“นายครับ นาย” จิมเอ่ยเรียกคนเป็นเจ้านายนอนหลับสนิทบนเตียงกว้างของโรงแรมหรู หลังจากติดต่อเจ้านายไม่ได้ซึ่งผิดนิสัยเป็นอย่างมากเขาจึงรีบขึ้นมาดูในห้อง
“ไอ้จิม...” เซนโซ่รู้สึกตัวตื่นเพราะแรงเขย่า ใบหน้าหล่อเหลาหันมามองหญิงสาวข้างกายก็พบว่าเธอไม่ได้นอนอยู่ตรงนั้นแล้ว ‘ไปไหนวะ’
“ใกล้เช้าแล้วครับ นายไม่รับสายผมเลยขึ้นมาดู”
“ผู้หญิงคนนั้น....”
“ไม่ทราบครับ ผมเห็นนายนอนอยู่คนเดียวเธอคงกลับไปแล้ว” จิมเอ่ยบอก หลังมาส่งเจ้านายกับหญิงสาวคนนั้น เขากลับไปยังห้องทำงานในคลับเพื่อค้นหาข้อมูลของเธอตามคำสั่ง น่าแปลกที่เขาไม่เจอประวัติส่วนตัวเธอเลย หากเป็นคนธรรมดาทั่วไปคงสืบหาได้ไม่ยาก เขาพยายามอย่างสุดความสามารถแต่กลับได้เพียงรูปถ่ายเพียงไปกี่รูปกับชื่อเล่นเท่านั้นไม่ปรากฏชื่อนามสกุลจริง
‘ยัยตัวแสบ เธอกล้าหนีฉันอย่างนั้นหรอ’ ร่างสูงเอ่ยคาดโทษในใจ กลับถึงเพนท์เฮาส์เซนโซ่อาบน้ำแต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตสีดำแขนยาวพับขึ้นถึงข้อศอกกางเกงยีนส์สีเดียวกันเฉกเช่นทุกวัน แล้วเข้ามานั่งในห้องทำงานเปิดอ่านเมลที่ลูกน้องคนสนิทส่งให้ คิ้วหนาขมวดเป็นปมสายตาคมมองดูข้อมูลหญิงสาวเพียงน้อยนิดจนน่าสงสัย เมื่อลองสืบค้นด้วยตัวเองก็ได้รู้ไม่มากกว่าเดิม
“เธอเป็นใคร” นี่เป็นครั้งแรกที่เขาไม่สามารถล่วงรู้ตัวตนของคนที่อยากรู้ได้ สร้างความหงุดหงิดให้มากไม่น้อย ร่างสูงเอนตัวไปกับพนักพิงเก้าอี้หัวสมองพลันครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนหากเธอเป็นคนของศัตรูเขาคงตายไปแล้ว
อีกด้าน...
“เมื่อคืนหนีกลับทำไมไม่บอกยะ” ทันทีที่โมเอิร์นก้าวเดินมาถึงโต๊ะหินอ่อนที่นั่งประจำพะแพงพูดขึ้นด้วยท่าทีเง้างอน หล่อนกับนิวเป็นห่วงแทบแย่ตามหาจนทั่วทั้งคลับก็ไม่เจอโทรศัพท์ติดต่อไม่ได้ เธอสองคนร้อนใจจนส่างเมา
“โทษทีฉันเมา” โมเอิร์นนั่งลงบนเก้าอี้ พลางเอื้อมมือคว้าแก้วกาแฟบนโต๊ะขึ้นดื่ม รู้ดีว่ากาแฟแก้วนี้เป็นของเธอเพราะฝากนิวซื้อทุกวัน
“หน้าโทรมเชียวแก ได้นอนรึเปล่า?” ประโยคคำถามของนิวทำโมเอิร์นหยุดชะงักเล็กน้อย ก่อนจะก้มหน้าดื่มกาแฟอีกครั้ง หัวสมองพลันนึกถึงฉากเร่าร้อนกับชายหนุ่มแปลกหน้า ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อของเขาด้วยซ้ำ แต่ช่างเถอะ!ฉันไม่คิดสานต่อหรือเรียกร้องอะไรทั้งนั้น ทุกอย่างจบแค่บนเตียง
“นอนน้อยมั้ง” โมเอิร์นตอบส่งๆ มือบางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไถดูโซเชียล พะแพงกับนิวถึงกับส่ายหน้าให้กับท่าทีไม่สนโลกของเพื่อนแต่ก็ไม่คิดถือสา พวกเธอคบกันมานานรู้จักนิสัยเป็นอย่างดี
“ป๊าแกจะให้หมั้นเมื่อไหร่”
“ไม่รู้สิ เฮ้อ...ฉันจะค้านหลังชนฝาเลยคอยดู”
“อย่าเครียดไปเลย แค่หมั้น…ยังไม่ได้แต่งซักหน่อย” นิวเอ่ยปลอบ เธอเข้าใจความรู้สึกเพื่อนถ้าเราต้องหมั้นกับใครซักคนก็ควรเป็นคนที่เรารักและเขาก็รักเราไม่ใช่คนแปลกหน้าแบบนี้
“ใช่ ยังไม่ได้แต่งอย่าไปใส่ใจนะเพื่อนรัก” พะแพงตบไหล่เพื่อนเบาๆอย่างต้องการให้กำลังใจ
“อืม...เข้าเรียนเถอะได้เวลาแล้ว”
“ป่ะ”
หลังหมดคลาสเรียนโมเอิร์นกับเพื่อนพากันมาเดินช้อปปิ้งที่ห้างดังใจกลางเมือง กระเป๋าแบรนด์เนมคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดคือเป้าหมายของพวกเราในวันนี้
“เอ่อ..คุณลูกค้ามีบัตรใบอื่นมั้ยคะใบนี้รูดไม่ผ่านค่ะ” พนักงานเอ่ยถามด้วยท่าทีสุภาพ ก่อนจะยื่นบัตรเครดิตวงเงินเฉียดเจ็ดหลักคืนให้โมเอิร์น
“ห๊ะ!...เป็นไปได้ไง” คิ้วเรียวเล็กขมวดมุ่นเดือนนี้ฉันยังไม่ได้ซื้อของเลยนะจะรูดไม่ผ่านได้ไงหรือว่า.... ไม่ทันได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น เสียงขรึมของชายชุดดำเอ่ยขึ้นจากทางด้านหลังเรียกให้โมเอิร์นกับเพื่อนรวมทั้งพนักงานร้านหันไปมองยังคนมาใหม่
“คุณโมครับ นายให้ผมมารับกลับบ้านครับ” ลูกน้องมือขวาของแบล็คหยุดยืนตรงหน้าหญิงสาวลูกรักเจ้านายเขา พร้อมกับพูดบอกตามคำสั่งเด็ดขาด
“ป๊าระงับบัตรเคดิตฉันใช่มั้ย!” โมเอิร์นเอ่ยเสียงแข็งจ้องมองบอดี้การ์ดด้วยท่าทีเอาเรื่อง ต้องใช่แน่ๆแค่ฉันไม่ไปตามนัดถึงกับต้องทำกันขนาดนี้เลยหรอ ได้!อยากให้หมั้นมากนักใช่มั้ย ฉันจะทำตามที่ป๊ากับปู่ต้องการ หวังว่าไอ้คู่หมั้นคนนั้นจะไม่อกแตกตายไปก่อนนะ
“ครับ คุณโมกลับไปกับผมเถอะนะครับ”
“แพง นิว ฉันกลับก่อนนะ...เจอกัน”
“โมค่อยๆคุยกันนะ ป๊าคงอยากให้แกมีคนคอยดูแล” พะแพงเอ่ยบอกด้วยความเป็นห่วง
“อืม”
“พรุ่งนี้เจอกันที่มอ.”
โมเอิร์นเดินตามชายชุดดำมายังลานจอดรถ ก่อนที่ชายคนนั้นจะเร่งฝีเท้าเดินนำไปเปิดประตูรถให้หญิงสาวขึ้นนั่งบนเบาะด้านหลังและรีบพาตัวเองไปนั่งข้างคนขับพร้อมเอ่ยสั่งให้ออกรถทันที ใช้เวลาไม่นานรถหรูสีดำเงาขับเข้ามาจอดหน้าบ้านหลังใหญ่
“ใครมา?” สายตาคู่สวยมองผ่านกระจกหน้าต่างรถ เห็นรถหรูไม่คุ้นตาจอดอยู่ไม่ไกลมากนัก
“ไม่ทราบครับ”
ร่างบางระหงในชุดนักศึกษารัดรูปกระโปรงทรงเอความยาวเหนือเข่า ก้าวเดินไปยังในห้องรับแขกที่มีปู่และผู้เป็นพ่อนั่งอยู่กับผู้ชายอีกสองคนหันหลังมายังทิศทางที่เธอยืน ทว่า เมื่อเดินเข้าใกล้กลับเรียกสายตาของคนทั้งห้องให้หันมามองที่เธอเป็นจุดเดียว
โมเอิร์นกวาดสายตามองทุกคนในห้องกระทั่งสะดุดกับสายตาคมคู่หนึ่งดวงตากลมโตเบิกโพลงขึ้นเท้าเล็กหยุดชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเบนหน้าหนีปรับสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด แล้วรีบเดินไปนั่งลงข้างผู้เป็นพ่อ“มาแล้วหรอ” แบล็คเอ่ยขึ้นยิ้มๆ พร้อมยกท่อนแขนโอบไหล่ลูกสาวเพียงคนเดียวของเขาไว้ด้วยความรักและเอ็นดู“ฝีมือป๊าใช่มั้ยคะ?” เสียงหวานกระซิบถามในสิ่งที่เธอสงสัย“ลูกดื้อกับป๊าก่อนครับ...สวัสดีปู่ไซซีก่อนสิ”“สวัสดีค่ะปู่ไซซี” โมเอิร์นเอ่ยทักทายตามคำบอกอย่างว่าง่าย ขืนฉันยังดื้อดึงเกิดโดนยึดรถขึ้นมาคืนนี้คงไปเที่ยวลำบาก“ไหว้พระเถอะลูก...นี่ เซนโซ่ว่าที่คู่หมั้นของหนู”“ห๊ะ! อะไรนะคะ” ร่างบางลุกพรวดพราดร้องตะโกนด้วยความตกใจเมื่อได้ยินไซซีพูดแนะนำอย่างนั้น ‘เจอเขาที่นี่ว่าบังเอิญมากแล้ว แต่เขาดันเป็นคู่หมั้นฉันเนี่ยนะ ตายๆๆ'“โมเบาๆสิลูก นั่งลงก่อน” แบล็คหน้าหดเหลือสองนิ้ว มือสากมีริ้วรอยตามวัยรั้งลูกสาวนั่งลงบนโซฟาเช่นเดิม ใบหน้าคมคายเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด กลัวว่าล
