"เจ็บมากไหมอาหมวย"ความเงียบคือคำตอบพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา นิลกาฬหลบมองต่ำเขากอบกุมฝ่ามือของน้องสาวเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
"อากงท่านคงไม่ได้ตั้งใจ หมวยอย่าโกรธอากงเลยนะ" "หมวยไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วเฮีย"คำพูดจากปากของน้องสาวทำเอาชายหนุ่มชะงัก "เราสามคนหนีไปอยู่ที่อื่นกันดีไหม" "หมวย อย่าพูดแบบนี้" "อากงกับป๊าไม่รักหนูเลย"ความอดทนพังทลาย ใบหน้าบวมช้ำซุกลงบนแผงอกของพี่ชาย น้ำตาเม็ดใสหยดแล้วหยดเล่าไหลออกมาราวกับสายน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากจนเสื้อเชิ้ตสีขาวพี่ชายเปียกชุ่ม "หมวย" "ฮึก"เสียงร้องไห้ดังขึ้นซึ่งเปรียบเหมือนหอกหนามทิ่มแทงใจของคนฟัง หมวยเล็กคือที่รักของทุกคนภายในบ้าน เธอเปรียบเสมือนแสงสว่าง ความสดใสให้กับทุกคน "หลับไปแล้วเหรอ" "อืม ร้องไห้จนหลับไป"พี่ชายคนโตเอ่ยบอกน้องสาวคนรองทันทีเมื่อก้าวขาออกมาจากห้องนอนของน้องสาวคนเล็ก "มีแผลไหม" "แดงเป็นรอยฝ่ามือ เฮียประคบให้แล้วพรุ่งนี้ก็คงจะดี" "มีอะไรจะคุยด้วย"อาหมวยคนรองเดินนำพี่ชายไปยังห้องนอนของตัวเอง บรรยากาศยามเช้าอันแสนสดใสของวันไหมแต่มันช่างแตกต่างกับความรู้สึกภายในใจของพิงค์ไวท์ ร่างสวยในชุดเดรสสีหวานก้าวขาลงบันได ใบหน้าของเธอไร้ซึ่งรอยยิ้มดวงตาหม่นหมองหาความสุขแทบไม่ได้ "คุณหนู" "ป้าบัว"แม่บ้านวัยชราเดินเข้ามาหา จากสีหน้ายิ้มแย้มเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่ง รอยยิ้มเมื่อครู่ของป้าบัวค่อย ๆ หายไป เมื่อเห็นริ้วรอยฝ่ามือบนใบหน้าคุณหนูของเธอ "คะ...คุณหนู" "ไม่เป็นอะไรค่ะป้า พิงค์ไม่เจ็บเลยสักนิด"ริมฝีปากสวยพยายามคลี่ยิ้มบาง ๆ ก่อนที่ร่างเล็กของพิงไวท์จะเดินเข้าไปประคองท่าน บรรยากาศภายในบ้านเงียบสนิทแบบนี้ ทุกคนคงออกไปทำงานกันหมด แต่ก็ดี เพราะตอนนี้เธอไม่พร้อมที่จะเจอหน้าใคร "เช้านี้มีข้าวต้มทะเลของโปรดคุณหนู จะทานเลยหรือเปล่าคะป้าจะให้เด็กจัดโต๊ะ"ป้าบัวหันมาถาม เธอพยายามไม่หันไปมองรอยแผลบนใบหน้านั่นเพราะมันคือสิ่งสะเทือนจิตใจของคนที่คอยอุ้มชูเลี้ยงดูสาวน้อยมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก "พิงค์ยังไม่หิวค่ะ" "คุณหนูคะ แต่นี่มันก็เลยเวลาอาหารเช้ามามากแล้ว ถ้าคุณท่านทั้งสองรู้เข้า" "ป้าบัวก็ไม่ต้องบอกสิคะ"สีหน้าของป้าบัวแสดงถึงความลำบากใจ อีกใจก็นึกเป็นห่วงเด็กสาวกลัวว่าจะปวดท้องเอา "นะคะ ตอนนี้พิงค์ยังไม่หิว เอาไว้พิงค์หิวเมื่อไหร่เดี๋ยวจะไปหาอะไรในครัวทานเอง" "คะ...