บทที่ 15 เตรียมตัวเดินทางไปปักกิ่ง
"ถ้าอยากได้เงินก้อนโตเร็วๆ คงต้องพึ่งพาพลังของหัตถ์เทวะแล้วล่ะนะ"
หยางซีซีกระซิบกับตัวเองอย่างมั่นใจ ดวงตาของเธอเปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่น
ค่ำวันนั้นหยางซีซีได้บอกกับพ่อสามีว่าเธอต้องการที่จะเดินทางไปปักกิ่ง ให้คุณพ่อช่วยไปขอใบออกนอกพื้นที่ให้เธอด้วย โดยเธอจะออกเดินทางในอีก 3วันข้างหน้า คุณแม่หยางเมื่อได้ยินว่าลูกสะใภ้สามต้องการจะเดินทางกลับบ้านจึงได้ถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อหยางซีซีจึงได้บอกกับคุณแม่หยางว่าเธอเคยสัญญากับน้องสาวเอาไว้ว่าหากตั้งตัวได้จะไปรับมาอยู่ด้วย ดังนั้นเธอคิดว่าตอนนี้น่าจะถึงเวลาแล้ว และไม่ให้คุณแม่หยางเป็นห่วงหากว่าน้องเธอมาอยู่ด้วยเธอจะหาบ้านเช่าให้น้องเธออยู่เองเพราะว่าบ้านนี้ก็ทั้งเล็กและแคบ หากว่ามีเพิ่มมาอีกคนน่าจะอยู่กันลำบาก เมื่อคิดถึงตรงนี้หยางซีซีจึงได้เอ่ยกับคุณพ่อหยางว่า
"คุณพ่อคะ หากว่าพวกเราต้องการจะสร้างบ้านใหม่จะทำได้หรือเปล่าคะ เพราะว่าบ้านเราก็เก่าและคับแคบมากแล้ว หากว่าขยับขยายออกไปหน่อยก็น่าจะดี”
“ความจริงแม่ก็คิดอยู่เหมือนกันนะ เอาอย่างนี้ตาเฒ่าตอนที่ไปทำหนังสือของออกนอกพื้นที่กับหัวหน้าก็ลองถามเรื่องการจัดสรรพื้นที่ดินดูนะว่าทำได้หรือเปล่า หากว่าได้ก็ของจองกับเขาเลยหากว่าต้องจ่ายเงินมากหน่อยก็จ่ายไป แล้วก็ลูกสะใภ้แม่ว่าให้เจ้าใหญ่กับสะใภ้ใหญ่ไปเป็นเพื่อนลูกที่ปักกิ่งเถอะนะหากว่าไปคนเดียวแม่เป็นห่วง” คุณแม่หยางสั่งสามีเสร็จก็หันมาบอกความประสงค์กับลูกสะใภ้สามของอีกครั้ง ก็นะการไปปักกิ่งนั้นต้องนั่งรถถึง 2 วัน ผู้หญิงไปคนเดียวมันอันตรายจะตายไป เธอจึงไม่อยากให้ลูกสะใภ้สามของเธอไปคนเดียว
“เอาอย่างนั้นหรือคะคุณแม่”
“เอาอย่างนั้นหล่ะ ผู้หญิงเดินทางคนเดียวพี่ก็เป็นห่วงเหมือนกัน” เป็นพี่สะใภ้ใหญ่ที่พูดขึ้นมา ดังนั้นความเห็นจึงเป็นเอกฉันท์ที่พวกพี่ใหญ่พี่สะใภ้ใหญ่และตัวเธอจะเดินทางด้วยกัน ส่วนพี่รองก็ให้ไปขายของเช่นเดิม
ค่ำวันนั้นหลังจากที่ช่วยกันเก็บผลไม้ ออกผลดกและสุกได้ที่ ทุกคนก็ช่วยกันจัด คัด แยก และทำความสะอาดและแบ่งสำหรับนำไปขาย และเช็คดูเนื้อว่ามีจำนวนเท่าไหร่ โดยหยางซีซีทำตะกร้ามิติแยกสำหรับใส่ผลไม้อย่างเดียวอีก 1ตะกร้าและเธอจะเป็นคนขายตะกร้าผลไม้นี้เอง ให้พี่รองและพี่สะใภ้รองขายเนื้อเช่นเดิม หยางซีซีเฝ้ามองดูทุกคนในครอบครัวช่วยกันทำงานด้วยรอยยิ้ม พี่สะใภ้รองกำลังต้มน้ำร้อนเพื่อนำมาชงชาให้ทุกคนอยู่ในครัวโดยมีพวกเด็กๆ ที่ยังไม่อยากจะนอนเข้าไปช่วย และแน่นอนว่าพวกเขาได้ลูกอมกระต่ายอีกคนละเม็ด และเธอได้ยินเสียงพี่สะใภ้สามสั่งพวกเขาให้แปรงฟันหลังจากที่กินเสร็จแล้ว เสียงหัวเราะคิกคักดังออกมาเป็นระยะๆ บรรยากาศอบอุ่นแบบนี้ทำให้หยางซีซีรู้สึกอบอุ่นใจเป็นอย่างยิ่ง ครอบครัวของหยางนั้นแตกต่างจากครอบครัวอื่นๆ ที่เธอเคยได้ยินมา หลายครั้งที่ได้ยินเรื่องราวของครอบครัวที่แตกแยกเพราะความขัดแย้งระหว่างพี่น้อง หรือระหว่างลูกสะใภ้กับแม่สามี และหลายครอบครัวก็แก้ปัญหาด้วยการแยกบ้าน แต่สำหรับครอบครัวของเธอแล้ว ทุกคนรักใคร่กลมเกลียวกันเป็นอย่างดี
เธอรู้สึกโชคดีได้มาเจอครอบครัวแบบนี้ แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกกังวลใจกับความลับเรื่องพลัง และความสามารถพิเศษของเธอที่เป็นสิ่งที่ไม่ธรรมดา ยิ่งในยุคนี้พวกเขาอาจจะมองว่าเธอเป็นพวกแม่มดหมอผีก็เป็นได้ หากมันถูกเปิดเผยออกไป อาจจะนำมาซึ่งความยุ่งยากหรืออันตรายได้มาสู้คนในครอบครัวรวมทั้งตัวเธอได้ เธอไม่อยากจะเห็นครอบครัวของเธอต้องเดือดร้อนเพราะความสามารถของเธอเพราะหากมีคนรู้ละก็มีสิทธิ์ถูกจับเข้าคุกเลยทีเดียว
