บทที่ 15 เตรียมตัวเดินทางไปปักกิ่ง
"ถ้าอยากได้เงินก้อนโตเร็วๆ คงต้องพึ่งพาพลังของหัตถ์เทวะแล้วล่ะนะ"
หยางซีซีกระซิบกับตัวเองอย่างมั่นใจ ดวงตาของเธอเปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่น
ค่ำวันนั้นหยางซีซีได้บอกกับพ่อสามีว่าเธอต้องการที่จะเดินทางไปปักกิ่ง ให้คุณพ่อช่วยไปขอใบออกนอกพื้นที่ให้เธอด้วย โดยเธอจะออกเดินทางในอีก 3วันข้างหน้า คุณแม่หยางเมื่อได้ยินว่าลูกสะใภ้สามต้องการจะเดินทางกลับบ้านจึงได้ถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อหยางซีซีจึงได้บอกกับคุณแม่หยางว่าเธอเคยสัญญากับน้องสาวเอาไว้ว่าหากตั้งตัวได้จะไปรับมาอยู่ด้วย ดังนั้นเธอคิดว่าตอนนี้น่าจะถึงเวลาแล้ว และไม่ให้คุณแม่หยางเป็นห่วงหากว่าน้องเธอมาอยู่ด้วยเธอจะหาบ้านเช่าให้น้องเธออยู่เองเพราะว่าบ้านนี้ก็ทั้งเล็กและแคบ หากว่ามีเพิ่มมาอีกคนน่าจะอยู่กันลำบาก เมื่อคิดถึงตรงนี้หยางซีซีจึงได้เอ่ยกับคุณพ่อหยางว่า
"คุณพ่อคะ หากว่าพวกเราต้องการจะสร้างบ้านใหม่จะทำได้หรือเปล่าคะ เพราะว่าบ้านเราก็เก่าและคับแคบมากแล้ว หากว่าขยับขยายออกไปหน่อยก็น่าจะดี”
“ความจริงแม่ก็คิดอยู่เหมือนกันนะ เอาอย่างนี้ตาเฒ่าตอนที่ไปทำหนังสือของออกนอกพื้นที่กับหัวหน้าก็ลองถามเรื่องการจัดสรรพื้นที่ดินดูนะว่าทำได้หรือเปล่า หากว่าได้ก็ของจองกับเขาเลยหากว่าต้องจ่ายเงินมากหน่อยก็จ่ายไป แล้วก็ลูกสะใภ้แม่ว่าให้เจ้าใหญ่กับสะใภ้ใหญ่ไปเป็นเพื่อนลูกที่ปักกิ่งเถอะนะหากว่าไปคนเดียวแม่เป็นห่วง” คุณแม่หยางสั่งสามีเสร็จก็หันมาบอกความประสงค์กับลูกสะใภ้สามของอีกครั้ง ก็นะการไปปักกิ่งนั้นต้องนั่งรถถึง 2 วัน ผู้หญิงไปคนเดียวมันอันตรายจะตายไป เธอจึงไม่อยากให้ลูกสะใภ้สามของเธอไปคนเดียว
“เอาอย่างนั้นหรือคะคุณแม่”
“เอาอย่างนั้นหล่ะ ผู้หญิงเดินทางคนเดียวพี่ก็เป็นห่วงเหมือนกัน” เป็นพี่สะใภ้ใหญ่ที่พูดขึ้นมา ดังนั้นความเห็นจึงเป็นเอกฉันท์ที่พวกพี่ใหญ่พี่สะใภ้ใหญ่และตัวเธอจะเดินทางด้วยกัน ส่วนพี่รองก็ให้ไปขายของเช่นเดิม
ค่ำวันนั้นหลังจากที่ช่วยกันเก็บผลไม้ ออกผลดกและสุกได้ที่ ทุกคนก็ช่วยกันจัด คัด แยก และทำความสะอาดและแบ่งสำหรับนำไปขาย และเช็คดูเนื้อว่ามีจำนวนเท่าไหร่ โดยหยางซีซีทำตะกร้ามิติแยกสำหรับใส่ผลไม้อย่างเดียวอีก 1ตะกร้าและเธอจะเป็นคนขายตะกร้าผลไม้นี้เอง ให้พี่รองและพี่สะใภ้รองขายเนื้อเช่นเดิม หยางซีซีเฝ้ามองดูทุกคนในครอบครัวช่วยกันทำงานด้วยรอยยิ้ม พี่สะใภ้รองกำลังต้มน้ำร้อนเพื่อนำมาชงชาให้ทุกคนอยู่ในครัวโดยมีพวกเด็กๆ ที่ยังไม่อยากจะนอนเข้าไปช่วย และแน่นอนว่าพวกเขาได้ลูกอมกระต่ายอีกคนละเม็ด และเธอได้ยินเสียงพี่สะใภ้สามสั่งพวกเขาให้แปรงฟันหลังจากที่กินเสร็จแล้ว เสียงหัวเราะคิกคักดังออกมาเป็นระยะๆ บรรยากาศอบอุ่นแบบนี้ทำให้หยางซีซีรู้สึกอบอุ่นใจเป็นอย่างยิ่ง ครอบครัวของหยางนั้นแตกต่างจากครอบครัวอื่นๆ ที่เธอเคยได้ยินมา หลายครั้งที่ได้ยินเรื่องราวของครอบครัวที่แตกแยกเพราะความขัดแย้งระหว่างพี่น้อง หรือระหว่างลูกสะใภ้กับแม่สามี และหลายครอบครัวก็แก้ปัญหาด้วยการแยกบ้าน แต่สำหรับครอบครัวของเธอแล้ว ทุกคนรักใคร่กลมเกลียวกันเป็นอย่างดี
เธอรู้สึกโชคดีได้มาเจอครอบครัวแบบนี้ แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกกังวลใจกับความลับเรื่องพลัง และความสามารถพิเศษของเธอที่เป็นสิ่งที่ไม่ธรรมดา ยิ่งในยุคนี้พวกเขาอาจจะมองว่าเธอเป็นพวกแม่มดหมอผีก็เป็นได้ หากมันถูกเปิดเผยออกไป อาจจะนำมาซึ่งความยุ่งยากหรืออันตรายได้มาสู้คนในครอบครัวรวมทั้งตัวเธอได้ เธอไม่อยากจะเห็นครอบครัวของเธอต้องเดือดร้อนเพราะความสามารถของเธอเพราะหากมีคนรู้ละก็มีสิทธิ์ถูกจับเข้าคุกเลยทีเดียว
