ทุกสิ่งที่จิณณ์คิดไว้ไม่ผิดเลย เพราะเมื่อขนข้าวของที่ซื้อมาเข้ามาเก็บในครัว สิ่งแรกที่เห็นก็ทำให้เขาตึงเครียดขึ้นอีกจนได้ เพราะมนตกานต์กำลังล้างเชอร์รี่ลูกโตสีแดงสดอยู่ที่อ่างซิงค์ เสียงน้ำไหลจ๊อกๆๆ เชื่องช้า ตามกิริยาของเธอที่ค่อยๆ ไล้ปลายนิ้วไปบนเชอร์รี่แต่ละลูก
โอว... จิณณ์สาบานได้ว่าไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนล้างเชอร์รี่มาก่อน แล้วเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าต้องล้างหรือเปล่า รู้เพียงว่ากลิ่นหอมอ่อนๆ นั้น เขาสามารถกลืนกินได้โดยไม่ต้องล้างให้สะอาดมาก แค่เช็ดก็พอ
แต่ท่วงท่าการล้างเชอร์รี่ของลูกเจี๊ยบ ทำให้เขาต้องเปลี่ยนใจ หากเขาจะได้มองสาวสวย หุ่นกระตุ้นความแข็งแกร่งทุกเวลา ใส่เชิ้ตขาวของเขา มายืนล้างเชอร์รี่อยู่ในบ้านหลังเดียวกันกับเขาทุกวัน เขาคงอยากให้เธอล้างทั้งวันทั้งคืน เพราะล้างเสร็จ เขาจะได้ช่วยถอดเชิ้ตต่อ
“อ้าว... อาจิ๋วมาแล้ว
เชอร์รี่สีแดงจัดถูกยกขึ้นมอง ริมฝีปากน้อยๆ หอมกรุ่นราวเชอร์รี่ในมืออ้าออกจากกันเล็กน้อย ใบหน้างดงามแหงนขึ้นพลางหย่อนเจ้าลูกสีแดงลงตรงช่องปากที่อ้าค้างไว้ “อืม... ซี้ด... หวานอมเปรี้ยว อร่อยที่สุดเลยค่ะอาจิ๋ว อาจิ๋วลองหน่อยนะคะ” นิ้วมือเล็กๆ หยิบยื่นเชอร์รี่ผลน้อยให้กับเขา จิณณ์มองผลไม้ในมือตัวเองกึ่งกล้ากึ่งกลัวที่จะกิน “อาจิ๋วคะ อาจิ๋วไม่ชอบกินเชอร์รี่เหรอคะ” เจ้าของใบหน้าสวยที่มองตรงมาต้องการคำตอบ ดวงตาสวยหวานมองเชอร์รี่กับใบหน้าของเขาสลับไปมา “ชอบสิ ชอบมากที่สุดเลยล่ะ” จิณณ์ตอบพลางเม้มริมฝีปาก เขาชอบเชอร์รี่ ชอบรสชาติหวานซ่อนเปรี้ยว เปรี้ยวซ่อนหวาน ฉ่ำน้ำ กรุบกรอบ ชอบมากจนต้องกลื
แต่เมื่อพิจารณาดูแล้ว มองอย่างคนยุคใหม่ที่เข้าใจการเปลี่ยนแปลงของโลก เธอก็พบว่า ไม่ใช่สิ่งผิดที่จิณณ์จะเป็นแบบนั้น เมื่อเขาหล่อ รวย มีความสามารถ ดูดีไปทุกมุมมอง มีเสน่ห์ไปทุกตรง เมื่อผู้หญิงเข้ามาหาแล้วจิณณ์สนอง ควรจะมองว่าเขาผิดเหรอ ในเมื่อเขาเป็นผู้ชายที่ไม่ชอบการผูกมัด และเขาก็ไม่ได้ประกาศคบใครเป็นตัวตน ไม่ได้หมั้นหมาย หรือกำลังจะแต่งงานกับใคร และผู้หญิงเหล่านั้นก็พร้อมใจเข้ามาเอง เธอเต็มใจให้และเขาก็เต็มใจรับ แต่เมื่อมองอีกมุม นั่นคือจิณณ์เป็นผู้ชายที่ดูถูกความเป็นผู้หญิงหรือเปล่า เขาเห็นผู้หญิงเป็นของเล่นชั่วครั้งชั่วคราว