ร่างบางจมอยู่กับความคิดจึงไม่ทันสังเกตเห็น เซนโซ่ลุกจากเก้าอี้ก้าวเดินมาหยุดยืนใกล้ๆ พร้อมกับดอกไม้ช่อใหญ่ในมือ
“โมเอิร์น”
“คะ?”
“แต่งงานกับพี่นะ”
ร่างบางนั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อนหูดับไม่รับรู้สิ่งรอบข้าง สายตาทอดมองไปยังวิวเมืองยามค่ำคืน คิ้วเรียวสวยได้รูปขมวดมุ่นราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน ร่างสูงทรุดตัวลงคุกเข่าพร้อมกับยื่นดอกไม้ในมือให้ เป็นเวลาเดียวกับโมเอิร์นได้สติกลับคืน หันมาหาชายหนุ่มมองจ้องเธออยู่ก่อนแล้ว
“แต่งงานกันนะ” เสียงทุ้มนุ่มเอื้อนเอ่ยประโยคเดิมอีกครั้ง
“เอ่อ...คือ” ร่างบางอึกอักไม่ตอบรับด้วยความสับสน การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่เธอจะด่วนตัดสินใจไม่ได้ อย่างน้อยคงต้องรอถามความเห็นผู้เป็นพ่อกับปู่เสียก่อน แต่จะว่าไปท่านทั้งสองคงไม่ขัดอะไรในเมื่อเห็นชอบให้เธอหมั้นหมายตั้งแต่แรก
“ว่าไงครับ?” รอยยิ้มที่เคยมีบัดนี้จืดจางลงเพราะเริ่มไม่มั่นใจกับคำตอบของสาวเจ้า กล
ก๊อก! ก๊อก!ร่างสูงดูดีละสายตาจากหน้าจอไอแพดรุ่นใหม่ล่าสุดเงยหน้าขึ้น สายตาจับจ้องไปยังประตูบานใหญ่หน้าห้องทำงาน ภายในเพนท์เฮาส์สุดหรูบนตึกสูงระฟ้ากลางเมืองแหล่งธุรกิจ“เข้ามา” สิ้นเสียงทุ้มต่ำเอ่ยอนุญาต ประตูถูกเปิดออกกว้างด้วยฝีมือของ ‘จิม’ มือขวาคนสนิทผู้ติดตามเขาไปทุกที่เพื่อดูแลและช่วยอำนวยความสะดวก ร่างหนาสูงโปร่งสาวเท้าเดินเข้ามาหยุดยืนหน้าโต๊ะทำงานเจ้านาย“มีอะไร”“นายใหญ่โทรมาสั่งให้นายไปพบที่บ้านตอนนี้ครับ”“ทำไม?”“ไม่ทราบครับนาย” จิมตอบกลับ พลางก้มหน้าลงเล็กน้อยอย่างรู้สึกผิด ยอมรับว่าตนเองบกพร่องในหน้าที่แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อคนที่อยู่ปลายสายคือนายใหญ่ผู้มีพระคุณ เขาจึงไม่กล้าซักไซ้ไล่ถาม“จิ๊!...” เสียงจิ๊จ๊ะดังจากปากหนาด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์ ก่อนจะดันตัวลุกขึ้นยืนก้าวเดินออกจากห้องไป โดยมีลูกน้องคนสนิทเดินตามมาติดๆ เพื่อทำหน้าที่คนขับรถใช้เวลาไม่นานนัก รถหรูสีดำเงาก็ขับเข้ามาจอดหน้าคฤหาสน์สีขาว ตั้งเด่นตระง่านบนพื้นที่กว่าสี่ไร่กลางกรุงตึก! ตึก!สองเท้าหนักก้าวเดินเข้ามาในคฤหาสน์หรูโอ่อ่า ที่ๆเขาอาศัยอยู่ตั้งแต่จำความได้ ก่อนจะย้ายไปอยู่อังกฤษเพื่อศึกษาเล่าเรียนและเติบโ
