ราชิมังกรกลับมาถึงที่พัก และนั่งลงบนโซฟาด้วยสีหน้ามืดมน จางเต๋ออู่คุกเข่าลงแทบเท้าราชินีมังกรอย่างรู้ตัว สองมือประคองขาของราชินีมังกรขึ้นมา แล้วช่วยถอดรองเท้าให้เธออย่างเบามือ จากนั้นจางเต๋ออู่ก็เริ่มนวดเท้าเรียวสวยของราชินีมังกร “ท่านอย่ากังวลเรื่องหลี่โม่เกินไปเลยครับ ต่อให้เขามีวรยุทธ์สูงส่งแล้วจะทำอะไรได้ โลกนี้ไม่ใช่ว่ามีฝีมือต่อสู้สูงส่งแล้วจะสามารถครองได้เสียหน่อย” จางเต๋ออู่พยายามคลายกังวลให้กับราชินีมังกร ราชินีมังกรนวดขมับ ทุกครั้งที่นึกถึงหลี่โม่ขึ้นมา ในใจของราชินีมังกรก็แอบรู้สึกไม่ปลอดภัยขึ้นมา “แต่พอนึกถึงเขาขึ้นมาฉันก็รู้สึกไม่สบายใจเอา แต่ก็ไม่เหมาะที่จะใช้กำลังของจ้าวมังกรทั้งแปดไปต่อกรกับเขา ถึงยังไงเขาก็ยังมีฐานะดั้งเดิมอยู่ อย่างดีที่สุดก็แค่ทำให้เขากลายเป็นขยะไร้ค่า แบบนั้นถึงจะสามารถควบคุมแดนมังกรได้อย่างชอบธรรม” จางเต๋ออู่เคลื่อนไหวการนวดช้าลงเล็กน้อย เขาเหลือบมองราชินีมังกรเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น “ท่านวางใจเถอะครับ ผมสั่งให้คนไปช่วยหลินเจิ้งหลานแล้ว ไม่ช้าก็จะสามารถทำให้หลี่โม่กลายเป็นขยะไร้ค่าได้แล้วครับ” “หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะ ให้องครักษ์จางเข้าม
จางเต๋ออู่อธิบายอย่างละเอียด เมื่อราชินีมังกรฟังจบอย่างสงบนิ่ง เธอก็หลับตาลงพลางครุ่นคิดวางแผน “รอดูหลี่โม่ในการแข่งขันวันพรุ่งนี้ ถ้าหากหลี่โม่เข้ารอบชิงชนะเลิศ ก็เอายาเสริมความแข็งแกร่งออกมาให้คู่ต่อสู้ในรอบชิงใช้ซะ หากมันตายบนสังเวียนได้ก็คงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด” ในใจของราชินีมังกรนั้นเกิดความหวาดกลัวต่อหลี่โม่จนสุดขีด รู้สึกว่าที่หลี่โม่กบดานอยู่ที่เมืองฮั่นนั้นก็เพื่อฟูมฟักความสามารถ หากในเวลาที่เขากลับมายังแดนมังกรแล้วล่ะก็ น่ากลัวว่ามันคงจะเป็นวันวินาศของตนแน่ แม้ว่าในตอนนี้จ้าวมังกรใหญ่จะใกล้ชิดกับตนอยู่บ้าง แต่ราชินีมังกรเองก็เข้าใจว่า ขอเพียงหลี่โม่สำแดงความสามารถอันแข็งแกร่งออกมา จ้าวมังกรใหญ่จะต้องเอนเอียงไปทางหลี่โม่อย่างแน่นอน ตอนนี้หลี่โม่นั้นนับว่าเป็นต้นกล้าที่เติบโตอย่างแข็งแรง จะต้องขัดขวางการเติบโตของเขาให้ได้ จางเต๋ออู่ตบเข่าฉาดด้วยความตื่นเต้น เอ่ยด้วยดวงตาที่ลุกเป็นไฟ “ถูกต้อง! ราชินีมังกร ท่านช่างปราดเปรื่องจริง ๆ ขอแค่ใช้ยากับนักมวยใต้ดินที่แข็งแกร่งราวกับสัตว์ร้ายพวกนั้น ความสามารถของพวกเขาจะต้องพุ่งทะยานขึ้นอย่างแน่นอน แล้วร่างกายของพวกเขาเองก็คงส