คุณหนู" "ขอตัวก่อนนะคะ"สาวน้อยของบ้านหมุนตัวเดินออกมา ท่ามกลางสายตาเป็นห่วงของป้าบัวที่คอยลอบมองแผ่นหลังเล็กเดินออกไปไกล ใบหน้าสวยเรียบนิ่งมองสิ่งสวยงามตรงหน้า กลิ่นหอมของดอกไม้นานาชนิดไม่ได้ช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด 'ถ้าหมวยไม่อยากเรียนต่อปริญญาโท หมวยก็จะต้องแต่งงานกับหลานชายของเพื่อนสนิทอากง เข้าใจไหม'ทางเลือกสองทางที่เธอไม่เคยต้องการ มันก็ไม่ต่างอะไรจากฝันร้าย ทำไมถึงไม่มีใครเข้าใจเธอ ทำไมไม่มีใครรู้ว่าเธอรักหรือต้องการอะไร หรือในสายตาของทุกคน เธอก็เป็นเพียงตุ๊กตาไร้หัวใจคิดจะหยิบจับไปวางตรงไหนก็ได้ แบบนั้นใช่ไหม กรี๊ง ตุบ ตุบ ตุบ เสียงระฆังที่ดังขึ้นก่อนร่างสูงใหญ่ของทั้งสองพุ่งเข้าหา สีหน้าและแววตาของนักสู้เรียบนิ่งเพื่อมองหาสิ่งที่เรียกว่า'จุดอ่อน'ของอีกฝ่าย "ไอ้กันต์ต่อยมันเลยสิวะ" "ไอ้เข้ม มึงอย่าไปยอมมันนะ เตะมันเลย"เสียงตะโกนเรียกชื่อของทั้งสองดังกึกก้องตามด้วยเสียงโห่ร้องเชียร์รอบสังเวียนเดือนสำหรับนักมวยคู่ชกในยามค่ำคืนนี้ "รักษาแชมป์เอาไว้ให้ได้นะโว้ยไอ้กันต์ มึงอย่าไปยอมมันนะโว้ย"เสียงอาจารย์ยอดครูมวยตะโกนเชียร์ลูกศิษย์คนเก่งในค่ายให้เดินหน้าปล่อยหมัดใส่อีกฝ่าย แรงเชียร์ช่วยทำให้ผู้รักษาแชมป์อย่างกันต์ไร้พ่ายเอาชนะคู่ต่อสู้ไปได้อีกครั้ง ตึง "หมดยก" "เย้"เสียงโห่ร้องดังก้องstadiumด้วยความดีใจเมื่อแชมป์เก่าสามารถรักษาเข็มขัดในการต่อสู้ครั้งนี้เอาไว้ได้ เข็มขัดนักมวยอันใหญ่ถูกมอบให้กับฝ่ายผู้ชนะท่ามกลางความดีใจของคนในค่ายและผู้ที่รักษาแชมป์เอาไว้ได้อีกครั้ง 'อัศวินผู้ไร้พ่าย'ไม่ใช่ได้มาเพราะโชคช่วยทุกสิ่งอย่างล้วนมาจากความขยันอดทน การไม่ยอมแพ้ และการยืนหยัดอยู่กับสิ่งที่ตัวเองรัก "ยินดีกับมึงด้วยนะไอ้กันต์" "เออ ขอบใจโว้ยไอ้กอง" "กองทัพ กรุณาเรียกชื่อเต็มกูด้วยครับไอ้เหี้ย"เจ้าของแชมป์กระตุกยิ้มด้วยความชอบใจ ก่อนจะหันไปเก็บของใส่ลงกระเป๋าหลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ "เออ แล้วนี่มึงจะกลับค่ายเลยหรือเปล่า"กองทัพนักมวยในค่ายแต่ต่อยคนละรุ่นกับเขาเอ่ยถาม "ก็ว่าจะกลับเลย อยากนอนพักสักหน่อยวะ รู้สึกเหนื่อย ๆ "ว่าแล้วก็เก็บกระเป๋าขึ้นสะพายไหล่ ดวงตาคมกริบกวางมองห้องเตรียมตัวสำหรับนักมวยของแต่ละค่ายที่เข้ามาใช้stadiumแห่งนี้ "แล้วนี่ไอ้ทิศมันหายหัวไปไหน"กันต์ นักมวยในวัยยี่สิบหกปีผู้ที่ได้รับฉายา'อัศวินไร่พ่าย'เอ่ยถามถึงเพื่อนสนิทอีกคนที่ไม่รู้ว่าตอนนี้หายไปอยู่ที่ไหน "กูก็ไม่รู้เหมือนกันวะ มันคงจะอยู่แถวนี้ล่ะมั้ง กลับกันเถอะ" "เออ"ชายหนุ่มทั้งสองเดินคล้องคอก้าวขากันออกมา ปัง ปัง ปัง เสียงพลุกระดาษที่ดังขึ้นทำเอาสองหนุ่มถึงกับสะดุ้งเมื่อก้าวขาผ่านพ้นประตูห้องพักไว้สำหรับการเตรียมตัวของนักมวย "ยินดีด้วยนะครับแชมป์สองสมัย"ริมฝีปากของชายหนุ่มเจ้าของแชมป์ยิ้มกว้างออกมาเมื่อเห็นภาพตรงหน้า ภาพพี่น้องนักมวยในค่ายรวมไปถึงเจ้าค่ายมวย ครูผู้ฝึกสอนต่างพากันมาแสดงความยินดีให้กับเขา "ยินดีด้วยนะกันต์ กูบอกมึงแล้วว่าคนอย่างมึงต้องทำได้" "ขอบคุณครับพี่ยอด"ผู้รักษาแชมป์กล่าวขอบคุณครูมวยที่ช่วยฝึกตั้งแต่ที่เขาเริ่มเข้าวงการต่อยมวยใหม่ ๆ "พวกเราทุกคนเชื่อฝีมือของพี่อยู่แล้วพี่กันต์ว่าพี่ต้องทำได้ ใช่ไหมพวกเรา" "ใช่"เหล่าพี่น้องและผองเพื่อนในค่ายต่างเชื่อมั่นในตัวของชายหนุ่ม ค่ายมวย'อัศวิน มวยไทยยิม'ครอบครัวนักมวยที่อยู่แบบครอบครัวพี่น้อง และนั่นคือครอบครัวของ'กันต์'ผู้ชายคนนี้ "ยินดีกับการประสบความสำเร็จของนายด้วยนะกันต์"อัศวิน เจ้าของค่ายมวยเดินเข้ามาก่อนจะยื่นซองสีขาวให้ซึ่งใครต่อใครก็รู้ว่าสิ่งที่อยู่ในซองนั้นมันคืออะไร ค่าตอบแทนสำหรับคนที่มีความขยันและมุ่งมั่นในการฝึกซ้อมมาอย่างยาวนาน "ขอบคุณครับ คุณอัศวิน" "พรุ่งนี้เราจะมีปาร์ตี้ฉลองกันที่ค่าย เต็มที่ได้เลยนะทุกคน" "เย้"เสียงโห่ร้องด้วยความดีใจของนักมวยภายในค่าย'อัศวิน'ดังขึ้น ก่อนเจ้าของค่ายจะปลีกตัวเดินออกไป ปล่อยให้ทุกคนได้เข้ามาแสดงความยินดีกับแชมป์ที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ สีหน้าของแชมป์สองสมัยเต็มไปด้วยรอยยิ้มท่ามกลางเสียงโห่ร้องดีใจของคนในค่ายเมื่อเข็มขัดนักมวยคู่ใจยังคงอยู่กับชายหนุ่มอีกครั้ง "ไปโว้ยไอ้กันต์ ไปฉลองกัน"ปักกิ่ง