ปักกิ่ง ประเทศจีน
บรรยากาศอันแสนร่มรื่นมีกิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่แผ่ปกคลุมแสงแดดให้กับผู้คนที่เข้ามาพักผ่อนหย่อนใจภายในสวนสาธารณะแห่งนี้ สีหน้าของเด็กน้อยแก้มแดงดูดีมีรอยยิ้มสดใสเหมือนกับมารดาของเธอที่กำลังนั่งยิ้มให้อยู่ข้างกาย "แม่ขา เมื่อไหร่แม่จะพาพิงค์กลับไปเที่ยวเมืองไทยอีกคะ พิงค์อยากไปเที่ยวทะเลอยากไปเล่นน้ำตกที่นั่น อยากทานอาหารที่แม่ทำ"เสียงหวานของเด็กน้อยในวัยสิบขวบดังเจื้อยแจ้วจนมารดาต้องยิ้มออกมากับคำถามและความน่ารักของเด็กน้อย ฝ่ามือเรียวบางค่อย ๆ ยื่นไปสัมผัสแก้มขาวอมชมพูอย่างแผ่วเบา'พราวนารา'บรรจงเช็ดเหงื่อบนใบหน้าของลูกสาวด้วยความอ้อยอิ่ง แววตาอ่อนโยนของหญิงสาวชาวไทยแท้มองหน้าบุตรสาวคนสุดท้องด้วยความรัก "ช่วงนี้ป๊าทำงานหนัก เอาไว้ใกล้จะปีใหม่แม่จะลองพูดกับป๊าให้ ดีไหมจ๊ะ" "แต่หนูอยากไปเดี๋ยวนี้ แม่ช่วยพูดกับป๊าให้พาพวกเราไปเที่ยวที่เมืองไทยไม่ได้เหรอคะ พิงค์เชื่อว่าเฮียแบล็กกับเจ้เรสก็ต้องอยากไปเหมือนกับพิงค์"เด็กสาวทำปากยื่นจนคนเป็นแม่รู้สึกเห็นใจ แต่ถึงอย่างไรเธอก็ไม่สามารถทำตามความต้องการของลูกน้อยได้ "ตั้งแต่พิงค์เกิดมาจนถึงตอนนี้ พิงค์แทบจะนับครั้งได้ที่เราทั้งห้าคนได้ออกไปเที่ยวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา"คำพูดจากปากของลูกสาวตัวน้อยเปรียบเสมือนหอกแหลมทิ่มแทงใจของมารดา พราวนาราพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา เธอได้แต่นึกโทษตัวเองที่ไม่สามารถทำตามความต้องการของลูกทั้งสามได้ 'อันตราย'มันได้รายล้อมรอบกาย ไม่ว่าครอบครัวของเธอจะขยับไปไหนก็ตกอยู่ในสายตาของผู้คนที่คิดจะปองร้าย แม้การออกมาพักผ่อนตามคำขอร้องของลูกสาวในครั้งนี้เธอก็รู้ดีว่ามันไม่ปลอดภัย จึงต้องมีบอดี้การ์ดร่างใหญ่ของสามีคอยคุ้มกันไม่ให้เกินอันตรายต่อเธอกับลูกน้อย "แม่ขา พิงค์อยากไปเที่ยวเมืองไทย แม่ไปขอป๊าให้พาพวกเราสามคนไปเที่ยวเมืองไทยอีกได้ไหมคะ"เด็กน้อยแก้มแดงเงยหน้าขึ้นมาออดอ้อนมารดาจนพราวนาราแทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว เธอรู้สึกเห็นใจลูก ๆ ทั้งสามเกิดมาทั้งทีก็ไม่ได้มีอิสระเหมือนกับเด็กคนอื่นในรุ่นราวคราวเดียวกัน "นะคะแม่ พิงค์อยากพาเฮียกับเจ้ไปเที่ยวเมืองไทย แม่ช่วยขอป๊าให้หน่อยได้ไหมคะ" "แม่จะพยายามขอป๊าให้นะลูก" "เย้ พิงค์รักแม่ที่สุดในโลกเลย เฮียแบล็กกับเจ้เรสต้องดีใจแน่ ๆ"เด็กน้อยกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ รอยยิ้มอันแสนสดใสบนใบหน้าของลูกสาวคนสุดท้องเรียกรอยยิ้มจากปากของมารดา "ไปเที่ยว ไปเที่ยว เมืองไทย เมืองไทย" ปัง ปัง ปัง บรรยากาศรอบกายเงียบสงัดโดยฉับพลัน แม้แต่เสียงกรีดร้องด้วยความดีใจของเด็กน้อยนั้นก็เงียบหายพร้อมกับร่างอ่อนแรงของมารดาที่ค่อย ๆ ทรุดล้มลงกับพื้นหญ้า ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่บอดีการ์ดของตระกูลต่างวิ่งกันเข้ามารักษาความปลอดภัยให้กับผู้เป็นนาย ปัง ปัง ปัง "แม่ขา" "นายหญิง คุ้มกันคุณหนู"บอดีการ์ดหน้าซีดเมื่อเห็นร่างสวยของนายหญิงของตระกูลเปียกชุ่มไปด้วยเลือดนอนหายใจรวยรินอยู่บนพื้นของสนามหญ้า ม่านดวงตาที่ใกล้จะปิดลงมองไปยังร่างน้อยของลูกสาวที่ตกอยู่ในอ้อมแขนของบอดีการ์ดร่างสูงใหญ่ของสามี "กรี๊ด แม่ขา"เสื้อผ้าราคาแพงของเด็กน้อยมีหยาดเลือดของมารดากระเซ็นใส่ เสียงกรีดร้องเมื่อเห็นมารดานอนอยู่บนกองหญ้าเด็กน้อยพยายามยื่นฝ่ามือมาหามารดาแต่ก็คว้าได้เพียงความว่างเปล่า "นายหญิง ทำใจดี ๆ ไว้นะครับ" "พะ...พาพิงค์หนีไปไม่ต้องเป็นห่วงฉัน" "แม่ขา ปล่อยพิงค์นะ พิงค์จะไปหาแม่"เสียงกรีดร้องของเด็กน้อยเริ่มห่างออกไปไกล ภาพสุดท้ายก่อนทุกอย่างจะหลงเหลือไว้ความทรงจำให้พราวนาราได้จดจำไว้ นั้นก็คือภาพที่ลูกน้อยถูกบอดีการ์ดของตระกูลพาขึ้นรถคันหรูก่อนจะถูกขับออกไป "พิงค์ ระ...เรส แบล็ก แม่รักพวกหนูทั้งสามคนนะลูก"ขอแค่ลูกทั้งสามคนของเธอปลอดภัย พราวนาราก็สามารถตายได้อย่างตาหลับ สหรัฐอเมริกา เฮือก ตึก ตึก ตึก เสียงหัวใจที่เต้นสนั่นราวกับมีคนเข้าไปตีกลองอยู่ในนั้นทันทีเมื่อหญิงสาวนัยน์ตาสวยตื่นขึ้นมากลางดึกที่เงียบสงัด ตามกรอบโครงหน้าราวกับฟ้าประทานนั้นเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ ริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูหวานเม้มเข้าหา สาวสวยสัมผัสได้ถึงความแห้งเหือดภายในลำคอ คลิก แสงไฟภายในห้องนอนสุดหรูถูกเปิดให้สว่าง ก่อนที่ร่างบอบบางในชุดนอนเซ็กซี่ก้าวขาลงมาจากเตียงนอนขนาดคิงไซซ์ ใบหน้าอ่อนเยาว์ราวกับเด็กมัธยมยังคงทำให้ผู้คนรอบกายนึกคิดว่าเธออายุยังไม่ถึงยี่สิบสองปี ทั้งนี้ทั้งนั้นเธอก็คงต้องขอบคุณคนในตระกูลที่ทำให้เธอเกิดมากลายเป็นหญิงสาวผู้ที่มีหน้าตาและบุคลิกที่ดีตามพี่สาวและพี่ชายอีกสองคน "แม่คะ"เสียงหวานเอื้อนเอ่ยเรียกชื่อของมารดาเมื่อเธอเปิดประตูเดินก้าวขาออกมายืนอยู่ตรงริมระเบียงของเพนท์เฮาส์ "พิงค์คิดถึงแม่"สายลมโอบล้อมทำให้หญิงสาวต้องยกแขนเรียวสวยขึ้นมาโอบกอดตัวเองเอาไว้ ใบหน้าสวยสะดุดตาราวกับตุ๊กตาเคลือบแก้วใสเงยขึ้นมองท้องฟ้าในค่ำคืนนี้ "นานหลายปีแล้วนะคะ ที่พิงค์ไม่ได้กอดแม่เลย" "..." "แม่อยู่บนนั้นสบายดีไหมคะ"ดวงตาคู่สวยแดงก่ำด้วยความคิดถึงมารดาที่ด่วนจากไปในเหตุการณ์วันนั้น มันเป็นวัน เป็นภาพที่ยังคอยตามหลอกหลอนเธอตลอดมา "พิงค์คิดถึงแม่นะคะ" "..." "ตอนนี้พิงค์เรียนจบแล้วนะคะแม่ ถ้าแม่มองพิงค์อยู่ ลูกสาวของแม่คนนี้เรียนจบแล้วนะคะ"น้ำตาแห่งความคิดถึงไหลออกมาก่อนหญิงสาวจะก้าวเขาเดินกลับเข้าไปในห้องพักของตัวเองเพื่อนอนพักผ่อนเตรียมตัวเดินทางกลับบ้านเกิดในวันพรุ่งนี้ไพรเวทเจ็ท พุ่งทะยานขึ้นสู่น่านฟ้า ดวงตากลมโตที่ถูกปิดซ่อนภายใต้แว่นตาราคาแพงเหม่อมองออกไปยังนอกหน้าต่างท่ามกลางก้อนเมฆสีขาวสะอาดตา สาวสวยผู้มีใบหน้าเรียบนิ่งทั้งที่จริงแล้วเธอเป็นคนยิ้มง่ายเน้นติดตลกไปเสียด้วยซ้ำตกอยู่ในสายตาของบอดีการ์ดคู่กาย และด้วยสีหน้าของเจ้านายทำให้บอดีการ์ดคู่กายรู้ได้ว่าเจ้านายของเธอกำลังตกอยู่ในสภาพเช่นไร"มีเรื่องให้ไม่สบายใจเหรอคะคุณหนู"โทนเสียงเรียบไม่ติดเล่นของ'เจสสิก้า'ดึงสติและใบหน้าของพิงค์ไวท์ให้หันกลับมาหาบอดีการ์ดสาวคู่ใจ"นั่งก่อนสิคะ""ค่ะ"บอดีการ์ดสาวนั่งลงบนโซฟาตรงหน้าโดยมีโต๊ะขนาดเล็กแต่ราคาไม่เล็กขั้นกลางระหว่างเธอกับเจ้านาย"เมื่อคืนพิงค์ฝันถึงแม่""คุณหนูฝันถึงนายหญิง"พิงค์ไวท์พยักหน้า ก่อนหญิงสาวจะถอนแว่นตาราคาแพงวางลงบนโต๊ะ"พิ้งค์ฝันถึงแม่ ฝันถึงเหตุการณ์วันนั้น"ความเงียบปกคลุมภายในห้องรับรองของเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว เจสสิก้านั่งเงียบรอฟังคำพูดจากปากของคุณหนูเท่านั้น"ถึงแม้ว่าเรื่องมันจะผ่านมานาน แต่พิงค์กลับรู้สึกว่าเรื่องพวกนั้นมันเกิดขึ้นเมื่อวาน"มันเป็นเหตุการณ์สะเทือนใจครั้งยิ่งใหญ่ เมื่อตระกูลเก่าแก่อย่าง 'หลงเฟยหยาง'ได้สูญเสียนายห
แก๊ก แอดประตูไม้สักบานใหญ่ถูกแกะสลักลวดลายให้เป็นรูปมังกรค่อย ๆ ถูกเปิดออก สายตาของผู้คนที่อยู่ภายในมองไปยังร่างเล็กของผู้มาใหม่ ทุกคนต่างแสดงสีหน้าเรียบนิ่งซึ่งใบหน้าพวกนี้ล้วนเป็นสิ่งที่พิงค์ไวท์เห็นมาตั้งแต่จำความได้ ไม่มีรอยยิ้มแสดงความดีใจ ไม่มีแม้แต่อ้อมกอดอันแสนอบอุ่น "สวัสดีค่ะ""มาแล้วเหรอ""ค่ะ ป๊า"เฟยหลงเงยหน้ามองลูกสาวคนเล็กด้วยแววตาเรียบนิ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครรู้ได้ว่าเขากำลังคิดอะไร"มาให้อากงกอดลื้อหน่อยสิหมวยเล็ก"เด็กสาวพยักหน้า