จะต้องสอบสวนแน่นอน หลี่โม่เองก็รู้สึกว่ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากล เขาต้องไปถามด้วยตัวเอง “ได้ อีกเดี๋ยวผมจะเข้าไปสอบสวน คุณบอกพวกลูกน้องเอาไว้ก็พอ” “ผมบอกพวกเขาไว้แล้วครับ ผมจะส่งตำแหน่งไปให้ คุณไปได้เลยทันทีครับ” ชูจงเทียนวางสายและรีบส่งตำแหน่งของเขตอนุรักษ์ป่าไม้ให้กับหลี่โม่ หลี่โม่ดูตำแหน่งของเขตอนุรักษ์ป่าไม้อย่างคร่าว ๆ พลันยิ้มแล้วดีดนิ้ว “เรียบร้อย จัดการเรื่องไซต์ก่อสร้างเสร็จแล้ว คนที่มาก่อกวนพวกนั้นถูกจับไว้แล้ว ฉันจะไปสอบสวนพวกมันสักหน่อย ดูซิว่าเบื้องหลังยังมีใครคอยชักใยอยู่หรือเปล่า” “อาจารย์ ผมจะขับรถไปส่งเองครับ” คังเหวินซินเผยรอยยิ้มราวกับสุนัขออกมา “ฉันเองก็จะไปด้วย ฉันยังไม่เคยเห็นการสอบสวนเลย จะน่าตื่นเต้นเหมือนกับในภาพยนตร์หรือเปล่า ฉันอยากไปเปิดหูเปิดตา” เฉินเสี่ยวถงพูดต่อ กู้หยุนหลานเหลือบมองเฉินเสี่ยวถง แล้วมองไปยังหลี่โม่อีกครั้ง ถ้าหากตอนสอบสวนอยู่เขาทำจนเลือดสาด กู้หยุนหลานจะต้องรับไม่ไหวแน่ แต่ถ้าให้เฉินเสี่ยวถงติดตามหลี่โม่ไป กู้หยุนหลานก็รู้สึกหึงหวงอยู่เหมือนกัน เอาแต่กังวลว่าอาจเกิดอะไรบางอย่างขึ้นระหว่างเฉินเสี่ยวถงกับหลี่โม่ ในขณะที่กู้
“เฮอะ จิ้งจอกอย่างเธอชอบหลี่โม่เข้าแล้วล่ะสิ ฉันเตือนไว้ก่อนเลยนะ หลี่โม่เป็นคนของตระกูลกู้เรา เธอจะมาคิดมิดีมิร้ายกับเขาไม่ได้ หยุนหลาน เธอระวังยัยจิ้งจอกนี่ให้ดีเถอะ หรือฉันจะไปด้วยกันกับเขาเอง จะได้ช่วยดูหลี่โม่ให้” กู้ชิงหลินพูดจบก็มองไปยังเฉินเสี่ยวถงอย่างลำพองใจ รู้สึกว่าตนหาข้ออ้างที่ยอดเยี่ยมได้แล้ว เฉินเสี่ยวถงโกรธจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน นึกอยากจะเข้าไปกัดกู้ชิงหลินสักที ทั้งสองจ้องหน้ากันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร คังเหวินซินยืนสงบเสงี่ยมอยู่อีกด้าน รู้สึกว่ากำลังดูละครศึกสงครามวังหลังอยู่อย่างไรอย่างนั้น และคิดว่าอาจารย์ของตนช่างสุดยอดจริง ๆ หากเป็นคนธรรมดาทั่วไป คงไม่มีผู้หญิงมาสนใจหรอก! ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการแก่งแย่งเลย ผู้ชายที่ถูกผู้หญิงทะเลาะกันเพื่อแย่งชิงได้นั้น ก็นับว่าเป็นเครื่องพิสูจน์ความยอดเยี่ยมของเขาได้เหมือนกัน หลี่โม่สบถอยู่ในใจ เขาไม่เข้าใจว่า ทำไมจู่ ๆ ตนถึงกลายเป็นที่ชื่นชอบขึ้นมา ภาพตรงหน้าทำให้หลี่โม่รู้สึกเหมือนอยู่ในความฝันอย่างนั้น “หยุนหลาน หรือคุณไปกับผมด้วยดีไหม?” หลี่โม่เอ่ยด้วยน้ำเสียงค่อนข้างล่องลอย หากพาภรรยาหลวงออกไปด้วย จะต้องกำจัดคว
ขณะที่หลี่โม่รีบไปที่เขตอนุรักษ์ป่าไม้ ร่างหนึ่งก็โผล่ออกมาจากพุ่มไม้ใกล้กับไซต์ก่อสร้าง เงาร่างนั้นมองซ้ายมองขวาอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ ก่อนจะวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว เมื่อหาที่หลบได้แล้วจึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและเริ่มโทรออก “ท่านหลง แย่… แย่แล้วครับ เจ้าถิ่นของเมืองฮั่นเคลื่อนไหวแล้ว