"เจ็บมากไหมอาหมวย"ความเงียบคือคำตอบพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา นิลกาฬหลบมองต่ำเขากอบกุมฝ่ามือของน้องสาวเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
"อากงท่านคงไม่ได้ตั้งใจ หมวยอย่าโกรธอากงเลยนะ" "หมวยไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วเฮีย"คำพูดจากปากของน้องสาวทำเอาชายหนุ่มชะงัก "เราสามคนหนีไปอยู่ที่อื่นกันดีไหม" "หมวย อย่าพูดแบบนี้" "อากงกับป๊าไม่รักหนูเลย"ความอดทนพังทลาย ใบหน้าบวมช้ำซุกลงบนแผงอกของพี่ชาย น้ำตาเม็ดใสหยดแล้วหยดเล่าไหลออกมาราวกับสายน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากจนเสื้อเชิ้ตสีขาวพี่ชายเปียกชุ่ม "หมวย" "ฮึก"เสียงร้องไห้ดังขึ้นซึ่งเปรียบเหมือนหอกหนามทิ่มแทงใจของคนฟัง หมวยเล็กคือที่รักของทุกคนภายในบ้าน เธอเปรียบเสมือนแสงสว่าง ความสดใสให้กับทุกคน "หลับไปแล้วเหรอ" "อืม ร้องไห้จนหลับไป"พี่ชายคนโตเอ่ยบอกน้องสาวคนรองทันทีเมื่อก้าวขาออกมาจากห้องนอนของน้องสาวคนเล็ก "มีแผลไหม" "แดงเป็นรอยฝ่ามือ เฮียประคบให้แล้วพรุ่งนี้ก็คงจะดี" "มีอะไรจะคุยด้วย"อาหมวยคนรองเดินนำพี่ชายไปยังห้องนอนของตัวเอง บรรยากาศยามเช้าอันแสนสดใสของวันไหมแต่มันช่างแตกต่างกับความรู้สึกภายในใจของพิงค์ไวท์ ร่างสวยในชุดเดรสสีหวานก้าวขาลงบันได ใบหน้าของเธอไร้ซึ่งรอยยิ้มดวงตาหม่นหมองหาความสุขแทบไม่ได้ "คุณหนู" "ป้าบัว"แม่บ้านวัยชราเดินเข้ามาหา จากสีหน้ายิ้มแย้มเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่ง รอยยิ้มเมื่อครู่ของป้าบัวค่อย ๆ หายไป เมื่อเห็นริ้วรอยฝ่ามือบนใบหน้าคุณหนูของเธอ "คะ...คุณหนู" "ไม่เป็นอะไรค่ะป้า พิงค์ไม่เจ็บเลยสักนิด"ริมฝีปากสวยพยายามคลี่ยิ้มบาง ๆ ก่อนที่ร่างเล็กของพิงไวท์จะเดินเข้าไปประคองท่าน บรรยากาศภายในบ้านเงียบสนิทแบบนี้ ทุกคนคงออกไปทำงานกันหมด แต่ก็ดี เพราะตอนนี้เธอไม่พร้อมที่จะเจอหน้าใคร "เช้านี้มีข้าวต้มทะเลของโปรดคุณหนู จะทานเลยหรือเปล่าคะป้าจะให้เด็กจัดโต๊ะ"ป้าบัวหันมาถาม เธอพยายามไม่หันไปมองรอยแผลบนใบหน้านั่นเพราะมันคือสิ่งสะเทือนจิตใจของคนที่คอยอุ้มชูเลี้ยงดูสาวน้อยมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก "พิงค์ยังไม่หิวค่ะ" "คุณหนูคะ แต่นี่มันก็เลยเวลาอาหารเช้ามามากแล้ว ถ้าคุณท่านทั้งสองรู้เข้า" "ป้าบัวก็ไม่ต้องบอกสิคะ"สีหน้าของป้าบัวแสดงถึงความลำบากใจ อีกใจก็นึกเป็นห่วงเด็กสาวกลัวว่าจะปวดท้องเอา "นะคะ ตอนนี้พิงค์ยังไม่หิว เอาไว้พิงค์หิวเมื่อไหร่เดี๋ยวจะไปหาอะไรในครัวทานเอง" "คะ...คุณหนู" "ขอตัวก่อนนะคะ"สาวน้อยของบ้านหมุนตัวเดินออกมา ท่ามกลางสายตาเป็นห่วงของป้าบัวที่คอยลอบมองแผ่นหลังเล็กเดินออกไปไกล ใบหน้าสวยเรียบนิ่งมองสิ่งสวยงามตรงหน้า กลิ่นหอมของดอกไม้นานาชนิดไม่ได้ช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด 'ถ้าหมวยไม่อยากเรียนต่อปริญญาโท หมวยก็จะต้องแต่งงานกับหลานชายของเพื่อนสนิทอากง เข้าใจไหม'ทางเลือกสองทางที่เธอไม่เคยต้องการ มันก็ไม่ต่างอะไรจากฝันร้าย ทำไมถึงไม่มีใครเข้าใจเธอ ทำไมไม่มีใครรู้ว่าเธอรักหรือต้องการอะไร หรือในสายตาของทุกคน เธอก็เป็นเพียงตุ๊กตาไร้หัวใจคิดจะหยิบจับไปวางตรงไหนก็ได้ แบบนั้นใช่ไหม กรี๊ง ตุบ ตุบ ตุบ เสียงระฆังที่ดังขึ้นก่อนร่างสูงใหญ่ของทั้งสองพุ่งเข้าหา สีหน้าและแววตาของนักสู้เรียบนิ่งเพื่อมองหาสิ่งที่เรียกว่า'จุดอ่อน'ของอีกฝ่าย "ไอ้กันต์ต่อยมันเลยสิวะ" "ไอ้เข้ม มึงอย่าไปยอมมันนะ เตะมันเลย"เสียงตะโกนเรียกชื่อของทั้งสองดังกึกก้องตามด้วยเสียงโห่ร้องเชียร์รอบสังเวียนเดือนสำหรับนักมวยคู่ชกในยามค่ำคืนนี้ "รักษาแชมป์เอาไว้ให้ได้นะโว้ยไอ้กันต์ มึงอย่าไปยอมมันนะโว้ย"เสียงอาจารย์ยอดครูมวยตะโกนเชียร์ลูกศิษย์คนเก่งในค่ายให้เดินหน้าปล่อยหมัดใส่อีกฝ่าย แรงเชียร์ช่วยทำให้ผู้รักษาแชมป์อย่างกันต์ไร้พ่ายเอาชนะคู่ต่อสู้ไปได้อีกครั้ง ตึง "หมดยก" "เย้"เสียงโห่ร้องดังก้องstadiumด้วยความดีใจเมื่อแชมป์เก่าสามารถรักษาเข็มขัดในการต่อสู้ครั้งนี้เอาไว้ได้ เข็มขัดนักมวยอันใหญ่ถูกมอบให้กับฝ่ายผู้ชนะท่ามกลางความดีใจของคนในค่ายและผู้ที่รักษาแชมป์เอาไว้ได้อีกครั้ง 'อัศวินผู้ไร้พ่าย'ไม่ใช่ได้มาเพราะโชคช่วยทุกสิ่งอย่างล้วนมาจากความขยันอดทน การไม่ยอมแพ้ และการยืนหยัดอยู่กับสิ่งที่ตัวเองรัก "ยินดีกับมึงด้วยนะไอ้กันต์" "เออ ขอบใจโว้ยไอ้กอง" "กองทัพ กรุณาเรียกชื่อเต็มกูด้วยครับไอ้เหี้ย"เจ้าของแชมป์กระตุกยิ้มด้วยความชอบใจ ก่อนจะหันไปเก็บของใส่ลงกระเป๋าหลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ "เออ แล้วนี่มึงจะกลับค่ายเลยหรือเปล่า"กองทัพนักมวยในค่ายแต่ต่อยคนละรุ่นกับเขาเอ่ยถาม "ก็ว่าจะกลับเลย อยากนอนพักสักหน่อยวะ รู้สึกเหนื่อย ๆ "ว่าแล้วก็เก็บกระเป๋าขึ้นสะพายไหล่ ดวงตาคมกริบกวางมองห้องเตรียมตัวสำหรับนักมวยของแต่ละค่ายที่เข้ามาใช้stadiumแห่งนี้ "แล้วนี่ไอ้ทิศมันหายหัวไปไหน"กันต์ นักมวยในวัยยี่สิบหกปีผู้ที่ได้รับฉายา'อัศวินไร่พ่าย'เอ่ยถามถึงเพื่อนสนิทอีกคนที่ไม่รู้ว่าตอนนี้หายไปอยู่ที่ไหน "กูก็ไม่รู้เหมือนกันวะ มันคงจะอยู่แถวนี้ล่ะมั้ง กลับกันเถอะ" "เออ"ชายหนุ่มทั้งสองเดินคล้องคอก้าวขากันออกมา ปัง ปัง ปัง เสียงพลุกระดาษที่ดังขึ้นทำเอาสองหนุ่มถึงกับสะดุ้งเมื่อก้าวขาผ่านพ้นประตูห้องพักไว้สำหรับการเตรียมตัวของนักมวย "ยินดีด้วยนะครับแชมป์สองสมัย"ริมฝีปากของชายหนุ่มเจ้าของแชมป์ยิ้มกว้างออกมาเมื่อเห็นภาพตรงหน้า ภาพพี่น้องนักมวยในค่ายรวมไปถึงเจ้าค่ายมวย ครูผู้ฝึกสอนต่างพากันมาแสดงความยินดีให้กับเขา "ยินดีด้วยนะกันต์ กูบอกมึงแล้วว่าคนอย่างมึงต้องทำได้" "ขอบคุณครับพี่ยอด"ผู้รักษาแชมป์กล่าวขอบคุณครูมวยที่ช่วยฝึกตั้งแต่ที่เขาเริ่มเข้าวงการต่อยมวยใหม่ ๆ "พวกเราทุกคนเชื่อฝีมือของพี่อยู่แล้วพี่กันต์ว่าพี่ต้องทำได้ ใช่ไหมพวกเรา" "ใช่"เหล่าพี่น้องและผองเพื่อนในค่ายต่างเชื่อมั่นในตัวของชายหนุ่ม ค่ายมวย'อัศวิน มวยไทยยิม'ครอบครัวนักมวยที่อยู่แบบครอบครัวพี่น้อง และนั่นคือครอบครัวของ'กันต์'ผู้ชายคนนี้ "ยินดีกับการประสบความสำเร็จของนายด้วยนะกันต์"อัศวิน เจ้าของค่ายมวยเดินเข้ามาก่อนจะยื่นซองสีขาวให้ซึ่งใครต่อใครก็รู้ว่าสิ่งที่อยู่ในซองนั้นมันคืออะไร ค่าตอบแทนสำหรับคนที่มีความขยันและมุ่งมั่นในการฝึกซ้อมมาอย่างยาวนาน "ขอบคุณครับ คุณอัศวิน" "พรุ่งนี้เราจะมีปาร์ตี้ฉลองกันที่ค่าย เต็มที่ได้เลยนะทุกคน" "เย้"เสียงโห่ร้องด้วยความดีใจของนักมวยภายในค่าย'อัศวิน'ดังขึ้น ก่อนเจ้าของค่ายจะปลีกตัวเดินออกไป ปล่อยให้ทุกคนได้เข้ามาแสดงความยินดีกับแชมป์ที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ สีหน้าของแชมป์สองสมัยเต็มไปด้วยรอยยิ้มท่ามกลางเสียงโห่ร้องดีใจของคนในค่ายเมื่อเข็มขัดนักมวยคู่ใจยังคงอยู่กับชายหนุ่มอีกครั้ง "ไปโว้ยไอ้กันต์ ไปฉลองกัน"สีหน้าของหญิงสาวยังคงความเศร้าหมอง แม้จะผ่านไปแล้วครึ่งค่อนวัน พิงค์ไวท์ยังคงนั่งอยู่บนม้าหินอ่อนภายในสวนดอกไม้ สายลมพัดผ่านโอบล้อมเอาความหนาวเย็นมาให้ แสดงแดงรำไรไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกร้อนเพราะมีต้นไม้ช่วยแผ่กิ่งก้านใบบดบังให้เธอได้คลายร้อน"คุณหนูคะ"โทนเสียงคุ้นเคยขึ้นดังมาจากทางด้านหลังทำให้พิงค์ไวท์รู้สึกตัวในขณะที่กำลังนั่งคิดอะไรเพลิน ๆ กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ของอาหารไทยลอยแตะเข้าจมูกโด่งของหญิงสาวเมื่อป้าบัวเดินถือถาดอาหารเข้ามาใกล้"ป้ารู้ว่าคุณหนูยังไม่หิว แต่ช่วยทานอะไรสักหน่อยเถอะนะคะ ถือว่าป้าขอ"อาหารจานเดียวฉบับเรียบง่ายถูกวางลงบนโต๊ะหินอ่อนตรงหน้าของพลอยชมพูดวงตาสั่นเครือมองจานอาหารตรงหน้า หวนให้นึกถึงมารดาที่เสียไป"ผัดกะเพราไม่เผ็ดมากกับไข่ดาวแบบที่คุณหนูชอบ"ริมฝีปากของป้าบัวเผยรอยยิ้มออกมาในขณะที่พูดถึงเมนูอาหาร"แม่เคยทำให้พิงค์ทาน""ใช่ค่ะ มีแค่คุณหนูที่ทานเผ็ดมากไม่ได้ ส่วนคุณใหญ่กับคุณหนูรอง""พี่ ๆ ทั้งสองของพิงค์ชอบทานเผ็ดมาก"ริมฝีปากสวยเป็นธรรมชาติคลี่ยิ้มบาง ๆ ก่อนหญิงสาวจะยื่นมือไปคว้าช้อนตักอาหารขึ้นมาทาน"รสชาติเหมือนที่แม่ทำเลยค่ะป้าบัว"หญิงสาวเอ่ยชมถึงรสชาต
"ว่าอะไรนะ"ดวงตาเบิกกว้างเท่าไข่ห่านของพิงค์ไวท์ทำให้บอดีการ์ดคู่กายต้องรีบโน้มศีรษะ "ไหนลองบอกพิงค์อีกสักครั้งได้ไหมคะ เมื่อกี้พิงค์ฟังไม่ถนัด""คุณท่านให้ดิฉันมาแจ้งคุณหนูว่า มะรืนนี้จะมีการนัดดูตัวระหว่างสองตระกูลค่ะ"เจสสิก้ารายงานก่อนจะมีแม่บ้านเดินเรียงรายถือถุงใส่เสื้อผ้าและเครื่องประดับเข้ามาภายในห้องของหญิงสาวก่อนจะเดินออกไปปล่อยให้คุณหนูของบ้านได้มีเวลาส่วนตัวกับบอดีการ์ดคู่กาย"นี่คือชุดที่คุณหนูจะต้องใส่ไปพบว่าที่คู่หมั้น""ไม่ พิงค์ไม่หมั้น พิงค์ไม่ไปไหนทั้งนั้น อากงกับป๊าจะมาทำกับพิงค์แบบนี้ไม่ได้"หญิงสาวโวยวายตั้งท่าไม่ยอม"ไหนอากงบอกว่าจะให้เวลาพิงค์อีกสามวันไง นี่พึ่งจะผ่านไปได้วันเดียวเอง พิงค์จะไปถามอากงให้รู้เรื่อง""คุณหนูคะ อย่าทำแบบนี้เลยนะคะเดี๋ยวมันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่เอา"ท่อนแขนเรียวสวยของพิงค์ไวน์ถูกเจสสิก้าคว้าเอาไว้เมื่อเห็นว่าหญิงสาวจะก้าวขาออกจากห้อง"ปล่อยแขนพิงค์ พิงค์จะไปหาอากง""อย่าเลยค่ะคุณหนู ดิฉันไม่อยากเห็นคุณหนูโดนคุณท่านทำร้ายอีก"ดวงตาของบอดีการ์ดสาวสั่นไหวทำให้เลือดร้อนภายในกายของพิงค์ไวน์อ่อนยวบ ฟันสวยขบริมฝีปากล่าง ก่อนเจ้าของห้องจะนั่งลงบ
"คุณหนูขา ของที่คุณหนูสั่งป้าเตรียมทุกอย่างเอาไว้หมดแล้วนะคะ""เอาไปเก็บเถอะค่ะป้า ตอนนี้พิงค์ไม่มีอารมณ์ทำอะไรทั้งนั้น"ผ้าห่มผืนใหญ่ถูกเจ้าของห้องดึงขึ้นมาคลุมโป่งในขณะที่ยังคงนอนหันหลังให้กับอีกฝ่าย มื้อเช้าที่พิงค์ไวท์คิดจะทำอาหารไทยใส่กล้องให้ทุกคนเอาไปกินที่ทำงานถูกพับเก็บลงโดยทันทีทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอตั้งใจจะทำอาหารให้ทุกคนได้ทานป้าบัวมองภาพตรงหน้าพลางถอนหายใจ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้องนอนของคุณหนูแกร๊กน้ำตาเม็ดใสไหลออกมาทันทีเมื่อเจ้าของห้องได้ยินเสียงประตูที่ถูกปิดลง หญิงสาวยังคงนอนห่อตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาพลางปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาอย่างเงียบ ๆ ภายใต้ความโศกเศร้าเสียใจ"เป็นยังไงบ้างครับป้าบัว""คุณหนูไม่ยอมทานอะไรเลยค่ะ เมื่อวานก็ทานได้นิดหน่อย ป้าล่ะเป็นห่วงคุณหนูจริง ๆ เลยค่ะคุณแบล็ก"คิ้วเข้มของพี่ใหญ่คนโตขมวดเข้าหาไม่ต่างอะไรจากพี่สาวคนรองซึ่งยืนฟังอยู่อย่างเงียบ ๆ "ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่เลยค่ะ ป้าล่ะเห็นใจคุณหนูมากเลยนะคะ""...""ถ้าคุณผู้หญิงยังอยู่อะไร ๆ มันก็คงจะดีกว่านี้"สีหน้าของทั้งสามไม่ต่างอะไรกับคนที่แบกก้อนหินก้อนใหญ่ทั้งนิลกาฬและพลอยทับทิมถูกพร่ำส
"จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วใช่ไหม""ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วครับนาย"ร่างสูงใหญ่วางเอกสารลงบนโต๊ะทำงานของผู้เป็นนาย ใบหน้าสวยของหญิงสาวจ้องหน้าลูกน้องในตำแหน่งมือขวาอย่างไม่วางตา"ครั้งนี้เราจะพลาดไม่ได้ ถ้าพลาดทุกอย่างจะต้องจบลง นายเข้าใจใช่ไหม""ครับ ผมกำชับคนของเราเอาไว้แล้ว พวกมันทุกคนจะปิดปากเงียบทันทีเมื่อทุกอย่างจบลง""ดี"ร่างสูงโปร่งในชุดเดรสสีดำลุกขึ้นจากเก้าอี้ ดวงตาคมกริบมองซองสีน้ำตาลในมือก่อนจะคว้ามันขึ้นมาถือแล้วเดินออกไปโดยมีมือขวาคนสนิทคู่ใจเดินตามประกอบหลังไม่ห่างสีหน้าของเด็กสาวกลับมามีรอยยิ้ม ซึ่งเป็นภาพที่ทุกคนภายในบ้านต่างเฝ้าคิดถึงและอยากจะเห็นมันทุกช่วงเวลาหลังจากเธอได้รับข่าวดีว่าการแต่งงานระหว่างสองตระกูลถูกยกเลิกโดยฝ่ายชาย เช้าอันแสนสดใสของวันนี้พิงค์ไวน์จึงเริ่มต้นด้วยการทำอาหารให้ทุกคนภายในบ้านได้ทานกัน "ป้าบัวคะ พิงค์ขอใบกะเพราค่ะ""นี่ค่ะคุณหนู"แม้จะเป็นอาหารเช้าแต่หญิงสาวยังคงมีความตั้งใจทำอาหารไทยให้ทุกคนได้ทาน"ต้มยำกุ้งไปถึงไหนแล้วคะ""เหลือแค่ใส่มะนาวแล้วก็โรยผักก็เป็นอันเรียบร้อยค่ะ""ดีเลยค่ะ เสร็จจากตรงนี้แล้วเดี๋ยวพิงค์จะเจียวไข่ต่อ"ช่วงเช้าภายใน
แกร๊กเสียงประตูที่ถูกเปิดออกด้วยกุญแจสำรองจากแม่บ้านค่อย ๆ ปลุกให้เจ้าของห้องตื่นขึ้นมาในยามพลบค่ำของวันเดียวกัน"ใครคะ"เสียงหวานของพิงค์ไวท์เอ่ยถามออกไปเนื่องจากมองเห็นไม่ชัด ดวงตาปูดบวมผ่านการร้องไห้และไหนแสงไฟที่มืดสลัวมันยังทำให้เธอมองอะไรไม่ชัด "เจ้เอง"เสียงบวกด้วยกลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคยทำให้เจ้าของห้องรู้สึกเบาใจก่อนจะดันกายลุกขึ้นนั่งมองผู้มาใหม่คลิกแสงสว่างจากโคมไฟข้างเตียงนอนช่วยเพิ่มการมองเห็นให้กับทั้งสองสาว "เป็นยังไงบ้าง ป้าบัวบอกเจ้ว่าหมวยไม่ยอมลงไปทานข้าวเอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้อง""อ่อ คือ""หิวไหม"พลอยชมพูส่ายหน้าไปมา เธอรู้สึกผิดที่ทำให้พี่สาวคนรองต้องเป็นห่วง"ผัดกะเพราฝีมือหมวยอร่อยมากเลยนะ วันนี้เจ้ทานจนหมดเลย"พลอยทับทิมนั่งลบบนเตียงข้างน้องสาวก่อนจะคว้าร่างสวยของพลอยชมพูเข้ามากอด"รสชาติมันเหมือนตอนที่แม่ทำให้พวกเราทั้งสามคนทานเลยเนอะ""ฮึก เจ้ พิงค์คิดถึงแม่""เจ้ก็คิดถึง"แม้ว่าจะคิดถึงมากแค่ไหน แต่พลอยทับทิมก็ทำได้เพียงแค่เก็บความรู้สึกนั้นเอาไว้ในใจ"พิงค์คิดถึงแม่ พิงค์อยากกอดแม่ พิงค์อยากไปหาแม่ ที่นี่ไม่มีใครรักพิงค์เลย""มีสิ เจ้ไงที่รักพิงค์"ท่อนแขนออกแ
'ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้วใช่ไหม''ครับ'"เจ้คะ"หญิงสาวผู้มีใบหน้าเรียบนิ่งละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์เงยมองน้องสาวตรงหน้าร่างสูงโปร่งของพิงค์ไวท์อยู่ในชุดรัดกุมพร้อมสำหรับการเดินทางได้อย่างคล่องตัวเดินออกมาจากห้องน้ำตรงมาหาพี่สาวของตัวเอง"เจ้ให้คนเอากระเป๋าใส่เอกสารไปใส่ไว้ที่รถแล้วนะ เพื่อไม่ให้ป๊ากับอากงสงสัย""แล้วเจ้จะถ่วงเวลาอากงกับป๊ายังไงคะ"สีหน้าของน้องสาวไม่สู้ดี เพราะถ้าหากแผนนี้ถูกจับได้คงไม่เกิดผลดีต่อทั้งสองแน่"แค่พิ้งค์ทำตามที่เจ้บอก ไปกันเถอะใกล้จะได้เวลาแล้ว""เดี๋ยวก่อนค่ะ"พิงค์ไวท์เดินมาดักหน้า เธอสวมกอดพี่สาวคนรองตรงหน้าด้วยความรักและดีใจ"ขอบคุณนะคะที่เจ้ยอมทำทุกอย่างเพื่อหนู""เพราะพิงค์คือหัวใจของเจ้ คือน้องสาวที่เจ้รัก พิงค์รู้ใช่ไหม"พิงค์ไวท์พยักหน้ารับรู้ เธอสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นในขณะที่พี่สาวคนรองใช้ฝ่ามือลูบศีรษะของเธออย่างแผ่วเบา"ไปกันเถอะ ตอนนี้ทุกคนออกไปทำงานหมดแล้ว""ค่ะ"สองพี่น้องมองหน้ากัน เพียงแค่สบตาต่างฝ่ายก็สามารถรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของอีกฝ่าย"เจ้รักพิงค์นะ""ค่ะ พิงค์ก็รักเจ้"สองพี่น้องเดินคล้องแขนออกไปจากห้องนอน แต่ก่อนจะไปพิงค์ไวท์ใช้สายตากว