นั่นคือสิ่งที่เธอค้นหามาตลอดระยะเวลา 4 ปี ขณะเรียนอยู่มหาลัย เธอสับสนในสิ่งที่จิณณ์เป็น เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงสามารถนอนกับผู้หญิงคนนี้ แล้วอีกวันก็ไปนอนกับอีกคนได้ เขาติดพฤติกรรมแบบนี้ หรือติด ‘เซ็กซ์’ หรือสำหรับเขา ‘เซ็กซ์’ เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้&nbs
จิณณ์รีบพาตัวเองเข้าไปในห้องนอนที่เคยอาศัยนอนมาเกือบ 3 เดือน แต่ 2 วันที่ผ่านมานี้ เขาต้องไปนอนที่ห้องนอนใหญ่ ทุกอย่างในห้องยังคงเป็นเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือมีเสื้อผ้าข้าวของของมนตกานต์เพิ่มขึ้นมาเท่านั้น พ่นลมหายใจออกจากปาก พยายามผ่อนคลายความตึงเครียดที่ก่อเกิดขึ้นอีกแล้ว เมื่อคืนกว่าจะพาตัวเองก้าวขึ้นสู่ชั้น 2 ได้สำเร็จ เขาก็จุกจนหายจุก แต่ความฝันสัปดนก็ยังตามหลอกหลอน ในฝันนั้นมนตกานต์ยังอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตขาวของเขา แต่เธอไม่ได้เชื้อเชิญเขาเข้ามา ‘เช็ด’ เธอในห้องนี้ เธอเชิญให้เขาไป ‘เช็ด’ เธอในห้องครัว ภาพอาหารจานร้อนทอดกายนอนบนโต๊ะกลางสำหรับเตรียมเครื่องปรุง น่ากินจนเขาน้ำลายสอ ทุกสัดส่วนน่ากินจนเขาอดไม่ได้ต้องลองลิ้ม ทุกส่วนหอมกรุ่นไปด้วยกลิ่นเชอร์รี่อ่อนๆ หอมจนเขาอยากกัด อยากเคี้ยว อยากลิ้มลองน้ำหวานหยาดเยิ้มของเชอร์รี่เม็ดสวย ก่อนจะละเลียดลิ้นชอนชิมทุกหยาดหยด สุดท้ายเขาก็พุ่ง
จิณณ์ที่แต่งตัวเรียบร้อยก้าวออกจากห้องนอน ด้วยอารมณ์ไม่ปกตินัก เพราะเห็นเสื้อผ้าที่มนตกานต์เตรียมไว้บนเตียง เธอน่าจะใส่ในวันนี้ ความโกรธที่พยายามดับสนิทก่อนก้าวออกจากห้องน้ำ เหมือนจะปะทุขึ้นอีกครั้ง เพราะชุดชั้นในตัวบางสีดำสนิทนั่น มันไม่ต่างจากไอ้สองตัวที่นอนแอ้งแม้งอยู่ในตะกร้าสักนิด “ความบางคงที่คงทน ต่างกันแค่สี แล้วมันจะปกปิดอะไรได้ ฮึ่มมมมม...” ด้านในบางจ๋อย ด้านนอกเสื้อยืดตัวโคร่งสีขาว หากมนตกานต์ใส่ คอที่ปาดกว้างนั้นคงเฉียงมาที่ไหล่ด้านในด้านหนึ่ง แน่นอนหากเธอเอี้ยวตัวหยิบของ สายไส้ไก่เส้นจิ๋วสีดำนี้ก็คงจะมองเห็นได้อย่างหมิ่นเหม่ เขาไม่อยากคิดหากเธอจะก้มหยิบของสักอย่าง นั่นคงเห็นไปถึง... ท่อนบนว่าหวิว แต่ท่อนล่างดันหวิวกว่า เพราะกางเกงยีนส์สั้นจู๋ตัดชายรุ่ยตามสมัยนิยม เนื้อผ้าแข็งไม่นุ่มเหมือนเลคกิ้งตัวเมื่อวาน เมื่อรวมกันกับเ
