จางเต๋ออู่จ้องหน้าจอ เห็นหลี่โม่ดื่มชาแล้วแถมยังกินอาหารอีกไม่น้อย มุมปากกระตุกรอยยิ้มที่แผนการสำเร็จ“นานแค่ไหนเขาถึงจะสุราเป็นพิษ?”“ดูจากดีกรีรวมถึงปริมาณของเหล้าที่เขาดื่มอยู่ตอนนี้ คาดว่าอย่างมากก็ครึ่งชั่วโมงจะแสดงอาการครับ ภายในหนึ่งชั่วโมงถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ทันการก็จะตาย โรงพยาบาลใหญ่ที่ใกล้ตรงนี้ที่สุด ขับรถไปก็ต้องใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่งดังนั้นขอแค่สุราเป็นพิษแล้ว เขาก็จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย”จางเต๋ออู่เงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดอย่างเย็นชา “ฉันไม่อยากให้เกิดเหตุที่ผิดคาดอะไรทั้งนั้น ถ้าเขาถูกส่งขึ้นรถ แกก็ไปคิดวิธีทำให้รถเกิดอุบัติเหตุซะ”“เรื่องนี้ พวกเรามีเตรียมไว้แล้ว รถดัมพ์สามคันเตรียมรออยู่แล้วครับ”“ดีมาก”จางเต๋ออู่ยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มหนึ่งอึก “ขอแค่หลี่โม่ตาย แดนมังกรก็จะเปลี่ยนเป็นสกุลจางแล้ว!”บนหน้าจอ พี่หวังกับพี่ฮวาหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำแล้ว ดื่มไปเยอะจนแย่แล้ว ส่วนหลี่โม่เพียงแค่หน้าแดงเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนหน้าผากก็มีเหงื่อผุดขึ้นมาเล็กน้อย“นี่มันเรื่องอะไรกัน? คนที่แกส่งไปทำไมดูเหมือนจะไม่ไหวแล้วล่ะ”จางเต๋ออู่ขมวดคิ้ว อารมณ์ดี ๆ เมื่อกี้ห
พวกแขกทั้งหลายวิเคราะห์กันไปต่าง ๆ นานา สายตามองไปที่หลี่โม่ หลี่โม่ดื่มไปเยอะขนาดนั้น ถ้าพูดถึงพิษสุราก็น่าจะเป็นหลี่โม่ที่จะเป็นคนแรกจ้าวเจียหมิงกับแสวี่ยเฟยเดินแหวกบรรดาแขกที่ล้อมอยู่แทรกเข้าไป จ้าวเจียหมิงเห็นพี่หวังหัวทิ่มลงในจานอาหาร ส่วนพี่ฮวาก็ดื่มจนไปอยู่ใต้โต๊ะ สายตาก็จ้องมองอยู่ครู่หนึ่งเฉาเสวี่ยเฟยเดินไปข้าง ๆ กู้หยุนหลาน หลังจากมองหลี่โม่แล้วก็พูด “ขอโทษนะหยุนหลาน ไม่คิดว่าจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้ หลี่โม่ไหวหรือเปล่า? ให้ฉันหาที่พักให้แล้วให้เขาไปนอนพักผ่อนไหม?”“ไม่ต้องหรอก ฉันพาเขาไปโรงพยาบาลดีกว่า ได้ยินพวกเขาพูดเรื่องสุราเป็นพิษอะไรนั่น ฉันกังวลใจมากเลย”“งั้นฉันหาคนช่วยเธอพยุงหลี่โม่ออกไปนะ ไม่อย่างนั้นเธอคงพยุงไปไม่ไหวแน่”กู้หยุนหลานพยักหน้า ไม่ได้ปฏิเสธความหวังดีของเฉาเสวี่ยเฟยหลี่โม่โบกมือเอ่ยอย่างอ่อนแรง “ฉันไม่เป็นไร ไม่ต้องพยุงหรอก”“อย่าดื้อ เชื่อฟังกันหน่อย ไม่อย่างนั้นคืนนี้ฉันไม่ให้คุณนอนด้วยนะ”กู้หยุนหลานพูดด้วยใบหน้าบึ้งตึงหลี่โม่หัวเราะแห้ง ๆ ยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นบนหน้าผากต่อกู้หยุนหลานหยิบกระดาษมาช่วยหลี่โม่เช็ดเหงื่อ “คุณดูความดื้อ
