอความคิด ซึ่งเมื่อหานหรูอี้นิ่งฟังอยู่ครู่หนึ่ง ก็เป็นอย่างที่เธอบอกจริงๆ ภายในตู้นอนแห่งนี้เงียบสงบกว่าด้านนอกหลายเท่าหนักและเธอรู้สึกว่าอากาศจะถ่ายเทได้ดีกว่ามากด้วยในนี้ไม่ได้กลิ่นอาหารหรือกลิ่นเหงื่อไคลใดๆ เลย ทั้งที่ก็อยู่ในรถไฟขบวนเดียวกันแท้ๆ หานหรูอี้พยักหน้าและกล่าวขอบคุณเบาๆ เมื่อมีเวลาพัก และร่างกายที่ได้ยาสมุนไพรของหญิงสาวคนนั้น ที่ได้เข้ามาช่วยเหลือเธอและลูกสาวทำให้หานหรูอี้เริ่มผ่อนคลายและหลับตาลงจากนั้นเธอก็นึกถึงเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นกับตัวเธอในไม่กี่วันที่ผ่านมา แบบที่เธอยังตั้งตัวไม่ติด….ใช่แล้ว!!!
บทที่ 21 …พี่ใหญ่มาแล้ว!!!ต่อไปชีวิตของเธอและลูกกำลังจะเปลี่ยนแปลงไปแล้วเธอได้เจอฮองเฮาผู้นั้นแล้ว หานหรูอี้คิดก่อนจะค่อยๆหลับตาตามลูกสาวของเธอไป ….หยางซีซีมองสองแม่ลูกที่คนลูกนั้นนอนส่วนคนที่เป็นแม่นั้นนั่งให้ลูกสาวนอนหนุนตัก ตอนนี้หยางซีซีนั้นไม่ทราบเรื่องการตัดสินใจของหานหรูอี้ว่าจะยังกลับไปที่บ้านเดิมของเธอหรือไม่ หยางซีซีจึงไม่ได้ใส่ใจมากนัก เธอก็หลับตาและพักผ่อนเช่นกัน รถไฟวิ่งไปเรื่อยๆ จนกระทั่งตอนเย็นของวันที่ 2 พวกเขาก็มาถึงปักกิ่งเมื่อรถไฟเทียบท่าที่ชานชาลา ตอนนี้พวกเขาทั้ง 5 คนต่างก็พยายามเบียดผู้คนที่เบียดเสียดกันเพื่อจะลงจากรถไฟ หานหรูอี้นั้นมีกระเป๋าใบใหญ่หนึ่งใบที่กำลังสะพายอยู่ไหนจะอุ้มลูกสาวอีก ร่างผอมของเธอขึ้นไปเซเล็กน้อย พี่ใหญ่หยางฟู่หลงเห็นเช่นนั้นก็รีบเดินไปและขออุ้มหานอวี้ลูกสาวของหานหรูอี้เอง ซึ่งเธอก็ตกลงทันทีเธอยิ้มและเอ่ยขึ้นมาว่า“ขอบคุณมากค่ะพี่ใหญ่”ใช่แล้ว!! ตอนนี้หยางซีซีนั้นตัดสินใจที่จะรับหานหรูอี้เป็นน้องสาวบุญธรรมของเธอซึ่งพี่ใหญ่ฟู่หลงและพี่สะใภ้ใหญ่ก็ไม่มีความคิดเห็นที่ขัดแย้งอยู่แล้ว เพราะว่าพวกเขานั้นเชื่อว่าสิ่งที่หยางซีซีตัดสินใจนั้นถูกต้อ
บทที่ 22 พี่ใหญ่…เย่วเย่วเจ็บ!!..หยางซีซีที่นั่งมาในรถรับจ้างไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงรู้สึกถึงความไม่สบายใจและร้อนใจอย่างรุนแรงเช่นนี้..ความรู้สึกกระวนกระวายใจเริ่มก่อตัวขึ้นภายในจิตใจของเธออย่างรวดเร็ว เธอพยายามจะหาสาเหตุของความรู้สึกแปลกๆ นี้ แต่ก็หาคำตอบไม่ได้สักที จนกระทั่งนึกถึงความเป็นจริงที่ว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ร่างกายของเธอเอง ความรู้สึกกระวนกระวายนี้อาจจะเป็นความรู้สึกที่ตกค้างอยู่ในจิตใต้สำนึกของเจ้าของร่างเดิมก็เป็นได้ความคิดนี้ทำให้หยางซีซีรู้สึกกังวลใจเป็นอย่างยิ่ง