‘การเป็นคนดีก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถเก็บความลับได้เสมอไป’
คำพูดนี้วนเวียนอยู่ในหัวของหยางซีซี เธอรู้ดีว่าคนเราทุกคนล้วนมีความอ่อนแอ และการจะให้ใครสักคนเก็บความลับไว้ตลอดไปนั้นเป็นเรื่องยาก
ในที่สุดเธอจึงตัดสินใจใช้พลังของหัตถ์เทวะ เพื่อสร้างกำแพงป้องกันความลับนี้ของเธอเสียเลยเพราะไม่อยากจะมาแก้ไขทีหลัง หยางซีซียกมือขึ้นมาช้าๆ มองดูฝ่ามือของตัวเองที่เปล่งแสงระยิบระยับ เธอจดจ่อความคิดไปที่ความต้องการที่จะให้ทุกคนในบ้านรักษาความลับและไม่สามารถที่จะแพร่งพรายความลับออกไปได้ โดยหากมีความคิดเกี่ยวกับการพูดถึงความสามารถของเธอ ให้พวกเขามีอาการลืมเลือนไม่สามารถจดจำหรือนึกถึงภาพใดๆ ที่เกี่ยวกับพลังของเธอได้เลย
ทันทีที่ความคิดนั้นชัดเจน น้ำใสๆ ที่มีประกายวิบวับราวกับดวงดาวก็ค่อยๆ ไหลออกมาจากปลายนิ้วของเธอ เธอควบคุมน้ำให้ไหลลงไปในแก้วน้ำเล็กๆ ที่วางอยู่ข้างๆ ด้วยความระมัดระวัง
เมื่อได้น้ำวิเศษนี้แล้ว หยางซีซีก็รีบนำไปผสมลงในหม้อน้ำร้อนที่พี่สะใภ้รองกำลังต้มอยู่ เธอทำอย่างรวดเร็วและเงียบเชียบ เพื่อไม่ให้ใครสังเกตเห็น เมื่อผสมน้ำเสร็จแล้ว เธอก็ช่วยพี่สะใภ้รองยกหม้อน้ำออกไปดื่ม จากนั้นก็รีบช่วยพี่สะใภ้รองยกน้ำร้อนออกมาชงชาให้ทุกคน และยังนำน้ำกานี้ไปชงนมให้กับเด็กๆ ที่บ้านได้ดื่มกันทุกคนด้วย เมื่อมั่นใจว่าตอนนี้ทุกคนในบ้านได้ดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์กันหมดทุกคน หยางซีซีโล่งใจเล็กน้อยที่สามารถแก้ปัญหาได้ แม้ว่าเธอจะรู้สึกไม่สบายใจอยู่ลึกๆ ที่ทำเช่นนี้แต่เพื่อปกป้องครอบครัวและความลับของตัวเอง เธอจำเป็นต้องทำเช่นนี้
รุ่งเช้าอากาศสดใสมากเหมือนว่าเมื่อวานหิมะไม่ได้ตกหนักอย่างไรอย่างนั้น หยางซีซีพร้อมด้วยพี่สะใภ้รองและพี่รองหยางจิ้ว เมื่อเตรียมของทุกอย่างครบและกินอาหารเช้าเรียบร้อย และวันนี้คุณแม่ได้ห่อซาลาเปาไส้เนื้อลูกใหญ่ให้พวกเขาถือไปด้วย 10 ลูกด้วยกัน เพราะหากว่าขายของได้ช้าพวกเขาจะได้กินรอท้อง ซึ่งหยางซีซีก็ให้พี่สะใภ้รองรับมาถึงแม้ว่าความจริงพวกเธอสามารถจะอดทนได้ แต่ว่าในเมื่อมันไม่จำเป็นต้องอดทนก็ไม่ต้องอดทนจริงไหม....พวกเขาสามคนต่างพากันเตรียมตัวเดินไปรอรถจากแทรกเตอร์จากหัวหน้าหมู่บ้าน รถแทรกเตอร์เก่าคร่ำคร่าของหัวหน้าหมู่บ้านค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากหมู่บ้านหลีฮวา เสียงเครื่องยนต์คำรามดังกึกก้องไปทั่ว เส้นทางที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อ ทำให้รถกระเด้งไปมาอย่างน่าหวาดเสียว แต่หยางซีซีกลับนิ่งเฉย เธอมองออกไปนอกหน้าต่าง ดวงตาคู่สวยฉายแววคิดถึงอนาคต
หมู่บ้านหลีฮวาที่เธออาศัยอยู่นั้นแม้จะดูเรียบง่าย แต่ก็มีความสวยงามตามธรรมชาติ ด้านหลังหมู่บ้านมีเทือกเขาสลับซับซ้อนทอดตัวยาวไกลสุดสายตา ส่วนด้านข้างก็มีทะเลสาบขนาดใหญ่ แม้ในฤดูหนาวที่น้ำจะกลายเป็นน้ำแข็ง แต่เธอก็มองเห็นภาพทะเลสาบที่เงางามในยามแดดจ้าได้ชัดเจน
หยางซีซีเหลือบมองไปยังแปลงนาที่อยู่ข้างทาง เธอจดจำตำแหน่งของแปลงนาเหล่านั้นไว้ในใจ เพราะในอนาคตอันใกล้ เธอวางแผนที่จะซื้อแปลงนาเหล่านี้ไว้เป็นของตัวเอง ด้วยทำเลที่ตั้งที่ดีเยี่ยม เชื่อว่าในอนาคตแปลงนาเหล่านี้จะต้องมีราคาสูงขึ้นอย่างแน่นอน
รถแทรกเตอร์แล่นเข้าสู่ตัวเมือง เสียงแตรรถยนต์และเสียงคนพลุกพล่านดังเข้ามาแทนที่เสียงธรรมชาติ เส้นทางที่พวกเธอเดินมาเมื่อวานเมื่อถึงที่จอด ทุกคนต่างก็รีบหิ้วตะกร้าของตัวเองและแยกย้ายกันไปจัดการธุระของตัวเอง หยางซีซีและพี่รองพี่สะใภ้รองรีบลัดเลาะและตรงไปที่ตลาดมืดทันที วันนี้พวกเขามาเช้ามาก เมื่อจ่ายค่าเข้าและเดินเข้ามาได้ก็ตรงไปขายจุดเดิม วันนี้คนมากกว่าเมื่อวานจริงๆ และของที่ขายก็มีมากกว่าด้วย ระหว่างทางที่เดินไปที่แผงหยางซีซีเห็นร้านหนึ่งที่ขายสมุนไพรหลายชนิดและยังมีป้ายบอกว่ารับซื้อสมุนไพรด้วยเธอมองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินตามสองสามีภรรยาหยางไปที่แผงของตัวเองเมื่อวาน เพราะว่าบริเวณนั้นมีพื้นที่หากว่ามีลูกค้าเยอะก็จะได้ไม่เบียดกันมาก เมื่อเดินไปถึงขณะที่กำลังจัดแผงลูกค้าที่มาซื้อเมื่อวานหลายคนก็รีบเดินมาต่อคิวทันที
“นึกว่าจะไม่มาเสียแล้ว ฉันเดินวนอยู่ 2-3 รอบแล้ว”
คุณป้าที่ซื้อเนื้อไปเป็นคนแรกของเมื่อวานรีบเอ่ยอย่างดีใจที่เห็นพวกเขามากันแล้ว เพราะหลังจากที่นำเนื้อไปทำอาหารแล้ว ไม่รู้ว่าพวกเขาคิดไปเองหรือเปล่าแต่ว่าอาการปวดเหมื่อยต่างๆที่เคยเป็นตามประสาคนชรานั้นต่างก็รู้สึกดีขึ้นมาก คุณแม่สามีของเธอจากที่นอนป่วยอยู่เมื่อเธอทำโจ๊กใส่เนื้อไปให้กิน ปรากฎว่าเช้าวันนี้เธอลุกขึ้นมานั่งได้ด้วยตัวเองแล้ว ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นเธอคิดว่าแม่สามีของเธอน่าจะอยู่ไม่รอดแล้ว ทำให้เธอคิดว่าอาจจะเป็นเพราะได้กินเนื้อที่ดีและสดทำให้มีแรงกำลังขึ้นมา เช้าวันนี้เธอจึงได้รีบมาแต่เช้าเพื่อจะรอซื้อให้ได้
“มาสิคะพวกเราบอกแล้วว่าจะมาอีกวันนี้คุณป้าอยากได้เนื้อเท่าไหร่คะ อ้อวันนี้พวกฉันมีผลไม้หายากที่ได้มาจากปักกิ่งมาขายด้วยนะคะ น้องสะใภ้สามรีบเอาผลไม้ออกมาให้คุณป้าดูเร็วเข้า สตอรเบอร์รี่กล่องละ 20 หยวน ส่วนองุ่น 22 หยวนค่ะ ของมีไม่เยอะนะคะคุณป้า ”
พี่สะใภ้รองจากที่เป็นคนเงียบไม่ค่อยพูด มาวันนี้เธอพูดยาวและจัดแจงงานอย่างรวดเร็วทันที หยางซีซียิ้มเล็กน้อยและรีบนำผลไม้ออกมาวางบนแผงทันทีเช่นกัน ผลไม้ใส่เป็นกล่องมาเรียบร้อยกล่องหนึ่งประมาณ1 ชั่ง
“ไอหยา!!! ดี!! ดี!! ดี!! นั้นมันองุ่นหรือเปล่านั้นมีสตอรเบอร์รี่ด้วยหรือ เมื่อวานฉันซื้อที่สหกรณ์กลับไป แต่ว่ามีเพียงไม่กี่กล่องเองวางไปถึงชั่วโมงก็หมดแล้ว นี้ผลไม้ของพวกเธอผลใหญ่กว่าที่สหกรณ์อีกนะ…เอา ๆ ฉันเอาฉันละ 2 กล่อง และก็เอาเนื้อ 5 ชั่ง เอาเนื้อสามชั้น 5 ด้วยฉันจะเอาไปเจียวกากหมูให้เด็กๆ ไว้กิน” คุณป้าดีใจมากที่วันนี้เธอจะได้ทั้งเนื้อและผลไม้กลับบ้าน
“เหลือไว้ให้ฉันด้วยเธออย่างซื้อเยอะสิเหลือไว้ให้คนอื่นซื้อบ้าง” เสียงที่หนึ่ง
“แม่หนูเก็บไว้ให้ฉัน 4 กล่องนะอย่างละ2 และฉันเอาเนื้อ 3 ชั่ง ไก่2 ตัว นี้เงินรีบรับไป” เสียงที่สอง
“ฉันเอาเนื้อ 10 ชั่งผลไม้ 4 กล่อง" เสียงที่สาม
“เหลือไว้ให้พวกฉันบ้างตาเฒ่า แกซื้อเยอะขนาดนั้นเดียวก็หมดหรอก พวกฉันก็อยากกินเนื้อเหมือนกันนะ” เสียงที่สี่หาเรื่องเล็กน้อยเพราะกลัวของหมด
มีเสียงต่อว่าต่อขานกันไปมา เพราะกลัวจะไม่ได้เนื้อและผลไม้ แต่ว่าไม่ได้มีปัญหาใหญ่เกิดขึ้นจากนั้นความวุ่นวายนั่น เพราะเมื่อมีเสียงดังมากกว่าปกติ คนของตลาดมืดที่เดินตรวจตราอยู่ก็รีบเดินมาทันที เมื่อพวกเขาเห็นคนของตลาดมืดเดินมาต่างก็รีบเงียบ เพราะกฎของที่นี่นั้นคือหากว่าสร้างปัญหาพวกเขาจะถูกลากออกไปและเจอแบล็คลิสต์ห้ามเข้ามาซื้่อหรือค้าขายทีนี้ทันที หยางซีซีมองดูพวกเขาอยู่ครู่หนึ่งและมองไปที่การขายของพี่ๆ ทั้งสอง ทันใดนั้นเธอก็มีความคิดบางอย่างเกิดขึ้น….
การขายของครอบครัวหยางเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและพวกเขาวุ่นวายอยู่จนเวลาผ่านไปเกือบ 2 ชั่วโมงเนื้อที่เตรียมมาใกล้จะหมดแล้ว ส่วนผลไม้นั้นเหลือเพียง 2 กล่องที่หยางซีซีเก็บเอาไว้ไม่อย่างนั้นก็หมดตั้งแต่ครั้งชั่วโมงแรกแล้ว เมื่อความชลมุนลดลงหยางซีซีก็มองไปที่แผงของคุณตาและหลานชายที่เธอซื้อทองคำไปเมื่อวาน ซึ่งพวกเขาก็นั่งยิ้มแฉ่งมองมาที่เธอทันที….
