ราชิมังกรกลับมาถึงที่พัก และนั่งลงบนโซฟาด้วยสีหน้ามืดมน จางเต๋ออู่คุกเข่าลงแทบเท้าราชินีมังกรอย่างรู้ตัว สองมือประคองขาของราชินีมังกรขึ้นมา แล้วช่วยถอดรองเท้าให้เธออย่างเบามือ จากนั้นจางเต๋ออู่ก็เริ่มนวดเท้าเรียวสวยของราชินีมังกร “ท่านอย่ากังวลเรื่องหลี่โม่เกินไปเลยครับ ต่อให้เขามีวรยุทธ์สูงส่งแล้วจะทำอะไรได้ โลกนี้ไม่ใช่ว่ามีฝีมือต่อสู้สูงส่งแล้วจะสามารถครองได้เสียหน่อย” จางเต๋ออู่พยายามคลายกังวลให้กับราชินีมังกร ราชินีมังกรนวดขมับ ทุกครั้งที่นึกถึงหลี่โม่ขึ้นมา ในใจของราชินีมังกรก็แอบรู้สึกไม่ปลอดภัยขึ้นมา “แต่พอนึกถึงเขาขึ้นมาฉันก็รู้สึกไม่สบายใจเอา แต่ก็ไม่เหมาะที่จะใช้กำลังของจ้าวมังกรทั้งแปดไปต่อกรกับเขา ถึงยังไงเขาก็ยังมีฐานะดั้งเดิมอยู่ อย่างดีที่สุดก็แค่ทำให้เขากลายเป็นขยะไร้ค่า แบบนั้นถึงจะสามารถควบคุมแดนมังกรได้อย่างชอบธรรม” จางเต๋ออู่เคลื่อนไหวการนวดช้าลงเล็กน้อย เขาเหลือบมองราชินีมังกรเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น “ท่านวางใจเถอะครับ ผมสั่งให้คนไปช่วยหลินเจิ้งหลานแล้ว ไม่ช้าก็จะสามารถทำให้หลี่โม่กลายเป็นขยะไร้ค่าได้แล้วครับ” “หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะ ให้องครักษ์จางเข้าม
จางเต๋ออู่อธิบายอย่างละเอียด เมื่อราชินีมังกรฟังจบอย่างสงบนิ่ง เธอก็หลับตาลงพลางครุ่นคิดวางแผน “รอดูหลี่โม่ในการแข่งขันวันพรุ่งนี้ ถ้าหากหลี่โม่เข้ารอบชิงชนะเลิศ ก็เอายาเสริมความแข็งแกร่งออกมาให้คู่ต่อสู้ในรอบชิงใช้ซะ หากมันตายบนสังเวียนได้ก็คงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด” ในใจของราชินีมังกรนั้นเกิดความหวาดกลัวต่อหลี่โม่จนสุดขีด รู้สึกว่าที่หลี่โม่กบดานอยู่ที่เมืองฮั่นนั้นก็เพื่อฟูมฟักความสามารถ หากในเวลาที่เขากลับมายังแดนมังกรแล้วล่ะก็ น่ากลัวว่ามันคงจะเป็นวันวินาศของตนแน่ แม้ว่าในตอนนี้จ้าวมังกรใหญ่จะใกล้ชิดกับตนอยู่บ้าง แต่ราชินีมังกรเองก็เข้าใจว่า ขอเพียงหลี่โม่สำแดงความสามารถอันแข็งแกร่งออกมา จ้าวมังกรใหญ่จะต้องเอนเอียงไปทางหลี่โม่อย่างแน่นอน ตอนนี้หลี่โม่นั้นนับว่าเป็นต้นกล้าที่เติบโตอย่างแข็งแรง จะต้องขัดขวางการเติบโตของเขาให้ได้ จางเต๋ออู่ตบเข่าฉาดด้วยความตื่นเต้น เอ่ยด้วยดวงตาที่ลุกเป็นไฟ “ถูกต้อง! ราชินีมังกร ท่านช่างปราดเปรื่องจริง ๆ ขอแค่ใช้ยากับนักมวยใต้ดินที่แข็งแกร่งราวกับสัตว์ร้ายพวกนั้น ความสามารถของพวกเขาจะต้องพุ่งทะยานขึ้นอย่างแน่นอน แล้วร่างกายของพวกเขาเองก็คงส