สายใจ อาหารตามสั่ง'ใครจะรู้ว่าฉันต้องเจ็บ ใครจะรู้ว่าฉันเองก็เจ็บเป็น'"โอ๊ย ไอ้ยี่หว่าเอ๊ย เอ็งหยุดร้องเพลงก่อนจะได้ไหม""ทำไมล่ะยาย ฉันออกจะร้องเพลงเพราะ""เพราะอะไรทำให้เอ็งมั่นใจว่าร้องเพลงเพราะวะ""อ้าว ๆ คนละหมัดกันไหมล่ะยาย"ว่าแล้วหญิงสาวใช้ฝ่ามือถลกแขนเสื้อ แต่เมื่อเจอตะหลิวคู่กายของป้าสายใจถึงกับต้องยกมือไหว้แทบไม่ทัน"แน่จริงก็มาสิ เดี๋ยวจะฟาดด้วยตะหลิวอันนี้""ขอโทษจ้ะยาย ยะ...ยายใจเย็น ๆ ก่อนนะ"ว่าแล้วเด็กสาวเดินเข้าไปใกล้ ใช้ใบหน้าสวยซบลงบนท่อนแขนของยายวัยหกสิบแต่ยังดูแข็งแรง"ยายจ๋า""ไม่ต้องมาจ๋าเลยเอ็งอะ ข้าผัดข้าวจนมือหงิกลูกค้าก็เข้าจนไม่มีโต๊ะจะนั่ง แต่เอ็งยังมีอารมณ์มาร้องเพลง มันน่าเขกกระบาลสักทีสองที"ยายสายใจว่าให้หลานสาวคนเดียว"โถ่ยาย ฉันก็พึ่งจะได้นั่งพักไหมล่ะ กว่าจะล้างจานเสร็จมันเหนื่อยนะ"ว่าแล้วก็ดันตัวออกเมื่อเห็นว่ายายที่ชุบเลี้ยงเธอมาเตรียมยกตะหลิวเตรียมพร้อมที่จะฟาดอีกครั้ง"อย่ามัวโอ้เอ้ ล้างจานเสร็จก็รีบไปหน้าร้าน วันนี้นังลำดวนมันลางานครึ่งวัน ลูกมันไม่สบายต้องรีบรับไปหาหมอ""อ้าว แล้วนี่ดอกแก้วเป็นอะไรมากไหมยาย""ไม่รู้เหมือนกัน เห็นครูที่โรงเรียน
เมืองไทย'ร้อนจัง'คำนี้ผุดขึ้นมาในหัวสมองของพิงค์ไวท์ทันทีเมื่อเธอก้าวขาออกมายืนอยู่ตรงหน้าสนามบินซึ่งเป็นจุดหมายของเธอในการหนีออกมาครั้งนี้ดวงตากลมโตหรี่มอง แสงแดดของเมืองไทยทำให้เธอสายตาพร่า กลิ่นอายควันเขม่าจากรถยนต์ที่วิ่งขวักไขว่กันไปมาทำเอาคุณหนูผู้สูงสักจากตระกูลมาเฟียใหญ่ถึงกับหอบหายใจอย่างลำบาก'ทำตัวอ่อนแอแบบนี้แล้วจะใช้ชีวิตรอดได้ยังไง'"อ๊ะ"หญิงสาวร้องอุทานออกมา ก่อนเธอจะยกนิ้วขึ้นมาแตะบริเวณศีรษะซึ่งก่อนหน้านี้เธอได้เข้าไปส่องใบหน้ามองดูตัวเองผ่านเงากระจกในห้องน้ำของสนามบิน แรงกระแทกจากอุบัติเหตุครั้งนั้นมันกำลังทำให้บริเวณหน้าผากเขียวช้ำจนทำให้เธอรู้สึกปวดแม้ยามขมวดคิ้วเข้าหา"จะไปทานไหนดีล่ะ"พิงค์ไวท์เลิกสนใจอาการปวดตรงบริเวณศีรษะ ตอนนี้สิ่งแรกที่เธอต้องหาคือที่พักซึ่งต้องเป็นที่ปลอดภัยและไม่เป็นที่สนใจของใครคนอื่นบรืน"ไปไหนไหมน้อง"เสียงกวนโอ๋ของมอเตอร์ไซรับจ้างซึ่งขับมาจอดขนาบข้างเอ่ยถามหลังจากที่มันเฝ้าสังเกตการณ์อยู่นาน"เอ่อ คือ""คืออะไรน้อง จะไปที่ไหนเดี๋ยวพี่ไปส่ง พี่คิดราคาไม่แพง""อ่อคือ หนูไม่มีตังค์ค่ะ"หญิงสาวยิ้มสีหน้าเจื่อน เธอเลื่อนสายตามองกระเป๋าสะพาย
ริมฝีปากของทั้งสองบดจูบกันอย่างดูดดื่มด้วยความต้องการทันทีเมื่อทั้งคู่ก้าวเขาผ่านประตูห้องพักสุดหรูของหญิงสาว ปังเพียงแค่ชายหนุ่มออกแรงใช้ปลายเท่าสะกิดประตูบานใหญ่ก็พร้อมจะปิดอย่างรู้หน้าที่"อืม พี่กันต์คะ"ริมฝีปากสั่นระริกเปล่งเสียงเรียกชายหนุ่ม ไฟแห่งความต้องการลุกโชนในดวงตาของทั้งคู่ "อืม ชมพู""ชมพู อ๊าส์ ต้องการพี่""พี่ก็ต้องการเธอ"ชายหนุ่มถอดเสื้อผ้าจนตัวเปลือย อุ้มร่างสวยของแฟนสาวไปวางไว้บนโซฟา