ร่างบางระหงในชุดเดรสเกาะอกรัดรูปสีดำตัดผิว ความยาวเหนือเข่าขึ้นมามาก ใบหน้าสวยใสสมวัยแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางแบรนด์ดังส่งให้เธอดูออร่าโดดเด่น เป็นที่หมายตาของชายหลายคน ผมสลวยปล่อยสยายถึงกลางแผ่นหลัง ดวงตากลมโตซุกซนน่าค้นหา ปากนิดจมูกหน่อยรับกับใบหน้า เท้าเล็กบนรองเท้าส้นสูงสี่นิ้วสีเข้ากันกับชุด ก้าวเดินเข้ามาภายในคลับหรู ที่เปิดเพลงเสียงดังกระหึ่ม แสงไฟหลากสีวิบวับท่ามกลางความมืดสลัวของห้องโถงใหญ่ มีผู้เหล่านักท่องราตรีจำนวนมากทั้งชายและหญิง วัยเรียนวัยทำงานปะปนกัน ออกสเต็ปโยกตัวไปตามจังหวะดนตรี บ้างก็นั่งพูดคุยดื่มด่ำบรรยากาศภายในสถานบันเทิง“ยัยโม…ทางนี้” พะแพงตะโกนเรียกแข่งกับเสียงเพลง พลันยกมือขึ้นโบกไปมาส่งสัญญาณให้เพื่อนเห็น‘โมเอิร์น’ หญิงสาวใบหน้าสวยจิ้มลิ้ม วัย21 เรียนปี3คณะธุรกิจการบิน ส่วนสูงร้อยห้าสิบแปดเซนติเมตร เล็กอุ้มง่าย ทว่า หน้าอกหน้าใจกลับไม่เล็กตามตัว ยิ่งใส่ชุดเซ็กซี่ยิ่งเผยให้เห็นความอวบใหญ่ขนาดเกินตัวชวนให้เหลียวมอง“คนเยอะมาก...พี่ครามมารึยัง?” โมเอิร์นเอ่ยถาม สองเท้าหยุดยืนข้างเพื่อนสาว“ยัง...มาถึงก็ถามหาผู้ชายเลยนะ เพื่อนสองคนนั่งหัวโด่งไม่พูดถึงซักคำ”โมเ
“แก~ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” เสียงหวานยานครางตะโกนบอกเพื่อนสนิทแข่งกับเพลงอีดีเอ็มดังกระหึ่มในคลับหรู ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปมากกำลังเล่นงานเธออย่างหนักจนสายตาพร่าเบลอ“ไปคนเดียวได้มั้ยโม~ฉันเดินไม่ไหวอ่ะแก” นิวพูดเสียงอ้อแอ้ฟังแทบไม่ได้ศัพท์ นั่งโงนเงนค้ำศอกลงบนพื้นโต๊ะมือทั้งสองข้างประคองใบหน้าตัวเองไว้“ฉันด้วย~คืนนี้คงต้องโทรให้พี่พายมารับ~อึก” พะแพงเอ่ยบอกเสียงยานไม่ต่างกัน ปรือตามองเพื่อนสาวด้วยสายตาหวานเยิ้ม“สบายมาก~” จบคำ โมเอิร์นก้าวเดินฝ่าผู้คนแน่นขนัดไปยังห้องน้ำอย่างยากลำบาก หลังจากเสร็จธุระส่วนตัว ร่างบางเดินโซเซเพื่อกลับมายังโต๊ะ ทว่า ด้วยความมึนเมาที่มีมากจึงไม่ทันระวังตัวปึก!“อ๊ะ!” เสียงหวานหลุดร้องด้วยความตกใจ ใบหน้าสวยชนเข้ากับแผงอกแกร่งของใครบางคนเข้าอย่างจังจนรู้สึกเจ็บ จมูกโด่งเชิดรั้นแนบชิดเผลอสูดดมกลิ่นหอมของชายหนุ่มปะปนกลิ่นบุหรี่จางๆเข้าลึกสุดปอด ให้ความรู้สึกดีไม่น้อย“จะดมอีกนานมั้ย?!!”“ขอโทษค่ะ~ ฉัน…” ใบหน้าสวยเงยขึ้นช้อนมองอีกฝ่าย สายตาคู่สวยเพ่งมองใบหน้าหล่อเหลาราวกับต้องมนต์สะกด จนเผลอคิดดังขยับปากออกเสียงให้เขาได้ยิน“หล่อจัง~”“เดินไม่ดู!!” ร่