เธอหันไปมองหานหรูอี้ที่นั่งอยู่ข้างๆ แล้วเอ่ยปากขึ้นด้วยน้ำเสียงเร่งรีบ"ช่วยบอกคนขับรถให้ขับเร็วขึ้นอีกหน่อยได้ไหมคะ ฉันต้องการจะไปถึงบ้านคุณป้าให้เร็วที่สุด"หยางซีซีเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เร่งรีบ ใบหน้าของเธอแสดงออกถึงความเป็นห่วงเป็นใยอย่างเห็นได้ชัด หยางซีซีพยายามควบคุมลมหายใจให้เป็นปกติ แต่ก็ทำได้ไม่นาน ความรู้สึกกระวนกระวายใจก็กลับมาครอบงำจิตใจของเธออีกครั้ง เธอจ้องมองออกไปนอกหน้าต่าง รถแล่นผ่านทิวทัศน์ที่คุ้นเคย แต่กลับรู้สึกเหมือนเป็นคนแปลกหน้าที่กำลังเดินทางไปยังสถานที่ที่ไม่รู้จัก เธอคิดถึงน้องสาวของเจ้าข
บทสุดท้าย : ฝาแฝดหงส์มังกร / การเผชิญหน้าครั้งสุดท้ายวันเวลาผ่านไปหลายเดือนจนกระทั่งครรภ์ของหยางซีซีนั้นตั้งครรภ์ครบเก้าเดือน ครอบครัวหยางก็กำลังเตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์สำคัญของตระกูล พวกเขาจองห้องพิเศษที่โรงพยาบาลเอาไว้และหยางซีซีก็เข้าพักทันทีในวันคลอด หยางซีซีต้องเผชิญกับความเจ็บปวดอย่างหนักในห้องคลอด เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของเธอทำให้หยางเฟยหลงที่ยืนรออยู่หน้าห้องคลอดเป็นกังวลจนเดินไปมาไม่หยุด เขามองไปยังประตูห้องคลอดด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยและความกดดัน จนคุณพ่อหยางที่มีประสบการณ์มาหลายครั้งต้องตบบ่าเขาเบา ๆ และพูดขึ้นว่า"หยุดเดินไปมาได้แล้วเจ้าสาม พ่อเริ่มเวียนหัวเพราะตามดูเรานี่ล่ะ"หยางเฟยหลงถอนหายใจยาว พยายามสงบสติอารมณ์ แต่ความกังวลในใจยังคงไม่ลดลง เขาภาวนาให้ภรรยาและลูกน้อยปลอดภัย ในขณะที่เสียงร้องของหยางซีซีดังลอดออกมา เขายิ่งรู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปช้าเหลือเกินและแล้วเมื่อเวลาผ่านไปนานหลายชั่วโมง เสียงร้องของทารกดังขึ้นมาจากภายในห้องคลอด"อุแว้ อุแว้ อุแว้!!"เสียงดังลั่นห้องไปหมดเหมือนกับว่าพวกเขาไม่พอใจที่ถูกแม่เบ่งออกมาให้พบเจอกับโลกใหม่ หยางเฟยหลงรู้สึกเห
ตอนพิเศษ 2 ดร.หยางไป่หลงในวันที่อากาศสดใสวันหนึ่ง ดร.