ประเทศจีนบรรยากาศอันแสนร่มรื่นมีกิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่แผ่ปกคลุมแสงแดดให้กับผู้คนที่เข้ามาพักผ่อนหย่อนใจภายในสวนสาธารณะแห่งนี้ สีหน้าของเด็กน้อยแก้มแดงดูดีมีรอยยิ้มสดใสเหมือนกับมารดาของเธอที่กำลังนั่งยิ้มให้อยู่ข้างกาย"แม่ขา เมื่อไหร่แม่จะพาพิงค์กลับไปเที่ยวเมืองไทยอีกคะ พิงค์อยากไปเที่ยวทะเลอยากไปเล่นน้ำตกที่นั่น อยากทานอาหารที่แม่ทำ"เสียงหวานของเด็กน้อยในวัยสิบขวบดังเจื้อยแจ้วจนมารดาต้องยิ้มออกมากับคำถามและความน่ารักของเด็กน้อยฝ่ามือเรียวบางค่อย ๆ ยื่นไปสัมผัสแก้มขาวอมชมพูอย่างแผ่วเบา'พราวนารา'บรรจงเช็ดเหงื่อบนใบหน้าของลูกสาวด้วยความอ้อยอิ่ง แววตาอ่อนโยนของหญิงสาวชาวไทยแท้มองหน้าบุตรสาวคนสุดท้องด้วยความรัก"ช่วงนี้ป๊าทำงานหนัก เอาไว้ใกล้จะปีใหม่แม่จะลองพูดกับป๊าให้ ดีไหมจ๊ะ""แต่หนูอยากไปเดี๋ยวนี้ แม่ช่วยพูดกับป๊าให้พาพวกเราไปเที่ยวที่เมืองไทยไม่ได้เหรอคะ พิงค์เชื่อว่าเฮียแบล็กกับเจ้เรสก็ต้องอยากไปเหมือนกับพิงค์"เด็กสาวทำปากยื่นจนคนเป็นแม่รู้สึกเห็นใจ แต่ถึงอย่างไรเธอก็ไม่สามารถทำตามความต้องการของลูกน้อยได้"ตั้งแต่พิงค์เกิดมาจนถึงตอนนี้ พิงค์แทบจะนับครั้งได้ที่เราทั้งห้าค
ไพรเวทเจ็ท พุ่งทะยานขึ้นสู่น่านฟ้า ดวงตากลมโตที่ถูกปิดซ่อนภายใต้แว่นตาราคาแพงเหม่อมองออกไปยังนอกหน้าต่างท่ามกลางก้อนเมฆสีขาวสะอาดตา สาวสวยผู้มีใบหน้าเรียบนิ่งทั้งที่จริงแล้วเธอเป็นคนยิ้มง่ายเน้นติดตลกไปเสียด้วยซ้ำตกอยู่ในสายตาของบอดีการ์ดคู่กาย และด้วยสีหน้าของเจ้านายทำให้บอดีการ์ดคู่กายรู้ได้ว่าเจ้านายของเธอกำลังตกอยู่ในสภาพเช่นไร"มีเรื่องให้ไม่สบายใจเหรอคะคุณหนู"โทนเสียงเรียบไม่ติดเล่นของ'เจสสิก้า'ดึงสติและใบหน้าของพิงค์ไวท์ให้หันกลับมาหาบอดีการ์ดสาวคู่ใจ"นั่งก่อนสิคะ""ค่ะ"บอดีการ์ดสาวนั่งลงบนโซฟาตรงหน้าโดยมีโต๊ะขนาดเล็กแต่ราคาไม่เล็กขั้นกลางระหว่างเธอกับเจ้านาย"เมื่อคืนพิงค์ฝันถึงแม่""คุณหนูฝันถึงนายหญิง"พิงค์ไวท์พยักหน้า ก่อนหญิงสาวจะถอนแว่นตาราคาแพงวางลงบนโต๊ะ"พิ้งค์ฝันถึงแม่ ฝันถึงเหตุการณ์วันนั้น"ความเงียบปกคลุมภายในห้องรับรองของเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว เจสสิก้านั่งเงียบรอฟังคำพูดจากปากของคุณหนูเท่านั้น"ถึงแม้ว่าเรื่องมันจะผ่านมานาน แต่พิงค์กลับรู้สึกว่าเรื่องพวกนั้นมันเกิดขึ้นเมื่อวาน"มันเป็นเหตุการณ์สะเทือนใจครั้งยิ่งใหญ่ เมื่อตระกูลเก่าแก่อย่าง 'หลงเฟยหยาง'ได้สูญเสียนายห