***อีก 3 วันจะไปช่วยน้องนะคะ รีดที่รักไม่ต้องเป็นห่วง5555****
บทที่ 1 ต่อให้เป็นหมอเทวดาก็ยากจะทำให้เจ้าฟื้นขึ้นมาได้!!“อ้ากกกก!!! เจ้า...เจ้า” ...หยางซีซีกระอักเลือดออกมาเป็นสาย นางพยายามที่จะชี้หน้าของเจียงกุ้ยเฟย ทว่าร่างกายที่เคยแข็งแรงกลับอ่อนล้าสิ้นเรียวแรงราวกับใบไม้เหี่ยวเฉาด้วยพิษร้ายแรงที่ร่างของนางได้รับ ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างมองไปยังใบหน้าของเจียงกุ้ยเฟยที่เต็มไปด้วยความชิงชังเคียดแค้น ใบหน้าที่เคยเป็นเพื่อนรักของนางมาตั้งแต่เด็กจนกระทั่งทั้งคู่ได้แต่งเข้าวังหลวงด้วยกันเจียงกุ้ยเฟยเดินเข้ามาช้าๆ เสียงหัวเราะเย้ยหยันของนางดังก้องกังวานไปทั่วบริเวณ"เจ้าคิดว่าจะหนีข้าไปได้อย่างนั้นรึ หยางซีซี! ฮ่าๆๆ"จากนั้นนางก็หยิบมีดสั้นขึ้นมาช้าๆ มีดสั้นเล่มนั้น เล่มที่นางเห็นว่าฮ้องเต้เป็นคนมอบให้เจียงกุ่ยเฟย นางจำอัญมณีตรงด้ามมันได้ เพราะเจียงกุ้ยเฟยนั้นมักนำมาให้นางดูตลอดเพราะว่านางชอบมีดเล่มนี้มากนางเลื่อนมีดสั้นเล่มนั้นไปมาใกล้กับหัวใจของหยางซีซีอีกครั้ง หยางซีซีกัดริมฝีปากแน่นพยายามจะพูดอะไรสักอย่าง แต่เสียงที่ออกมาได้เพียงเสียงครางแผ่วเบา"ข้า...ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าชนะง่ายๆ หรอก เจียงกุ้ยเฟย"เสียงของนางแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยินจากนั้นนางก็กระอั
บทที่ 2 หยางซีซีเหตุใดนางถึงได้ทะลุมิติมาในยุคอนาคตตั้งไกลถึง 1000 กว่าปีเช่นนี้? ในเมื่อนางก็ถูกฆ่าตายแล้วเหตุใดนางถึงไม่ได้ลงนรกหรือไม่ก็ขึ้นสวรรค์เหมือนคนอื่น? มีคำถามเกิดขึ้นมากมายในหัวของหยางซีซีในตอนนี้ นางพยายามนึกถึงความทรงจำที่ร่างเดิมทิ้งเอาไว้ให้เกี่ยวกับร่างนี้และครอบครัวนี้รวมทั้งในยุคสมัยนี้ด้วย หยางซีซีค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งได้ในที่สุด จากความเจ็บปวดตามร่างกายทำให้นางนั้นทราบว่าร่างนี้นั้นป่วยหนัก ไข้ขึ้นสูงจนกระทั่งเสียชีวิตลงอย่างเงียบคนเดียว โดยที่คนในบ้านนั้นไม่ทราบเลย นางมองไปรอบๆ ห้องเล็กๆ เก่าโทรมนี้ทำให้นางทราบได้ทันทีว่าชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวนี้นั้นยากจนมาก ไหนจะผ้าห่มเก่าบางที่มีเพียง 2 ผืนที่ห่มเด็กน้อย2คนนี้อยู่ที่แทบจะไม่สามารถป้องกันความหนาวเหน็บได้เลยก็ว่าได้ หยางซีซีหลับตานิ่งอีกครั้งจากนั้นก็นึกถึงความทรงจำต่างๆ เกี่ยวกับร่างนี้ทันที..เธอคนนี้คือหลิวซีซียุวชนหญิงผู้มีการศึกษาที่ถูกส่งมาทำงานจากปักกิ่ง เธอและน้องสาว (อายุ8 ขวบ) อาศัยอยู่กับลุงและป้าซึ่งครอบครัวที่ปักกิ่ง ซึ่งก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากนัก และในสังคมที่ผู้หญิงไม่มีค่าเธอจึงถูกครอบครัวของป้าส
บทที่ 3 ฝ่ามือหัตถ์เทวะหยางซีซียังคงมองฝ่ามือของตนเองด้วยความความดีใจ ดวงตาคู่สวยของเธอเบิกกว้างราวกับไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น นางค่อยๆ ยกมือขึ้นมาแนบแก้มเบาๆ เพื่อสัมผัสความรู้สึกนี้และให้แน่ใจว่าวิชาหัตถ์เทวะอันแสนวิเศษนั้นได้ตามนางมาสู่ยุคนี้ด้วยจริงๆทันใดนั้น นางก็ได้ยินเสียงลมหนาวพัดกระหน่ำผ่านบ้านไม้หลังเก่า ผนังบ้านสั่นไหวและครางเบาๆ เมื่อรับแรงลม หยางซีซีเงยหน้าขึ้นมองไปที่ผนังบ้านที่เก่าที่แทบจะบังแดดลมไม่ได้ สีหน้าของนางแสดงความเป็นห่วง ก่อนจะก้มหน้าลงมองเด็กน้อยทั้งสองอีกครั้งเด็กๆ กำลังนอนขดตัวอยู่บนเตียงเตาและขยับเข้าหาร่างของเธอ แต่ทว่าความหนาวเย็นจากลมหนาวที่รุนแรงก็ทำให้พวกเขาเหมือนจะสู้ไม่ไหว ริมฝีปากของเด็กน้อยทั้งคู่เริ่มซีดและสั่นเล็กน้อย แสดงให้เห็นถึงความหนาวเหน็บที่พวกเขาต้องทน หยางซีซีรู้สึกเจ็บปวดที่เห็นภาพนั้น นางค่อยๆ ลูบใบหน้าของเด็กน้อยทั้งสองเบาๆ ด้วยความอ่อนโยน ราวกับกลัวว่าพวกเขาจะตื่นจากการหลับเมื่อเห็นว่าผิวหน้าของเด็กๆ เริ่มผ่อนคลายลง นางใช้ฝ่ามือที่ตอนนี้มีพลังของหัตถ์เทวะวิ่งวนอยู่ ลูบไปที่เสื้อผ้าของเด็กๆ อย่างเบามือ ทันใดนั้น เสื้อผ้าที่เคยเ