หยางไป่หลงกำลังยืนอยู่หน้าชั้นเรียน สอนนักศึกษาเกี่ยวกับแนวคิดการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์ เขามีท่าทีที่เป็นมิตรและเป็นกันเอง แต่ว่าขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยความตั้งใจในการสอน หลังจบชั้นเรียน เขาได้ยินเสียงเคาะประตูเบาๆ เมื่อหันไปมองก็พบหญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าประตู เธอมีใบหน้าสวยงามคิ้วโค้งเรียว ดวงตาคมที่แฝงไปด้วยความมั่นใจ ตามประสาลูกสาวคนเล็กของคนรวยและมีอำนาจ เธอคือเซี่ยจื่อหานลูกสาวของนายพลเซี่ยและเป็นอาจารย์ที่เพิ่งได้รับตำแหน่งในมหาวิทยาลัยชิงหัวเช่นกัน“ดร. หยางใช่ไหมคะ? ฉันเซี่ยจื่อหานเพิ่งมาร่วมงานที่นี่ เห็นได้ยินมาว่าคุณกำลังพัฒนาโครงการทดลองด้านปัญญาประดิษฐ์ ฉันเองก็สนใจงานวิจัยนี้เหมือนกัน”เซี่ยจื่อหานพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ เธอมองไปที่ชายหนุ่มที่หล่อเหลาที่ความหล่อของเขานั้นเหมือนจะไม่ใช่ของจริงที่กำลังยืนอยู่ข้างหน้าเธอ พลางถอนหายใจและคิดว่า …ไม่รู้ว่าจะหล่อไปทำไมหนักหนามาสอนเด็กสาวพวกนี้มันจะไปมีประโยชน์อะไรกันหยางไป่หลงหันมองเธอพร้อมกับยิ้มเล็กๆ“ใช่ครับ ผมก
ตอนพิเศษ 1 หยางไป่หลง อัจฉริยะในรอบ 100 ปี หลังจากที่หยางไป่หลงได้จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชิงหัว ซึ่งถือว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศจีน เขาได้สร้างชื่อเสียงในวงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษา ไม่เพียงแค่มีผลการเรียนที่โดดเด่นเท่านั้น แต่ยังมีความสามารถเฉพาะตัวที่หายาก นั่นก็คือความจำแบบภาพถ่าย ทุกสิ่งที่เขาได้เห็นผ่านตา ไม่ว่าจะเป็นบทเรียนทางวิชาการหรือภาพที่ซับซ้อน เขาก็สามารถจดจำได้ทั้งหมด นี่ทำให้หยางไป่หลงมีความได้เปรียบในการศึกษาและการทำงานวิจัยอย่างมากความสามารถในการจดจำของหยางไป่หลงทำให้เขาได้รับความสนใจจากอาจารย์และนักวิจัยหลายคน พวกเขาต่างเห็นศักยภาพในตัวของหยางไป่หลงว่ามีความสามารถในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ ได้ และด้วยความสนใจเป็นพิเศษในด้านเทคโนโลยี เขามักจะใช้เวลาว่างทำการทดลองใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือการศึกษาปัญญาประดิษฐ์ เขาใช้เวลาหลายคืนในการคิดค้นโปรเจคที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในอนาคต***ระบบ AI เริ่มพัฒนาและนำมาใช้ในทศวรรษที่ 1950 โดยนักวิทยาศาสตร์ด้านคอม