‘การเป็นคนดีก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถเก็บความลับได้เสมอไป’
คำพูดนี้วนเวียนอยู่ในหัวของหยางซีซี เธอรู้ดีว่าคนเราทุกคนล้วนมีความอ่อนแอ และการจะให้ใครสักคนเก็บความลับไว้ตลอดไปนั้นเป็นเรื่องยาก
ในที่สุดเธอจึงตัดสินใจใช้พลังของหัตถ์เทวะ เพื่อสร้างกำแพงป้องกันความลับนี้ของเธอเสียเลยเพราะไม่อยากจะมาแก้ไขทีหลัง หยางซีซียกมือขึ้นมาช้าๆ มองดูฝ่ามือของตัวเองที่เปล่งแสงระยิบระยับ เธอจดจ่อความคิดไปที่ความต้องการที่จะให้ทุกคนในบ้านรักษาความลับและไม่สามารถที่จะแพร่งพรายความลับออกไปได้ โดยหากมีความคิดเกี่ยวกับการพูดถึงความสามารถของเธอ ให้พวกเขามีอาการลืมเลือนไม่สามารถจดจำหรือนึกถึงภาพใดๆ ที่เกี่ยวกับพลังของเธอได้เลย
ทันทีที่ความคิดนั้นชัดเจน น้ำใสๆ ที่มีประกายวิบวับราวกับดวงดาวก็ค่อยๆ ไหลออกมาจากปลายนิ้วของเธอ เธอควบคุมน้ำให้ไหลลงไปในแก้วน้ำเล็กๆ ที่วางอยู่ข้างๆ ด้วยความระมัดระวัง
เมื่อได้น้ำวิเศษนี้แล้ว หยางซีซีก็รีบนำไปผสมลงในหม้อน้ำร้อนที่พี่สะใภ้รองกำลังต้มอยู่ เธอทำอย่างรวดเร็วและเงียบเชียบ เพื่อไม่ให้ใครสังเกตเห็น เมื่อผสมน้ำเสร็จแล้ว เธอก็ช่วยพี่สะใภ้รองยกหม้อน้ำออกไปดื่ม จากนั้นก็รีบช่วยพี่สะใภ้รองยกน้ำร้อนออกมาชงชาให้ทุกคน และยังนำน้ำกานี้ไปชงนมให้กับเด็กๆ ที่บ้านได้ดื่มกันทุกคนด้วย เมื่อมั่นใจว่าตอนนี้ทุกคนในบ้านได้ดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์กันหมดทุกคน หยางซีซีโล่งใจเล็กน้อยที่สามารถแก้ปัญหาได้ แม้ว่าเธอจะรู้สึกไม่สบายใจอยู่ลึกๆ ที่ทำเช่นนี้แต่เพื่อปกป้องครอบครัวและความลับของตัวเอง เธอจำเป็นต้องทำเช่นนี้
รุ่งเช้าอากาศสดใสมากเหมือนว่าเมื่อวานหิมะไม่ได้ตกหนักอย่างไรอย่างนั้น หยางซีซีพร้อมด้วยพี่สะใภ้รองและพี่รองหยางจิ้ว เมื่อเตรียมของทุกอย่างครบและกินอาหารเช้าเรียบร้อย และวันนี้คุณแม่ได้ห่อซาลาเปาไส้เนื้อลูกใหญ่ให้พวกเขาถือไปด้วย 10 ลูกด้วยกัน เพราะหากว่าขายของได้ช้าพวกเขาจะได้กินรอท้อง ซึ่งหยางซีซีก็ให้พี่สะใภ้รองรับมาถึงแม้ว่าความจริงพวกเธอสามารถจะอดทนได้ แต่ว่าในเมื่อมันไม่จำเป็นต้องอดทนก็ไม่ต้องอดทนจริงไหม....พวกเขาสามคนต่างพากันเตรียมตัวเดินไปรอรถจากแทรกเตอร์จากหัวหน้าหมู่บ้าน รถแทรกเตอร์เก่าคร่ำคร่าของหัวหน้าหมู่บ้านค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากหมู่บ้านหลีฮวา เสียงเครื่องยนต์คำรามดังกึกก้องไปทั่ว เส้นทางที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อ ทำให้รถกระเด้งไปมาอย่างน่าหวาดเสียว แต่หยางซีซีกลับนิ่งเฉย เธอมองออกไปนอกหน้าต่าง ดวงตาคู่สวยฉายแววคิดถึงอนาคต
หมู่บ้านหลีฮวาที่เธออาศัยอยู่นั้นแม้จะดูเรียบง่าย แต่ก็มีความสวยงามตามธรรมชาติ ด้านหลังหมู่บ้านมีเทือกเขาสลับซับซ้อนทอดตัวยาวไกลสุดสายตา ส่วนด้านข้างก็มีทะเลสาบขนาดใหญ่ แม้ในฤดูหนาวที่น้ำจะกลายเป็นน้ำแข็ง แต่เธอก็มองเห็นภาพทะเลสาบที่เงางามในยามแดดจ้าได้ชัดเจน
หยางซีซีเหลือบมองไปยังแปลงนาที่อยู่ข้างทาง เธอจดจำตำแหน่งของแปลงนาเหล่านั้นไว้ในใจ เพราะในอนาคตอันใกล้ เธอวางแผนที่จะซื้อแปลงนาเหล่านี้ไว้เป็นของตัวเอง ด้วยทำเลที่ตั้งที่ดีเยี่ยม เชื่อว่าในอนาคตแปลงนาเหล่านี้จะต้องมีราคาสูงขึ้นอย่างแน่นอน