“นายครับ นาย” จิมเอ่ยเรียกคนเป็นเจ้านายนอนหลับสนิทบนเตียงกว้างของโรงแรมหรู หลังจากติดต่อเจ้านายไม่ได้ซึ่งผิดนิสัยเป็นอย่างมากเขาจึงรีบขึ้นมาดูในห้อง“ไอ้จิม...” เซนโซ่รู้สึกตัวตื่นเพราะแรงเขย่า ใบหน้าหล่อเหลาหันมามองหญิงสาวข้างกายก็พบว่าเธอไม่ได้นอนอยู่ตรงนั้นแล้ว ‘ไปไหนวะ’“ใกล้เช้าแล้วครับ นายไม่รับสายผมเลยขึ้นมาดู”“ผู้หญิงคนนั้น....”“ไม่ทราบครับ ผมเห็นนายนอนอยู่คนเดียวเธอคงกลับไปแล้ว” จิมเอ่ยบอก หลังมาส่งเจ้านายกับหญิงสาวคนนั้น เขากลับไปยังห้องทำงานในคลับเพื่อค้นหาข้อมูลของเธอตามคำสั่ง น่าแปลกที่เขาไม่เจอประวัติส่วนตัวเธอเลย หากเป็นคนธรรมดาทั่วไปคงสืบหาได้ไม่ยาก เขาพยายามอย่างสุดความสามารถแต่กลับได้เพียงรูปถ่ายเพียงไปกี่รูปกับชื่อเล่นเท่านั้นไม่ปรากฏชื่อนามสกุลจริง‘ยัยตัวแสบ เธอกล้าหนีฉันอย่างนั้นหรอ’ ร่างสูงเอ่ยคาดโทษในใจ กลับถึงเพนท์เฮาส์เซนโซ่อาบน้ำแต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตสีดำแขนยาวพับขึ้นถึงข้อศอกกางเกงยีนส์สีเดียวกันเฉกเช่นทุกวัน แล้วเข้ามานั่งในห้องทำงานเปิ
โมเอิร์นกวาดสายตามองทุกคนในห้องกระทั่งสะดุดกับสายตาคมคู่หนึ่งดวงตากลมโตเบิกโพลงขึ้นเท้าเล็กหยุดชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเบนหน้าหนีปรับสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด แล้วรีบเดินไปนั่งลงข้างผู้เป็นพ่อ“มาแล้วหรอ” แบล็คเอ่ยขึ้นยิ้มๆ พร้อมยกท่อนแขนโอบไหล่ลูกสาวเพียงคนเดียวของเขาไว้ด้วยความรักและเอ็นดู“ฝีมือป๊าใช่มั้ยคะ?” เสียงหวานกระซิบถามในสิ่งที่เธอสงสัย“ลูกดื้อกับป๊าก่อนครับ...สวัสดีปู่ไซซีก่อนสิ”“สวัสดีค่ะปู่ไซซี” โมเอิร์นเอ่ยทักทายตามคำบอกอย่างว่าง่าย ขืนฉันยังดื้อดึงเกิดโดนยึดรถขึ้นมาคืนนี้คงไปเที่ยวลำบาก“ไหว้พระเถอะลูก...นี่ เซนโซ่ว่าที่คู่หมั้นของหนู”“ห๊ะ! อะไรนะคะ” ร่างบางลุกพรวดพราดร้องตะโกนด้วยความตกใจเมื่อได้ยินไซซีพูดแนะนำอย่างนั้น ‘เจอเขาที่นี่ว่าบังเอิญมากแล้ว แต่เขาดันเป็นคู่หมั้นฉันเนี่ยนะ ตายๆๆ'“โมเบาๆสิลูก นั่งลงก่อน” แบล็คหน้าหดเหลือสองนิ้ว มือสากมีริ้วรอยตามวัยรั้งลูกสาวนั่งลงบนโซฟาเช่นเดิม ใบหน้าคมคายเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด กลัวว่าล
ก๊อก! ก๊อก!“เข้ามา” สิ้นเสียงทุ้มเอ่ยอนุญาต ประตูบานใหญ่หน้าห้องเปิดออกกว้างด้วยฝีมือของจิม ก่อนจะเดินเข้ามาหยุดยืนหน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ พร้อมกับเอ่ยรายงานความคืบหน้างานที่ได้รับมอบหมาย“ได้เรื่องแล้วครับนาย”“ว่ามา” เสียงทุ้มต่ำพูดบอกทั้งที่สายตาคมยังคงจับจ้องหน้าจอไอแพดตรงหน้าไม่ละไปไหน“รถคันนั้นเป็นของเพื่อนสนิทคุณโมเอิร์นครับ ตอนนี้พวกเธอนั่งดื่มด้วยกันที่ผับ” จิมยื่นโทรศัพท์ของเขาให้เจ้านายดูภาพถ่ายจากสายลับที่ส่งตามประกบภาพชายคนหนึ่งนั่งดื่มร่วมโต๊ะกับหญิงสาวสามคนท่ามกลางบรรยากาศสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง พูดคุยกันอย่างถูกคอด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม โมเอิร์นนั่งข้างชายหนุ่มเพื่อนสาวอีกสองคนนั่งฝั่งตรงข้าม“ไอ้นี่เป็นใคร?”