พวกนั้นจับคนของเราทั้งหมดไป ผม… ผมโชคดีที่หนีมาได้ ได้ยินว่าพวกมันจับคนของเราไปที่เขตอนุรักษ์ป่าไม้ครับ” หลงหานกวงที่กำลังคุยเรื่องแผนการจัดการหลี่โม่อยู่ ฟังจบก็ขมวดคิ้วแน่นเป็นปม สีหน้าย่ำแย่อย่างยิ่ง “ไร้ประโยชน์ ไอ้พวกไร้ประโยชน์! ทำไมฉันถึงมีขยะอย่างพวกแกเป็นลูกน้องได้วะ!” “ท่านหลง พวกเราอาจจะไร้ประโยชน์ไปบ้าง แต่อีกฝ่ายมีคนมากเกินไป สิบต่อหนึ่งแล้วคุณจะให้พวกเราสู้ได้ยังไง” “ไอ้เวรเอ๊ย! ฉันไม่อยากฟังคำอธิบายของแก ไปสืบมาให้ชัดเจนว่าพวกมันจับคนไปที่ไหน ที่ฉันต้องการคือพิกัดตำแหน่ง!” หลังจากพูดจบหลงหานกวงก็โยนโทรศัพท์ลงบนโต๊ะด้วยความโมโห กุ่ยเอ้อ หานเถี่ยโถวและคนอื่น ๆ ต่างมองไปทางหลงหานกวงเป็นตาเดียว และรอให้หลงหานกวงอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น “ไม่ใช่ว่าคนของฉันไปก่อกวนที่ไซต์ก่อสร้างของตระกูล
กุ่ยเอ้อมองไปทางหลงหานกวง หานเถี่ยโถวและคนอื่น ๆ แล้วเอ่ยอย่างสงบนิ่ง “ยอดฝีมือในสำนักของฉันกำลังจะมาถึงในไม่ช้า ฉันจะให้พวกเขาไปเจอกันที่เขตอนุรักษ์ป่าไม้ พวกนายไม่มีอะไรต้องกลัว” “เอาเลย!” หลงหานกวงเอ่ยนำ เพื่อกู้หน้าตัวเองคืนมา เขาคือคนที่จำเป็นต้องต่อสู้กับหลี่โม่ให้ถึงที่สุด หานเถี่ยโถวและคนอื่น ๆ ลังเลเล็กน้อย พวกเขาก็รู้สึกว่า แผนการของกุ่ยเอ้อนั้นก็น่าเชื่อถืออยู่ โดยเฉพาะเมื่อมียอดฝีมือจากสำนักของกุ่ยเอ้อด้วยแล้ว มันไม่ยิ่งไม่มีอะไรน่ากังวลมากนัก ถ้าหากเอาชนะหลี่โม่ไม่ได้จริงๆ ก็ยังมียอดฝีมือจากสำนักของกุ่ยเอ้อคอยช่วยอยู่ “ฉันเองก็เอาด้วย” “ก็แค่จัดการพวกปลายแถวคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ ฉันเอาด้วย” เหล่ายอดฝีมือทยอยแสดงความคิดเห็นออกมา ไม่นานทั้งหมดต่างก็ตกลงร่วมปฏิบัติการ กุ่ยเอ้อเริ่มทำการมอบหมายหน้าที่ หลังจากที่แบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบให้แต่ละคนเรียบร้อยแล้ว เขาก็ตะโกนเสียงดัง “เริ่มปฏิบัติการ!” คนทั้งหมดออกจากห้องไปด้วยกัน พาเหล่าลูกน้องที่ได้รับมอบหมายขับรถมุ่งหน้าไปยังเขตอนุรักษ์ป่าไม้ ...... หลี่โม่ไม่รู้เลยว่าปฏิบัติการใหญ่ที่มุ่งจู่โจมมาที่เขาได้เริ่มขึ้น
ซ่างเปียวแสดงสีหน้าไม่ยี่หระ ไม่สนใจการข่มขู่ของอากวงเลยแม้แต่น้อย เป็นคนในวงการกันทั้งนั้น ใครไม่เคยโดนข่มขู่บ้าง ต่อให้ขู่ว่าจะฆ่าล้างตระกูลซ่างเปียวก็ได้ยินมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว อากวงรู้สึกเสียหน้าต่อหน้าหลี่โม่ จึงพุ่งไปเบื้องหน้าซ่างกวงแล้วเตะเข้าที่หน้าอกของซ่างเปียวทันที ทำให้ซ่างเปียวถูกเตะจนล้มลงไปกองกับพื้น “อ๊าก!” ซ่างเปียวร้องโอดครวญ มองไปที่อากวงด้วยสายตาอำมหิต “หึหึ มาเลย เตะต่อเลยสิ ถ้าแกแน่จริงก็ฆ่าฉันให้ตายเลย ถ้าแกฆ่าฉันให้ตายไม่ได้ แกมันก็แค่ไอ้กระจอก” “แกมันอวดดีนักนะ! วันนี้ฉันจะฆ่าแกซะ!” อากวงเตะใส่ซ่างเปียวอย่างรุนแรงอีกหลายครั้ง เตะจนซ่างเปียวนั้นกลิ้งไปทั่วพื้นบริเวณ เฉินเสี่ยวถงแสดงท่าทีหวาดกลัว แล้วหลบไปอยู่ด้านหลังหลี่โม่ทันที สองมือของเธอคว้าจับแขนของหลี่โม่เอาไว้แน่น “พี่หลี่โม่ สายตาของเขาดูน่ากลัวจังเลย” เฉินเสี่ยวถงพูดเสียงอ่อน กู้ชิงหลินเหลือบมองเฉินเสี่ยวถง แล้วยิ้มเย็นชาพลางเอ่ย “เริ่มเล่นละครซะแล้วเหรอ? เธอคิดว่าแกล้งทำเป็นอ่อนแอแล้วจะทำให้หลี่โม่หวั่นไหวได้งั้นเหรอ? คิดอะไรเพ้อเจ้อซะจริง ฉันจะจับตาดูหลี่โม่แทนหยุนหลานเอง” คำพูดกู้ช
“เขาว่าเธอ สำนึกได้บ้างไหม?” กู้ชิงหลินผลักเฉินเสี่ยวถงไปยืนชิดกำแพง เฉินเสี่ยวถงรู้สึกว่าตัวเองกำลังตกที่นั่งลำบาก เดิมทีเธอคิดว่า การแทรกเข้าไปอยู่ในบ้านของหลี่โม่นั้นยากที่สุดแล้ว แต่ตอนนี้พอถูกกู้ชิงหลินกดขี่ ถึงได้เข้าใจว่า ความยากลำบากที่แท้จริงคืออะไร กู้ชิงหลินคนนี้จงใจทำชัดๆ ทุกอย่างมุ่งเป้ามาที่ตนทั้งหมด! ต้องคิดหาวิธีทำให้หลี่โม่ออกห่างจากยัยตัวแสบนี่ให้ได้! สมองของเฉินเสี่ยวถงแล่นอย่างรวดเร็ว ครุ่นคิดว่าต้องทำอย่างไรถึงจะกำจัดกู้ชิงหลินทิ้งไปได้ หลี่โม่เห็นว่าในที่สุดก็เงียบลงสักที จึงถอนหายใจออกมา แล้วยกขาเหยียบลงบนมือของซ่างเปียว นิ้วของซ่างเปียวได้รับความเจ็บปวด จึงพยายามดึงมือของตัวเองออกโดยสัญชาตญาณ แต่หลังจากออกแรงอย่างกะทันหัน มือของตนไม่เพียงแต่ดึงออกมาไม่ได้ กลับกันยังเกือบทำให้ข้อมือตัวเองหลุดอีกต่างหาก หลี่โม่เอ่ยด้วยรอยยิ้มเย็นชา “ตอบคำถามมาตามจริง แล้วฉันจะไว้ชีวิตพวกแก ไม่อย่างนั้น ฉันเองก็คงไม่ฆ่าแกหรอก แค่จะหักกระดูกของแกทุกชิ้น ชีวิตที่เหลืออยู่แกก็ใช้มันไปบนเตียงก็แล้วกัน หวังว่าจะมีคนคอยดูแลแกไปจนตายนะ” ซ่างเปียวสั่นสะท้านไปทั้งตัว ในสมอ
คังหย่งอันกดหมายเลขของคังหย่งเฉียน แล้วพูดเสียงเข้ม "หย่งเฉียน ฉันได้ยินมาว่า แกกับเหวินซินมีปัญหากันเรื่องวิลล่าบนยอดเขาเหรอ?" “พี่ใหญ่ มีปัญหากันน่ะสิ ศิษย์พี่เกิ่งยังถูกทำร้ายจนเข่าหักแล้ว! ศิษย์พี่เกิ่งติดต่อกับอาจารย์โอวหยางไปแล้ว เรื่องนี้อภัยให้ไม่ได้แน่นอน!” คังหย่งเฉียนโกรธแค้นคังเหวินซิน ถ้าไม่ใช่เพราะคังเหวินซินพาหลี่โม่ไปที่นั่น เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น แต่ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว คังหย่งเฉียนเองก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ทำได้เพียงเอาความโมโหไปลงที่คังเหวินซินเท่านั้น “หย่งเฉียน ไม่ว่ายังไงก็ตาม แกต้องรับรองความปลอดภัยของเหวินซิน ฉันไม่สนว่า อาจารย์โอวหยางพวกเขาจะทำอะไรกับเพื่อนของเหวินซิน แต่พวกเขาจะทำร้ายเหวินซินไม่ได้เด็ดขาด!” “พี่ใหญ่ ฉันไม่กล้ารับประกันหรอก รับประกันได้แค่ลูกชายของพี่จะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงตายเท่านั้น ถ้าอาจารย์โอวหยางต้องการลงโทษลูกชายของพี่จริง ๆ ฉันจะไปขวางได้ยังไง ฉันขวางไม่ได้หรอก ไม่กล้าขวางด้วย!" คังหย่งอันขมวดคิ้วแน่น หากคังหย่งเฉียนอยู่ต่อหน้าคังหย่งอันในตอนนี้ คังหย่งอันจะต้องตบเขาให้ตายคามือแน่นอน “หย่งเฉียน! แกเป็นอาข