ก๊อก! ก๊อก!“เข้ามา” สิ้นเสียงทุ้มเอ่ยอนุญาต ประตูบานใหญ่หน้าห้องเปิดออกกว้างด้วยฝีมือของจิม ก่อนจะเดินเข้ามาหยุดยืนหน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ พร้อมกับเอ่ยรายงานความคืบหน้างานที่ได้รับมอบหมาย“ได้เรื่องแล้วครับนาย”“ว่ามา” เสียงทุ้มต่ำพูดบอกทั้งที่สายตาคมยังคงจับจ้องหน้าจอไอแพดตรงหน้าไม่ละไปไหน“รถคันนั้นเป็นของเพื่อนสนิทคุณโมเอิร์นครับ ตอนนี้พวกเธอนั่งดื่มด้วยกันที่ผับ” จิมยื่นโทรศัพท์ของเขาให้เจ้านายดูภาพถ่ายจากสายลับที่ส่งตามประกบภาพชายคนหนึ่งนั่งดื่มร่วมโต๊ะกับหญิงสาวสามคนท่ามกลางบรรยากาศสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง พูดคุยกันอย่างถูกคอด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม โมเอิร์นนั่งข้างชายหนุ่มเพื่อนสาวอีกสองคนนั่งฝั่งตรงข้าม“ไอ้นี่เป็นใคร?”“หมอนี่ชื่อครามเจ้าของผับครับ ผับKหลังมหาลัยชื่อดัง ส่วนเพื่อนสนิทคุณโมเอิร์นชื่อนิว อีกคนชื่อพะแพงครับน้องสาวคุณพาย”“มึงออกไปได้แล้ว อีกครึ่งชั่วโมงลงไปเตรียมรถ”“ครับนาย”เซนโซ่นั่งทำงานต่อจนเสร็จ มือหนากดปิดหน้าจอไอแพดเอนตัวพิงพนักเก้าอี้หนังตัวใหญ่ขับไล่ความเมื่อยล้า ก่อนจะดันตัวลุกขึ้นเดินออกจ
“นี่!นาย ฉันเหนื่อยนะ”“ขาสั้นเอง...ช่วยไม่ได้” ใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน ร่างสูงขึ้นไปนั่งบนรถโดยมีลูกน้องคนสนิทเปิดประตูให้“ไอ้...” ไม่ทันได้พ่นคำด่าไปมากกว่านั้น เซนโซ่แทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์“ขึ้นรถ!ฉันไม่ได้มีเวลาว่างมานั่งตามเด็กดื้ออย่างเธอกลับบ้านหรอกนะ”“จิ๊!ฝากไว้ก่อนเถอะ” โมเอิร์นพูดเสียงเบาแต่ก็ดังมากพอให้อีกฝ่ายได้ยินรวมทั้งจิมที่ยืนคอยปิดประตูรถให้ ‘งานนี้เจ้านายคงเจอของแข็งเข้าให้แล้ว’รถหรูขับไปบนถนนกลางกรุงด้วยความเร็วสูง ภายในรถเกิดความเงียบขึ้นไม่มีใครพูดอะไรออกมา ร่างบางเมามายนั่งเอนตัวพิงประตูรถ ด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์บวกความเย็นของเครื่องปรับอากาศทำให้เธอผล็อยหลับได้ไม่ยาก“เอาไงดีครับนาย?” จิมเอ่ยถามพลางมองเจ้านายผ่านกระจกมองหลัง เขาขับรถเข้ามาจอดสนิทในที่ประจำเรียบร้อยแล้ว แต่หญิงสาวยังคงหลับไม่ขยับเขยื้อน แม้ว่าเซนโซ่จะพยายามปลุกเธอหลายครั้งแล้วก็ตาม“ภาระชิบหาย”“ให้ผมช่วยอุ้มเธอมั้ยครับ”“ไม่ต้อง!...มึงไปกดลิฟท์”“ยังไม่ทันไร ก็หวงซะแล้ว” จิมบ่นพึมพำเสียงเบาแต่ก็ดังมากพอให้เซนโซ่ได้ยิน ขณะก้าวเดินนำหน้าเจ้านายเพื่อทำตามคำสั่ง“ไอ้จิม!กูไ