“หมอนี่ชื่อครามเจ้าของผับครับ ผับKหลังมหาลัยชื่อดัง ส่วนเพื่อนสนิทคุณโมเอิร์นชื่อนิว อีกคนชื่อพะแพงครับน้องสาวคุณพาย”“มึงออกไปได้แล้ว อีกครึ่งชั่วโมงลงไปเตรียมรถ”“ครับนาย”เซนโซ่นั่งทำงานต่อจนเสร็จ มือหนากดปิดหน้าจอไอแพดเอนตัวพิงพนักเก้าอี้หนังตัวใหญ่ขับไล่ความเมื่อยล้า ก่อนจะดันตัวลุกขึ้นเดินออกจ
“นี่!นาย ฉันเหนื่อยนะ”“ขาสั้นเอง...ช่วยไม่ได้” ใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน ร่างสูงขึ้นไปนั่งบนรถโดยมีลูกน้องคนสนิทเปิดประตูให้“ไอ้...” ไม่ทันได้พ่นคำด่าไปมากกว่านั้น เซนโซ่แทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์“ขึ้นรถ!ฉันไม่ได้มีเวลาว่างมานั่งตามเด็กดื้ออย่างเธอกลับบ้านหรอกนะ”“จิ๊!ฝากไว้ก่อนเถอะ” โมเอิร์นพูดเสียงเบาแต่ก็ดังมากพอให้อีกฝ่ายได้ยินรวมทั้งจิมที่ยืนคอยปิดประตูรถให้ ‘งานนี้เจ้านายคงเจอของแข็งเข้าให้แล้ว’รถหรูขับไปบนถนนกลางกรุงด้วยความเร็วสูง ภายในรถเกิดความเงียบขึ้นไม่มีใครพูดอะไรออกมา ร่างบางเมามายนั่งเอนตัวพิงประตูรถ ด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์บวกความเย็นของเครื่องปรับอากาศทำให้เธอผล็อยหลับได้ไม่ยาก“เอาไงดีครับนาย?” จิมเอ่ยถามพลางมองเจ้านายผ่านกระจกมองหลัง เขาขับรถเข้ามาจอดสนิทในที่ประจำเรียบร้อยแล้ว แต่หญิงสาวยังคงหลับไม่ขยับเขยื้อน แม้ว่าเซนโซ่จะพยายามปลุกเธอหลายครั้งแล้วก็ตาม“ภาระชิบหาย”“ให้ผมช่วยอุ้มเธอมั้ยครับ”“ไม่ต้อง!...มึงไปกดลิฟท์”“ยังไม่ทันไร ก็หวงซะแล้ว” จิมบ่นพึมพำเสียงเบาแต่ก็ดังมากพอให้เซนโซ่ได้ยิน ขณะก้าวเดินนำหน้าเจ้านายเพื่อทำตามคำสั่ง“ไอ้จิม!กูไ
“โมเอิร์น”“อ้าว..เจ นั่งก่อนสิ”“เราซื้อขนมมาฝาก” เจ ชายหนุ่มหน้าตี๋เพื่อนร่วมคลาสเรียนยื่นถุงขนมเจ้าดังให้โมเอิร์นพร้อมกับนั่งลงฝั่งตรงข้ามข้างนิว ใบหน้าหล่อเชื้อสายจีนเผยรอยยิ้มให้ได้เห็น“ขอบใจนะ” โมเอิร์นรับไว้ตามมารยาทไม่อยากหักหารน้ำใจชายหนุ่มถึงแม้เธอจะไม่ชอบกินขนมก็ตามและรู้ดีว่าเจเข้าหาเพราะต้องการจีบ แต่เขาไม่ใช่สเปคผู้ชายที่ชอบเธอจึงรักษาระยะห่างไว้ ไม่ให้ความหวัง“นั่งกันตั้งสามคนซื้อมาฝากโมคนเดียวหรอ นิวกับแพงก็ชอบกินขนมนะ” พะแพงเอ่ยแซว ทำเจถึงกับยิ้มแห้งไปไม่เป็น“นั่นดิ เราก็ชอบ” นิวพูดเสริม พร้อมกับขยับเข้าใกล้เพื่อนชาย“เอ่อ...ระเราไปก่อนนะ ไว้เจอกันในคลาส” หนุ่มตี๋ขี้อายรีบพาตัวเองออกไปจากตรงนั้น เพราะถูกสาวๆรุกหนักจนไม่เป็นตัวของตัวเอง เมื่อทั้งโต๊ะเหลือเพียงสาวๆขนมของฝากก็ถูกวางลงตรงหน้านิวกับพะแพงทันทีเฉกเช่นทุกครั้ง“อิ่มมาก~&r