เรียวลิ้นอ่อนชื้นอุ่นจัดสอดแทรกตักตวงดึงดูดกวาดต้อนจนมนตกานต์มึนงง ร่างกายไร้แรงต้านทาน เธอปล่อยกายปล่อยใจไปตามแต่จิณณ์จะนำพา ไม่รับรู้ด้วยซ้ำว่าร่างที่เบาหวิวราวล่องลอยนี้ กำลังล่องลอยจริงๆ เพราะเขากำลังโอบอุ้มเธอไปสู่โซนรับรองแขกที่อยู่ติดกันกับห้องทานอาหาร เมื่อจูบนั้นยังคงเคล้าคลอ เรียวลิ้นยังคงตักตวงชอนชิมความหวานไม่หยุด จิณณ์ค่อยๆ วางร่างงามระหงกับโซฟาเบดตัวยาว ขณะเรียวลิ้นยังสอดลึกดูดดึงสร้างความหฤหรรษ์ให้กับมนตกานต์ไม่เลิก ร่างแกร่งคร่อมทาบกลายๆ ไม่ทิ้งน้ำหนัก ปากยังบดจูบดูดดื่ม แต่นิ้วมือทำหน้าที่สนับสนุน ปลายนิ้วมือเร่งเร้าสั่นตามแรงอารมณ์เพราะรับรู้ได้ถึงความเร่าร้อนเด่นนูนที่แทบจะชนกับแผงอกหากเขาไม่โหย่งร่างเอาไว้ รังดุมเม็ดที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ถูกปลดออกอยู่แล้ว เหลือเพียงเม็ดที่ 4 5 6 และ 7 เท่านั้นที่จะเป็นหน้าที่ของเขา จิณณ์ส
ดวงตาสวยล้อมกรอบด้วยแพขนตางอนหนามองผ่านแว่นกันแดดไปตรงหน้า สิ่งที่เห็นนอกตัวรถของเธอก็คือ อาคารกึ่งเหล็กกึ่งไม้สูง 3 ชั้น ก่อสร้างซ่อนตัวอยู่หลังต้นไทรใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาราวกับเป็นเกราะกำบังเหตุภัย ‘JINN Design Studio Co., Ltd.’ ป้ายไม้แกะตัวอักษรแสดงชื่อสถานที่แขวนอยู่บริเวณทางขึ้นอาคารบ่งบอกว่าเธอมาถึงแล้ว จุดหมายที่ใจใฝ่หา การรอคอย 7 ปีที่ผ่านมาใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว อีกนิดเดียวเท่านั้น ทุกความพยายามของเธอจะสัมฤทธิ์ผล ริมฝีปากสีชมพูอิ่มเป็นกระจับน้อยๆ คลี่ออกอย่างสมใจพลางก้มมองรูปหนุ่มหล่อคมเข้มที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ นิ้วมือเคลื่อนไปที่ปุ่มกดเตรียมจะโทร. ออก ก่อนจะชะงักนิ้วไว้เพียงเท่านั้นเพราะคิดบางอย่างได้ และนั่นก็ทำให้รอยยิ้มยิ่งระบายกว้างจนใบหน้าสวยที่มีแว่นกรอบโตปิดอยู่เกือบครึ่งดูกระจ่างใสด้วยความสุข แต่ถึงอย่างนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเช็กความมั่นใจอีกครั้ง กระเป๋าเป้สะพายใบเก๋ถูกคว้ามาวางบนหน้าตัก แว่นกันแดดถูกเคลื่อนไปเหน็บอยู่บนศีรษะเพื่อให้กระจกเงาสะท้อนใบหน้าสวยเด่นชัด สำรวจความเนี้ยบของเครื่องหน้าทุกสัดส่วน ไม่มีจุดไหนให้ต้องตำ