“ไอ้บัดซบเอ๊ย! ใครกล้ามาต่อกรกับฉันโอวหยางจื้อ มันผู้นั้นจะต้องตาย!” โอวหยางจื้อพึมพำอย่างด้วยความอาฆาตแค้น แล้วสั่งให้ลูกศิษย์ไปจองตั๋วเครื่องบิน ...... คังเหวินซินมาส่งหลี่โม่และคนอื่น ๆ ที่บ้าน หลังจากมองดูทั้งสามเดินเข้าไปข้างในแล้ว จึงสตาร์ทรถและขับออกไปอย่างช้า ๆ “อาเล็กถูกจัดการจนหมดท่าแล้ว ต้องบอกพ่อสักคำไหมนะ อาเล็กจะได้ไปตีไข่ใส่สีอีก” หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง คังเหวินซินก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดหมายเลขพ่อของเขาคังหย่งอัน “ฮัลโหล พ่อครับ ผมเพิ่งจะขายวิลล่าบนยอดเขาที่สวนหนานชุ่ยให้เพื่อผมไป ขายราคาต้นทุนน่ะครับ” คังหย่งอันขมวดคิ้ว "นั่นเป็นวิลล่าที่อาเล็กของแกจะเอาไม่ใช่เหรอ แกเอาไปให้เพื่อนได้ยังไง? ผู้จัดการฝ่ายขายว่ายังไงบ้าง?" คังเหวินซินอึ้งครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความผิดปกติในคำพูดของคังหย่งอัน "พ่อ พ่อรู้ได้ยังไงว่าอาเล็กอยากได้วิลล่านั่น?” “อาเล็กของแกเคยบอกพ่อว่า วิลล่าหลังนั้นเป็นของขวัญที่เขาจะเก็บไว้ให้กับปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ในต่างประเทศโอวหยางจื้อ แกคงเคยได้ยินเกี่ยวกับโอวหยางจื้อมาบ้างใช่ไหม? เขาเคยรับหน้าที่เป็นผู้กำกับฉากแอ็คชั่นให้กับภาพย
ในแผนกดูแลพิเศษของโรงพยาบาล คังหย่งเฉียนและคนอื่น ๆ นั่งล้อมรอบเตียง มองดูพี่เกิ่งค่อย ๆ ฟื้นคืนสติ เข่าที่หักของพี่เกิ่งได้รับการผ่าตัดแล้ว แต่หลังการผ่าตัด พี่เกิ่งจะได้แต่นั่งอยู่บนรถเข็นเท่านั้น “ซี๊ด ขากับเข่าฉันเป็นยังไงบ้าง?” พี่เกิ่งถามอย่างร้อนใจ “ศิษย์พี่ไม่ต้องกังวล ผ่าตัดเสร็จแล้ว เพียงแต่ระดับการรักษาของที่นี่ยังต่ำไปหน่อย หลังจากฟื้นตัวแล้วพี่ต้องนั่งรถเข็น” คังหย่งเฉียนพูดเสียงเบาหวิว “ไอ้บัดซบ! ฉันไม่อยากนั่งรถเข็น! ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้!” พี่เกิ่งคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว รู้สึกเลวร้ายไปทั้งร่างกาย ชีวิตบนรถเข็น ไม่ใช่ชีวิตที่พี่เกิ่งต้องการเลย ถ้าต้องนั่งรถเข็นแล้ว ต่อไปจะฝึกศิลปะการต่อสู้ หรือออกไปรังแกคนอื่นอย่างไร แล้วจะไปจีบสาว ๆ ได้อย่างไร! “ฉันจะย้ายโรงพยาบาล ฉันจะไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุด!” “พี่เกิ่งอย่าเพิ่งตื่นตูม หมอบอกว่า รอพี่ฟื้นตัวดีแล้ว ก็สามารถทำการผ่าตัดครั้งที่สองในโรงพยาบาลที่ดีกว่านี้เพื่อเปลี่ยนข้อต่อเทียมได้” คังหย่งเฉียนปลอบใจพี่เกิ่งไปพลางก็ขยิบตาให้กับพวกพี่น้องคนอื่น ๆ ส่งสัญญาณให้พวกเขารีบมาช่วยกันโน้มน้าว ศิษย์พี่ห