รถแทรกเตอร์แล่นเข้าสู่ตัวเมือง เสียงแตรรถยนต์และเสียงคนพลุกพล่านดังเข้ามาแทนที่เสียงธรรมชาติ เส้นทางที่พวกเธอเดินมาเมื่อวานเมื่อถึงที่จอด ทุกคนต่างก็รีบหิ้วตะกร้าของตัวเองและแยกย้ายกันไปจัดการธุระของตัวเอง หยางซีซีและพี่รองพี่สะใภ้รองรีบลัดเลาะและตรงไปที่ตลาดมืดทันที วันนี้พวกเขามาเช้ามาก เมื่อจ่ายค่าเข้าและเดินเข้ามาได้ก็ตรงไปขายจุดเดิม วันนี้คนมากกว่าเมื่อวานจริงๆ และของที่ขายก็มีมากกว่าด้วย ระหว่างทางที่เดินไปที่แผงหยางซีซีเห็นร้านหนึ่งที่ขายสมุนไพรหลายชนิดและยังมีป้ายบอกว่ารับซื้อสมุนไพรด้วยเธอมองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินตามสองสามีภรรยาหยางไปที่แผงของตัวเองเมื่อวาน เพราะว่าบริเวณนั้นมีพื้นที่หากว่ามีลูกค้าเยอะก็จะได้ไม่เบียดกันมาก เมื่อเดินไปถึงขณะที่กำลังจัดแผงลูกค้าที่มาซื้อเมื่อวานหลายคนก็รีบเดินมาต่อคิวทันที
“นึกว่าจะไม่มาเสียแล้ว ฉันเดินวนอยู่ 2-3 รอบแล้ว”
คุณป้าที่ซื้อเนื้อไปเป็นคนแรกของเมื่อวานรีบเอ่ยอย่างดีใจที่เห็นพวกเขามากันแล้ว เพราะหลังจากที่นำเนื้อไปทำอาหารแล้ว ไม่รู้ว่าพวกเขาคิดไปเองหรือเปล่าแต่ว่าอาการปวดเหมื่อยต่างๆที่เคยเป็นตามประสาคนชรานั้นต่างก็รู้สึกดีขึ้นมาก คุณแม่สามีของเธอจากที่นอนป่วยอยู่เมื่อเธอทำโจ๊กใส่เนื้อไปให้กิน ปรากฎว่าเช้าวันนี้เธอลุกขึ้นมานั่งได้ด้วยตัวเองแล้ว ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นเธอคิดว่าแม่สามีของเธอน่าจะอยู่ไม่รอดแล้ว ทำให้เธอคิดว่าอาจจะเป็นเพราะได้กินเนื้อที่ดีและสดทำให้มีแรงกำลังขึ้นมา เช้าวันนี้เธอจึงได้รีบมาแต่เช้าเพื่อจะรอซื้อให้ได้
“มาสิคะพวกเราบอกแล้วว่าจะมาอีกวันนี้คุณป้าอยากได้เนื้อเท่าไหร่คะ อ้อวันนี้พวกฉันมีผลไม้หายากที่ได้มาจากปักกิ่งมาขายด้วยนะคะ น้องสะใภ้สามรีบเอาผลไม้ออกมาให้คุณป้าดูเร็วเข้า สตอรเบอร์รี่กล่องละ 20 หยวน ส่วนองุ่น 22 หยวนค่ะ ของมีไม่เยอะนะคะคุณป้า ”
พี่สะใภ้รองจากที่เป็นคนเงียบไม่ค่อยพูด มาวันนี้เธอพูดยาวและจัดแจงงานอย่างรวดเร็วทันที หยางซีซียิ้มเล็กน้อยและรีบนำผลไม้ออกมาวางบนแผงทันทีเช่นกัน ผลไม้ใส่เป็นกล่องมาเรียบร้อยกล่องหนึ่งประมาณ1 ชั่ง
“ไอหยา!!! ดี!! ดี!! ดี!! นั้นมันองุ่นหรือเปล่านั้นมีสตอรเบอร์รี่ด้วยหรือ เมื่อวานฉันซื้อที่สหกรณ์กลับไป แต่ว่ามีเพียงไม่กี่กล่องเองวางไปถึงชั่วโมงก็หมดแล้ว นี้ผลไม้ของพวกเธอผลใหญ่กว่าที่สหกรณ์อีกนะ…เอา ๆ ฉันเอาฉันละ 2 กล่อง และก็เอาเนื้อ 5 ชั่ง เอาเนื้อสามชั้น 5 ด้วยฉันจะเอาไปเจียวกากหมูให้เด็กๆ ไว้กิน” คุณป้าดีใจมากที่วันนี้เธอจะได้ทั้งเนื้อและผลไม้กลับบ้าน
“เหลือไว้ให้ฉันด้วยเธออย่างซื้อเยอะสิเหลือไว้ให้คนอื่นซื้อบ้าง” เสียงที่หนึ่ง
“แม่หนูเก็บไว้ให้ฉัน 4 กล่องนะอย่างละ2 และฉันเอาเนื้อ 3 ชั่ง ไก่2 ตัว นี้เงินรีบรับไป” เสียงที่สอง
“ฉันเอาเนื้อ 10 ชั่งผลไม้ 4 กล่อง" เสียงที่สาม
“เหลือไว้ให้พวกฉันบ้างตาเฒ่า แกซื้อเยอะขนาดนั้นเดียวก็หมดหรอก พวกฉันก็อยากกินเนื้อเหมือนกันนะ” เสียงที่สี่หาเรื่องเล็กน้อยเพราะกลัวของหมด
มีเสียงต่อว่าต่อขานกันไปมา เพราะกลัวจะไม่ได้เนื้อและผลไม้ แต่ว่าไม่ได้มีปัญหาใหญ่เกิดขึ้นจากนั้นความวุ่นวายนั่น เพราะเมื่อมีเสียงดังมากกว่าปกติ คนของตลาดมืดที่เดินตรวจตราอยู่ก็รีบเดินมาทันที เมื่อพวกเขาเห็นคนของตลาดมืดเดินมาต่างก็รีบเงียบ เพราะกฎของที่นี่นั้นคือหากว่าสร้างปัญหาพวกเขาจะถูกลากออกไปและเจอแบล็คลิสต์ห้ามเข้ามาซื้่อหรือค้าขายทีนี้ทันที หยางซีซีมองดูพวกเขาอยู่ครู่หนึ่งและมองไปที่การขายของพี่ๆ ทั้งสอง ทันใดนั้นเธอก็มีความคิดบางอย่างเกิดขึ้น….
การขายของครอบครัวหยางเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและพวกเขาวุ่นวายอยู่จนเวลาผ่านไปเกือบ 2 ชั่วโมงเนื้อที่เตรียมมาใกล้จะหมดแล้ว ส่วนผลไม้นั้นเหลือเพียง 2 กล่องที่หยางซีซีเก็บเอาไว้ไม่อย่างนั้นก็หมดตั้งแต่ครั้งชั่วโมงแรกแล้ว เมื่อความชลมุนลดลงหยางซีซีก็มองไปที่แผงของคุณตาและหลานชายที่เธอซื้อทองคำไปเมื่อวาน ซึ่งพวกเขาก็นั่งยิ้มแฉ่งมองมาที่เธอทันที….
