ไพรเวทเจ็ท พุ่งทะยานขึ้นสู่น่านฟ้า ดวงตากลมโตที่ถูกปิดซ่อนภายใต้แว่นตาราคาแพงเหม่อมองออกไปยังนอกหน้าต่างท่ามกลางก้อนเมฆสีขาวสะอาดตา สาวสวยผู้มีใบหน้าเรียบนิ่งทั้งที่จริงแล้วเธอเป็นคนยิ้มง่ายเน้นติดตลกไปเสียด้วยซ้ำตกอยู่ในสายตาของบอดีการ์ดคู่กาย และด้วยสีหน้าของเจ้านายทำให้บอดีการ์ดคู่กายรู้ได้ว่าเจ้านายของเธอกำลังตกอยู่ในสภาพเช่นไร
"มีเรื่องให้ไม่สบายใจเหรอคะคุณหนู"โทนเสียงเรียบไม่ติดเล่นของ'เจสสิก้า'ดึงสติและใบหน้าของพิงค์ไวท์ให้หันกลับมาหาบอดีการ์ดสาวคู่ใจ "นั่งก่อนสิคะ" "ค่ะ"บอดีการ์ดสาวนั่งลงบนโซฟาตรงหน้าโดยมีโต๊ะขนาดเล็กแต่ราคาไม่เล็กขั้นกลางระหว่างเธอกับเจ้านาย "เมื่อคืนพิงค์ฝันถึงแม่" "คุณหนูฝันถึงนายหญิง"พิงค์ไวท์พยักหน้า ก่อนหญิงสาวจะถอนแว่นตาราคาแพงวางลงบนโต๊ะ "พิ้งค์ฝันถึงแม่ ฝันถึงเหตุการณ์วันนั้น"ความเงียบปกคลุมภายในห้องรับรองของเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว เจสสิก้านั่งเงียบรอฟังคำพูดจากปากของคุณหนูเท่านั้น "ถึงแม้ว่าเรื่องมันจะผ่านมานาน แต่พิงค์กลับรู้สึกว่าเรื่องพวกนั้นมันเกิดขึ้นเมื่อวาน"มันเป็นเหตุการณ์สะเทือนใจครั้งยิ่งใหญ่ เมื่อตระกูลเก่าแก่อย่าง 'หลงเฟยหยาง'ได้สูญเสียนายหญิงอันเป็นที่รักไป เฟยหลง สูญเสีย ภรรยาอันเป็นที่รัก แบล็ก เรส และพิงค์ไวท์ สูญเสียมารดาไปอย่างไม่มีวันหวนคืน "มันเป็นเพราะความดื้อของพิงค์แท้ ๆ ที่ทำให้แม่ตาย ถ้าวันนั้นพิงค์ไม่..." "อย่านึกโทษตัวเองเลยค่ะคุณหนู"น้ำเสียงสั่นเครือจากปากของผู้เป็นนายทำให้เจสสิก้าเอ่ยขัดขึ้น ดวงตาคมกริบดั่งใบมีดโกนอ่อนลงเมื่อเห็นเจ้านายสาวหันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง ผ้าเช็ดหน้าสีขาวสะอาดตาถูกหยิบออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูทสีดำด้านใน เจสสิก้ายื่นไปให้กับผู้เป็นนายซึ่งพิงค์ไวท์ก็รับไปเสียแต่โดยดี "ไม่มีใครคาดคิดว่าเรื่องแบบนั้นมันจะเกิดขึ้น พวกเราทุกคนไม่มีใครคิดโทษคุณหนู ทั้งนายท่านทั้งสอง คุณใหญ่และคุณหนูรองก็ไม่มีใครคิดโทษคุณหนูเลย คุณหนูอย่าคิดมากเลยนะคะ"หญิงสาวเจ้าน้ำตาพยักหน้าเหมือนกับทุก ๆ ครั้ง แต่เจสสิก้ารู้ดีว่าตลอดสิบปีที่ผ่านมา เหตุการณ์ครั้งนั้นมันได้ตกผลึกเข้าไปฝังอยู่ในใจของเด็กผู้หญิงคนนี้เป็นที่เรียบร้อยและมันคงยากที่จะลบเลือน ขบวนรถคันหรูสีดำเคลื่อนตัวออกจากสนามบินไปตามเส้นทางคุ้นชินของคนในประเทศนี้แต่สำหรับพิงค์ไวท์ นานเท่าไหร่แล้วนะที่เธอไม่ได้เดินทางกลับมาเหยียบที่นี่หรือตั้งแต่ที่เธอส่งส่งตัวไปเรียนต่อต่างประเทศ "วันนี้คุณ ๆ ทั้งหลายไม่ได้ออกไปทำงานเพื่ออยู่จัดงานเลี้ยงต้อนรับให้กับคุณหนูเล็กเลยนะคะ" "เหรอคะ"น้ำเสียงไร้ซึ่งจิตวิญญาณขานรับทำให้เจสสิก้าต้องกดที่กั้นระหว่างกลาง บอดีการ์ดส่วนตัวหันมามองหน้าคุณหนูที่เธอเคารพรักเหมือนกับคนในครอบครัว "ยังโกรธคุณท่านอยู่อีกเหรอคะ"ฝ่ามือที่วางซ้อนทับกับน้ำเสียงเป็นห่วงทำให้พิงค์ไวท์นึกถึงช่วงก่อนที่เธอจะต้องเดินทางห่างจากบ้านไปเรียนไกลถึงต่างประเทศ "พิงค์ไม่มีสิทธิ์จะไปโกรธใครหรอกค่ะ ใครสั่งให้พิงค์ทำอะไรพิงค์ก็ต้องทำ ใครสั่งให้พิงค์ไปตายพิงค์ก็ต้องไป" "คุณหนู"บอดีการ์ดสาวฝีมือดีเสียงแผ่ว จนคุณหนูของเธอต้องหันหน้ามา "พี่เจส อย่ามองหน้าพิงค์แบบนั้นสิคะ" "คุณหนูไม่น่าพูดแบบนี้เลย"ริมฝีปากของบอดีการ์ดสาวเม้มเข้าหา แต่ทว่าคุณหนูของเธอกลับยิ้มออกมาได้ "ก็มันจริงนี่คะ ชีวิตของพิงค์ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยได้รับอิสระ ไม่สิ ไม่ใช่แค่พิงค์"พี่ชายและพี่สาวคนรองก็ไม่ต่างกันกับเธอ การที่ทั้งสามเกิดมาอยู่ในตระกูลมาเฟียใหญ่ที่ครอบคลุมอำนาจไปหลายประเทศ ทำให้การใช้ชีวิตของบุตรทั้งสามต้องเดินอยู่ในกรอบที่บิดาและอากงวางเอาไว้ ซึ่งพิงค์ไวท์ไม่ได้เต็มใจ แต่เธอยังเด็กและไม่สามารถปฏิเสธมันได้ "พิงค์อยากได้อิสระ พิงค์อยากออกไปหาประสบการณ์ หาอะไรทำ ไม่ใช่สิ่งที่ป๊ากับอากงวางเอาไว้ให้" "..." "พิงค์อยากเรียนในสิ่งที่พิงค์อยาก พิงค์อยากทำในสิ่งที่พิงค์คิด พิงค์อยากมีเพื่อน อยากมีเสียงหัวเราะ พิงค์อยากยิ้มที่ไม่ใช่การฝืนยิ้ม พี่เจสเข้าใจพิงค์ใช่ไหม"ความอัดอั้นภายในใจพังทลายออกมาซึ่งเป็นจังหวะเดียวที่รถคันหรูเคลื่อนตัวผ่านประตูเข้ามาในอาณาเขตของบ้านหลังใหญ่บนพื้นที่หลายสิบไร่ ซึ่งเป็นที่พักอยู่อาศัยของตระกูลใหญ่ที่ใคร ๆ ก็อยากได้อำนาจเพื่อครอบครองมัน "ขอให้สิ่งที่พิงค์พูดวันนี้มันปลิวหายไปกับสายลมนะคะ พี่เจส"เจสสิก้าพยักหน้าก่อนจะก้าวขาลงจากรถทันทีเมื่อประตูทางด้านหลังถูกเปิดออก "ขอต้อนรับกลับบ้านครับคุณหนู"บอดีการ์ดร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีดำเอ่ยขึ้นทันทีเมื่อคุณหนูของบ้านก้าวขาเดินลงมาจากรถคันหรู "ขอบคุณค่ะ" "เชิญค่ะคุณหนู"ร่างสวยของ'พลอยชมพู'หรือชื่อเล่นของเธอนามว่า พิงค์ไวท์'ก้าวเดินเข้าไปในคฤหาสน์หลังใหญ่ซึ่งด้านในมีแม่บ้านสาวในชุดถูกระเบียบเรียบร้อยคอยยืนต้อนรับเรียงรายเป็นแถวตอนลึกเข้าไปด้านใน "ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะคุณหนูเล็ก" "ขอบคุณค่ะ" "คุณหนูของป้า"แม่บ้านในวัยชราเดินออกมาหาคุณหนูของเธอด้วยความดีใจ รอยยิ้มสดใสได้เกิดขึ้นบนใบหน้าของทั้งสอง "ป้าบัว" "คุณหนูพิงค์ของป้า"ทั้งสองโผเข้ากอดกันด้วยความดีใจ ป้าบัวคือแม่นมที่คอยช่วยเลี้ยงและดูแลเธอมาตั้งแต่มารดาของเธอยังไม่เสียไป พิงค์ไวท์ เรส และแบล็กนับถือเหมือนท่านเป็นมารดาอีกคน "หนูคิดถึงป้าจังเลยค่ะ" "ป้าก็คิดถึงคุณหนู คุณหนูสบายดีนะคะ" "สบายดีค่ะ ป้าเป็นยังไงบ้าง" "ก็ตามประสาคนแก่นั่นแหละค่ะ คุณหนูหิวหรือยังคะวันนี้ป้าเตรียมอาหารที่คุณหนูชอบไว้เยอะแยะเลย"เด็กสาวมองหญิงวัยชราด้วยความตื้นตันใจ คงจะมีเพียงแค่ไม่กี่คนที่เห็นความสำคัญในตัวเธอ "พิงค์ยังไม่หิวค่ะ แต่อาหารมื้อนี้ที่ป้าจัดมาพิงค์สัญญาว่าจะทานให้หมด ป้าบัวไม่ต้องห่วงนะคะ"เด็กสาวตอบหญิงวัยชราเสียงหวานก่อนเธอจะเงยหน้าขึ้นกวาดสายตามองราวกับว่าต้องการหาใคร "คุณท่านทุกคนรอคุณหนูอยู่ในห้องรับแขกค่ะ เชิญคุณหนูเข้าไปได้เลยนะคะ"เด็กสาวหันไปมองยังห้องรับแขกที่ว่า น้ำตาก็พานจะไหลออกมา แม้ห้องรับแขกที่ว่ามันจะอยู่ไม่ไกลแต่ทำไมเธอรู้สึกราวกับว่ามันห่างออกไปไกลเสียเหลือเกิน "คุณหนูคะ" "ค่ะ พิงค์จะไปเดี๋ยวนี้"แก๊ก แอดประตูไม้สักบานใหญ่ถูกแกะสลักลวดลายให้เป็นรูปมังกรค่อย ๆ ถูกเปิดออก สายตาของผู้คนที่อยู่ภายในมองไปยังร่างเล็กของผู้มาใหม่ ทุกคนต่างแสดงสีหน้าเรียบนิ่งซึ่งใบหน้าพวกนี้ล้วนเป็นสิ่งที่พิงค์ไวท์เห็นมาตั้งแต่จำความได้ ไม่มีรอยยิ้มแสดงความดีใจ ไม่มีแม้แต่อ้อมกอดอันแสนอบอุ่น "สวัสดีค่ะ""มาแล้วเหรอ""ค่ะ ป๊า"เฟยหลงเงยหน้ามองลูกสาวคนเล็กด้วยแววตาเรียบนิ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครรู้ได้ว่าเขากำลังคิดอะไร"มาให้อากงกอดลื้อหน่อยสิหมวยเล็ก"เด็กสาวพยักหน้า เดินเข้าไปหาอากงเพื่อสวมกอดท่าน"เป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม""หนูสบายดีค่ะ แล้วอากงล่ะคะ""ก็สบายดีตามประสาคนแก่นั่นแหละ"สองปู่หลานดันร่างออกจากกัน ก่อนจะพานั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่"ไม่ได้เจอกันนาน ทำไมหลายสาวของอากงถึงได้ผอมแห้งแบบนี้ล่ะ ดูสิ ไม่มีน้ำมีนวลเหมือนเมื่อก่อนเลย"ชายชราไล่สายตามองรูปร่างของหลานสาวคนสุดท้องพลางใช้ฝ่ามือสัมผัสไปตามท่อนแขนเรียวติดผอมแห้งของเธอ"เรียนหนักหรืออาหมวย""ค่ะ"พิงค์ไวท์พยักหน้ารับ ก่อนเธอจะหันไปส่งยิ้มบาง ๆ ให้กับพี่ชายคนโตและพี่สาวคนรองซึ่งกำลังมองมาเพื่อเป็นการทักทาย"จะเป็นไปได้ยังไง คณะบริหารที่ป๊าของลื้อ
อ้อมกอดเหน็บหนาวกัดกินขั้วหัวใจของเด็กสาว ไม่ว่าจะยามหลับหรือยามตื่นขึ้นมาก็ตาม ความพยายามในการที่จะเล่าเรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบดูเหมือนว่ามันจะสูญเปล่า เกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากคณะสถาปัตยกรรมดูเหมือนจะไม่เข้าตาของบิดา ตลอดระยะเวลาที่เธอได้ทุ่มเทให้กับการเรียนมันดูเหมือนว่าจะสูญเปล่าไม่ได้ดั่งที่ใจหวังเอาไว้เคร้ง"อะ...อากงพูดว่าอะไรนะคะ"เสียงสั่นดังขึ้น บรรยากาศในห้องรับประทานอาหารเงียบลงไม่มีแม้แต่สิ่งรบกวนชวนให้คนภายในบ้านหลังนี้ได้รู้สึกขัดใจ"อากงอยากให้หมวยเล็กเรียนต่อปริญญาโทที่อังกฤษ อากงมีคนรู้จักเป็นอธิการบดีของที่นั่น"หัวใจของหญิงสาวในวัยยี่สิบสองปีวูบโหง ดวงตาวูบไหวเมื่อได้ยินคำพูดนี้หลุดออกมาจากปากของอากงที่เธอรักและเคารพบังคับกันอีกแล้ว ประโยคนี้ผุดขึ้นภายในใจของพลอยชมพู"ทำไมคะ ทำไมหนูต้องเรียนต่อโททั้งที่หนูพึ่งจะเรียนตรีได้ไม่นาน""เพราะมันคือความต้องการของอากง"และมันคงเป็นความต้องการของป๊าเธอด้วย"ทั้งเฮียและเจ้ต่างจบโทด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากคณะบริหารด้วยกันทั้งคู่ ในเมื่ออาหมวยไม่ได้เรียนจบตรีในสิ่งที่ป๊าต้องการ เพราะฉะนั้นอาหมวยต้องเรียนต่อปริญญาโทตามที่อากง
"เจ็บมากไหมอาหมวย"ความเงียบคือคำตอบพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา นิลกาฬหลบมองต่ำเขากอบกุมฝ่ามือของน้องสาวเอาไว้ไม่ยอมปล่อย"อากงท่านคงไม่ได้ตั้งใจ หมวยอย่าโกรธอากงเลยนะ""หมวยไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วเฮีย"คำพูดจากปากของน้องสาวทำเอาชายหนุ่มชะงัก"เราสามคนหนีไปอยู่ที่อื่นกันดีไหม""หมวย อย่าพูดแบบนี้""อากงกับป๊าไม่รักหนูเลย"ความอดทนพังทลาย ใบหน้าบวมช้ำซุกลงบนแผงอกของพี่ชาย น้ำตาเม็ดใสหยดแล้วหยดเล่าไหลออกมาราวกับสายน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากจนเสื้อเชิ้ตสีขาวพี่ชายเปียกชุ่ม"หมวย""ฮึก"เสียงร้องไห้ดังขึ้นซึ่งเปรียบเหมือนหอกหนามทิ่มแทงใจของคนฟัง หมวยเล็กคือที่รักของทุกคนภายในบ้าน เธอเปรียบเสมือนแสงสว่าง ความสดใสให้กับทุกคน"หลับไปแล้วเหรอ""อืม ร้องไห้จนหลับไป"พี่ชายคนโตเอ่ยบอกน้องสาวคนรองทันทีเมื่อก้าวขาออกมาจากห้องนอนของน้องสาวคนเล็ก"มีแผลไหม""แดงเป็นรอยฝ่ามือ เฮียประคบให้แล้วพรุ่งนี้ก็คงจะดี""มีอะไรจะคุยด้วย"อาหมวยคนรองเดินนำพี่ชายไปยังห้องนอนของตัวเองบรรยากาศยามเช้าอันแสนสดใสของวันไหมแต่มันช่างแตกต่างกับความรู้สึกภายในใจของพิงค์ไวท์ ร่างสวยในชุดเดรสสีหวานก้าวขาลงบันได ใบหน้าของเธอไร้ซึ่งรอยยิ้มดว