บทที่ 4 ตระกูลหยางเมื่อแสงสีขาวค่อยๆ ดับลง นางรู้สึกสดชื่นและกระปรี้กระเปร่ามากกว่าที่เคย ตอนนี้หลังจากที่นางได้รับพลังการเยียวยาจะหัตถ์เทวะแล้ว ราวกับว่าร่างกายของตัวเองคล้ายจะสามารถเปล่งแสงออกมาได้อย่างไรอย่างนั้น หยางซีซีรู้สึกดีมากทีเดียว ตอนนี้นางมีฝ่ามือหัตถ์เทวะนางจะกลัวอะไรกับความลำบากยากแค้นกันเล่า…เอาหล่ะ!!! ทีนี้ก็มาดูกันว่าสวรรค์เตรียมอะไรให้นางบ้าง หลังจากที่ส่งนางมาอยู่ในยุคที่ยากลำบากเช่นนี้….หยางซีซีลุกขึ้นยืนและเดินไปที่หน้าต่างบานเก่า เธอค่อยๆ เปิดมันออกทันทีที่หน้าต่างเปิดเสียงลมหนาวพัดหวือหวาจนหน้าต่างไม้สั่นสะท้าน เธอเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเมฆสีเทา หิมะสีขาวบริสุทธิ์ปกคลุมไปทั่วทุ่งนาจนกลายเป็นสีขาวโพลนราวกับผืนผ้าใบขนาดใหญ่ เกล็ดหิมะที่โปรยปรายลงมาเบาๆ เหมือนกับขนนกที่ร่วงหล่นจากท้องฟ้า ลมหนาวพัดกระหน่ำเข้ามาในห้องอีกครั้งพร้อมกับเกล็ดหิมะเล็กๆ ที่ปลิวว่อนไปมา เธอเบือนหน้าหนีลมหนาว แล้วมองออกไปยังทุ่งนาที่อยู่ด้านนอก บ้านเรือนของชาวบ้านส่วนใหญ่สร้างด้วยอิฐดินเผาหลังคาปูกระเบื้องสีเทา ดูเก่าแก่และทรุดโทรม ผนังบ้านหลายหลังเริ่มแตกร้าวเพราะสภาพอากาศที่
บทที่ 5 ครอบครัวนี้ยากจนเกินไปหยางซีซีค่อยๆ เปิดประตูห้องและเดินออกไปตามเสียง เสียงกุกกักกระทบกันของหม้อไหดังมาจากห้องครัว เธอเห็นหยางชิงหลิงพี่สะใภ้ใหญ่กำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารเช้า ในกระทะขนาดใหญ่กำลังมีควันลอยฟุ้งออกมา กลิ่นหอมของโจ๊กเจือปนกับกลิ่นผักดองลอยมาในอากาศ ทำให้หยางซีซีรู้สึกหิวขึ้นมาทันที อาจจะเป็นเพราะไม่ได้กินอาหารมาทั้งคืนทำให้ตอนนี้แม้ได้กลิ่นอาหารเธอก็รู้สึกน้ำลายสอแล้ว เมื่อหยางชิงหลินเห็นว่าคนที่เดินมาคือสะใภ้สามเธอเอ่ยทักเบาๆว่า“น้องสะใภ้สามอาการดีขึ้นแล้วหรือ หากว่ายังไม่สบายอยู่ก็ยังไม่ต้องออกมาช่วยพี่หรอกนะ เดียวสะใภ้รองจะออกมาช่วยพี่เอง”น้ำเสียงของพี่สะใภ้ใหญ่ฟังดูอบอุ่น และแฝงเอาไว้ด้วยความห่วงใยอย่างจริงใจ หยางซีซีรีบเดินเข้ามายืนข้างและมองไปที่ของที่วางอยู่บนโต๊ะที่พี่สะใภ้ใหญ่เตรียมเพื่อจะทำอาหารเช้า ขณะเดียวกันหยางชิงหลิงมองสำรวจร่างกายที่ผอมแห้งของหยางซีซี เธอพบว่าวันนี้ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าในตอนที่น้องสะใภ้สามเดินเข้ามาเธอเหมือนจะเห็นประกายออร่าออกมาจากร่างของน้องสะใภ้สาม ไหนจะท่าเดินที่ดูเหมือนจะสง่างามราวกับจะลอยมาเหมือนพวกองค์หญิงองค์ชา
บทที่ 6 มันจะต้องเป็นความลับของครอบครัวเราตลอดไป“สะใภ้สามเธอทำได้อย่างไร!!!!”น้ำเสียงที่เอ่ยออกไปนั้นสั่นเทาด้วยความตกใจและตื่นตะลึงวันนี้คุณแม่หยางเม่ยตื่นขึ้นมาแต่เช้า เมื่อเดินมาใกล้ห้องครัวเธอได้ยินเสียงของลูกสะใภ้คุยกันที่ห้องครัวเรื่องการทำอาหาร เลยคิดจะออกไปเก็บไข่มาเพิ่มให้พวกเขาเสียหน่อยเพราะจากที่ได้ยินแว่วๆ รายการอาหารนั้นไม่มีเนื้อสัตว์หรือไข่เลย ไหนๆ วันนี้เธอก็เห็นว่าลูกสะใภ้สามนั้นลุกจากเตียงมาได้แล้ว เธอก็อยากจะให้ลูกสะใภ้สามได้กินของดีเสียหน่อย เพราะหลายวันที่ผ่านมานั้นสะใภ้สามนอนป่วยมาตลอดกินได้น้อยด้วย ยิ่งเธอเป็นคนขี้โรคเอะอะอะไรนิดหน่อยก็ปวดหัว ก็เป็นไข้ หยางเม่ยจึงอยากจะให้เธอได้กินไข่บำรุงร่างกาย ความรู้สึกเอ็นดูลูกสะใภ้ของหยางเม่ยนั้นมีที่มาจากอดีตอันขมขื่นของเธอเอง เมื่อครั้งยังสาวเธอถูกครอบครัวขายให้กับตาเฒ่าหยางของเธอ ความรู้สึกถูกทอดทิ้งและความเจ็บปวดจากอดีตได้ฝังรากลึกอยู่ในใจของเธอถึงแม้ว่าเมื่อเธอมาอยู่ที่ตระกูลหยางพวกเขาจะดูแลเธออย่างดี แต่ความฝังใจมันก็ยากที่จะสลัดให้หลุดได้ง่ายๆ ดังนั้นเมื่อมีลูกสะใภ้แต่งเข้ามาเธอจึงดูแลเอาใจใส่พวกเธอทั้งสามมาก มา
บทที่ 7 กินเนื้อ กินเนื้อ กินเนื้อ“เรื่องมันก็เป็นอย่างนี้แหละค่ะคุณพ่อคุณแม่!!”หลังจากที่ทุกคนมากันครบและอาการตื่นเต้นจากการเห็นสวนผักเก่าๆ โทรมๆ ของพวกเขากลายเป็นเหมือนสวนสวรรค์ทุเลาลงบ้างแล้ว หยางซีซีก็เริ่มแต่งเรื่อง เออ...เริ่มเล่าเรื่องเกี่ยวกับมือวิเศษของเธอให้กับครอบครัวได้รู้กัน“คุณพ่อกับคุณแม่ของน้องสะใภ้สามที่ตายไปหลายปีแล้วมาเข้าฝันและให้พรวิเศษอย่างนั้นหรือ?”เป็นพี่สะใภ้ใหญ่ที่ได้ฟังเรื่องราวที่หยางซีซีเล่าเอ่ยถามออกมา และคำถามของเธอก็แทนใจของทุกคนในบ้านเลยทีเดียวหยางซีซีพยายามเล่าเรื่องราวของตนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา แต่แฝงไปด้วยความศรัทธาและความอัศจรรย์ใจ อย่าลืมว่าเธอคือฮองเฮามาก่อนนะ การเล่าเรื่องให้คนเชื่อถือจะไปอยากอะไร..จริงไหม!!“พวกพี่ก็ทราบว่าฉันนอนป่วยอยู่หลายวัน ในตอนนั้นวิญญาณของฉันได้หลุดออกจากร่างไปแล้วค่ะ ฉันรู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่ในอุโมงค์มืดๆ แล้วก็เห็นแสงสีทองสว่างอยู่ข้างหน้า ฉันเลยเดินตามแสงนั้นไปเรื่อยๆ แสงสีทองนั้นสว่างจ้าราวกับดวงอาทิตย์ มันดึงดูดให้ฉันเดินเข้าไปหาอย่างไม่รู้ตัว รู้สึกเหมือนถูกมันดูดกลืนเข้าไป ทันใดนั้นเอง ฉันก็ได้ยินเสียงเรี
