Share

บทที่ 7

เมื่อมองไปที่ใบหน้าโศกเศร้าของกู้หยุนหลาน หลี่โม่ก็รู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่หลากหลาย เขาพูดออกมาว่า “ใช่แล้ว คนที่เหมาซีซาร์พาเลซก็คือ... “

ทันใดนั้นเอง!

เสียงตะโกนเริงร่าของผู้ชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นขัดจังหวะหลี่โม่

“หยุนหลาน คุณอยู่ที่นี่เอง ตามหาตั้งนานแหนะ”

คนที่เดินเข้ามาหาพวกเขาคือชายคนหนึ่งที่สวมชุดสีขาวสุภาพและมีสง่าราศี ในมือของเขาหอบดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่มาด้วย

ฉวีเทียนไห่ นายน้อยของตระกูลฉวี ผู้ซึ่งมีฐานะทางสังคมที่ร่ำรวยหลายสิบล้าน เขาเปิดบริษัทเล็ก ๆ ด้วยตัวเอง เขาถือเป็นคนรุ่นใหม่ในเมืองฮั่นที่เปี่ยมล้นไปด้วยพรสวรรค์

ฉวีเทียนไห่คือคนที่กำลังตามจีบกู้หยุนหลาน และแม้ว่ากู้หยุนหลานจะแต่งงานแล้วก็ตาม เขายังเคยมอบของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ รวมถึงพาไปทานอาหารค่ำเป็นครั้งคราวด้วย

ทว่า ตลอดมากู้หยุนหลานล้วนปฏิเสธเขา

“กู้หยุนหลาน ผมให้คุณ เพิ่งซื้อมาเลยนะ”

ฉวีเทียนไห่มอบดอกกุหลาบช่อใหญ่ให้แก่กู้หยุนหลาน เธอเช็ดน้ำตาและยิ้มเล็กน้อย “ขอบคุณนะคะ แต่ฉันรับไว้ไม่ได้หรอก”

ขณะที่พูด กู้หยุนหลานเหลือบมองหลี่โม่ นี่ก็สี่ปีมาแล้ว เขาเคยมอบดอกไม้ให้เธอบ้างไหมนะ?

ใช่ ถึงจะเป็นแค่ช่อดอกไม้ แต่เขาก็ไม่เคยมอบให้เธอเลย

ฉวีเทียนไห่สังเกตเห็นหลี่โม่ที่อยู่ข้าง ๆ ใบหน้าของเขาสุขุมขึ้น พร้อมประชดประชัน “อ้าว ดูสิว่านี่ใคร หลี่โม่นี่เอง”

เรื่องนี้ทุกคนในเมืองฮั่นรู้กันดีว่าหลี่โม่นั้นไร้ประโยชน์ แต่ทำไมกัน เขาถึงได้แต่งงานกับนางฟ้าผู้งดงามอย่างกู้หยุนหลาน?

ฉวีเทียนไห่เกลียดหลี่โม่ในใจลึก ๆ

คิ้วของหลี่โม่ขมวดเล็กน้อย เขาเหลือบมองฉวีเทียนไห่ แล้วพูดว่า “เอาดอกไม้มาให้ภรรยาของฉันอีกแล้วเหรอ?”

ฉวีเทียนไห่ขยับชุดสูทและเนกไทของเขา มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย และตอบอย่างเย่อหยิ่ง “นายต้องการจะพูดอะไรกันแน่ วันหนึ่งฉันจะชนะใจกู้หยุนหลานให้ได้ ส่วนนายน่ะ นายมันไม่คู่ควรกับกู้หยุนหลาน”

หลังจากพูดแล้ว เขาก็หันกลับมาราวกับแสดงมายากล และดึงกล่องเล็กระดับไฮเอนด์ออกมาจากอกพร้อมเปิดมันออก ข้างในนั้นมีสร้อยคอประดับเพชรแวววาวอยู่เส้นหนึ่ง

“หยุนหลาน นี่เป็นสร้อยออกใหม่จาก Swarovski รุ่นดาราสุขาวดี น่าเสียดายที่ผมมีความสามารถไม่เพียงพอ ผมสามารถซื้อมาได้เพียงอันที่ถูกที่สุดเท่านั้น ราคาแค่หกล้านเอง ถ้าผมหาเงินได้เยอะขึ้น ผมสัญญาเลยว่า ผมจะซื้ออันที่แพงที่สุด ร้อยบุหงาอัปสรราคาสามร้อยล้านบาทให้คุณนะ”

ฉวีเทียนไห่พูดอย่างจริงใจ และหลังจากพูดจบ เขาก็มองไปที่หลี่โม่อย่างภาคภูมิใจ

ขนาดบอกว่าตัวเองไม่มีความสามารถ ยังสามารถซื้อสร้อยคอนี้ได้ในราคาหกล้านได้!

