ฮัดชิ้ว ฮัดชิ้ว ฮัดชิ้วเจิ้งซิงอีจามออกมาติดๆ กันจนปลายจมูกแดงก่ำ แถมใบหน้าก็ร้อนผ่าวไปทั้งแถบ เธอรู้สึกอับอายจนไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว แม้ในชีวิตก่อนจะอยู่ร่วมเรือนในฐานะสามีภรรยากับเขาถึงสองปี แต่ทุกครั้งที่ต้องร่วมเตียงกัน เธอไม่เคยต้องมาเผชิญหน้ากับเขาแบบนี้ หลังจากที่รังแกเธอ เขาก็มักจะหายหน้าไปเสมอ เพราะรู้ดีว่าหากเธอตื่นขึ้นมาแล้วเห็นหน้าเขา เธอจะต้องอาละวาด ด่าทอและพูดจาทำร้ายจิตใจเขาอีกอย่างแน่นอนฮัดชิ้ว ฮัดชิ้วเจิ้งซิงอีจามออกมาอีกครั้ง เมื่อฝุ่นละอองลอยเข้าจมูก เธอรู้สึกขัดใจตัวเองอย่างที่สุด เมื่อครู่เกลือกกลิ้งคลุกฝุ่นจนเลอะเทอะเธอกลับไม่จามออกมาสักแอะ แต่พอตอนนี้กลับจามเอาจามเอาให้ขายหน้า"พี่หนิงหลง ฉันทำเองค่ะ"หญิงสาวเอ่ยบอกคนที่กำลังปัดฝุ่นและคราบสกปรกออกจากเสื้อผ้าของเธออย่างตั้งอกตั้งใจ ก่อนจะเม้มปากแน่นเมื่อเขาไม่มีทีท่าว่าจะฟังเธอเลยสักนิด ยังคงตั้งหน้าตั้งตาทำความสะอาดเสื้อผ้าให้ จนเธอต้องปล่อยเลยตามเลย แต่ก็ยังไม่คิดที่จะสบตาอีกฝ่ายแม้แต่น้อย"เรียบร้อยแล้วครับภรรยา มาเถอะพี่จะพาไปล้างหน้าล้างตา"เสิ่นหนิงหลงลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเอ่ยบอกคนที่พยายาม
ภาพของสองสามีภรรยาที่เดินจับมือเคียงคู่กันมา สร้างความประหลาดใจให้กับชาวบ้านที่พบเห็นเป็นอย่างมาก เพราะพวกเขาต่างก็รับรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างผัวเมียคู่นี้เป็นอย่างดี และเรื่องที่คนเป็นเมียเข้าบ่อนเล่นการพนันจนคนเป็นสามีต้องออกจากการเป็นทหารก็โด่งดังรู้กันไปทั่วทั้งหมู่บ้าน แน่นอนว่าหัวข้อสนทนาในตอนนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องของคนทั้งสอง จนถึงกับมีการพนันกันว่ารอบนี้เสิ่นหนิงหลงจะเสียอะไรให้กับการทำดีของภรรยาในครั้งนี้อีก ซึ่งเสียงซุบซิบนินทาเหล่านั้นแน่นอนว่าทั้งสองย่อมที่จะได้ยิน 'เสิ่นหนิงหลงผู้นี้โง่งมเสียจริงถูกเมียหลอกไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง กลับไม่เคยหลาบจำ''บุตรสาวบ้านเจิ้งช่างวาสนาดีจริงๆ ก่อเรื่องไม่รู้กี่ครั้งแต่ผัวก็ยังรักยังหลง''ว่ากันว่าหล่อนยังไม่ตัดใจจากอดีตคู่หมั้นของหล่อนนะ' 'ใช่ๆ มีคนเห็นนะว่าพวกเขายังแอบนัดพบกันอยู่''สักวันหล่อนคงปอกลอกสามีจนหมดตัวแล้วหนีไปกับชู้รักเป็นแน่'และคำพูดว่าร้ายอีกมากมายที่ทำให้คนฟังลมออกหู ถึงแม้ว่าในชีวิตก่อนมันจะเป็นเช่นนั้นก็เถอะเจิ้งซิงอีมุมปากกระตุก โกรธจนตัวสั่นเทิ้ม หากไม่ได้ระบายออกมาเธอคงได้อกแตกตายเป็นแน่"ป้าจูอย่ามัวแต่สน
บนโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ภายในบ้านเจิ้งตอนนี้เต็มไปด้วยอาหารหลากหลายชนิด กลิ่นหอมหวนของเนื้อย่าง ผัดผัก หมูตุ๋น และน้ำแกงลอยฟุ้งไปทั่วบ้านเสียงหัวเราะของเด็กๆ ดังก้องกังวาน ปะปนกับเสียงพูดคุยครื้นเครงของผู้ใหญ่ ให้บรรยากาศที่อบอุ่นเป็นกันเองและเต็มไปด้วยความสุขเจิ้งซิงอีมองภาพตรงหน้าที่ไม่ได้เห็นมานานมากแล้วด้วยความรู้สึกยินดีอย่างที่สุด ภายในใจมันเต็มตื้นไปหมด ไม่คิดเลยว่าเธอจะมีโอกาสได้กลับมาเห็นภาพเหล่านี้อีกครั้ง หลานชายตัวน้อย เจิ้งหนาน บุตรชายของพี่ใหญ่และเจิ้งไห่ บุตรชายของพี่รองกำลังพากันวิ่งเล่นไปมาอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะสดใสดังขึ้นเป็นระยะ ส่วนพี่สะใภ้ทั้งสองกำลังช่วยกันทยอยยกอาหารขึ้นโต๊ะใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม ด้านหนึ่งพี่รองเจิ้งเอ้อร์ผู้ที่มักจะมีเรื่องราวต่างๆ มาเล่าสู่กันฟังเสมอกำลังเล่าเรื่องอย่างออกรส โดยมีพี่ใหญ่เจิ้งโฮ่วคอยพูดขัดอยู่เนืองๆ จนทำให้ถูกอีกฝ่ายแง่งอนใส่อยู่หลายครั้ง ภาพของสองพี่น้องที่มักทุ่มเถียงกันเหมือนเด็กๆ ทำให้ทุกคนอดที่จะอมยิ้มไม่ได้ แววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความรักและความสุข แววตาคู่งามของคนที่แอบมองอยู่ไกลๆ รื้นไปด้วยหยาดน้ำ กระบอกตาร้อนผ่าว ค
"ภรรยา สามีไปก่อนนะครับ"ฟอด!เสิ่นหนิงหลงเอ่ยบอกลาภรรยาคนงามที่เดินออกมาส่งเขาตรงรั้วบ้านเจิ้ง พร้อมกับยื่นปลายจมูกโด่งไปหอมแก้มนวลฟอดใหญ่เช่นที่ทำมาตลอดสองสามวันมานี้"ค่ะ"ส่วนคนเป็นภรรยาก็ขานรับเสียงหวานยื่นกระติกน้ำดื่มส่งให้อย่างใส่ใจ ยืนรอส่งสามีที่กำลังจะออกไปทำงานซ่อมแซมบ้านของทั้งสอง"ภรรยาอีกไม่กี่วันบ้านของเราก็จะซ่อมแซมเสร็จแล้วนะครับ"แต่ทว่าคนที่บอกว่าจะไป กลับไม่มีทีท่าว่าจะเดินออกไปแม้แต่น้อย เสียงทุ้มนุ่มยังคงเอื้อนเอ่ยบอกกล่าวภรรยา สายตาที่มองภรรยาก็เจือกระแสออดอ้อนอาลัยอาวรณ์ บ่งบอกว่าเจ้าตัวไม่อยากห่างจากภรรยาแม้แต่อึดใจเดียว"ค่ะ"เจิ้งซิงอียังคงขานรับคนที่ยังจับมือเธอเอาไว้ไม่ยอมปล่อย และไม่มีทีท่าว่าจะเดินออกไปง่ายๆ ด้วยรอยยิ้มขัน เรื่องนี้เขาบอกเธอแล้วตั้งแต่เมื่อคืนจนกระทั่งถึงตอนนี้ก็นับเป็นรอบที่สิบแล้ว แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกเบื่อหน่าย เพียงแต่ทั้งนึกเอ็นดูทั้งรู้สึกขันสายตาละห้อยที่มองมา สีหน้าแววตาที่มักจะนิ่งเฉยเย็นชาไม่รู้ว่าหายไปไหนเสียแล้ว"ไปได้แล้วค่ะ เดี๋ยวจะสายเอานะคะ ตอนเที่ยงฉันเอาข้าวไปส่งให้พี่ เดี๋ยวเราก็ได้เจอกัน"เจิ้งซิงอีเอ่ยเร่งสามีที่ทำท่
"ซิงอี"เสียงเรียกที่ดังขึ้นพร้อมกับคนผู้หนึ่งก้าวออกมาจากหลังต้นไม้ใหญ่ข้างทาง ทำให้เจิ้งซิงอีชะงักฝีเท้าที่กำลังก้าวเดินไปตามเส้นทางมุ่งหน้าสู่บ้านเสิ่น ชายหนุ่มใบหน้าเกลี้ยงเกลา แต่งกายดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้า มือไม้สะอาดสะอ้านดูเจ้าสำอางอย่างคนที่ไม่เคยทำงานหนัก ทำให้มือที่ถือตะกร้าอยู่กำเข้าหากันแน่น'หวังลู่เสียน'เจิ้งซิงอีถึงกับคลี่ยิ้มหวานเมื่อเห็นอีกฝ่าย ในวันนี้เธอเอาแต่คิดถึงคนผู้นี้ พอคิดอยากจะเจอก็ได้เจอ ช่างได้อย่างใจดีจริงๆคนกำลังร้อนเงินอยู่พอดีความจริงเธอคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าหากไม่เห็นเธอโผล่หน้าไป อีกฝ่ายต้องมาหาเธอแน่ แต่ไม่คิดว่าจะมาเร็วถึงขนาดนี้เธอกำลังกังวลเรื่องหาเงินซ่อมแซมบ้านและซื้อของเข้าบ้านอยู่พอดี ยังจำเป็นที่จะต้องใช้เงินอีกมาก และเงินกับทรัพย์สินมีค่าของเธอก็อยู่ที่คนผู้นี้แทบทั้งหมด อีกฝ่ายโผล่มาได้ถูกเวลาจริงๆแต่ครั้งนี้อย่าได้หวังว่าจะมาปอกลอกอะไรจากเธอไปได้อีก กลับกันเธอยังจะทวงของที่เป็นของเธอกลับคืนมาด้วย"พี่ลู่เสียน"เจิ้งซิงอีคลี่รอยยิ้มหวานเอ่ยเรียกอีกฝ่าย เก็บซ่อนแววตารังเกียจและเกลียดชังที่มีเอาไว้ เมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้"ซิงอี เธอหายหน้า
"ไม่มีทาง แม่ไม่ยอมเด็ดขาด"เสียงแหลมเล็กร้องดังขึ้นภายในห้องรับแขกของบ้านหลังใหญ่ที่ตกแต่งเอาไว้อย่างหรูหราสตรีวัยสามสิบตอนปลายนั่งตัวตรงอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ โดยมีผู้เป็นบุตรชายนั่งอยู่หลังโต๊ะไม้มันวาวฝั่งตรงข้ามสีหน้าจริงจังซูหลันรู้สึกเคร่งเครียดขึ้นมาทันที หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวจากปากบุตรชาย จนนางต้องยกน้ำชาขึ้นจิบระงับจิตใจที่สั่นไหวจะให้นางคืนเครื่องประดับเหล่านั้นน่ะหรือ ไม่มีทางกว่านางจะได้มันมาครอบครองไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และนางพึ่งได้ชื่นชมมันเพียงไม่นานเท่านั้น อยู่ๆ จะให้ส่งคืนกลับไป นั่นมันรังแกกันชัดๆเครื่องประดับเหล่านั้นนางหมายตาเอาตั้งนานแล้ว มันควรจะเป็นของนางตั้งแต่ที่นางแต่งเข้าบ้านเสิ่นเสียด้วยซ้ำ แต่คนเป็นสามีกลับมอบมันให้บุตรชายของเขาที่เกิดจากอดีตภรรยา บอกเพียงว่ามันเป็นสินเดิมของอดีตภรรยาเขา ย่อมต้องมอบให้บุตรชายของนาง นั่นทำให้ซูหลันแทบกระอักเลือดมาครั้งหนึ่งแล้ว ครั้งนี้ได้มันมาครอบครองสมใจแล้วแท้ๆ จะให้ส่งคืนกลับไป นางไม่อาจยอมรับได้ เครื่องประดับเหล่านี้เป็นสิ่งที่เชิดหน้าชูตาของนางในวงสังคม เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้นางรู้สึกว่านางไม่ได้ด้อยกว่าเหล่าคุณห
"ทำไมถึงไม่เช็ดผมให้แห้งก่อนคะ คุณสามี"เจิ้งซิงอีเอ่ยถามคนเป็นสามีที่นั่งหน้านิ่งอยู่บนเตียงด้วยเสียงอ่อนหวานหยอกเย้า ในมือถือผ้าผืนเล็กเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย ลงมือเช็ดเส้นผมเปียกชื้นให้อย่างอ่อนโยน"หลังอาบน้ำต้องเช็ดผมให้แห้งก่อนนะคะ เดี๋ยวจะไม่สบาย"น้ำเสียงหวานเอ่ยบอก ทั้งคำพูดและการกระทำนั้นทั้งอ่อนโยนและเอาใจใส่ จนรอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของคนที่ได้รับการปรนนิบัติจากภรรยา "ขอบคุณครับ"เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยขอบคุณแผ่วเบา แม้ท่าทีของเขาจะดูปกติอย่างยิ่ง แต่เจิ้งซิงอีกลับรับรู้ได้ถึงกระแสความผิดปกติบางอย่างจากท่าทีนั้นมือเล็กๆ ที่วางอยู่บนไหล่กว้างหลังจากที่ซับเส้นผมเปียกชื้นเรียบร้อยแล้ว เลื่อนลงมาโอบกอดเอวสอบของสามีจากด้านหลัง เอ่ยถามเสียงหวาน เมื่อสังเกตเห็นว่าใบหน้าคมคายดูเคร่งเครียดเล็กน้อย แต่ถึงแม้ว่าจะเพียงเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่คิดที่จะปล่อยผ่าน เธอไม่อยากให้เขาต้องทุกข์ใจอยู่คนเดียว"เป็นอะไรไปคะ มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า""เปล่าครับ" เสิ่นหนิงหลงเม้มปากแน่นเอ่ยปฏิเสธทันที เปลือกตาหลุบลงต่ำปิดซ่อนความคิดและความกังวลใจที่มีเอาไว้ ก่อนจะหันกลับมาเผชิญหน้ากับคนเป็นภรรยา
บรรยากาศยามเช้าของบ้านเจิ้งวันนี้ดูจะสดชื่นแจ่มใสกว่าทุกๆ วัน กลิ่นอายของควันไฟจากเตาหุงต้มลอยอบอวลตั้งแต่รุ่งสาง เช้าวันนี้เจิ้งซิงอีตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่นกระปรี้กระเปร่า มิหนำซ้ำยังตื่นมาทำอาหารด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า บ่งบอกว่าวันนี้เจ้าตัวนั้นอารมณ์ดีมากแค่ไหน ทั้งที่ค่ำคืนที่ผ่านมาเธอถูกผู้เป็นสามีเคี่ยวกรำอย่างหนัก กว่าจะได้นอนเวลาก็ล่วงเข้าสู่วันใหม่แล้วคิดถึงความเร่าร้อนที่มีร่วมกันกับสามีเมื่อคืนนี้ขึ้นมา ใบหน้าของเธอก็ร้อนผ่าวแทบจะลุกเป็นไฟ หลังจากที่เธอหาญกล้าเป็นฝ่ายลงมือกลืนกินสามีก่อนจนหมดเรี่ยวหมดแรง ก็ถูกคนเป็นสามีจับพลิกหน้าพลิกหลังขบกัดกลืนกินไปทั้งตัวจนแทบจะร้องขอชีวิตกันเลยทีเดียว"น้องเล็ก วันนี้มีอะไรดีๆ อย่างนั้นหรือ พี่รองเห็นนะว่าเราฉีกยิ้มหน้าบานมาตั้งแต่เช้าแล้ว มีอะไรให้พี่รองร่วมยินดีด้วยหรือเปล่า หรือว่า...ได้ข่าวดีอะไรมา"เจิ้งเอ้อร์ขยับเข้าไปใกล้คนเป็นน้องสาวขณะที่รอให้ภรรยาพาเด็กๆ ขึ้นรถ โน้มใบหน้าลงมาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแฝงไปด้วยความสงสัยใคร่รู้อย่างที่สุด หางตานั้นก็ชำเลืองมองไปยังคนเป็นน้องเขยที่ยืนหน้านิ่งอยู่ข้างๆ กัน แต่เจ้านั่นกลับมีสีหน้าเป็นปกติ
แสงแดดอ่อนๆ ส่องกระทบใบหน้ายิ้มแย้มของคู่สามีภรรยาที่กำลังประคับประคองกันเดินเข้ามาในตลาดยามเช้า พวกเขาทั้งสองยืนมองตลาดสดที่คึกคักไปด้วยผู้คนที่มาจับจ่ายซื้อข้าวของกันอย่างคับคั่ง บรรดาพ่อค้าแม่ค้าขายของกันมือเป็นระวิง เสียงหัวเราะและการพูดคุยเจื้อยแจ้วของผู้คนดังก้องไปทั่วบริเวณ เรือนร่างที่ดูอวบอิ่มมีน้ำมีนวลขึ้นของเจิ้งซิงอีเดินตามการประคองของสามี หญิงสาวยืนอยู่ท่ามกลางความวุ่นวาย