บทที่ 8 ต้องการหาเงินเข้าบ้านบรรยากาศอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วห้องกินข้าวของบ้านหลังเล็กของตระกูลหยาง เสียงเคี้ยวอาหารเบาๆ ผสมผสานกับเสียงหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุขของเด็กๆ ทำให้บรรยากาศดูมีชีวิตชีวาผิดจากวันปกติ"เฮ้อ...ฉันไม่เคยได้กินเนื้ออิ่มขนาดนี้มาก่อนเลย"หยางจิ้ง ผู้เป็นคนพูดน้อยที่สุดของบ้านเอ่ยขึ้นเบาๆ คำพูดสั้นๆ นี้สะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกของทุกคนในบ้านได้เป็นอย่างดี วันนี้เป็นวันที่พิเศษจริงๆ เพราะพวกเขาได้กินเนื้อไก่กันอย่างเต็มที่ ไก่ 2 ตัว ทำอาหารออกมาได้มากมายและคุณแม่ก็ให้พวกเขากินกันเต็มที่เลยจริงๆ หลังจากที่ต้องอดอยากมานาน ต้องทราบว่าในยุค 70 ที่อาหารการกินนั้นขาดแคลนมาก การได้กินเนื้อสัตว์สักมื้อถือเป็นเรื่องที่หรูหราสำหรับครอบครัวชาวนาอย่างพวกเขามากเมนูอาหารวันนี้จัดเต็มตั้งแต่โจ๊กไก่แบบเข้มข้นคนละสองชาม หรือหากใครไม่พอก็เติมได้อีก น้ำแกงไก่รสเข้มข้น ไก่ผัดขิงหอมกรุ่นกินเข้าไปแล้วทำให้ร่างกายอบอุ่น ผัดผักกาดขาวที่รสชาติทั้งหวานทั้งกรอบ และอาหารจานพิเศษที่แม้จะปีใหม่ก็ยากที่จะได้กินนั้นคือ ไก่ทอดพริกเกลือกรอบนอกนุ่มใน ซึ่งเป็นเมนูพิเศษที่คุณแม่หยางเม่ยใจดีอนุญาตให้พ
บทที่ 15 เตรียมตัวเดินทางไปปักกิ่ง "ถ้าอยากได้เงินก้อนโตเร็วๆ คงต้องพึ่งพาพลังของหัตถ์เทวะแล้วล่ะนะ"หยางซีซีกระซิบกับตัวเองอย่างมั่นใจ ดวงตาของเธอเปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่นค่ำวันนั้นหยางซีซีได้บอกกับพ่อสามีว่าเธอต้องการที่จะเดินทางไปปักกิ่ง ให้คุณพ่อช่วยไปขอใบออกนอกพื้นที่ให้เธอด้วย โดยเธอจะออกเดินทางในอีก 3วันข้างหน้า คุณแม่หยางเมื่อได้ยินว่าลูกสะใภ้สามต้องการจะเดินทางกลับบ้านจึงได้ถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อหยางซีซีจึงได้บอกกับคุณแม่หยางว่าเธอเคยสัญญากับน้องสาวเอาไว้ว่าหากตั้งตัวได้จะไปรับมาอยู่ด้วย ดังนั้นเธอคิดว่าตอนนี้น่าจะถึงเวลาแล้ว และไม่ให้คุณแม่หยางเป็นห่วงหากว่าน้องเธอมาอยู่ด้วยเธอจะหาบ้านเช่าให้น้องเธออยู่เองเพราะว่าบ้านนี้ก็ทั้งเล็กและแคบ หากว่ามีเพิ่มมาอีกคนน่าจะอยู่กันลำบาก เมื่อคิดถึงตรงนี้หยางซีซีจึงได้เอ่ยกับคุณพ่อหยางว่า"คุณพ่อคะ หากว่าพวกเราต้องการจะสร้างบ้านใหม่จะทำได้หรือเปล่าคะ เพราะว่าบ้านเราก็เก่าและคับแคบมากแล้ว หากว่าขยับขยายออกไปหน่อยก็น่าจะดี”“ความจริงแม่ก็คิดอยู่เหมือนกันนะ เอาอย่างนี้ตาเฒ่าตอนที่ไปทำหนังสือของออกนอกพื้นที่กับหัวหน้าก็ลองถามเรื่องการจั
บทที่ 14 อยากรู้อนาคตให้อ่านหนังสือ (พิมพ์)หยางซีซีเอนหลังพิงหัวเตียงไม้เก่าๆ ความคิดของเธอวนเวียนอยู่กับคำพูดของหยางซีซีคนนั้น...น้องสาวที่ถูกทิ้งให้อยู่ในเงาของการใช้แรงงานอย่างทารุณของบ้านป้าและลุง"น้องสาวถูกรังแกอยู่ที่ปักกิ่งอย่างนั้นหรือ..."หยางซีซีพึมพำเบาๆ ดวงตาของเธอหรี่ลงราวกับกำลังมองทะลุผ่านกาลเวลาและระยะทางไปยังอีกฟากหนึ่งของประเทศความทรงจำเกี่ยวกับน้องสาวของร่างนี้ผุดขึ้นมาในหัว เธอจำได้ว่าลุงป้าที่ส่งเธอมาทำงานใช้แรงงานแทนลูกลูกของตัวเองเป็นคนอย่างไร คนแบบนี้ย่อมไม่มีทางปฏิบัติต่อน้องสาวของร่างนี้ด้วยความเมตตาแน่ๆ และการที่วิญญาณของหยางซีซีคนนั้นต้องมาปรากฏตัวต่อหน้าเธอเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์ของน้องสาวต้องเลวร้ายมาก"แต่จะทำยังไงดีล่ะ..."หยางซีซีครุ่นคิดหนัก ปักกิ่งอยู่ไกลจากที่นี่มากแค่ไหนกันแน่ เธอเองก็ไม่เคยไปมาก่อน ในขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่บนโต๊ะพาดหัวมีคำว่า"ปักกิ่ง" เธออ่านคำนี้ออกมาเบาๆ ดวงตาของเธอเป็นประกายขึ้นมาเล็กน้อยทันใดนั้นเอง เธอก็นึกขึ้นได้ว่าเธอสามารถที่จะเห็นอนาคตของคนและสิ่งของได้เพียงแค่สั