พี่เกิ่งร้องโหยหวนออกมา รู้สึกว่าขาซ้ายพลิกกลับไปด้านหลัง พลันสูญเสียการทรงตัวและล้มหงายไปข้างหลังทันที พลั่ก พี่เกิ่งล้มหงายลงกับพื้น ปากก็ร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา คังหย่งเฉียนถูกกระตุ้นด้วยเสียงร้องของพี่เกิ่งจนตัวสั่นไปทั้งตัว เสียงวิ้ง ๆ ที่ดังอยู่ในหัวยิ่งชัดเจนขึ้นมาทันใด คังหย่งเฉียนกุมใบหน้าที่บวมแดงไปครึ่งหนึ่งมองไปทางศิษย์พี่เกิ่ง ดวงตาของคังหย่งเฉียนก็แทบจะหลุดออกจากเบ้า ศิษย์พี่เกิ่งที่คังหย่งเฉียนเคยคิดว่า แข็งแกร่งไร้เทียมทานนั้น ตอนนี้กำลังร้องคร่ำครวญราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังจะตาย เมื่อมองขาขวาของพี่เกิ่งหักงอในองศาที่ผิดธรรมชาติ คังหย่งเฉียนก็รู้สึกว่า เลือดทั่วร่างกายเย็นเฉียบขึ้นมา นี่เป็นเรื่องที่มนุษย์สามารถทำได้อย่างนั้นเหรอ? นี่เป็นผลลัพธ์ที่สามารถใช้กำปั้นทำได้เหรอ? นี่มันซูเปอร์ไซย่าในตำนานหรืออย่างไรกัน?! พวกศิษย์น้องของพี่เกิ่งหลายคนต่างหวาดกลัวกับความเผด็จการของหลี่โม่ ทั้งกลุ่มพลันหมดความโอหังไปโดยสิ้นเชิง พวกเขาลากพี่เกิ่งขึ้นมาจากพื้นแล้ววิ่งตะบึงออกไปข้างนอกอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่คำพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้คือศิษย์
คังเหวินซินรออยู่สามวินาที แต่ละวินาทีราวกับยาวนานเป็นปี รออยู่นานฝ่ามือของพี่เกิ่งก็ยังไม่ตบลงมาสักที คังเหวินซินจึงลืมตาขึ้น เมื่อเอียงหน้ามองเห็นฝ่ามือของพี่เกิ่งอยู่ห่างจากหน้าตนแค่เฉียดฉิว หัวใจของคังเหวินซินแทบจะกระโดดออกมาจากปาก หลังจากที่เห็นข้อมือของพี่เกิ่งถูกหลี่โม่คว้าไว้ คังเหวินซินถึงได้รู้สึกว่า หัวใจของตัวเองกลับเข้าที่ได้แล้ว คังเหวินซินที่สงบลงแล้ว รีบถอยไปหลบด้านหลังหลี่โม่ แล้วร้องตะโกนด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้ง "อาจารย์!" “นายอย่าร้องไห้น่าสมเพชนักสิ มันทำฉันขายหน้านะ” หลี่โม่พูดด้วยรอยยิ้ม คังเหวินซินตะลีตะลานเช็ดเบ้าตา ไม่ยอมให้ตัวเองร้องไห้ออกมา พี่เกิ่งจ้องมองหลี่โม่อย่างโมโห แอบพยายามดึงข้อมือของตัวเองกลับมาอย่างลับ ๆ แต่ไม่ว่าพี่เกิ่งจะพยายามออกแรงแค่ไหน มือของหลี่โม่ก็ราวกับคีมปากเสือหนีบข้อมือของพี่เกิ่งเอาไว้แน่น จนข้อมือของพี่เกิ่งไม่มีทางสลัดหลุดได้เลย “ปล่อยมือฉัน!” พี่เกิ่งตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว “แกบอกให้ปล่อยก็ต้องปล่อยเหรอ? แกน่าจะอธิบายเรื่องที่จะลงไม้ลงมือกับลูกศิษย์ฉันเมื่อกี้นี้มาสักหน่อยไหม?” หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา คังเหวินซินส