“โมเอิร์น”“อ้าว..เจ นั่งก่อนสิ”“เราซื้อขนมมาฝาก” เจ ชายหนุ่มหน้าตี๋เพื่อนร่วมคลาสเรียนยื่นถุงขนมเจ้าดังให้โมเอิร์นพร้อมกับนั่งลงฝั่งตรงข้ามข้างนิว ใบหน้าหล่อเชื้อสายจีนเผยรอยยิ้มให้ได้เห็น“ขอบใจนะ” โมเอิร์นรับไว้ตามมารยาทไม่อยากหักหารน้ำใจชายหนุ่มถึงแม้เธอจะไม่ชอบกินขนมก็ตามและรู้ดีว่าเจเข้าหาเพราะต้องการจีบ แต่เขาไม่ใช่สเปคผู้ชายที่ชอบเธอจึงรักษาระยะห่างไว้ ไม่ให้ความหวัง“นั่งกันตั้งสามคนซื้อมาฝากโมคนเดียวหรอ นิวกับแพงก็ชอบกินขนมนะ” พะแพงเอ่ยแซว ทำเจถึงกับยิ้มแห้งไปไม่เป็น“นั่นดิ เราก็ชอบ” นิวพูดเสริม พร้อมกับขยับเข้าใกล้เพื่อนชาย“เอ่อ...ระเราไปก่อนนะ ไว้เจอกันในคลาส” หนุ่มตี๋ขี้อายรีบพาตัวเองออกไปจากตรงนั้น เพราะถูกสาวๆรุกหนักจนไม่เป็นตัวของตัวเอง เมื่อทั้งโต๊ะเหลือเพียงสาวๆขนมของฝากก็ถูกวางลงตรงหน้านิวกับพะแพงทันทีเฉกเช่นทุกครั้ง“อิ่มมาก~&r
สามสาวเริ่มมึนเมา แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปหลายต่อหลายแก้วออกฤทธิ์ได้เป็นอย่างดี ดวงหน้าสวยเปลี่ยนสีแดงระเรื่อดวงตาหวานเยิ้มมองเห็นคนรอบข้างไม่ชัดเจน น้ำเสียงยานครางฟังแทบไม่ได้ศัพท์แต่ก็พยายามสื่อสารพูดคุยกับเพื่อนในกลุ่มอย่างออกรสชาติ“วู้วว...ฉันชอบที่นี่จัง”“เราต้องมาบ่อยๆแล้ว”“ฉันเห็นด้วย พวกแกเดี๋ยวฉันมานะ~” โมเอิร์นเอ่ยบอกน้ำเสียงอู้อี้หมุนตัวเตรียมก้าวเดินออกไปจากโต๊ะ แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อแขนเรียวของเธอถูกพะแพงรั้งเอาไว้เสียก่อน“จะไปไหน?” เสียงที่เอื้อนเอ่ยออกมาบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าหล่อนเมามากไม่ต่างจากโมเอิร์นซักนิด“นั่นดิ คนเยอะแบบนี้แกเดินกลับโต๊ะถูกใช่มั้ย”“กลับถูกสิ ฉันไปตรงนู้นแป๊บเดียว~” มือบางยกขึ้นชี้อย่างไร้ทิศทาง ก่อนจะก้าวเดินออกไปโดยไม่สนใจเสียงเรียกของเพื่อนทั้งสองคนอีก ร่างบางเมามายก้าวเดินฝ่าผู้คนจำนวนมากสายตาเพ่งมองแผ่นหลังหนาของจิม พลางสาวเท้าตามไปยังชั้นสองเลี้ยวขวาตรงไปตามทางมืดสลัวไร้ผู้คนตึก! ตึก!ทว่า เสียงรองเท้าส้นสูง
หมั่บ!มือหนาแข็งแรงดั่งครีบเหล็กคว้าหมับบีบปลายคางมนให้หญิงสาวเชิดหน้าขึ้นมองสบตาคมกริบนานนับนาทีจึงผละออกจับรวบข้อมือทั้งสองข้างไว้เหนือศีรษะเล็กกดลงจมเตียงด้วยมือหนาเพียงข้างเดียว มืออีกข้างที่ว่างเลื่อนหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ กดยุกยิกบนหน้าจอสัมผัสต่อสายหาใครบางคน พร้อมเปิดสปีกเกอร์โฟนให้สาวเจ้าได้ยิน คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นมองชายหนุ่มอย่างไม่เข้าใจ ‘เขาคิดจะทำอะไร’“สวัสดีครับป๊า ขอโทษที่ผมโทรมารบกวนเวลาพักผ่อน” เซนโซ่กรอกเสียงเข้าไปในสายทันทีที่อีกฝ่ายกดรับ โดยไม่รอให้คนปลายสายพูดก่อน[ป๊ายังไม่นอน...มีอะไรรึเปล่าโซ่] เสียงคุ้นเคยของปลายสายดังออกมาให้โมเอิร์นได้ยิน ดวงตากลมเบิกโพลงไม่คิดว่าเขาจะโทรหาผู้เป็นพ่ออย่างที่พูดจริงๆ“คือ....โอ๊ยย!” เซนโซ่ถึงกับร้องเสียงหลง ปากเล็กงับท่อนแขนแกร่งเต็มแรงโดยที่เขาไม่ทันระวังตัว[เป็นอะไรรึเปล่าโซ่ หรือว่าน้องไม่เชื่อฟัง]“ครับ...ผมขออนุญาตจัดการในแบบของผมนะครับ รวมถ