จะต้องสอบสวนแน่นอน หลี่โม่เองก็รู้สึกว่ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากล เขาต้องไปถามด้วยตัวเอง “ได้ อีกเดี๋ยวผมจะเข้าไปสอบสวน คุณบอกพวกลูกน้องเอาไว้ก็พอ” “ผมบอกพวกเขาไว้แล้วครับ ผมจะส่งตำแหน่งไปให้ คุณไปได้เลยทันทีครับ” ชูจงเทียนวางสายและรีบส่งตำแหน่งของเขตอนุรักษ์ป่าไม้ให้กับหลี่โม่ หลี่โม่ดูตำแหน่งของเขตอนุรักษ์ป่าไม้อย่างคร่าว ๆ พลันยิ้มแล้วดีดนิ้ว “เรียบร้อย จัดการเรื่องไซต์ก่อสร้างเสร็จแล้ว คนที่มาก่อกวนพวกนั้นถูกจับไว้แล้ว ฉันจะไปสอบสวนพวกมันสักหน่อย ดูซิว่าเบื้องหลังยังมีใครคอยชักใยอยู่หรือเปล่า” “อาจารย์ ผมจะขับรถไปส่งเองครับ” คังเหวินซินเผยรอยยิ้มราวกับสุนัขออกมา “ฉันเองก็จะไปด้วย ฉันยังไม่เคยเห็นการสอบสวนเลย จะน่าตื่นเต้นเหมือนกับในภาพยนตร์หรือเปล่า ฉันอยากไปเปิดหูเปิดตา” เฉินเสี่ยวถงพูดต่อ กู้หยุนหลานเหลือบมองเฉินเสี่ยวถง แล้วมองไปยังหลี่โม่อีกครั้ง ถ้าหากตอนสอบสวนอยู่เขาทำจนเลือดสาด กู้หยุนหลานจะต้องรับไม่ไหวแน่ แต่ถ้าให้เฉินเสี่ยวถงติดตามหลี่โม่ไป กู้หยุนหลานก็รู้สึกหึงหวงอยู่เหมือนกัน เอาแต่กังวลว่าอาจเกิดอะไรบางอย่างขึ้นระหว่างเฉินเสี่ยวถงกับหลี่โม่ ในขณะที่กู้
“เฮอะ จิ้งจอกอย่างเธอชอบหลี่โม่เข้าแล้วล่ะสิ ฉันเตือนไว้ก่อนเลยนะ หลี่โม่เป็นคนของตระกูลกู้เรา เธอจะมาคิดมิดีมิร้ายกับเขาไม่ได้ หยุนหลาน เธอระวังยัยจิ้งจอกนี่ให้ดีเถอะ หรือฉันจะไปด้วยกันกับเขาเอง จะได้ช่วยดูหลี่โม่ให้” กู้ชิงหลินพูดจบก็มองไปยังเฉินเสี่ยวถงอย่างลำพองใจ รู้สึกว่าตนหาข้ออ้างที่ยอดเยี่ยมได้แล้ว เฉินเสี่ยวถงโกรธจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน นึกอยากจะเข้าไปกัดกู้ชิงหลินสักที ทั้งสองจ้องหน้ากันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร คังเหวินซินยืนสงบเสงี่ยมอยู่อีกด้าน รู้สึกว่ากำลังดูละครศึกสงครามวังหลังอยู่อย่างไรอย่างนั้น และคิดว่าอาจารย์ของตนช่างสุดยอดจริง ๆ หากเป็นคนธรรมดาทั่วไป คงไม่มีผู้หญิงมาสนใจหรอก! ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการแก่งแย่งเลย ผู้ชายที่ถูกผู้หญิงทะเลาะกันเพื่อแย่งชิงได้นั้น ก็นับว่าเป็นเครื่องพิสูจน์ความยอดเยี่ยมของเขาได้เหมือนกัน หลี่โม่สบถอยู่ในใจ เขาไม่เข้าใจว่า ทำไมจู่ ๆ ตนถึงกลายเป็นที่ชื่นชอบขึ้นมา ภาพตรงหน้าทำให้หลี่โม่รู้สึกเหมือนอยู่ในความฝันอย่างนั้น “หยุนหลาน หรือคุณไปกับผมด้วยดีไหม?” หลี่โม่เอ่ยด้วยน้ำเสียงค่อนข้างล่องลอย หากพาภรรยาหลวงออกไปด้วย จะต้องกำจัดคว