กู้หยุนหลานมองไปยังหลี่โม่อย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นหลี่โม่ขยิบตาให้ เธอจึงไม่พูดอะไรและเก็บความสงสัยไว้ในใจ ผู้จัดการหวังโบกมือให้พนักงานขายสาว พนักงานสาวที่ถือสัญญาอยู่แล้วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ผู้จัดการหวัง นี่เป็นสัญญาของวิลล่ายอดเขาค่ะ แต่ราคานี้มัน…” สีหน้าของพนักงานสาวดูบูดเบี้ยวเล็กน้อย ถ้าขายวิลล่านี้ออกไปในราคาต้นทุน เธอคงไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่นเลยสักแดง! ที่ผ่านมาเศรษฐีในเมืองฮั่นจำนวนมากต่างก็ถูกใจวิลล่าแห่งนี้ แต่เพราะมีการปิดกั้นการซื้อขาย เลยไม่ได้ขายอย่างเป็นทางการ เดิมทีพวกพนักงานสาวนั้นเตรียมพร้อมที่จะทำกำไรมหาศาลด้วยการขายวิลล่าหลังนี้หลังจากที่เปิดการขายแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ความฝันของพวกเธอกำลังจะมลายหายไปซะแล้ว “พวกเธอมีสิทธิ์พูดงั้นเหรอ? นี่คือการตัดสินใจของคุณชายใหญ่!” ผู้จัดการหวังตำหนิพนักงานขายสาว พนักงานสาวหดคอและปิดปากเงียบไม่กล้าพูดอีก ผู้จัดการหวังเปิดสัญญาตรวจดู หลังจากยืนยันความถูกต้องแล้ว เขาก็ถือสัญญาเดินไปหาหลี่โม่ “อ่านสัญญาดูก่อนนะครับ หากไม่มีปัญหาอะไร เราจะไปเซ็นสัญญาที่สำนักงานของผมกัน ผมไม่สามารถนำตราประทับอะไรพวกนั้นพกติดต
“คุณชาย อย่ามาขู่ผมเลยครับ ผมไม่กลัวหรอกนะ สิ่งที่ผมพูดไปเมื่อครู่ล้วนมีเหตุมีผล หากไม่เชื่อก็ถามซินแสที่มาดูฮวงจุ้ยให้ได้เลยครับ คำพูดพวกนี้เขาเป็นคนพูดเองกับปากทั้งนั้น” ผู้จัดการหวังแข็งขืน ไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย หลี่โม่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม "เหวินซิน อย่าหุนหันพลันแล่น ผู้จัดการหวังพูดถูกแล้ว คนที่โชคชะตาบารมีไม่ถึง ไม่มีทางข่มพลังฮวงจุ้ยอันยอดเยี่ยมได้แน่นอน” คังเหวินซินพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม "อาจารย์พูดถูกแล้วครับ แต่ด้วยบารมีของอาจารย์ จะต้องสามารถข่มมันได้อย่างแน่นอน พวกเรามาดูกันดีกว่า ที่นี่ล้วนได้รับการตกแต่งอย่างดี คุณหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย เหลือแค่ดูว่าวิลล่าหลังนี้ถูกใจคุณหรือเปล่าก็พอครับ” เมื่อเห็นคังเหวินซินพยายามเอาอกเอาใจหลี่โม่ ผู้จัดการหวังก็เกิดความสงสัยเล็กน้อย หรือว่าตนจะมองผิดไป? ผู้ชายที่สวมเสื้อผ้าแผงลอยทั้งตัวคนนี้ เป็นคุณชายเศรษฐีที่มาลองสัมผัสประสบการณ์ชีวิตงั้นเหรอ? ไม่อย่างนั้นทำไมคุณชายของตนถึงได้ไปประจบเอาใจเขาขนาดนี้กัน? “คุณชาย ท่านนี้คืออาจารย์ของคุณเหรอครับ?” ผู้จัดการหวังถามอย่างสงสัย “นี่คืออาจารย์ของฉันหลี่โม่ นายสุภาพกับอาจารย์ของฉัน