ร่างบางจมอยู่กับความคิดจึงไม่ทันสังเกตเห็น เซนโซ่ลุกจากเก้าอี้ก้าวเดินมาหยุดยืนใกล้ๆ พร้อมกับดอกไม้ช่อใหญ่ในมือ“โมเอิร์น”“คะ?”“แต่งงานกับพี่นะ”ร่างบางนั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อนหูดับไม่รับรู้สิ่งรอบข้าง สายตาทอดมองไปยังวิวเมืองยามค่ำคืน คิ้วเรียวสวยได้รูปขมวดมุ่นราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน ร่างสูงทรุดตัวลงคุกเข่าพร้อมกับยื่นดอกไม้ในมือให้ เป็นเวลาเดียวกับโมเอิร์นได้สติกลับคืน หันมาหาชายหนุ่มมองจ้องเธออยู่ก่อนแล้ว“แต่งงานกันนะ” เสียงทุ้มนุ่มเอื้อนเอ่ยประโยคเดิมอีกครั้ง“เอ่อ...คือ” ร่างบางอึกอักไม่ตอบรับด้วยความสับสน การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่เธอจะด่วนตัดสินใจไม่ได้ อย่างน้อยคงต้องรอถามความเห็นผู้เป็นพ่อกับปู่เสียก่อน แต่จะว่าไปท่านทั้งสองคงไม่ขัดอะไรในเมื่อเห็นชอบให้เธอหมั้นหมายตั้งแต่แรก“ว่าไงครับ?” รอยยิ้มที่เคยมีบัดนี้จืดจางลงเพราะเริ่มไม่มั่นใจกับคำตอบของสาวเจ้า กล
ปึก!มือบางปิดแฟ้มงานกระแทกลงบนพื้นโต๊ะเต็มแรงด้วยอารมณ์หงุดหงิดกำลังก่อตัวขึ้น คิดไม่ตกหากสิ่งที่คิดเป็นความจริง“โมให้เวลาแค่คืนนี้ถ้าไม่กลับมาหรือยังติดต่อไม่ได้ เราสองคนก็ทางใครทางมัน” เสียงหวานบ่นพึมพำ พลางเก็บของบนโต๊ะ สายตาเหลือบมองนาฬิกาแขวนผนังห้อง เวลานี้คลับปิดให้บริการยี่สิบนาทีแล้ว โมเอิร์นจึงตัดสินใจกลับไปรอที่เพนท์เฮาส์โดยมีจิมขับรถมาส่งร่างบางระหงในชุดเดรสพอดีตัวสีแดงเลือดนกยืนมองตัวเลขเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามระดับชั้นที่ลิฟท์สี่เหลี่ยมกำลังเคลื่อนตัวผ่านอย่างรวดเร็ว กระทั่งถึงจุดหมายปลายทางประตูเปิดออกกว้าง สองเท้าเล็กก้าวเดินเข้ามาในโถง แต่ก็ต้องแปลกใจเพราะไฟภายในห้องไม่เปิดอัตโนมัติเช่นเคย คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นด้วยความสงสัยแต่ก็พยายามทำใจดีสู้เสือ ‘ระบบไฟมีปัญหางั้นหรอ’ คิดได้อย่างนั้นมือเล็กเลื่อนหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋า“อุ้ย!ปล่อยฉัน!” โมเอิร์นสะดุ้งเฮือก จู่ๆก็มีมือปริศนาโอบกอดเอวบางจากทางด้านหลัง แต่ทว่าสัมผัสอบอุ่นและกลิ่นน้ำหอมคุ้นเคยทำให้เธอรู้ได