แก๊ก แอดประตูไม้สักบานใหญ่ถูกแกะสลักลวดลายให้เป็นรูปมังกรค่อย ๆ ถูกเปิดออก สายตาของผู้คนที่อยู่ภายในมองไปยังร่างเล็กของผู้มาใหม่ ทุกคนต่างแสดงสีหน้าเรียบนิ่งซึ่งใบหน้าพวกนี้ล้วนเป็นสิ่งที่พิงค์ไวท์เห็นมาตั้งแต่จำความได้ ไม่มีรอยยิ้มแสดงความดีใจ ไม่มีแม้แต่อ้อมกอดอันแสนอบอุ่น "สวัสดีค่ะ""มาแล้วเหรอ""ค่ะ ป๊า"เฟยหลงเงยหน้ามองลูกสาวคนเล็กด้วยแววตาเรียบนิ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครรู้ได้ว่าเขากำลังคิดอะไร"มาให้อากงกอดลื้อหน่อยสิหมวยเล็ก"เด็กสาวพยักหน้า เดินเข้าไปหาอากงเพื่อสวมกอดท่าน"เป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม""หนูสบายดีค่ะ แล้วอากงล่ะคะ""ก็สบายดีตามประสาคนแก่นั่นแหละ"สองปู่หลานดันร่างออกจากกัน ก่อนจะพานั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่"ไม่ได้เจอกันนาน ทำไมหลายสาวของอากงถึงได้ผอมแห้งแบบนี้ล่ะ ดูสิ ไม่มีน้ำมีนวลเหมือนเมื่อก่อนเลย"ชายชราไล่สายตามองรูปร่างของหลานสาวคนสุดท้องพลางใช้ฝ่ามือสัมผัสไปตามท่อนแขนเรียวติดผอมแห้งของเธอ"เรียนหนักหรืออาหมวย""ค่ะ"พิงค์ไวท์พยักหน้ารับ ก่อนเธอจะหันไปส่งยิ้มบาง ๆ ให้กับพี่ชายคนโตและพี่สาวคนรองซึ่งกำลังมองมาเพื่อเป็นการทักทาย"จะเป็นไปได้ยังไง คณะบริหารที่ป๊าของลื้อ
อ้อมกอดเหน็บหนาวกัดกินขั้วหัวใจของเด็กสาว ไม่ว่าจะยามหลับหรือยามตื่นขึ้นมาก็ตาม ความพยายามในการที่จะเล่าเรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบดูเหมือนว่ามันจะสูญเปล่า เกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากคณะสถาปัตยกรรมดูเหมือนจะไม่เข้าตาของบิดา ตลอดระยะเวลาที่เธอได้ทุ่มเทให้กับการเรียนมันดูเหมือนว่าจะสูญเปล่าไม่ได้ดั่งที่ใจหวังเอาไว้เคร้ง"อะ...อากงพูดว่าอะไรนะคะ"เสียงสั่นดังขึ้น บรรยากาศในห้องรับประทานอาหารเงียบลงไม่มีแม้แต่สิ่งรบกวนชวนให้คนภายในบ้านหลังนี้ได้รู้สึกขัดใจ"อากงอยากให้หมวยเล็กเรียนต่อปริญญาโทที่อังกฤษ อากงมีคนรู้จักเป็นอธิการบดีของที่นั่น"หัวใจของหญิงสาวในวัยยี่สิบสองปีวูบโหง ดวงตาวูบไหวเมื่อได้ยินคำพูดนี้หลุดออกมาจากปากของอากงที่เธอรักและเคารพบังคับกันอีกแล้ว