“อื้อ...ป๊า โมหนาว” เสียงหวานบ่นงึมงำในลำคอ เมื่อรู้สึกถึงการรบกวนเวลาพักผ่อนแต่ก็ไม่ได้ลืมตามอง ขณะที่เซนโซ่ช้อนอุ้มเธอในท่าเจ้าสาววางลงนอนราบบนเตียงห่มผ้าผืนใหม่ให้ ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำและกลับออกมาโดยที่บนร่างกายมีบ็อกเซอร์เพียงตัวเดียวร่างสูงเอนตัวลงนอนข้างคนตัวเล็ก มือหนายกขึ้นก่ายหน้าผากอย่างคิดไม่ตก ไม่เคยนึกเลยว่าตัวเองจะต้องนอนค้างคืนกับใครรวมถึงเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ก็ไม่เคยอยู่ในหัวเขาเลยด้วยซ้ำ เซนโซ่พลิกตัวนอนตะแคงข้างซ้ายทีข้างขวาทีพยายามข่มตานอนแต่ไม่เป็นผล มันไม่ชินจริงๆให้ตายเถอะแรงขยับเขยื้อนทำให้ที่นอนยุบยวบ ร่างบางรู้สึกตัวขยับเข้าหาไออุ่นแขนขาเรียวเล็กตวัดกอดร่างสูงอย่างถือวิสาสะโดยที่เขาไม่ทันได้ห้ามปราม โมเอิร์นกอดก่ายท่าสบายราวกับว่าเขาคือหมอนข้างใบโปรดที่เธอชอบนอนกอดทุกคืน“เอามือเธอออกไป” เซนโซ่เอ่ยเสียงรอดไรฟัน มือหนาคว้าหมับจับยกแขนขาของเธอออกจากร่างกาย แต่เพียงครู่เดียวสาวเจ้าก็กลับมากอดรัดตัวเขาเช่นเดิม“น่ารำคาญ!หลับหรือซ้อมตายวะ” ร่างสูงพ่นลมหายใจหนักๆ จำใจต้องปล่อยเลยตามเลยอยากกอดก็
“อื้มม...” เสียงหวานครางอื้ออึงในลำคอ แก่นกายใหญ่โตกดแช่ในร่องสวาทไม่ขยับเขยื้อนเสียทีพาให้รู้สึกอึดอัด อีกทั้งร่างสูงยังบดจูบดูดดื่มชักจูงให้เธอเข้าสู่ห้วงอารมณ์ราคะจนกู่ไม่กลับ ทั้งที่หัวสมองห้ามปราบแต่ร่างกายไม่รักดีกลับทำสวนทางกันตับ! ตับ! ตับ!ร่างสูงค่อยๆถอนจูบออกเป็นจังหวะเดียวกับเอวสอบตอกกระแทกเข้าใส่จนร่างบางโยกคลอนไปตามแรง หน้าอกอวบใหญ่กระเพื่อมไหวขึ้นลงตามจังหวะล่อตาล่อใจให้คนตัวสูงโน้มหน้าใช้ลิ้นร้อนปาดเลียอย่างหยอกเย้า มือหนาบีบขย้ำอีกข้างที่ว่างไม่ให้น้อยหน้ากันแท่งเอ็นตอกอัดเข้าสุดทางกระทั่งปลายหัวบานชนกับผนังเนื้อนุ่มนิ่มภายในและชักออกจนส่วนปลายเกือบหลุดจากร่องสวาทคับแคบแต่ก็ถูกตอกเข้าไปใหม่อีกครั้งและอีกครั้ง เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องทั่วทั้งห้องสี่เหลี่ยมโดยไม่สนใจว่าใครจะเข้ามาได้ยิน“ซี๊ด!ร่องเธอแม่งดี” น่าแปลกพอเป็นเธอเขากลับควบคุมตัวเองไม่ได้ยอมกินซ้ำสอง ไหนจะยอมสดทั้งที่ไม่เคยทำกับผู้หญิงคนไหน ให้ตายเถอะ!เธอเป็นแม่มดรึไง“เบาหน่อยนาย ฉันจุก อื้ออ” แม้ปากจะพูดออกไปอย่างนั้น ทว่า ร่องกุหล
ร่างบางจมอยู่กับความคิดจึงไม่ทันสังเกตเห็น เซนโซ่ลุกจากเก้าอี้ก้าวเดินมาหยุดยืนใกล้ๆ พร้อมกับดอกไม้ช่อใหญ่ในมือ“โมเอิร์น”“คะ?”“แต่งงานกับพี่นะ”ร่างบางนั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อนหูดับไม่รับรู้สิ่งรอบข้าง สายตาทอดมองไปยังวิวเมืองยามค่ำคืน คิ้วเรียวสวยได้รูปขมวดมุ่นราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน ร่างสูงทรุดตัวลงคุกเข่าพร้อมกับยื่นดอกไม้ในมือให้ เป็นเวลาเดียวกับโมเอิร์นได้สติกลับคืน หันมาหาชายหนุ่มมองจ้องเธออยู่ก่อนแล้ว“แต่งงานกันนะ” เสียงทุ้มนุ่มเอื้อนเอ่ยประโยคเดิมอีกครั้ง“เอ่อ...คือ” ร่างบางอึกอักไม่ตอบรับด้วยความสับสน การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่เธอจะด่วนตัดสินใจไม่ได้ อย่างน้อยคงต้องรอถามความเห็นผู้เป็นพ่อกับปู่เสียก่อน แต่จะว่าไปท่านทั้งสองคงไม่ขัดอะไรในเมื่อเห็นชอบให้เธอหมั้นหมายตั้งแต่แรก“ว่าไงครับ?” รอยยิ้มที่เคยมีบัดนี้จืดจางลงเพราะเริ่มไม่มั่นใจกับคำตอบของสาวเจ้า กล