สีหน้าของหญิงสาวยังคงความเศร้าหมอง แม้จะผ่านไปแล้วครึ่งค่อนวัน พิงค์ไวท์ยังคงนั่งอยู่บนม้าหินอ่อนภายในสวนดอกไม้ สายลมพัดผ่านโอบล้อมเอาความหนาวเย็นมาให้ แสดงแดงรำไรไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกร้อนเพราะมีต้นไม้ช่วยแผ่กิ่งก้านใบบดบังให้เธอได้คลายร้อน"คุณหนูคะ"โทนเสียงคุ้นเคยขึ้นดังมาจากทางด้านหลังทำให้พิงค์ไวท์รู้สึกตัวในขณะที่กำลังนั่งคิดอะไรเพลิน ๆ กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ของอาหารไทยลอยแตะเข้าจมูกโด่งของหญิงสาวเมื่อป้าบัวเดินถือถาดอาหารเข้ามาใกล้"ป้ารู้ว่าคุณหนูยังไม่หิว แต่ช่วยทานอะไรสักหน่อยเถอะนะคะ ถือว่าป้าขอ"อาหารจานเดียวฉบับเรียบง่ายถูกวางลงบนโต๊ะหินอ่อนตรงหน้าของพลอยชมพูดวงตาสั่นเครือมองจานอาหารตรงหน้า หวนให้นึกถึงมารดาที่เสียไป"ผัดกะเพราไม่เผ็ดมากกับไข่ดาวแบบที่คุณหนูชอบ"ริมฝีปากของป้าบัวเผยรอยยิ้มออกมาในขณะที่พูดถึงเมนูอาหาร"แม่เคยทำให้พิงค์ทาน""ใช่ค่ะ มีแค่คุณหนูที่ทานเผ็ดมากไม่ได้ ส่วนคุณใหญ่กับคุณหนูรอง""พี่ ๆ ทั้งสองของพิงค์ชอบทานเผ็ดมาก"ริมฝีปากสวยเป็นธรรมชาติคลี่ยิ้มบาง ๆ ก่อนหญิงสาวจะยื่นมือไปคว้าช้อนตักอาหารขึ้นมาทาน"รสชาติเหมือนที่แม่ทำเลยค่ะป้าบัว"หญิงสาวเอ่ยชมถึงรสชาต
"ว่าอะไรนะ"ดวงตาเบิกกว้างเท่าไข่ห่านของพิงค์ไวท์ทำให้บอดีการ์ดคู่กายต้องรีบโน้มศีรษะ "ไหนลองบอกพิงค์อีกสักครั้งได้ไหมคะ เมื่อกี้พิงค์ฟังไม่ถนัด""คุณท่านให้ดิฉันมาแจ้งคุณหนูว่า มะรืนนี้จะมีการนัดดูตัวระหว่างสองตระกูลค่ะ"เจสสิก้ารายงานก่อนจะมีแม่บ้านเดินเรียงรายถือถุงใส่เสื้อผ้าและเครื่องประดับเข้ามาภายในห้องของหญิงสาวก่อนจะเดินออกไปปล่อยให้คุณหนูของบ้านได้มีเวลาส่วนตัวกับบอดีการ์ดคู่กาย"นี่คือชุดที่คุณหนูจะต้องใส่ไปพบว่าที่คู่หมั้น""ไม่ พิงค์ไม่หมั้น พิงค์ไม่ไปไหนทั้งนั้น อากงกับป๊าจะมาทำกับพิงค์แบบนี้ไม่ได้"หญิงสาวโวยวายตั้งท่าไม่ยอม"ไหนอากงบอกว่าจะให้เวลาพิงค์อีกสามวันไง นี่พึ่งจะผ่านไปได้วันเดียวเอง พิงค์จะไปถามอากงให้รู้เรื่อง""คุณหนูคะ อย่าทำแบบนี้เลยนะคะเดี๋ยวมันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่เอา"ท่อนแขนเรียวสวยของพิงค์ไวน์ถูกเจสสิก้าคว้าเอาไว้เมื่อเห็นว่าหญิงสาวจะก้าวขาออกจากห้อง"ปล่อยแขนพิงค์ พิงค์จะไปหาอากง""อย่าเลยค่ะคุณหนู ดิฉันไม่อยากเห็นคุณหนูโดนคุณท่านทำร้ายอีก"ดวงตาของบอดีการ์ดสาวสั่นไหวทำให้เลือดร้อนภายในกายของพิงค์ไวน์อ่อนยวบ ฟันสวยขบริมฝีปากล่าง ก่อนเจ้าของห้องจะนั่งลงบ
"คุณหนูขา ของที่คุณหนูสั่งป้าเตรียมทุกอย่างเอาไว้หมดแล้วนะคะ""เอาไปเก็บเถอะค่ะป้า ตอนนี้พิงค์ไม่มีอารมณ์ทำอะไรทั้งนั้น"ผ้าห่มผืนใหญ่ถูกเจ้าของห้องดึงขึ้นมาคลุมโป่งในขณะที่ยังคงนอนหันหลังให้กับอีกฝ่าย มื้อเช้าที่พิงค์ไวท์คิดจะทำอาหารไทยใส่กล้องให้ทุกคนเอาไปกินที่ทำงานถูกพับเก็บลงโดยทันทีทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอตั้งใจจะทำอาหารให้ทุกคนได้ทานป้าบัวมองภาพตรงหน้าพลางถอนหายใจ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้องนอนของคุณหนูแกร๊กน้ำตาเม็ดใสไหลออกมาทันทีเมื่อเจ้าของห้องได้ยินเสียงประตูที่ถูกปิดลง หญิงสาวยังคงนอนห่อตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาพลางปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาอย่างเงียบ ๆ ภายใต้ความโศกเศร้าเสียใจ"เป็นยังไงบ้างครับป้าบัว""คุณหนูไม่ยอมทานอะไรเลยค่ะ เมื่อวานก็ทานได้นิดหน่อย ป้าล่ะเป็นห่วงคุณหนูจริง ๆ เลยค่ะคุณแบล็ก"คิ้วเข้มของพี่ใหญ่คนโตขมวดเข้าหาไม่ต่างอะไรจากพี่สาวคนรองซึ่งยืนฟังอยู่อย่างเงียบ ๆ "ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่เลยค่ะ ป้าล่ะเห็นใจคุณหนูมากเลยนะคะ""...""ถ้าคุณผู้หญิงยังอยู่อะไร ๆ มันก็คงจะดีกว่านี้"สีหน้าของทั้งสามไม่ต่างอะไรกับคนที่แบกก้อนหินก้อนใหญ่ทั้งนิลกาฬและพลอยทับทิมถูกพร่ำส
"จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วใช่ไหม""ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วครับนาย"ร่างสูงใหญ่วางเอกสารลงบนโต๊ะทำงานของผู้เป็นนาย ใบหน้าสวยของหญิงสาวจ้องหน้าลูกน้องในตำแหน่งมือขวาอย่างไม่วางตา"ครั้งนี้เราจะพลาดไม่ได้ ถ้าพลาดทุกอย่างจะต้องจบลง นายเข้าใจใช่ไหม""ครับ ผมกำชับคนของเราเอาไว้แล้ว พวกมันทุกคนจะปิดปากเงียบทันทีเมื่อทุกอย่างจบลง""ดี"ร่างสูงโปร่งในชุดเดรสสีดำลุกขึ้นจากเก้าอี้ ดวงตาคมกริบมองซองสีน้ำตาลในมือก่อนจะคว้ามันขึ้นมาถือแล้วเดินออกไปโดยมีมือขวาคนสนิทคู่ใจเดินตามประกอบหลังไม่ห่างสีหน้าของเด็กสาวกลับมามีรอยยิ้ม ซึ่งเป็นภาพที่ทุกคนภายในบ้านต่างเฝ้าคิดถึงและอยากจะเห็นมันทุกช่วงเวลาหลังจากเธอได้รับข่าวดีว่าการแต่งงานระหว่างสองตระกูลถูกยกเลิกโดยฝ่ายชาย เช้าอันแสนสดใสของวันนี้พิงค์ไวน์จึงเริ่มต้นด้วยการทำอาหารให้ทุกคนภายในบ้านได้ทานกัน "ป้าบัวคะ พิงค์ขอใบกะเพราค่ะ""นี่ค่ะคุณหนู"แม้จะเป็นอาหารเช้าแต่หญิงสาวยังคงมีความตั้งใจทำอาหารไทยให้ทุกคนได้ทาน"ต้มยำกุ้งไปถึงไหนแล้วคะ""เหลือแค่ใส่มะนาวแล้วก็โรยผักก็เป็นอันเรียบร้อยค่ะ""ดีเลยค่ะ เสร็จจากตรงนี้แล้วเดี๋ยวพิงค์จะเจียวไข่ต่อ"ช่วงเช้าภายใน
แกร๊กเสียงประตูที่ถูกเปิดออกด้วยกุญแจสำรองจากแม่บ้านค่อย ๆ ปลุกให้เจ้าของห้องตื่นขึ้นมาในยามพลบค่ำของวันเดียวกัน"ใครคะ"เสียงหวานของพิงค์ไวท์เอ่ยถามออกไปเนื่องจากมองเห็นไม่ชัด ดวงตาปูดบวมผ่านการร้องไห้และไหนแสงไฟที่มืดสลัวมันยังทำให้เธอมองอะไรไม่ชัด "เจ้เอง"เสียงบวกด้วยกลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคยทำให้เจ้าของห้องรู้สึกเบาใจก่อนจะดันกายลุกขึ้นนั่งมองผู้มาใหม่คลิกแสงสว่างจากโคมไฟข้างเตียงนอนช่วยเพิ่มการมองเห็นให้กับทั้งสองสาว "เป็นยังไงบ้าง ป้าบัวบอกเจ้ว่าหมวยไม่ยอมลงไปทานข้าวเอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้อง""อ่อ คือ""หิวไหม"พลอยชมพูส่ายหน้าไปมา เธอรู้สึกผิดที่ทำให้พี่สาวคนรองต้องเป็นห่วง"ผัดกะเพราฝีมือหมวยอร่อยมากเลยนะ วันนี้เจ้ทานจนหมดเลย"พลอยทับทิมนั่งลบบนเตียงข้างน้องสาวก่อนจะคว้าร่างสวยของพลอยชมพูเข้ามากอด"รสชาติมันเหมือนตอนที่แม่ทำให้พวกเราทั้งสามคนทานเลยเนอะ""ฮึก เจ้ พิงค์คิดถึงแม่""เจ้ก็คิดถึง"แม้ว่าจะคิดถึงมากแค่ไหน แต่พลอยทับทิมก็ทำได้เพียงแค่เก็บความรู้สึกนั้นเอาไว้ในใจ"พิงค์คิดถึงแม่ พิงค์อยากกอดแม่ พิงค์อยากไปหาแม่ ที่นี่ไม่มีใครรักพิงค์เลย""มีสิ เจ้ไงที่รักพิงค์"ท่อนแขนออกแ
ริมฝีปากของทั้งสองบดจูบกันอย่างดูดดื่มด้วยความต้องการทันทีเมื่อทั้งคู่ก้าวเขาผ่านประตูห้องพักสุดหรูของหญิงสาว ปังเพียงแค่ชายหนุ่มออกแรงใช้ปลายเท่าสะกิดประตูบานใหญ่ก็พร้อมจะปิดอย่างรู้หน้าที่"อืม พี่กันต์คะ"ริมฝีปากสั่นระริกเปล่งเสียงเรียกชายหนุ่ม ไฟแห่งความต้องการลุกโชนในดวงตาของทั้งคู่ "อืม ชมพู""ชมพู อ๊าส์ ต้องการพี่""พี่ก็ต้องการเธอ"ชายหนุ่มถอดเสื้อผ้าจนตัวเปลือย อุ้มร่างสวยของแฟนสาวไปวางไว้บนโซฟา จัดการถอดกระโปรงตัวสวยออกเหลือทิ้งไว้เพียงแต่ตัวเสื้อด้านบนที่จัดการปลดกระดุมแถวหน้าออกจนหมดเผยให้เห็นทรวดทรงสวยงามอย่างที่เขาเคยเห็นและสัมผัสมันมาก่อนแผล็บปลายเล็บทั้งสิบจิกลงบนเนื้อหนังของโซฟาตัวหนาเมื่อเรียวขาของเธอนั้นถูกชายหนุ่มจับอ้าเป็นรูปตัวเอ็มก่อนที่เขาจะนั่งคุกเข่าลงบนพรหมโน้มตัวลงไปกดปลายลิ้นลงบนร่องเปียกชื้น"อื้อ""ครางออกมา อย่ากลั้น""ฮึก พี่กันต์ขา"ไม่คิดว่าปลายลิ้นของเขาจะทำให้ทั่วทั้งร่างของเธอสั่นเทาได้ขนาดนี้ "อ๊าส์ พี่กันต์ ชมพู อืม""น้ำเธอหวาน ฉันชอบ"ชายหนุ่มเอ่ยปากชมเสียงสั่น โน้มตัวลงไปดูดดื่มน้ำหวานอีกครั้งอย่างหิวโหยจนหญิงสาวต้องยกเอวจนตัวลอย"อ๊าส์"น้