***อีก 3 วันจะไปช่วยน้องนะคะ รีดที่รักไม่ต้องเป็นห่วง5555****
บทที่ 16 การค้าใหญ่กำลังมาการขายของครอบครัวหยางเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและพวกเขาวุ่นวายอยู่จนเวลาผ่านไปเกือบ 2 ชั่วโมงเนื้อที่เตรียมมาใกล้จะหมดแล้ว ส่วนผลไม้นั้นเหลือเพียง 2 กล่องที่หยางซีซีเก็บเอาไว้ไม่อย่างนั้นก็หมดตั้งแต่ครั้งชั่วโมงแรกแล้ว เมื่อความชุลมุนลดลงหยางซีซีก็มองไปที่แผงของคุณตาและหลานชายที่เธอซื้อทองคำไปเมื่อวาน ซึ่งพวกเขาก็นั่งยิ้มแฉ่งมองมาที่เธอทันที….หยางซีซีเดินไปหาทั้งสองคนก่อนจะถามว่าได้เตรียมของมาให้เธอหรือไม่ สองตาหลานพยักเบาๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า“แม่หนู ทำไมไม่ไปที่บ้านของผมหล่ะที่นั่นผมยังมีอีก 2 หีบใหญ่เลยนะ และก็..และก็ญาติของผมพอรู้ว่ามีคนสนใจของพวกนี้พวกเขาก็อยากจะขายและแลกเปลี่ยนด้วยเหมือนกัน” คุณตาเห็นว่าตอนนี้เนื้อที่พวกเธอขายยังเหลืออยู่ประมาณ 50 กว่าชั่งเขาจึงได้เอ่ยขึ้นมาเขาก็กลัวเนื้อจะหมดเหมือนกันหยางซีซีนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินกลับไปที่พี่รองและพี่สะใภ้รองเธอกระซิบ 2-3 ประโยคพวกเขาพยักหน้าและช่วยกันเก็บแผงทันที จากนั้นพวกเขาต่างก็พากันเดินออกไป โดยในขณะที่เธอกำลังเดินผ่านคนของตลาดมืดนั้นพวกเขาต่างก็มองจ้องมาที่ตะกร้าใบเก่าที่พวกหยางจิ้งแบกอยู
บทที่ 17 การค้ากับแก๊งมังกรขาวหยางจิ้งแจ้งความต้องการตามที่หยางซีซีบอกทันทีซึ่งเฉียงจงเมื่อรู้ว่าพวกเขามีเนื้อมากพอที่จะจัดส่งและยังจะจัดส่งให้เป็นตัวก็ดีใจมาก ต้องทราบว่าตอนนี้อากาศหนาวจัดเนื้อหายากมากจริงๆ บางตลาดแทบจะไม่มีเนื้อขายแล้ว และหากว่าได้มาเป็นตัวพวกเขายังสามารถขายกระดูกและพวกเครื่องในและหัวของมันได้“ตกลง”เฉียงจงมองพวกเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า“พวกคุณคงจะพอมีข้อมูลมาบ้างว่าตลาดที่พวกคุณขายของอยู่นั้นเป็นของใคร ฉันเฉียงจงเป็นผู้จัดการดูแลตลาดนี้ และอีก2 -3 แห่งอย่างที่บอกไป” เฉียงจงเอ่ยขึ้นมา จากนั้นก็มองจ้องไปที่ทั้งสามคนเหมือนจะเป็นการข่มขวัญอย่างไรอย่างนั้น ก่อนจะเอ่ยต่อว่า“ผมชื่อหยางจิ้งนี้ภรรยาของผม หยางฟู่เหยาและก็น้องสะใภ้ของผม หยางซีซี" หยางจิ้ง เพิ่งจะมีโอกาสได้แนะนำตัวเอง เอ่ยตอบ“ตลาดมืดแห่งนี้มันเป็นของแก๊งมังกรขาว และการทำการค้ากับแก๊งมังกรขาวนั้น....พวกคุณคงจะรู้ว่าหากมาล้อเล่นหรือผิดสัญญากับแก๊งมังกรขาวนั้น...ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร” เมื่อพูดเสร็จเขาก็หยิบตะเกียบขึ้นหนึ่งอันและหักมันแรงๆ ต่อหน้าคนทั้งสาม เหมือนจะเป็นการข่มพวกของหยางซีซีนั้นเอง ว่
บทที่ 18 เดินทางไปปักกิ่งตอนที่กลับออกมาจากโกดังหยางจิ้งก็มีเงินก้อนใหญ่ถึง 75500 หยวนกลับออกมาด้วย หยางซีซีนั้นยิ้มอย่างพอใจ พลางคิดว่าตอนนี้พอจะมีทุนที่จะเดินไปปักกิ่งบ้างแล้ว!!!วันนั้นหลังจากที่กลับมาจากการส่งของให้กับแก๊งมังกรขาว หยางซีซีก็จัดการ ‘ปั๊ม’ หมู วัว แกะ และพืชผักผลไม้เอาไว้ให้กับครอบครัวหยางมากมาย เพราะว่าการไปครั้งนี้อาจจะใช้เวลานานหลายวัน เธอเกรงว่าแก๊งมังกรขาวจะขายของดีจัดและทำให้ของหมด ซึ่งตอนนี้เธอได้วางค่ายกลขยายพื้นที่ในสวนหลังให้กว้างขึ้นเป็น 30 ไร่เลยทีเดียวดังนั้นมันจึงเพียงพอที่จะใส่เนื้อสัตว์ และให้มีพื้นที่สำหรับปลูกผักผลไม้สำหรับเอาไว้จัดส่งแน่นอนหลังจากที่ครอบครัวพร้อมหน้ากันทานอาหารเย็น และนั่งดื่มชากันเพื่อย่อยอาหาร ตอนนี้ร่างกายของทุกคนนั้นถือว่าแข็งแรงมากทีเดียวคุณพ่อคุณแม่จากที่มีรอยตีนกามากมายบนใบหน้าตอนนี้หากว่าสังเกตุดีจะเห็นว่าตีนกาเหล่านั้นลดน้อยลงมาก ไหนจะเส้นผมที่มีเส้นสีดำแซมขึ้นมามากกว่ามีขาวแล้วเพราะทุกวัน พวกเขาต่างก็กินอาหารที่มีพลังวิญญาณเข้าไปนั้นเองหยางซีซีมองดูแต่ละคนที่ร่างกายเริ่มดีขึ้นอย่างพอใจ พี่สะใภ้สามเมื่อจัดการทำความสะอาดโ