ปึก!มือบางปิดแฟ้มงานกระแทกลงบนพื้นโต๊ะเต็มแรงด้วยอารมณ์หงุดหงิดกำลังก่อตัวขึ้น คิดไม่ตกหากสิ่งที่คิดเป็นความจริง“โมให้เวลาแค่คืนนี้ถ้าไม่กลับมาหรือยังติดต่อไม่ได้ เราสองคนก็ทางใครทางมัน” เสียงหวานบ่นพึมพำ พลางเก็บของบนโต๊ะ สายตาเหลือบมองนาฬิกาแขวนผนังห้อง เวลานี้คลับปิดให้บริการยี่สิบนาทีแล้ว โมเอิร์นจึงตัดสินใจกลับไปรอที่เพนท์เฮาส์โดยมีจิมขับรถมาส่งร่างบางระหงในชุดเดรสพอดีตัวสีแดงเลือดนกยืนมองตัวเลขเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามระดับชั้นที่ลิฟท์สี่เหลี่ยมกำลังเคลื่อนตัวผ่านอย่างรวดเร็ว กระทั่งถึงจุดหมายปลายทางประตูเปิดออกกว้าง สองเท้าเล็กก้าวเดินเข้ามาในโถง แต่ก็ต้องแปลกใจเพราะไฟภายในห้องไม่เปิดอัตโนมัติเช่นเคย คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นด้วยความสงสัยแต่ก็พยายามทำใจดีสู้เสือ ‘ระบบไฟมีปัญหางั้นหรอ’ คิดได้อย่างนั้นมือเล็กเลื่อนหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋า“อุ้ย!ปล่อยฉัน!” โมเอิร์นสะดุ้งเฮือก จู่ๆก็มีมือปริศนาโอบกอดเอวบางจากทางด้านหลัง แต่ทว่าสัมผัสอบอุ่นและกลิ่นน้ำหอมคุ้นเคยทำให้เธอรู้ได
“แบบไหนคะ อื้อ...” ไม่ปล่อยให้คนตัวเล็กสงสัยนาน ริมฝีปากหนาประกบจูบริมฝีปากบางทันที บดจูบดูดดื่มแฝงไปด้วยความเร่าร้อนชนิดที่ว่าไม่เปิดโอกาสให้คนใต้ร่างได้ตั้งตัวไม่เว้นช่วงให้หายใจ จนร่างบางร้องท้วงในลำคอปานจะขาดใจมือเล็กทุบแผงอกแกร่งราวกับกำลังร้องขอชีวิตกระทั่งคนตัวสูงยอมผละออกอย่างอ้อยอิ่ง“แฮ่ก! แฮ่ก! พี่โซ่ โมเกือบตายแหนะ” เมื่อได้รับอิสระโมเอิร์นรีบโกยอากาศเข้าปอดด้วยอาการเหนื่อยหอบจนตัวโยน ‘ให้ตายเถอะ เขาจะฆ่ากันรึไง’“เด็กดื้อก็ต้องถูกลงโทษ ห้ามงอแงครับ” ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงคลอเคลียซอกคอขาว ขบเม้มทิ้งรอยแดงสีกลีบกุหลาบเอาไว้บนเรือนร่างบางหลายต่อหลายจุดแสดงความเป็นเจ้าของ คืนนี้เขาจะลงโทษเมียเด็กให้หลาบจำ เสร็จจากบนเตียงค่อยย้ายไประเบียง โซฟา เคาน์เตอร์บนโต๊ะอาหารก็ดีไม่น้อย ต่อไปเธอจะได้ไม่กล้าขัดคำสั่งเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังกึกก้องทั่วทั้งเพนท์เฮาส์สุดหรูตามจังหวะตอกอัดของคนตัวสูงกระแทกกระทั้นเข้าใส่อย่างไม่ออมแรง ดังประสานกับเสียงครางกระเส่าของคนทั้งสองที่กำลังเสพ