จัดการถอดกระโปรงตัวสวยออกเหลือทิ้งไว้เพียงแต่ตัวเสื้อด้านบนที่จัดการปลดกระดุมแถวหน้าออกจนหมดเผยให้เห็นทรวดทรงสวยงามอย่างที่เขาเคยเห็นและสัมผัสมันมาก่อนแผล็บปลายเล็บทั้งสิบจิกลงบนเนื้อหนังของโซฟาตัวหนาเมื่อเรียวขาของเธอนั้นถูกชายหนุ่มจับอ้าเป็นรูปตัวเอ็มก่อนที่เขาจะนั่งคุกเข่าลงบนพรหมโน้มตัวลงไปกดปลายลิ้นลงบนร่องเปียกชื้น"อื้อ""ครางออกมา อย่ากลั้น""ฮึก พี่กันต์ขา"ไม่คิดว่าปลายลิ้นของเขาจะทำให้ทั่วทั้งร่างของเธอสั่นเทาได้ขนาดนี้ "อ๊าส์ พี่กันต์ ชมพู อืม""น้ำเธอหวาน ฉันชอบ"ชายหนุ่มเอ่ยปากชมเสียงสั่น โน้มตัวลงไปดูดดื่มน้ำหวานอีกครั้งอย่างหิวโหยจนหญิงสาวต้องยกเอวจนตัวลอย"อ๊าส์"น้
บรรยากาศภายในร้านอาหารสุดหรูติดอยู่กับริมแม่น้ำเจ้าพระยา บรรยากาศแบบเอาท์ดอร์มีโคมไฟตกแต่งเองเอาไว้ตามพุ่มไม้ มีสวนหย่อมของทางร้านอยู่ถัดออกไปไม่ไกลไว้ให้ลูกค้าได้ถ่ายรูปชื่นชมกับบรรยากาศภายในร้านได้อย่างสบายใจ"คุณนิลกาฬนี่ ลงทุนขนาดนี้เลยเหรอวะ""ลาภปากของพวกเราแล้วไหมล่ะ""แตกต่างจากเจ้าของค่ายคนเก่าเยอะ""มึงช่วยดูด้วย ลูกชายเจ้าพ่อมาเฟียจากประเทศจีนเลยนะน่ะ ธรรมดาซะที่ไหน""อิ่มแล้วเหรอว่ะไอ้กันต์""กินได้เรื่อย ๆ ไม่รีบ"ชายหนุ่มยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มเพื่อดับความกระหาย มองบรรยากาศภายในร้านนั่งฟังนักมวยคนอื่น ๆ พูดถึงเจ้าของค่ายคนใหม่"คุณนิลกาฬใจป้ำสุด ๆ ไปเลยว่ะ ปิดร้านอาหารเลี้ยงฉลองพวกเราทุกคนในค่ายเลย แถมยังใจดีให้พวกเราพายายกับพี่ลำดวนและน้องดอกแก้วมาด้วย"กองทัพหันไปมองโต๊ะที่ยายสายใจ พี่ลำดวนและลูกสาวกำลังนั่งร่วมโต๊ะกับยายหมูแม่บ้านของค่าย"เออ ไอ้กองทัพ กูว่าจะถามมึงตั้งแต่ที่ร้านของยายแล้ว ยี่หวาไปไหนวะทำไมกูไม่เห็น""ไปธุระสำคัญ กูโทรไปถามแล้ว เดี๋ยวจะตามมา"กองทัพตอบเพื่อนก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มในขณะที่ใช้สายตามองไปยังร่างหล่อของเพื่อนซึ่งกำลังนั่งมองแม่น้ำสายใหญ่"มองอะ
หลายเดือนผ่านไปปึก ปึก ปึกโห่ กรี๊ด"ไอ้กันต์ สู้มันเว้ย""ใจเย็น ๆ ไอ้กันต์ ล็อกเป้าหมาย หาจุดอ่อนของมันให้ได้"เสียงโห่ร้องดังมาพร้อมกับเสียงของอาจารย์ยอดและเพื่อนร่วมค่ายดังสนั่นstadium ทุกคนต่างจับจ้องมวยคู่เอกของการชกในไฟล์นี้ ดวงตาคมกริบวาววับจับจ้องคู่ต่อสู้อย่างไม่ละสายตา เพื่อหาจังหวะเข้าน็อกอีกฝ่ายเพื่อเร่งจบเกมในครั้งนี้ให้ได้ปึก ปึก ปึกแต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ง่าย เหมือนว่าอีกฝ่ายจะเตรียมตัวมาพร้อม"ชก""ยายว่าพี่กันต์จะชนะไหม ฉันตื่นเต้นจังเลยยาย""เออ ข้ารู้แล้ว ข้าก็ตื่นเต้นไม่แพ้เอ็งหรอก ใช่ไหมนังลำดวน""ใช่จ้ะป้า"ลำดวนต่อป้าสายใจในขณะที่เรียวแขนของเธอทั้งสองข้างโอบกอดลูกสาวเอาไว้ทุกตนต่างพากันแห่มาให้กำลังใจชายหนุ่มกับการขึ้นชกในครั้งนี้เนื่องด้วยไฟล์ชกครั้งนี้เป็นครั้งยิ่งใหญ่ในรอบปีเลยก็ว่าได้ การเปลี่ยนเจ้าของค่ายคนใหม่ดูเหมือนว่าจะทำให้อะไรมันดีขึ้น นักธุรกิจใหญ่ผู้มีอำนาจจากประเทศจีนได้รับช่วงต่อเป็นเจ้าของค่ายคนใหม่ ผลักดันให้นักมวยในค่ายได้มีรายการชกทุกคน โดยมีอาจารย์ยอดและเลขาของเขาคอยเป็นผู้ประสานงานให้ ประสิทธิภาพของนักมวยในค่ายหลังจากได้อยู่กับเจ้าของ