บทที่ 94 จุดจบ (จบ ) หลังจากงานเลี้ยงผ่านไปหลายวัน และในที่สุดประกาศเรื่องการปลดรัฐมนตรีเผยเฉินฟงก็ออกมา ตอนนี้เฟิงอวี้ชิงนั้นรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้างแต่เมื่อคิดถึงก้าวต่อไปของเธอ ก็ทำให้เธอรู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย ตอนนี้คงจะถึงเวลาที่เธอจะต้องกำจัดหมากที่หมดประโยชน์อย่างรัฐมนตรีเผยออกจากชีวิตแล้ว และเป้าหมายต่อไปของเธอก็คือ ท่านผู้นำประเทศ ดังนั้นเธอจึงได้คิดว่ารีบจัดการเคลียร์ปัญหาเล็กๆ อย่างรัฐมนตรีเผยยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี เพราะว่าในตอนนี้นั้นเธอได้ทราบแล้วว่า หยางฮองเฮานั้นคือภรรยาของรองรัฐมนตรีหยางเฟยหลง นั้นก็แปลได้ว่าพวกเขาย่อมมีอำนาจพอสมควร และหากว่าเธอต้องการที่จะอยู่เหนือพวกเขา เธอจำเป็นต้องได้ท่านผู้นำประเทศหนุนหลัง และการจะได้เขามานั้นก็ไม่ยากสำหรับเธอ เพราะว่าเรื่องเหล่านี้เธอทำมาครั้งแล้วครั้งเล่าไม่เคยพลาดสักครั้งเลย เฟิงอวี้ชิงคิดอย่างมั่นใจในตัวเองเฟิงอวี้ชิงเดินเข้าไปในห้องของอดีตรัฐมนตรีเผยในยามดึก ห้องทั้งห้องเงียบสนิท มีเพียงเสียงลมหายใจเบา ๆ ที่ดังจากเตียง ร่างของรัฐมนตรีเผยนอนเหยียดยาวบนเตียง ดวงตาปิดสนิท แต่ใบหน้าแสดงถึงความเหนื่อยล้าและความแก่ชรา เฟิงอวี้ช
บทที่93 ตาต่อตาฟันต่อฟัน บรรยากาศรอบตัวทั้งสองคนกลายเป็นตึงเครียด ผู้คนรอบข้างที่สังเกตเห็นสายตาที่ทั้งสองส่งให้กันต่างก็รู้สึกถึงความอึดอัดและพลังที่ปะทะกันอย่างเงียบๆ ราวกับว่าโลกทั้งใบหายไป เหลือเพียงพวกเขาทั้งสองคนที่ยืนประจันหน้ากัน ความเกลียดชังที่ไม่มีทางจบสิ้น ความโกรธเคียดแค้นที่ฝังรากลึก ไม่ว่าจะเป็นหยางซีซีหรือเฟิงอวี้ชิง ต่างก็รู้ดีว่าการพบกันครั้งนี้อาจนำไปสู่การเผชิญหน้าที่รุนแรงในอนาคตเฟิงอวี้ชิงก้าวเข้ามาใกล้เล็กน้อย ดวงตาของเธอจับจ้องไปยังหยางซีซีอย่างไม่ละสายตา"คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะมาอยู่ที่นี่ได้...หยางฮองเฮา" เสียงของเธอเต็มไปด้วยการยั่วยุและการท้าทาย ทันใดนั้นภาพอดีตที่เจียงกุ้ยเฟยเคยวางยาพิษทำร้ายหยางซีซีจนถึงแก่ความตายก็ผุดขึ้นมาในความคิดของทั้งสองฝ่ายหยางซีซีจำได้อย่างชัดเจนถึงวันที่เธอถูกไล่ล่าและเจ็บปวดจากความแค้นของเจียงกุ้ยเฟย ความโกรธที่เคยสงบลงกลับปะทุขึ้นมาในใจ ความรู้สึกเคียดแค้นที่เก็บซ่อนไว้เริ่มชัดเจนขึ้น เธอยิ้มเย็นชาและตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่นิ่งสงบแต่แฝงไปด้วยความเยือกเย็น"เจ้าก็เหมือนกัน เจียงกุ้ยเฟย โลกกลมจริงๆ ข้าคิดว่าคงไม่ได้พบเจ้าที่นี่อ
