ขบวนรถของท่านปาหยุดลงอย่างช้า ๆ เสียงเปิดและปิดประตูก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เหล่าผู้คุ้มกันลงจากรถราวกับกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ และมองไปยังแนวป้องที่พวกของเย่จงเทียนตั้งขึ้นด้วยสายตาระแวดระวัง "ระวังตัว!" หัวหน้าผู้คุ้มกันส่งเสียงคำราม พวกผู้คุมต่างใช้รถเป็นที่กำบังและเล็งปืนไปที่แนวป้องกันของพวกเย่จงเทียน ถึงขั้นยกเครื่องยิงบาซูก้าขึ้นมาจากรถคันด้านหลัง ทำให้เปลือกตาของฉินจี้เย่กระตุกยิก ฉินจี้เย่ยกมือขึ้นเหนือศีรษะ พยักหน้าและโค้งตัวมองไปที่รถเบนซ์กันกระสุนที่ห่างไปไม่ไกล รถเบนซ์กันกระสุนเสริมความยาว ความสูงและความหนา ใหญ่กว่ารถยนต์ทั่วไปขึ้นมาเท่าตัวและดูเหมือนกับสัตว์ร้ายตัวหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น “อย่าเพิ่งยิงครับ ไม่ต้องตึงเครียดไปครับ ผมขอคุยกับท่านปาสักหน่อยได้ไหม? ผมมาส่งข้อความแทนคุณหลี่ หลี่โม่ พวกเรามีอะไรพูดคุยกันดี ๆ เถอะครับ ถ้าต่อสู้กันขึ้น คนที่บาดเจ็บล้มตายไปก็มีแต่พี่น้องของตัวเองทั้งนั้นไม่ใช่เหรอครับ?” ฉินจี้เย่เข้าสู่การแสดงอย่างรวดเร็ว แม้ว่าขาทั้งสองข้างจะสั่นไม่หยุดแต่ปากของเขาก็กลับพูดได้อย่างคล่องแคล่ว การเผชิญหน้ากับท่านปา โดยเฉพาะอย่างยิ
“นายคงจะไม่กล้าหรอก ภายในประเทศนี้เป็นเขตอิทธิพลของแดนมังกร เดี๋ยวฉันจะคิดบัญชีเรื่องที่นายเป็นหนอนบ่อนไส้อีกที ไหนบอกมาสิว่าหลี่โม่ให้นายมาบอกอะไร” "หลี่โม่บอกว่าให้คุณพาผู้คุ้มกันเข้าไปพบเขาได้แค่สองคนเท่านั้น เกินมาแค่คนเดียวก็ไม่ได้ แน่นอนว่าข้างในมีหลี่โม่อยู่แค่คนเดียวครับ ไม่มีใครอีกแม้แต่คนเดียว ผมสาบานกับพระเจ้าได้เลย” หลังจากฉินจี้เย่พูดจบก็มองไปที่ท่านปาอย่างระมัดระวังและรอคำตอบจากท่านปา ท่านปาหลับตาพลางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกว่าไหน ๆ ก็มาแล้วถ้าไม่กล้าไปพบหลี่โม่ในเวลานี้ก็คงจะกลายเป็นตัวตลกที่น่าหัวเราะแน่ "จู๋รื่อกับฮั่นซานไปกับฉัน พวกนายที่เหลือคอยคุ้มกันอยู่ข้างนอก" หัวหน้าผู้คุ้มกันพูดอย่างเคร่งเครียด "ท่านปา ไม่ได้นะครับ ให้พวกเราบุกเข้าไปดีกว่าครับ" “บุกอะไรกัน เรื่องเล็ก ๆ แค่นี้มีอะไรน่ากลัวล่ะ” ท่านปาเปิดประตูรถออกมา จู๋รื่อกับฮั่นซานยืนคุ้มกันขนานอยู่ข้าง ๆ ท่านปา ทั้งสองร่างสูงใหญ่กำยำ ดวงตาส่องประกายวูบวาบราวกับเสือดุ "ผมจะนำทางให้เองครับ" ฉินจี้เย่เดินนำอยู่ข้างหน้าพร้อมกับโค้งตัวเล็กน้อย คอยนำทางอยู่ข้างหน้าท่านปาเหมือนกับคนรับใช้อย่างไ