แต่ใบหน้างามกลับเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจ เจิ้งซิงอีมองไปรอบๆ ตลาดแห่งนี้ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ นี่คือตลาด 'สร้างสุข' ตลาดสดที่สร้างขึ้นด้วยมือและน้ำพักน้ำแรงของทุกคน ตอนนี้มันกำลังเติบโตขึ้นมาอย่างมั่นคงตลาดแห่งนี้เปิดให้บริการมาได้กว่าสามเดือนแล้ว และเป็นสามเดือนที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับทุกคนจนน่าตกใจ เจิ้งซิงอีลูบหน้าท้องของตัวเองที่นูนเด่นออกมาด้วยความรักใคร่ วันนี้เธอจะพาเจ้าก้อนแป้งมาเดินชมตลาดของครอบครัว ดวงหน้างามระบายไปด้วยรอยยิ้ม ตลาดแห่งนี้เติบโตมาพร้อมๆ กับบุตรในท้องของเธอที่ตอนนี้กำลังย่างเข้าเดือนที่สี่แล้ว และนี่นับเป็นครั้งแรกที่เธอได้มาเห็นตลาดแห่งนี้ด้ว
เจิ้งซิงอีลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนก ทันทีที่รู้สึกตัวฝ่ามือบางรีบวางทาบลงบนหน้าท้องแบนราบของตนในทันที แต่เธอก็ต้องประหลาดใจเมื่อตอนนี้เธอไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด ไม่ว่าจะเป็นอาการเจ็บปวดตามร่างกายจากการหกล้มหรืออาการเจ็บหน่วงบริเวณท้องน้อย ราวกับว่าก่อนหน้านี้เธอไม่เคยได้รับความเจ็บปวดใดๆ มาก่อนหญิงสาวกวาดตามองสำรวจไปรอบๆ เมื่อรับรู้ถึงความผิดปกติ พลันรู้สึกเย็นเยียบไปทั้งกายเมื่อพบเพียงความว่างเปล่า เธอมองเห็นเพียงหมอกหนาทึบโอบล้อมอยู่รอบๆ เพียงเท่านั้น ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นอย่างพยายามระงับความหวาดกลัวที่กัดกินใจ เอ่ยเรียกสามีน้ำเสียงสั่น เธอหวังอย่างยิ่งว่าจะได้ยินเสียงของเขาตอบกลับมา"พี่หนิงหลง สามีคะ พี่อยู่ไหน"แต่เหมือนว่าเธอต้องพบกับความผิดหวัง เพราะทันทีที่เปล่งเสียงออกไป เธอกลับได้ยินเพียงเสียงสะท้อนของตัวเองตอบกลับมาเท่านั้นเจิ้งซิงอีชันกายลุกขึ้นยืน พยายามมองฝ่าหมอกหนาด้วยหัวใจที่สั่นสะท้าน เธอไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เหตุใดถึงได้มาอยู่ในสถานที่นี้ได้ หรือเธอจะตายไปแล้วและกลายมาเป็นวิญญาณอีกครั้งดวงตาหวาดหวั่นหันมองความว่างเปล่ารอบกาย ภายในใจรู้สึกเจ็บปวดอย่
เจิ้งซิงอีเนื้อตัวสั่นเทา เอ่ยอ้อนวอนคนตรงหน้าที่ตอนนี้ดวงตาทั้งสองแดงก่ำเต็มไปด้วยโทสะ เธออยากจะขยับหนีแต่ไม่อาจทำได้ เพราะรู้สึกเจ็บร้าวไปหมดทั้งตัว และบริเวณข้อเท้าก็รู้สึกเจ็บแปลบ คงทำได้แค่ถ่วงเวลาให้นานที่สุดเท่านั้น ภาวนาให้คนเป็นสามีรู้ว่าเธอหายตัวไปโดยเร็วหวังลู่เสียนในตอนนี้ดูน่ากลัวมาก เขาคล้ายกับคนเสียสติ เธอไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไปทำอะไรมาถึงได้มีสภาพเช่นนี้ หยาดเลือดที่ไหลซึมจากบาดแผล ทำให้เสื้อผ้าเปียกชุ่มกลายเป็นสีแดงฉาน กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งจนเธอรู้สึกสะอิดสะเอียนจนอยากจะอาเจียน"ซิงอีทำไมพูดแบบนั้น