บทที่ 19 เหตุการณ์บนรถไฟ“คุณย่า!!! คุณย่า อย่าตีหนู อย่าขายหนูเลย!!! แม่ แม่จ้าช่วยด้วย …แม่ แม่มาแล้ว"หานหรูอี้ได้ยินที่ลูกสาวของเธอพูดแบบนั้นออกมาก็ยิ่งเสียใจและร้องไห้มากขึ้นก่อนจะพยายามสงบใจและปลอบลูกของเธอว่า“ไม่เป็นไรแล้วลูก ไม่เป็นไรแล้ว พวกเราออกมาจากนรกแห่งนั้นแล้ว ฮื่อออ!!”หานหรูอี้แม่ของเด็กหญิงร้องไห้สะอึกสะอื้น กอดลูกสาวไว้แน่น พูดปลอบโยนลูกสาวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ หยางซีซีมองดูสองแม่ลูกอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะวางมือเบาๆ บนมือของหานหรูอี้ หยางซีซีอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับสองแม่ลูกสุดอนาจคู่นี้กันแน่ เธอจึงได้แตะที่ข้อมือของหานหรูอี้เพื่อมองดู ภาพเหตุการณ์ที่ปรากฏต่อหน้าราวกับภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง หานหรูอี้ในอดีตเป็นเพียงนักศึกษาสาวที่ต้องมาเผชิญกับชะตากรรมอันโหดร้ายเธอถูกวางยาและพาเธอไปโยนเข้าไปในห้องของชายหนุ่มคนหนึ่งที่เมามายไม่ได้สติเช่นกัน เธอจำต้องแต่งให้กับชายหนุ่มคนนั้นที่เธอไม่ได้รัก และต้องมาใช้ชีวิตอย่างยากลำบากและถูกรังแกในบ้านแม่สามีของเธอและต้องเผชิญหน้ากับความไม่ยอมรับจากครอบครัวสามีที่ต้องการเพียงลูกสะใภ้ที่มีฐานะทางสังคมสูงกว่าหวังเทียนซานสามีของหานหรูอี้
บทที่ 20 หานหรูอี้หยางซีซีพูดพร้อมกับให้ขวดน้ำทิพย์ไป หานหรูอี้มองไปที่หญิงสาวชาวบ้านที่หน้าตางดงามคนนี้ที่ยื่นมือเข้าช่วยเธอและลูกสาว ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าหานหรูอี้นั้นเหมือนกับว่าได้นั่งอยู่กับองค์หญิงหรือฮองเฮาเหมือนในนิยายออนไลน์ที่เธอเคยอ่านก่อนที่จะทะลุมิติมาอยู่ในร่างของหานหรูอี้คนนี้นี่เอง…..“คุณจะพักอยู่ที่ห้องนี้ก่อนก็ได้เพราะว่าพวกฉันซื้อมาแบบ 4 คน ให้ลูกสาวของคุณนอนที่ในนี้ก่อน ด้านนอกเสียงรบกวนเยอะ”เป็นพี่สาวอีกคนที่นั่งอยู่ข้างชายร่างสูงใหญ่ที่เสนอความคิด ซึ่งเมื่อหานหรูอี้นิ่งฟังอยู่ครู่หนึ่ง ก็เป็นอย่างที่เธอบอกจริงๆ ภายในตู้นอนแห่งนี้เงียบสงบกว่าด้านนอกหลายเท่าหนักและเธอรู้สึกว่าอากาศจะถ่ายเทได้ดีกว่ามากด้วยในนี้ไม่ได้กลิ่นอาหารหรือกลิ่นเหงื่อไคลใดๆ เลย ทั้งที่ก็อยู่ในรถไฟขบวนเดียวกันแท้ๆ หานหรูอี้พยักหน้าและกล่าวขอบคุณเบาๆ เมื่อมีเวลาพัก และร่างกายที่ได้ยาสมุนไพรของหญิงสาวคนนั้น ที่ได้เข้ามาช่วยเหลือเธอและลูกสาวทำให้หานหรูอี้เริ่มผ่อนคลายและหลับตาลงจากนั้นเธอก็นึกถึงเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นกับตัวเธอในไม่กี่วันที่ผ่านมา แบบที่เธอยังตั้งตัวไม่ติด….ใช่แล้ว!!!
บทที่ 21 …พี่ใหญ่มาแล้ว!!!ต่อไปชีวิตของเธอและลูกกำลังจะเปลี่ยนแปลงไปแล้วเธอได้เจอฮองเฮาผู้นั้นแล้ว หานหรูอี้คิดก่อนจะค่อยๆหลับตาตามลูกสาวของเธอไป ….หยางซีซีมองสองแม่ลูกที่คนลูกนั้นนอนส่วนคนที่เป็นแม่นั้นนั่งให้ลูกสาวนอนหนุนตัก ตอนนี้หยางซีซีนั้นไม่ทราบเรื่องการตัดสินใจของหานหรูอี้ว่าจะยังกลับไปที่บ้านเดิมของเธอหรือไม่ หยางซีซีจึงไม่ได้ใส่ใจมากนัก เธอก็หลับตาและพักผ่อนเช่นกัน รถไฟวิ่งไปเรื่อยๆ จนกระทั่งตอนเย็นของวันที่ 2 พวกเขาก็มาถึงปักกิ่งเมื่อรถไฟเทียบท่าที่ชานชาลา ตอนนี้พวกเขาทั้ง 5 คนต่างก็พยายามเบียดผู้คนที่เบียดเสียดกันเพื่อจะลงจากรถไฟ หานหรูอี้นั้นมีกระเป๋าใบใหญ่หนึ่งใบที่กำลังสะพายอยู่ไหนจะอุ้มลูกสาวอีก ร่างผอมของเธอขึ้นไปเซเล็กน้อย พี่ใหญ่หยางฟู่หลงเห็นเช่นนั้นก็รีบเดินไปและขออุ้มหานอวี้ลูกสาวของหานหรูอี้เอง ซึ่งเธอก็ตกลงทันทีเธอยิ้มและเอ่ยขึ้นมาว่า“ขอบคุณมากค่ะพี่ใหญ่”ใช่แล้ว!! ตอนนี้หยางซีซีนั้นตัดสินใจที่จะรับหานหรูอี้เป็นน้องสาวบุญธรรมของเธอซึ่งพี่ใหญ่ฟู่หลงและพี่สะใภ้ใหญ่ก็ไม่มีความคิดเห็นที่ขัดแย้งอยู่แล้ว เพราะว่าพวกเขานั้นเชื่อว่าสิ่งที่หยางซีซีตัดสินใจนั้นถูกต้อ
บทที่ 22 พี่ใหญ่…เย่วเย่วเจ็บ!!..หยางซีซีที่นั่งมาในรถรับจ้างไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงรู้สึกถึงความไม่สบายใจและร้อนใจอย่างรุนแรงเช่นนี้..ความรู้สึกกระวนกระวายใจเริ่มก่อตัวขึ้นภายในจิตใจของเธออย่างรวดเร็ว เธอพยายามจะหาสาเหตุของความรู้สึกแปลกๆ นี้ แต่ก็หาคำตอบไม่ได้สักที จนกระทั่งนึกถึงความเป็นจริงที่ว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ร่างกายของเธอเอง ความรู้สึกกระวนกระวายนี้อาจจะเป็นความรู้สึกที่ตกค้างอยู่ในจิตใต้สำนึกของเจ้าของร่างเดิมก็เป็นได้ความคิดนี้ทำให้หยางซีซีรู้สึกกังวลใจเป็นอย่างยิ่ง เธอหันไปมองหานหรูอี้ที่นั่งอยู่ข้างๆ แล้วเอ่ยปากขึ้นด้วยน้ำเสียงเร่งรีบ"ช่วยบอกคนขับรถให้ขับเร็วขึ้นอีกหน่อยได้ไหมคะ ฉันต้องการจะไปถึงบ้านคุณป้าให้เร็วที่สุด"หยางซีซีเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เร่งรีบ ใบหน้าของเธอแสดงออกถึงความเป็นห่วงเป็นใยอย่างเห็นได้ชัด หยางซีซีพยายามควบคุมลมหายใจให้เป็นปกติ แต่ก็ทำได้ไม่นาน ความรู้สึกกระวนกระวายใจก็กลับมาครอบงำจิตใจของเธออีกครั้ง เธอจ้องมองออกไปนอกหน้าต่าง รถแล่นผ่านทิวทัศน์ที่คุ้นเคย แต่กลับรู้สึกเหมือนเป็นคนแปลกหน้าที่กำลังเดินทางไปยังสถานที่ที่ไม่รู้จัก เธอคิดถึงน้องสาวของเจ้าข