แล้วหลี่โม่ล่ะ?

ทั้งชีวิตยังซื้อไม่ได้เลย!

กู้หยุนหลานดูอึดอัดเล็กน้อยและพูดว่า “ฉวีเทียนไห่ ขอบคุณสำหรับความใจดีของคุณนะคะ แต่ฉันรับไว้ไม่ได้ นี่มัน.. .แพงเกินไปน่ะ”

กู้หยุนหลานเคยได้ยินมาว่า สร้อยเพชรของสวารอฟสกี้ รุ่นดาราสุขาวดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการออกแบบที่หรูหราที่สุดของสร้อยเพชรร้อยบุหงาอัปสรที่ประดับไปด้วยเพชรน้ำดี ประกอบด้วยเพชรจำนวน 207 เม็ด ออกแบบมาเป็นขั้น ๆ ซึ่งทั้งหมดเป็นสีใสคุณภาพสูง ส่วนใหญ่ถูกออกแบบเป็นเพชรรูปทรงลูกแพร์ นอกจากนี้เพชรทุกเม็ดยังฝังทองคำขาวคุณภาพดีอีกด้วย

บรรดาผู้หญิงล้วนสนอกสนใจของล้ำค่าเช่นนี้

สร้อยเพชรนี้มีมูลค่าสูงถึงสามร้อยล้านบาท โดยจำกัดการผลิตอยู่ที่หนึ่งร้อยชิ้นต่อปีเท่านั้น

คนส่วนใหญ่ที่ซื้อต้องร่ำรวยมั่งคั่งทีเดียว นอกจากนี้ไม่ใช่แค่มีเงินก็ซื้อได้ แต่ยังจำเป็นต้องมีคุณสมบัติบางอย่างด้วย

นั่นคือ ต้องเป็นสมาชิกของสวารอฟสกี้ด้วย

สำหรับการเป็นสมาชิกระดับซิลเวอร์จะต้องจ่ายมากกว่าห้าสิบล้านให้กับสวารอฟสกี้!

นี่ไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ เลย

เมื่อเห็นการปฏิเสธของกู้หยุนหลาน ฉวีเทียนไห่ก็รู้สึกอายเล็กน้อยและพูดว่า “หยุนหลาน ผม…”

ตอนนี้เอง หลี่โม่รีบเข้าไปขวางด้านหน้าพร้อมจับมือเธอไว้ และพูดกับฉวีเทียนไห่ “ขอโทษทีนะ ภรรยาของฉันไม่ต้องการอะไรจากใครหน้าไหนทั้งนั้น ถ้าเธอชอบสร้อยคอนี่ ฉันซื้อให้เองได้”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ฉวีเทียนไห่ ก็เหมือนกับแมวโดนเหยียบหางและร้องเสียงหลง “นายพูดอะไรของนาย นายซื้อให้เธอได้เหรอ? นี่หลี่โม่ นายล้อเล่นหรือเปล่า? ไม่ชะโงกดูเงาตัวเองเลยหรือไง? ฉันพนันได้เลยว่าแม้แต่เส้นในมือฉันหกล้านบาท นายก็ซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำ!”

หลี่โม่ยิ้มเล็กน้อย เขาหันหน้าไปหากู้หยุนหลาน และถามอย่างนุ่มนวลว่า “คุณชอบสร้อยเพชร Fairy of a Hundred Flowers แบบนี้ไหม?”

กู้หยุนหลานตกใจ เธอเลิกคิ้วและมองหลี่โม่ด้วยสายตาคลุมเครือ ริมฝีปากสีชมพูของเธอสั่นเล็กน้อย จากนั้นเธอก็ส่ายหัวอย่างรวดเร็วแล้วพูดว่า “ฉันไม่ชอบหรอก ไปกันเถอะ”

อย่างไรก็ตาม สายตาและความลังเลใจของเธอเผยให้เห็นความคิดภายในของเธอแล้ว

ผู้หญิงแบบไหนกันที่ไม่ชอบความงาม หรือเครื่องประดับเพชรพลอย?