บรรยากาศภายในร้านอาหารสุดหรูติดอยู่กับริมแม่น้ำเจ้าพระยา บรรยากาศแบบเอาท์ดอร์มีโคมไฟตกแต่งเองเอาไว้ตามพุ่มไม้ มีสวนหย่อมของทางร้านอยู่ถัดออกไปไม่ไกลไว้ให้ลูกค้าได้ถ่ายรูปชื่นชมกับบรรยากาศภายในร้านได้อย่างสบายใจ"คุณนิลกาฬนี่ ลงทุนขนาดนี้เลยเหรอวะ""ลาภปากของพวกเราแล้วไหมล่ะ""แตกต่างจากเจ้าของค่ายคนเก่าเยอะ""มึงช่วยดูด้วย ลูกชายเจ้าพ่อมาเฟียจากประเทศจีนเลยนะน่ะ ธรรมดาซะที่ไหน""อิ่มแล้วเหรอว่ะไอ้กันต์""กินได้เรื่อย ๆ ไม่รีบ"ชายหนุ่มยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มเพื่อดับความกระหาย มองบรรยากาศภายในร้านนั่งฟังนักมวยคนอื่น ๆ พูดถึงเจ้าของค่ายคนใหม่"คุณนิลกาฬใจป้ำสุด ๆ ไปเลยว่ะ ปิดร้านอาหารเลี้ยงฉลองพวกเราทุกคนในค่ายเลย แถมยังใจดีให้พวกเราพายายกับพี่ลำดวนและน้องดอกแก้วมาด้วย"กองทัพหันไปมองโต๊ะที่ยายสายใจ พี่ลำดวนและลูกสาวกำลังนั่งร่วมโต๊ะกับยายหมูแม่บ้านของค่าย"เออ ไอ้กองทัพ กูว่าจะถามมึงตั้งแต่ที่ร้านของยายแล้ว ยี่หวาไปไหนวะทำไมกูไม่เห็น""ไปธุระสำคัญ กูโทรไปถามแล้ว เดี๋ยวจะตามมา"กองทัพตอบเพื่อนก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มในขณะที่ใช้สายตามองไปยังร่างหล่อของเพื่อนซึ่งกำลังนั่งมองแม่น้ำสายใหญ่"มองอะ
หลายเดือนผ่านไปปึก ปึก ปึกโห่ กรี๊ด"ไอ้กันต์ สู้มันเว้ย""ใจเย็น ๆ ไอ้กันต์ ล็อกเป้าหมาย หาจุดอ่อนของมันให้ได้"เสียงโห่ร้องดังมาพร้อมกับเสียงของอาจารย์ยอดและเพื่อนร่วมค่ายดังสนั่นstadium ทุกคนต่างจับจ้องมวยคู่เอกของการชกในไฟล์นี้ ดวงตาคมกริบวาววับจับจ้องคู่ต่อสู้อย่างไม่ละสายตา เพื่อหาจังหวะเข้าน็อกอีกฝ่ายเพื่อเร่งจบเกมในครั้งนี้ให้ได้ปึก ปึก ปึกแต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ง่าย เหมือนว่าอีกฝ่ายจะเตรียมตัวมาพร้อม"ชก""ยายว่าพี่กันต์จะชนะไหม ฉันตื่นเต้นจังเลยยาย""เออ ข้ารู้แล้ว ข้าก็ตื่นเต้นไม่แพ้เอ็งหรอก ใช่ไหมนังลำดวน""ใช่จ้ะป้า"ลำดวนต่อป้าสายใจในขณะที่เรียวแขนของเธอทั้งสองข้างโอบกอดลูกสาวเอาไว้ทุกตนต่างพากันแห่มาให้กำลังใจชายหนุ่มกับการขึ้นชกในครั้งนี้เนื่องด้วยไฟล์ชกครั้งนี้เป็นครั้งยิ่งใหญ่ในรอบปีเลยก็ว่าได้ การเปลี่ยนเจ้าของค่ายคนใหม่ดูเหมือนว่าจะทำให้อะไรมันดีขึ้น นักธุรกิจใหญ่ผู้มีอำนาจจากประเทศจีนได้รับช่วงต่อเป็นเจ้าของค่ายคนใหม่ ผลักดันให้นักมวยในค่ายได้มีรายการชกทุกคน โดยมีอาจารย์ยอดและเลขาของเขาคอยเป็นผู้ประสานงานให้ ประสิทธิภาพของนักมวยในค่ายหลังจากได้อยู่กับเจ้าของ
ปึก"นี่คือเอกสารทั้งหมดที่พิงค์จะต้องอ่านให้หมดภายในวันนี้ ทำความเข้าใจกับมันให้ครบแล้วสรุปงานมาให้เจ้อ่านตอนเย็น"อึก"หะ...