หลี่โม่ส่ายหัว เขาไม่สนใจสิ่งที่ท่านปาพูดเลยแม้แต่น้อย สำหรับหลี่โม่แล้วความแตกแยกของแดนมังกรนั้นเป็นไปไม่ได้เลย “ผมจะให้โอกาสคุณมาภักดีต่อผม หวังว่าคุณจะคว้ามันไว้ได้” หลี่โม่กล่าวเอ่ยอย่างเรียบเฉย "กล้านัก! พูดอย่างนั้นกับท่านปาได้ยังไง!” จู๋รื่อเผยสายตาดุร้ายจ้องเขม็งไปที่หลี่โม่อย่างเอาเป็นเอาตาย หลังของเขาโค้งลงเล็กน้อยเหมือนกับเสือชีตาห์ที่เตรียมออกล่า "ฮ่าฮ่าฮ่า" ท่านปาแหงนหน้าหัวเราะลั่น “คำพูดที่โง่เขลาแบบนี้นายก็ยังเอ่ยออกมาได้ ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่านายไปเอาความมั่นใจมาจากไหน หรือจะบอกว่านายเป็นไอ้ขยะมาหลายปีจนสมองมีปัญหาไปแล้วจริง ๆ” “คนที่สมองมีปัญหาก็คือคุณ ถ้าหากคุณไม่มาภักดีตอบผม ต่อไปคุณจะต้องเสียใจกับการเลือกในวันนี้แน่” หลี่โม่กล่าวอย่างหนักแน่น ท่านปาเบ้ปากอย่างดูถูก พร้อมกับส่ายหัวแล้วพูดว่า "นายมันช่างไร้เดียงสาจริง ๆ ดูการ์ตูนมากเกินไปหรือเปล่า? คิดว่านายมีอำนาจบารมี แค่ไปข่มขู่ใครก็ทำให้คนอื่นยอมก้มหัวบูชาได้จริง ๆ งั้นเหรอ?" “จู๋รื่อ นายไปสั่งสอนเขาสักหน่อยซิ อัดจนกว่าเขาจะคุกเข่าร้องหาพ่อไปเลย” ท่านปามองไปที่หลี่โม่อย่างเย็นชา สีหน้าพลันเย็นเยื
ท่านปาเหล่มองหลี่โม่ ยิ่งคิดก็ยิ่งสับสน เขาคิดไม่ออกเลยว่าหลี่โม่มาถึงขั้นนี้ได้อย่างไร บางทีอาจเป็นเพราะมีพลังอันแกร่งกล้าเช่นนี้อยู่หลี่โม่ก็เลยกล้ายโสโอหังแบบนี้ใช่ไหม? ฮั่นซานก้าวไปข้างหน้าและยืนเบี่ยงไปด้านหน้าท่านปา เพื่อให้สามารถสกัดการโจมตีของหลี่โม่ได้ในทันทีโดยที่ไม่บดบังสายตาของท่านปาด้วย หลี่โม่กลับไม่รู้สึกโมโหอะไรแม้แต่น้อยและก้มหน้าลงมองไปที่จู๋รื่อด้วยรอยยิ้ม "แกอยากรู้ไหมว่าเพราะอะไร? จริง ๆ แล้วมันง่ายมาก ส่วนใหญ่เป็นเพราะพรสวรรค์ ฉันมีพรสวรรค์ที่ไม่มีใครเทียบได้ซึ่งพระเจ้ามอบให้ แค่อ่านหนังสือไปเรื่อยเปื่อยก็เก่งกาจได้ขนาดนี้แล้วน้่นแหละ” จู๋รื่อนึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมา แค่อ่านหนังสือไปเรื่อยเปื่อยก็เก่งกาจขนาดนี้ มันไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย จู๋รื่อหมั่นมานะฝึกฝนอย่างหนักมาเป็นสิบยี่สิบปีถึงสามารถเป็นได้อย่างตอนนี้ เขาไม่เชื่อสิ่งที่หลี่โม่พูดเลยสักนิด ต่อให้เป็นนักเรียนหัวกะหิที่ความจำดีแค่ไหนถ้าหากบรรลุได้ถึงขนาดนี้ ก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมากเหมือนกัน! "หลี่โม่ นายคิดว่าจะบังคับให้ฉันยอมจำนนได้ด้วยกำลังงั้นเหรอ? ฉันไม่ใช่พวกขี้ขลาดกลัวตายนะ!" ท่านปาเอ่ยอย่า