การครอบครองสร้อยคอเช่นนั้นจะทำให้เธอกลายเป็นศูนย์กลางของความสนใจไปทั่วทั้งเมือง

แล้วเธอจะโดดเด่นในงานเลี้ยงกลางปีของบริษัทที่กำลังจะมาถึงในอีกสองวันนี้ได้อีกด้วย!

ด้วยวิธีนี้เอง อาจทำให้ได้รับความโปรดปรานจากคุณปู่อีกครั้ง และบ้านลูกชายคนรองก็จะไม่ตกต่ำลงไปอีกแน่นอน

ถึงตอนนั้น ยังสามารถต่อสู้เพื่อสถานะของหลี่โม่ได้

หลี่โม่คิดอย่างนั้น

เขายิ้มและจับมือเล็ก ๆ ที่นุ่มนวลของกู้หยุนหลาน แล้วพากันเดินออกไปจากตรงนั้น

ตรงนั้นเองฉวีเทียนไห่ มองไปที่คนสองคนที่ได้เดินจากไป เขาโยนดอกกุหลาบในมือทิ้งลงบนพื้นด้วยความโกรธ “ให้ตายเถอะ! ไอ้หลี่โม่ แกคิดว่าแกเป็นใคร สักวันนึงฉันจะเอาชนะใจกู้หยุนหลานให้ได้!”

เมื่อมองย้อนกลับไปที่ด้านข้างของหลี่โม่ กู้หยุนหลานปล่อยมือเขาและพูดอย่างเย็นชา “โอเคแล้วล่ะ จะจับไปถึงเมื่อไหร่ ไม่มีใครแล้วนะ”

หลี่โม่ยิ้มอย่างมึน ๆ และพูดกับกู้หยุนหลานอย่างจริงจัง “หยุนหลาน รอผมก่อนนะ ผมสัญญาว่าคราวนี้มันจะเป็นวันเกิดที่จำได้ไม่ลืมให้กับคุณและซีซีเลยนะ”

หยุนหลาน ใจเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด เธอพูดต่อไปว่า “คุณพูดเรื่องไร้สาระอะไร คุณปู่ไม่เห็นด้วยที่คุณจะฉลองวันเกิดของซีซีนะ ช่างเถอะ ฉันไม่ควรโกรธคุณ คุณกลับไปก่อนนะ ฉันต้องกลับไปทำงานแล้ว”

หลังจากนั้น กู้หยุนหลานก็หันหลังเดินเข้าไปในบริษัท

หลี่โม่ยืนอยู่ที่ทางเข้าประตู มองดูร่างที่จากไปของกู้หยุนหลาน ท่าทางอันสง่างามของเธอทิ้งความประทับใจไว้ในใจของใครหลาย ๆ คน ในฐานะเทพีแห่งความฝันของพวกเขา

หลังจากนั้น เขาก็ไปที่รถและขี่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าออกไป เพื่อไปที่ร้านสวารอฟสกี้ใกล้ ๆ

เขากำลังจะซื้อสร้อยเพชรร้อยบุหงาอัปสรให้แก่กู้หยุนหลาน

เพราะครั้งหนึ่งเขาเคยสัญญากับเธอว่าจะมอบโลกทั้งใบให้เธอ

ในเมื่อเธอชอบ หลี่โม่ก็จะซื้อให้เธอ แม้ว่าจะเป็นดวงจันทร์บนท้องฟ้า หลี่โม่ก็จะซื้อมาให้เธอ!

ไม่นานนัก หลี่โม่ก็มาถึงร้านสวารอฟสกี้ในย่านการค้าที่ใกล้ๆ นี้

ทันทีเดินเข้าประตูมา หลี่โม่ก็รู้สึกถึงความหรูหราของที่แห่งนี้

แหวน สร้อยข้อมือ สร้อยคอ ทองคำขาว เพชร ทุก ๆ อย่างล้วนงดงามตระการตาไปหมด

“สวัสดีครับ สอบถามได้นะคะ?”