หมดนี่เลยเหรอคะ""ใช่ ทำไม น้อยเกินไปเหรอ""เอ่อ ไม่ค่ะ กำลังพอดีเลย"พิงค์ไวท์กลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบากเมื่อมองแฟ้มเอกสารตรงหน้าสิบกว่าเล่ม'อ่านให้หมดภายในวันนี้ แล้วสรุปงานให้เจ้อ่าน มันจะโหดเกินไปไหม'"เจ้ให้คนยกโต๊ะทำงานมาไว้ให้แล้วนะ ไม่เข้าใจตรงไหนก็ถามเจ้ได้""ขอบคุณนะคะเจ้""ตั้งใจเรียนรู้งานนะ เจ้เอาใจช่วย"ฝ่ามืออบอุ่นของพี่สาวคนรองวางลงบนศีรษะทำให้พิงค์ไวท์ยิ้มออกมาได้"ขอบคุณนะคะเจ้"พิงค์ไวท์รู้สึกดีใจที่มีพี่สาวแสนดีกับเธอขนาดนี้ นับว่าเป็นเรื่องโชคดีที่เธอได้เกิดมาอยู่ในครอบครัวที่อบอุ่นเอกสารกองใหญ่ถูกเปิดอ่านครั้งแล้วครั้งเล่าในขณะที่พิงค์ไวท์สรุปงานใส่แผ่นกระดาษไปด้วยความตั้งใจ โดยมีสายตาคมกริบของผู้เป็นพี่สาวคอยเหลือบมองอยู่เป็นบางครั้งคราวก๊อก ก๊อก ก๊อก"เชิญ"ประตูห้องทำงานบานใหญ่ถูกเปิดออกทันทีเมื่อคนด้านในอนุญาต พลอยทับทิมมองผู้เป็นพี่ชายเดินหอบหิ้วของกินมากมายเดินเข้ามา และยังมีบางส่วนที่บอดี้การ์ดของพี่ชายถือเอาไว้"จะขนไปเลี้ยงแข
"ป๊ากับอากงมีอะไรอยากจะคุยกับหนูเหรอคะ"หญิงสาวถามขึ้นมาทันที เมื่อเธอทรุดกายนั่งลงบนโซฟาระหว่างกลางพี่ชายกับพี่สาวทั้งสองภายในห้องทำงานของบิดา"ก่อนที่จะคุยเรื่องอื่น ป๊ามีเรื่องจะถามหมวย แค่หมวยเล็กคนเดียวที่จะต้องตอบคำถามป๊า""อะไรคะ"พิงค์ไวท์มองหน้าบิดาและอากงด้วยสายตาไม่ไว้วางใจสักเท่าไหร่"ผู้ชายที่ชื่อกันต์ เป็นอะไรกับหมวยเล็ก""พี่กันต์เป็นคนที่หนูรักค่ะ""แค่นั้น""เราสองคนมีอะไรกันแล้วที่ทะเลก่อนหมวยจะกลับมาที่นี่ค่ะ"ปัง"นี่หมวย"ทุกคนภายในห้องทำงานต่างมีสีหน้าแตกตื่นเมื่อได้ฟังคำสารภาพผิดของพิงค์ไวท์"หมวยรักพี่กันต์ค่ะ เราสองคนรักกัน พี่กันต์ไม่ได้บังคับ หมวยสมยอมเอง"เธอบอกบิดาแค่นั้น ถ้าท่านรู้ว่าเธอเป็นซื้อถุงยางอนามัยให้ชายหนุ่มคงเป็นลมล้มพับลงไปนั่งกองอยู่กับพื้นแน่ เผลอ ๆ อากงของเธอคงจะช็อกหัวใจวาย"ให้ตายเถอะหมวย หนูเป็นผู้หญิงนะลูก""แต่เราสองคนป้องกันนะคะ แล้วอีกอย่างเรื่องนี้หมวยเป็นคนเริ่มก่อนเอง""เฮ้อ เอาไงดีครับป๊า เรื่องมันเป็นแบบนี้ไปแล้ว""เชื้อไม่ทิ้งแถวไม่มีผิด สมแล้วกับที่เป็นหลานของอาหมิง"องกงพยักหน้าในขณะที่นึกถึงภรรยาที่ล่วงลับ หลานชายคนโตและหลานสาวคน
"อาหมวย""อากงขา"อากงอ้าแขนโอบกอดหลานสาวคนสวยทันทีเมื่อเธอเดินเข้ามาในคฤหาสน์หลังใหญ่ "อากงขอโทษนะลูก อากงขอโทษ""หนูก็ต้อง ฮึก ขอโทษที่หนีไป"ชายชรากอดร่างของหลานสาวเอาไว้ในอ้อมแขนแน่น เขาเฝ้านับวันเวลาที่จะได้เจอหลานสาวคนนี้เพื่อที่อยากจะบอกขอโทษในสิ่งที่ทำผิดพลาดไป"หนูขอโทษที่ทำให้ทุกคนต้องเป็นห่วง ฮึก ขอโทษนะคะ อากง ป๊า เฮีย เจ้""หนูก็ต้องขอโทษป๊ากับอากงเหมือนกัน""ผมด้วยครับ ขอโทษครับป๊า ขอโทษครับอากง"ประมุขใหญ่ทั้งสองมองหน้าลูกหลานทั้งสาม "ครั้งนี้ป๊ากับอากงจะถือว่าเป็นความผิดของลูกครั้งแรก แต่คราวหน้าคราวหลังอย่าทำแบบนี้อีกเข้าใจไหม อยากจะไปไหนมาไหนให้บอกป๊า""ค่ะ/ครับ""เพราะว่าต่อไปป๊ากับอากงจะไม่บังคับพวกลูกทั้งสามคนเหมือนกับที่ผ่านมาอีกแล้ว ที่ผ่านมาป๊ากับอากงอยากจะขอโทษลูกทั้งสามคนในทุก ๆ เรื่อง แต่ตอนนี้ไม่ว่าพวกลูกทั้งสามคนอยากทำอะไรทำได้เลย ป๊าขอเพียงแค่อย่างเดียว ก่อนจะทำอะไรขอให้พวกลูกทั้งสามคนคิดให้รอบคอบก่อนที่จะลงมือทำ เข้าใจไหม""เข้าใจค่ะ/ครับ"ทั้งสามพยักหน้า พุ่งเข้ากอดบิดาและอากงของพวกเขา"ป๊ากับอากงรักพวกหนูทั้งสามคนมากนะลูก""พวกหนูก็รักป๊ากับอากงมากเหมือน