ขณะที่หลี่โม่รีบไปที่เขตอนุรักษ์ป่าไม้ ร่างหนึ่งก็โผล่ออกมาจากพุ่มไม้ใกล้กับไซต์ก่อสร้าง เงาร่างนั้นมองซ้ายมองขวาอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ ก่อนจะวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว เมื่อหาที่หลบได้แล้วจึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและเริ่มโทรออก “ท่านหลง แย่… แย่แล้วครับ เจ้าถิ่นของเมืองฮั่นเคลื่อนไหวแล้ว พวกนั้นจับคนของเราทั้งหมดไป ผม… ผมโชคดีที่หนีมาได้ ได้ยินว่าพวกมันจับคนของเราไปที่เขตอนุรักษ์ป่าไม้ครับ” หลงหานกวงที่กำลังคุยเรื่องแผนการจัดการหลี่โม่อยู่ ฟังจบก็ขมวดคิ้วแน่นเป็นปม สีหน้าย่ำแย่อย่างยิ่ง “ไร้ประโยชน์ ไอ้พวกไร้ประโยชน์! ทำไมฉันถึงมีขยะอย่างพวกแกเป็นลูกน้องได้วะ!” “ท่านหลง พวกเราอาจจะไร้ประโยชน์ไปบ้าง แต่อีกฝ่ายมีคนมากเกินไป สิบต่อหนึ่งแล้วคุณจะให้พวกเราสู้ได้ยังไง” “ไอ้เวรเอ๊ย! ฉันไม่อยากฟังคำอธิบายของแก ไปสืบมาให้ชัดเจนว่าพวกมันจับคนไปที่ไหน ที่ฉันต้องการคือพิกัดตำแหน่ง!” หลังจากพูดจบหลงหานกวงก็โยนโทรศัพท์ลงบนโต๊ะด้วยความโมโห กุ่ยเอ้อ หานเถี่ยโถวและคนอื่น ๆ ต่างมองไปทางหลงหานกวงเป็นตาเดียว และรอให้หลงหานกวงอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น “ไม่ใช่ว่าคนของฉันไปก่อกวนที่ไซต์ก่อสร้างของตระกูล
กุ่ยเอ้อมองไปทางหลงหานกวง หานเถี่ยโถวและคนอื่น ๆ แล้วเอ่ยอย่างสงบนิ่ง “ยอดฝีมือในสำนักของฉันกำลังจะมาถึงในไม่ช้า ฉันจะให้พวกเขาไปเจอกันที่เขตอนุรักษ์ป่าไม้ พวกนายไม่มีอะไรต้องกลัว” “เอาเลย!” หลงหานกวงเอ่ยนำ เพื่อกู้หน้าตัวเองคืนมา เขาคือคนที่จำเป็นต้องต่อสู้กับหลี่โม่ให้ถึงที่สุด หานเถี่ยโถวและคนอื่น ๆ ลังเลเล็กน้อย พวกเขาก็รู้สึกว่า แผนการของกุ่ยเอ้อนั้นก็น่าเชื่อถืออยู่ โดยเฉพาะเมื่อมียอดฝีมือจากสำนักของกุ่ยเอ้อด้วยแล้ว มันไม่ยิ่งไม่มีอะไรน่ากังวลมากนัก ถ้าหากเอาชนะหลี่โม่ไม่ได้จริงๆ ก็ยังมียอดฝีมือจากสำนักของกุ่ยเอ้อคอยช่วยอยู่ “ฉันเองก็เอาด้วย” “ก็แค่จัดการพวกปลายแถวคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ ฉันเอาด้วย” เหล่ายอดฝีมือทยอยแสดงความคิดเห็นออกมา ไม่นานทั้งหมดต่างก็ตกลงร่วมปฏิบัติการ กุ่ยเอ้อเริ่มทำการมอบหมายหน้าที่ หลังจากที่แบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบให้แต่ละคนเรียบร้อยแล้ว เขาก็ตะโกนเสียงดัง “เริ่มปฏิบัติการ!” คนทั้งหมดออกจากห้องไปด้วยกัน พาเหล่าลูกน้องที่ได้รับมอบหมายขับรถมุ่งหน้าไปยังเขตอนุรักษ์ป่าไม้ ...... หลี่โม่ไม่รู้เลยว่าปฏิบัติการใหญ่ที่มุ่งจู่โจมมาที่เขาได้เริ่มขึ้น