ข้างหน้าเขานั่นเอง มีพนักงานหญิงใส่กระโปรงสีดำเดินเข้ามา เธอสูงและอารมณ์ดี เวลาเธอพูด ใบหน้าของเธอจะมีรอยยิ้มอยู่เสมอ

หลี่โม่เหลือบมองสองสามครั้งแล้วพูดว่า “ผมขอเดินชมก่อนนะครับ”

“ได้ค่ะ คุณผู้ชาย”

เมื่อพูดจบ พนักงานหญิงก็ได้ติดตามหลี่โม่ไปมา เมื่อใดก็ตามที่เขายืนพินิจพิจารณา เธอจะอธิบายข้อมูลสินค้าให้ฟัง

หลังจากดูมานานกว่าสิบนาทีแล้ว หลี่โม่ก็ยังไม่พูดว่าจะซื้ออะไร

ข้าง ๆ นั้นเอง มีพนักงานหญิงอีกหลายคน เขาเริ่มขมวดคิ้วและพูดพึมพำ

พนักงานหญิงคนหนึ่งที่ดูเย่อหยิ่งเดินขึ้นไปหาหลี่โม่พร้อมกอดอกและพูดด้วยใบหน้าที่ไม่เป็นมิตรว่า “นี่คุณผู้ชายคะ ดูมาเกือบ 20 นาทีแล้ว จะซื้อไหมคะ? อย่ามาแกล้งซินอี๋น้องเล็กของเรานะคะ”

ขณะพูด พนักงานหญิงคนนั้นก็ลากพนักงานหญิงข้าง ๆ หลี่โม่ ซึ่งเฝ้าดูเขามานานกว่าสิบนาที และตำหนิสองสามคำ “เธอนี่นะ จริงจังเกินไปแล้ว เธอไม่ดูเลยเหรอว่า ใครสามารถซื้อของเราได้หรือไม่ได้น่ะ”

จากนั้น พนักงานหญิงที่หยิ่งยโสคนนั้นก็มองหลี่โม่ตั้งแต่หัวจรดเท้าและแสดงความคิดเห็นว่า “ดูสิ เสื้อคลุมและกางเกงขายตามแผงลอยธรรมดา ๆ รองเท้าก็ของปลอม ทั้งตัวคงไม่เกินสามพันบาทหรอก คนแบบนี้จะจ่ายไหวเหรอ? เธอจะได้เรียนรู้เรื่อย ๆ จากพวกเขาในอนาคตนั่นแหละ เข้าใจแล้วใช่ไหม?”

พนักงานหญิงชื่อโจวซินอี๋กัดริมฝีปากแดงช่ำของเธอและเหลือบมองหลี่โม่ ราวกับว่าเธอต้องการจะอธิบายอะไรบางอย่าง แต่ในที่สุดเธอก็พยักหน้าและพูดว่า “พี่เหมยลี่ ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”

หลี่โม่ก้มดูชุดของตัวเอง อันที่จริง มันก็ไม่เข้ากับร้านหรู ๆ แบบนี้จริง ๆ นั่นแหละ

เขายิ้มและพูดว่า “ผมขอโทษนะ ผมอยากดูสร้อย Hundred Flowers Fairy”

ว่าไงนะ!

เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่โม่ พนักงานทั้งหกคนในร้านก็ตกตะลึง!

“ฮ่าฮ่า คุณว่าไงนะ คุณต้องการดูสร้อยเพชร ร้อยบุหงาอัปสรอย่างนั้นเหรอ คุณรู้ไหมว่าสร้อยคอนั่นราคาเท่าไหร่? สภาพคุณแบบนี้ จะซื้อได้เหรอ?” เหมยลี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยการดูถูก

เขาอยากดูสร้อยเพชรร้อยบุหงาอัปสร หึ น่าตลกอะไรอย่างนี้!

นั่นเป็นสร้อยคอ ระดับราคากว่า 300 ล้านนะ!

ทั่วทั้งเมืองฮั่น ยังไม่มีขายเลย!

คู่ควรกับคนไส้แห้งอย่างหมอนี่งั้นเหรอ ?

หลี่โม่ยิ้มและถามว่า “ทุกคนที่ผ่านประตูเข้ามาก็เป็นลูกค้าทั้งนั้น ผมขอดูหน่อยไม่ได้เหรอ?”

เหมยลี่ขมวดคิ้ว สวารอฟสกี้ระบุไว้ว่าพวกเขาไม่สามารถขับไล่ลูกค้าออกไปได้

วันนี้เหมยลี่ละเมิดกฎอย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตาม ปกติแล้วในร้านนี้จะไม่มีใครรายงานอะไรอยู่แล้ว

แต่ทันใดนั้น ก็มีเสียงเย้ยหยันมาจากประตูทางเข้า

“โอ้ หลี่โม่ นายกล้ามาที่นี่ด้วยเหรอ”

ตามเสียงนั้น หลี่โม่เห็นฉวีเทียนไห่เดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่หยิ่งผยอง

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status