ปึก"นี่คือเอกสารทั้งหมดที่พิงค์จะต้องอ่านให้หมดภายในวันนี้ ทำความเข้าใจกับมันให้ครบแล้วสรุปงานมาให้เจ้อ่านตอนเย็น"อึก"หะ...หมดนี่เลยเหรอคะ""ใช่ ทำไม น้อยเกินไปเหรอ""เอ่อ ไม่ค่ะ กำลังพอดีเลย"พิงค์ไวท์กลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบากเมื่อมองแฟ้มเอกสารตรงหน้าสิบกว่าเล่ม'อ่านให้หมดภายในวันนี้ แล้วสรุปงานให้เจ้อ่าน มันจะโหดเกินไปไหม'"เจ้ให้คนยกโต๊ะทำงานมาไว้ให้แล้วนะ ไม่เข้าใจตรงไหนก็ถามเจ้ได้""ขอบคุณนะคะเจ้""ตั้งใจเรียนรู้งานนะ เจ้เอาใจช่วย"ฝ่ามืออบอุ่นของพี่สาวคนรองวางลงบนศีรษะทำให้พิงค์ไวท์ยิ้มออกมาได้"ขอบคุณนะคะเจ้"พิงค์ไวท์รู้สึกดีใจที่มีพี่สาวแสนดีกับเธอขนาดนี้ นับว่าเป็นเรื่องโชคดีที่เธอได้เกิดมาอยู่ในครอบครัวที่อบอุ่นเอกสารกองใหญ่ถูกเปิดอ่านครั้งแล้วครั้งเล่าในขณะที่พิงค์ไวท์สรุปงานใส่แผ่นกระดาษไปด้วยความตั้งใจ โดยมีสายตาคมกริบของผู้เป็นพี่สาวคอยเหลือบมองอยู่เป็นบางครั้งคราวก๊อก ก๊อก ก๊อก"เชิญ"ประตูห้องทำงานบานใหญ่ถูกเปิดออกทันทีเมื่อคนด้านในอนุญาต พลอยทับทิมมองผู้เป็นพี่ชายเดินหอบหิ้วของกินมากมายเดินเข้ามา และยังมีบางส่วนที่บอดี้การ์ดของพี่ชายถือเอาไว้"จะขนไปเลี้ยงแข
"ป๊ากับอากงมีอะไรอยากจะคุยกับหนูเหรอคะ"หญิงสาวถามขึ้นมาทันที เมื่อเธอทรุดกายนั่งลงบนโซฟาระหว่างกลางพี่ชายกับพี่สาวทั้งสองภายในห้องทำงานของบิดา"ก่อนที่จะคุยเรื่องอื่น ป๊ามีเรื่องจะถามหมวย แค่หมวยเล็กคนเดียวที่จะต้องตอบคำถามป๊า""อะไรคะ"พิงค์ไวท์มองหน้าบิดาและอากงด้วยสายตาไม่ไว้วางใจสักเท่าไหร่"ผู้ชายที่ชื่อกันต์ เป็นอะไรกับหมวยเล็ก""พี่กันต์เป็นคนที่หนูรักค่ะ""แค่นั้น""เราสองคนมีอะไรกันแล้วที่ทะเลก่อนหมวยจะกลับมาที่นี่ค่ะ"ปัง"นี่หมวย"ทุกคนภายในห้องทำงานต่างมีสีหน้าแตกตื่นเมื่อได้ฟังคำสารภาพผิดของพิงค์ไวท์"หมวยรักพี่กันต์ค่ะ เราสองคนรักกัน พี่กันต์ไม่ได้บังคับ หมวยสมยอมเอง"เธอบอกบิดาแค่นั้น ถ้าท่านรู้ว่าเธอเป็นซื้อถุงยางอนามัยให้ชายหนุ่มคงเป็นลมล้มพับลงไปนั่งกองอยู่กับพื้นแน่ เผลอ ๆ อากงของเธอคงจะช็อกหัวใจวาย"ให้ตายเถอะหมวย หนูเป็นผู้หญิงนะลูก""แต่เราสองคนป้องกันนะคะ แล้วอีกอย่างเรื่องนี้หมวยเป็นคนเริ่มก่อนเอง""เฮ้อ เอาไงดีครับป๊า เรื่องมันเป็นแบบนี้ไปแล้ว""เชื้อไม่ทิ้งแถวไม่มีผิด สมแล้วกับที่เป็นหลานของอาหมิง"องกงพยักหน้าในขณะที่นึกถึงภรรยาที่ล่วงลับ หลานชายคนโตและหลานสาวคน
"อาหมวย""อากงขา"อากงอ้าแขนโอบกอดหลานสาวคนสวยทันทีเมื่อเธอเดินเข้ามาในคฤหาสน์หลังใหญ่ "อากงขอโทษนะลูก อากงขอโทษ""หนูก็ต้อง ฮึก ขอโทษที่หนีไป"ชายชรากอดร่างของหลานสาวเอาไว้ในอ้อมแขนแน่น เขาเฝ้านับวันเวลาที่จะได้เจอหลานสาวคนนี้เพื่อที่อยากจะบอกขอโทษในสิ่งที่ทำผิดพลาดไป"หนูขอโทษที่ทำให้ทุกคนต้องเป็นห่วง ฮึก ขอโทษนะคะ อากง ป๊า เฮีย เจ้""หนูก็ต้องขอโทษป๊ากับอากงเหมือนกัน""ผมด้วยครับ ขอโทษครับป๊า ขอโทษครับอากง"ประมุขใหญ่ทั้งสองมองหน้าลูกหลานทั้งสาม "ครั้งนี้ป๊ากับอากงจะถือว่าเป็นความผิดของลูกครั้งแรก แต่คราวหน้าคราวหลังอย่าทำแบบนี้อีกเข้าใจไหม อยากจะไปไหนมาไหนให้บอกป๊า""ค่ะ/ครับ""เพราะว่าต่อไปป๊ากับอากงจะไม่บังคับพวกลูกทั้งสามคนเหมือนกับที่ผ่านมาอีกแล้ว ที่ผ่านมาป๊ากับอากงอยากจะขอโทษลูกทั้งสามคนในทุก ๆ เรื่อง แต่ตอนนี้ไม่ว่าพวกลูกทั้งสามคนอยากทำอะไรทำได้เลย ป๊าขอเพียงแค่อย่างเดียว ก่อนจะทำอะไรขอให้พวกลูกทั้งสามคนคิดให้รอบคอบก่อนที่จะลงมือทำ เข้าใจไหม""เข้าใจค่ะ/ครับ"ทั้งสามพยักหน้า พุ่งเข้ากอดบิดาและอากงของพวกเขา"ป๊ากับอากงรักพวกหนูทั้งสามคนมากนะลูก""พวกหนูก็รักป๊ากับอากงมากเหมือน