บทที่ 13 สร้างค่ายกลปลูกผักหลังจากที่แบ่งเงินทองกันเรียบร้อยแล้ว ทุกคนต่างก็มีความสุขกับสิ่งที่พวกเขาได้รับมา ตอนนี้พวกเขาต่างก็ปรึกษากันว่าวันต่อไปใครจะเป็นคนไปขายของซึ่งก็ตกลงกันได้ว่าการขายของยังคงให้เป็น หยางจิ้ว สะใภ้รองและสะใภ้สาม เพราะถือว่าได้เข้าไปในตลาดมืดแล้ว ไม่ต้องให้คนอื่นๆ เข้าไปอีก ซึ่งหยางซีซีและครอบครัวได้ใช้เวลาพูดคุยพักใหญ่ จากนั้นบรรยากาศก็ค่อยๆ เงียบลงเมื่อคุณแม่หยางเม่ยหันไปมองกองทองคำและเครื่องประดับที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างสงสัย สายตาของเธอจับจ้องไปที่หยางซีซี ก่อนจะเอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ"ลูกอยากได้ของพวกนั้นไปทำไมหรือสะใภ้สาม มันไม่มีประโยชน์อะไรเลยนะแม่ว่า อีกอย่างหากมีเก็บเอาไว้ก็อันตรายด้วยหากว่าถูกคนของทางการค้นเจอ ในยุคนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้คนคือเสื้อผ้า อาหาร ของยังชีพต่างหาก ทำไมลูกถึงได้อยากได้ของพวกนี้กันแม่สงสัยจริงๆ"คำถามของคุณแม่หยางเม่ยทำให้บรรยากาศในห้องเงียบลงไปชั่วขณะ เพราะพวกเขาทุกคนก็เห็นด้วยในสิ่งที่แม่หยางพูด หยางซีซีเงยหน้าขึ้นมองคุณแม่สามีและทุกคน เธอเข้าใจดีว่าในยุค 70 สิ่งของเหล่านี้ไม่ได้มีความสำคัญเท่ากับอาหารและความอ
บทที่ 12 แบ่งเงินพวกเขาทั้งสามช่วยกันขายเนื้ออยู่อีกเกือบ 1 ชั่วโมงเมื่อเห็นว่าเนื้อใกล้จะหมดแล้วจึงได้เก็บของและพวกกันออกมาจากตลาดมืดทันที…ระหว่างทางที่เดินออกมาหยางซีซีตาไวเธอเห็นว่ามีคนนำพวกทองและเครื่องประดับ ภาพวาด แจกันของเก่าโบราณออกมาวางขายกันอยู่หลายร้านทีเดียวเธอหันมองและดวงตาก็วาววับขึ้นมาทันที….คราวหน้าเจอกัน!!!!!ทั้งสามรีบเดินออกมาจากตลาดมืดแห่งนี้ทันที เพราะถึงจะค้าขายได้ดีขนาดไหนแต่ว่าที่นี่ก็ถือว่าเป็นที่แหล่งผิดกฏหมายและอันตรายมากอยู่ดี และการที่พวกเขามีเนื้อมากมายมาขายก็อาจจะทำให้ถูกเพ่งเล็งได้ เพราะว่าพวกเขาเข้ามาเพียงตะกร้าใบเดียวเหตุใดถึงได้ขายเนื้อไม่หมดสักทีนะสิ หากจะนับรวมๆ แล้วเนื้อที่ขายไปนั้นเกือบ 220 ชั่งได้เมื่อออกมาจากตลาดมืดแล้วทั้งสามก็ตรงไปที่สหกรณ์แวะซื้อพวกเครื่องปรุงนมผง น้ำตาล เกลือ ซีอิ้ว และเครื่องเทศอีกหลายอย่างและหยางฟู่เหยายังซื้อลูกอมตรากระต่ายไปให้หลานๆ ด้วยถุงใหญ่ หยางซีซีเห็นว่ามีแตงโมลูกไม่ใหญ่นักวางอยู่ รวมทั้งผลไม้หายากอย่างสตอเบอร์รี่และองุ่นที่ไม่รู้หลุดรอดมาได้อย่างไรอยู่ 2 กล่อง เธอจึงหยิบทันทีถึงแม้ว่าราคาของสตอเบอร์รี่จะแพงมากต
บทที่ 11 เนื้อแลกทองคำ"นั่นมัน… ทองคำนี้!!! " หยางซีซีกระซิบกับตัวเองอย่างตกใจเธอมองไปที่กองทองคำและเครื่องประดับเหล่านั้นอีกครั้งด้วยความสงสัย ทำไมสองตาหลานถึงมีของมีค่าแบบนี้มาขายในตลาดมืดได้ และทำไมถึงไม่มีใครสนใจที่จะซื้อเลย หยางซีซีมองจ้องไปที่กองทองคำและเครื่องประดับอยู่นานก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปหาสองตาหลานทันที…ในฐานะฮองเฮา หยางซีซีเคยได้สัมผัสกับเครื่องประดับอันงดงามมากมายนับไม่ถ้วน ทั้งเพชรพลอยและทองคำบริสุทธิ์ต่างถูกนำมาประดับประดาตัวเธอเพื่อแสดงถึงฐานะและอำนาจ ถึงแม้ว่าท้ายที่สุดแล้วของนอกกายเหล่านี้จะไม่สามารถที่จะช่วยชีวิตเธอเอาไว้ได้ก็ตามถึงกระนั้นความเป็นหญิงก็ยังคงฝังอยู่ในตัว เธอหลงใหลในความสวยงามของเครื่องประดับเช่นเดียวกับผู้หญิงทั่วไป การได้เห็นทองคำและเครื่องประดับถูกกองรวมกันไว้เหมือนของไม่มีค่าแบบนี้ ทำให้หัวใจของเธอรู้สึกเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก หยางซีซีเดินเข้าไปใกล้แผงขายของที่ดูจะทรุดโทรม สองตาหลานนั่งตัวงออยู่เพราะความหนาว อยู่ข้างๆ กองของประดับที่ดูจะขัดกับบรรยากาศของตลาดมืดแห่งนี้สายตานางจับจ้องไปยังกองทองคำและเครื่องประดับที่วางเรียงรายอยู่บนผืนผ้าเก่
บทที่ 10 เตรียมของไปขาย ‘ที่แห่งนั้น’หลังจากที่หยางซีซีให้ทุกคนฝึกลองใช้ตะกร้ามิติ จนทุกคนเข้าใจและสามารถที่จะทำเองได้แล้ว จากนั้นคนในตระกูลหยางก็เดินเรียงกันกลับไปที่สวนและเล้าไก่อีกครั้ง เมื่อไก่สองตัวที่กำลังนอนพักอยู่เห็นคนบ้านนี้เดินกลับมาหาพวกมันอีกแล้วพวกมันก็หันมองหน้ากันอย่างสงสัยก่อนจะส่งเสียงร้องออกมาเหมือนจะเป็นการถามว่า พวกเขามาทำไมกันอีก...ไข่ก็ไข่ให้ไปแล้วอย่างไร...เมื่อพวกมันมองไปด้านหลังเห็นเจ้าหนุ่มคนเดิมหอบผักกาดขาวมาหอบใหญ่เข้ามา พวกมันมองหน้ากันอีกครั้งอย่างบอกนะว่า.….ตอนที่คนตระกูลหยางกลับออกไปพวกเขาได้ไข่ที่เจ้าไก่ทั้งสองตัวช่วยกันเบ่งจนจะเป็นลมไปอีก 20 ใบ...ตอนนี้พวกมันสองตัวต่างก็พยายามที่เงยคอขึ้นมามองแต่ก็ทำไม่ได้เพราะความเหนื่อย หยางซีซีเห็นเช่นนั้นก็หัวเราะเบาๆ ก่อนพูดกับพวกมันว่าช่วงนี้พวกมันอาจจะต้องเหนื่อยหน่อยนะ จากนั้นเธอก็เทน้ำที่ใช้มือหัตถ์เทวะจุ่มลงไปและใส่พลังลงไปมากหน่อยให้พวกมันดื่มกิน และทันทีที่พวกมันกินน้ำอาการเหนื่อยล้าจากการเบ่งไข่มากมายนั้นก็หายเป็นปลิดทิ้งทันทีตอนนี้หากสังเกตดูดีตัวของพวกมันเหมือนจะอ้วนขึ้นและมีขนสีทองแซมออกมาหลายเส้นที