เดินเข้าไปหาอากงเพื่อสวมกอดท่าน"เป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม""หนูสบายดีค่ะ แล้วอากงล่ะคะ""ก็สบายดีตามประสาคนแก่นั่นแหละ"สองปู่หลานดันร่างออกจากกัน ก่อนจะพานั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่"ไม่ได้เจอกันนาน ทำไมหลายสาวของอากงถึงได้ผอมแห้งแบบนี้ล่ะ ดูสิ ไม่มีน้ำมีนวลเหมือนเมื่อก่อนเลย"ชายชราไล่สายตามองรูปร่างของหลานสาวคนสุดท้องพลางใช้ฝ่ามือสัมผัสไปตามท่อนแขนเรียวติดผอมแห้งของเธอ"เรียนหนักหรืออาหมวย""ค่ะ"พิงค์ไวท์พยักหน้ารับ ก่อนเธอจะหันไปส่งยิ้มบาง ๆ ให้กับพี่ชายคนโตและพี่สาวคนรองซึ่งกำลังมองมาเพื่อเป็นการทักทาย"จะเป็นไปได้ยังไง คณะบริหารที่ป๊าของลื้อ
อ้อมกอดเหน็บหนาวกัดกินขั้วหัวใจของเด็กสาว ไม่ว่าจะยามหลับหรือยามตื่นขึ้นมาก็ตาม ความพยายามในการที่จะเล่าเรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบดูเหมือนว่ามันจะสูญเปล่า เกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากคณะสถาปัตยกรรมดูเหมือนจะไม่เข้าตาของบิดา ตลอดระยะเวลาที่เธอได้ทุ่มเทให้กับการเรียนมันดูเหมือนว่าจะสูญเปล่าไม่ได้ดั่งที่ใจหวังเอาไว้เคร้ง"อะ...อากงพูดว่าอะไรนะคะ"เสียงสั่นดังขึ้น บรรยากาศในห้องรับประทานอาหารเงียบลงไม่มีแม้แต่สิ่งรบกวนชวนให้คนภายในบ้านหลังนี้ได้รู้สึกขัดใจ"อากงอยากให้หมวยเล็กเรียนต่อปริญญาโทที่อังกฤษ อากงมีคนรู้จักเป็นอธิการบดีของที่นั่น"หัวใจของหญิงสาวในวัยยี่สิบสองปีวูบโหง ดวงตาวูบไหวเมื่อได้ยินคำพูดนี้หลุดออกมาจากปากของอากงที่เธอรักและเคารพบังคับกันอีกแล้ว ประโยคนี้ผุดขึ้นภายในใจของพลอยชมพู"ทำไมคะ ทำไมหนูต้องเรียนต่อโททั้งที่หนูพึ่งจะเรียนตรีได้ไม่นาน""เพราะมันคือความต้องการของอากง"และมันคงเป็นความต้องการของป๊าเธอด้วย"ทั้งเฮียและเจ้ต่างจบโทด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากคณะบริหารด้วยกันทั้งคู่ ในเมื่ออาหมวยไม่ได้เรียนจบตรีในสิ่งที่ป๊าต้องการ เพราะฉะนั้นอาหมวยต้องเรียนต่อปริญญาโทตามที่อากง
"เจ็บมากไหมอาหมวย"ความเงียบคือคำตอบพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา นิลกาฬหลบมองต่ำเขากอบกุมฝ่ามือของน้องสาวเอาไว้ไม่ยอมปล่อย"อากงท่านคงไม่ได้ตั้งใจ หมวยอย่าโกรธอากงเลยนะ""หมวยไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วเฮีย"คำพูดจากปากของน้องสาวทำเอาชายหนุ่มชะงัก"เราสามคนหนีไปอยู่ที่อื่นกันดีไหม""หมวย อย่าพูดแบบนี้""อากงกับป๊าไม่รักหนูเลย"ความอดทนพังทลาย ใบหน้าบวมช้ำซุกลงบนแผงอกของพี่ชาย น้ำตาเม็ดใสหยดแล้วหยดเล่าไหลออกมาราวกับสายน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากจนเสื้อเชิ้ตสีขาวพี่ชายเปียกชุ่ม"หมวย""ฮึก"เสียงร้องไห้ดังขึ้นซึ่งเปรียบเหมือนหอกหนามทิ่มแทงใจของคนฟัง หมวยเล็กคือที่รักของทุกคนภายในบ้าน เธอเปรียบเสมือนแสงสว่าง ความสดใสให้กับทุกคน"หลับไปแล้วเหรอ""อืม ร้องไห้จนหลับไป"พี่ชายคนโตเอ่ยบอกน้องสาวคนรองทันทีเมื่อก้าวขาออกมาจากห้องนอนของน้องสาวคนเล็ก"มีแผลไหม""แดงเป็นรอยฝ่ามือ เฮียประคบให้แล้วพรุ่งนี้ก็คงจะดี""มีอะไรจะคุยด้วย"อาหมวยคนรองเดินนำพี่ชายไปยังห้องนอนของตัวเองบรรยากาศยามเช้าอันแสนสดใสของวันไหมแต่มันช่างแตกต่างกับความรู้สึกภายในใจของพิงค์ไวท์ ร่างสวยในชุดเดรสสีหวานก้าวขาลงบันได ใบหน้าของเธอไร้ซึ่งรอยยิ้มดว
"เจ็บมากไหมอาหมวย"ความเงียบคือคำตอบพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา นิลกาฬหลบมองต่ำเขากอบกุมฝ่ามือของน้องสาวเอาไว้ไม่ยอมปล่อย"อากงท่านคงไม่ได้ตั้งใจ หมวยอย่าโกรธอากงเลยนะ""หมวยไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วเฮีย"คำพูดจากปากของน้องสาวทำเอาชายหนุ่มชะงัก"เราสามคนหนีไปอยู่ที่อื่นกันดีไหม""หมวย อย่าพูดแบบนี้""อากงกับป๊าไม่รักหนูเลย"ความอดทนพังทลาย ใบหน้าบวมช้ำซุกลงบนแผงอกของพี่ชาย น้ำตาเม็ดใสหยดแล้วหยดเล่าไหลออกมาราวกับสายน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากจนเสื้อเชิ้ตสีขาวพี่ชายเปียกชุ่ม"หมวย""ฮึก"เสียงร้องไห้ดังขึ้นซึ่งเปรียบเหมือนหอกหนามทิ่มแทงใจของคนฟัง หมวยเล็กคือที่รักของทุกคนภายในบ้าน เธอเปรียบเสมือนแสงสว่าง ความสดใสให้กับทุกคน"หลับไปแล้วเหรอ""อืม ร้องไห้จนหลับไป"พี่ชายคนโตเอ่ยบอกน้องสาวคนรองทันทีเมื่อก้าวขาออกมาจากห้องนอนของน้องสาวคนเล็ก"มีแผลไหม""แดงเป็นรอยฝ่ามือ เฮียประคบให้แล้วพรุ่งนี้ก็คงจะดี""มีอะไรจะคุยด้วย"อาหมวยคนรองเดินนำพี่ชายไปยังห้องนอนของตัวเองบรรยากาศยามเช้าอันแสนสดใสของวันไหมแต่มันช่างแตกต่างกับความรู้สึกภายในใจของพิงค์ไวท์ ร่างสวยในชุดเดรสสีหวานก้าวขาลงบันได ใบหน้าของเธอไร้ซึ่งรอยยิ้มดว