ท่านปานอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยอย่างเบื่อหน่ายเพื่อหลบจางเต๋ออู่ ท่านปาเตรียมตัวว่าจะแกล้งป่วยไปตลอดจนกว่าราชินีมังกรจะกลับมาถึงกรุงโซลผู้ช่วยเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วยอย่างเร่งรีบ พูดด้วยสีหน้าไม่ค่อยดี “ท่านปาครับ ดูเหมือนว่าจางเต๋ออู่จะลงมือกับหลี่โม่แล้ว”“อะไรนะ!”ท่านปาพลิกตัวลงจากเตียง สายตาเฉียบคมจ้องไปที่ผู้ช่วย“จางเต๋ออู่กล้าได้ยังไง! หรือว่าราชินีมังกรเป็นคนสั่ง แต่ก็ไม่น่าใช่นะ ถ้าเป็นเจตนาของราชินีมังกร งั้นเธอก็ไม่วางแผนมาที่กรุงโซลแล้ว! มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”ความรู้สึกของท่านปาค่อนข้างไม่มั่นคง ถ้าหลี่โม่ตายในมือของจางเต๋ออู่ อย่างนั้นเขาก็ไม่มียาแก้พิษโอสถคร่าวิญญาณให้กินแล้วน่ะสิ'ให้ตายเถอะ ทำไมไอ้บ้าจางเต๋ออู่นี่มันถึงได้เป็นตัวปัญหาแบบนี้นะ!' ท่านปาบ่นในใจ รู้สึกว่าตนเองไม่ควรมาที่กรุงโซลเลย“พวกเราวิเคราะห์กันว่าจางเต๋ออู่อยากจะฆ่าหลี่โม่ด้วยตัวเอง เพียงแต่ข้างกายเขามีผู้คุ้มกันสี่คน ไม่ได้มีกำลังคนมาก อีกทั้วิธีที่เขาฆ่าหลี่โม่ก็เป็นวิธีสร้างอุบัติเหตุขึ้นอีก คนที่ไปจับตามองหลี่โม่รายงานว่า พวกเขายั่วยุให้หลี่โม่มาดวลเหล้า ทำให้หลี่โม่ดื่มเหล้าขาวดีกรีสูงไปถึง
“อืม”หลี่โม่รีบส่งตำแหน่งไปให้ชูจงเทียน ชูจงเทียนรีบพาลูกน้องขึ้นรถไปที่ตำแหน่งของหลี่โม่ ในขณะเดียวกันก็โทรศัพท์อยู่ตลอดเพื่อถามสถานการณ์จากลูกน้องว่าใครที่ส่งคนไปจัดการกับหลี่โม่......ในห้องทำงานชั้นสองของอวี้ก่างซีฟู้ดเมื่อเห็นในจอว่ารถของกู้หยุนหลานจอดอยู่ข้างถนน หางตาของจางเต๋ออู่ก็กระตุกเล็กน้อย“นี่มันอะไรกัน?”ผู้คุ้มกันใส่ชุดดำทั้งตัวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาก็งงเช่นกัน นี่คือเรื่องที่ไม่ได้คาดไว้ก่อนหน้านี้เลย ไม่ได้คิดเลยว่ากู้หยุนหลานจะหยุดรถในระหว่างทาง เวลานี้ต้องรีบไปโรงพยาบาลสิถึงจะถูก“พวกเราเองก็ไม่ได้คาดการณ์ถึงเรื่องแบบนี้ไว้เลยครับ”ผู้คุ้มกันก้มหัวให้และพูด“ให้ตายสิ! รถดัมพ์อยู่ห่างจากตำแหน่งที่เขาจอดไกลไหม? ให้มาชนพวกมันเลย! หน่วยลับที่ให้ออกไปก่อนหน้านี้ล่ะ? ไปจัดการให้ฉันเลย! ถ้าเกิดเรื่องไม่คาดคิดอีกก็ให้หน่วยลับไปฆ่าพวกมันเลย!”“ครับ แต่ถ้าหน่วยลับลงมือ เกรงว่าเรื่องราวจะถูกเปิดโปงนะครับ”จางเต๋ออู่หน้าแดง เขาไม่สนใจเรื่องที่จะถูกเปิดโปงแล้ว ขอแค่ฆ่าหลี่โม่ได้แม้ว่าจะถูกเปิดโปงก็ไม่สำคัญแล้ว!“ฉันไม่สนใจ! ฉันไม่อยากเห็นเรื่องที่ไม่ได้คาดไว้อีก ไปฆ