บทที่9 สร้างมิติใส่ของ“..ฉันรู้รหัสค่ะ”สะใภ้รองผู้งดงามและเป็นคนเงียบ ๆ เอ่ยขึ้นมาเบาๆ“พี่ใหญ่ของฉันแอบส่งมาให้ฉันพร้อมกับของที่ส่งมาให้รอบล่าสุดค่ะ”เธอเฉลยให้ทุกคนได้ฟังว่าได้รหัสมาอย่างไร เพราะการที่จะได้รหัสที่จะเข้าไปในตลาดมืดนั้นไม่ง่ายนัก ต้องคนที่เคยเข้าไปเท่านั้นถึงจะได้มา เพราะตลาดมืดนั้นเป็นการสร้างขึ้นมาโดยผู้มีอิทธิพลกลุ่มหนึ่ง ดูเหมือนว่าจะเป็นทหารเก่าอะไรสักอย่างและหากว่าหยางฟู่เหยาจำไม่ผิดพี่ชายเธอเคยบอกว่าเจ้าของตลาดคือทหารเก่าที่ผันตัวมาเป็นเจ้าพ่อน่าจะชื่อฉีฮ้าว อะไรสักอย่างเธอก็จำไม่ค่อยได้เพราะว่าเส้นทางของภรรยาพวกชาวนาอย่างเธอนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกเจ้าพ่ออยู่แล้วก็เลยไม่อยากจะใส่ใจจำพูดถึงพี่ใหญ่ของหยางฟู่เหยาเขาคือจางอี้เฉิง พี่ใหญ่จางทำงานที่โรงงานเหล็กในตัวเมืองเป็นผู้ช่วยผู้จัดการ ทำให้หน้าที่การงานและการเงินถือว่าดีมาก เพราะว่าสมัยนั้นการได้ทำงานโรงงานนั้นถือว่ามีชามข้าวเหล็กอยู่ในมือ กินใช่อย่างไรก็ไม่หมด คนส่วนใหญ่จึงอยากจะให้ลูกหลานเข้าทำงานในโรงงานกันมาก วันที่เธอได้พบพี่ใหญ่นั้นหยางฟู่เหยาจำได้ดี วันนั้นเธอกับหยางจิ้งเดินทางเข้าเมืองเพื่อซื้อของ
บทที่ 8 ต้องการหาเงินเข้าบ้านบรรยากาศอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วห้องกินข้าวของบ้านหลังเล็กของตระกูลหยาง เสียงเคี้ยวอาหารเบาๆ ผสมผสานกับเสียงหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุขของเด็กๆ ทำให้บรรยากาศดูมีชีวิตชีวาผิดจากวันปกติ"เฮ้อ...ฉันไม่เคยได้กินเนื้ออิ่มขนาดนี้มาก่อนเลย"หยางจิ้ง ผู้เป็นคนพูดน้อยที่สุดของบ้านเอ่ยขึ้นเบาๆ คำพูดสั้นๆ นี้สะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกของทุกคนในบ้านได้เป็นอย่างดี วันนี้เป็นวันที่พิเศษจริงๆ เพราะพวกเขาได้กินเนื้อไก่กันอย่างเต็มที่ ไก่ 2 ตัว ทำอาหารออกมาได้มากมายและคุณแม่ก็ให้พวกเขากินกันเต็มที่เลยจริงๆ หลังจากที่ต้องอดอยากมานาน ต้องทราบว่าในยุค 70 ที่อาหารการกินนั้นขาดแคลนมาก การได้กินเนื้อสัตว์สักมื้อถือเป็นเรื่องที่หรูหราสำหรับครอบครัวชาวนาอย่างพวกเขามากเมนูอาหารวันนี้จัดเต็มตั้งแต่โจ๊กไก่แบบเข้มข้นคนละสองชาม หรือหากใครไม่พอก็เติมได้อีก น้ำแกงไก่รสเข้มข้น ไก่ผัดขิงหอมกรุ่นกินเข้าไปแล้วทำให้ร่างกายอบอุ่น ผัดผักกาดขาวที่รสชาติทั้งหวานทั้งกรอบ และอาหารจานพิเศษที่แม้จะปีใหม่ก็ยากที่จะได้กินนั้นคือ ไก่ทอดพริกเกลือกรอบนอกนุ่มใน ซึ่งเป็นเมนูพิเศษที่คุณแม่หยางเม่ยใจดีอนุญาตให้พ
บทที่ 7 กินเนื้อ กินเนื้อ กินเนื้อ“เรื่องมันก็เป็นอย่างนี้แหละค่ะคุณพ่อคุณแม่!!”หลังจากที่ทุกคนมากันครบและอาการตื่นเต้นจากการเห็นสวนผักเก่าๆ โทรมๆ ของพวกเขากลายเป็นเหมือนสวนสวรรค์ทุเลาลงบ้างแล้ว หยางซีซีก็เริ่มแต่งเรื่อง เออ...เริ่มเล่าเรื่องเกี่ยวกับมือวิเศษของเธอให้กับครอบครัวได้รู้กัน“คุณพ่อกับคุณแม่ของน้องสะใภ้สามที่ตายไปหลายปีแล้วมาเข้าฝันและให้พรวิเศษอย่างนั้นหรือ?”เป็นพี่สะใภ้ใหญ่ที่ได้ฟังเรื่องราวที่หยางซีซีเล่าเอ่ยถามออกมา และคำถามของเธอก็แทนใจของทุกคนในบ้านเลยทีเดียวหยางซีซีพยายามเล่าเรื่องราวของตนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา แต่แฝงไปด้วยความศรัทธาและความอัศจรรย์ใจ อย่าลืมว่าเธอคือฮองเฮามาก่อนนะ การเล่าเรื่องให้คนเชื่อถือจะไปอยากอะไร..จริงไหม!!“พวกพี่ก็ทราบว่าฉันนอนป่วยอยู่หลายวัน ในตอนนั้นวิญญาณของฉันได้หลุดออกจากร่างไปแล้วค่ะ ฉันรู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่ในอุโมงค์มืดๆ แล้วก็เห็นแสงสีทองสว่างอยู่ข้างหน้า ฉันเลยเดินตามแสงนั้นไปเรื่อยๆ แสงสีทองนั้นสว่างจ้าราวกับดวงอาทิตย์ มันดึงดูดให้ฉันเดินเข้าไปหาอย่างไม่รู้ตัว รู้สึกเหมือนถูกมันดูดกลืนเข้าไป ทันใดนั้นเอง ฉันก็ได้ยินเสียงเรี