อ้อมกอดเหน็บหนาวกัดกินขั้วหัวใจของเด็กสาว ไม่ว่าจะยามหลับหรือยามตื่นขึ้นมาก็ตาม ความพยายามในการที่จะเล่าเรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบดูเหมือนว่ามันจะสูญเปล่า เกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากคณะสถาปัตยกรรมดูเหมือนจะไม่เข้าตาของบิดา ตลอดระยะเวลาที่เธอได้ทุ่มเทให้กับการเรียนมันดูเหมือนว่าจะสูญเปล่าไม่ได้ดั่งที่ใจหวังเอาไว้เคร้ง"อะ...อากงพูดว่าอะไรนะคะ"เสียงสั่นดังขึ้น บรรยากาศในห้องรับประทานอาหารเงียบลงไม่มีแม้แต่สิ่งรบกวนชวนให้คนภายในบ้านหลังนี้ได้รู้สึกขัดใจ"อากงอยากให้หมวยเล็กเรียนต่อปริญญาโทที่อังกฤษ อากงมีคนรู้จักเป็นอธิการบดีของที่นั่น"หัวใจของหญิงสาวในวัยยี่สิบสองปีวูบโหง ดวงตาวูบไหวเมื่อได้ยินคำพูดนี้หลุดออกมาจากปากของอากงที่เธอรักและเคารพบังคับกันอีกแล้ว ประโยคนี้ผุดขึ้นภายในใจของพลอยชมพู"ทำไมคะ ทำไมหนูต้องเรียนต่อโททั้งที่หนูพึ่งจะเรียนตรีได้ไม่นาน""เพราะมันคือความต้องการของอากง"และมันคงเป็นความต้องการของป๊าเธอด้วย"ทั้งเฮียและเจ้ต่างจบโทด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากคณะบริหารด้วยกันทั้งคู่ ในเมื่ออาหมวยไม่ได้เรียนจบตรีในสิ่งที่ป๊าต้องการ เพราะฉะนั้นอาหมวยต้องเรียนต่อปริญญาโทตามที่อากง
แก๊ก แอดประตูไม้สักบานใหญ่ถูกแกะสลักลวดลายให้เป็นรูปมังกรค่อย ๆ ถูกเปิดออก สายตาของผู้คนที่อยู่ภายในมองไปยังร่างเล็กของผู้มาใหม่ ทุกคนต่างแสดงสีหน้าเรียบนิ่งซึ่งใบหน้าพวกนี้ล้วนเป็นสิ่งที่พิงค์ไวท์เห็นมาตั้งแต่จำความได้ ไม่มีรอยยิ้มแสดงความดีใจ ไม่มีแม้แต่อ้อมกอดอันแสนอบอุ่น "สวัสดีค่ะ""มาแล้วเหรอ""ค่ะ ป๊า"เฟยหลงเงยหน้ามองลูกสาวคนเล็กด้วยแววตาเรียบนิ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครรู้ได้ว่าเขากำลังคิดอะไร"มาให้อากงกอดลื้อหน่อยสิหมวยเล็ก"เด็กสาวพยักหน้า เดินเข้าไปหาอากงเพื่อสวมกอดท่าน"เป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม""หนูสบายดีค่ะ แล้วอากงล่ะคะ""ก็สบายดีตามประสาคนแก่นั่นแหละ"สองปู่หลานดันร่างออกจากกัน ก่อนจะพานั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่"ไม่ได้เจอกันนาน ทำไมหลายสาวของอากงถึงได้ผอมแห้งแบบนี้ล่ะ ดูสิ ไม่มีน้ำมีนวลเหมือนเมื่อก่อนเลย"ชายชราไล่สายตามองรูปร่างของหลานสาวคนสุดท้องพลางใช้ฝ่ามือสัมผัสไปตามท่อนแขนเรียวติดผอมแห้งของเธอ"เรียนหนักหรืออาหมวย""ค่ะ"พิงค์ไวท์พยักหน้ารับ ก่อนเธอจะหันไปส่งยิ้มบาง ๆ ให้กับพี่ชายคนโตและพี่สาวคนรองซึ่งกำลังมองมาเพื่อเป็นการทักทาย"จะเป็นไปได้ยังไง คณะบริหารที่ป๊าของลื้อ