ไม่รักกันแล้วหรือ ทำไมละ เธออยากจะอยู่กับพี่มาตลอดไม่ใช่หรอกหรือ"ดวงตาของหวังลู่เสียนไหววูบกับคำอ้อนวอนนั้น ก่อนจะคลี่ยิ้มเอ่ยถามเสียงเย็น ท่าทางหวาดกลัวจนตัวสั่นและความเกลียดชังในแววตาของหญิงสาวทำให้ภายในใจรู้สึกไม่พอใจและไม่ยินยอมทำไมล่ะ เธอรักเขา อยากอยู่กับเขามาตลอดนี่ ทำไมตอนนี้ถึงเปลี่ยนใจ ทำไมเธอถึงจะทิ้งเขาไปล่ะ ชีวิตของเขาในตอนนี้ไม่เหลือใครแล้ว คำถามมากมายเกิดขึ้นภายในใจของหวังลู่เสียน ภาพของเด็กหญิงที่คอยอยู่ข้างกายเขา คอยปกป้อง คอยปลอบใจเขายามเมื่อทุกข์ใจผุดขึ้นม
ในที่สุดตำรวจก็คลี่คลายปมคดีการตายของเสิ่นจงได้ เขาไม่ได้ป่วยตายอย่างที่คิดจริงๆ แต่ตายเพราะถูกฆาตกรรมตำรวจสืบเสาะจนกระทั่งพบหลักฐานสำคัญที่ชี้ไปยังตัวฆาตกรว่าเป็นซูหลันผู้เป็นภรรยาและหวังลู่เสียนลูกเลี้ยงของเขาเอง และหลักฐานสำคัญคือผลตรวจเนื้อเยื่อในซอกเล็บของผู้ตายที่ส่งมาจากปักกิ่ง ชี้ชัดว่าเป็นของหวังลู่เสียนเมื่อพร้อมด้วยพยานหลักฐาน หยางตงฟง นายตำรวจหนุ่มผู้รับผิดชอบคดีจึงนำกำลังเข้าจับกุมสองแม่ลูกมาดำเนินคดี หลังจากนั้นจึงค่อยส่งข่าวให้เสิ่นหนิงหลงพี่ชายคนสนิทผู้เป็นเจ้าทุกข์รับทราบแต่ไม่คิดเลยว่าเมื่อไปถึงบ้านเช่าของสองแม่ลูก กลับพบกับกลุ่มชาวบ้านหลายสิบคนภายในบ้าน พวกเขากำลังมุงดูและวิพากษ์วิจารณ์บางอย่างด้วยอาการตื่นตกใจเหล่าชาวบ้านเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต่างพากันหลีกทางให้ แล้วมายืนสังเกตการณ์กันอยู่ห่างๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นหยางตงฟงนำกำลังเข้าไปในบ้านทันที เมื่อเข้าไปตรวจสอบก็พบว่าภายในบ้านนั้นมีร่องรอยการต่อสู้ ข้าวของถูกรื้อค้นกระจุยกระจายจนกระทั่งเดินลึกเข้าไปภายในตัวบ้านนายตำรวจหนุ่มมีสีหน้าตึงเครียดในทันที เมื่อพบกับร่างไร้วิญญาณของซูหลันถูกฆ่าตายด้วยอาวุ
ยิ่งตลาดใกล้จะเปิดให้บริการเจิ้งซิงอีก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น ในตอนนี้ทุกคนต่างก็มีงานล้นมือและยุ่งจนหัวหมุน สามีของเธอต้องออกจากบ้านพร้อมกับพี่ใหญ่และพี่รองตั้งแต่เช้าทุกวัน กว่าจะได้กลับบ้านก็มืดค่ำ ส่วนพี่สามแม้จะกลับค่ายทหารไปแล้วแต่ก็นำเงินเก็บที่มีมอบไว้ให้เธอส่วนตัวเธอเองก็มีหน้าที่จัดการงานเกี่ยวกับเอกสาร บัญชีรายจ่ายในการก่อสร้างตลาดทั้งหมด และรายรับในส่วนของค่าเช่าแผงที่เหล่าพ่อค้าแม่ค้ามาวางมัดจำเอาไว้ แม้ว่าเธอจะทำงานอยู่กับบ้านแต่ก็ยุ่งวุ่นวายจนหัวหมุนเหมือนกัน และจากหน้าที่การงานที่ต้องรับผิดชอบ ทำให้เจิ้งซิงอีหลงลืมทุกอย่างและแทบจะไม่มีเวลาให้ได้คิดถึงเรื่องอื่นเลยทางด้านหนึ่งที่กำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับกิจการการงานที่กำลังเติบโต อีกด้านหนึ่งก็กำลังเกิดความโกลาหลขึ้นเช่นเดียวกัน แต่เป็นความโกลาหลที่น่าประหวั่นพรั่นพรึงเพล้ง! เพล้ง! เพล้ง!