“พี่จิ๋วคิดว่ายังไงล่ะครับ” ณัฐถาม สายตามองเจ้านายอย่างเกรงใจ “ถ้าพี่บอกว่าพี่จะสู้ นายจะสู้กับพี่มั้ยณัฐ นายจะลำบากใจหรือเปล่า” จิณณ์มองหัวหน้าทีมดีไซน์ เขาต้องการคำตอบ และต้องการสื่อความมั่นใจ ความเข้มแข็งของตัวเองให้กับลูกน้อง ไม่อยากให้ผลการตัดสินใจของเขากลายเป็นปัญหาครอบครัวของณัฐ “สู้ครับพี่ พี่จิ๋วว่ายังไงผมก็ว่าอย่างนั้น ผมเดินออกมาแล้ว ผมจะเติบโตด้วยตัวผมเอง” จิณณ์พยักหน้าเมื่อได้ยินคำยืนยันหนักแน่น “ดี แล้วคนอื่นล่ะ คิดว่ายังไงบ้าง อาร์ตกับขิมมีปัญหาอะไรมั้ย ภานุ ใหญ่ พี่นา ทุกคนพร้อมจะสู้มั้ย สี่สิบห้าวัน ห้าสิบร้าน” ดวงตาคมเข้มมอง ‘อาร์ต’ ดีไซน์เนอร์หน้าตี๋ซึ่งเป็นคู่บัดดี้กับณัฐ ‘ขิม’ สาวทอมบอยหน้าหวานหนึ่งในทีมดีไซน์ที่ลุยงานกับเขามาตั้งแต่เปิดบริษัท ‘ภานุ’ หนุ่มใต้หน้าเข้มผู้จัดการโรงงานเฟอร์นิเจอร์ ‘ใหญ่’ หนุ่มหล่อเกาหลีเจ้าหน้าที่การตลาดที่ตัวไม่ใหญ่สมชื่อ และ ‘วีนา’ สาวทึนทึกลูกพี่ลูกน้องของเขาที่เข้ามาช่วยดูแลเรื่องบัญชีและการจัดซื้อ เจ้าหน้าที่หลักๆ ของ ‘JINN Design’ มีอยู่เท่านี้ ส่วนออฟฟิศด้านล
“นายทำฉันอีกแล้วนะนายจิ๋ว... ฉันไปเป็นเมียนายตั้งแต่เมื่อไหร่” น้ำเสียงเข่นเครียดของวีนาทำให้ณัฐอ้าปากค้าง อาร์ตกับขิมหันมองกันแบบเอ๋อๆ ภานุสำลักน้ำ และใหญ่ก็หันมองวีนาก่อนจะขยับตัวออกห่างจากรังสีอำมหิตนั้น มีเพียงจิณณ์คนเดียวที่ยังคงยืนยิ้มทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ “เจ้นากับพี่จิ๋ว... เป็น...” “เฮ้ย! ไม่ใช่ ไม่ได้เป็น” คำพูดอ้ำอึ้งของขิมทำให้จิณณ์รีบปฎิเสธแต่วีนาที่ลุกขึ้นพรวดกลับทำให้ทุกสิ่งหยุดนิ่ง “เป็น! นายไปบอกนังนั่นได้ยังไงว่าฉันเป็นเมียนาย นาย... นาย... นายจิ๋ว! ฉันจะฟ้องอี๊” “ไม่นะเจ้นา โธ่เจ้! เรื่องแค่นี้เอง” จิณณ์เริ่มอยู่ไม่เป็นสุขเมื่อวีนางัดไม้ตายมาใช้ เรื่องนี้จะให้รู้ถึงหูแม่เขาไม่ได้เด็ดขาด “แค่นี้ยังไง แค่นี้ฉันก็ขึ้นคานอยู่แล้ว นี่นายยังจะไปบอกนังพวกนั้นว่าฉันเป็นเมียเก็บของนาย นายทำกับฉันอย่างนี้ได้ยังไงนายจิ๋ว ฉันจะฟ้องอี๊ นายจะต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่นายทำ” “ไม่เอาน่าเจ้นา อย่าฟ้องม้านะ” ขณะที่สองพี่น้องเถียงข้ามโต๊ะประชุมกันไปมา เหล่าพนักงานทั้ง 5 ก็ได้แต่นั่งยิ้มแหย ไม่ได้อยากฟัง แต่ลุก