"เหลียงอวี้ เหลียงอวี้ รีบมาช่วยฉันเร็วเข้า!" ท่านปาบังคับตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งและตะโกนเสียงดังลั่น เงาร่างหนึ่งแวบผ่านไปอย่างรวดเร็วในเงามืดที่อยู่ไม่ไกล เหลียงอวี้ที่สวมชุดนินจาสีดำปรากฏตัวขึ้นข้างกายท่านปา “ท่านปาอย่าตกใจไป เหลียงอวี้อยู่ที่นี่แล้ว” เหลียงอวี้ดึงกริชที่เหน็บอยู่ที่เอวออกมา แล้วจ้องมองที่หลี่โม่ด้วยดวงตาเป็นประกาย "นินจาหญิงเหรอ? น่าสนใจนี่” มุมปากของหลี่โม่หยักโค้งเป็นรอยยิ้ม เขามองสำรวจเหลียงอวี้ด้วยแววตาขี้เล่น เหลียงอวี้ขมวดคิ้ว รู้สึกว่าแววตาของหลี่โม่กำลังดูหมิ่นตน "ท่านปา ได้โปรดออกไปก่อนเถอะค่ะ ปล่อยให้ที่นี่เป็นหน้าที่ของเหลียงอวี้เอง" เหลียงอวี้ไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะหลี่โม่ได้ แต่รู้สึกว่าตนสามารถถ่วงเวลาออกไปได้สักหน่อย “หลี่โม่ เวลาตายของนายมาถึงแล้ว เหลียงอวี้ ฆ่าเขาซะ ฉันจะออกไปรอฟังข่าวจากเธอ” ท่านปายืนขึ้นจากพื้นด้วยเสียงฮึดฮัด แล้ววิ่งหนีต่อไปอย่างตื่นตระหนก หลี่โม่ส่ายหน้า เขาอ้อมเหลียงอวี้แล้วไล่ตามท่านปาไป ร่างของเหลียงอวี้วาบหาย รีบตามย่างก้าวของหลี่โม่ไปเพื่อขวางทางเขาเอาไว้ "มีฉันอยู่ นายอย่าคิดว่าจะผ่านไปได้ง่าย ๆ เลย"
รอบ ๆ ไม่มีการเคลื่อนไหว ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในกระแสอากาศแม้แต่น้อย หลี่โม่จึงวางใจและเดินต่อไปข้างหน้า หนึ่งก้าว สองก้าว สามก้าว ไม่มีอันตรายใด ๆ เกิดขึ้นทั้งสิ้น ดูราวกับว่านินจาสาวเหลียงอวี้ได้หนีไปแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของท่านปาฉีกกว้างมากขึ้นเรื่อย ๆ คนที่เดินเข้ามาในเงาอย่างระมัดระวังเช่นนี้และพยายามหลีกเลี่ยงการโจมตีของเหลียงอวี้อย่างหลี่โม่ ท่านปาเคยเห็นมานักต่อนักแล้ว สองครั้งที่แล้วท่านปายังรู้สึกตื่นตระหนกเพราะพวกเขาเข้ามาใกล้ แต่หลังจากที่พวกมันกลายเป็นเหยื่อของเหลียงอวี้ ท่านปาจึงยิ้มออกมาได้อย่างไม่สะท้าน ใกล้ตายแล้ว หลี่โม่สมควรตายแล้ว ขอแค่ก้าวไปข้างหน้าอีกเพียงสองก้าวเขาก็จะสิ้นชีพ! ในใจของท่านปาเต็มไปด้วยความคาดหวัง อยากจะเห็นสภาพที่หลี่โม่ตาย หลี่โม่ดูเหมือนจะผ่อนความระมัดระวังลง ฝีเท้าก็พลันเร่งขึ้นอย่างกะทันหัน และพุ่งไปหาท่านปาอย่างรวดเร็ว จู่ ๆ ลำแสงเย็นเยือกก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังหลี่โม่ เหลียงอวี้ปรากฏตัวขึ้นข้างหลังหลี่โม่ มีดสั้นแหวกอากาศอย่างไร้ซุ่มเสียงและแทงเข้าที่หลังของหลี่โม่ "ฮ่าฮ่าฮ่า" ท่านปาอ้าปากหัวเราะร่า ท่าทางราวกับได้เห็นหลี่โม่ถูกแท