เวลาผ่านไปจนถึงช่วงค่ำ หลังจากโทรนัดแนะกับเพื่อนสาวทั้งสองคนรวมถึงน้องรหัสไม่ได้เจอกันนาน คืนนี้จึงถือโอกาสนัดมานั่งดื่มด้วยกัน“ทางนี้ครับพี่โมเอิร์น” เฟิร์สโบกมือเรียกเมื่อเห็นพี่รหัสเดินฝ่าผู้คนจำนวนมากเข้ามา“เฟิร์สมาถึงนานรึยัง”“ไม่นานครับ นี้แก้วเหล้าพี่ มาเหนื่อยๆน่าจะคอแห้ง”“โอ้โห...ทั้งโต๊ะนั่งกันแค่สองคนรึไงยะ” พะแพงว่าด้วยท่าทีหมั่นไส้ เบะปากมองบนอย่างไม่จริงจังนัก ก่อนจะคว้าแขนเฟิร์สกอดไว้แน่นเผื่อว่าคืนนี้เธอจะได้ชิมเด็ก เฟิร์สเองก็ไม่ได้ขัดขืน ออกจะขบขันด้วยซ้ำที่เห็นรุ่นพี่ลุกหนักขนาดนี้“น้อยๆหน่อยยัยแพงสงสารน้องมัน” นิวถึงกับส่ายหน้าให้กับความเจนจัดของเพื่อน ทำเป็นล่าเหยื่อพอเอาเข้าจริงก็ไม่กล้า นี่แหละนิสัยพวกเธอ“มาๆดื่มๆ คืนนี้ไม่เมาไม่กลับ” เป็นไปตามคำพูดโมเอิร์นไม่มีผิดเพี้ยน เพราะยิ่งดึกก็ยิ่งชนแก้วถี่ขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่มีใครห้ามใคร กระทั่งเวลาห้าทุ่มครึ่งเห็นจะได้ ทุกคนในโต๊ะเมามายไม่ต่างกันชนิดที่ว่ายืนแทบไม่อยู่“เอ่อ...คุณโมเอิร์
“พี่ว่าชุดมันสั้นมากขึ้นทุกวัน” คิ้วหนาขมวดเป็นปมอย่างไม่พอใจ ไหนจะเสื้อนักศึกษาพอดีตัวนั่นอีก รัดจนกระดุมแทบกระเด็นไม่อึดอัดบ้างรึไง“ปกตินะคะ...”โมเอิร์นเอ่ยตอบพลางจัดแจ้งชุดให้เรียบร้อยหมุนซ้ายหมุนขวาหน้ากระจกเงาบานใหญ่ภายในห้องแต่งตัวโดยมีร่างสูงมองดูไม่ห่าง หลายวันมานี้เขาพูดเรื่องชุดทุกวันจนคนตัวเล็กชินเสียแล้ว จึงไม่ได้ตอบโต้อะไรให้มากความแต่กลับรู้สึกดีด้วยซ้ำที่เขาหึงหวงหลังจากมาส่งโมเอิร์นที่มหาลัยเซนโซ่ก็ไปทำงานเฉกเช่นทุกวันโดยมีจิมเป็นคนขับรถ“ไอ้ฟาโรเคลื่อนไหวบ้างรึเปล่า” เซนโซ่เอ่ยถามลูกน้องคนสนิททั้งที่สายตาคมยังคงจ้องมองหน้าไอแพดนั่งเอนหลังพิงเบาะท่าสบาย ช่วงเวลาเร่งด่วนบนถนนกลางกรุงการจราจรติดขัดทำให้ต้องใช้เวลาเดินทางมากกว่าปกติกว่าจะถึงโกดังชานเมือง“ยังส่งออกสินค้าปกติครับ ผมสืบรู้มาว่าคุณลูกตาลมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับฟาโรแต่ไม่ได้เปิดเผยครับ ก่อนหน้านี้ที่พยายามเข้าหานายคงเป็นเพราะผลประโยชน์ที่ฟาโรเสนอให้”“อืม..จับตาดูไว้” ผมคิดแล้วไม่มีผิด ผมกับลูกตาลเป็นเพื่อนกันก็
ปึก!“อ๊ะ!” หัวสมองมัวแต่ครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นจึงไม่ทันระวังตัว ร่างสูงข้างหน้าหยุดเดินกะทันหันทำให้โมเอิร์นชนเข้ากับแผ่นหลังหนาอย่างจัง มือบางยกขึ้นลูบจมูกปรอยๆ ยู่หน้าให้อย่างเง้างอน“หึ!เมื่อไหร่จะเลิกซุ่มซ่าม” มือหนาเชยคางเล็ก โน้มหน้ามองดูจมูกเชิดรั้นแดงก่ำ ก่อนโอบไหล่เล็กให้เธอเดินเคียงข้างเขาเข้าไปในโกดังที่มีอีกฝ่ายรออยู่ก่อนแล้ว“มาแล้วหรอ.....” ทว่า เสียงทุ้มของฟาโรต้องหยุดไว้แต่เพียงเท่านั้นเมื่อหันกลับมามองคนมาใหม่ ที่จริงเขารู้อยู่แล้วว่าโมเอิร์นคือคู่หมั้นของเซนโซ่เพียงแต่ไม่คิดว่าจะพาเธอมาด้วย เขาสืบรู้มาว่าทั้งสองไม่ได้รักกันแต่ต้องอยู่ด้วยกันเพราะพันธสัญญาหมั้นหมายที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเป็นคนกำหนด ที่ผ่านมาเซนโซ่ไม่เคยเปิดตัวเธอ แม้แต่งานหมั้นก็ถูกจัดขึ้นอย่างเงียบๆ ครั้งแรกที่ได้เจอโมเอิร์นเขารู้สึกถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูกจึงพยายามเข้าหาเธอและส่งคนสืบประวัติจึงได้รู้ความจริงไม่เพียงแต่ฟาโรที่แปลกใจ โมเอิร์นเองก็ยืนมองอย่างอึ้งๆไม่ต่างกัน มันเก