ซ่างเปียวแสดงสีหน้าไม่ยี่หระ ไม่สนใจการข่มขู่ของอากวงเลยแม้แต่น้อย เป็นคนในวงการกันทั้งนั้น ใครไม่เคยโดนข่มขู่บ้าง ต่อให้ขู่ว่าจะฆ่าล้างตระกูลซ่างเปียวก็ได้ยินมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว อากวงรู้สึกเสียหน้าต่อหน้าหลี่โม่ จึงพุ่งไปเบื้องหน้าซ่างกวงแล้วเตะเข้าที่หน้าอกของซ่างเปียวทันที ทำให้ซ่างเปียวถูกเตะจนล้มลงไปกองกับพื้น “อ๊าก!” ซ่างเปียวร้องโอดครวญ มองไปที่อากวงด้วยสายตาอำมหิต “หึหึ มาเลย เตะต่อเลยสิ ถ้าแกแน่จริงก็ฆ่าฉันให้ตายเลย ถ้าแกฆ่าฉันให้ตายไม่ได้ แกมันก็แค่ไอ้กระจอก” “แกมันอวดดีนักนะ! วันนี้ฉันจะฆ่าแกซะ!” อากวงเตะใส่ซ่างเปียวอย่างรุนแรงอีกหลายครั้ง เตะจนซ่างเปียวนั้นกลิ้งไปทั่วพื้นบริเวณ เฉินเสี่ยวถงแสดงท่าทีหวาดกลัว แล้วหลบไปอยู่ด้านหลังหลี่โม่ทันที สองมือของเธอคว้าจับแขนของหลี่โม่เอาไว้แน่น “พี่หลี่โม่ สายตาของเขาดูน่ากลัวจังเลย” เฉินเสี่ยวถงพูดเสียงอ่อน กู้ชิงหลินเหลือบมองเฉินเสี่ยวถง แล้วยิ้มเย็นชาพลางเอ่ย “เริ่มเล่นละครซะแล้วเหรอ? เธอคิดว่าแกล้งทำเป็นอ่อนแอแล้วจะทำให้หลี่โม่หวั่นไหวได้งั้นเหรอ? คิดอะไรเพ้อเจ้อซะจริง ฉันจะจับตาดูหลี่โม่แทนหยุนหลานเอง” คำพูดกู้ช
“เขาว่าเธอ สำนึกได้บ้างไหม?” กู้ชิงหลินผลักเฉินเสี่ยวถงไปยืนชิดกำแพง เฉินเสี่ยวถงรู้สึกว่าตัวเองกำลังตกที่นั่งลำบาก เดิมทีเธอคิดว่า การแทรกเข้าไปอยู่ในบ้านของหลี่โม่นั้นยากที่สุดแล้ว แต่ตอนนี้พอถูกกู้ชิงหลินกดขี่ ถึงได้เข้าใจว่า ความยากลำบากที่แท้จริงคืออะไร กู้ชิงหลินคนนี้จงใจทำชัดๆ ทุกอย่างมุ่งเป้ามาที่ตนทั้งหมด! ต้องคิดหาวิธีทำให้หลี่โม่ออกห่างจากยัยตัวแสบนี่ให้ได้! สมองของเฉินเสี่ยวถงแล่นอย่างรวดเร็ว ครุ่นคิดว่าต้องทำอย่างไรถึงจะกำจัดกู้ชิงหลินทิ้งไปได้ หลี่โม่เห็นว่าในที่สุดก็เงียบลงสักที จึงถอนหายใจออกมา แล้วยกขาเหยียบลงบนมือของซ่างเปียว นิ้วของซ่างเปียวได้รับความเจ็บปวด จึงพยายามดึงมือของตัวเองออกโดยสัญชาตญาณ แต่หลังจากออกแรงอย่างกะทันหัน มือของตนไม่เพียงแต่ดึงออกมาไม่ได้ กลับกันยังเกือบทำให้ข้อมือตัวเองหลุดอีกต่างหาก หลี่โม่เอ่ยด้วยรอยยิ้มเย็นชา “ตอบคำถามมาตามจริง แล้วฉันจะไว้ชีวิตพวกแก ไม่อย่างนั้น ฉันเองก็คงไม่ฆ่าแกหรอก แค่จะหักกระดูกของแกทุกชิ้น ชีวิตที่เหลืออยู่แกก็ใช้มันไปบนเตียงก็แล้วกัน หวังว่าจะมีคนคอยดูแลแกไปจนตายนะ” ซ่างเปียวสั่นสะท้านไปทั้งตัว ในสมอ