ร่างสูงใหญ่ทรุดกายนั่งลงบนเตียงนอนภายในห้องพักอย่างคนอ่อนแรกด้วยสีหน้าไม่ยิ้มแย้ม เพราะในตอนนี้เขากำลังไม่มีความสุข ปลายนิ้วแตะสัมผัสลงบนสร้อยข้อมือลูบคลำชื่อของหญิงสาวที่สลักอยู่"ไอ้กันต์"สายตาเหม่อลอยเงยมองหน้าผู้มาใหม่ กองทัพและยี่หวาเดินนำหน้าเข็มทิศเข้ามาในห้องพัก ทั้งสาวมองสภาพอันแสนน่าเศร้าของชายหนุ่มในตอนนี้ด้วยความเห็นใจ"น้องชมพูไปแล้วนะ"กองทัพเดินเข้ามาหา วางฝ่ามืออุ่นร้อนลงบนไหล่หนาออกแรงบีบอย่างต้องการให้กำลังใจกองทัพหันไปมองหน้ายี่หวา ราวกับต้องการให้เธออธิบายเรื่องพวกนี้ให้อีกฝ่ายได้เข้าใจ"อันที่จริงแล้ว ชมพูไม่ใช่น้องสาวของฉันและไม่ได้เป็นหลานสาวของยายอย่างที่ใคร ๆ รู้"ยี่หวาเกริ่นขึ้นมาในขณะที่สายตาของเธอยังคงจ้องหน้าชายหนุ่ม"วันนั้นฉันกลับมาจากตลาด เห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังโดนฉุดไปทำร้าย ฉันก็เลยช่วยเธอเอาไว้และพากลับมาที่บ้าน ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอเป็นใคร แต่พอเธอตื่นขึ้นมา เธอก็บอกฉันว่าเธอชื่อชมพูไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน"ทุกต่างตั้งใจฟังในสิ่งที่ยี่หวาเล่าออกมา"ฉันกับยายสงสารเพราะเห็นว่าเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนเดียวก็เลยให้พักอยู่ที่บ้าน และบอกทุกคนว่าชมพูเป็นหลาน
"เรื่องในคลับวันนั้น ผมกับปิ่นรวมหัวกันวางยาลูกสาวของท่านจริงครับ""เพราะอะไร""น้องสาวของผมชอบพอนักมวยในค่ายของผมครับ"อัศวินชี้นิ้วไปยังร่างสูงใหญ่ของกันต์ดึงสายตาของหลงเฟยหยางให้หันมองตาม"ผมกับปิ่นรวมหัวกันวางแผนกีดกันลูกสาวของท่านกับนักมวยในค่าย แต่ผมสาบานได้เลยนะครับว่าคืนนั้นผมไม่ได้มีอะไรกับลูกสาวของท่านเลยจริง ๆ จะให้ผมไปสาบานที่ไหนก็ได้"ชายหนุ่มยกมือชูสามนิ้วด้วยท่าทางร้อนรนกลัวว่าคนตรงหน้าจะไม่เชื่อ"ส่วนเรื่องวันนี้ที่เกิดขึ้น ก็เป็นฝีมือของผมกับน้องสาวเหมือนกันครับ นักมวยในค่ายของผมกับน้องสาว ที่จริงแล้วทั้งสองคนไม่ได้มีอะไรกันจริง ๆ ""...""มันเป็นแค่เพียงแผนจัดฉากเพื่อที่จะทำให้ลูกสาวของท่านเข้าใจผิด โดยมีผู้หญิงคนนั้นเป็นคนลงมือ"เมื่อถึงทางตันอัศวินจึงยอมปริปากพูดออกมาจนหมด เขาซัดทอดไปถึงผู้ร่วมขบวนการครั้งนี้อย่างน้ำหอมที่กำลังยืนตัวสั่น"ฉันถูกคุณอัศวินบังคับค่ะ เขากับหมอปิ่นขู่ ถ้าฉันไม่ยอมทำตามเขาจะปล่อยคลิปฉาวที่เราสองคนมีอะไรกัน""ฉันขอโทษคุณพิงค์ไวท์ด้วยนะคะ ฉันขอโทษนายด้วยนะกันต์"ชายหนุ่มเค้นเสียงหัวเราะในลำคอ สะบัดใบหน้าหันไปมองทางอื่น นึกรังเกียจผู้หญิงอย่างอ
ทันทีเมื่ออัศวินพูดจบ ทุกคนในค่ายก็ต่างหันไปมองชมพูซึ่งกำลังยืนร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของพี่สาวเป็นสายตาเดียวแม้แต่ชายหนุ่มอย่างกันต์เองก็ตาม"ชมพู ชื่อแท้จริงของเธอคือ พิงค์ไวท์ น้องสาวคนเล็กของฉัน ทีนี้รู้แล้วใช่ไหมว่าจุดจบของแกควรออกมาเป็นแบบไหน""มะ...ไม่จริง เป็นไปไม่ได้"อัศวินส่ายหน้าอย่างคนไม่สามารถยอมรับความจริงได้ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นจริง วันนี้คือวันที่เขาจะได้ใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้"เป็นไปได้สิ เพราะนี่มันคือเรื่องจริง"อัศวินกระตุกยิ้ม เผชิญหน้ากับคุณนภดลอย่างไม่เกรงกลัว "ตกใจเหรอครับ ไม่ต้องตกใจหรอกนะครับ เพราะว่าวันนี้ยังมีอีกหลายเรื่องที่จะทำให้คุณตกใจ""ไม่จริงใช่ไหม เรื่องหนี้เจ็ดสิบล้าน"น้ำเสียงที่สั่นจากปากของคุณนภดลนั้นยิ่งฟังดูน่าขำ"ถามลูกชายของคุณเองเถอะครับว่าจริงไหม อันที่จริงแล้วผมก็ไม่ได้อยากจะพูดถึงเรื่องนั้นในตอนนี้หรอกนะครับ ถ้าลูกชายของคุณกับลูกสาวของคุณไม่ทำเลวระยำกับน้องสาวของผมเอาไว้"ปิ่นหทัยตัวสั่นเมื่อนิลกาฬเผลอชี้ปลายกระบอกปืนมาทางเธอ"วันนี้ผมก็เลยต้องจัดการทุกอย่างให้มันจบ"แกรก"ว่าไงครับเรื่องเงินที่ค้างผมอยู่"ปลายกระบอกปืนถูกจ่อไปยังศีรษะของอัศว