“แบบไหนคะ อื้อ...” ไม่ปล่อยให้คนตัวเล็กสงสัยนาน ริมฝีปากหนาประกบจูบริมฝีปากบางทันที บดจูบดูดดื่มแฝงไปด้วยความเร่าร้อนชนิดที่ว่าไม่เปิดโอกาสให้คนใต้ร่างได้ตั้งตัวไม่เว้นช่วงให้หายใจ จนร่างบางร้องท้วงในลำคอปานจะขาดใจมือเล็กทุบแผงอกแกร่งราวกับกำลังร้องขอชีวิตกระทั่งคนตัวสูงยอมผละออกอย่างอ้อยอิ่ง“แฮ่ก! แฮ่ก! พี่โซ่ โมเกือบตายแหนะ” เมื่อได้รับอิสระโมเอิร์นรีบโกยอากาศเข้าปอดด้วยอาการเหนื่อยหอบจนตัวโยน ‘ให้ตายเถอะ เขาจะฆ่ากันรึไง’“เด็กดื้อก็ต้องถูกลงโทษ ห้ามงอแงครับ” ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงคลอเคลียซอกคอขาว ขบเม้มทิ้งรอยแดงสีกลีบกุหลาบเอาไว้บนเรือนร่างบางหลายต่อหลายจุดแสดงความเป็นเจ้าของ คืนนี้เขาจะลงโทษเมียเด็กให้หลาบจำ เสร็จจากบนเตียงค่อยย้ายไประเบียง โซฟา เคาน์เตอร์บนโต๊ะอาหารก็ดีไม่น้อย ต่อไปเธอจะได้ไม่กล้าขัดคำสั่งเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังกึกก้องทั่วทั้งเพนท์เฮาส์สุดหรูตามจังหวะตอกอัดของคนตัวสูงกระแทกกระทั้นเข้าใส่อย่างไม่ออมแรง ดังประสานกับเสียงครางกระเส่าของคนทั้งสองที่กำลังเสพ
เวลาผ่านไปจนถึงช่วงค่ำ หลังจากโทรนัดแนะกับเพื่อนสาวทั้งสองคนรวมถึงน้องรหัสไม่ได้เจอกันนาน คืนนี้จึงถือโอกาสนัดมานั่งดื่มด้วยกัน“ทางนี้ครับพี่โมเอิร์น” เฟิร์สโบกมือเรียกเมื่อเห็นพี่รหัสเดินฝ่าผู้คนจำนวนมากเข้ามา“เฟิร์สมาถึงนานรึยัง”“ไม่นานครับ นี้แก้วเหล้าพี่ มาเหนื่อยๆน่าจะคอแห้ง”“โอ้โห...ทั้งโต๊ะนั่งกันแค่สองคนรึไงยะ” พะแพงว่าด้วยท่าทีหมั่นไส้ เบะปากมองบนอย่างไม่จริงจังนัก ก่อนจะคว้าแขนเฟิร์สกอดไว้แน่นเผื่อว่าคืนนี้เธอจะได้ชิมเด็ก เฟิร์สเองก็ไม่ได้ขัดขืน ออกจะขบขันด้วยซ้ำที่เห็นรุ่นพี่ลุกหนักขนาดนี้“น้อยๆหน่อยยัยแพงสงสารน้องมัน” นิวถึงกับส่ายหน้าให้กับความเจนจัดของเพื่อน ทำเป็นล่าเหยื่อพอเอาเข้าจริงก็ไม่กล้า นี่แหละนิสัยพวกเธอ“มาๆดื่มๆ คืนนี้ไม่เมาไม่กลับ” เป็นไปตามคำพูดโมเอิร์นไม่มีผิดเพี้ยน เพราะยิ่งดึกก็ยิ่งชนแก้วถี่ขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่มีใครห้ามใคร กระทั่งเวลาห้าทุ่มครึ่งเห็นจะได้ ทุกคนในโต๊ะเมามายไม่ต่างกันชนิดที่ว่ายืนแทบไม่อยู่“เอ่อ...คุณโมเอิร์