“ไอ้สารเลวคนไหนไม่ดูตาม้าตาเรือ กล้ามาแย่งวิลล่าของอาจารย์ พวกแกยังมัวแต่กินอะไรกันอีก ไปดูด้วยกัน จัดการไอ้พวกสารเลวนั่นซะ” “ศิษย์พี่เกิ่งพูดถูก พวกเราทุกคนต้องไปดูด้วยกัน บ้านของอาจารย์ต้องดีที่สุดเท่านั้น จะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว” ศิษย์พี่เกิ่งและคนอื่น ๆ พากันลุกขึ้นทีละคน เมื่อเห็นเช่นนี้คังหย่งเฉียนก็เรียกให้พนักงานคิดเงินทันที แล้วจึงพาพวกของศิษย์พี่เกิ่งมุ่งตรงไปยังสวนหนานชุ่ย ... รถเมอร์เซเดสเบนซ์ขับเข้าไปในสวนหนานชุ่ย และขับตรงไปตามทางขึ้นยอดเขา ใกล้กับยอดเขาของเขาหนานชุ่ยนั้นมีที่ราบอยู่บริเวณหนึ่ง ที่ราบนี้ถูกนำมาใช้สร้างวิลล่า พร้อมทั้งปลูกต้นไม้พืชพรรณเขียวชอุ่มรอบ ๆ วิลล่าอีกด้วย ด้านหน้าวิลล่ายังมีลำธารที่ไหลมาจากยอดเขา ทำให้ฮวงจุ้ยของวิลล่านี้ยอดเยี่ยมมากไร้ที่ติ หน้าน้ำหลังเขา ตำแหน่งปากมังกรจัดวางฮวงจุ้ยอย่างดี ทำให้วิลล่าบนยอดเขาหลังนี้เลิศล้ำไม่มีใครเทียม รถเมอร์เซเดสเบนซ์จอดสนิทหน้าประตูวิลล่ายอดเขา ผู้จัดการหวังและพนักงานขายสาวสองคนยืนรอที่ประตูวิลล่าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นรถเบนซ์จอดนิ่ง ผู้จัดการหวังก็รีบวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปช่วยเปิดประตูรถ
ผู้จัดการหวังหยิบบุหรี่ออกมาคาบที่มุมปาก เตรียมจะสูบบุหรี่เพื่อสงบสติอารมณ์ คำขอของคังเหวินซินทำให้ผู้จัดการหวังตั้งตัวไม่ติด การจะดูบ้านมันไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าอีกฝ่ายถูกใจขึ้นมาจริง ๆ จะทำอย่างไรล่ะ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรื่องราคาต้นทุนหรือเปล่า ถ้าคังหย่งเฉียนเข้ามาครอบครองวิลล่าหลังนี้ เขาก็คงไม่ได้เงินเลยสักแดงเดียว พอนึกถึงคังหย่งเฉียนขึ้นมาผู้จัดการหวังรู้สึกปวดจี๊ด ๆ ขึ้นมา เจ้านั่นเป็นปีศาจเจ้าสำราญแห่งตระกูลคัง วัน ๆ เอาแต่เกียจคร้าน กินดื่มเที่ยวเล่น ยิ่งกว่านั้นยังคบค้ากับพวกอันธพาล ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสตระกูลคังก็ยังถูกคังหย่งเฉียนยั่วโมโหจนเส้นเลือดในสมองตีบ แทบทุกคนในตระกูลคังล้วนทำเป็นไม่สนใจคังหย่งเฉียน ตราบใดที่คังหย่งเฉียนไม่ได้ก่อปัญหา ก็ไม่มีใครสนใจว่า คังหย่งเฉียนจะทำอะไร ถ้าหากยกวิลล่าให้เพื่อนของคังเหวินซินจริง ๆ คังหย่งเฉียนคงจะพาคนมาสับเขาเป็นชิ้น ๆ ถึงที่แน่ หลังจากสูบบุหรี่หมดมวน ผู้จัดการหวังก็ขยี้ก้นบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ รู้สึกว่ายังไงก็ควรแจ้งให้คังหย่งเฉียนรู้สักหน่อย ส่วนคังหย่งเฉียนจะต่อสู้กับคังเหวินซินอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องระหว่างพวกเขา