ชูจงเทียนโทรศัพท์อีกรอบ ถามพวกมาเฟียเจ้าถิ่นแต่ละพื้นที่ของกรุงโซล ในที่สุดก็ได้ข่าวมาเล็กน้อยแล้ว“พวกโจรจากต่างถิ่นที่ขับรถดัมพ์ฆ่าคนโดยเฉพาะเหรอ? รถดัมพ์? ไม่ดีแล้ว!”ชูจงเทียนกังวลใจ ถ้าเป็นพวกโจรอย่างที่ได้ข่าวมาจริง ๆ เกรงว่าหลังจากที่พวกมันรู้ว่าหลี่โม่จอดรถอยู่ข้างทางแล้วจะลงมือขับไปชนทันทีนั่นมันรถดัมพ์นะ! รถเก๋งถูกรถดัมพ์ชน ย่อมจะไม่รอดอยู่แล้วนึกถึงถ้าหากหลี่โม่ถูกรถชนตายในถิ่นของตัวเอง แค่คิดเหงื่อเย็น ๆ ที่หลังของชูจงเทียนก็ซึมออกมาแล้ว ถ้าเป็นแบบนั้น เกรงว่าตนเองก็คงได้ตามไปกับหลี่โม่ด้วยแน่“ทุกคนรีบไปให้เร็ว! เร่งความเร็วให้เร็วที่สุดเลย เจอไฟแดงก็ฝ่าไป ถ้ามีรถขวางทางก็ชนมันให้กระเด็น!”ชูจงเทียนตัดสินใจแล้วว่าต่อให้จะเจออุปสรรคใหญ่แค่ไหน วันนี้ก็ต้องมีชีวิตรอดไปปกป้องหลี่โม่ให้ได้“ครับ ท่านเทียนอย่าได้กังวล พวกเราอยู่ใกล้ถนนปินเจียงมาก ไม่ต้องเป็นห่วงครับ”ลูกน้องเห็นชูจงเทียนกังวลมาก จึงอดปลอบใจไว้ได้ชูจงเทียนไม่สนใจลูกน้อง เขาเหลือบมองรถรอบ ๆ คิดครู่หนึ่งแล้วพูด “บอกให้ทุกคนระวังรถดัมพ์ ขอแค่เห็นรถดัมพ์อยู่บนถนนก็ให้ทุกคนขวางมันให้หยุดไว้ให้ได้”“ท่านเท
“ครับ”ลูกน้องดำเนินการตามนั้น ส่งเลขทะเบียนของรถดัมพ์ทั้งสามคันไปในกลุ่ม แล้วให้ทุกคนคอยจับตาดูให้ดี......กู้หยุนหลานเห็นหลี่โม่ที่เบาะหลังดูไม่ดีมาก ๆ เธอลงจากรถแล้วไปเปิดประตูข้างหลัง เข้าไปนั่งในรถประคองหัวของหลี่โม่ไว้ให้หลี่โม่มาหนุนตักตัวเองค่อย ๆ เช็ดเหงื่อบนหน้าของหลี่โม่ มองสีหน้าที่ซีดเผือดนั้นแล้วกู้หยุนหลานก็รู้สึกปวดใจมาก“หลี่โม่ คุณเป็นยังไงบ้าง คุณอย่าเป็นอะไรไปเด็ดขาดเลยนะ ฉันกับซีซีขาดคุณไปไม่ได้”หลี่โม่ยื่นมือออกมา กู้หยุนหลานจึงรีบยื่นมือที่ขาวราวกับหยกของเธอออกไปจับมือหลี่โม่เอาไว้“อย่าขยับมาก คุณเป็นแบบนี้ก็นอนพักดี ๆ เถอะ ไม่งั้นให้ฉันโทรเรียกกู้ภัยดีกว่า ให้เขาเอารถพยาบาลมาที่นี่ บนรถมีแพทย์ฉุกเฉินอยู่”“ไม่ต้อง ฉันนอนแบบนี้อีกสักพักก็ดีขึ้นแล้ว”หลี่โม่หลับตา หัวที่อยู่บนตักของกู้หยุนหลานขยับเล็กน้อยตอนนี้สภาพร่างกายของหลี่โม่จะว่าเป็นเบาก็ไม่เบา จะว่าเป็นหนักก็ไม่หนัก เพียงแค่เพราะดื่มเหล้ามากเกินไปเท่านั้นหลี่โม่พยายามให้ทำให้ร่างกายสร่างเมา เรื่องนี้ต้องการเวลาสักหน่อยแต่ทว่าตอนนี้กลับเป็นเวลาให้ศัตรูตัวฉกาจของหลี่โม่กู้หยุนหลานเม้มปาก