บทที่ 92 การเผชิญหน้าครั้งที่หนึ่งเรื่องราวของหานหรูอี้และหวังเทียนซานยังคงดำเนินต่อไป โดยที่หานหรูอี้ยังคงให้เขาง้องอนอยู่นานหลายเดือน จนกระทั่งวันหนึ่งเธอรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในร่างกาย ซึ่งอาการนั้นคล้ายกับที่หยางซีซีเคยเป็นมาก่อน ทำให้เธอรู้ว่าหมดเวลาที่จะเล่นตัวแล้วในเย็นวันหนึ่งเมื่อหวังเทียนซานพูดถึงเรื่องการแต่งงานของพวกเขา หานหรูอี้จึงตอบตกลงทันทีคำตอบนั้นทำให้หวังเทียนซานถึงกับงุนงงเล็กน้อยเนื่องจากไม่คิดว่าเธอจะยอมง่ายๆ หลังจากที่เขานั้นเคยของเธอแต่งงานอยู่หลายครั้ง"หรูอี้... คุณตอบตกลงจริงหรือ?" หวังเทียนซานถามด้วยความแปลกใจในน้ำเสียง เขายังคงมองหน้าหานหรูอี้ด้วยความไม่เชื่อหานหรูอี้ยิ้มบาง ๆ ให้เขา "ฉันตกลงแล้ว คุณคงไม่คิดจะเปลี่ยนใจหรอกนะ?""ไม่... ไม่แน่นอน! ผมแค่... ผมแค่ไม่คิดว่าคุณจะยอมง่าย ๆ แบบนี้" หวังเทียนซานพูดพร้อมหัวเราะเบา ๆ แต่ในแววตาของเขามีความสุขที่ไม่อาจซ่อนได้หานหรูอี้มองเขาอย่างอ่อนโยน "ฉันเองก็เหนื่อยแล้วเหมือนกัน คุณรู้ไหมว่าฉันไม่ได้ต้องการให้คุณทรมานหรอก เพียงแต่อยากให้คุณเข้าใจว่าฉันต้องการความจริงใจจากคุณ"หวังเทียนซานยื่นมือมากุมมือขอ
บทที่ 91 สืบหาความจริง / ลักพาตัว“ความจำเสื่อมอย่างนั้นหรือคะ” คนที่ถามเป็นหยางซีซีนั้นเอง เพราะว่าตอนนี้หานหรูอี้นั้นไม่กำลังถูกปฐมพยาบาลอยู่ โชคดีที่แขนไม่หักเพียงแค่ร้าวเท่านั้น ซึ่งเธอก็ไม่ได้สนใจชายหนุ่มคนนั้นอีกต่อไปแล้ว“ใช่ผมพบเขาเมื่อหลายปีก่อนตอนนั้นรู้สึกว่าเขานั่งอยู่ข้างถนนเนื้อตัวมอมแมมมาก ในตอนนั้นมีคนกำลังจะลอบทำร้ายผมด้วย และเขาเป็นคนที่เข้ามาช่วยและจัดการคนเหล่านั้น ผมเห็นว่าเขามีฝีมือดีจึงได้รับเอาไว้ และให้เขาเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยอยู่นาน แต่เพราะว่าฝีมือของเขานั้นเก่งกาจมากจนผมเลื่อนให้เขามาเป็นคนสนิทนี่แหละ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะมีบาดแผลขาดใหญ่ที่ด้านหลังศีรษะนั้น นั้นอาจจะทำให้เขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร” ท่านผู้นำนั้นเล่าถึงเรื่องราวความเป็นมาของคนสนิทของเขา ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องผัวเมียแต่หากว่าคนสนิทเขาทำคนท้องแล้วไม่ยอมรับเขาก็จะจัดการมันให้เอง“ท่านไม่ต้องสืบหาแล้วหล่ะค่ะ ฉันกับเขาหย่าขาดกันแล้วและฉันก็ออกจากบ้านเขามาแล้วด้วยค่ะ” หานหรูอี้ที่ฟังอยู่เอ่ยขึ้นมา“หย่า…หย่าตอนไหนผมยังไม่ได้เซ้นต์เอกสารอะไรเลยนะ” หวังเทียนซานที่มองดูหญิงสาวด้วยความไม่ชอ