บทที่ 23 ร้ายมาร้ายกลับ ฮองเฮาไม่เคยโกงหยางซีซีโอบกอดน้องสาวแน่น ร่างกายนี้ของเธอสั่นเทาด้วยความโกรธแค้นและความเสียใจ ความทรงจำในอดีตที่เลวร้ายผุดขึ้นมาในหัวของเธอ ภาพของน้องสาวที่ถูกทารุณกรรม ภาพของลุงที่ยืนมองด้วยสายตาเฉยเมย ภาพที่หลิวตงลูกชายของเขา ผลักน้องสาวเธอจนล้มกระแทกพื้นจนมือถูกหินบาดเลือดไหลเป็นแผลยาว ภาพเหล่านั้นทำให้ความเกลียดชังในใจของเธอลุกโชนหยางซีซีจับมือเล็กๆ ที่มีแต่กระดูกของน้องสาวขึ้นมาดู ยังมีรอยแผลจากรอยบาดนั้นปรากฎอยู่ เธอมองใบหน้าของน้องสาวที่เต็มไปด้วยรอยช้ำและบาดแผล ความโกรธแค้นในใจของเธอปะทุขึ้นมาอย่างรุนแรง เธอไม่สามารถทนเห็นน้องสาวของเธอต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้อีกต่อไปแล้ว สายตาของเธอจ้องมองออกไปนอกประตูห้องเก็บของที่ผุพังเธอมองจ้องไปที่คนในบ้านหลังนี้…ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า"ฉันจะไม่ปล่อยให้คนที่ทำให้น้องสาวของฉันเป็นแบบนี้ลอยนวลไปได้หรอกไม่ต้องห่วง พวกเขาต้องชดใช้การกระทำครั้งนี้”น้ำเสียงที่เอ่ยนั้นเหมือนดังเป็นประกาศสัญญา ท้องฟ้าที่ปกคลุมด้วยหมอกหนามีแสงประกายแวบๆ เหมือนดั่งว่าพวกเขารับรู้ในคำประกาศนี้ของเธอหยางซีซีโอบกอดหยางชิงเย่วแน่น ร่างกายของน้อง
บทสุดท้าย : ฝาแฝดหงส์มังกร / การเผชิญหน้าครั้งสุดท้ายวันเวลาผ่านไปหลายเดือนจนกระทั่งครรภ์ของหยางซีซีนั้นตั้งครรภ์ครบเก้าเดือน ครอบครัวหยางก็กำลังเตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์สำคัญของตระกูล พวกเขาจองห้องพิเศษที่โรงพยาบาลเอาไว้และหยางซีซีก็เข้าพักทันทีในวันคลอด หยางซีซีต้องเผชิญกับความเจ็บปวดอย่างหนักในห้องคลอด เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของเธอทำให้หยางเฟยหลงที่ยืนรออยู่หน้าห้องคลอดเป็นกังวลจนเดินไปมาไม่หยุด เขามองไปยังประตูห้องคลอดด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยและความกดดัน จนคุณพ่อหยางที่มีประสบการณ์มาหลายครั้งต้องตบบ่าเขาเบา ๆ และพูดขึ้นว่า"หยุดเดินไปมาได้แล้วเจ้าสาม พ่อเริ่มเวียนหัวเพราะตามดูเรานี่ล่ะ"หยางเฟยหลงถอนหายใจยาว พยายามสงบสติอารมณ์ แต่ความกังวลในใจยังคงไม่ลดลง เขาภาวนาให้ภรรยาและลูกน้อยปลอดภัย ในขณะที่เสียงร้องของหยางซีซีดังลอดออกมา เขายิ่งรู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปช้าเหลือเกินและแล้วเมื่อเวลาผ่านไปนานหลายชั่วโมง เสียงร้องของทารกดังขึ้นมาจากภายในห้องคลอด"อุแว้ อุแว้ อุแว้!!"เสียงดังลั่นห้องไปหมดเหมือนกับว่าพวกเขาไม่พอใจที่ถูกแม่เบ่งออกมาให้พบเจอกับโลกใหม่ หยางเฟยหลงรู้สึกเห
ตอนพิเศษ 2 ดร.หยางไป่หลงในวันที่อากาศสดใสวันหนึ่ง ดร.หยางไป่หลงกำลังยืนอยู่หน้าชั้นเรียน สอนนักศึกษาเกี่ยวกับแนวคิดการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์ เขามีท่าทีที่เป็นมิตรและเป็นกันเอง แต่ว่าขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยความตั้งใจในการสอน หลังจบชั้นเรียน เขาได้ยินเสียงเคาะประตูเบาๆ เมื่อหันไปมองก็พบหญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าประตู เธอมีใบหน้าสวยงามคิ้วโค้งเรียว ดวงตาคมที่แฝงไปด้วยความมั่นใจ ตามประสาลูกสาวคนเล็กของคนรวยและมีอำนาจ เธอคือเซี่ยจื่อหานลูกสาวของนายพลเซี่ยและเป็นอาจารย์ที่เพิ่งได้รับตำแหน่งในมหาวิทยาลัยชิงหัวเช่นกัน“ดร. หยางใช่ไหมคะ? ฉันเซี่ยจื่อหานเพิ่งมาร่วมงานที่นี่ เห็นได้ยินมาว่าคุณกำลังพัฒนาโครงการทดลองด้านปัญญาประดิษฐ์ ฉันเองก็สนใจงานวิจัยนี้เหมือนกัน”เซี่ยจื่อหานพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ เธอมองไปที่ชายหนุ่มที่หล่อเหลาที่ความหล่อของเขานั้นเหมือนจะไม่ใช่ของจริงที่กำลังยืนอยู่ข้างหน้าเธอ พลางถอนหายใจและคิดว่า …ไม่รู้ว่าจะหล่อไปทำไมหนักหนามาสอนเด็กสาวพวกนี้มันจะไปมีประโยชน์อะไรกันหยางไป่หลงหันมองเธอพร้อมกับยิ้มเล็กๆ“ใช่ครับ ผมก