โอสถคร่าวิญญาณเป็นพิษในตำนาน หลังจากที่กินเข้าไปแล้ว จะต้องกินยาแก้พิษทุก ๆ ครึ่งเดือน หากไม่มียาแก้พิษ คนที่กินโอสถคร่าวิญญาณเข้าไปเลือดจะไหลออกจากทวารทั้งเจ็ดจนสิ้นชีพและก่อนตายจะต้องเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส ว่ากันว่าวิธีการกลั่นและสูตรยาแก้พิษของโอสถคร่าวิญญาณได้สูญหายไปหมดแล้ว เพียงแต่ในคลังสมบัติของแดนมังกรยังมีอยู่ในจำนวนน้อยนิดเท่านั้น ท่านปาไม่คาดคิดว่าเฉียนฝูจะสามารถช่วยหลี่โม่เอาสิ่งเหล่านี้ออกมาได้และยิ่งไม่คาดคิดว่าหลี่โม่จะให้ตนกินโอสถคร่าวิญญาณ เมื่อรู้สึกถึงความร้อนที่ไหลลงสู่ช่องท้องของเขา ท่านปาก็รู้สึกไม่สบายไปทั้งตัว นับจากนี้ไปชีวิตของเขาได้อยู่ภายใต้การควบคุมของหลี่โม่แล้ว ความรู้สึกนี้ทำให้จิตวิญญาณของท่านปาพังทลายลงอย่างสมบูรณ์ “นายจะทำอะไรกันแน่ มีอะไรจะพูดก็พูดกันดี ๆ ไม่ได้เลยรึไง! ทำไมต้องเอาของแบบนี้มาให้ฉันกินด้วย!” “คุณต่างหากที่ไม่ยอมพูดดี ๆ มีแต่ต้องเอาของแบบนี้ให้คุณกินเท่านั้นถึงจะคุยกันดี ๆ ได้ไม่ใช่เหรอ?” หลี่โม่ตบแก้มของท่านปาเบา ๆ ท่านปากัดฟันและจ้องไปที่หลี่โม่ราวกับจะกินเลือดกินเนื้ออยู่สองสามวินาที จากนั้นร่างของเขาค่อย ๆ ค่อมงอลงเห
“ท่านปา” เมื่อฉินจี้เย่เห็นท่านปาออกมาก็รีบโค้งคำนับทักทาย แต่หัวใจกลับเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ท่านปาเข้าไปพร้อมกับผู้คุ้มกันสองคนแต่กลับออกมาคนเดียว นอกจากนี้ที่ขาทั้งสองข้างยังได้รับบาดเจ็บ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างใน "นาย ช่วยไปบอกแทนฉันหน่อย บอกว่าเสี่ยวปาจะเชื่อฟังคำสั่งแน่นอนและขอให้คุณหลี่ปล่อยตัวลูกน้องของฉันได้แล้ว" ฉินจี้เย่ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ท่านปาผู้สูงส่งเรียกตัวเองว่าเสี่ยวปากับหลี่โม่เนี่ยนะ! ก่อนหน้านี้ตอนที่หลี่โม่เรียกท่านปาว่าเหล่าปา ฉินจี้เย่ยังคิดว่าหลี่โม่เป็นคนหยิ่งยโส แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น หลี่โม่มีสถานะที่จะทำอย่างนั้นได้จริง ๆ “มัวยืนเซ่ออะไร รีบไปซะสิ” ท่านปาเอ่ยอย่างรำคาญ จู๋รื่อและฮั่นซานจะเป็นตายยังไงไม่สำคัญ แต่เหลียงอวี้มีความสำคัญต่อท่านปามากนัก ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ต้องพาเหลียงอวี้ออกมาให้ได้ ฉินจี้เย่เดินเข้าไปในโรงงานด้วยสมองที่เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม เขาวิ่งเหยาะ ๆ ไปหาหลี่โม่ โค้งคำนับและพูดว่า "คุณหลี่ ท่านปาขอให้ผมช่วยมาส่งข้อความ เขาบอกว่าเสี่ยวปาจะเชื่อฟังคำสั่งแน่นอนและขอให้คุณหลี่ปล่อยลูกน้องของเขา