บทที่ 90 ตั้งครรภ์ / ฉันเป็นเมียแกไงล่ะ..ไอ้บ้า!!!ครอบครัวหยางย้ายมาอยู่ที่ปักกิ่งได้หลายเดือนแล้ว ตอนนี้ทุกคนในบ้านต่างก็ยุ่งอยู่กับงานของตัวเอง พี่รองและสะใภ้รองหยางจิ้งและหยางฟู่เหยาไม่ค่อยได้อยู่บ้าน ทั้งสองมักจะลงไปที่เซินเจิ้นหรือจงไห่เพื่อดูที่ดินที่พวกเขาได้กว้านซื้อเอาไว้ โดยมีคนของนายพลเซี่ยจงติดตามไปด้วยและจัดการเรื่องการซื้อขายที่ดิน ซึ่งเมื่อนายพลเซี่ยลงมือแล้ว อะไรที่คิดว่าเป็นอุปสรรคต่างก็แหวกทางออกให้พวกเขาอย่างไม่ยากเย็นนักหยางเฟยหลงมีอาการแปลก ๆ ตั้งแต่เวียนหัว คลื่นไส้ อยากทานของเปรี้ยว ไปจนถึงการรู้สึกอ่อนเพลียโดยไม่ทราบสาเหตุ ทุกเช้าเขาตื่นขึ้นมาแล้วถามหาน้ำมะนาวหรือผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวอย่างส้มเขียวหวาน หยางซีซีมองสามีด้วยสายตาขำขันในขณะที่เขานั่งทานมะม่วงดิบด้วยท่าทางพยายามกลบเกลื่อนอาการแพ้ท้องนั้นวันหนึ่งหยางเฟยหลงตื่นขึ้นแต่เช้าพร้อมกับอาการคลื่นไส้อย่างหนัก เขารีบลุกจากเตียงและวิ่งไปที่ห้องน้ำเพื่ออาเจียน เสียงอาเจียนดังออกมาจากห้องน้ำทำให้ทุกคนในบ้านต่างตกอกตกใจ หยางซีซีรีบเดินไปดูพร้อมกับความเป็นห่วง เมื่อเธอเปิดประตูห้องน้ำ เห็นหยางเฟยหลงนั่งทรุดอยู่กับพ
บทที่ 89 รับจางอี้เฉิงเข้าทำงาน / เงาในความทรงจำวันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดครอบครัวตระกูลหยางก็ได้ย้ายมาอยู่ที่ปักกิ่ง โดยมีเพียงพี่ใหญ่และพี่สะใภ้ใหญ่ที่ยังอยู่ที่เซี่ยงไฮ้เพราะต้องดูแลโรงงานผลิตสบู่ร่วมกับจางอี้เฉิงที่มาเป็นผู้จัดการโรงงานให้ซึ่งเรื่องการได้จางอี้เฉิงพี่ใหญ่ของหยางฟู่เหยามาทำงานด้วยนั้น จำเป็นต้องเล่าย้อนหลังไปหลายเดือนก่อน วันนั้นหยางจิ้งขับรถผ่านไปและเห็นจางอี้เฉิงกำลังเดินเตะฝุ่นเพื่อหางานทำอยู่ เขาจึงได้จอดรถรับและพาไปร้านอาหารและหาที่คุยกันจางอี้เฉิงที่เคยเป็นหนุ่มหล่อและดูสง่างาม ตอนนี้กลับดูหมดสง่าราศีเพราะความลำบาก สภาพของเขาดูโทรมจนแทบจำไม่ได้ ผิวที่เคยขาวตอนนี้กลับคล้ำหมองและแห้งกร้าน ราวกับไม่ได้สัมผัสน้ำมาหลายวัน เสื้อผ้าที่เขาสวมนั้นเก่าและไม่สะอาดนัก มีกลิ่นอับและรอยขาดหลายแห่ง ใบหน้าที่เคยสดใสนนั้นเริ่มปรากฎรอยยับย่นขึ้นมา อาจเพราะความเครียดในชีวิตและการอดนอนอย่างต่อเนื่อง แววตาที่เคยมีประกายกลับดูหม่นหมองและอ่อนล้า สะท้อนถึงคืนวันที่ยากเข็ญและความกดดันที่แบกอยู่บนบ่า แววตาที่บ่งบอกถึงการผ่านความผิดหวังและความเหนื่อยล้ามาก ราวกับคนที่ต้องเผช