ประโยคนี้ผุดขึ้นภายในใจของพลอยชมพู"ทำไมคะ ทำไมหนูต้องเรียนต่อโททั้งที่หนูพึ่งจะเรียนตรีได้ไม่นาน""เพราะมันคือความต้องการของอากง"และมันคงเป็นความต้องการของป๊าเธอด้วย"ทั้งเฮียและเจ้ต่างจบโทด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากคณะบริหารด้วยกันทั้งคู่ ในเมื่ออาหมวยไม่ได้เรียนจบตรีในสิ่งที่ป๊าต้องการ เพราะฉะนั้นอาหมวยต้องเรียนต่อปริญญาโทตามที่อากง
"เจ็บมากไหมอาหมวย"ความเงียบคือคำตอบพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา นิลกาฬหลบมองต่ำเขากอบกุมฝ่ามือของน้องสาวเอาไว้ไม่ยอมปล่อย"อากงท่านคงไม่ได้ตั้งใจ หมวยอย่าโกรธอากงเลยนะ""หมวยไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วเฮีย"คำพูดจากปากของน้องสาวทำเอาชายหนุ่มชะงัก"เราสามคนหนีไปอยู่ที่อื่นกันดีไหม""หมวย อย่าพูดแบบนี้""อากงกับป๊าไม่รักหนูเลย"ความอดทนพังทลาย ใบหน้าบวมช้ำซุกลงบนแผงอกของพี่ชาย น้ำตาเม็ดใสหยดแล้วหยดเล่าไหลออกมาราวกับสายน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากจนเสื้อเชิ้ตสีขาวพี่ชายเปียกชุ่ม"หมวย""ฮึก"เสียงร้องไห้ดังขึ้นซึ่งเปรียบเหมือนหอกหนามทิ่มแทงใจของคนฟัง หมวยเล็กคือที่รักของทุกคนภายในบ้าน เธอเปรียบเสมือนแสงสว่าง ความสดใสให้กับทุกคน"หลับไปแล้วเหรอ""อืม ร้องไห้จนหลับไป"พี่ชายคนโตเอ่ยบอกน้องสาวคนรองทันทีเมื่อก้าวขาออกมาจากห้องนอนของน้องสาวคนเล็ก"มีแผลไหม""แดงเป็นรอยฝ่ามือ เฮียประคบให้แล้วพรุ่งนี้ก็คงจะดี""มีอะไรจะคุยด้วย"อาหมวยคนรองเดินนำพี่ชายไปยังห้องนอนของตัวเองบรรยากาศยามเช้าอันแสนสดใสของวันไหมแต่มันช่างแตกต่างกับความรู้สึกภายในใจของพิงค์ไวท์ ร่างสวยในชุดเดรสสีหวานก้าวขาลงบันได ใบหน้าของเธอไร้ซึ่งรอยยิ้มดว
อ้อมกอดเหน็บหนาวกัดกินขั้วหัวใจของเด็กสาว ไม่ว่าจะยามหลับหรือยามตื่นขึ้นมาก็ตาม ความพยายามในการที่จะเล่าเรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบดูเหมือนว่ามันจะสูญเปล่า เกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากคณะสถาปัตยกรรมดูเหมือนจะไม่เข้าตาของบิดา ตลอดระยะเวลาที่เธอได้ทุ่มเทให้กับการเรียนมันดูเหมือนว่าจะสูญเปล่าไม่ได้ดั่งที่ใจหวังเอาไว้เคร้ง"อะ...