ไพรเวทเจ็ท พุ่งทะยานขึ้นสู่น่านฟ้า ดวงตากลมโตที่ถูกปิดซ่อนภายใต้แว่นตาราคาแพงเหม่อมองออกไปยังนอกหน้าต่างท่ามกลางก้อนเมฆสีขาวสะอาดตา สาวสวยผู้มีใบหน้าเรียบนิ่งทั้งที่จริงแล้วเธอเป็นคนยิ้มง่ายเน้นติดตลกไปเสียด้วยซ้ำตกอยู่ในสายตาของบอดีการ์ดคู่กาย และด้วยสีหน้าของเจ้านายทำให้บอดีการ์ดคู่กายรู้ได้ว่าเจ้านายของเธอกำลังตกอยู่ในสภาพเช่นไร"มีเรื่องให้ไม่สบายใจเหรอคะคุณหนู"โทนเสียงเรียบไม่ติดเล่นของ'เจสสิก้า'ดึงสติและใบหน้าของพิงค์ไวท์ให้หันกลับมาหาบอดีการ์ดสาวคู่ใจ"นั่งก่อนสิคะ""ค่ะ"บอดีการ์ดสาวนั่งลงบนโซฟาตรงหน้าโดยมีโต๊ะขนาดเล็กแต่ราคาไม่เล็กขั้นกลางระหว่างเธอกับเจ้านาย"เมื่อคืนพิงค์ฝันถึงแม่""คุณหนูฝันถึงนายหญิง"พิงค์ไวท์พยักหน้า ก่อนหญิงสาวจะถอนแว่นตาราคาแพงวางลงบนโต๊ะ"พิ้งค์ฝันถึงแม่ ฝันถึงเหตุการณ์วันนั้น"ความเงียบปกคลุมภายในห้องรับรองของเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว เจสสิก้านั่งเงียบรอฟังคำพูดจากปากของคุณหนูเท่านั้น"ถึงแม้ว่าเรื่องมันจะผ่านมานาน แต่พิงค์กลับรู้สึกว่าเรื่องพวกนั้นมันเกิดขึ้นเมื่อวาน"มันเป็นเหตุการณ์สะเทือนใจครั้งยิ่งใหญ่ เมื่อตระกูลเก่าแก่อย่าง 'หลงเฟยหยาง'ได้สูญเสียนายห
ปักกิ่ง ประเทศจีนบรรยากาศอันแสนร่มรื่นมีกิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่แผ่ปกคลุมแสงแดดให้กับผู้คนที่เข้ามาพักผ่อนหย่อนใจภายในสวนสาธารณะแห่งนี้ สีหน้าของเด็กน้อยแก้มแดงดูดีมีรอยยิ้มสดใสเหมือนกับมารดาของเธอที่กำลังนั่งยิ้มให้อยู่ข้างกาย"แม่ขา เมื่อไหร่แม่จะพาพิงค์กลับไปเที่ยวเมืองไทยอีกคะ พิงค์อยากไปเที่ยวทะเลอยากไปเล่นน้ำตกที่นั่น อยากทานอาหารที่แม่ทำ"เสียงหวานของเด็กน้อยในวัยสิบขวบดังเจื้อยแจ้วจนมารดาต้องยิ้มออกมากับคำถามและความน่ารักของเด็กน้อยฝ่ามือเรียวบางค่อย ๆ ยื่นไปสัมผัสแก้มขาวอมชมพูอย่างแผ่วเบา'พราวนารา'บรรจงเช็ดเหงื่อบนใบหน้าของลูกสาวด้วยความอ้อยอิ่ง แววตาอ่อนโยนของหญิงสาวชาวไทยแท้มองหน้าบุตรสาวคนสุดท้องด้วยความรัก"ช่วงนี้ป๊าทำงานหนัก เอาไว้ใกล้จะปีใหม่แม่จะลองพูดกับป๊าให้ ดีไหมจ๊ะ""แต่หนูอยากไปเดี๋ยวนี้ แม่ช่วยพูดกับป๊าให้พาพวกเราไปเที่ยวที่เมืองไทยไม่ได้เหรอคะ พิงค์เชื่อว่าเฮียแบล็กกับเจ้เรสก็ต้องอยากไปเหมือนกับพิงค์"เด็กสาวทำปากยื่นจนคนเป็นแม่รู้สึกเห็นใจ แต่ถึงอย่างไรเธอก็ไม่สามารถทำตามความต้องการของลูกน้อยได้"ตั้งแต่พิงค์เกิดมาจนถึงตอนนี้ พิงค์แทบจะนับครั้งได้ที่เราทั้งห้าค