“พี่ว่าชุดมันสั้นมากขึ้นทุกวัน” คิ้วหนาขมวดเป็นปมอย่างไม่พอใจ ไหนจะเสื้อนักศึกษาพอดีตัวนั่นอีก รัดจนกระดุมแทบกระเด็นไม่อึดอัดบ้างรึไง“ปกตินะคะ...”โมเอิร์นเอ่ยตอบพลางจัดแจ้งชุดให้เรียบร้อยหมุนซ้ายหมุนขวาหน้ากระจกเงาบานใหญ่ภายในห้องแต่งตัวโดยมีร่างสูงมองดูไม่ห่าง หลายวันมานี้เขาพูดเรื่องชุดทุกวันจนคนตัวเล็กชินเสียแล้ว จึงไม่ได้ตอบโต้อะไรให้มากความแต่กลับรู้สึกดีด้วยซ้ำที่เขาหึงหวงหลังจากมาส่งโมเอิร์นที่มหาลัยเซนโซ่ก็ไปทำงานเฉกเช่นทุกวันโดยมีจิมเป็นคนขับรถ“ไอ้ฟาโรเคลื่อนไหวบ้างรึเปล่า” เซนโซ่เอ่ยถามลูกน้องคนสนิททั้งที่สายตาคมยังคงจ้องมองหน้าไอแพดนั่งเอนหลังพิงเบาะท่าสบาย ช่วงเวลาเร่งด่วนบนถนนกลางกรุงการจราจรติดขัดทำให้ต้องใช้เวลาเดินทางมากกว่าปกติกว่าจะถึงโกดังชานเมือง“ยังส่งออกสินค้าปกติครับ ผมสืบรู้มาว่าคุณลูกตาลมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับฟาโรแต่ไม่ได้เปิดเผยครับ ก่อนหน้านี้ที่พยายามเข้าหานายคงเป็นเพราะผลประโยชน์ที่ฟาโรเสนอให้”“อืม..จับตาดูไว้” ผมคิดแล้วไม่มีผิด ผมกับลูกตาลเป็นเพื่อนกันก็
ปึก!“อ๊ะ!” หัวสมองมัวแต่ครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นจึงไม่ทันระวังตัว ร่างสูงข้างหน้าหยุดเดินกะทันหันทำให้โมเอิร์นชนเข้ากับแผ่นหลังหนาอย่างจัง มือบางยกขึ้นลูบจมูกปรอยๆ ยู่หน้าให้อย่างเง้างอน“หึ!เมื่อไหร่จะเลิกซุ่มซ่าม” มือหนาเชยคางเล็ก โน้มหน้ามองดูจมูกเชิดรั้นแดงก่ำ ก่อนโอบไหล่เล็กให้เธอเดินเคียงข้างเขาเข้าไปในโกดังที่มีอีกฝ่ายรออยู่ก่อนแล้ว“มาแล้วหรอ.....” ทว่า เสียงทุ้มของฟาโรต้องหยุดไว้แต่เพียงเท่านั้นเมื่อหันกลับมามองคนมาใหม่ ที่จริงเขารู้อยู่แล้วว่าโมเอิร์นคือคู่หมั้นของเซนโซ่เพียงแต่ไม่คิดว่าจะพาเธอมาด้วย เขาสืบรู้มาว่าทั้งสองไม่ได้รักกันแต่ต้องอยู่ด้วยกันเพราะพันธสัญญาหมั้นหมายที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเป็นคนกำหนด ที่ผ่านมาเซนโซ่ไม่เคยเปิดตัวเธอ แม้แต่งานหมั้นก็ถูกจัดขึ้นอย่างเงียบๆ ครั้งแรกที่ได้เจอโมเอิร์นเขารู้สึกถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูกจึงพยายามเข้าหาเธอและส่งคนสืบประวัติจึงได้รู้ความจริงไม่เพียงแต่ฟาโรที่แปลกใจ โมเอิร์นเองก็ยืนมองอย่างอึ้งๆไม่ต่างกัน มันเก
“ไอ้โซ่มึงกลับไปห้องทำงานก่อน”“กูไม่ไป ที่นี่คลับกู” คนที่สมควรออกไปคือคนไม่คิดให้เกียรติเจ้าของสถานที่เขาคิดอย่างนั้น“โซ่เห็นผู้หญิงคนอื่นสำคัญกว่าเพื่อนอย่างตาลงั้นหรอ” ลูกตาลไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หล่อนถูกปฏิเสธมาแล้วครั้งหนึ่งตอนเรียน วันนี้หล่อนก็ยังต้องการเซนโซ่มาเป็นคนรักไม่ใช่เพื่อน“โมเอิร์นเป็นเมียฉัน ถ้าเธอไม่ให้เกียรติเราก็ไม่ควรเป็นเพื่อนกัน” เซนโซ่เอ่ยน้ำเสียงหนักแน่น บ่งบอกได้ว่าเขาเลือกทำเช่นนั้นหากผู้หญิงตรงหน้ายังแสดงท่าทีหยาบคายใส่คนรัก“ไอ้โซ่ถือว่ากูขอ มึงใจเย็นก่อนดิวะ กลับไปสงบสติอารมณ์ก่อนดีมั้ย”“ไม่!!”