อากงพูดว่าอะไรนะคะ"เสียงสั่นดังขึ้น บรรยากาศในห้องรับประทานอาหารเงียบลงไม่มีแม้แต่สิ่งรบกวนชวนให้คนภายในบ้านหลังนี้ได้รู้สึกขัดใจ"อากงอยากให้หมวยเล็กเรียนต่อปริญญาโทที่อังกฤษ อากงมีคนรู้จักเป็นอธิการบดีของที่นั่น"หัวใจของหญิงสาวในวัยยี่สิบสองปีวูบโหง ดวงตาวูบไหวเมื่อได้ยินคำพูดนี้หลุดออกมาจากปากของอากงที่เธอรักและเคารพบังคับกันอีกแล้ว ประโยคนี้ผุดขึ้นภายในใจของพลอยชมพู"ทำไมคะ ทำไมหนูต้องเรียนต่อโททั้งที่หนูพึ่งจะเรียนตรีได้ไม่นาน""เพราะมันคือความต้องการของอากง"และมันคงเป็นความต้องการของป๊าเธอด้วย"ทั้งเฮียและเจ้ต่างจบโทด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากคณะบริหารด้วยกันทั้งคู่ ในเมื่ออาหมวยไม่ได้เรียนจบตรีในสิ่งที่ป๊าต้องการ เพราะฉะนั้นอาหมวยต้องเรียนต่อปริญญาโทตามที่อากง
แก๊ก แอดประตูไม้สักบานใหญ่ถูกแกะสลักลวดลายให้เป็นรูปมังกรค่อย ๆ ถูกเปิดออก สายตาของผู้คนที่อยู่ภายในมองไปยังร่างเล็กของผู้มาใหม่ ทุกคนต่างแสดงสีหน้าเรียบนิ่งซึ่งใบหน้าพวกนี้ล้วนเป็นสิ่งที่พิงค์ไวท์เห็นมาตั้งแต่จำความได้ ไม่มีรอยยิ้มแสดงความดีใจ ไม่มีแม้แต่อ้อมกอดอันแสนอบอุ่น "สวัสดีค่ะ""มาแล้วเหรอ""ค่ะ ป๊า"เฟยหลงเงยหน้ามองลูกสาวคนเล็กด้วยแววตาเรียบนิ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครรู้ได้ว่าเขากำลังคิดอะไร"มาให้อากงกอดลื้อหน่อยสิหมวยเล็ก"เด็กสาวพยักหน้า เดินเข้าไปหาอากงเพื่อสวมกอดท่าน"เป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม""หนูสบายดีค่ะ แล้วอากงล่ะคะ""ก็สบายดีตามประสาคนแก่นั่นแหละ"สองปู่หลานดันร่างออกจากกัน ก่อนจะพานั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่"ไม่ได้เจอกันนาน ทำไมหลายสาวของอากงถึงได้ผอมแห้งแบบนี้ล่ะ ดูสิ ไม่มีน้ำมีนวลเหมือนเมื่อก่อนเลย"ชายชราไล่สายตามองรูปร่างของหลานสาวคนสุดท้องพลางใช้ฝ่ามือสัมผัสไปตามท่อนแขนเรียวติดผอมแห้งของเธอ"เรียนหนักหรืออาหมวย""ค่ะ"พิงค์ไวท์พยักหน้ารับ ก่อนเธอจะหันไปส่งยิ้มบาง ๆ ให้กับพี่ชายคนโตและพี่สาวคนรองซึ่งกำลังมองมาเพื่อเป็นการทักทาย"จะเป็นไปได้ยังไง คณะบริหารที่ป๊าของลื้อ