“ไอ้โซ่มึงกลับไปห้องทำงานก่อน”“กูไม่ไป ที่นี่คลับกู” คนที่สมควรออกไปคือคนไม่คิดให้เกียรติเจ้าของสถานที่เขาคิดอย่างนั้น“โซ่เห็นผู้หญิงคนอื่นสำคัญกว่าเพื่อนอย่างตาลงั้นหรอ” ลูกตาลไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หล่อนถูกปฏิเสธมาแล้วครั้งหนึ่งตอนเรียน วันนี้หล่อนก็ยังต้องการเซนโซ่มาเป็นคนรักไม่ใช่เพื่อน“โมเอิร์นเป็นเมียฉัน ถ้าเธอไม่ให้เกียรติเราก็ไม่ควรเป็นเพื่อนกัน” เซนโซ่เอ่ยน้ำเสียงหนักแน่น บ่งบอกได้ว่าเขาเลือกทำเช่นนั้นหากผู้หญิงตรงหน้ายังแสดงท่าทีหยาบคายใส่คนรัก“ไอ้โซ่ถือว่ากูขอ มึงใจเย็นก่อนดิวะ กลับไปสงบสติอารมณ์ก่อนดีมั้ย”“ไม่!!”“น้องโมช่วยพามันไปทีครับ” ฟาสเลือกขอความช่วยเหลือจากโมเอิร์นแทน รู้ดีว่าคนอย่างเซนโซ่ถ้าลองได้ฟาดงวงฟาดงาแล้วไม่ยอมลามือง่ายๆ“พี่โซ่คะ...เราไปห้องทำงานกันเถอะนะ ยืนนานโมเมื่อยขาแล้ว” โมเอิร์นเอ่ยอ้างถึงความเมื่อยล้าเผื่อว่าเข
“พี่โซ่”ร่างบางงัวเงียตื่นขึ้นมาหลังจากผล็อยหลับไปนานนับชั่วโมง แต่เมื่อลืมตาขึ้นมาก็เห็นว่าเซนโซ่ยังนั่งอยู่ที่เดิม“ครับ”“ยังทำงานไม่เสร็จหรอคะ...โอ๊ะ!” สงสัยนอนนานไปหน่อย พอขยับตัวลุกขึ้นมาอีกครั้งอาการปวดเมื่อยก็เข้าเลยงานอย่างจังจนโมเอิร์นนิ่วหน้า“เป็นอะไร? มานี่มา” ร่างสูงดันเก้าอี้ห่างโต๊ะทำงานเล็กน้อยรอให้คนตัวเล็กเดินมาหา มือหนารั้งให้เธอนั่งลงบนตักแกร่ง โมเอิร์นไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใดใช้แขนเรียวโอบลำคอหนาประคองตัวเองไว้ มืออีกข้างดึงชายกระโปรงไม่ให้ร่นขึ้นสูงไปมากกว่านั้น“โมปวดหลัง”ได้รับรู้ถึงสาเหตุมือหนายกขึ้นบีบนวดแผ่นหลังเล็กเบาๆคลายความปวดเมื่อยให้โดยที่เธอไม่ได้ร้องขอ แต่เป็นเขาเองอยากทำด้วยความเต็มใจ“ดีขึ้นมั้ยครับ”“ดีมากเลยค่ะ” โมเอิร์นตอบด้วยท่าทีอารมณ์ดี ก่อนจะเอี้ยวตัวหันไปหาเจ้าของตักหอมแก้มสากเป็นรางวัล การกระทำของเธอเรียกรอยยิ้มจากเซนโซ่ได้เป็นอย่างดี ‘น่ารักจังวะ’“เราจะไปกันตอนไหนคะ”
“ยัยโมจะไปไหนต่อ? ฉันกับนิวอยากดูหนัง” ให้หลังอาจารย์ผู้สอนเดินออกจากห้องไปพะแพงหันมาถามโมเอิร์นในขณะที่เพื่อนคนอื่นทะยอยกันลุกจากเก้าอี้ ส่วนเธอกับเพื่อนสนิทยังเก็บของไม่เสร็จ“ฉันมีนัดแล้ว ไว้วันหยุดนะ”“คู่หมั้นสุดหล่อมารับอีกแล้วล่ะสิ ฉันล่ะอิจฉาแกจริงๆ ผู้ชายอะไรทั้งหล่อทั้งรวยเพอร์เฟคที่สุด”“เว่อร์...วันนี้ฉันขับรถมาย่ะ แล้วนัดของฉันก็ไม่ใช่พี่โซ่”“งั้นฉันจะโทรศัพท์ไปฟ้องพี่เซนโซ่ดีมั้ย” นิวแทรกขึ้นมาบ้างหลังจากเก็บของใส่กระเป๋าเรียบร้อย พร้อมกับเดินมาหยุดยืนตรงหน้าโมเอิร์นด้วยท่าทีทะเล้น“หยุดเลย ไปได้แล้ว จะไปดูหนังไม่ใช่รึไงรีบไปสิ” โมเอิร์นยกมือดันแผ่นหลังเพื่อนทั้งสองออกจากห้องเรียนตรงไปยังลิฟท์ เสียงพูดคุยหัวเราะคิกคักดังขึ้นเป็นระยะตลอดทางเดินก่อนแยกย้ายกันไปโมเอิร์นเดินเลี่ยงมายังมุมตึกจุดที่เจอฟาโรเมื่อเช้า ก็เห็นว่าเขานั่งรออยู่ที่โต๊ะหินอ่อนอย่างที่ว่าไว้ ทว่า เสี้ยววินาทีสายตาเหลือบมองแหวนหมั้นที่นิ้วเรียว หัวสมองพลันนึกถึงเซนโซ่ขึ้นมา จู่ๆเธอก็รู้สึ