ชูจงเทียนจ้องรถดัมพ์ที่อยู่ตรงหน้าอย่างละเอียด จากนั้นก็พูดเสียงเย็นชา “สั่งการไป บอกให้รถข้างหลังเร่งความเร็วไปขวางไว้ ถ้าขวางไม่ได้ก็ให้ชนไปเลย! ถ้าชนคันเดียวไม่จอดก็ชนสองคัน!”“ครับ”ลูกน้องประกาศออกไปทันทีชูจงเทียนมองไปข้างหน้า เห็นรถของกู้หยุนหลานจอดอยู่ข้างทาง ส่วนรถดัมพ์ที่ขับอยู่ข้างหน้าสุดได้หักทิศทางแล้ว เพื่อจะชนกับรถของกู้หยุนหลานที่อยู่เลนตรงข้ามชูจงเทียนสบถคำหยาบ จากนั้นก็ตะโกนอย่างโกรธ ๆ “เร่งความเร็วเข้าไป! ขวางรถดัมพ์คันนั้นให้ได้!”“ฮะ?”คนขับรถอึ้ง ไม่เข้าใจว่าชูจงเทียนจะให้ตัวเองเข้าไปชน หรือว่าให้รถคันข้างหลังเข้าไปชน“ฮะบ้าอะไร! รีบเร่งความเร็ว เหยียบคันเร่งให้มิด!”ลูกตาของชูจงเทียนเป็นสีแดง ตะโกนกับคนขับอย่างบ้าคลั่ง“ท่านเทียนใจเย็นนะครับ ร่างกายของคุณเป็นเงินเป็นทอง จะมาทำเรื่องเสี่ยงอันตรายแบบนี้ได้ยังไงกัน ให้รถคันข้างหลังเข้าไปขวางเถอะครับ”ลูกน้องพูดเตือนด้วยใบหน้าขมขื่น ถ้าชนรถดัมพ์ขึ้นมาจริง ๆ ด้านที่เขานั่งอยู่จะเป็นทิศทางที่ได้รับแรงกระแทกจากการชนรุนแรงที่สุด“ใจเย็นบ้าอะไร! ร่างกายฉันเป็นเงินเป็นทอง! แต่ถ้าเกิดเรื่องขึ้นกับคุณหลี่ อย่าว่า
หลี่โม่ยื่นมือไปเปิดประตูรถ ออกแรงผลักกู้หยุนหลานออกไปข้างนอกอันตรายมาถึงตัวขนาดนี้แล้ว หลี่โม่จึงตั้งสติได้มาก แม้ว่าจะยังดูอ่อนแรงอยู่เล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีที่ดูเจ็บป่วยแล้วกู้หยุนหลานรีบลงจากรถ หันกลับไปพยุงหลี่โม่ ช่วยหลี่โม่ลงจากรถภายในรถเบนซ์ คนขับกับลูกน้องมีเลือดออกที่หัวสลบไปแล้ว ชูจงเทียนรู้สึกว่าในหัวของเขามีเสียงวิ๊ง ๆ อยู่ รู้สึกว่าวิญญาณจะออกจากร่างไปแล้วเขาพยายามอดกลั้นความรู้สึกมึนหัวนี้ ชูจงเทียนหยิบมือถือที่ลูกน้องถือไว้แน่นออกมา เปิดการโทรด้วยเสียงแล้วตะโกน “ขวางรถดัมพ์ไว้ ต่อให้ตายก็ขวางเอาไว้!”“รับทราบครับท่านเทียน พวกเราจะขวางไว้ด้วยชีวิต”เห็นชูจงเทียนสู้ถึงขนาดนี้แล้วเหล่าลูกน้องก็ตาแดง แม้ว่าจะไม่รู้ว่าทำไมชูจงเทียนจะต้องเสียสละชีวิตขนาดนี้ แต่ในเมื่อเจ้านายทำตัวอย่างไว้แบบนั้น พวกลูกน้องก็ไม่มีอะไรต้องถาม แค่ทำตามเจ้านายไปเท่านั้นพวกลูกน้องที่เดิมทีสงสัยก็ไม่สงสัยแล้ว แต่ละคันต่างเหยียบคันเร่งพุ่งเข้าไปชนกับรถดัมพ์ภายในรถดัมพ์หลังจากถูกชน ความเจ็บปวดทำให้โจรหน้านิ่วคิ้วขมวด โจรที่มึนงงอยู่พยายามจะขยับเท้า อยากจะเหยียบคันเร่งต่อ แต่ความเจ็บป