ร่างสูงใหญ่ทรุดกายนั่งลงบนเตียงนอนภายในห้องพักอย่างคนอ่อนแรกด้วยสีหน้าไม่ยิ้มแย้ม เพราะในตอนนี้เขากำลังไม่มีความสุข ปลายนิ้วแตะสัมผัสลงบนสร้อยข้อมือลูบคลำชื่อของหญิงสาวที่สลักอยู่"ไอ้กันต์"สายตาเหม่อลอยเงยมองหน้าผู้มาใหม่ กองทัพและยี่หวาเดินนำหน้าเข็มทิศเข้ามาในห้องพัก ทั้งสาวมองสภาพอันแสนน่าเศร้าของชายหนุ่มในตอนนี้ด้วยความเห็นใจ"น้องชมพูไปแล้วนะ"กองทัพเดินเข้ามาหา วางฝ่ามืออุ่นร้อนลงบนไหล่หนาออกแรงบีบอย่างต้องการให้กำลังใจกองทัพหันไปมองหน้ายี่หวา ราวกับต้องการให้เธออธิบายเรื่องพวกนี้ให้อีกฝ่ายได้เข้าใจ"อันที่จริงแล้ว ชมพูไม่ใช่น้องสาวของฉันและไม่ได้เป็นหลานสาวของยายอย่างที่ใคร ๆ รู้"ยี่หวาเกริ่นขึ้นมาในขณะที่สายตาของเธอยังคงจ้องหน้าชายหนุ่ม"วันนั้นฉันกลับมาจากตลาด เห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังโดนฉุดไปทำร้าย ฉันก็เลยช่วยเธอเอาไว้และพากลับมาที่บ้าน ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอเป็นใคร แต่พอเธอตื่นขึ้นมา เธอก็บอกฉันว่าเธอชื่อชมพูไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน"ทุกต่างตั้งใจฟังในสิ่งที่ยี่หวาเล่าออกมา"ฉันกับยายสงสารเพราะเห็นว่าเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนเดียวก็เลยให้พักอยู่ที่บ้าน และบอกทุกคนว่าชมพูเป็นหลาน
"เรื่องในคลับวันนั้น ผมกับปิ่นรวมหัวกันวางยาลูกสาวของท่านจริงครับ""เพราะอะไร""น้องสาวของผมชอบพอนักมวยในค่ายของผมครับ"อัศวินชี้นิ้วไปยังร่างสูงใหญ่ของกันต์ดึงสายตาของหลงเฟยหยางให้หันมองตาม"ผมกับปิ่นรวมหัวกันวางแผนกีดกันลูกสาวของท่านกับนักมวยในค่าย แต่ผมสาบานได้เลยนะครับว่าคืนนั้นผมไม่ได้มีอะไรกับลูกสาวของท่านเลยจริง ๆ จะให้ผมไปสาบานที่ไหนก็ได้"ชายหนุ่มยกมือชูสามนิ้วด้วยท่าทางร้อนรนกลัวว่าคนตรงหน้าจะไม่เชื่อ"ส่วนเรื่องวันนี้ที่เกิดขึ้น ก็เป็นฝีมือของผมกับน้องสาวเหมือนกันครับ นักมวยในค่ายของผมกับน้องสาว ที่จริงแล้วทั้งสองคนไม่ได้มีอะไรกันจริง ๆ ""...""มันเป็นแค่เพียงแผนจัดฉากเพื่อที่จะทำให้ลูกสาวของท่านเข้าใจผิด โดยมีผู้หญิงคนนั้นเป็นคนลงมือ"เมื่อถึงทางตันอัศวินจึงยอมปริปากพูดออกมาจนหมด เขาซัดทอดไปถึงผู้ร่วมขบวนการครั้งนี้อย่างน้ำหอมที่กำลังยืนตัวสั่น"ฉันถูกคุณอัศวินบังคับค่ะ เขากับหมอปิ่นขู่ ถ้าฉันไม่ยอมทำตามเขาจะปล่อยคลิปฉาวที่เราสองคนมีอะไรกัน""ฉันขอโทษคุณพิงค์ไวท์ด้วยนะคะ ฉันขอโทษนายด้วยนะกันต์"ชายหนุ่มเค้นเสียงหัวเราะในลำคอ สะบัดใบหน้าหันไปมองทางอื่น นึกรังเกียจผู้หญิงอย่างอ
ทันทีเมื่ออัศวินพูดจบ ทุกคนในค่ายก็ต่างหันไปมองชมพูซึ่งกำลังยืนร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของพี่สาวเป็นสายตาเดียวแม้แต่ชายหนุ่มอย่างกันต์เองก็ตาม"ชมพู ชื่อแท้จริงของเธอคือ พิงค์ไวท์ น้องสาวคนเล็กของฉัน ทีนี้รู้แล้วใช่ไหมว่าจุดจบของแกควรออกมาเป็นแบบไหน""มะ...ไม่จริง เป็นไปไม่ได้"อัศวินส่ายหน้าอย่างคนไม่สามารถยอมรับความจริงได้ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นจริง วันนี้คือวันที่เขาจะได้ใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้"เป็นไปได้สิ เพราะนี่มันคือเรื่องจริง"อัศวินกระตุกยิ้ม เผชิญหน้ากับคุณนภดลอย่างไม่เกรงกลัว "ตกใจเหรอครับ ไม่ต้องตกใจหรอกนะครับ เพราะว่าวันนี้ยังมีอีกหลายเรื่องที่จะทำให้คุณตกใจ""ไม่จริงใช่ไหม เรื่องหนี้เจ็ดสิบล้าน"น้ำเสียงที่สั่นจากปากของคุณนภดลนั้นยิ่งฟังดูน่าขำ"ถามลูกชายของคุณเองเถอะครับว่าจริงไหม อันที่จริงแล้วผมก็ไม่ได้อยากจะพูดถึงเรื่องนั้นในตอนนี้หรอกนะครับ ถ้าลูกชายของคุณกับลูกสาวของคุณไม่ทำเลวระยำกับน้องสาวของผมเอาไว้"ปิ่นหทัยตัวสั่นเมื่อนิลกาฬเผลอชี้ปลายกระบอกปืนมาทางเธอ"วันนี้ผมก็เลยต้องจัดการทุกอย่างให้มันจบ"แกรก"ว่าไงครับเรื่องเงินที่ค้างผมอยู่"ปลายกระบอกปืนถูกจ่อไปยังศีรษะของอัศว