“น้องโมช่วยพามันไปทีครับ” ฟาสเลือกขอความช่วยเหลือจากโมเอิร์นแทน รู้ดีว่าคนอย่างเซนโซ่ถ้าลองได้ฟาดงวงฟาดงาแล้วไม่ยอมลามือง่ายๆ“พี่โซ่คะ...เราไปห้องทำงานกันเถอะนะ ยืนนานโมเมื่อยขาแล้ว” โมเอิร์นเอ่ยอ้างถึงความเมื่อยล้าเผื่อว่าเข
“พี่โซ่”ร่างบางงัวเงียตื่นขึ้นมาหลังจากผล็อยหลับไปนานนับชั่วโมง แต่เมื่อลืมตาขึ้นมาก็เห็นว่าเซนโซ่ยังนั่งอยู่ที่เดิม“ครับ”“ยังทำงานไม่เสร็จหรอคะ...โอ๊ะ!” สงสัยนอนนานไปหน่อย พอขยับตัวลุกขึ้นมาอีกครั้งอาการปวดเมื่อยก็เข้าเลยงานอย่างจังจนโมเอิร์นนิ่วหน้า“เป็นอะไร? มานี่มา” ร่างสูงดันเก้าอี้ห่างโต๊ะทำงานเล็กน้อยรอให้คนตัวเล็กเดินมาหา มือหนารั้งให้เธอนั่งลงบนตักแกร่ง โมเอิร์นไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใดใช้แขนเรียวโอบลำคอหนาประคองตัวเองไว้ มืออีกข้างดึงชายกระโปรงไม่ให้ร่นขึ้นสูงไปมากกว่านั้น“โมปวดหลัง”ได้รับรู้ถึงสาเหตุมือหนายกขึ้นบีบนวดแผ่นหลังเล็กเบาๆคลายความปวดเมื่อยให้โดยที่เธอไม่ได้ร้องขอ แต่เป็นเขาเองอยากทำด้วยความเต็มใจ“ดีขึ้นมั้ยครับ”“ดีมากเลยค่ะ” โมเอิร์นตอบด้วยท่าทีอารมณ์ดี ก่อนจะเอี้ยวตัวหันไปหาเจ้าของตักหอมแก้มสากเป็นรางวัล การกระทำของเธอเรียกรอยยิ้มจากเซนโซ่ได้เป็นอย่างดี ‘น่ารักจังวะ’“เราจะไปกันตอนไหนคะ”
“ยัยโมจะไปไหนต่อ? ฉันกับนิวอยากดูหนัง” ให้หลังอาจารย์ผู้สอนเดินออกจากห้องไปพะแพงหันมาถามโมเอิร์นในขณะที่เพื่อนคนอื่นทะยอยกันลุกจากเก้าอี้ ส่วนเธอกับเพื่อนสนิทยังเก็บของไม่เสร็จ“ฉันมีนัดแล้ว ไว้วันหยุดนะ”“คู่หมั้นสุดหล่อมารับอีกแล้วล่ะสิ ฉันล่ะอิจฉาแกจริงๆ ผู้ชายอะไรทั้งหล่อทั้งรวยเพอร์เฟคที่สุด”“เว่อร์...วันนี้ฉันขับรถมาย่ะ แล้วนัดของฉันก็ไม่ใช่พี่โซ่”“งั้นฉันจะโทรศัพท์ไปฟ้องพี่เซนโซ่ดีมั้ย” นิวแทรกขึ้นมาบ้างหลังจากเก็บของใส่กระเป๋าเรียบร้อย พร้อมกับเดินมาหยุดยืนตรงหน้าโมเอิร์นด้วยท่าทีทะเล้น“หยุดเลย ไปได้แล้ว จะไปดูหนังไม่ใช่รึไงรีบไปสิ” โมเอิร์นยกมือดันแผ่นหลังเพื่อนทั้งสองออกจากห้องเรียนตรงไปยังลิฟท์ เสียงพูดคุยหัวเราะคิกคักดังขึ้นเป็นระยะตลอดทางเดินก่อนแยกย้ายกันไปโมเอิร์นเดินเลี่ยงมายังมุมตึกจุดที่เจอฟาโรเมื่อเช้า ก็เห็นว่าเขานั่งรออยู่ที่โต๊ะหินอ่อนอย่างที่ว่าไว้ ทว่า เสี้ยววินาทีสายตาเหลือบมองแหวนหมั้นที่นิ้วเรียว หัวสมองพลันนึกถึงเซนโซ่ขึ้นมา จู่ๆเธอก็รู้สึ