ตอนพิเศษ 1 หยางไป่หลง อัจฉริยะในรอบ 100 ปี หลังจากที่หยางไป่หลงได้จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชิงหัว ซึ่งถือว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศจีน เขาได้สร้างชื่อเสียงในวงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษา ไม่เพียงแค่มีผลการเรียนที่โดดเด่นเท่านั้น แต่ยังมีความสามารถเฉพาะตัวที่หายาก นั่นก็คือความจำแบบภาพถ่าย ทุกสิ่งที่เขาได้เห็นผ่านตา ไม่ว่าจะเป็นบทเรียนทางวิชาการหรือภาพที่ซับซ้อน เขาก็สามารถจดจำได้ทั้งหมด นี่ทำให้หยางไป่หลงมีความได้เปรียบในการศึกษาและการทำงานวิจัยอย่างมากความสามารถในการจดจำของหยางไป่หลงทำให้เขาได้รับความสนใจจากอาจารย์และนักวิจัยหลายคน พวกเขาต่างเห็นศักยภาพในตัวของหยางไป่หลงว่ามีความสามารถในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ ได้ และด้วยความสนใจเป็นพิเศษในด้านเทคโนโลยี เขามักจะใช้เวลาว่างทำการทดลองใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือการศึกษาปัญญาประดิษฐ์ เขาใช้เวลาหลายคืนในการคิดค้นโปรเจคที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในอนาคต***ระบบ AI เริ่มพัฒนาและนำมาใช้ในทศวรรษที่ 1950 โดยนักวิทยาศาสตร์ด้านคอม
บทที่ 94 จุดจบ (จบ ) หลังจากงานเลี้ยงผ่านไปหลายวัน และในที่สุดประกาศเรื่องการปลดรัฐมนตรีเผยเฉินฟงก็ออกมา ตอนนี้เฟิงอวี้ชิงนั้นรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้างแต่เมื่อคิดถึงก้าวต่อไปของเธอ ก็ทำให้เธอรู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย ตอนนี้คงจะถึงเวลาที่เธอจะต้องกำจัดหมากที่หมดประโยชน์อย่างรัฐมนตรีเผยออกจากชีวิตแล้ว และเป้าหมายต่อไปของเธอก็คือ ท่านผู้นำประเทศ ดังนั้นเธอจึงได้คิดว่ารีบจัดการเคลียร์ปัญหาเล็กๆ อย่างรัฐมนตรีเผยยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี เพราะว่าในตอนนี้นั้นเธอได้ทราบแล้วว่า หยางฮองเฮานั้นคือภรรยาของรองรัฐมนตรีหยางเฟยหลง นั้นก็แปลได้ว่าพวกเขาย่อมมีอำนาจพอสมควร และหากว่าเธอต้องการที่จะอยู่เหนือพวกเขา เธอจำเป็นต้องได้ท่านผู้นำประเทศหนุนหลัง และการจะได้เขามานั้นก็ไม่ยากสำหรับเธอ เพราะว่าเรื่องเหล่านี้เธอทำมาครั้งแล้วครั้งเล่าไม่เคยพลาดสักครั้งเลย เฟิงอวี้ชิงคิดอย่างมั่นใจในตัวเองเฟิงอวี้ชิงเดินเข้าไปในห้องของอดีตรัฐมนตรีเผยในยามดึก ห้องทั้งห้องเงียบสนิท มีเพียงเสียงลมหายใจเบา ๆ ที่ดังจากเตียง ร่างของรัฐมนตรีเผยนอนเหยียดยาวบนเตียง ดวงตาปิดสนิท แต่ใบหน้าแสดงถึงความเหนื่อยล้าและความแก่ชรา เฟิงอวี้ช
บทที่93 ตาต่อตาฟันต่อฟัน บรรยากาศรอบตัวทั้งสองคนกลายเป็นตึงเครียด ผู้คนรอบข้างที่สังเกตเห็นสายตาที่ทั้งสองส่งให้กันต่างก็รู้สึกถึงความอึดอัดและพลังที่ปะทะกันอย่างเงียบๆ ราวกับว่าโลกทั้งใบหายไป เหลือเพียงพวกเขาทั้งสองคนที่ยืนประจันหน้ากัน ความเกลียดชังที่ไม่มีทางจบสิ้น ความโกรธเคียดแค้นที่ฝังรากลึก ไม่ว่าจะเป็นหยางซีซีหรือเฟิงอวี้ชิง ต่างก็รู้ดีว่าการพบกันครั้งนี้อาจนำไปสู่การเผชิญหน้าที่รุนแรงในอนาคตเฟิงอวี้ชิงก้าวเข้ามาใกล้เล็กน้อย ดวงตาของเธอจับจ้องไปยังหยางซีซีอย่างไม่ละสายตา"คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะมาอยู่ที่นี่ได้...หยางฮองเฮา" เสียงของเธอเต็มไปด้วยการยั่วยุและการท้าทาย ทันใดนั้นภาพอดีตที่เจียงกุ้ยเฟยเคยวางยาพิษทำร้ายหยางซีซีจนถึงแก่ความตายก็ผุดขึ้นมาในความคิดของทั้งสองฝ่ายหยางซีซีจำได้อย่างชัดเจนถึงวันที่เธอถูกไล่ล่าและเจ็บปวดจากความแค้นของเจียงกุ้ยเฟย ความโกรธที่เคยสงบลงกลับปะทุขึ้นมาในใจ ความรู้สึกเคียดแค้นที่เก็บซ่อนไว้เริ่มชัดเจนขึ้น เธอยิ้มเย็นชาและตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่นิ่งสงบแต่แฝงไปด้วยความเยือกเย็น"เจ้าก็เหมือนกัน เจียงกุ้ยเฟย โลกกลมจริงๆ ข้าคิดว่าคงไม่ได้พบเจ้าที่นี่อ
บทที่ 92 การเผชิญหน้าครั้งที่หนึ่งเรื่องราวของหานหรูอี้และหวังเทียนซานยังคงดำเนินต่อไป โดยที่หานหรูอี้ยังคงให้เขาง้องอนอยู่นานหลายเดือน จนกระทั่งวันหนึ่งเธอรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในร่างกาย ซึ่งอาการนั้นคล้ายกับที่หยางซีซีเคยเป็นมาก่อน ทำให้เธอรู้ว่าหมดเวลาที่จะเล่นตัวแล้วในเย็นวันหนึ่งเมื่อหวังเทียนซานพูดถึงเรื่องการแต่งงานของพวกเขา หานหรูอี้จึงตอบตกลงทันทีคำตอบนั้นทำให้หวังเทียนซานถึงกับงุนงงเล็กน้อยเนื่องจากไม่คิดว่าเธอจะยอมง่ายๆ หลังจากที่เขานั้นเคยของเธอแต่งงานอยู่หลายครั้ง"หรูอี้... คุณตอบตกลงจริงหรือ?" หวังเทียนซานถามด้วยความแปลกใจในน้ำเสียง เขายังคงมองหน้าหานหรูอี้ด้วยความไม่เชื่อหานหรูอี้ยิ้มบาง ๆ ให้เขา "ฉันตกลงแล้ว คุณคงไม่คิดจะเปลี่ยนใจหรอกนะ?""ไม่... ไม่แน่นอน! ผมแค่... ผมแค่ไม่คิดว่าคุณจะยอมง่าย ๆ แบบนี้" หวังเทียนซานพูดพร้อมหัวเราะเบา ๆ แต่ในแววตาของเขามีความสุขที่ไม่อาจซ่อนได้หานหรูอี้มองเขาอย่างอ่อนโยน "ฉันเองก็เหนื่อยแล้วเหมือนกัน คุณรู้ไหมว่าฉันไม่ได้ต้องการให้คุณทรมานหรอก เพียงแต่อยากให้คุณเข้าใจว่าฉันต้องการความจริงใจจากคุณ"หวังเทียนซานยื่นมือมากุมมือขอ