ฝ่ามือใหญ่รื้อค้นข้าวของภายในบ้านก่อนจะจับทุ่มลงกับพื้นอย่างแรงจนมันแตกกระจัดกระจาย ใบหน้าดำคล้ำบิดเบี้ยวด้วยความโกรธแค้น ดวงตาสีดำสนิทฉายแววอันตราย อาวุธปืนในมือกวัดแกว่งไปมาชี้หน้าสองแม่ลูกที่กำลังกอดกันตัวสั่นเทาหวังลู่เสียนไม่คิดเลยว
หวังลู่เสียนกลับบ้านมาด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม เขาอารมณ์ดีอย่างที่สุดที่สามารถกำจัดคนพวกนั้นไปได้โดยที่ไม่ต้องเสียเงินแม้แต่หยวนเดียว ไม่เสียแรงที่เขาต้องเค้นสมองวางแผนการอยู่หลายวัน"ไอ้ชั่วพวกนั้นมันถูกตำรวจจับไปหมดแล้วหรือ ดีจริงๆ"ซูหลันหลังจากที่ได้รู้เรื่องจากปากบุตรชาย ว่าพวกในบ่อนถูกตำรวจจับเข้าซังเตในข้อหาค้ายาเสพติดไปแล้ว ใบหน้าที่มืดครึ้มมาตั้งแต่เช้าหลังจากที่บุตรชายบอกกับนางว่าจะเอาเงินไปใช้หนี้ให้บ่อนก็ปรากฏรอยยิ้มกระจ่างเต็มหน้า นางดีอกดีใจยกใหญ่จนแทบจะจุดพลุฉลอง ซูหลันรู้สึกยินดีอย่างยิ่ง โชคดีเหลือเกินที่กำจัดอุปสรรคใหญ่ในชีวิตออกไปได้หลายวันมานี้แม้ว่าจะได้เงินประกันมาก้อนโต แต่นางก็ไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้ซักคืนเดียว และไม่มีความยินดีเลยสักนิด เพราะความเสียดายเงิน เงินที่ได้มาเกือบทั้งหมดต้องเอาไปจ่ายหนี้ให้กับบ่อน หากจะไม่จ่ายก็ไม่ได้ เพราะยังรักชีวิต ไม่อย่างนั้นก็ถูกคนพวกนั้นตามรังควานไม่เลิกพอเรื่องกลับกลายมาเป็นเช่นนี้จะไม่ให้นางรู้สึกยินดีได้อย่างไร ช่างโชคดีเหลือเกินที่บุตรชายยังไม่ทันได้เอาเงินให้พวกมันไป พวกมันก็ถูกจับเสียก่อน สมน้ำหน้าคนพวกนั้นจริงๆ ซูหล
หลังจากที่ช่วยให้สามีคลายความหม่นเศร้า ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ วันนี้เจิ้งซิงอีกับสามีจึงจูงมือกันเข้าเมืองมาตั้งแต่เช้า เพื่อมาดูความคืบหน้าและตรวจตราดูความเรียบร้อยในการสร้างตลาด ซึ่งในตอนนี้ตัวอาคารนั้นสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตลาดของพวกเขาเริ่มเป็นรูปเป็นร่างและเป็นที่น่าพอใจอย่างมาก ทุกอย่างราบรื่นและเป็นไปได้ด้วยดี คาดว่าอีกไม่เกินสิบวันการก่อสร้างก็คงจะแล้วเสร็จสามารถเปิดให้บริการได้ในทันที"อีกไม่นานตลาดของเราก็จะสร้างเสร็จแล้ว"เจิ้งซิงอีเอ่ยบอกสามีพร้อมด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า ดวงตาคู่งามส่องประกายระยิบระยับ มองสำรวจอาคารเปิดโล่งเบื้องหน้าด้วยความตื่นเต้นยินดี อีกไม่นานความฝันความหวังของเธอก็จะเป็นจริง ชีวิตของเธอและครอบครัวจะต้องดีขึ้น เธอเชื่อเต็มหัวใจว่าตลาดแห่งนี้จะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน"ครับ ภรรยาเก่งมากๆ"เสิ่นหนิงหลงยิ้มกว้างเอ่ยชื่นชมภรรยา ก่อนจะจูงมืออีกฝ่ายเดินเข้าไปยังตัวอาคารขนาดกว้างขวาง สายตามองคนข้างกายอย่างภาคภูมิใจ ภรรยาของเขาช่างเก่งกาจและมีความสามารถ วางแผนทุกอย่างได้อย่างรอบคอบ รูปแบบการก่อสร้างเหล่านี้ล้วนเป็นภรรยาของเขาที่ออกแบบตัว