ไพรเวทเจ็ท พุ่งทะยานขึ้นสู่น่านฟ้า ดวงตากลมโตที่ถูกปิดซ่อนภายใต้แว่นตาราคาแพงเหม่อมองออกไปยังนอกหน้าต่างท่ามกลางก้อนเมฆสีขาวสะอาดตา สาวสวยผู้มีใบหน้าเรียบนิ่งทั้งที่จริงแล้วเธอเป็นคนยิ้มง่ายเน้นติดตลกไปเสียด้วยซ้ำตกอยู่ในสายตาของบอดีการ์ดคู่กาย และด้วยสีหน้าของเจ้านายทำให้บอดีการ์ดคู่กายรู้ได้ว่าเจ้านายของเธอกำลังตกอยู่ในสภาพเช่นไร"มีเรื่องให้ไม่สบายใจเหรอคะคุณหนู"โทนเสียงเรียบไม่ติดเล่นของ'เจสสิก้า'ดึงสติและใบหน้าของพิงค์ไวท์ให้หันกลับมาหาบอดีการ์ดสาวคู่ใจ"นั่งก่อนสิคะ""ค่ะ"บอดีการ์ดสาวนั่งลงบนโซฟาตรงหน้าโดยมีโต๊ะขนาดเล็กแต่ราคาไม่เล็กขั้นกลางระหว่างเธอกับเจ้านาย"เมื่อคืนพิงค์ฝันถึงแม่""คุณหนูฝันถึงนายหญิง"พิงค์ไวท์พยักหน้า ก่อนหญิงสาวจะถอนแว่นตาราคาแพงวางลงบนโต๊ะ"พิ้งค์ฝันถึงแม่ ฝันถึงเหตุการณ์วันนั้น"ความเงียบปกคลุมภายในห้องรับรองของเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว เจสสิก้านั่งเงียบรอฟังคำพูดจากปากของคุณหนูเท่านั้น"ถึงแม้ว่าเรื่องมันจะผ่านมานาน แต่พิงค์กลับรู้สึกว่าเรื่องพวกนั้นมันเกิดขึ้นเมื่อวาน"มันเป็นเหตุการณ์สะเทือนใจครั้งยิ่งใหญ่ เมื่อตระกูลเก่าแก่อย่าง 'หลงเฟยหยาง'ได้สูญเสียนายห
ปักกิ่ง ประเทศจีนบรรยากาศอันแสนร่มรื่นมีกิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่แผ่ปกคลุมแสงแดดให้กับผู้คนที่เข้ามาพักผ่อนหย่อนใจภายในสวนสาธารณะแห่งนี้ สีหน้าของเด็กน้อยแก้มแดงดูดีมีรอยยิ้มสดใสเหมือนกับมารดาของเธอที่กำลังนั่งยิ้มให้อยู่ข้างกาย"แม่ขา เมื่อไหร่แม่จะพาพิงค์กลับไปเที่ยวเมืองไทยอีกคะ พิงค์อยากไปเที่ยวทะเลอยากไปเล่นน้ำตกที่นั่น อยากทานอาหารที่แม่ทำ"เสียงหวานของเด็กน้อยในวัยสิบขวบดังเจื้อยแจ้วจนมารดาต้องยิ้มออกมากับคำถามและความน่ารักของเด็กน้อยฝ่ามือเรียวบางค่อย ๆ ยื่นไปสัมผัสแก้มขาวอมชมพูอย่างแผ่วเบา'พราวนารา'บรรจงเช็ดเหงื่อบนใบหน้าของลูกสาวด้วยความอ้อยอิ่ง แววตาอ่อนโยนของหญิงสาวชาวไทยแท้มองหน้าบุตรสาวคนสุดท้องด้วยความรัก"ช่วงนี้ป๊าทำงานหนัก เอาไว้ใกล้จะปีใหม่แม่จะลองพูดกับป๊าให้ ดีไหมจ๊ะ""แต่หนูอยากไปเดี๋ยวนี้ แม่ช่วยพูดกับป๊าให้พาพวกเราไปเที่ยวที่เมืองไทยไม่ได้เหรอคะ พิงค์เชื่อว่าเฮียแบล็กกับเจ้เรสก็ต้องอยากไปเหมือนกับพิงค์"เด็กสาวทำปากยื่นจนคนเป็นแม่รู้สึกเห็นใจ แต่ถึงอย่างไรเธอก็ไม่สามารถทำตามความต้องการของลูกน้อยได้"ตั้งแต่พิงค์เกิดมาจนถึงตอนนี้ พิงค์แทบจะนับครั้งได้ที่เราทั้งห้าค