บทที่ 91 สืบหาความจริง / ลักพาตัว“ความจำเสื่อมอย่างนั้นหรือคะ” คนที่ถามเป็นหยางซีซีนั้นเอง เพราะว่าตอนนี้หานหรูอี้นั้นไม่กำลังถูกปฐมพยาบาลอยู่ โชคดีที่แขนไม่หักเพียงแค่ร้าวเท่านั้น ซึ่งเธอก็ไม่ได้สนใจชายหนุ่มคนนั้นอีกต่อไปแล้ว“ใช่ผมพบเขาเมื่อหลายปีก่อนตอนนั้นรู้สึกว่าเขานั่งอยู่ข้างถนนเนื้อตัวมอมแมมมาก ในตอนนั้นมีคนกำลังจะลอบทำร้ายผมด้วย และเขาเป็นคนที่เข้ามาช่วยและจัดการคนเหล่านั้น ผมเห็นว่าเขามีฝีมือดีจึงได้รับเอาไว้ และให้เขาเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยอยู่นาน แต่เพราะว่าฝีมือของเขานั้นเก่งกาจมากจนผมเลื่อนให้เขามาเป็นคนสนิทนี่แหละ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะมีบาดแผลขาดใหญ่ที่ด้านหลังศีรษะนั้น นั้นอาจจะทำให้เขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร” ท่านผู้นำนั้นเล่าถึงเรื่องราวความเป็นมาของคนสนิทของเขา ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องผัวเมียแต่หากว่าคนสนิทเขาทำคนท้องแล้วไม่ยอมรับเขาก็จะจัดการมันให้เอง“ท่านไม่ต้องสืบหาแล้วหล่ะค่ะ ฉันกับเขาหย่าขาดกันแล้วและฉันก็ออกจากบ้านเขามาแล้วด้วยค่ะ” หานหรูอี้ที่ฟังอยู่เอ่ยขึ้นมา“หย่า…หย่าตอนไหนผมยังไม่ได้เซ้นต์เอกสารอะไรเลยนะ” หวังเทียนซานที่มองดูหญิงสาวด้วยความไม่ชอ
บทที่ 90 ตั้งครรภ์ / ฉันเป็นเมียแกไงล่ะ..ไอ้บ้า!!!ครอบครัวหยางย้ายมาอยู่ที่ปักกิ่งได้หลายเดือนแล้ว ตอนนี้ทุกคนในบ้านต่างก็ยุ่งอยู่กับงานของตัวเอง พี่รองและสะใภ้รองหยางจิ้งและหยางฟู่เหยาไม่ค่อยได้อยู่บ้าน ทั้งสองมักจะลงไปที่เซินเจิ้นหรือจงไห่เพื่อดูที่ดินที่พวกเขาได้กว้านซื้อเอาไว้ โดยมีคนของนายพลเซี่ยจงติดตามไปด้วยและจัดการเรื่องการซื้อขายที่ดิน ซึ่งเมื่อนายพลเซี่ยลงมือแล้ว อะไรที่คิดว่าเป็นอุปสรรคต่างก็แหวกทางออกให้พวกเขาอย่างไม่ยากเย็นนักหยางเฟยหลงมีอาการแปลก ๆ ตั้งแต่เวียนหัว คลื่นไส้ อยากทานของเปรี้ยว ไปจนถึงการรู้สึกอ่อนเพลียโดยไม่ทราบสาเหตุ ทุกเช้าเขาตื่นขึ้นมาแล้วถามหาน้ำมะนาวหรือผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวอย่างส้มเขียวหวาน หยางซีซีมองสามีด้วยสายตาขำขันในขณะที่เขานั่งทานมะม่วงดิบด้วยท่าทางพยายามกลบเกลื่อนอาการแพ้ท้องนั้นวันหนึ่งหยางเฟยหลงตื่นขึ้นแต่เช้าพร้อมกับอาการคลื่นไส้อย่างหนัก เขารีบลุกจากเตียงและวิ่งไปที่ห้องน้ำเพื่ออาเจียน เสียงอาเจียนดังออกมาจากห้องน้ำทำให้ทุกคนในบ้านต่างตกอกตกใจ หยางซีซีรีบเดินไปดูพร้อมกับความเป็นห่วง เมื่อเธอเปิดประตูห้องน้ำ เห็นหยางเฟยหลงนั่งทรุดอยู่กับพ
บทที่ 89 รับจางอี้เฉิงเข้าทำงาน / เงาในความทรงจำวันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดครอบครัวตระกูลหยางก็ได้ย้ายมาอยู่ที่ปักกิ่ง โดยมีเพียงพี่ใหญ่และพี่สะใภ้ใหญ่ที่ยังอยู่ที่เซี่ยงไฮ้เพราะต้องดูแลโรงงานผลิตสบู่ร่วมกับจางอี้เฉิงที่มาเป็นผู้จัดการโรงงานให้ซึ่งเรื่องการได้จางอี้เฉิงพี่ใหญ่ของหยางฟู่เหยามาทำงานด้วยนั้น จำเป็นต้องเล่าย้อนหลังไปหลายเดือนก่อน วันนั้นหยางจิ้งขับรถผ่านไปและเห็นจางอี้เฉิงกำลังเดินเตะฝุ่นเพื่อหางานทำอยู่ เขาจึงได้จอดรถรับและพาไปร้านอาหารและหาที่คุยกันจางอี้เฉิงที่เคยเป็นหนุ่มหล่อและดูสง่างาม ตอนนี้กลับดูหมดสง่าราศีเพราะความลำบาก สภาพของเขาดูโทรมจนแทบจำไม่ได้ ผิวที่เคยขาวตอนนี้กลับคล้ำหมองและแห้งกร้าน ราวกับไม่ได้สัมผัสน้ำมาหลายวัน เสื้อผ้าที่เขาสวมนั้นเก่าและไม่สะอาดนัก มีกลิ่นอับและรอยขาดหลายแห่ง ใบหน้าที่เคยสดใสนนั้นเริ่มปรากฎรอยยับย่นขึ้นมา อาจเพราะความเครียดในชีวิตและการอดนอนอย่างต่อเนื่อง แววตาที่เคยมีประกายกลับดูหม่นหมองและอ่อนล้า สะท้อนถึงคืนวันที่ยากเข็ญและความกดดันที่แบกอยู่บนบ่า แววตาที่บ่งบอกถึงการผ่านความผิดหวังและความเหนื่อยล้ามาก ราวกับคนที่ต้องเผช