ฝ่ามืออ่อนนุ่มถูกคนเป็นสามีดึงรั้งให้เลื่อนลงไปเบื้องล่าง สัมผัสกับความแข็งขึงที่ร้อนผ่าวของเขา มันกร้าวแกร่งและดุดันจนหญิงสาวถึงกับสะดุ้ง เจิ้งซิงอีจ้องมองสามีตาโตอย่างตื่นตะลึง หัวใจของเธอเต้นกระหน่ำ ภายใต้มวลน้ำอุ่นร้อนมือของเธอกำลังสัมผัสกับสิ่งที่ร้อนเสียยิ่งกว่า มันแข็ง มันร้อนผ่าว และสู้มือเธอ จนต้องเกร็งมือหนีแต่คนไร้ยางอายกลับไม่ยอมให้เธอทำเช่นนั้น พอเธอจะขยับมือหนี เขากลับรั้งมือของเธอเอาไว้ กุมกระชับให้มือน้อยๆ ของเธอกอบกุมท่อนเนื้อขนาดใหญ่ที่แทบจะกำไม่รอบ โดยมีฝ่ามือใหญ่ของเขาคอยควบคุมขยับมันขึ้นลงเจิ้งซิงอีกลืนน้ำลายลงคอ หลุบตาลงมองความใหญ่โตใต้ผืนน้ำที่ขยับไหวเลือนราง ระดับน้ำที่ปริ่มอยู่ตรงเอวสอบของสามี ทำให้เธอมองเห็นสิ่งนั้นวับๆ แวมๆสิ่งนี้น่ะหรือที่เข้าไปในร่างกายของเธอ เข้าไปในช่องทางอ่อนนุ่มที่แสนจะเปราะบางของเธอ มิน่าเล่าทุกครั้งที่ร่วมรักกันเธอถึงได้เจ็บจุกจนหน่วงท้องน้อยไปหมดผ่านมาสองชีวิตบอกอย่างไม่อายเลยว่า ครั้งนี้เธอพึ่งจะได้สัมผัสตัวตนของเขาด้วยมือและตาตัวเอง ชีวิตแรกเพราะไม่เต็มใจ เธอจึงไม่เคยที่จะลืมตามองเขาเลยสักครั้งส่วนชีวิตนี้ แม้จะผ่านการร่วมร
"สามี มาล้างไม้ล้างมือได้แล้วค่ะ อาหารใกล้จะเสร็จแล้ว"เจิ้งซิงอีเดินออกมาชะโงกหน้าด้านหลังประตูห้องครัว ร้องบอกคนเป็นสามีที่กำลังพรวนดินอยู่ในแปลงผักที่อยู่ห่างออกไปไม่มากนัก เมื่อเห็นว่าขาหมูตุ๋นที่เธอตุ๋นมาหลายชั่วโมงเริ่มที่จะเปื่อยได้ที่แล้ว"ครับๆ พี่ขอรดน้ำผักอีกนิด ไม่นานก็เสร็จแล้วครับ"เสิ่นหนิงหลงขานตอบภรรยาก่อนจะวางจอบในมือลง แล้วคว้าบัวรดน้ำที่วางอยู่ข้างกัน เร่งรดน้ำผักในแปลงที่ตอนนี้เขียวชอุ่ม เติบโตอวบอ้วน ใกล้จะเก็บมากินได้แล้ว หลังจากที่รดน้ำผักเรียบร้อยแล้วก็เดินกลับมาล้างไม้ล้างมือและหน้าตาที่เปื้อนดินโคลนจนสะอาดสะอ้านเตรียมกินมื้อเย็นแสนอร่อยกับภรรยา"เหนื่อยไหมคะ"เจิ้งซิงอีเอ่ยถามสามีด้วยรอยยิ้มหวาน เมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาในครัว เธอวางจานผัดเห็ดป่าในมือลง ก่อนจะใช้ผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กเช็ดหน้าเช็ดตาที่เปียกน้ำให้เขาอย่างใส่ใจ"เหนื่อยมากๆ เลยครับภรรยา"เสิ่นหนิงหลงเอ่ยตอบภรรยา สีหน้าและแววตากรุ้มกริ่มเจ้าเล่ห์ ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาหอมแก้มนุ่มนิ่มฟอดใหญ่"แต่ตอนนี้หายเหนื่อยแล้วครับ"ลำแขนแกร่งโอบกอดภรรยาเข้ามาแนบชิด กระซิบบอกเสียงแหบพร่า ปลายจมูกโด่งกดหอมกดจูบไปทั่